เล่ห์ลวงอาคิรา
สำหรับเขา รัก มีค่าก็แค่นั้นแค่ฝุ่นดินที่เหยียบย่ำผ่านไป แม้ว่าเธอจะให้เขามาทั้งหมดหัวใจก็ตาม
Tags: เล่ห์ตะวัน (เล่ห์ กล มนตรา),นายหัว,อาคิรา,โมรี,ร้อย:เรียง:เพียง:คำ
ตอน: บทนำ วันแห่งการจากลา
เล่ห์ลวงอาคิรา
นภัค:เขียน
บทนำ
วันแห่งการจากลา
“ค่ะ...นิ่มเข้าใจ นิ่มได้...ไม่ใช่สิ” เสียงหวานดังขึ้นแผ่วพลิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจยาวคล้ายโล่งอก ซึ่งดูจะกลืนหายไปกับสายลมเย็นชื้นๆที่พัดเข้าหาฝั่ง เจ้าของคำพูดเป็นหญิงสาวร่างแบบบาง เธอสวมเสื้อยืดสีดำแขนสามส่วนกับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ใบหน้าของเธอซีดเผือดแห้งแล้งไม่ต่างจากคำพูด ยามยืนก้มหน้าสายตามองจับแต่มือของตัวเองที่ถือกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้แน่น
ที่ตรงนั้นคือผืนทรายสีขาว หาดหน้าบ้านสไตล์วินเทจน่ารัก ที่มีทิวต้นมะพร้าวขึ้นยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
“นิ่มเป็นอิสระแล้วสิคะ แหม...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที”
ท้ายประโยคหล่อนพึมพำ
“ขอบคุณที่คุณอัคเข้าใจและเลิกโกรธเกลียดพวกเรา ขอบคุณจริงๆนะคะ”
ท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆฝนเพราะนี่เป็นหน้ามรสุม แม้ว่าทางตอนบนของประเทศจะเป็นหน้าหนาวก็ตาม หากทะเลฝั่งตะวันออกความหนาวเหมือนจะไม่ได้เหยียบย่างเข้ามา คงมีเพียงสองฤดูที่คนแถวนี้รู้จักตลอดมา คือหน้าร้อนกับหน้าฝนที่ขึ้นอยู่ว่าจะตกมากหรือตกน้อยเท่านั้นเอง
เรือยอร์ชขนาด 32 ฟุตสีขาวที่จอดนิ่งอยู่ในโรงเก็บเรือ ถูกนำออกมาเทียบที่ปลายสุดของท่าเรือซึ่งทำจากไม้ ที่ยื่นออกไปลึกลงในทะเล ตัวเรือโคลงเคลงเพราะคลื่นลม ที่มองเห็นลิบๆอยู่ไกลออกไป เป็นแผ่นดินใหญ่...และเป็นจุดหมายปลายทางของเธอ
จุดหมายปลายทางที่เธอจากมาเมื่อปลายหน้าร้อน และหลังจากผ่านไปหกเดือน เธอก็กำลังจะได้กลับไป
เบื้องหลังของเธอเป็นบ้านสีขาวสองชั้น ท่ามกลางหมู่ไม้ สวนสวยที่เธอได้ดูแล และผืนป่าที่เธอจำได้ดีถึงน้ำตกเล็กๆ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันสวยกว่าที่เคยได้เห็นมา
แต่นั่นแหละ...เธอแค่พลัดเข้ามาที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่การได้ครอบครอง ดวงหน้าหวานเงยขึ้น เพื่อดวงตาคู่สวยจะได้มองแผ่นหลังกำยำของผู้ชายที่กำลังหันหลังให้เธอ
แม้แต่เขา...เธอก็แค่ได้พบ ได้รักก็เท่านั้น ไม่มีวันที่จะได้เป็นเจ้าของ
“ผมจะให้ลุงก้อนไปส่ง ไปขึ้นฝั่งที่รีสอร์ทแล้วกัน ผมสั่งนายณุไว้แล้วว่าให้รอรับ แล้วขับรถไปส่งคุณที่บ้าน”
ถ้อยคำสุภาพ...ห่างเหิน เย็นชา
“ขอบคุณค่ะ แต่นิ่ม เอ่อ ฉันไม่อยากรบกวน”
นิ่ม คือชื่อที่เธอใช้แทนตัวมาเสมอ ส่วนมากก็กับคนสำคัญ ส่วนคนอื่นที่เป็นเพื่อน เธอมักจะแทนตัว และให้พวกเขาเหล่านั้นรู้จักเธอในชื่อ นิ ไม่ก็นิยา แต่น้อยคนนัก หรืออาจจะเรียกได้ว่ามีเพียงคนที่เป็นเสมือนครอบครัวที่จะเรียกเธอว่า คุณหนูนิ่ม หรือไม่ก็คุณโมรี
“ก็...รู้ตัวดี” เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่หันหลังให้เอ่ยขึ้น และราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจ เขาหันกลับมาสบตากับเธอ เรือนผมตัดสั้นเข้ากับรูปหน้ารูปไข่ หากตอนนี้ใบหน้าคมสันของเขาดูเฉยชา แต่พอประกอบด้วยคิ้วเข้มดกหนา ที่ยาวได้รูปสวยไปจนสุดดวงตาเรียวยาวที่มีประกายโกรธเกรี้ยวอยู่ในนั้น ก็ทำให้ใบหน้าคมสันดูดุขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“แต่ก็นั่นแหละ ผมเองก็แค่ไม่อยากถูกใครมาว่าลับหลังเอาได้ว่า...” เขานิ่งไป เสียงท้ายแผ่วเบา “ช่างเถอะ”
ริมฝีปากของเขาค่อนไปทางหนาแต่หยักได้รูปสวย ขยับยกมุมปากขึ้นราวกับยิ้ม ก็ใช่...แต่มันเป็นยิ้มหยันๆ
“ผมไม่อยากให้มันเป็นปัญหาทีหลังน่ะ”
เรือนร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย สวมเชิ้ตสีขาวหากดูยับยุ่ง เน็คไทผ้าไหมสีน้ำเงินรูดลงมาหลวมๆและกำลังปลิวสะบัดกับแรงลม ส่วนกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำพอดีตัวของเขาก็ลู่แนบกับลำตัวเช่นกัน ในขณะที่รองเท้าหนังมันปลาบราคาแพงมองเห็นเม็ดทรายเล็กๆที่เปียกน้ำเกาะอยู่
แค่นี้ก็รู้ เธอกับเขาต่างกันมากแค่ไหน
โมรีค่อยกะพริบตาถี่ๆ ด้วยกำลังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“ใช่ค่ะ...ใช่ อย่างที่ นายหัวพูด...”
เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนหลับตาลงระบายลมหายใจที่คั่งค้างอยู่ในอกออกมา
“ฉัน...” หัวใจที่ร้อนรุ่มก่อนหน้านั้นเริ่มเย็นลง “ขอสัญญาจากคุณสักข้อจะได้มั้ยคะ ฉัน...รู้ดีว่าไม่ควรขอ รู้ดีว่าไม่ควรเรียกร้องแต่...”
“ได้” เรือนร่างสูงใหญ่ของอาคิราหันหลังให้กับเธอเหมือนครั้งแรก คล้ายว่าเธอไม่มีค่าพอแม้แต่ที่เขาจะมอง
“ให้...ฉันตายไปจริงๆ ขอให้คุณลืมฉัน ลืมไปเลยยิ่งดีค่ะว่า...คนชื่อ โมรี...ตายไปแล้ว”
เงียบ...ชายหนุ่มยังคงไม่ตอบ แต่เธอก็ไม่คิดจะอยู่ฟังคำตอบใดๆ ร่างเล็กๆค่อยหมุนตัวกลับ สะพายกระเป๋าใบที่ติดตัวเธอมา ริมฝีปากสีซีดขยับเหมือนจะเอ่ยอะไรอีก หากเมื่อเผยอขึ้นแล้วก็ต้องหุบลง เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว
ถึงบอกไปก็เท่านั้น หนำซ้ำเธออาจจะดูแย่ลงไปกว่าเดิม จากที่เป็นอยู่แล้วก็ได้
เอาเถอะอย่างน้อยเธอก็จะได้กลับไปบ้านเสียที บ้านที่มีคนในครอบครัวของเธอรออยู่ และเธอควรจะนำรอยยิ้มไปฝากพวกเขา มากกว่าจะเป็นรอยน้ำตา และบอกข่าวดีว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นสุดท้าย ผู้ชายคนนี้ นายหัวอาคิรา จะไม่ถือโทษเอากับครอบครัวของเธออีกแล้ว
หญิงสาวเดินดุ่มจากมาขึ้นไปยังสะพานท่าเรือ ก่อนจะหยุดนิ่งคล้ายชั่งใจว่าควรบอกเขา...หรือไม่ควรดี และเหมือนตัดสินใจได้ เธอก้าวลงบันได เอ่ยขอบคุณชายวัยห้าสิบปลายๆ ซึ่งสวมเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม มีผ้าขาวม้าคาดพุง ทับชายเสื้อกับกางเกงผ้าสีดำขายาว ที่ยื่นมือมารอรับให้เธอขึ้นเรือได้โดยสวัสดิภาพ แบบที่ไม่ต้องตกน้ำเพราะเรือที่โคลงเคลงด้วยคลื่นลมไปเสียก่อน ดวงหน้าเหี่ยวย่นและคล้ำเพราะแดดลมยิ้มให้น้อยๆ ดวงตาเรียวรีทอประกายอ่อนโยน
โมรียิ้มรับรู้สึกดีขึ้นมาบ้างกับมิตรภาพเล็กน้อยนี้ เธอเข้าไปทรุดลงนั่งยังกราบเรือ ในขณะที่ลุงเกิดเข้าไปประจำที่คนขับ และทำหน้าที่ที่แกได้รับมอบหมายมา ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆอย่างที่ใจปรารถนา
เธอกำลังจะกลับบ้าน...กลับไปสู่ความจริง ก้าวออกจากความฝันที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“ลาก่อนค่ะ” ดวงหน้าหวานอมเศร้าตอนนี้แสนเศร้า นัยน์ตากลมโตคลอคลองด้วยหยดน้ำ เมื่อเรือลำน้อยพาเธอฝ่าคลื่นออกจากฝั่งมาแล้ว เสียงพูดพึมพำแผ่วเบา กลืนหายไปสายลม และคนที่รับรู้ได้ก็มีเพียงแค่เธอ
เขาหายไปแล้วจากตรงนั้น ตอนนี้อาคิราคงเดินกลับเข้า ‘เรือนหอ’ ของเขาไปด้วยความสบายใจ
“คุณอัค”
โมรียังนั่งมองจ้องกลับไปที่เกาะที่เริ่มจะห่างออกมาเรื่อยๆอยู่อย่างนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ปะปนกับน้ำฝน แม้ลุงก้อนจะเรียกเธอให้กลับเข้าไปนั่งหลบฝน ที่เริ่มพร่างพรมลงมาก็ตาม หากหญิงสาวยืนยันอยากนั่งอยู่ตรงนั้น
เริ่มแล้วสินะ ชีวิตที่ไม่มีเขา...ชีวิตเหงาๆเดียวดาย
มือเล็กบอบบางยกขึ้นกุมที่หน้าท้อง ในขณะที่เสียงลมเสียงคลื่นและสายฝนที่โปรยปรายบางเบา โมรีบอกแก่ตัวเองในใจ และหวังให้อีกหนึ่งชีวิตในท้องได้รับรู้ด้วย
‘ลาพ่อเขาสิลูก...ขอโทษที่แม่เห็นแก่ตัวนะ แต่ว่า...ที่นั่นไม่มีใครจะรักหนูอีกแล้ว เพราะแม้แต่แม่เองยังเป็นที่ชัง ขอโทษนะ ขอโทษ...ที่ต่อไป เราจะมีกันแค่สองคนเท่านั้น’
ลาก่อนหัวใจ...ที่แหลกสลาย เธอจะขอทิ้งมันไว้ที่นี่...ตลอดไป ต่อไปหัวใจ...คงไม่จำเป็นสำหรับเธอ
นภัค:เขียน
บทนำ
วันแห่งการจากลา
“ค่ะ...นิ่มเข้าใจ นิ่มได้...ไม่ใช่สิ” เสียงหวานดังขึ้นแผ่วพลิ้ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจยาวคล้ายโล่งอก ซึ่งดูจะกลืนหายไปกับสายลมเย็นชื้นๆที่พัดเข้าหาฝั่ง เจ้าของคำพูดเป็นหญิงสาวร่างแบบบาง เธอสวมเสื้อยืดสีดำแขนสามส่วนกับกางเกงยีนส์สีซีดๆ ใบหน้าของเธอซีดเผือดแห้งแล้งไม่ต่างจากคำพูด ยามยืนก้มหน้าสายตามองจับแต่มือของตัวเองที่ถือกระเป๋าเป้ใบใหญ่ไว้แน่น
ที่ตรงนั้นคือผืนทรายสีขาว หาดหน้าบ้านสไตล์วินเทจน่ารัก ที่มีทิวต้นมะพร้าวขึ้นยาวไปจนสุดลูกหูลูกตา
“นิ่มเป็นอิสระแล้วสิคะ แหม...ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที”
ท้ายประโยคหล่อนพึมพำ
“ขอบคุณที่คุณอัคเข้าใจและเลิกโกรธเกลียดพวกเรา ขอบคุณจริงๆนะคะ”
ท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆฝนเพราะนี่เป็นหน้ามรสุม แม้ว่าทางตอนบนของประเทศจะเป็นหน้าหนาวก็ตาม หากทะเลฝั่งตะวันออกความหนาวเหมือนจะไม่ได้เหยียบย่างเข้ามา คงมีเพียงสองฤดูที่คนแถวนี้รู้จักตลอดมา คือหน้าร้อนกับหน้าฝนที่ขึ้นอยู่ว่าจะตกมากหรือตกน้อยเท่านั้นเอง
เรือยอร์ชขนาด 32 ฟุตสีขาวที่จอดนิ่งอยู่ในโรงเก็บเรือ ถูกนำออกมาเทียบที่ปลายสุดของท่าเรือซึ่งทำจากไม้ ที่ยื่นออกไปลึกลงในทะเล ตัวเรือโคลงเคลงเพราะคลื่นลม ที่มองเห็นลิบๆอยู่ไกลออกไป เป็นแผ่นดินใหญ่...และเป็นจุดหมายปลายทางของเธอ
จุดหมายปลายทางที่เธอจากมาเมื่อปลายหน้าร้อน และหลังจากผ่านไปหกเดือน เธอก็กำลังจะได้กลับไป
เบื้องหลังของเธอเป็นบ้านสีขาวสองชั้น ท่ามกลางหมู่ไม้ สวนสวยที่เธอได้ดูแล และผืนป่าที่เธอจำได้ดีถึงน้ำตกเล็กๆ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันสวยกว่าที่เคยได้เห็นมา
แต่นั่นแหละ...เธอแค่พลัดเข้ามาที่นี่เท่านั้น ไม่ใช่การได้ครอบครอง ดวงหน้าหวานเงยขึ้น เพื่อดวงตาคู่สวยจะได้มองแผ่นหลังกำยำของผู้ชายที่กำลังหันหลังให้เธอ
แม้แต่เขา...เธอก็แค่ได้พบ ได้รักก็เท่านั้น ไม่มีวันที่จะได้เป็นเจ้าของ
“ผมจะให้ลุงก้อนไปส่ง ไปขึ้นฝั่งที่รีสอร์ทแล้วกัน ผมสั่งนายณุไว้แล้วว่าให้รอรับ แล้วขับรถไปส่งคุณที่บ้าน”
ถ้อยคำสุภาพ...ห่างเหิน เย็นชา
“ขอบคุณค่ะ แต่นิ่ม เอ่อ ฉันไม่อยากรบกวน”
นิ่ม คือชื่อที่เธอใช้แทนตัวมาเสมอ ส่วนมากก็กับคนสำคัญ ส่วนคนอื่นที่เป็นเพื่อน เธอมักจะแทนตัว และให้พวกเขาเหล่านั้นรู้จักเธอในชื่อ นิ ไม่ก็นิยา แต่น้อยคนนัก หรืออาจจะเรียกได้ว่ามีเพียงคนที่เป็นเสมือนครอบครัวที่จะเรียกเธอว่า คุณหนูนิ่ม หรือไม่ก็คุณโมรี
“ก็...รู้ตัวดี” เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่หันหลังให้เอ่ยขึ้น และราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจ เขาหันกลับมาสบตากับเธอ เรือนผมตัดสั้นเข้ากับรูปหน้ารูปไข่ หากตอนนี้ใบหน้าคมสันของเขาดูเฉยชา แต่พอประกอบด้วยคิ้วเข้มดกหนา ที่ยาวได้รูปสวยไปจนสุดดวงตาเรียวยาวที่มีประกายโกรธเกรี้ยวอยู่ในนั้น ก็ทำให้ใบหน้าคมสันดูดุขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“แต่ก็นั่นแหละ ผมเองก็แค่ไม่อยากถูกใครมาว่าลับหลังเอาได้ว่า...” เขานิ่งไป เสียงท้ายแผ่วเบา “ช่างเถอะ”
ริมฝีปากของเขาค่อนไปทางหนาแต่หยักได้รูปสวย ขยับยกมุมปากขึ้นราวกับยิ้ม ก็ใช่...แต่มันเป็นยิ้มหยันๆ
“ผมไม่อยากให้มันเป็นปัญหาทีหลังน่ะ”
เรือนร่างสูงใหญ่ผึ่งผาย สวมเชิ้ตสีขาวหากดูยับยุ่ง เน็คไทผ้าไหมสีน้ำเงินรูดลงมาหลวมๆและกำลังปลิวสะบัดกับแรงลม ส่วนกางเกงผ้าเนื้อดีสีดำพอดีตัวของเขาก็ลู่แนบกับลำตัวเช่นกัน ในขณะที่รองเท้าหนังมันปลาบราคาแพงมองเห็นเม็ดทรายเล็กๆที่เปียกน้ำเกาะอยู่
แค่นี้ก็รู้ เธอกับเขาต่างกันมากแค่ไหน
โมรีค่อยกะพริบตาถี่ๆ ด้วยกำลังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล
“ใช่ค่ะ...ใช่ อย่างที่ นายหัวพูด...”
เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนหลับตาลงระบายลมหายใจที่คั่งค้างอยู่ในอกออกมา
“ฉัน...” หัวใจที่ร้อนรุ่มก่อนหน้านั้นเริ่มเย็นลง “ขอสัญญาจากคุณสักข้อจะได้มั้ยคะ ฉัน...รู้ดีว่าไม่ควรขอ รู้ดีว่าไม่ควรเรียกร้องแต่...”
“ได้” เรือนร่างสูงใหญ่ของอาคิราหันหลังให้กับเธอเหมือนครั้งแรก คล้ายว่าเธอไม่มีค่าพอแม้แต่ที่เขาจะมอง
“ให้...ฉันตายไปจริงๆ ขอให้คุณลืมฉัน ลืมไปเลยยิ่งดีค่ะว่า...คนชื่อ โมรี...ตายไปแล้ว”
เงียบ...ชายหนุ่มยังคงไม่ตอบ แต่เธอก็ไม่คิดจะอยู่ฟังคำตอบใดๆ ร่างเล็กๆค่อยหมุนตัวกลับ สะพายกระเป๋าใบที่ติดตัวเธอมา ริมฝีปากสีซีดขยับเหมือนจะเอ่ยอะไรอีก หากเมื่อเผยอขึ้นแล้วก็ต้องหุบลง เพราะคิดว่าคงไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้ว
ถึงบอกไปก็เท่านั้น หนำซ้ำเธออาจจะดูแย่ลงไปกว่าเดิม จากที่เป็นอยู่แล้วก็ได้
เอาเถอะอย่างน้อยเธอก็จะได้กลับไปบ้านเสียที บ้านที่มีคนในครอบครัวของเธอรออยู่ และเธอควรจะนำรอยยิ้มไปฝากพวกเขา มากกว่าจะเป็นรอยน้ำตา และบอกข่าวดีว่าทุกอย่างจบลงแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นสุดท้าย ผู้ชายคนนี้ นายหัวอาคิรา จะไม่ถือโทษเอากับครอบครัวของเธออีกแล้ว
หญิงสาวเดินดุ่มจากมาขึ้นไปยังสะพานท่าเรือ ก่อนจะหยุดนิ่งคล้ายชั่งใจว่าควรบอกเขา...หรือไม่ควรดี และเหมือนตัดสินใจได้ เธอก้าวลงบันได เอ่ยขอบคุณชายวัยห้าสิบปลายๆ ซึ่งสวมเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินเข้ม มีผ้าขาวม้าคาดพุง ทับชายเสื้อกับกางเกงผ้าสีดำขายาว ที่ยื่นมือมารอรับให้เธอขึ้นเรือได้โดยสวัสดิภาพ แบบที่ไม่ต้องตกน้ำเพราะเรือที่โคลงเคลงด้วยคลื่นลมไปเสียก่อน ดวงหน้าเหี่ยวย่นและคล้ำเพราะแดดลมยิ้มให้น้อยๆ ดวงตาเรียวรีทอประกายอ่อนโยน
โมรียิ้มรับรู้สึกดีขึ้นมาบ้างกับมิตรภาพเล็กน้อยนี้ เธอเข้าไปทรุดลงนั่งยังกราบเรือ ในขณะที่ลุงเกิดเข้าไปประจำที่คนขับ และทำหน้าที่ที่แกได้รับมอบหมายมา ปล่อยให้เธออยู่เงียบๆอย่างที่ใจปรารถนา
เธอกำลังจะกลับบ้าน...กลับไปสู่ความจริง ก้าวออกจากความฝันที่เป็นอยู่ในขณะนี้
“ลาก่อนค่ะ” ดวงหน้าหวานอมเศร้าตอนนี้แสนเศร้า นัยน์ตากลมโตคลอคลองด้วยหยดน้ำ เมื่อเรือลำน้อยพาเธอฝ่าคลื่นออกจากฝั่งมาแล้ว เสียงพูดพึมพำแผ่วเบา กลืนหายไปสายลม และคนที่รับรู้ได้ก็มีเพียงแค่เธอ
เขาหายไปแล้วจากตรงนั้น ตอนนี้อาคิราคงเดินกลับเข้า ‘เรือนหอ’ ของเขาไปด้วยความสบายใจ
“คุณอัค”
โมรียังนั่งมองจ้องกลับไปที่เกาะที่เริ่มจะห่างออกมาเรื่อยๆอยู่อย่างนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ปะปนกับน้ำฝน แม้ลุงก้อนจะเรียกเธอให้กลับเข้าไปนั่งหลบฝน ที่เริ่มพร่างพรมลงมาก็ตาม หากหญิงสาวยืนยันอยากนั่งอยู่ตรงนั้น
เริ่มแล้วสินะ ชีวิตที่ไม่มีเขา...ชีวิตเหงาๆเดียวดาย
มือเล็กบอบบางยกขึ้นกุมที่หน้าท้อง ในขณะที่เสียงลมเสียงคลื่นและสายฝนที่โปรยปรายบางเบา โมรีบอกแก่ตัวเองในใจ และหวังให้อีกหนึ่งชีวิตในท้องได้รับรู้ด้วย
‘ลาพ่อเขาสิลูก...ขอโทษที่แม่เห็นแก่ตัวนะ แต่ว่า...ที่นั่นไม่มีใครจะรักหนูอีกแล้ว เพราะแม้แต่แม่เองยังเป็นที่ชัง ขอโทษนะ ขอโทษ...ที่ต่อไป เราจะมีกันแค่สองคนเท่านั้น’
ลาก่อนหัวใจ...ที่แหลกสลาย เธอจะขอทิ้งมันไว้ที่นี่...ตลอดไป ต่อไปหัวใจ...คงไม่จำเป็นสำหรับเธอ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2556, 20:36:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2557, 17:34:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 4296

คิมหันตุ์ 25 มิ.ย. 2556, 23:09:14 น.
มาแล้วววววว หายไปตั้งนานคิดถึงม๊ากกกกกกกกกค่ะ
ปล. เปิดเรื่องได้ดราม่ามาก...รู้สึกว่าพระเอกเรื่องนี้จะ โหดกว่าเรื่องก่อนๆนะจ๊ะ
มาแล้วววววว หายไปตั้งนานคิดถึงม๊ากกกกกกกกกค่ะ
ปล. เปิดเรื่องได้ดราม่ามาก...รู้สึกว่าพระเอกเรื่องนี้จะ โหดกว่าเรื่องก่อนๆนะจ๊ะ

ปลายสี 26 มิ.ย. 2556, 00:00:57 น.
น่าติดตามสุดๆ รอตอนต่อไปค่ะ
น่าติดตามสุดๆ รอตอนต่อไปค่ะ

พันธุ์แตงกวา 26 มิ.ย. 2556, 00:04:56 น.
T T เปิดตอนแรกของเรื่อง ก็จัดมาม่ามาเสริ์ฟซะแล้ว // เช็ดน้ำมูก ส่งเสียงสะอึกสะอื้น // จัดไปเอาให้สะเทือนตับสะเทือนซางไปเลย ชอบๆ อะฮึๆ
T T เปิดตอนแรกของเรื่อง ก็จัดมาม่ามาเสริ์ฟซะแล้ว // เช็ดน้ำมูก ส่งเสียงสะอึกสะอื้น // จัดไปเอาให้สะเทือนตับสะเทือนซางไปเลย ชอบๆ อะฮึๆ

Sukhumvit66 26 มิ.ย. 2556, 01:24:11 น.
อยากอ่านแล้วอ่ะ กระแทกใจจี๊ดๆเบย
อยากอ่านแล้วอ่ะ กระแทกใจจี๊ดๆเบย

nunoi 26 มิ.ย. 2556, 14:18:01 น.
แค่เปิดเรื่องก็เรียกน้ำตา ซะแล้ว
แค่เปิดเรื่องก็เรียกน้ำตา ซะแล้ว

imsoul 26 มิ.ย. 2556, 15:43:12 น.
บีบหัวใจชัดๆ
บีบหัวใจชัดๆ

ปอยอะนะ 26 มิ.ย. 2556, 19:03:48 น.
เศร้ามาเชียว
เศร้ามาเชียว

konhin 27 มิ.ย. 2556, 08:25:21 น.
โอ้ เศร้าแน่นอนนนน
โอ้ เศร้าแน่นอนนนน

Zephyr 30 มิ.ย. 2556, 21:45:49 น.
พระเอกคงทำไว้เยอะใช่มั้ยคะ ถึงมาแบบนี้อ่ะ
ท่าทางจะกินน้ำตาทั้งเรื่องป่าวเนี่ย
พระเอกคงทำไว้เยอะใช่มั้ยคะ ถึงมาแบบนี้อ่ะ
ท่าทางจะกินน้ำตาทั้งเรื่องป่าวเนี่ย

ผักหวาน 1 ส.ค. 2556, 11:46:30 น.
สงสารหนูยาจังค่ะ
สงสารหนูยาจังค่ะ

นปารมี 22 ต.ค. 2556, 11:51:18 น.
โอย ตามอ่านไม่ทันแล้วฮ่าๆๆ
โอย ตามอ่านไม่ทันแล้วฮ่าๆๆ

Zephyr 29 ต.ค. 2556, 19:00:23 น.
มารีไรท์ เราก็มารีรีดค่ะ อิอิ
มารีไรท์ เราก็มารีรีดค่ะ อิอิ