The resent มนต์แค้นอสูรร้าย

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: Ep.1The resent (รักบริสุทธิ์)

Ep.1The resent (รักบริสุทธิ์)

ณ ช่วงเวลาค่ำคืน ดวงดาราบนท้องฟ้าต่างส่องแสงเปล่งประกายยื้อแย้งแข่งขันกันเพื่ออวดความเจิดจรัสและงดงามไม่ต่างกับชีวิตมนุษย์ที่มีการยื้อแย้งแข่งขันกันตลอดเวลาเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็นหนึ่งเดียว ทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงไม่คงที่ทุกอย่างหมุนเวียนไปเรื่อยๆแม้กระทั่งธรรมชาติหรือแม้แต่ชีวิตมนุษย์เองก็ตาม



ดวงจันทร์สีทองนวลอร่ามตากลมโตอยู่ที่ริมขอบฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาล ถ้าหากมองดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ทว่าลองเอื้อมแล้วจะรู้ว่ามันไกลแสนไกล มันก็คงไม่ต่างอะไรกับความอยากได้อยากดีของมนุษย์ที่มักจะไขว่คว้าสิ่งที่ดีกว่าให้กับตัวเองเสมอแม้จะรู้ว่ามันยากและต้องแลกมาด้วยสิ่งใดก็ตาม



สายน้ำในลำธารในยามค่ำคืนมีแสงจากดวงจันทร์ส่องกระทบ เลื่อมพรายไปด้วยแสงระยิบระยับดังอัญมณีล้ำค่าที่หายากยิ่ง ธรรมชาติสรรสร้างมา ให้สายน้ำไหลไปโดยไม่มีวันไหลย้อนกลับ มนุษย์ก็เช่นเดียวกันดำเนินชีวิตอยู่บนความสวยงามแต่กลับไม่สามารถหาหนทางกลับมาแก้ไขอดีตได้เลยแม้อยากจะทำมากแค่ไหนก็ตาม



ดวงตาคมเข้มนัยน์ตาดุดันจ้องมองสรรพสิ่งของธรรมชาติที่หมุนวนอยู่แบบนี้ไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุดเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแปลงมันก็คงจะไม่เหลือความทรงจำในวันนี้อีกแล้ว เขาจดจ้องมองที่โขดหินที่ตั้งอยู่ท่ามกลางลำธารสายใหญ่อย่างพินิจพิจารณา น้ำที่ไหลผ่านโขดหินให้เลื่อมพราวระยับและเสียงสาดกระเซ็นเมื่อสายธารไปกระทบกับโขดหิน หากใช้หัวใจฟังดีๆก็คล้ายกับเสียงดนตรีที่ไม่มีเนื้อร้อง หรืออาจจะเรียกว่าเสียงขับกล่อมจากทูตสวรรค์ก็คงไม่ผิด



“เธอมองดูสายน้ำนั่นสิ เธอเห็นอะไรบ้าง”เด็กหนุ่มเอ่ยถามเด็กสาวที่กำลังนั่งพิงพักไหล่กว้างของเขาอยู่บนโขดหินใหญ่โดยที่สายตาของทั้งคู่ยังคงจับจ้องอยู่ที่ธรรมชาติที่มันเปลี่ยนแปลงไปทุกๆวินาที เพียงแต่เขาและเธอก็มิอาจตอบตัวเองได้ว่ามันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และตรงไหนที่แปลเปลี่ยนไม่เหมือนเดิม



เด็กสาวกวาดสายตาหวานซึ้งของตนเองมองไปรอบๆลำธารอย่างพิจารณา แล้วยิ้มออกมาด้วยความสุข ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว



“เห็นแสงจากดวงจันทร์ที่ส่งกระทบผิวน้ำ เห็นโขดหินที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยว และเห็นเงาของเธอกับฉัน”ไอริกาเหม่อมองออกไปที่เงาของดวงจันทร์ที่ตกสะท้อนทอดผ่านสายน้ำเผยสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าความงดงามทางธรรมชาติที่เธอไม่เคยพบเจอ และเห็นเงาของเธอและเขากำลังนั่งแอบอิงพิงพักกันอยู่เคียงใกล้



“ถ้าเปรียบเธอเป็นดวงจันทร์และฉันเป็นสายน้ำ สายน้ำอย่างฉันก็คงต้องขอบคุณดวงจันทร์ที่สาดแสงลงมาทำให้สายน้ำสายนี้ที่แสนจะธรรมดาสวยงามมากขึ้น” น้ำเสียงที่อ่อนโยนทำให้คนฟังอมยิ้มเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข



วินเชลล์จดจ้องอยู่ที่สายน้ำที่กำลังหยอกล้อคลอเคลียเคล้าแสงจันทร์เฉกเช่นภาพที่เคยปรากฏอยู่ในความฝัน แต่ในวันนี้ภาพแห่งจินตนาการมันได้สลายหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเหลือเอาไว้แต่เพียงความจริงที่สวยงาม



“แต่ถ้าเธอเป็นสายน้ำเธอก็จะไหลไปเรื่อยๆไม่หยุดนิ่ง แล้วฉันจะวิ่งตามเธอทันหรือในเมื่อเธอบอกว่าทุกสรรพสิ่งเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าเธอเปลี่ยนไปแล้วฉันจะทำอย่างไร”ไอริกาคัดค้านขึ้นในสิ่งที่เขาเปรียบเทียบ เธอกลัวเหลือเกินกลัวการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนไปตามวันเวลา แต่ถ้าหากโลกนี้หยุดนิ่งอยู่แต่ที่เดิมโลกนี้มันก็คงจะไม่สมดุลธรรมชาติก็คงจะขาดความงดงามอย่างที่มันควรจะเป็น ในข้อนี้ไอริการู้ดีแต่เธอก็ยังมิอาจยอมรับได้



“เธอก็รู้ไม่ใช่หรือไอรี่ว่าโลกนี้อยู่ไม่ได้หากทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่ง เพราะนั่นก็หมายถึงเวลาก็ต้องหยุดลงไปด้วย ไม่มีสิ่งใดในโลกอยู่ได้หากขาดเวลา”



“จริงสินะ โลกใบนี้จะอยู่ไม่ได้เลยหากขาดเวลา และมันก็คงจะเหลือเพียงความว่างเปล่าเดียวดาย”น้ำเสียงหม่นเศร้าฟังดูเหมือนคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงความสับสนชีวิตอย่างหนัก



เด็กสาวแหงนหน้ามองหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มสว่างบ่งบอกได้ถึงเช้าวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง ดวงจันทร์สีนวลทองที่เคยงามระยับจับตาในยามค่ำคืนกำลังจะเลือนหายไป แสงสีทองกำลังจะแทรกเข้ามาแทนที่เมฆสีดำที่ปกคลุมท้องฟ้า ณ ช่วงเวลาหนึ่งในยามค่ำคืนกำลังลับหายลาจากขอบฟ้าไป ดวงดาวที่กระจายอยู่ทั่วท้องนภากำลังหมดแสงลง



ดวงตะวันสาดแสงเข้ามากระทบผิวน้ำแทนที่จันทร์ดวงโตที่พึ่งลอยลับหายไปกับม่านหมอกสีดำ แต่ทว่าขอบฟ้าไกลยังมีแสงประกายระยับแม้จะมองเห็นไกลๆแต่มันก็คือดวงดาวที่ยังหลงเหลืออยู่บนท้องฟ้าในเวลาใกล้เช้าเช่นนี้ ดวงตาสองคู่ต่างจับจ้องอยู่ที่ดาวดวงนั้นที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงดวงดาว แม้จะดวงเล็กสวยงามสู้ดวงตะวันที่เจิดจ้ามิได้แต่กลับสะกดสายตาของหนุ่มสาวให้เหม่อมองได้อย่างไม่น่าเชื่อ



นี่สินะ...ที่เรียกว่าความเปลี่ยนแปลง กฎธรรมชาติคงจะกำหนดให้เป็นแบบนี้ เมื่อมีกลางคืนก็ย่อมมีกลางวัน หากคิดจะหยุดกลางคืนเอาไว้ตลอดก็คงจะหยุดมันได้แค่เพียงในความฝัน และมนุษย์ก็มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่มิอาจจะฝ่าฝืนได้อีกเช่นกันดังเฉกเช่นกฎของธรรมชาติที่ไม่อาจจะมีใครหรือบุคคลใดไปเปลี่ยนแปลงมันได้



นั่นก็คือ...กฎเกณฑ์ของวันเวลาที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจของมนุษย์ คงจะถูกต้องอย่างถ่องแท้ที่มีคนกล่าวไว้ว่ามนุษย์มีจิตใจที่ไม่คงทนถาวร หากแต่เลือกที่จะให้มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้



“ดูดาวดวงนั้นสิวินเชลล์ แม้จะส่องแสงได้เพียงน้อยนิด แต่กลับเป็นดาวดวงสุดท้ายที่จะลับหายจากขอบฟ้า”เด็กสาวว่าพรางชี้นิ้วเรียวไปที่ดวงดาว ก่อนจะค่อยๆหันกลับมองวินเชลล์ สองสายตาประสานกันนิ่งนาน



“ดาวประกายพรึก”น้ำเสียงแผ่วเบาของเขาเอื้อนเอ่ยออกมาในขณะที่สายตายังคงหยุดนิ่งอยู่ที่ดวงดาวที่ยังเหลืออยู่เพียงดวงเดียว ณ ขอบฟ้าในเวลานี้



“เธอรู้จักด้วยเหรอ?”เธอถามอย่างฉงนใจ



เด็กหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แล้วตอบกลับไปในขณะที่แววตานัยน์ตาดุดันนั้นยังจ้องอยู่ที่ปลายขอบฟ้า



“รู้จักสิ ดาวประกายพรึกหรือดาวรุ่งมันจะปรากฏให้เราเห็นในเวลาเช้ามืด และจะหายไปเองเมื่อท้องฟ้าสว่างสดใส”



“ดาวประกายพรึกเหรอ ชื่อเพราะจัง ฉันอยากคว้าดาวดวงนั้นมาไว้ใกล้ๆหัวใจ มันเข้มแข็งที่อยู่เป็นดวงสุดท้าย ฉันอยากจะเข้มแข็งแบบนั้นบ้าง”รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังสิ้นหวังในโชคชะตา จุดประกายแสงสว่างและความเข้มแข็งให้กับเธออีกครั้ง



“ดาวประกายพรึกมันก็คือดาวศุกร์นั่นแหละ แล้วเธอรู้ไหมว่าดาวศุกร์คือตัวแทนของอะไร”ไอริกาส่ายหน้าไปมาบ่งบอกว่าเธอไม่รู้ความหมายของดาวดวงที่ทำให้เธอมีกำลังใจ



“ตัวแทนความรัก”คำตอบสั้นๆแต่กลับทำให้อีกฝ่ายต้องหันกลับมามองหน้าเขาอย่างสงสัยว่าสิ่งที่เขากำลังจะสื่อถึงมันคืออะไรกันแน่



สองมือบางยกขึ้นประสานกันเอาไว้กลางหน้าอกตนเอง ใบหน้านวลยิ้มเปล่งประกายความสุข ริมฝีปากก็ขมุบขมิบพูดเพียงแผ่วเบาจนเขามิอาจจับใจความได้จนอดที่จะเอ่ยถามไม่ได้



“ทำอะไรหรือ”ใบหน้าคมเข้มจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่กระพริบตา



“ฉันก็กำลังอธิษฐานนะสิ ก็เธอบอกเองว่ามันเป็นตัวแทนของความรัก”



“บอกฉันหน่อยได้ไหม เธออธิษฐานว่าอะไร”เด็กสาวย่นจมูกแล้วทำหน้าทะเล้นใส่เขา



“ไม่ได้หรอก ความลับ...”



ว่าแล้วเด็กสาวก็ลุกขึ้นพรางสอดส่ายตามองท้องฟ้าที่สว่างสดใส ในตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นวันใหม่ วันที่จะมีแต่ความทรงจำของเมื่อวาน ไม่มีสิ่งใดแน่นอนบนถนนแห่งสายกฎเกณฑ์โชคชะตา ใครก็คงจะมิอาจจะฝ่าฝืนหรือขัดมันได้นอกจากปล่อยตัวและใจไปกับมัน มันจะหล่อหลอมให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งโดยไม่รู้ตัวดังเช่นเธอที่กำลังจะต้องเผชิญกับโลกในวันใหม่ที่ไม่รู้ว่ามันจะดำเนินต่อไปในทิศทางใดจะดีหรือเลวร้ายกว่าเมื่อวานก็ยังไม่อาจรู้ได้



“กลับบ้านกันเถอะวิล ไอรี่พร้อมแล้วที่จะเผชิญกับความจริงที่แสนโหดร้ายของโลกใบนี้”เด็กสาวยืดมือบางออกไปข้างหน้าเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้คนที่ยังนั่งอยู่บนโขดหินใหญ่ลุกขึ้นโดยมีเธอเป็นผู้ช่วยพยุงเขาขึ้นมา วินเชลล์รู้เชิงก่อนจะส่งมือหนาของตนเองจับมือบางแล้วพยุงดีดตัวลุกขึ้นมายืนเคียงคู่กับเด็กสาว



“ถ้าเธอพร้อมฉันก็พร้อม”สองสายตาสอดประสานกันอย่างให้กำลังแก่กันแม้จะเป็นเพียงกำลังใจเล็กๆแต่มันก็ช่างยิ่งใหญ่เหลือเกินในความคิดของคนทั้งคู่



สองหนุ่มสาวเดินจูงมือเกี่ยวก้อยกันมาบนเส้นทางที่ลายล้อมไปด้วยต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านใบให้ทั้งความร่มรื่นและความร่มเย็นแก่ธรรมชาติ มีเพียงแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาตามช่องว่างของต้นไม้ที่เติบโตอยู่ติดๆกันไปตลอดทาง ดอกไม้ใบหญ้าสีเขียวขจีมีหยดน้ำค้างหยดเล็กๆปกคลุมอยู่บนยอด ดอกไม้นานาสายพันธ์นานาชนิดต่างชูช่อปลิวไสวขยับส่ายไปมาเคล้าคลอเคลียตามแรงลมที่พัดมาเอื่อยๆ โดยเฉพาะดอกหญ้าสีขาวบริสุทธิ์ที่ถูกสายลมพัดพาลอยละล่องมากระทบกับผิวกายบอบบางของเด็กสาว แต่เธอกลับไขว่คว้าได้แค่เพียงเศษเสี้ยวของดอกหญ้าแล้วกำเอาเศษดอกหญ้าเอาไว้ในมือราวกับกลัวว่ามันจะสูญหายไป



“ฉันอยากถ่ายรูป เธอถ่ายให้ฉันหน่อยสิ”มือบางหยิบกล้องถ่ายรูปออกมาจากกระเป๋านักเรียนของตนเองส่งให้เขาโดยเร็ว วินเชลล์รับกล้องนั้นมาจากมือบาง ก่อนจะบรรจงถ่ายรูปให้กับเจ้าหญิงแสนสวยที่เขาใฝ่ฝันให้เธออยู่ในดวงใจ



“ให้ฉันถ่ายรูปเธอบ้างสิวิล”



“ความทรงจำบนความจริงย่อมสวยงามกว่าความทรงจำบนภาพถ่ายเสมอ”เขากล่าวแล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้าโดยไม่หันมามองไอริกา เธอจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม



ถ้าหากฉันหันหลังกลับไปฉันก็จะจมอยู่กับความทรงจำที่ดีจนเกินฝันเพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำอยู่มันคือความจริง



นั่นก็คือ...การก้าวเดินไปโดยไม่มีเธอเดินร่วมทาง แม้ฉันจะต้องก้าวเดินไปข้างหน้าเพียงลำพังบนเส้นทางเดียวดายก็ตาม



“แล้วถ้าฉันอยากจะเก็บความทรงจำนี้ไว้บนภาพถ่ายล่ะ เธอจะทำให้ฉันได้ไหม”เขาก็ยังคงก้าวเดินต่อไปข้างหน้าแต่เพราะเสียงอ้อนวอนจากเธอทำให้เขาต้องหยุดชะงักกึก แล้วพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ



ถ้าชอบนิยายรักดราม่าล่ะก็อย่าลืมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนร้า

แล้วคุณจะรู้ความรักมันมีอานุภาพมากกว่าสิ่งใดในโลก ซาบซึ้งไปกับความรักของ

พวกเขาสองคนค่ะ ขอบคุณคร้า




อัญรินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2556, 10:10:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2556, 10:10:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1013





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account