ไฟซ่อนเชื้อ
ไฟซ่อนเชื้อ เป็นนิยายสองในหกเรื่องที่ ‘กันเกรา’ เขียนให้นางเอกเก่ง ฉลาด หลักแหลม รอบรู้ ทันคน และไม่ยอมให้เป็นฝ่ายถูกระทำ แถมตรงกันข้ามคือตามกระทำ ตามเอาคืนคนอื่นได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเกือบตลอดเรื่อง

ผิดกับนิยายภายใต้นามปากกา ‘กันเกรา’ ที่พอท่านผู้อ่านเห็นชื่อบนหน้าปก สันปกแล้ว ก็จะจินตนาการว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็คงจะออกแนวโรแมนติค ดราม่า ที่นางเอกจะต้องถูกกระทำถูกรังแกจากพระเอกและคนรอบข้างอย่างแน่นอน ถ้ายังไม่ได้อ่านมาถึงหน้าคำนำของเรื่อง ซึ่งนั่นเป็นการเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว

และแน่นอนที่สุดว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ก็ยังถูกขีดเขียนขึ้นโดยยึดถือและคำนึงถึงเรื่อง ความเหมาะสม ความสมเหตุสมผล ความเป็นไปได้ และความจริงที่น่าจะเป็นในชีวิตประจำวันของคนในสังคมเมืองไทยในปัจจุบันเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นเหมือนนิยายเรื่องอื่นๆ ของ ‘กันเกรา’ อย่างครบถ้วน

แต่เนื่องจาก ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ ต้นฉบับเดิมมีความยาวมาก ซึ่งจะมีผลกระทบทางด้านการตลาด และเพื่อให้เนื้อเรื่องกระชับฉับไวมากกว่าเดิม จึงต้องถูกตัดทิ้งหลายสิบหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ‘กันเกรา’ ต้องเหนื่อยแถมต้องแย่งเวลาของการเขียนนิยายเรื่อง ‘อาญาซาตาน’ (ชื่ออาจจะเปลี่ยนแปลงได้ภายหลัง) ซึ่งจะเป็นเรื่องลำดับต่อไปที่จะตีพิมพ์สู่สายตาท่านผู้อ่านไปหลายวันทีเดียว

ขอขอบคุณทุกๆ ความกรุณา จากทุกๆ คนที่ทำให้มีนิยายเรื่อง ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิทหลายคนที่ช่วยในเรื่องหาข้อมูล เรื่องพล็อต เรื่องวิเคราะห์เนื้อเรื่อง ขอบคุณ สนพ. อินเลิฟ ที่กรุณาหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาตีพิมพ์ และที่ขาดเสียไม่ได้ก็คือ ขอบคุณท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่กรุณายืนหยัดเป็นกำลังใจให้ ‘กันเกรา’ มาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ‘ไฟซ่อนเชื้อ’ จะสร้างความสุขในทุกๆ บรรทัดที่ท่านติดตามอ่านค่ะ

Tags: นางเอกเก่ง ฉลาด ทันคน ไม่ยอมถูกกระทำ

ตอน: เมื่อน้ำเมาเข้าปาก

ดอกกุหลาบสีส้มสิบห้าดอกที่ถูกจัดช่อไว้อย่างสวยงามถูกยกขึ้นมาสูดดมก่อนเจ้าของใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาจะเดินออกจากร้าน เขาไม่รู้หรอกว่าคนรับจะเข้าใจความหมายในภาษาดอกไม้ที่เขากำลังจะส่งให้หรือไม่ แต่ก็ช่างเขาไม่คิดจะแคร์ เพราะเพียงแค่อยากสื่อออกไปตามที่ใจคิดก็เท่านั้น แต่เมื่อเข้าไปในห้องแล้วเห็นแฟนหนุ่มของคนป่วยนั่งอยู่ไม่ห่าง แม้จะมีวีนาอยู่ด้วยก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ควรจะเข้ามาในนี้เลย

“คุณเป็นยังไงบ้าง แต่เห็นหมอบอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วใช่มั้ย”

เพราะก่อนมาเขาโทรมาถามอาการก่อนแล้วก็เลยสบายใจขึ้นมาก แต่กับเจ้าของดวงหน้าสวยเก๋ที่กำลังยื่นมือมารับช่อดอกไม้จากเขาอยู่นั้นไม่ใคร่จะสบายใจนัก เพราะมันยังมีความคลุมเคลือในตัวเขาอยู่มากมาย ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการของสาลินีด้วยหรือไม่ ก็ร้อยวันพันปีที่ออกไปข้างนอกด้วยกัน เขาไม่เคยใจดีเปิดโอกาสให้ได้ช้อปปิ้งเลยสักครั้ง

ยิ่งยอมควักกระเป๋าจ่ายให้หลายหมื่นด้วยแล้ว ยิ่งไม่เคยได้สัมผัส อย่างมากก็เลี้ยงข้าวเที่ยงแค่ไม่กี่ร้อยบาท อีกทั้งเขาใช้ความพยายามที่จะให้เธอไปดูงานที่อยุทธยามากเกินความจำเป็น ไหนจะตอนขู่เข็นให้ต้องรีบลุกขึ้นไปทำงาน เมื่อรู้ว่าเธอแกล้งเป็นลมด้วยแล้ว ยิ่งสนับสนุนความคิดที่ว่าเขาน่าจะมีเอี่ยวบ้างไม่มากก็น้อย แต่มีหรือที่เธอจะให้เขารู้ว่ามีความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอยู่ในใจ จึงยิ้มบางๆ ให้ก่อนเอ่ย

“ขอบคุณ ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปทำงานได้ตามปกติ”

“จะไหวเหรออ๋อ พี่ว่านอนต่ออีกสักวันสองวันดีกว่า เรื่องงานค่อยว่ากันทีหลัง”

พีระรีบแย้งเพราะห่วงน้อง แต่ปวีย์มองเห็นว่าชายหนุ่มกำลังห่วงแฟนสาว เขาจึงตัดสินใจเอ่ยปากสนับสนุนด้วยสีหน้าปกติและเป็นการเป็นงานประหนึ่งกำลังเป็นผู้ใหญ่ของบริษัทมาเยี่ยมผู้ใต้บังคับบัญชาก็ไม่ปาน

“ผมว่าคุณควรจะพักก่อนดีกว่า ว่าแต่เรื่องนี้คุณจะบอกคุณปู่หรือเปล่า แต่ถ้าจะให้ผมแนะนำล่ะก็อย่าเลยนะ จะทำให้ท่านไม่สบายใจเปล่าๆ อีกอย่างผมคิดว่าคุณน่าจะย้ายขึ้นไปอยู่ตึกกับทุกคนด้วย อย่าไปอยู่บ้านคุณทวดเลย ทางเดินไปก็ไกลแถมมีต้นไม้ขึ้นบังสายตาผู้คนอีก ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อวานไม่เกิดเรื่องร้ายแรงมากกว่านี้”

เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขาบอกตัวเองได้โดยไม่ต้องคิดนานว่าคงจะเสียใจกับเธอไม่น้อยทีเดียว และถ้าหากเขาเป็นแฟนหนุ่มของเธอแถมมีปืนอยู่ในมือด้วยแล้ว เขาบอกกับตัวเองได้ว่าจะตามไปลากคอไอ้โจรนั่นมาจัดการให้จงได้ โทษฐานที่บังอาจมาแตะต้องแฟนเขา แต่คิดอีกทีวินาทีนั้น ท่านสารวัตรอาจจะห่วงใยในตัวเธอมากกว่าการวิ่งตามมันไปก็ได้

แต่สำหรับหทัยชนกกลับไม่ได้มองเห็นความห่วงใยของเขา ที่สื่อผ่านดอกไม้และประโยคดังกล่าวเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับมีความสงสัยในตัวเขาเพิ่มมากขึ้น จนต้องเก็บไปนอนคิดหลายต่อหลายตลบ แม้กระทั่งวันรุ่งขึ้นที่ตัวเองนั่งอยู่ในออฟฟิศแล้ว ความคิดนี้ก็ยังไม่ลดน้อยถอยลงไปจากใจสักนิด และมันก็มาพร้อมกับความผิดหวังในตัวเขาอยู่มาก ถ้าหากเขาเป็นอีกหนึ่งคนที่คอยช่วยสาลินีอยู่

“พี่อี๋ว่านายปวีย์จะมีรู้เห็นเรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า”

จึงเอ่ยถามพี่สาวหลังจากที่คุยเรื่องงานเสร็จแล้ว วีนารู้ดีว่าน้องกำลังระแวงปวีย์ เพราะไม่ได้เห็นแววตาที่บ่งบอกว่าห่วงใยน้องตัวเองแค่ไหนในคืนนั้น ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวเองหรือไม่ แต่สำหรับวีนาแล้วอ่านออกได้อย่างดี

“ไม่มั้ง! คุณวีออกจะเป็นคนตรงไปตรงมา และฐานะร่ำรวยไม่แพ้คุณปู่ คงไม่คิดอยากได้อะไรอีกหรอก อีกอย่างถ้าแกมีส่วนเกี่ยวข้องจริงทำไมจะต้องตามพี่ไปแล้วช่วยอ๋อด้วยล่ะ ว่าแต่อ๋อสงสัยแกเหรอ”

ความใจดีปล่อยให้เธอช้อปปิ้งที่อยุธยาถูกถ่ายทอดให้พี่ฟังอย่างไม่ปิดบัง ยกเว้นเรื่องที่น้องเสียรู้ถูกรังแกจากเขาเท่านั้นที่ถูกเก็บงำไว้อย่างมิดชิด และหญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะบอกถึงการประวิงเวลาให้เธอกับเขากลับเข้าบ้านช้าลงของสาลินีด้วยการโทรไปสั่งซื้อของฝากมากกว่าปกติด้วย

ไหนจะตอนที่กำลังจะเอาของไปใส่ในรถเขาก็รีบบอกให้ขึ้นตึกก่อน เพราะถ้าไม่อย่างนั้น เธอก็อาจจะนึกขึ้นได้ว่ากุญแจรถอยู่ในบ้าน คงจะได้วิ่งไปเอาตั้งแต่ตอนนี้ เสร็จจากรายงานแล้วก็จะได้ขับรถกลับบ้านเลย

“อืม! ไม่รู้เหมือนกันแฮะเรื่องนี้”

วีนาต้องยอมแพ้ในข้อสงสังของน้อง เพราะตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในเหตการณ์ด้วย แต่ถ้าถามว่าเชื่อหรือไม่ก็ต้องตอบว่าก้ำกึ่ง แต่สำหรับหทัยชนกแล้วนั้นเชื่อเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ และถ้าลองได้เชื่อขนาดนี้ การจะอยู่นิ่งเฉยปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำคนเดียวนั้น เห็นทีจะไม่ใช่สาวมั่นอย่างเธอแน่ ร่างระหงเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ขณะขบคิดอะไรบางอย่างอยู่เงียบๆ ไม่นานก็ดีดตัวขึ้นด้วยสีหน้าของคนมีเลศนัยแฝงไว้ในแววตา

“พี่อี๋ยังไม่แน่ใจเลย แล้วจะให้อ๋อมองว่าเขาไม่มีเอี่ยวได้ยังไง แต่ช่างเถอะมันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อนายนี่ริจะมาเป็นศัตรูกับอ๋อด้วยคน อ๋อก็จะจัดการเอาคืนนแบบหนักๆ ให้พูดไม่ออกเลยทีเดียว เล่นกับใครไม่เล่น ริจะมาเล่นกับเจ้าแม่ดราม่าอย่างอ๋อ งั้นพี่อี๋ช่วยอะไรอ๋อหน่อยได้มั้ย!”

คุณสมควรไม่ได้สงสัยอะไรนัก เมื่อหลานสาวบอกว่าจะต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านสักพักเพื่อดูแลแม่เพราะถูกโรคร้ายรุมเร้า แถมยังออกปากบอกให้หลานเข้ามารายงานแค่อาทิตย์ละสามวันคือจันทร์ พุธ และเสาร์เท่านั้น แต่เสาร์ที่จะถึงนี้หทัยชนกออกตัวว่าไม่สะดวกมา คุณสมควรก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังความโล่งใจไม่น้อยสำหรับคนเป็นหลาน

ปวีย์เข้ามาทำงานในเช้าวันศุกร์ตามปกติ ด้วยการพาหทัยชนกไปตรวจตราและประชุมเรื่องพัฒนาระบบกับผู้บริหารโรงงานในชลบุรี ตอนแรกเขาอยากจะบอกให้หทัยชนกขับรถมาเอง เพราะจะต้องเลยเข้าพัทยาเพื่อรอรับรองลูกค้า โดยมีแม่กับปวัตรล่วงหน้าไปก่อน แน่นอนว่าสาลินีกับสาริยาก็ถูกอรปรียาชักชวนให้ไปพักผ่อนด้วย

ส่วนปฐพีกับปไวย์จะต้องรอรับลูกค้าที่สนามบินตอนหนึ่งทุ่มก่อนแล้วถึงจะตามไป แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่บอกอะไรออกไป แต่เลือกที่จะขับรถกลับมาส่งเธอที่บ้านแล้วรายงานคุณสมควรก่อน ถึงจะตีรถกลับไปอีกรอบ

“คุณช่วยทิ้งฉันไว้ตรงป้ายรถเมล์แถวสุขุมวิททีนะ”

หทัยชนกรีบหันไปบอกพร้อมกับส่งยิ้มหวานๆ ให้ หลังจากที่เข้าไปนั่งในรถได้ไม่นาน เขาหันไปหาด้วยความสงสัย แต่ยังไม่ทันจะได้ถามเธอก็อธิบายยาวยืดมาให้ฟังแล้ว

“พอดีฉันชวนแม่กับคนทั้งบ้านมาพักผ่อนที่พัทยาน่ะค่ะ เป็นการไถ่โทษที่ทำให้งานวันเกิดแม่ล่มไม่เป็นท่า เมื่อเช้าว่าจะขับรถมาเองแล้วล่ะ แต่ไม่มีใครยอมเพราะกลัวฉันจะเป็นอะไรกลางทาง ทั้งๆ ที่ตอนนี้ฉันก็หายดีแล้ว ฉันก็เลยบอกว่าเสร็จงานแล้วจะตามไปทีหลัง และให้รถที่บริษัทไปส่ง แต่ก็ไม่อยากรบกวนใคร”

“แต่คุณเลือกที่จะนั่งรถโดยสารจากชลบุรีไปเองนี่นะ ผมยอมให้ทำแบบนั้นก็คงจะเป็นผู้ชายที่แล้งน้ำใจเต็มทีล่ะ เอางี้ผมขับไปส่งคุณเองก็แล้วกัน เพราะผมจะไปพัทยาพอดี แต่ตั้งใจจะไปหลังจากขับไปส่งคนที่กรุงเทพฯก่อนน่ะ ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องวกไปวกมา”

ปวีย์เลือกที่จะไม่เอ่ยถึงการรับรองลูกค้าสำคัญให้หญิงสาวฟัง เพราะทริปนี้มีสาริยากับสาลินีร่วมไปด้วย เขาเชื่อแน่ว่าทันทีที่ได้รู้ เจ้าหล่อนอาจจะหมดสนุกไปเลยก็ได้ จึงปิดปากเงียบไว้ก่อนดีกว่า หทัยชนกก็ไม่ได้ชวนคุยอะไร นอกจากบอกทางไปโรงแรมเมื่อรถแล่นถึงเขตเมืองพัทยาแล้วเท่านั้น ปวีย์งงนิดๆ ที่ดันเป็นโรงแรมเดียวกับที่เขาจองไว้ แต่ก็ยึดหลักเดิมคือไม่อยากบอกคนข้างๆ ไม่งั้นเจ้าหล่อนคงจะต้องย้ายไปพักที่อื่นแน่

“ขอบคุณค่ะ งั้นเจอกันศุกร์หน้านะ”

ร่างสูงเพรียวในชุดกางเกงยีนส์เข้มกับเสื้อลูกไม้แขนยาวสีขาวก้าวออกจากรถแล้วโน้มตัวลงมายิ้มให้เจ้าของรถก่อนจะวิ่งเข้าไปในล็อบบี้โดยไม่ได้หันกลับมามองคนข้างหลังเลย เมื่อได้กุญแจที่วีนาฝากไว้ให้แล้ว หทัยชนกก็รีบตรงไปหาลิฟท์ขึ้นห้องทันที สิ่งแรกที่ทำคือโทรไปหาวีนา

เมื่อคุยกันสองสามคำก็รีบเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ด้วยชุดสายเดี่ยวสีขาวเนื้อผ้าบางเบา ผ้าผืนใหญ่สีฟ้าครามถูกนำมามัดกับเอวหลวมๆ เป็นกระโปรงที่แหวกข้างเวลาเดินแล้วเป็นช่วงขาขาวยาวเรียวเผยความเซ็กซี่ต่อสายตาหลายคู่ของคนที่นั่งดิ้งอยู่ในผับหรูของโรงแรม

“ออนเดอะร็อกหนึ่งค่ะ”

ปวีย์ที่นั่งอยู่เคาน์เตอร์โดยมีหนุ่มสาวอีกคู่นั่งขั้นเจ้าของออร์เดอร์ที่เขาเห็นว่าเซ็กซี่กว่าทุกวันนับตั้งแต่รู้จักเจ้าหล่อนมา ดูเหมือนเธอจะไม่ชำเลืองตามาทางเขาเลย นอกจากยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวแล้วสั่งแบบเดิมกับบาร์เทนเดอร์อีก หลายนาทีกว่าที่จะมีเก้าอี้ว่างข้างๆ เธอเขาถึงเดินเข้าไปนั่งอย่างไม่มีปี่มีขลุย

“ผมคิดว่าตอนนี้คุณกำลังสนุกกับเบิร์ดเดย์ปาร์ตี้อยู่กับครอบครัวซะอีก”

เจ้าของดวงหน้าสวยเก๋หันไปมองเขาแล้วเปลี่ยนท่านั่งเป็นไขว้ห้างโดยไม่สนใจกับน่องเรียวที่โผล่พ้นชายกระโปรงขึ้นมาสูงเกือบจะถึงไหนๆ เลยสักนิด แล้วส่งยิ้มยียวนไปหาเขาก่อนตอบ

“ฉันก็คิดว่าป่านนี้คุณคงจะควงสาวสักคนไปหาความสุขถึงไหนต่อไหนแล้วซะอีก บังเอิญจังเลยนะคะ แต่ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าทำไมเรามาเจอกัน ช่างประไรสนใจอะไรนักหนากับคนรอบข้าง ว่าแต่คุณสนนี่มั้ยล่ะฉันเลี้ยงเอง”

แก้วในมือถูกยกขึ้นให้เขาดูแล้วก็กระดกเข้าปากบางที่ถูกฉาบไว้ด้วยลิปสตีกสีแดงเข้มประหนึ่งสาวสังคมจัดที่ปวีย์เคยเห็นเวลาไปนั่งดื่มกับเพื่อนๆ ในหลายๆ ครั้ง เขาพยักหน้าให้บาร์เทนเดอร์จัดแบบเดียวกับเธอมาหลังจากซดเบียร์ในแก้วจนหมด ความจริงเขาตั้งใจจะบอกเธอว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ แต่ในเมื่อเธอไม่อยากรู้เขาก็ไม่อยากจะเอ่ยปาก เขามองดูมือเรียวที่คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาเมื่อมีสายเรียกเข้า แทนการกดรับเธอกลับปิดมันไปดื้อๆ

“คุณชอบให้คนมารบกวนเวลาอยากเมาเหรอคะ อ้อ! ฉันคิดออกแล้วคุณจะต้องรอรายงานตัวกับแฟนว่าอยู่ที่ไหนกับใครกลับเมื่อไหร่อย่างนั้นใช่มั้ยล่ะ จุ๊ๆๆ ผู้ชายนี่กลัวเมียกลัวแฟนกันทุกคนมั้ยนะ”

“ไม่หรอก อย่างน้อยก็ผมคนหนึ่งล่ะ”

สิ้นคำปวีย์ก็ล้วงมือถือออกมาแล้วทำแบบเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าเวลานี้จะยังไม่มีใครโทรมาหาแน่ จนกว่าแฟนสาวกับแม่ของเขาจะดูหนังจบ และอาจจะต่อด้วยช้อปปิ้ง ส่วนพ่อกับน้องก็คงกำลังรอรับลูกค้าอยู่สนามบิน กว่าจะมาถึงก็อีกหลายชั่วโมง เขาจึงต้องมานั่งดื่มเพื่อเป็นการฆ่าเวลาอยู่คนเดียวและในโรงแรมเดียวกับเธอนั่นเอง และเขาก็ยังอยากจะรู้ว่าเหตุใดผู้หญิงที่เขาไม่เคยเห็นดื่มเลยถึงได้มานั่งซดเหล้าเอาเป็นเอาตายอยู่แบบนี้ หรือจะโกรธกับแฟนหนุ่ม

“โกรธใครมาหรือไง”

“แม่อยากให้ฉันเลิกไปทำงานให้คุณปู่ เพราะกลัวว่าจะมีเรื่องแบบวันนั้น ฉันไม่ยอมเราเลยงอนกัน แม่กับทุกคนก็เลยไปฉลองวันเกิดที่ไหนสักแห่งในพัทยา แต่ก็ไม่ใช่ในโรงแรมนี้หรอก ฉันเบื่อเลยไม่อยากตามไปง้อแม่ เอาไว้อารมณ์เย็นๆ ค่อยว่ากันใหม่ คุณเคยเบื่อเรื่องปัญหาในครอบครัวแบบนี้หรือเปล่าล่ะ”

หญิงสาวยอมเปิดปากบอกเมื่อเดาได้ว่าเขาอยากรู้ จากนั้นทั้งคู่ก็ดูเหมือนจะนั่งประลองว่าใครจะคอทองแดงกว่ากัน แต่ดูเหมือนจะมีสภาพไม่แตกต่างกันมากนัก ปวีย์เหมือนจะรู้ว่าขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้อีกสักพักคงจะฟุบหลับคาเคาน์เตอร์ด้วยกันแน่

เขาจึงเอ่ยปากยุติการประลอง แล้วอาสาจะพาเจ้าหล่อนไปส่งให้ถึงห้อง ซึ่งเขาคิดเอาไว้แล้วว่าเจ้าหล่อนคงจะไม่ยอมทำตามง่ายๆ แต่อีกครั้งที่เขาคาดผิด ร่างในชุดขาวสุดเซ็กซี่ยอมให้เขาหิ้วปีกขึ้นไปอย่างว่าง่าย แต่หทัยชนกไม่ลืมที่จะคว้าเหล้าที่เหลือในขวดอีกเกือบครึ่งขวดติดมือมาด้วย

“คุณเมาแล้วเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นจะเมาเลย ฉันจะบอกให้นะ ต่อให้หมดขวดนี่ฉันก็ยังเดินตรงๆ ได้อย่างสบาย แต่ไม่เอาหรอก แค่นี้ไม่พอกระเพาะฉันหรอก ฉันยกให้คุณก็แล้วกัน ส่วนของฉันมันต้องนี่”

เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องด้วยกันแล้ว หทัยชนกก็ยัดขวดเหล้าที่ถือติดมือมาส่งให้เขา ส่วนตัวเองตรงไปมินิบาร์แล้วคว้าขวดใหม่ที่ยังเต็มอยู่ขึ้นมาแล้วกระดกเข้าปากแทน แถมยังท้าทายให้ปวีย์ทำแบบเดียวกันอีกด้วย และแน่นอนว่าคนอย่างเขาจะปล่อยให้ผู้หญิงมาลูบคมง่ายๆ ได้ยังไง ไม่นานเหล้าในมือเขาก็หมด ส่วนในขวดของหทัยชนกหมดไปเกินครึ่ง เขาเดินเข้าไปจะแย่งจากมือเธอมากระดกต่อ แต่หญิงสาวไม่ยอม การยื้อแย่งเล็กๆ น้อยๆ จึงเกิดขึ้น

จนร่างผอมสูงเพรียวตกไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มได้ไม่ยากเย็นนัก ดวงตาทั้งสองคู่มองสบกันด้วยความหวานฉ่ำ สองแขนเรียวยกขึ้นไปคล้องต้นคอเขาไว้แล้วปล่อยให้เขาโน้มลงมาหาริมฝีปากนุ่มได้อย่างไม่ยากเย็น และอารมณ์ของชายหนุ่มก็วิ่งพล่านได้ไม่ยากเย็นเช่นกัน มือหนายกขึ้นไปกอบกุมอกอวบอิ่มนอกร่มผ้าด้วยความหิวโหย ก่อนที่จะพาร่างสูงเพรียวล้มลงไปหาเตียงแทบจะพร้อมกัน แต่เขาไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระง่ายๆ

“คุณวีอย่าค่ะ ปล่อยสิคะ เราไม่ควรจะทำแบบนี้นะคะ”

แม้จะมีการร้องขอด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน แต่เขาก็มาไกลเกินกว่าจะหยุดยั้งได้แล้ว จึงเดินหน้าต่อด้วยความมีสติแบบครึ่งๆ กลางๆ และเขาก็จำไม่ได้ว่าเสียงร้องห้ามของเธอหยุดลงเมื่อไหร่ ไฟในห้องถูกปิดสนิทตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าทั้งเขาและเธอกำลังนอนกอดแลกจูบกันและกันเกลือกกลิ้งไปมาอยู่บนเตียง

=========================================================

สวัสดีค่ะรีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน จบตอนนี้แล้ว ไรเตอร์ขอเว้นวรรคการอัพไปสักระยะนะคะ เพราะหนังสือวางแผงแล้ว ผ่านพ้นช่วงนี้ไปสักระยะไรเตอร์จะกลับมาอัพต่อให้จนจบค่ะ

พรุ่งนี้ก็มาติดตาม 'ซาตานจำแลง' ต่อได้เลยนะคะ รับรองอัพให้อ่านจนแน่นอนค่ะ

ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้กันเกราด้วยดีเสมอมาและตลอดไปค่ะ
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2556, 08:20:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ส.ค. 2556, 08:20:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 1662





<< ไฟปะทะไฟ   
จิรารัตน์ 4 ส.ค. 2556, 15:07:07 น.
อ๊ายยยยยยยยย ลุ้นมาก


ไม้เอก 19 ก.ย. 2556, 00:27:20 น.


alecigor 23 พ.ย. 2556, 07:04:24 น.
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ค่ะ แต่น่ากลัวจะรอไม่ไหวต้องไปหาหนังสือมาอ่าน เหมือนเรื่องสายธารรักซาตานอีกแน่ๆ คราวที่แล้วฝากแม่ซื้อหนังสือสองเล่มค่าส่งพันกว่าบาท แพงกว่าค่าหนังสืออีกค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account