สายลับสายรัก
โสด!!!

โสด!!!

โสด!!!!

สาวโสดวัย 32 คงไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดสำหรับสังคมทุกวันนี้

แต่รสจรินทร์ไม่ใช่... นักจิตสาวโสดวัย 32 ชวนให้นึกประหลาดใจได้กับทุกคนที่รู้จัก สาวสวย เก่ง มากดีกรีความงาม ผู้หญิงที่มีหนุ่มๆ วนเวียนมาจีบไม่ขาด แต่กลับหาคนผ่านด่านเป็นแฟนไม่ได้สักราย

หรืออย่างที่เขากันว่านะ... สวยราวกับนางฟ้าจนคนไม่กล้าเอื้อม!!!

เอาเถอะ... อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะแห้งเหี่ยวหัวใจไร้ใครมาเกาะแกะ

อย่างน้อยๆ ก็หนึ่งคน... นายพานัส นามสกุลอะไรสักอย่าง...

ถึงอย่างนั้นจะว่าไป... ที่ตานี่ทำอยู่จะเรียกว่า "จะจีบก็ไม่ชัด ป่วยจิตก็ไม่เชิง"

...

...

ทำไมน่ะเหรอ?

ก็คนบ้าอะไร พูดยังกับตัวเองเป็นสายล้งสายลับที่ต้องทำภารกิจสุดโอเว่อร์อยู่เรื่อย

แต่... เรื่องที่เล่าก็น่ารักดี...
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: โทรศัพท์ที่รอคอย (50%)

รสจรินทร์ ปานะพนธ์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องส่วนตัว เธอไม่ใช่คนใหญ่คนโตระดับผู้บริหารของบริษัทใหญ่ที่ไหนหรอก อันที่จริงเธอเป็นจิตแพทย์ และการเป็นจิตแพทย์ก็คงต้องมีห้องส่วนตัวสำหรับไว้คุยและให้คำปรึกษากับบรรดาลูกค้าแบบตัวต่อตัว ไม่มีใครอยากจะอยู่ในสภาพมีคนอื่นมานั่งฟังเรื่องราวของตนนอกเหนือไปจากหมออีกหรอก

จะว่าไปการมีห้องส่วนตัวแบบนี้ก็ดี เพราะในเวลาว่างๆ รสจรินทร์ก็ได้ทำอะไรแบบที่ชอบตามลำพังและตามใจ

รสจรินทร์ไม่ใช่นักจิตมือใหม่หรอกนะ เธอจบระดับปริญญาโทด้านจิตวิทยามาหลายปีแล้ว หลังจากหอบชีวิตไปฟันฝ่ากับหลักสูตรอันเข้มข้นมาจากอังกฤษเสียหลายปี จากที่เคยตั้งความหวังไว้ว่าจะหาทางทำงานในอังกฤษหลังจากเรียนจบ ที่สุดพอถึงเวลาจริงๆ กลับกลายเป็นโรงพยาบาลเอกชนแถบชานเมืองของมหานครกรุงเทพที่เธอได้มาทำงานให้

ที่จริงรสจรินทร์ตั้งใจว่าจะทำงานในโรงพยาบาลเอกชนนี้แค่ช่วงสั้นๆ แต่เวลาผ่านไปเร็วเอาการ เผลอตัวทีตอนนี้เธอก็นั่งจุ้มปุ๊กอยู่กับโต๊ะทำงานตัวนี้ ห้องทำงานห้องนี้มา 6 ปีเข้าไปแล้ว

ชีวิตของนักจิตก็ไม่แตกต่างจากหมอให้คำปรึกษาหรือพี่เลี้ยงของคนมีปัญหา แต่เพราะไม่ใช่หมอเลยไม่ต้องหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือแบบหมอ แค่แฟ้มกับกระดาษ ดินสอหรือปากกา กับชาร์ตรายละเอียดและอุปกรณ์วัดผลด้านจิตวิทยานิดหน่อย ช่วงเวลาพักเธอก็เหมือนพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง ไปกินข้าวกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ วันหยุดก็นัดกันกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้งกับเพื่อนฝูงบ้าง อารมณ์ครึ้มๆ วิญญาณแม่บ้านเข้าสิงก็ลุกมาจัดห้องเก็บห้องคอนโดมิเนียมที่เก็บหอมรอมริบจ่ายเงินดาวน์และผ่อนส่งไปอีกหลายปี บางทีนึกอยากทำอาหารกินเองก็ทำตามใจ

ก็อย่างว่าล่ะนะ... สาวโสดก็คงแบบนี้

อันที่จริงก็ใช่ว่ารสจรินทร์จะดูไม่ได้จนหาคนจีบไม่เจอ ตรงกันข้ามเสียด้วยซ้ำไป รสจรินทร์เป็นนักจิตที่น่าจะสวยที่สุดในประเทศแล้วล่ะ ถ้าจะมีการจัดประกวดกัน ทำไมน่ะหรือ? สาวอัญเชิญป้ายงานกีฬาจังหวัดสมัยมัธยม อดีตดาวคณะศิลปะศาสตร์ เทพีสงกรานต์ลำพูนบ้านเกิด มิสบิวตี้ฟูลของงานไทยแลนด์เฟสติวัลที่เบอร์มิงแฮม รสจรินทร์กวาดมาครองจนหมด ทั้งโล่รางวัลและป้ายประกาศเต็มตู้โชว์ที่บ้าน
แต่นั่นเป็นความภูมิใจที่ค่อยๆ ลดน้อยลงทุกวันๆ สำหรับผู้หญิงอย่างรสจรินทร์ เพราะเธอก็อดแปลกใจไม่ได้ที่บรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่วนเวียนมาหยอดมุกจีบ ทั้งจีบจริงและจีบเล่นกลับค่อยๆ หายไปทีละคนสองคน บางคนก็กลายเป็นแฟนเพื่อนผู้หญิงรอบข้างของเธอ บางคนไม่ใช่แค่แฟนแต่ได้เป็นสามีภรรยากันเสียด้วยซ้ำ

บางครั้งความเหงา ความรู้สึกโดดเดี่ยวของการมีตัวคนเดียวก็ทำร้ายจิตใจของหญิงสาวและสวยในวัยสามสิบสองปีเศษแบบเธอเอาการอยู่

“โอ๊ย...ไอ้เฟิร์น... ก็แกมันดันอ่านคนอื่นออกง่าย แต่ไม่ยอมให้ใครเข้าใจแกง่ายๆ ซักคนนี่นะ” เพื่อนสาวคนหนึ่งที่คบหากันมานานจนกลายเป็นคุณแม่ลูกสามแล้วเคยพูดไว้เมื่อวันหนึ่ง

หรือมันจะจริง??? รสจรินทร์เป็นคนเก่งและช่างสังเกตมากเสียจนไม่มีอะไรหลุดรอดสายตาและความคิดเธอไปได้ เพราะแบบนี้หรือเปล่านะ ผู้ชายที่เริ่มคบกับเธอ ไม่ช้าก็ล่าถอยไปด้วยความรู้สึกแบบไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นไปอย่างไรดี

ถ้าเป็นเมื่อสักสามเดือนก่อน คุณหมอจิตคนสวยแต่ไม่มีใครคงยังคงว้าวุ่นใจอยู่ แต่ตอนนี้รสจรินทร์กำลังรู้สึกมีความสุขจนเผลอแสดงออกนอกหน้าให้คนอื่นสังเกตเห็นหลายครั้ง เพราะ....

“ก็โสดๆ อยู่ทางนี้ ยังโสดๆ อยากเอารักมาโหลดๆ เธอใช่ไหมที่ฟ้ามาโปรดๆ”

เสียงริงโทนเพลงดังของศิลปินสาวจากค่ายเพลงวัยรุ่นค่ายหนึ่งร้องลั่น โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดในเคสรูปคิตตี้ คาเรคเตอร์การ์ตูนตัวโปรดดิ้นอยู่บนผิวโต๊ะ รสจรินทร์ที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างชั้นสิบสองรีบคว้ามาใส่มือ แต่เธอก็มีจริตรอจะรอให้มันดังอีกสักนิดก่อนกดรับสาย

“สวัสดีค่ะ” รสจรินทร์พยายามพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเป็นปกติ ทั้งที่ใจเต้นโครมครามจะตายอยู่แล้ว
“สวัสดีครับคุณหมอเฟิร์น” เสียงเข้มแต่น่าฟังตอบกลับมา
“สวัสดีค่ะคุณอาร์ท วันนี้มีเรื่องอะไรจะเล่าให้หมอฟังคะ?”
“วันนี้เอาเรื่องตอนที่ผมไปตามเรื่องลอบขนสินค้าเถื่อนที่ท่าเรือแล้วกันนะครับ”
“หวังว่าเรื่องนี้จะสนุกเท่าเรื่องลอบวางระเบิดตึกใบหยกนะคะ”

รสจรินทร์พูดแล้วก็หัวเราะคิกๆ เพราะเธอเชื่อว่าผู้ชายคนนี้ขยันหาเรื่องมาชวนเธอคุย หรือจะพูดว่าหาเรื่องจีบเธอก็คงจะใช่...
||| ||| ||| | | | ||| | ||||

รีสอร์ทสบันงา นอกตัวเมืองพิษณุโลก เป็นห้องพักแบบหลังเดียวที่เรียงตัวกันเป็นแนวยาวล้อมที่จอดรถตรงกลาง

ชายหนุ่มยืนอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ฝ้าจับเพราะไอร้อนจากน้ำอุ่นที่เปิดใส่ลงไปในอ่างอาบน้ำ เขากำลังโกนเคราที่ครึ้มเขียวเพราะไม่ได้จัดการมาเกือบสองสัปดาห์ งานที่เขาทำต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเป็นการเดินทางที่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาได้เลยว่าจะต้องทำอะไรบ้าง

อย่างน้อยๆ วันนี้ก็เป็นวันแรกในรอบสามอาทิตย์ที่ไม่มีคำสั่งให้ดำเนินการอะไร เขาเลยอยากจัดการตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยสักหน่อย จากนั้นก็ไปหาอาหารญี่ปุ่นในห้างกินซักมื้อ แวะไปดื่มเบียร์ที่ชิดลมซักหน่อย แล้วก็นอนให้เต็มอิ่ม

คมใบมีดโกนสัมผัสผิวในขณะที่มันกวาดเคราและหนวดแข็งๆ ออกไปจากใบหน้า

บนโต๊ะเครื่องแป้งข้างนอก กระเป๋าสตางค์ถูกวางไว้ อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าวางไว้หรอก ต้องเรียกว่าถูกโยนทิ้งไว้มากกว่า ส่วนบนเตียงก็มีเสื้อผ้าที่ถอดทิ้งไว้กระจายเต็ม

ลูกบิดหมุนเกลียวช้าๆ มันดังเบาๆ เบาพอให้คนในห้องน้ำไม่รู้สึก อุปกรณ์ปลดล็อคโซ่คล้องประตูถูกสอดเข้ามาและเคลียร์เส้นทางอย่างรวดเร็ว ใครสองคนในหมวกไหมพรมปิดหน้าแอบย่องเข้ามาเงียบๆ คนหนึ่งพุ่งไปยังกระเป๋าสตางค์ที่อยู่บนโต๊ะ อีกคนแล่นไปยังเสื้อผ้าบนเตียง

คนที่ตรงไปยังกระเป๋าไม่เพียงแต่คว้ากระเป๋าสตางค์เท่านั้น แต่ยังเอาโทรศัพท์มือถือของเจ้าของติดมือมาอีก ส่วนเจ้าคนที่ค้นเสื้อผ้าไม่ได้อะไร จากนั้นพวกมันสองคนก็รีบถอนตัวออกจากห้องอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงเงียบเชียบเหมือนตอนเข้ามา แล้วเจ้าหัวขโมยทั้งคู่ก็วิ่งเหยาะๆ หลบหลังพุ่มเข็มสูงเสมออกไปยังรถเครื่องที่แอบจอดไว้ไม่ไกลนัก

แม้ปฏิบัติการนอกห้องน้ำจะเงียบเชียบเพียงใด แต่คนในห้องน้ำก็รู้ตัวตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะสัญญาณกระพริบที่อุปกรณ์ซึ่งแอบติดไว้กับขอบประตูเตือนให้รู้ ซองปืนแบบคล้องไหล่เป็นเพียงอย่างเดียวที่เขาไม่เคยทิ้งไว้ห่างตัวแม้แต่ในตอนอาบน้ำ แต่เมื่อไม่รู้ว่าผู้บุกรุกมีกันกี่คนและมีอาวุธหรือไม่ เข้าจึงเพียงแต่ลดระดับเสียงน้ำจากก๊อกลงจนเกือบปิดสนิท แอบหลังบานประตู แนบหูฟังสถานการณ์ จนเมื่อพวกนั้นออกจากห้อง เขาก็ติดตามไปอย่างรวดเร็ว

“ได้อะไรมาบ้างวะไอ้แม็ค?” คนร่างผอมสูงกว่าที่ไม่ได้อะไรติดมือมาถามเพื่อน ขณะที่ตัวเองก็รีบถอดเอาหมวกไหมพรมยัดใส่กระเป๋าที่แขวนไว้กับหน้ารถ
“กระเป๋าตังค์กับมือถือ” อีกคนตอบ
“มีเงินหรือเปล่าวะ?” มันรีบถามต่อ
“มีแบงค์พันเพียบเลยไอ้ชาย” ไอ้แม็คตอบอย่างตื่นเต้น
“งั้นรีบไปกันเถอะ” ไอ้ชายรีบบอก ขณะที่ล้วงหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาเดฟของมัน มันวาดฝันไปถึงขวดเหล้าในเเธคคืนนี้แล้วก็อีนุ่นแฟนสาว ม.สี่ของมันไปล่วงหน้าแล้ว

รถมอเตอร์ไซค์กำลังจะพุ่งตัวออกไปจากตรงที่มันจอดไว้ ไอ้ชายเป็นคนขับ ไอ้แม็คเป็นคนซ้อนท้าย แดดสายๆ สะท้อนเงากระจกท้ายรถตู้ที่จอดอยู่เข้าตาไอ้ชายมันนิดเดียว แวบเดียวนั้นบางอย่างก็พุ่งตัดหน้ามันอย่างรวดเร็ว

“โอ๊ย!!”
“เหวอ!!”

มันสองคนร้องกันเสียงลั่น แรงกระชากทำเอาทั้งคู่ตกลงมาจากเบาะรถและกลิ้งไปกับพื้นถนนของโรงแรม

“โอ๊ย” ไอ้ชายคราง ขณะที่นอนบิดไปมา เอามือจับคอตัวเองที่ซึ่งถูกรั้งที่ตรงนั้น

ไอ้แม็คเห็นแค่ร่างสูงของผู้ชายในเสื้อสียืดสีขาวแค่นั้น แล้วร่างของมันก็ถูกอัดด้วยกำปั้นเต็มแรงเข้ากลางท้อง ความจุกทำให้มันร้องไม่ออก หรือต่อให้มันอยากร้องมันก็ไม่มีโอกาส

“พล๊อก!” สันมือซัดเข้าที่ลำคอย่างแม่นจำ ไอ้แม็คโดนน็อคไปเรียบร้อย

ด้านไอ้ชายกำลังไอค๊อกแค่กเพราะอุปกรณ์บางอย่างที่อีกฝ่ายใช้ มันก็มีโอกาสรับรู้แค่เท่านั้นเช่นกัน เพราะคนที่จัดการคู่หูแมวขโมยของมันไปแล้วเคลื่อนตัวเข้าหามันจากด้านหลัง ฟาดสันมือเข้าต้นคออย่างรวดเร็วและรุนแรง

“พล๊อก!” จบเกม สองวัยรุ่นหัวขโมยมืออาชีพสิ้นฤทธิ์

ชายหนุ่มโยนร่างที่สลบไปทั้งคู่เข้าไปตรงซอกต้นโมกกับห้องพักห้องหนึ่ง ยกรถพวกมันขึ้น เก็บของที่ถูกขโมยกลับคืนมา ก่อนก้าวยาวๆ กลับเข้าไปยังห้องที่เขาพัก เขารู้ดีว่าเจ้าสองคนนั้นไม่ตายหรอกแต่กว่าจะฟื้นก็อีกเกินครึ่งชั่วโมง นานพอที่เขาจะหลบไปจากตรงนี้

“ฮัลโหล” เขากดรับสายโทรศัพท์ที่ติดต่อเข้ามา
“ฮัลโหลคุณพานัส นี่ผมทรงเกียรติจากพีแอลเอ็มนะ”
“ครับ”
“ผมจะแจ้งว่าท่านผู้การเทวินทร์ต้องการพบคุณที่ปทุมธานีคืนนี้” เจ้าหน้าที่จากหน่วยสืบสวนสอบสวนกลางแจ้งคำสั่ง
“คืนนี้???” ชายหนุ่มทวนคำ
“โอ๊ยยยยยยย... นี่จะไม่ให้ผมพักบ้างเลยเหรอไงเนี่ย?” พานัสโอดครวญ
“อันนี้ก็ต้องไปขอท่านผู้การเอาเองแล้วกัน ผมแค่มาแจ้งคำสั่งเท่านั้น” อีกฝ่ายออกตัว
“ครับ รับทราบครับ”

พานัสเก็บข้าวของออกจากห้อง ขึ้นคร่อมรถบิ๊กไบค์คันเขื่อง สตร๊าทเครื่องจนเสียงกระหึ่ม แผนการพักผ่อนที่วางไว้ถูกโละทิ้งแบบปัจจุบันทันด่วน เขาบอกตัวเองว่ากลับไปกินที่รังสิตแทนก็แล้วกัน จากนั้นก็สวมหมวกกันน็อคแล้วบึ่งออกจากที่พักไปทันที
|||||| |||| ||||| | | ||||| | | |

(ฝากนิยายเรื่องใหม่อีกหนึ่งเรื่องนะครับ... เพิ่งเปิดหัวไว้ จะใช้วิธีสลับเขียนกับงานเรื่องอื่นๆ ขอบคุณที่อ่านและขอบคุณล่วงหน้าที่จะติดตามครับ)



นรมันร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 13:52:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 13:52:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 705





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account