เกมรักกับดักพิศวาส (สนพ.มายเลิฟ)
Tags: นิยายรัก,นายแบบ
ตอน: ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
รูปร่างสูง ไหล่กว้าง แผงอกและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนให้หลงไหลของเหล่านายแบบหน้าตาหล่อเหลาพวกนี้ไม่ได้ทำให้เธอและเหล่าเดสเซอร์ทุกคนที่ทำงานแข่งเวลารู้สึกอะไรมากไปกว่ามันคืองานแรกๆ อาจจะเขินอายตื่นเต้นแต่เดี๋ยวไม่เลยเห็นนายแบบแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมดาและชินชาไปแล้วสำหรับอาชีพของเธอ ที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บรรดานายแบบนางแบบทั้งหลายให้ทันโชว์ในแต่ละรอบในเวลาที่จำกัดเพียงไม่กี่สิบวินาที
และงานอีเว้นเดินแบบชุดฤดูร้อนของห้างชื่อดังวันนี้กำลังจะเสร็จสิ้นลงอย่างสวยงาม และนั่นหมายถึงความสำเร็จของทีมเดรสเซอร์ของพวกเธอด้วย ที่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จ้างว่าทีมเดรสเซอร์กลางๆ อย่างพวกเธอก็สามารถทำงานใหญ่นี้ได้ดีไม่แพ้ทีมเดรสเซอร์อื่น
“อีกสามวันเจอกันนะทุกคน” บุษบันบอกลาเพื่อนร่วมทีมที่ต่างคนต่างกำลังเก็บของเตรียมจะกลับ และหนึ่งในนั้นก็คืออโรชาหรือพี่ซีหัวหน้าทีมที่หญิงสาวรู้จักมักจี่ดีมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย “แล้วเจอกันนะคะพี่ซี”
“เดี๋ยวสิบุษ กลับบ้านพร้อมพี่ไหมไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วย ยัยซายด์บ่นอยากเจอเรามาหลายวันแล้ว เอ่อ…ไอ้ซันด้วยนะ”
“จริงเหรอค่ะที่ซันบ่นอยากเจอบุษ” บุษบันเอี้ยวตัวกลับมาถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็จะให้เชื่อยังไงล่ะในเมื่ออริญชย์พี่ชายคู่แฝดของเพื่อนสนิทอย่างอริสราน่ะชอบขี้หน้าเธอที่ไหน
“จริงสิจ๊ะ ไปเถอะ ไม่มีธุระที่ไหนไม่ใช่เหรอและอีกอย่างเราก็หยุดยาวตั้งสามวันแน่ะ” อโรชาเกลี่ยกล่อมพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แล้วเดินมาหาคนที่กำลังทำสีหน้าลังเล ขณะเดียวกันก็โบกมือลาเพื่อนร่วมทีมที่ทยอยกันกลับจนเกือบจะหมด “ไปด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามสาวร่างผอมเพื่อนร่วมทีมที่กำลังจะกลับ
เธอคนนั้นโคลงศีรษะไปทางขวาพร้อมกับยักไหล่ “ไม่ล่ะจ๊ะ ฉันมีนัดเดท” คำปฏิเสธนั้นทำให้บุษบันเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมทีมคนนี้ไม่สวย แต่เมื่อวันก่อนหล่อนเพิ่งบอกว่าเลิกกับแฟนคนล่าสุดแล้ว
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้เข้าใจผิดไปใช่ไหมว่าคนที่เธอจะเดทด้วยในวันนี้คือแฟนใหม่”
“แน่นอน” เธอตอบพลางหัวเราะคิกคัก แล้วก้มลงมองชุดตัวเอง ก่อนจะถามความเห็นของทั้งอโรชาและบุษบันเพื่อย้ำความมั่นใจของตัวเอง “ชุดนี้เธอว่ามันโอเคไหมบุษ พี่ซี”
“สวย” อโรชาบอก
“เปะเวอร์” บุษบันย้ำ
“ก็ว่างั้นแหละ ฮ่าๆๆ…ขอบคุณทั้งสองคนนะจ๊ะ ไปล่ะเดี๋ยวสาย” ว่าแล้วคนสวยเปะวอร์ก็โบกมือลาทั้งสองคนเล็กน้อยแล้วเดินนวดนายจากไปอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเราล่ะตกลงว่าไง อย่าบอกนะว่ามีนัดเดท”
“นัดดงนัดเดทที่ไหนกันค่ะ แฟนยังหาไม่ได้สักคน”
“งั้นก็เป็นอันว่าตกลง” อโรชามัดมือชก จากนั้นก็รั้งไหล่บางให้หมุนตัวเดินไปที่รถเสียเลย “เราต้องแวะซื้ออะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ” คนที่เดินไปตามแรงรั้งจนถึงรถเอ่ยถาม
“ไม่ต้องจ๊ะ เรื่องนั้นซายด์กับซันเขาอาสาแล้วล่ะ เราสองคนตรงกลับบ้านเลย รถแถวนี้ยิ่งติดๆ ดีไม่ดีกว่าจะถึงบ้านสองคนนั้นตั้งโต๊ะรอเราพอดี”
“ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะคะ บุษขี้เกียจฟังน้องชายพี่ซีบ่นและแขวะพยายามทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้มันเป็นเรื่อง” บุษบันบ่นหน้าบึ้ง เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย
อโรชาหันมามองเสี้ยวหน้ารูปไข่และมีแก้มนิดๆ ของเพื่อนสนิทน้องสาวและเธอเองก็รักและเอ็นดูเด็กสาวคนนี้เหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน แล้วยิ้มพางหัวเราะในลำคอ
“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวนี้ซันน่ารักขึ้นเยอะ บุษที่ไม่ค่อยได้เจอเขาเห็นแล้วจะแปลกใจ”
“หวังว่านะคะ” บุษบันหันมาบอกยิ้มๆ ไม่ได้ใส่ใจเรืองนี้มากมายนัก คิดแค่ว่าอริญชย์ก็ยังคงเป็นอริญชย์อยู่วันยังค่ำ ถึงจะหน้าตาดีแต่ปากเสียสุดๆ
‘เปลี่ยนตรงไหน’ บุษบันสบถในใจขณะฟังอริญชย์บ่นและแขวะเธอตลอด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครผิดถ้าจะโทษ ก็โน้นเลยจราจรที่ติดขัดยิ่งแถวห้างดังไม่ต้องห่วง รถก็เยอะคนก็แยะ
“ทำไมไม่มาถึงตอนเก็บโต๊ะไปเลยล่ะ” อริญชย์จบประโยคหลังจากร่ายยาว พลางปรายตาไปที่บุษบันที่ดึงเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องสาวคู่แฝดของตน
“ฉันคิดว่าฉันคิดผิดนะที่มาทานข้าวที่บ้านแกในวันนี้” บุษบันพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แต่สายตานั้นจ้องหนุ่มหล่อ ขาว ตี๋ ตรงหน้าที่อโรชาบอกว่าเขาน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะอย่างไม่วางตา ‘น่ารักตายล่ะ’ เธอสบถในใจพลางเบ้ปาก
“เธอกำลังด่าฉันในใจ ใช่ไหมบุษบัน”
“อ๋อ เหรอ เพิ่งรู้ว่าคนอย่างนายอริญชย์เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรมาเป็นร่างทรงอ่านใจคนเสียแล้ว” พูดจบบุษบันก็ยิงฟันใส่อีกฝ่าย ที่นั่งขบกรามแน่นและอ้าปากกำลังจะโต้กลับ
ทว่าบุษบันกลับรีบยกมือขึ้นเป็นการห้าม แล้วพูดต่อไปว่า “หยุดอยู่แค่นั้นถ้าคำที่จะหลุดออกจากปากของนายมันคือการกัดแขวะ…ฉันจะบอกว่ามันน่าเบื่อมากๆ”
“น่าเบื่อ…” เขาครางถามเหมือนคาดไม่ถึง และบุษบันก็พยักหน้ารับ “ใช่! ฉันโดยนายต่อว่าตลอดว่าทุกครั้งที่มาช้าเพราะฉันมัวแต่ไปอ่อยนายแบบ ทำให้ต้องมานัดเลท”
“ฉันไม่เคยพูด และเอ่อ…”
“ไม่เคยพูดตรงๆ แต่ในคำพูดนั้นมันจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ นายรู้ไหมที่ฉันไม่มาที่นี่ไม่ใช่ไม่อยากมา แต่มาแล้วต้องเจอนายฉันยอมไม่มาดีกว่า เพราะฉันเบื่อที่ต้องมาเถียงกับนายด้วยเรื่องเดิมๆ” ระบายจบร่างสูงโปร่งก็ทำท่าจะลุกหนี แต่มือของคนที่นั่งฟังทั้งสองคนคุย ไม่ใช่สิน่าจะใช้คำว่าเถียงกันมากกว่าถึงจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ในตอนนี้ รั้งแขนเพื่อนรักเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นสิแก”
“ฉันไม่ได้ไปไหน ขอไปสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง พี่ซีมาแล้วไปเรียกด้วยล่ะกัน” อริสราพยักหน้ารับรู้ก่อนจะดึงมือกลับ
เมื่อร่างสูงโปร่งเพรียวระหงเรียกได้ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ เดินพ้นออกไป เธอก็หันมามองพี่ชายคู่แฝดพลางถอนหายใจ
“นายเป็นด็กประถมหรือไง”
“จะบ้าเหรอ ฉันจบมหาลัยทำงานแล้วแกก็รู้ จะมาว่าฉันเป็นเด็กประถมได้ไง” อริญชย์ทำหน้าเหลอหลาเถียงแฝดผู้น้องคอเป็นเอ็น
“อย่ามาแกล้งโง่” อริสราด่า
“ใช่อย่าแกล้งโง่ให้มากนัก” และมีอีกเสียงด่าย้ำจากพี่สาวคนโตที่ ตอนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
และนี้เป็นนิสัยที่ทุกคนในบ้านรู้ดี คือกลับจากทำงานมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เธอต้องทำคืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะหงุดหงิดแม้กระทั่งการทานอาหาร
“ผมได้โง่ พี่ก็รู้ว่าผมจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” คนไม่โง่อวดอ้าง
สองสาวมองหน้ากันแล้วเบ้ปากอย่างสมเพชเวทนา “พี่ว่าเอาเกียรตินิยมไปคืนมหาลัยดีกว่าไหม”
“เห็นด้วย” น้องสาวรีบเสริมพี่สาว ทำเอาหนึ่งหนุ่มเริ่มจะรำคาญล่ะที่ถูกพี่น้องรุมด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็หาว่าเขาเป็นเด็กประถมบ้างล่ะ โง่บ้างล่ะ
“ถามจริงเถอะเป็นอะไรกัน จู่ๆ ก็มาด่ากันเนี่ย”
“แล้วแกล่ะเป็นอะไร ถึงได้ไปตอแยพูดจิกกัดยัยบุษเขาตลอด ทั้งที่แกก็รู้ว่าเรื่องที่แกพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง” อโรชาย้อนถามน้องชายกลับคืนไปบ้าง
“ตอนเรียนก็เหมือนกันค่ะพี่ซี” ได้ที่อริสรารีบเสริมทัพ อีกอย่างนี้เป็นครั้งแรกที่เธอกับพี่สาวจะได้คุยเรื่องนี้กับคู่แฝดแบบจริงจังเสียที หลังจากดูห่างๆ อย่างห่วงๆ และมีปรามบ้างพูดคุยกันบ้างแต่นั้นก็เล็กน้อยเท่านั้น
“คือผม…ผม…ผมว่าไปตามบุษมาทานข้าวดีกว่าไหม เขาบอกว่าถ้าพี่มาแล้วให้ไปตาม” อริญชย์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสองสาวไปที่เรื่องอื่น
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งสองรู้ทัน “ก็ดี ซายด์ไปตามบุษมาแล้วเราจะคุยกันแบบเปิดอกเสียทีว่าน้องชายงี่เง่าคนนี้มันชอบแกล้งคนที่ชอบเหมือนเด็กประถม”
“ค่ะพี่” อริสรารับลูกลุกขึ้นทันที
ทำเอาอริญยช์ที่เพิ่งหายจากอาการที่เรียกว่า ‘อึ้ง’ ไปชั่วอึดใจ เพราะไม่คิดว่าคนในบ้านจะไม่รู้จะอ่านเขาไม่ออก รีบกระโดดไปรั้งคูแฝดเอาไว้ “เดี๋ยวๆ สิ”
“อะไร ปล่อยสิน่ารำคาญ” น้องคู่แฝดทำท่าสะบัดตัวฮึดฮัดๆ ออกจากการเหนี่ยวรั้งด้วยความขัดใจ “สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับบุษ”
อริสราถอนหายใจพลางปลดมือคู่แฝดออกจากแขน “ถามจริงๆ เถอะจะทำอย่างนี้อีกนานไหม เลิกเถอะ ก่อนที่ยัยบุษจะเกลียดนายเข้ากระดูกดำ”
“หรือจะรอให้ใครมาแย่งไปก่อน เมื่อถึงตอนนั้นจะบอกไว้เลยนะว่าใครก็ช่วยแกไม่ได้” อโรชาเตือนน้องชาย
คนทำงานด้วยกันตลอดทำไมจะไม่รู้ว่าบุษบันเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ มากขนาดไหน แม้แต่นายแบบก็ยังเคยขายขนมจีบหญิงสาวบ่อยครั้ง แต่มันยังคงไม่มีคนที่เข้าตาและตรงใจทำให้สาวสวยอย่างบุษบันเป็นโสดมาจนถึงทุกวัน
“ผมไม่คิดว่าทุกคนจะดูออก”
“มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นล่ะมั้งที่ดูไม่ออก ถึงปากจะจิกจะกัดยังไง แต่สายตาที่แกใช้มองบุษทุกครั้งมันกลับตรงกันข้าม”
“และนายควรเลิกมันซะ มันไม่ผลดีกับตัวเอง มีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม” อริสราออกโรงเตือนอีกครั้ง
อริญชย์มองหน้าคู่แฝดกับพี่สาวสลับกันไปมา ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก “แล้วผมควรทำไงล่ะครับสาวๆ”
“เอาจริงจังเดินหน้าจีบยัยบุษซะ” คู่แฝดแนะนำ
“พี่เห็นด้วยกับซายด์ และเริ่มจากตอนนี้เลย ไปตามบุษมาทานข้าว”
“ผมเนี่ยนะ” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเองอย่างมาอยากจะเชื่อ “ใช่ ถ้าจะเริ่มมันก็เริ่มจากวันนี้และตอนนี้แหละ ไปลุก” อโรชาผลักเข้าที่ไหล่กว้างของน้องชายแรงๆ ไปทีหนึ่งแล้วดึงเก้าอี้ประจำตำแหน่งออกมานั่ง
“แต่ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนี่”
“แค่ขอโทษและบอกเขาให้มาทานข้าวแค่นี้มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนะพี่ว่า” อโรชาบอกพลางตักข้าวในโถใส่จานน้องชายและของตัวเอง จากนั้นก็เลื่อนมันไปให้น้องสาว
“ผมจะลองดู”
“ดีมาก!” สองพี่น้องตะโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไวๆ ออกไปตามบุษบันมาทานข้าว แล้วหันมายิ้มและแตะมือกันอย่างชอบใจ ก็จะไม่ให้ชอบใจได้ยังไงก็ในเมื่อทั้งสองอยากได้บุษบันมาเป็นคนในครอบครัวจะตายไป ตอนนี้ความหวังใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้วล่ะ
******************************************************************************************************************************************************************************************
ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ เป็นเล่มเล็กประมาณ 100-120 หน้าเอสี่ แต่เป็น 25+ นะคะ 555
แต่การอัพลงเวบอาจจะมีการตัดเข้าหัวเตียงหรือโคมไฟแทนนะคะ >///< และเหมือนเคยค่ะเรื่องนี้ก็อัพแค่ 70% เท่านั้นนะคะ ^^
สุดท้ายท้ายสุดก็ขายของค่ะ 555
ฝาก “เกมรักบรรณาการร้อน” (บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เคยอัพลงเวบไหม เคยนะคะชื่อเดิมคือเรื่อง “พ่ายพิศวาสซาตาน” ค่ะ) ที่จะวางแผงที่ 7-11 เร็วๆ นี้ด้วยนะคะ ดูปกตามลิ้งเลยค่ะ
https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/993357_383891858399844_634632704_n.jpg
ส่วนอีกเรื่องคือ “หัวใจบ่มรัก” เรื่องนี้ทำมือค่ะ รายละเอียดด้านล่างนี้เลยค่า ^_^
เปิดจองนิยายค่า ^^
เรื่อง “หัวใจบ่มรัก”
ราคาปก 320 บาท ลดเหลือ 299 บาท (ฟรีค่าส่งแบบลงทะเบียน)
จองพร้อมโอน 130 คนแรกรับสมุดโน๊ตเล่มเล็กที่เหมือนหนังสือนิยายย่อส่วน (ลักษณะจะเหมือนจิ๊ดริดเมมโมของแจ่มใส แต่อันนี้จะเป็นของ หัวใจบ่มรักค่ะ)
เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 09/09/56
หนังสือสามารจัดส่งได้ปลายเดือนกันยาค่ะ
สนใจสามารถติดต่อได้ที่ kesmani1@hotmail.com นะคะ
ลองอ่านตัวอย่างได้ที่
เวบห้องสมุด >>> http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2259
เวบเด็กดี >>> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=835664
เวบสิรินดา >>> http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/7169
โปรยปกหน้า
‘เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต
และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้
โปรยปกหลัง
ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้
แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง
…เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!
“คุณจอดรถทำไม”
“สั่งสอนเด็กดื้อไง”
พูดพลางยักคิ้วและหรี่ตามองอย่างหมายมาดอะไรบางอย่าง
“คุณจะทำอะไร”
พศวัตไม่ตอบ แต่ปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยของวรรณวลีออกแล้วกระชากร่างบางเข้าหาพลางยิ้มยั่ว และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวเริ่มพอจะรู้ว่าเขาจะสั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอยังไง
“ยะ…หยุดนะ”
ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก
“หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”
“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า”
วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ
“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว”
พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว
“สัญญานะ”
ถามอย่างระแวง
“ครับ…”
เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ
“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!”
วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น
“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”
รูปร่างสูง ไหล่กว้าง แผงอกและหน้าท้องเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อชวนให้หลงไหลของเหล่านายแบบหน้าตาหล่อเหลาพวกนี้ไม่ได้ทำให้เธอและเหล่าเดสเซอร์ทุกคนที่ทำงานแข่งเวลารู้สึกอะไรมากไปกว่ามันคืองานแรกๆ อาจจะเขินอายตื่นเต้นแต่เดี๋ยวไม่เลยเห็นนายแบบแก้ผ้าเป็นเรื่องธรรมดาและชินชาไปแล้วสำหรับอาชีพของเธอ ที่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บรรดานายแบบนางแบบทั้งหลายให้ทันโชว์ในแต่ละรอบในเวลาที่จำกัดเพียงไม่กี่สิบวินาที
และงานอีเว้นเดินแบบชุดฤดูร้อนของห้างชื่อดังวันนี้กำลังจะเสร็จสิ้นลงอย่างสวยงาม และนั่นหมายถึงความสำเร็จของทีมเดรสเซอร์ของพวกเธอด้วย ที่ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้จ้างว่าทีมเดรสเซอร์กลางๆ อย่างพวกเธอก็สามารถทำงานใหญ่นี้ได้ดีไม่แพ้ทีมเดรสเซอร์อื่น
“อีกสามวันเจอกันนะทุกคน” บุษบันบอกลาเพื่อนร่วมทีมที่ต่างคนต่างกำลังเก็บของเตรียมจะกลับ และหนึ่งในนั้นก็คืออโรชาหรือพี่ซีหัวหน้าทีมที่หญิงสาวรู้จักมักจี่ดีมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย “แล้วเจอกันนะคะพี่ซี”
“เดี๋ยวสิบุษ กลับบ้านพร้อมพี่ไหมไปทานข้าวเย็นที่บ้านด้วย ยัยซายด์บ่นอยากเจอเรามาหลายวันแล้ว เอ่อ…ไอ้ซันด้วยนะ”
“จริงเหรอค่ะที่ซันบ่นอยากเจอบุษ” บุษบันเอี้ยวตัวกลับมาถามเสียงกลั้วหัวเราะอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็จะให้เชื่อยังไงล่ะในเมื่ออริญชย์พี่ชายคู่แฝดของเพื่อนสนิทอย่างอริสราน่ะชอบขี้หน้าเธอที่ไหน
“จริงสิจ๊ะ ไปเถอะ ไม่มีธุระที่ไหนไม่ใช่เหรอและอีกอย่างเราก็หยุดยาวตั้งสามวันแน่ะ” อโรชาเกลี่ยกล่อมพลางยกกระเป๋าขึ้นมาสะพาย แล้วเดินมาหาคนที่กำลังทำสีหน้าลังเล ขณะเดียวกันก็โบกมือลาเพื่อนร่วมทีมที่ทยอยกันกลับจนเกือบจะหมด “ไปด้วยกันไหม” เธอเอ่ยถามสาวร่างผอมเพื่อนร่วมทีมที่กำลังจะกลับ
เธอคนนั้นโคลงศีรษะไปทางขวาพร้อมกับยักไหล่ “ไม่ล่ะจ๊ะ ฉันมีนัดเดท” คำปฏิเสธนั้นทำให้บุษบันเลิกคิ้วมองอย่างไม่อยากประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมทีมคนนี้ไม่สวย แต่เมื่อวันก่อนหล่อนเพิ่งบอกว่าเลิกกับแฟนคนล่าสุดแล้ว
“เดี๋ยวนะ ฉันไม่ได้เข้าใจผิดไปใช่ไหมว่าคนที่เธอจะเดทด้วยในวันนี้คือแฟนใหม่”
“แน่นอน” เธอตอบพลางหัวเราะคิกคัก แล้วก้มลงมองชุดตัวเอง ก่อนจะถามความเห็นของทั้งอโรชาและบุษบันเพื่อย้ำความมั่นใจของตัวเอง “ชุดนี้เธอว่ามันโอเคไหมบุษ พี่ซี”
“สวย” อโรชาบอก
“เปะเวอร์” บุษบันย้ำ
“ก็ว่างั้นแหละ ฮ่าๆๆ…ขอบคุณทั้งสองคนนะจ๊ะ ไปล่ะเดี๋ยวสาย” ว่าแล้วคนสวยเปะวอร์ก็โบกมือลาทั้งสองคนเล็กน้อยแล้วเดินนวดนายจากไปอย่างอารมณ์ดี
“แล้วเราล่ะตกลงว่าไง อย่าบอกนะว่ามีนัดเดท”
“นัดดงนัดเดทที่ไหนกันค่ะ แฟนยังหาไม่ได้สักคน”
“งั้นก็เป็นอันว่าตกลง” อโรชามัดมือชก จากนั้นก็รั้งไหล่บางให้หมุนตัวเดินไปที่รถเสียเลย “เราต้องแวะซื้ออะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าคะ” คนที่เดินไปตามแรงรั้งจนถึงรถเอ่ยถาม
“ไม่ต้องจ๊ะ เรื่องนั้นซายด์กับซันเขาอาสาแล้วล่ะ เราสองคนตรงกลับบ้านเลย รถแถวนี้ยิ่งติดๆ ดีไม่ดีกว่าจะถึงบ้านสองคนนั้นตั้งโต๊ะรอเราพอดี”
“ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยนะคะ บุษขี้เกียจฟังน้องชายพี่ซีบ่นและแขวะพยายามทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้มันเป็นเรื่อง” บุษบันบ่นหน้าบึ้ง เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่ง ดึงเข็มขัดนิรภัยมารัดให้เรียบร้อย
อโรชาหันมามองเสี้ยวหน้ารูปไข่และมีแก้มนิดๆ ของเพื่อนสนิทน้องสาวและเธอเองก็รักและเอ็นดูเด็กสาวคนนี้เหมือนน้องสาวคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน แล้วยิ้มพางหัวเราะในลำคอ
“ไม่หรอกน่าเดี๋ยวนี้ซันน่ารักขึ้นเยอะ บุษที่ไม่ค่อยได้เจอเขาเห็นแล้วจะแปลกใจ”
“หวังว่านะคะ” บุษบันหันมาบอกยิ้มๆ ไม่ได้ใส่ใจเรืองนี้มากมายนัก คิดแค่ว่าอริญชย์ก็ยังคงเป็นอริญชย์อยู่วันยังค่ำ ถึงจะหน้าตาดีแต่ปากเสียสุดๆ
‘เปลี่ยนตรงไหน’ บุษบันสบถในใจขณะฟังอริญชย์บ่นและแขวะเธอตลอด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครผิดถ้าจะโทษ ก็โน้นเลยจราจรที่ติดขัดยิ่งแถวห้างดังไม่ต้องห่วง รถก็เยอะคนก็แยะ
“ทำไมไม่มาถึงตอนเก็บโต๊ะไปเลยล่ะ” อริญชย์จบประโยคหลังจากร่ายยาว พลางปรายตาไปที่บุษบันที่ดึงเก้าอี้ออกแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ น้องสาวคู่แฝดของตน
“ฉันคิดว่าฉันคิดผิดนะที่มาทานข้าวที่บ้านแกในวันนี้” บุษบันพูดกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ แต่สายตานั้นจ้องหนุ่มหล่อ ขาว ตี๋ ตรงหน้าที่อโรชาบอกว่าเขาน่ารักกว่าแต่ก่อนเยอะอย่างไม่วางตา ‘น่ารักตายล่ะ’ เธอสบถในใจพลางเบ้ปาก
“เธอกำลังด่าฉันในใจ ใช่ไหมบุษบัน”
“อ๋อ เหรอ เพิ่งรู้ว่าคนอย่างนายอริญชย์เปลี่ยนอาชีพจากวิศวกรมาเป็นร่างทรงอ่านใจคนเสียแล้ว” พูดจบบุษบันก็ยิงฟันใส่อีกฝ่าย ที่นั่งขบกรามแน่นและอ้าปากกำลังจะโต้กลับ
ทว่าบุษบันกลับรีบยกมือขึ้นเป็นการห้าม แล้วพูดต่อไปว่า “หยุดอยู่แค่นั้นถ้าคำที่จะหลุดออกจากปากของนายมันคือการกัดแขวะ…ฉันจะบอกว่ามันน่าเบื่อมากๆ”
“น่าเบื่อ…” เขาครางถามเหมือนคาดไม่ถึง และบุษบันก็พยักหน้ารับ “ใช่! ฉันโดยนายต่อว่าตลอดว่าทุกครั้งที่มาช้าเพราะฉันมัวแต่ไปอ่อยนายแบบ ทำให้ต้องมานัดเลท”
“ฉันไม่เคยพูด และเอ่อ…”
“ไม่เคยพูดตรงๆ แต่ในคำพูดนั้นมันจะแปลความหมายเป็นอย่างอื่นได้ไหมล่ะ นายรู้ไหมที่ฉันไม่มาที่นี่ไม่ใช่ไม่อยากมา แต่มาแล้วต้องเจอนายฉันยอมไม่มาดีกว่า เพราะฉันเบื่อที่ต้องมาเถียงกับนายด้วยเรื่องเดิมๆ” ระบายจบร่างสูงโปร่งก็ทำท่าจะลุกหนี แต่มือของคนที่นั่งฟังทั้งสองคนคุย ไม่ใช่สิน่าจะใช้คำว่าเถียงกันมากกว่าถึงจะใกล้เคียงกับสถานการณ์ในตอนนี้ รั้งแขนเพื่อนรักเอาไว้ก่อน
“ใจเย็นสิแก”
“ฉันไม่ได้ไปไหน ขอไปสงบสติอารมณ์นิดหนึ่ง พี่ซีมาแล้วไปเรียกด้วยล่ะกัน” อริสราพยักหน้ารับรู้ก่อนจะดึงมือกลับ
เมื่อร่างสูงโปร่งเพรียวระหงเรียกได้ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ เดินพ้นออกไป เธอก็หันมามองพี่ชายคู่แฝดพลางถอนหายใจ
“นายเป็นด็กประถมหรือไง”
“จะบ้าเหรอ ฉันจบมหาลัยทำงานแล้วแกก็รู้ จะมาว่าฉันเป็นเด็กประถมได้ไง” อริญชย์ทำหน้าเหลอหลาเถียงแฝดผู้น้องคอเป็นเอ็น
“อย่ามาแกล้งโง่” อริสราด่า
“ใช่อย่าแกล้งโง่ให้มากนัก” และมีอีกเสียงด่าย้ำจากพี่สาวคนโตที่ ตอนนี้ได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
และนี้เป็นนิสัยที่ทุกคนในบ้านรู้ดี คือกลับจากทำงานมาถึงบ้านสิ่งแรกที่เธอต้องทำคืออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะหงุดหงิดแม้กระทั่งการทานอาหาร
“ผมได้โง่ พี่ก็รู้ว่าผมจบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง” คนไม่โง่อวดอ้าง
สองสาวมองหน้ากันแล้วเบ้ปากอย่างสมเพชเวทนา “พี่ว่าเอาเกียรตินิยมไปคืนมหาลัยดีกว่าไหม”
“เห็นด้วย” น้องสาวรีบเสริมพี่สาว ทำเอาหนึ่งหนุ่มเริ่มจะรำคาญล่ะที่ถูกพี่น้องรุมด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ จู่ๆ ทั้งสองคนก็หาว่าเขาเป็นเด็กประถมบ้างล่ะ โง่บ้างล่ะ
“ถามจริงเถอะเป็นอะไรกัน จู่ๆ ก็มาด่ากันเนี่ย”
“แล้วแกล่ะเป็นอะไร ถึงได้ไปตอแยพูดจิกกัดยัยบุษเขาตลอด ทั้งที่แกก็รู้ว่าเรื่องที่แกพูดมันไม่ใช่เรื่องจริง” อโรชาย้อนถามน้องชายกลับคืนไปบ้าง
“ตอนเรียนก็เหมือนกันค่ะพี่ซี” ได้ที่อริสรารีบเสริมทัพ อีกอย่างนี้เป็นครั้งแรกที่เธอกับพี่สาวจะได้คุยเรื่องนี้กับคู่แฝดแบบจริงจังเสียที หลังจากดูห่างๆ อย่างห่วงๆ และมีปรามบ้างพูดคุยกันบ้างแต่นั้นก็เล็กน้อยเท่านั้น
“คือผม…ผม…ผมว่าไปตามบุษมาทานข้าวดีกว่าไหม เขาบอกว่าถ้าพี่มาแล้วให้ไปตาม” อริญชย์พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสองสาวไปที่เรื่องอื่น
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ทั้งสองรู้ทัน “ก็ดี ซายด์ไปตามบุษมาแล้วเราจะคุยกันแบบเปิดอกเสียทีว่าน้องชายงี่เง่าคนนี้มันชอบแกล้งคนที่ชอบเหมือนเด็กประถม”
“ค่ะพี่” อริสรารับลูกลุกขึ้นทันที
ทำเอาอริญยช์ที่เพิ่งหายจากอาการที่เรียกว่า ‘อึ้ง’ ไปชั่วอึดใจ เพราะไม่คิดว่าคนในบ้านจะไม่รู้จะอ่านเขาไม่ออก รีบกระโดดไปรั้งคูแฝดเอาไว้ “เดี๋ยวๆ สิ”
“อะไร ปล่อยสิน่ารำคาญ” น้องคู่แฝดทำท่าสะบัดตัวฮึดฮัดๆ ออกจากการเหนี่ยวรั้งด้วยความขัดใจ “สัญญาก่อนว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับบุษ”
อริสราถอนหายใจพลางปลดมือคู่แฝดออกจากแขน “ถามจริงๆ เถอะจะทำอย่างนี้อีกนานไหม เลิกเถอะ ก่อนที่ยัยบุษจะเกลียดนายเข้ากระดูกดำ”
“หรือจะรอให้ใครมาแย่งไปก่อน เมื่อถึงตอนนั้นจะบอกไว้เลยนะว่าใครก็ช่วยแกไม่ได้” อโรชาเตือนน้องชาย
คนทำงานด้วยกันตลอดทำไมจะไม่รู้ว่าบุษบันเป็นที่หมายตาของหนุ่มๆ มากขนาดไหน แม้แต่นายแบบก็ยังเคยขายขนมจีบหญิงสาวบ่อยครั้ง แต่มันยังคงไม่มีคนที่เข้าตาและตรงใจทำให้สาวสวยอย่างบุษบันเป็นโสดมาจนถึงทุกวัน
“ผมไม่คิดว่าทุกคนจะดูออก”
“มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นล่ะมั้งที่ดูไม่ออก ถึงปากจะจิกจะกัดยังไง แต่สายตาที่แกใช้มองบุษทุกครั้งมันกลับตรงกันข้าม”
“และนายควรเลิกมันซะ มันไม่ผลดีกับตัวเอง มีแต่จะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม” อริสราออกโรงเตือนอีกครั้ง
อริญชย์มองหน้าคู่แฝดกับพี่สาวสลับกันไปมา ก่อนจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมด้วยสีหน้าที่คิดไม่ตก “แล้วผมควรทำไงล่ะครับสาวๆ”
“เอาจริงจังเดินหน้าจีบยัยบุษซะ” คู่แฝดแนะนำ
“พี่เห็นด้วยกับซายด์ และเริ่มจากตอนนี้เลย ไปตามบุษมาทานข้าว”
“ผมเนี่ยนะ” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเองอย่างมาอยากจะเชื่อ “ใช่ ถ้าจะเริ่มมันก็เริ่มจากวันนี้และตอนนี้แหละ ไปลุก” อโรชาผลักเข้าที่ไหล่กว้างของน้องชายแรงๆ ไปทีหนึ่งแล้วดึงเก้าอี้ประจำตำแหน่งออกมานั่ง
“แต่ผมไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดีนี่”
“แค่ขอโทษและบอกเขาให้มาทานข้าวแค่นี้มันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วนะพี่ว่า” อโรชาบอกพลางตักข้าวในโถใส่จานน้องชายและของตัวเอง จากนั้นก็เลื่อนมันไปให้น้องสาว
“ผมจะลองดู”
“ดีมาก!” สองพี่น้องตะโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไวๆ ออกไปตามบุษบันมาทานข้าว แล้วหันมายิ้มและแตะมือกันอย่างชอบใจ ก็จะไม่ให้ชอบใจได้ยังไงก็ในเมื่อทั้งสองอยากได้บุษบันมาเป็นคนในครอบครัวจะตายไป ตอนนี้ความหวังใกล้เข้ามาอีกก้าวแล้วล่ะ
******************************************************************************************************************************************************************************************
ขอฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ เรื่องนี้ไม่ยาวมากค่ะ เป็นเล่มเล็กประมาณ 100-120 หน้าเอสี่ แต่เป็น 25+ นะคะ 555
แต่การอัพลงเวบอาจจะมีการตัดเข้าหัวเตียงหรือโคมไฟแทนนะคะ >///< และเหมือนเคยค่ะเรื่องนี้ก็อัพแค่ 70% เท่านั้นนะคะ ^^
สุดท้ายท้ายสุดก็ขายของค่ะ 555
ฝาก “เกมรักบรรณาการร้อน” (บางคนอาจจะคิดว่าเรื่องนี้เคยอัพลงเวบไหม เคยนะคะชื่อเดิมคือเรื่อง “พ่ายพิศวาสซาตาน” ค่ะ) ที่จะวางแผงที่ 7-11 เร็วๆ นี้ด้วยนะคะ ดูปกตามลิ้งเลยค่ะ
https://fbcdn-sphotos-e-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/993357_383891858399844_634632704_n.jpg
ส่วนอีกเรื่องคือ “หัวใจบ่มรัก” เรื่องนี้ทำมือค่ะ รายละเอียดด้านล่างนี้เลยค่า ^_^
เปิดจองนิยายค่า ^^
เรื่อง “หัวใจบ่มรัก”
ราคาปก 320 บาท ลดเหลือ 299 บาท (ฟรีค่าส่งแบบลงทะเบียน)
จองพร้อมโอน 130 คนแรกรับสมุดโน๊ตเล่มเล็กที่เหมือนหนังสือนิยายย่อส่วน (ลักษณะจะเหมือนจิ๊ดริดเมมโมของแจ่มใส แต่อันนี้จะเป็นของ หัวใจบ่มรักค่ะ)
เปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 09/09/56
หนังสือสามารจัดส่งได้ปลายเดือนกันยาค่ะ
สนใจสามารถติดต่อได้ที่ kesmani1@hotmail.com นะคะ
ลองอ่านตัวอย่างได้ที่
เวบห้องสมุด >>> http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=2259
เวบเด็กดี >>> http://my.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=835664
เวบสิรินดา >>> http://home.love-stories.net/lovestories/viewnovel/7169
โปรยปกหน้า
‘เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต
และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้
โปรยปกหลัง
ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้
แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง
…เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!
“คุณจอดรถทำไม”
“สั่งสอนเด็กดื้อไง”
พูดพลางยักคิ้วและหรี่ตามองอย่างหมายมาดอะไรบางอย่าง
“คุณจะทำอะไร”
พศวัตไม่ตอบ แต่ปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยของวรรณวลีออกแล้วกระชากร่างบางเข้าหาพลางยิ้มยั่ว และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวเริ่มพอจะรู้ว่าเขาจะสั่งสอนเด็กดื้ออย่างเธอยังไง
“ยะ…หยุดนะ”
ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก
“หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”
“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า”
วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ
“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว”
พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว
“สัญญานะ”
ถามอย่างระแวง
“ครับ…”
เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ
“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!”
วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น
“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”
เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ส.ค. 2556, 15:59:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ส.ค. 2556, 15:59:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 2733
ตอนที่ 2 >> |