จอมใจสายสืบ ชุดนางฟ้าจำแลง
เรื่องของสาวงามที่มาเพื่อจะแก้แค้นให้กับน้าสาวที่อกหักรักไม่สมหวัง

โดยมีมีต้นเหตุมาจากอดีตสารวัตรพิธิวัฒน์ พรหมพิริยะ ลูกชายเจ้าของค่ายนางงามเพรานภาเป็นเป้าหมายคนสำคัญ


Tags: พิธิวัฒน์ + จอมใจ

ตอน: บทที่ 21 พี่เลี้ยงป้ายแดง





แล้วคุณธิก็กลายเป็นพี่เลี้ยงป้ายแดง

เรื่องจะดำเนินไปอย่างไร พอจะเดาเหตุการณ์ต่อจากนี้ออกไหมคะ

ขอบอกว่าเรื่องยังไม่จบ แต่ก็งวดเข้ามาทุกที

ส่วนจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ ตามลุ้นกันให้ดีนะคะ


อ่านให้สนุก และอย่าลืมกดไลค์ให้กำลังใจนักเขียนนะคะ






*************

บทที่ 21

พี่เลี้ยงป้ายแดง



“ผู้สื่อข่าวจากเรือนจำจังหวัดนครนายก รายงานมาว่าอดีตรัฐมนตรีช่วยเรืองยศเกิดอาการเป็นลมหน้ามืดศีรษะฟาดพื้นปูนซีเมนต์ขณะอาบน้ำร่วมกับเพื่อนๆ ผู้ต้องขัง และได้มีอาการทรุดหนักจนต้องส่งโรงพยาบาล เมื่อตรวจพบว่ามีเลือดคั่งในสมอง หลังต้องโทษอยู่ในเรือนจำเพื่อรอต่อสู้คดีเป็นเดือนที่สาม โดยทีมแพทย์วินิจฉัยว่าอาการอยู่ในขั้นโคม่าเพราะมีเส้นเลือดฝอยแตกหลายเส้นซึ่งอาจเกิดจากการเคร่งเครียดจนทำให้ความดันขึ้นสูงจนเกินขนาด ซึ่งก่อนหน้านั้นนายทองก้อน ผู้กระทำความผิดร่วมได้เกิดมีปากเสียงกับสมจิตนักโทษชายด้วยกัน จนถึงขนาดมีเรื่องชกต่อย และสุดท้ายได้ถูกนักโทษชายแทงด้วยส้อมเข้าที่ลำคอจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้อดีตรัฐมนตรีช่วยเกิดอาการเคร่งเครียด เพราะอดีตลูกน้องมือขวาเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา”

“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” พิธิวัฒน์เปรยเสียงเบา แล้วเอื้อมไปหยิบรีโมตทีวีภายในห้องพักฟื้นของมารดาขึ้นมาปิดภาพการรายงานข่าว เมื่อเห็นผู้เป็นแม่ขยับตัวลืมตาตื่น

“แม่ เป็นไงบ้างครับ ดีขึ้นกว่าเมื่อวานไหม” คนเป็นลูกถามเสียงทุ้ม ดวงตาส่องประกายยินดีเมื่ออาการของมารดาดีขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถย้ายมาอยู่ห้องพิเศษได้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน

“ดีขึ้นมากเลยลูก”

“ผมดีใจที่แม่ไม่เป็นอะไรมากอย่างที่ผมกลัว” มือหนาเกาะกุมมือมารดาขึ้นมาจูบหนักๆซ้ำอีกเป็นครั้งที่เท่าไรนั้น เขาก็นับไม่ถ้วน เพราะนับจากฟื้นคืนสติ เขาก็เฝ้าจูบให้กำลังใจผู้เป็นแม่แทบจะตลอดเวลา แล้วก็พร่ำขอโทษที่เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น จนแม่ต้องปรามว่ามันไม่ใช่ความผิดของเขา จากนั้นก็ถามถึงคนอื่นๆที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เขาต้องเล่าให้ฟังว่าลุงวิชิตต้องใส่เฝือกที่ขา กับบรรจบไหปลาร้าหัก แต่คนทั้งสองกลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ส่วนกิตติพรเป็นคนเดียวที่ไม่เป็นอะไรมาก แค่ฟกช้ำดำเขียว เลยรอดตายมาอย่างปาฏิหาริย์

“แม่ก็ดีใจ”

“ผมสัญญานะครับแม่ ต่อไปนี้ผมจะไม่ให้แม่ไปไหนโดยที่ไม่มีผมไปด้วยอีกแล้ว”

เพรานภาแตะแก้มบุตรชายที่เขียวครึ้มไปด้วยเคราอยู่ตรงสองข้างแก้ม

“ขอบใจจ้ะลูก ธิของแม่น่ารักเสมอ”

“ผมรักแม่นี่ครับ”

“แม่ก็รักธินะ” คนเป็นแม่บอกด้วยน้ำเสียงเนือย พลางถอนหายใจ

“อุบัติเหตุมันชั่วเดี๋ยวเดียวจริงๆนะลูก แม่นึกว่าจะตายซะแล้ว”

“ไม่ครับ ไม่ตาย แม่ต้องอยู่กับผมไปอีกนานๆ นะครับ” คนเป็นลูกโน้มตัวลงกอดร่างผอมบางของมารดาจนแน่นด้วยท่าทีละมุนละไม

“เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาลูก วันหนึ่งข้างหน้าแม่ก็ต้องจากธิอยู่ดี เพราะฉะนั้นในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ดีที่สุด”

“ครับ ผมจะทำให้แม่มีความสุขที่สุด” ชายหนุ่มคลายอ้อมกอดออก

“แล้วจอมใจล่ะลูก ไปไหน ไม่เห็นมา?”

“เดี๋ยวมาครับ”ผู้เป็นลูกบอกยิ้มๆ

“ธิมีอะไรจะเซอร์ไพรส์แม่หรือเปล่า ทำไมทำท่าแปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไม่ยอมให้แม่เจอจอมใจ”

“แม่ช่างสังเกตจริงๆ”

“หรือว่าจอมใจไม่ยอมประกวดนางงาม”

“แม่ครับ ผมเป็นลูกแม่นะ แม่เป็นถึงเจ้าของค่ายนางงามเพรานภาที่มีชื่อเสียง ผมจะปล่อยให้จอมใจเดินออกจากค่ายไปโดยที่ยังไม่ได้ขึ้นเวทีหรอก”

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า จอมใจจะยอมขึ้นเวทีเหมือนเดิมใช่ไหม”เพรานภาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ครับ”

“เฮ้อ โล่งอก แม่ไม่เห็นจอมใจมาที่นี่ ก็เลยคิดว่าเปลี่ยนใจกลับไปเล่นวอลเลย์บอลแล้ว แต่ลูกให้ใครมาช่วยเป็นพี่เลี้ยงล่ะ”

“ผมครับ” พิธิวัฒน์ตอบสั้นๆ แต่สามารถทำให้ดวงตาของมารดาเบิ่งโตเหมือนจะไม่แน่ใจในคำบอกเล่านั้น จนผู้เป็นลูกต้องอธิบายย้ำไปอีกครั้ง

“แม่ไม่ต้องกังวลว่าผมจะทำไม่ได้ อย่าลืมว่าผมเป็นลูกแม่ ผมคลุกคลีกับการเตรียมสาวงามของแม่มาตลอด รู้หมดทุกขั้นตอนว่าต้องทำอะไรอย่างไหนบ้าง เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อมือผม”

“แล้วจอมใจยอมเหรอ”

พิธิวัฒน์พยักหน้ากับคำถามของมารดา

“ตอนแรกเธอจะถอนตัวเพราะเห็นว่าแม่เจ็บหนัก แต่ผมไม่เห็นด้วย เลยรั้งเธอไว้แล้วขอให้เธอเข้าประกวดตามความตั้งใจเดิมของเธอ”

“จะทันเหรอลูก ท่าทางก็ไม่ได้เรียบร้อยเลย เหมือนทอมอีกด้วย แม่ว่าเอาไว้ปีโน้นดีกว่าไหม”

“อายุจะเป็นอุปสรรคนะครับแม่ หรือว่าแม่กลัวอะไร”

คนเป็นแม่ถอนหายใจให้ชายหนุ่มได้ยิน ร่างสูงล่ำนั่งลงบนขอบเตียง พลางจับมือของมารดามากุมอย่างอ่อนโยน

“แม่ไม่ต้องกลัวความผิดหวังนะครับ ผมว่าคราวนี้เราต้องทำได้แน่”

“ธิเชื่ออย่างนั้นเหรอ”

“ครับ ผมเชื่อแบบนั้น ผมเชื่อว่าแม่มองอะไรแล้วไม่มีพลาด”

“ขอบใจธิมากลูก ขอบใจที่เป็นกำลังใจให้แม่เสมอ ถ้าอย่างนั้นเรียกต้นอ้อมาช่วยไหม”

ใบหน้าคมเข้มส่ายไปมา

“อย่าเลยครับ ขอผมฝึกเองดีกว่า หลายคนก็วุ่นวาย แล้วคนของเราก็เป็นมิสจำไม ชอบตั้งคำถามตลอดเวลา ผมเกรงว่าต้นอ้อจะปวดหัวซะก่อน”

“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากธิดูแลด้วยลูก อย่าลืมเตรียมเรื่องซองคำถามให้จอมใจหัดอ่านหัดตอบด้วย เดี๋ยวจะตื่นเวทีแล้วสั่นเหมือนตอนศิรภัสสรอีก”

“ครับ แม่ไม่ต้องห่วง” คนเป็นลูกบอกด้วยใบหน้ายิ้มละไม

ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้พิธิวัฒน์ต้องลุกยืน

“ท่าทางสาวงามของแม่จะมาถึงแล้วมั้งครับ” ร่างสูงล่ำลุกไปเปิดประตูจนกว้าง เพื่อให้ผู้เป็นแม่ได้มองเห็นผลงานที่เขาเสกสรรปั้นแต่งขึ้นตามที่เคยเห็นมารดาทำ

สาวงามคนใหม่อยู่ในชุดเดรสเข้ารูปคอกว้างแขนกุดสีฟ้าหวานสดใส เน้นส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างสูงเพรียว อกได้รูปสวย เอวคอดกิ่ว สะโพกผาย เรียวขายาวสวมรองเท้าส้นสูงอีกห้านิ้ว แขนสองข้างขาวนวล ใบหน้ารูปไข่ไร้ไฝฝ้า ดวงตาเป็นประกายสดใสยามเห็นคนไข้บนเตียงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง รอยยิ้มจุดขึ้นบนเรียวปากสีชมพูอย่างยินดีเมื่อหญิงสาวอ้าแขนสวมกอดนายแม่เพรานภาด้วยความดีใจ

“คุณแม่”

“หนูจ๋อม ไปทำอะไรมาลูก ทำไมสวยผิดหูผิดตาขนาดนี้” เพรานภาดันร่างเพรียวระหงที่หอมกรุ่นให้ห่างออกจากตัว เพื่อพิจารณาให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ตาฝาด เพราะหญิงสาวตรงหน้านี้ ผิดกันไกลเป็นคนละคนกับเมื่อก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุ เท่าที่จำได้นั้นนักกีฬาวอลเลย์บอลไม่ทาแป้ง ผมยุ่ง หน้ามัน ใส่เพียงเสื้อยืดกางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าชั่วเวลาแค่เธอรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จอมใจจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

“ต้องยกความดีความชอบให้เจ้านายค่ะคุณแม่”

“ทำไมยังเรียกเจ้านายอีกล่ะลูก เรียกคุณธิก็ได้นี่นะ”

“มันติดปาก แล้วเจ้านายก็ไม่เห็นบอกให้เรียกใหม่เลย” สาวงามหันไปต่อว่าเจ้านายหนุ่ม พลางปรายตาค้อน

“ไม่เห็นจำเป็นต้องสั่ง อยากจะเรียกอะไรก็เรียก ผมก็เป็นผม”

“ฉันผิดสิคะ”

“คิดเอาเอง” พิธิวัฒน์บอกยิ้มๆ

“แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอลูก”

“ไปยื่นใบสมัครไงครับแม่ วันนี้เขาเปิดเป็นวันสุดท้าย”

“ทำไมไปวันสุดท้ายล่ะ”

“วันสุดท้ายสิครับดี ไม่มีใครมาแย่งซีน เพราะส่วนมากเขาจะคิดว่าไปวันแรกๆ ดีกว่า นักข่าวมาทำข่าวกันเยอะ แต่หารู้ไม่ว่าวันสุดท้ายมันเป็นวันของพวกตัวจริง”

“แล้วหนูจ๋อมล่ะลูก พร้อมไหม”

จอมใจขยับจะแบมือยักไหล่แต่ว่ามีเสียงกระแอมกระไอดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ฉีกยิ้มหวานๆ แล้วตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง

“พร้อมค่ะ”

“ทำให้ดีที่สุดนะลูกนะ แม่อวยพรขอให้โชคดี”

สาวงามคนสวยพนมมือไหว้อย่างสวยงาม

“ขอบคุณค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับแม่ เดี๋ยวเสร็จธุระแล้วจะมาใหม่ ป้าชื่นจิตอยู่ข้างนอก แล้วพยาบาลพิเศษจะมาเฝ้าคืนนี้ มีอะไรแม่กดกริ่งเรียกเลยนะครับ” คนเป็นลูกเดินมาจับมือมารดาขึ้นจุมพิตอย่างอ่อนหวาน จนสาวงามที่ยืนอยู่ด้วยต้องนึกชมท่าทีละมุนละไมนั้น

“ไปเถอะ ไม่ต้องห่วง แม่คิดว่ากว่าจอมใจจะขึ้นเวที คงหายทันได้ไปเชียร์รอบสุดท้ายแน่นอน”

“ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น ผมไปเลยนะครับ ต้องเผื่อรถติดด้วย”

“จ้ะ โชคดีลูก หนูจ๋อมด้วยนะ”

“ค่ะ แล้วคุณแม่มีเคล็ดลับอะไรจะแนะนำจ๋อมบ้างไหมคะ”

“ความเป็นธรรมชาติ ความมั่นใจ อย่าเสแสร้ง แต่ต้องอย่าซื่อจนมองดูแล้วเหมือนคนโง่นะลูก แล้วก็ยิ้มหวานๆ เข้าไว้”

“เยอะจังค่ะ แต่จ๋อมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ” พิธิวัฒน์เดินมาแตะแผ่นหลังของร่างเพรียวระหงที่หอมกรุ่น ให้เปิดประตูออกจากห้องไปด้วยกัน หลังจากที่เขาเคี่ยวกรำจอมใจแบบเข้มข้นจนหญิงสาวร้องไห้ต่อว่าเขาหลายครั้ง และขู่จะถอนตัวหากว่าเขายังฝึกเธอเหมือนทหาร มากกว่าจะฝึกให้เป็นนางงาม

“ฉันไม่ได้ฝึกเป็นบอดี้การ์ดนะ แต่ฉันจะประกวดยอดพธูไทย” จอมใจตะโกนใส่หน้า เมื่อเขาสั่งให้ออกกำลังกายด้วยการซิทอัพวันละสองร้อยครั้ง เพื่อลดหน้าท้องให้แบนราบไร้ไขมันส่วนเกิน เพราะจะต้องใส่ชุดว่ายน้ำแบบทูพีซอวดรูปร่างให้กรรมการดูในวันคัดตัวรอบแรก

“ก็เพราะคุณจะประกวดยอดพธูไทยน่ะสิ ผมถึงต้องฝึกเข้มกับคุณ” คนพูดนั่งคุกเข่าอยู่ตรงปลายเท้าของหญิงสาวที่เขาเป็นคนจับข้อเท้าแล้วให้จอมใจเกร็งตัวขึ้นมา

“แต่ฉันทำไม่ได้”

“อย่าพูดแบบนี้ ผมรู้ว่าคุณเป็นนักกีฬามาก่อน คุณต้องฝึกหนักเหมือนกัน”

“ฉันบริหารวันละหนึ่งร้อยครั้งแค่นั้น”

“เพิ่มอีกหนึ่งร้อยจะเป็นอะไรไปล่ะ”

“ก็มันปวดไปหมดเลย ฉันไม่ได้ทำมาหลายเดือนแล้วนะ” สาวงามยังนั่งหน้าคว่ำ เหยียดขายาวอยู่บนพื้นพรมหนาของห้องออกกำลังกาย

“เดี๋ยวเสร็จแล้วจะนวดให้”

“บ้าเหรอ เจ้านายเป็นผู้ชาย”

“พี่เลี้ยงนางงามทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว ผมไม่ถือ” พี่เลี้ยงรูปหล่อบอกหน้าตาเฉย

“แต่ฉันถือ”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบๆ ทำให้เสร็จ เรายังมีอย่างอื่นต้องทำอีกเยอะ”

“ทำอะไรอีก!”

“ลองชุดว่ายน้ำ”

“ทำไมต้องลองด้วยล่ะ?”

“ผมไม่เข้าใจเลยนะจอมใจ คุณอยากประกวดนางงาม แต่คุณมีคำถามมากมาย โน่นนี่ก็ไม่อยากทำ ผมถามคุณกลับบ้างนะว่าแล้วคุณจะมาประกวดทำไม” อดีตนายตำรวจถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“หรือว่ามีแผนการอยู่ในใจ กะจะมาแก้แค้นผมเหมือนเดิมใช่ไหม”

“บ้าเหรอ ฉันไม่คิดอะไรแบบนั้นหรอก”

“ดีแล้ว เพราะถ้าคุณคิด ผมขอเตือนไว้เลยว่ามันไม่ได้ผลหรอก”

จอมใจเบ้หน้าใส่แล้วเอนตัวลงนอนวางมือสองข้างไว้ตรงท้ายทอย จากนั้นก็เกร็งตัวขึ้นเพื่อทำท่าบริหารตามที่ชายหนุ่มต้องการ

“แสดงว่าเจ้านายมั่นใจว่าจะไม่ตกหลุมรักฉัน?”

“การจะตกหลุมรักใครสักคน ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้นสวยหน้าตาดี มันต้องมีมากกว่านั้น”

“อย่างเช่น”

“มันต้องมีแรงดึงดูดบางอย่าง บางอย่างนั้นต้องผูกใจสองดวงให้มาคู่กัน”

คำพูดนั้นทำให้คนที่กำลังบริหารร่างกายต้องหยุดพักเหนื่อย ใบหน้านวลเนียนแดงเรื่อด้วยเลือดฝาดของสาวแรกรุ่น

“เหมือนเพลงแรงดึงดูดเลย”

“ใช่ แรงดึงดูด คงจะมีอะไรสักอย่างในโลกนี้ คงจะมีพลังอะไรอยู่ในนั้น โลกใบนี้เหมือนมีจิตใจ บันดาลให้ใครต่อใคร เปิดใจมารักกัน เช่นเธอกับฉัน มาเจอกันด้วยเหตุใดนั้น คิดดู” เนื้อเพลงถูกเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นทำนองอย่างไพเราะ ในดวงตาคมกริบส่องประกายวิบวับ ใบหน้าคมเข้มโน้มลงมาจนชิดใบหน้านวลเนียนที่ดูจะตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เมื่อเรียวปากได้รูปประทับลงบนปากสีชมพูอย่างอ่อนหวาน

“หรือจะเป็นด้วยแรงโน้มถ่วงนะจอมใจ” พิธิวัฒน์กระซิบอยู่ตรงเรียวปากทำให้เจ้าของปากต้องขยับถอยห่าง แล้วผลักร่างสูงล่ำออกจากขาของเธอด้วยความตกใจก่อนจะดุออกไป

“เจ้านาย ทำอะไร?”

“ผมก็แค่สาธิตให้ดูว่าแรงดึงดูดเป็นยังไง”

“บ้าเหรอ ไม่ต้องสาธิตก็ได้ ฉันไม่อยากรู้” ร่างเพรียวระหงลุกยืน แต่ก็แทบจะเซถลาล้มเพราะความที่นอนอยู่กับพื้นนานเกินไป มือหนาคว้าจับเรียวแขนไว้ได้

“ก็เห็นถาม”

“ใช่ ฉันถาม แต่เจ้านายตอบเฉยๆ ก็ได้”

“กลัวไม่เข้าใจ แล้วก็กลัวว่าจะถามมาอีกก็เลยสาธิตให้ดูซะเลย” ร่างสูงล่ำพาสาวงามไปนั่งบนโซฟาริมหน้าต่าง

“ฉันรู้สึกว่าเจ้านายเป็นพวกตอดนิดตอดหน่อย หรือประเภทหมาหยอกไก่”

“แรงนะคำนี้” คนพูดเดินมาเปิดตู้เย็นหยิบกล่องน้ำส้มเทใส่แก้ว แล้วเดินมาส่งให้หญิงสาวจนถึงมือ

“แต่ผมไม่ถือ”

“ฉันอยากได้พี่เลี้ยงคนใหม่”

ร่างสูงล่ำแบมือไหวไหล่ แล้วเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม เขารินน้ำเย็นดื่มจนหมดแก้ว

“ผมจะให้แม่เลิกทำค่ายนางงาม ผมไม่อยากให้ท่านตะลอนพาสาวๆ ไปประกวดโน่นนี่อีกแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องจ้างพี่เลี้ยงคนใหม่มาดูแลคุณ เพราะผมก็เคยเป็นลูกมือของแม่มาก่อน ตอนนี้ผมขอให้คุณทำตามผมเป็นพอ”

“ฉันจะทำตาม ถ้าเจ้านายจะไม่เอาเปรียบฉันอีก”

“มันเป็นเรื่องของแรงดึงดูด”

จอมใจเม้มปากด้วยความโมโห แทบจะลุกไปหยิกไปข่วนหรือตบตีให้หายหงุดหงิดที่เขาช่างยั่วให้เธออารมณ์เสียได้อยู่ตลอดเวลา แถมคนยั่วก็ยังตีหน้าได้นิ่งสนิท จนเธอเดาอารมณ์เขาไม่ออกเลยว่าคิดอย่างไรกับเธอ

“ผมให้คุณนั่งพักเหนื่อยครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยไปเปลี่ยนชุดบิกีนี่ให้ผมดู แล้วก็นี่สำหรับแวกซ์ขน” มือหนายื่นส่งหลอดครีมชนิดหนึ่งให้สาวงามที่ทำหน้ามึนงง แต่ก็แบมือรับแต่โดยดี

“แวกซ์ขน?”

“ใช่แวกซ์ขน หวังว่าคงไม่ต้องบอกนะว่าแวกซ์ตรงไหนบ้าง”

“หน้าแข้ง กับรักแร้ใช่ไหม” คนถามพาซื่อ ดวงตาหวานสบกับเจ้าของดวงตาคมกริบเพื่อรอคำตอบอย่างไร้มารยา

“มีอีกจุด”

“อีกจุดเหรอ?”

พิธิวัฒน์นึกอยากจะจับร่างเพรียวระหงเขย่าให้เลิกสงสัยเสียที เพราะเขาไม่อยากจะบอกตรงๆ ออกไป เกรงว่าจอมใจจะยิ่งเขินอายหนักมากขึ้น

“จอมใจถามจริงๆ เถอะ คุณไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับนางงามเลยใช่ไหมว่าเวลาที่เขาใส่บิกีนี่กันเนี่ย เขาจะต้องเก็บอะไรบ้างไม่ให้มันออกมาเพ่นพ่านน่าเกลียดน่ะ”

“กรี๊ด!” จอมใจกรีดเสียงร้องด้วยความอับอาย เธอลุกขึ้นวิ่งหนีออกจากห้องออกกำลังกายไปทันที

“อ้าว ซะงั้น” พี่เลี้ยงจำเป็นหัวเราะอยู่ในลำคอ มองตามร่างเพรียวระหงหายลับไปจากประตู เขาส่ายศีรษะอย่างนึกขำ เออ แม่คุณ ช่างไร้จริตมารยาจริงๆ!



****************


ภายในห้องบอลรูมขนาดใหญ่ของโรงแรมแห่งหนึ่งกลางใจเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครสาวงามผู้เข้าประกวดนางงามยอดพธูไทย คลาคล่ำไปด้วยสาวงามหลายสิบคน แล้วยังมีพวกสื่อมวลชนอีกหลายแขนงที่รอทำข่าวสำหรับการสมัครเข้าประชันความงามกันในวันสุดท้าย

“เป็นไง ตื่นเต้นไหม”

“มากๆ เลยค่ะ” คนพูดยังนั่งอยู่ในรถคันใหญ่

“จำคำที่แม่ผมบอกเมื่อกี้ได้ไหม”

“มั่นใจ ไร้มารยา อย่าเสแสร้งและต้องไม่ซื่อจนดูเหมือนคนโง่”

“ดีมาก คาถานี้แม่ผมไม่ให้ใครง่ายๆ หรอกนะ เท่าที่รู้ก็มีศิรภัสสรอีกคน” พิธิวัฒน์โกหกหน้าตาเฉย เขาจำได้ว่าแม่ให้พวกสาวงามท่องอยู่ตลอด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครใส่ใจจะจำ พอขึ้นเวทีทีไรก็ลืมหมดทุกที

“เหรอคะ สาธุๆ มั่นใจๆ ไม่โง่ๆ เราต้องฉลาดอย่างเดียว” สาวงามคนสวยพนมมือขึ้นอธิษฐานพลางไหว้ไปรอบทิศ ก่อนจะหันมาเจอเจ้าของดวงตาคมกริบที่ใบหน้าคมเข้มยิ้มละไม

“บอกน้าภัสของคุณให้ช่วยด้วยสิ”

“บอกตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านแล้ว”

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นก็ลงได้แล้ว จำไว้นะว่าให้กรอกในใบสมัครว่าบริษัทพรหมพิริยะเป็นสปอนเซอร์ส่งคุณเข้าประกวด”

“เจ้านายพูดเหมือนมีเส้นสายที่จะทำให้ฉันได้ตำแหน่งเลย”

“ถ้ามี ผมคงไม่รอจนส่งคุณเข้าประกวดหรอกจอมใจ” ร่างสูงล่ำเปิดประตูลงไปยืนข้างรถ

“เพราะผมจะทำให้แม่สมหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่ส่งสาวงามประกวดเวทีนี้แล้วละ”

“แล้วเจ้านายย้ำทำไม”

“กลัวคุณลืม”

“ฉันยังไม่แก่”

“แต่ชอบตั้งคำถามแล้วก็ช่างสงสัย มาเถอะ” พี่เลี้ยงรูปหล่อเปิดประตูรอให้สาวงามได้ลงมายืนอย่างสง่า

“คุณสูงเท่าผมแล้วร้อยแปดสิบห้า”

“ทำไมจะไม่สูงล่ะ ก็เล่นให้ใส่ส้นสูงตั้งห้านิ้ว”

“เพื่อความสง่างามเวลาเดิน อย่าลืมนะว่าต้องเดินหลังตรง อกผายไหล่ผึ่ง แต่หน้าต้องยิ้ม โปรยยิ้มให้หวานๆ แล้วก็ต้องยิ้มมาจากข้างในด้วย เพราะมันจะทำให้ดวงตาของคุณยิ้มไปด้วย”

“ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้านายจะสลัดคราบอดีตสารวัตร มาเป็นพี่เลี้ยงนางงามได้อย่างสมบูรณ์แบบ”

“ผมทำเพื่อแม่ ผมอยากให้แม่มีความสุข” คำพูดนั้นทำให้จอมใจถึงกับเสียดเข้าไปในหัวอก นี่เขาทำเพื่อแม่แค่นั้นเองเหรอ เขาไม่ได้ทุ่มเทเพื่อให้เธอไปถึงดวงดาวหรืออย่างไร อย่านะจ๋อม เธออย่าหลงรักเขาเด็ดขาด เขาต่างหากล่ะที่ต้องตกหลุมรักเธอ แล้วเธอก็จะทิ้งเขาไปให้ช้ำใจอยู่คนเดียว

“เป็นอะไร ทำไมเงียบ” เสียงถามดังขึ้นทำให้จอมใจรู้สึกตัว

“คิดอะไรนิดหน่อย”

“คิดนิดหน่อยได้ แต่อย่าคิดมาก แล้วตัดสินใจคนเดียวเหมือนน้าภัสของคุณ เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย”

จอมใจอยากจะถามออกไปนักว่าเขาเคยทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างไหม นอกจากแม่ที่เขารัก หรือว่าผู้หญิงคนอื่นไม่มีค่าพอ เขาถึงไม่ใส่ใจในความรู้สึก น้าภัสของเธอถึงได้ตัดสินใจผิดพลาด สุดท้ายเหลือเพียงอากาศธาตุที่เขาแทบจะไม่ได้นึกถึงเลยด้วยซ้ำ

“ผมรู้นะว่าคุณกำลังเกิดคำถามอยู่ในใจ เอาเป็นว่าเดี๋ยวคืนนี้เราค่อยคุยกันแล้วกัน”

“ฉันรู้สึกว่าเจ้านายจะรู้ใจฉันมากเกินไปแล้ว”

“แล้วไอ้ที่ผมรู้เนี่ย มันถูกใช่ไหมล่ะ”

“ไม่ถูก! ไม่ใช่! อย่ามาเดาสุ่มมั่วๆ เลย ฉันไม่ใช่อย่างที่เจ้านายคิดหรอก” จอมใจแย้งด้วยอาการแสนงอน น้อยใจจนแทบจะปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา เพราะยอมรับว่าสิ่งที่อดีตนายตำรวจพูดออกมานั้น มันเป็นความจริงที่พยายามจะปิดมัน แต่มันก็จ้องจะเผยให้เห็นหัวใจที่แท้จริงของเธออยู่ตลอดเวลา

“เป็นอะไร เมื่อกี้ก่อนออกจากบ้านก็ยังอารมณ์ดีอยู่เลย”

“ไม่เป็น ไม่ต้องมายุ่ง แล้วก็ห้ามพูดมากด้วย”

พิธิวัฒน์ยังไม่ทันจะได้รับปากหรือโต้แย้งอะไรออกไป เขาก็ต้องหันไปตามเสียงทักทายดีอกดีใจที่ดังมาจากหน้าประตูของห้องรับสมัคร

“ต๊าย ตายๆ ใช่คุณธิไหมฮะนั่น” ปัญจพลอดีตช่างแต่งหน้าทำผมร้องทักไปทันทีที่เห็นร่างสูงล่ำของอดีตนายตำรวจชื่อดัง เดินมากับสาวงามหุ่นสูงเพรียวงามสง่าที่เธอคุ้นหน้าอย่างมาก หลังจากที่เขาโทรไปปรึกษาถึงเรื่องให้รับสาวงามจากค่ายเพรานภาไปดูแลต่อร่วมกับคชาพัฒน์หรือหนิงหน่องเพื่อนรักของเธอ เพราะเขาไม่ต้องการให้มารดามายุ่งเกี่ยวกับการประกวดความงามอีก

“หวัดดีครับ” อดีตสารวัตรทักทายอย่างเป็นกันเอง

“แล้วนี่ใช่จอมใจหรือเปล่าฮะ” สาวเทียมร่างยักษ์สำรวจสาวงามที่ยืนเคียงชายหนุ่มตั้งแต่หัวจดเท้า และเท้าจดหัวด้วยความทึ่งในความสวยผิดหูผิดตา เพราะจำได้ว่าเมื่อสองสามเดือนก่อนนั้น จอมใจยังไม่สวยเท่านี้

“ใช่ จอมใจ โชติมนต์สาวงามคนใหม่ของแม่ผม”

“หวัดดีค่ะพี่ต้นอ้อ”

“วะ หวัด หวัดดีฮ่ะ” ปัญจพลพนมมือรับไหว้ด้วยอาการตะลึงพรึงเพริด เพราะเวลาแค่ไม่กี่เดือนที่ไม่ได้เจอกันนั้น ไม่นึกว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้

“น้องจ๋อมสวยผิดหูผิดตา ไปทำอะไรมาบ้างคะถึงได้สวยปานนกยูงรำแพนหาง”

“คนเขาสวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมากหรอกครับ” พี่เลี้ยงรูปหล่อเป็นฝ่ายตอบคำถามด้วยตัวเอง

“ต๊าย คุณธิช่างพูดนะฮะ”

“ผมจะถือว่าเป็นคำชม ไปเถอะจอมใจ เดี๋ยวจะไม่ทัน” ใบหน้าคมเข้มพยักพเยิดชวนให้หญิงสาวเดินเข้าไปภายในห้องที่เย็นฉ่ำไปด้วยเครื่องปรับอากาศ ทิ้งให้ปัญจพลมองตามหลัง ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนรักในทันที

“แก หนิงหน่อง แกต้องไม่เชื่อแน่ๆ เลย!”

“เกิดอะไรขึ้นยะนังต้นอ้อ” คนถามกำลังง่วนกับการเตรียมเครื่องประทินโฉมให้สาวงามคนใหม่เพื่อจะส่งประกวดนางงามสระบุรีซึ่งเป็นเวทีใหญ่ของจังหวัด

“แกจำจอมใจหลานสาวของศิรภัสสรได้ไหมนังหนิงหน่อง”

“นี่แกอย่าบอกนะว่านายแม่เพรานภาส่งเข้าประกวดด้วย!”

“ไม่อยากจะบอกแบบนั้นหรอก แต่มันเป็นเรื่องจริง แล้วคุณธิของเรายังเป็นคนพามาสมัครด้วยตัวเองอีก โอ๊ยฉันเห็นแล้วอิจฉามากๆ เลย”

“อิจฉาใคร หรืออิจฉาแทนเด็กของตัวเองที่สวยสู้เขาไม่ได้ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ ฉันอิจฉาจอมใจที่ได้ควงสารวัตรพิธิวัฒน์ต่างหากล่ะ คนอะไรทั้งหล่อทั้งเท่ดูดีมีสกุลไปหมด” คนพูดทำตาละห้อยด้วยความเสียดาย ก่อนจะหัวเราะเสียงห้าวเมื่อทางปลายสายบริภาษเสียงดังมาให้ได้ยิน

“โธ่ นังเพื่อนเวร ไอ้เราก็นึกว่าเสียดายที่สาวงามของตัวเองสวยสู้ไม่ได้ ที่ไหนได้มาเสียดายผู้ชาย ฉันไม่คุยกับแกแล้ว งานฉันเยอะพอแล้วย่ะ” คชาพัฒน์กดตัดสัญญาณ จากนั้นจึงหันมาสนใจสาวงามที่กำลังขะมักเขม้นกับการฝึกเดิน ฝึกยิ้มอยู่ภายในร้านเสริมสวยของเธอที่กิจการกำลังรุดหน้า เพราะสาวงามคนล่าสุดน้ำผึ้ง กัญชพร ไพรวัลย์ได้ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ทำให้เธอเป็นที่เชื่อถือของบรรดาสาวงามที่มีความฝันอยากจะครอบครองตำแหน่งยอดพธูไทยเช่นกัน



**************


“วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับสมัครสาวงามผู้เข้าประกวดนางงามยอดพธูไทย ที่ตึกจุลกิจจึงมีสาวงามเดินทางมาสมัครกันอีกหลายสิบคน และหนึ่งในนั้นเป็นหลานสาวของอดีตรองนางงามยอดพธูไทยศิรภัสสร เกตน์สิริ โดยในครั้งนี้มีบริษัทพรหมพิริยะเป็นผู้ส่งเข้าประกวด มีคุณเพรานภาเป็นพี่เลี้ยงดูแล ถึงแม้จะนอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาลก็ตาม ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้กองเชียร์ผิดหวัง เมื่อนางสาวจอมใจ โชติมนต์กลายเป็นตัวเก็งในทันที ด้วยรอยยิ้มที่หวานจับใจกับคุณสมบัติครบถ้วน ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติมาก่อน จากนั้นจึงผันตัวเองไปเล่นให้สโมสรต่างประเทศ” เสียงผู้ประกาศข่าวรายงานอยู่ในช่วงข่าวสังคมทำให้ผู้ที่ตกเป็นข่าวต้องเงยหน้าขึ้นจากจานสลัดบนโต๊ะกินข้าวภายในห้องอาหารเพื่อมองดู ก่อนจะวิจารณ์ให้คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะอาหารฟัง

“เขาพูดซะฉันเลิศเลอ ไม่ดีเลย อาจทำให้คนอื่นอิจฉาได้”

“แล้วคุณมีคุณสมบัติแบบที่เขาพูดมาหรือเปล่าล่ะ” คนถามยังไม่เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษที่เขากำลังอ่าน โดยมีจานข้าวที่พร่องไปเพียงครึ่งเดียว

“มี แต่ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบก็เฉยๆ แต่จะบอกให้ว่าการจะเป็นข่าวหรือพวกนักข่าวจะสนใจได้นั้น มันไม่ใช่ว่าใครจะทำได้ง่ายๆ เราต้องมีอะไรน่าสนใจดึงดูดเขาเข้ามาหาเองด้วย”

“ช่างเถอะ ฉันพูดไปอย่างนั้นแหละ” จอมใจยอมตัดบทเพราะไม่อยากคุยต่อ พอได้ยินคำว่าแรงดึงดูด เพราะกลัวเขาจะหาเรื่องมาทำให้เธอต้องเสียเปรียบอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นก็ลุกไปเปลี่ยนแผ่นคำสัมภาษณ์นางงามเปิดดูสิ”

“เว้นสักคืนได้ไหม”

“ไม่” คำเดียวสั้นๆ แต่ได้ใจความทำให้สาวงามจำต้องลุกเดินกระแทกเท้าไปยังเครื่องเสียงราคาแพงตรงผนังห้องอาหาร

“จอมใจ กลับมาเดินใหม่”

“ไม่เดิน แล้วก็ไม่ดูได้ยินไหม!” จอมใจหันมาเถียงอย่างเหลืออดกับความเข้มงวดที่เขากวดขันเธอเกินความจำเป็น

“ทำไมต้องขึ้นเสียง”

“ก็เจ้านายเอาแต่ออกคำสั่ง แต่ไม่เคยสนใจฉันเลยว่าจะรู้สึกยังไง”

“เหนื่อย งอแง งี่เง่า อยากจะอาละวาดว่าอย่างนั้นเถอะ”

“ใช่ แล้วฉันก็จะบอกว่าฉันจะไม่ทำอะไรตามทฤษฏีของเจ้านายอีกแล้ว ฉันจะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด” สาวงามเอ็ดเสียงดังก่อนจะเดินแกมวิ่งออกจากประตูห้องกินข้าวไป ทิ้งให้พิธิวัฒน์มองตามด้วยความกังขา เป็นอะไร หรือว่าถึงวันนั้นของเดือนถึงได้หงุดหงิด พี่เลี้ยงจำเป็นคิดแบบนั้น

“เจ้านาย ดอกไม้มาแล้วครับ” เด่นศักดิ์ยืนบอกตรงประตูห้องกินข้าว ทำให้คนเป็นนายต้องหันไปมอง เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นลูกน้องมือขวาประคองกุหลาบช่อสวยไว้อย่างทะนุถนอม

“ดีเลยเด่น สาวงามของแม่กำลังงอนตุ๊บป่องขึ้นข้างบนไปแล้ว” ร่างสูงล่ำลุกไปรับกุหลาบช่อสวยด้วยความยินดี

“เจ้านายก็อย่าเข้มงวดนักสิ บัวตองเอาไปเล่าให้ผมฟังว่าเห็นแล้วสงสารพี่จ๋อม”

“รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้สองคนผัวเมียจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ” คนเป็นนายต่อว่าอย่างไม่จริงจัง เมื่อใบหน้าคมเข้มนั้นระบายไปด้วยรอยยิ้มกับความสุขของลูกน้อง ที่เพิ่งจะตกลงจดทะเบียนสมรสและอยู่กินกันได้ไม่ถึงสองเดือน

“เคารพเมียไว้ไม่เสียหลายนะครับ”

“ฉันให้แกล่วงหน้าไปก่อนแล้วกัน”

“ครับ ตอนนี้ก็เลยอยากจะบอกข่าวดีกับเจ้านายเป็นคนแรก เพราะบัวตองตั้งท้องได้หนึ่งเดือนแล้วครับ” ว่าที่คุณพ่อมีสีหน้าเปื้อนยิ้ม ดวงตาสีดำส่องประกายแวววาวยามคิดถึงภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์

“ฮ้า! อะไรจะเร็วขนาดนั้น แกโด๊ปด้วยอะไรวะเด่น” พิธิวัฒน์เดินเข้าไปส่งมือให้เด่นศักดิ์เพื่อแสดงความยินดีด้วยความดีใจกับข่าวดีของลูกน้อง

“โด๊ปด้วยความรักอย่างเดียวเลยครับ ขอบคุณเจ้านายมากครับ” เด่นศักดิ์จับมือของคนเป็นนายเขย่าด้วยความขอบคุณที่เขาได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดี แม้คดีความยังไม่เสร็จสิ้น แต่เจ้านายก็บอกเขาว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะดูรูปคดีแล้วว่ามีสิทธิ์ถูกยกฟ้อง

“เดี๋ยวนี้ช่างพูดขึ้นนะ แต่ก็ดีใจด้วยจริงๆ ฉันเชื่อว่าแม่คงดีใจด้วยจะได้เลี้ยงหลาน”

“ผมว่านายแม่อยากได้หลานจากคุณธิมากกว่า”

“คงอีกนานหรอก”

“อย่าปล่อยให้สาวงามลอยนวลนะครับ” เด่นศักดิ์เอ่ยล้อเลียนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

“ตอนนี้ฉันยังไม่คิดอะไรทั้งนั้น นอกจากทำเพื่อแม่ นั่นก็คือพาจอมใจให้ไปถึงตำแหน่งยอดพธูไทยให้ได้”

“ระวังนะครับ ยังไงก็คิดถึงใจสาวงามเธอบ้าง ผมว่าเจ้านายฝึกเธอหนักเกินไป ตอนที่นายแม่ฝึกเองยังไม่หนักเท่านี้เลย”

“ฉันรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่น่า ไม่ต้องห่วงหรอก” คนตัวสูงเดินไปยังบันไดเพื่อจะขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

“ฉันจะทำเพื่อให้ฝันของแม่เป็นจริง แล้วก็จะได้เลิกอาชีพนี้เสียที ไม่อยากให้ตะลอนไปไหนมาไหนตอนกลางคืนอีกแล้ว มันอันตราย” พิธิวัฒน์บอกแบบนั้น แล้วก้าวขึ้นไปยังตัวบ้านชั้นสองพร้อมกุหลาบช่องาม พลางบอกตัวเองว่านี่คืองานที่ต้องทั้งหลอกล่อทั้งเอาใจ เพื่อให้สาวงามไม่หงุดหงิด แล้วถอนตัวออกจากการประกวดกลางคัน แล้วมันก็จะส่งผลกระทบมาถึงจิตใจของแม่ที่เขาไม่อยากให้ท่านผิดหวังอีกแล้ว



**********
พูดคุยค่ะ


คุณแว่นใส
คุณธิเป็นพี่เลี้ยงนางงามแบบเข้มๆค่ะ


คุณ Siang
ด้วยความยินดีค่ะ


คุณSir0737
ดีใจไปกับติ๊กด้วจร้า


คุณ Nateetip
ใช่ค่ะ ใกล้ประกวดแล้ว จะเป็นยังไงต่อมาลุ้นกันนะคะ


คุณ cocopuffs
นั่นสิคะ เขินแทนหนูจ๋อมนะคะ


คุณของขวัญ
งานนี้คุณธิจะเป็นสมภารกินไก่วัดหรือไม่ ตามลุ้นกันต่อค่ะ


คุณ Kaelek
ด้วยความยินดีค่ะ


คุณ Lovemuay
จากที่อ่านในหนังสือเบื้องหลังการประกวดนางงาม ส่วนมากจะถูกเปลี่ยนชื่อเพื่อความเป็นสิริมงคลด้วยค่ะ
อย่างก่อนหน้านี้มี สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ จิระประภา เศวตนันทน์ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์


คุณSUPAYALAK
นั่นสิคะ พี่ธิของเราจะกลายเป็นท่านสมภารหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะคะ


คุณจิรารัตน์
นึกว่าคุณเจี๊ยบจะลุ้นสาวงามให้ได้ตำแหน่งซะอีก 55555


คุณ heartlogue
คุณธิกลายเป็นป๋าดันเพราะคุณแม่ค่ะ


คุณ Zephyr
55555 พี่สงสัยว่าถ้าหมออ่านไปเรื่อยๆ บางทีความคิดที่ว่าไม่ค่อยขัดใจในสาวจ๋อมแล้ว อาจเปลี่ยนไปก็ได้นะคะ
เพราะเรื่องยังไม่จบดี 5555



*********
ขอบคุณทุกไลค์ ทุกความคิดเห็น

เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ






morisa
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2556, 08:46:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2556, 08:46:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 2157





Sir0737 7 ส.ค. 2556, 09:40:52 น.
จะง้อสำเร็จหรือเปล่านะ.....ถ้าง้อไม่สำเร็จก็ปล้ำเลย...


heartlogue 7 ส.ค. 2556, 09:52:07 น.
ลุ้นจ๋อมเป็นยอดพธูไทยค่ะ


Siang 7 ส.ค. 2556, 10:26:48 น.
สงสารหนูจอม จะเป็นนางงามทั้งทีทำไมมันเหนื่อยแบบนี้เนี่ย คุณธิรีบๆไปง้อเลย เดี๋ยวน้อยใจไม่ยอมประกวดอีก


kaelek 7 ส.ค. 2556, 10:51:05 น.
ลุ้นๆ หนูจ๋อมสู้ๆ คุณธิรีบง้อเร็ว


แว่นใส 7 ส.ค. 2556, 12:47:59 น.
พี่เลี้ยงจอมโหดจริง ๆ เลย


pkka 7 ส.ค. 2556, 16:09:50 น.
สาวงามๆ ใกล้ล่ะๆ


จิรารัตน์ 7 ส.ค. 2556, 17:16:24 น.
คุณธิใจร้าย ไม่อ่อนโยนกับจำไมเลย


supayalak 7 ส.ค. 2556, 17:38:17 น.
ค่อยดูเถ้อออออ จากพี่เลี้ยงป้าแดงจะกลายเป็นสามีป้ายแดงแทนอิอิอิ ชะอุ้ย !!!!! ติดเรทไหมค่ะ


lovemuay 7 ส.ค. 2556, 19:27:15 น.
พี่ธิทำเป็นอ้างนู่นอ้่งนี่ ชอบเค้าไปแล้วเห็น ส่วนหนูจอมก็ชอบเค้าแล้วทำมาปากแข็งเหมือนกัน


loveleklek 7 ส.ค. 2556, 20:24:34 น.
โห ไปไกลแล้วนะคุณลี


nateetip 7 ส.ค. 2556, 20:56:30 น.
...^.^..


Zephyr 7 ส.ค. 2556, 22:24:43 น.
เริ่มขัดใจเธออีกแล้วค่ะ เพราะเธอขัดใจคุณธิ ฮ่าๆๆๆๆ ลำเอียงเห็นๆค่ะ
คุณธิเหมือนล่อหลอกมากกว่านะ ประกวดนางงามนี่ผลพลอยได้
ตอดไปเรื่อยเปื่อยเลย แต่จ๋อมก็ยอมนี่นา จะบ่นทำไม อิอิ
ปล.พี่ลีคะ จ๋อมสูง 180 เซน มิใช่เหรอคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ ส้นสูง ห้านิ้วนี่ 12.5 เซนเลยนะคะ
มันจะเลยคุณธิไปเยอะเลยนะคะ 192.5 เนี่ย คุณธิ 185 เองน้า ถ้าเอาเท่ากันส้นสองนิ้ว ห้าเซนป่าวคะ
รึจำความสูงจ๋อมผิด ไม่น่านา เอ รึจริงหว่า


เคสิยาห์ 7 ส.ค. 2556, 23:18:06 น.
น่ารัก น่าหยิกนิคู่นี้


Zephyr 18 ส.ค. 2556, 14:23:53 น.
Test


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account