เพชรลายกุหลาบ
นิทานเรื่องหนึ่งในวัยเด็ก...มีเจ้าชายมาช่วยเจ้าหญิงในตอนจบ

ละครที่ได้ดูตอนโตขึ้นมาหน่อย...พระเอกแสนดีจะคอยปกป้องนางเอกเสมอ

ชิตาภาค้นพบเจ้าชายและพระเอกคนนั้นตั้งแต่วัยเยาว์ เขาไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นเพื่อน

ของพี่ชายที่แวะเวียนมาที่บ้านบ่อยๆ

แต่เจ้าชายของเธอ...เอาแต่พร่ำบอกว่่าเธอเป็นน้องสาว

พระเอกคนเดิม...ยังใจดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย แต่ขณะเดียวกันเขาก็มีผู้หญิงข้างกายอีกมากมาย

แต่เธอยังแน่ใจ...เขายังเป็นของเธอเพียงผู้เดียว

คราวนี้...เธอต้องทำให้เขายอมรับว่ารักเธอให้ได้!
Tags: นิยายรัก

ตอน: ตอนที่ 1 น้องกลับมาแล้วค่ะ

เสียงเพลงจากโซนดนตรีสดยังดังมาแว่วๆ เพราะประตูกระจกกั้นส่วนที่จัดไว้ให้ลูกค้าละเลียดดื่มไวน์และทานอาหารถูกเปิดออกชั่วขณะ คนที่แทรกตัวเข้ามาก่อนคือหญิงสาวในชุดเสื้อหนังเกาะอกและกางเกงขาสั้นอวดขาเรียวสวย คนที่ตามมาคือชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตพับแขน แบะคอกว้างอวดผิวเนียน ที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อจนบางใส
เมื่อมาถึงที่นั่งด้านในสุด ชายหนุ่มทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา คว้าไวน์ที่เหลือครึ่งแก้วของตัวเองมาดื่มหมดทันที จากนั้นรินไวน์เติมเรื่อยๆเหมือนดื่มน้ำเปล่า หญิงสาวขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เขาจึงหันไปส่งยิ้มกว้าง อวดฟันขาวบาดใจ ท่ากระดิกนิ้วนิดๆดูขี้เล่น ได้การส่งจูบพร้อมขยิบตาจากอีกฝ่ายตอบกลับ
“นายกับลิซ่า ดูท่าจะไปกันได้ดีนี่หว่า”
เสียงหนึ่งออกความเห็น หากเจ้าตัวกลับส่ายหน้า
“แค่เพื่อนกัน”
“ถุย!”
คนที่นั่งตรงข้ามแทบจะพ่นไวน์ใส่ จักรกฤษณ์ผงะนิดๆ แต่ไม่ได้ถือสา เขาเอนตัวพิงโซฟา มือหนึ่งกระพือปกเสื้อเพื่อเร่งให้เหงื่อแห้งเร็วขึ้น
“จะอะไรมันก็เพื่อนทั้งนั้นแหละ ลิซ่าก็ไม่ใช่คนประเภทผูกมัด”
“เออ ให้มันได้อย่างนี้”
ตอนนั้นเอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็เดินมาสมทบที่โต๊ะ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อน กางเกงรีดเรียบ รองเท้าหนังดูเคร่งขรึม ไม่เหมือนคนที่ออกมาตระเวนราตรีเลยสักนิด เหมือนคนเพิ่งเลิกงานและแวะมาพบเพื่อนก่อนกลับบ้านมากกว่า
“ไอ้หมอปลื้ม”
ใครๆก็เรียกเขาอย่างนั้น ใบหน้าเรียบเฉย ดูซีดตามประสาคนไม่ค่อยได้ออกแดด เจ้าตัวนั่งตรงข้ามจักรกฤษณ์ ส่งสายตาเย็นเฉียบมองเพื่อน จากนั้นก็แจ้งข่าว
“เชอรี่จะกลับมาวันเสาร์นี้”
คราวนี้คนกำลังจิบไวน์แทบจะพ่นออกมาเสียเอง เพื่อนที่เหลือต่างเฮกันยกใหญ่ เหมือนรู้ว่าจะเกิดเรื่องสนุกในไม่ช้านี้
“จริงเหรอวะ ไอ้หมอปลื้ม”
เพื่อนพยักหน้า “คงไม่ต้องบอกก็รู้ใช่มั้ย ว่าหนึ่งทุ่มของวันเสาร์ นายจะต้องอยู่ที่ไหน ไอ้กฤษณ์”
“เออๆ เดี๋ยวไปรับ”
“แล้วนายก็คงรู้ใช่มั้ย ว่าไม่ควรมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้หญิงคนไหนในเครื่องของนาย”
“ชิบหายล่ะ มีเป็นตันเลย” เพื่อนคนหนึ่งล้ออย่างชอบใจ
“ลบเว้ยลบ” อีกคนส่งเสียงเชียร์ “ให้น้องเชอรี่แม่ทูนหัวรู้ว่านายป้อสาวเป็นร้อยนะ นายมีหวังหัวหมุนแน่กฤษณ์เอ๋ย”
จักรกฤษณ์ทิ้งตัวลงกับพนักพิงทันที อดร้องโอยขึ้นมาเบาๆไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงสาวน้อย ลูกพี่ลูกน้องของไอ้หมอปลื้ม ที่เขาเคยตามจีบสมัยเจ้าตัวเพิ่งเริ่มเป็นสาว
เขาก็ล้อเล่นตามประสา....หากเธอคิดจริงจัง
จนบัดนี้ความสัมพันธ์ยังคลุมเครือ...จะว่ารักก็ไม่น่าจะใช่ จะว่าไม่แคร์เลยก็ไม่ได้อีก
ไม่ได้เจอกันมาหลายปี เพราะเธอไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น...บอกตรงๆว่าเขาคิดถึงเธอแทบทุกวัน
เพียงแต่...ถ้าเธอกลับมา เธอต้องทำให้ชีวิตของเขาปั่นป่วนแน่นอน
“เชอรี่กลับมาแล้วหรือนี่ เร็วจริง”
เขายังจำได้อยู่เลย สาวน้อยไว้ผมเปียสองข้าง เรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นแล้ว หากยังร้องไห้เป็นเด็กๆเมื่อเขากับไอ้หมอ รวมเพื่อนทั้งกลุ่มที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ ไปเรียนต่อที่อเมริกา และเมื่อถึงตาเจ้าตัวไปเรียนที่ญี่ปุ่นบ้าง...เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง...ยัยเด็กเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังน้ำตาคลออยู่
ตอนนี้...โตขึ้นขนาดไหนแล้วนะ
“อ้าวคุณหมอ” คนขอตัวไปห้องน้ำกลับมา คราวนี้ไปนั่งข้างคนเพิ่งมาใหม่ แสดงว่าสนิทสนมกันเป็นอย่างดี “ทำไมมาถึงนี่ได้ค่ะ ปกติเราไปชวนถึงห้อง ยังไม่ยอมร่วมดื่มด้วยเลย”
“มาแจ้งข่าวดีเฉยๆ” ชายหนุ่มยิ้มรับสุภาพ “เชอรี่น้องสาวผมจะกลับจากต่างประเทศ วานให้นายกฤษณ์ไปช่วยรับที่สนามบิน ลิซ่าคงจะไม่ว่าอะไรนะ”
“จะว่าอะไรได้ยังไงคะ” หญิงสาวอุทานเสียงสูงตามแบบฉบับ ตามด้วยอาการหัวเราะอย่างเปิดเผย “ว่าแต่ นี่หรือเปล่าคะกฤษณ์ คนที่คุณเคยละเมอถึง”
คราวนี้ ทั้งวงเงียบกริบ จนดูเหมือนเสียงจากโซนดนตรีสดก็ดูพร้อมใจเงียบลงด้วย จักรกฤษณ์เอื้อมมือไปรินไวน์ลงแก้วจนเต็มแล้วดื่มรวดเดียว ระหว่างนั้นเสียงหัวเราะจากเพื่อนระเบิดขึ้นและดังต่อเนื่องไม่หยุด จนเขากระแทกแก้วลงบนโต๊ะนั่นแหละ
“เฮ้ย หยุด ล้อบ้าอะไรอยู่ได้”
“ก็นายฝันถึงเชอรี่”
“แล้วไง?”
“งามหยาดฟ้ามาดินเลยมั้ย แบบส่งจูบให้เอ็งด้วย”
คราวนี้หมอปวัตรกวาดเท้าไปโดนเพื่อนที่ปากมาก...ลามปามไปถึงน้องสาวสุดที่รักทันที “น้องข้า”
“เออ ระวังไอ้กฤษณ์คาบไปนะเว้ย หนอย...เห็นแสดงตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีแบบนี้เถอะ แอบคิดมิดีมิร้ายกับน้องเพื่อน”
“ไม่เว้ย ไม่” คนเริ่มหงุดหงิดโบกมือวุ่น ทำให้เสียงล้อยิ่งหนัก “ไอ้หมอ กลัวนักก็ไปรับเองเลยไป”
“ฉันยกให้”
“เฮ้ย”
คราวนี้ทั้งวงโหวกเหวก คนเป็นพี่ชายทำหน้านิ่ง เสมือนจะยืนยันว่าที่พูดไปน่ะ...จริงแท้
“เชอรี่เปรยๆกับคุณน้าแพรพรรณไว้ ว่ากลับมาคราวนี้ ต้องให้นายขอแต่งงานให้ได้”

“พี่กฤษณ์!!”
ท่ามกลางเสียงเอะอะจอแจภายในสนามบิน เสียงแหลมสูง...ยังกับเด็ก...แบบที่เขาคุ้นเคย...ยังได้ยินถนัด ทว่ากว่าเขาจะหาเจอว่าเธออยู่ตรงไหนแน่ ก็ต่อเมื่อเธอเข็นกระเป๋าทับเท้าเขาแล้ว
“เชอรี่!”
หญิงสาวร่างสูงสง่าที่เดินตรงมาทางเขา สวมเสื้อแขนยาวติดกระดุมถึงคอ ซึ่งดูดีเพราะคอระหง อย่างกับนางแบบ ทั้งยังสวมกางเกงยีนส์พอดีตัว และรองเท้าส้นเข็มสูงหลายนิ้ว ผมยาวสีดำสนิทดัดลอนหลวม ผูกสูงเบื้องหลังซึ่งจะแกว่งไกวทุกย่างก้าว ทำให้ดูมาดมั่น ทว่าผมหน้าม้านุ่มหนาตัดโค้งเหนือแนวคิ้ว ทำให้ดูสดใส
คนที่เขานึกชมอยู่ในใจว่า...สวยแฮะ...ตั้งแต่ตอนเห็นอยู่ไกลๆโน้น
คิดไม่ถึง...ว่านี่จะเป็นยัยตุ๊กตาผมเปียที่เขามองหา
แต่พอถอดแว่นตาดำอันโตออกเท่านั้นแหละ...ดวงตากลมใส ปกติก็ขนตางอนเรียงเป็นแพอยู่แล้ว คิ้วเรียวคมเข้ม โดยไม่ต้องเขียน จมูกเล็กๆ ไม่โดดเด่น หากก็เป็นสันตรงสวย รับกับใบหน้าเรียว คางเล็กแหลม ริมฝีปากเล็กบางเชิดนิดๆด้วยความงอน แม้จะหน้างอ หากเครื่องหน้าทุกส่วนดูพอเหมาะพอเจาะ น่าเอ็นดู...เท่าๆกับ...น่าตีสักที
โดนเฉพาะตอนเท้าสะเอว ยื่นหน้ามาถามเขาอย่างเอาเรื่อง
“พี่กฤษณ์ มองหาสาวที่ไหนอยู่คะ ทำไมโบกมือให้แล้วตาลอย”
“ก็หาเชอรี่อยู่ไง”
“พอเจอแล้ว ก็ไม่เห็นจะดูดีใจเท่าไหร่ ไม่คิดถึงกันบ้างเลยใช่มั้ย”
“คิดถึงสิ”
“คิดถึงแล้วทำยังไง ยืนทื่อเหรอคะ”
ชายหนุ่มหัวเราะ เดินตรงเข้าไปกอดอีกฝ่ายแนบอก...บอกแล้วว่าเขาคิดถึงเธอทุกๆวัน
ไม่มีคนเอาแต่ใจ ให้เขาต้องตามใจ ไม่มีคนคอยโทรหาว่าเขาอยู่ที่ไหน ทำอะไรอยู่กับใคร ชีวิตมันมีอิสระ...และได้ความว่างเปล่าเป็นของแถม
“ค่อยยังชั่วหน่อย พี่กฤษณ์น่ารักที่สุด”
ชิตาภากอดตอบแนบแน่น เสียงหัวเราะคิกคักอย่างพอใจของคนซบหน้าอยู่กับอกเขา ทำให้นึกถึงเด็กหญิงตัวน้อยที่ชอบให้เขากอดนัก โดยเฉพาะตอนร้องไห้มาด้วยเรื่องอะไรก็ตาม แล้วหาคนฟ้องคนปลอบใจไม่ได้
เธอเติบโตเป็นสาวสวยแล้วในวันที่เดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น
สำหรับเขา...เธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่หรอก

“ฉันกลับมาโดยไม่ได้บอกใคร นอกจากพี่หมอ”
ชิตาภาเฉลย ตอนมานั่งอยู่ในรถของเขาแล้ว “จะเซอร์ไพส์คุณแม่ค่ะ บอกคุณแม่ว่าจะกลับเอาเดือนหน้า”
“อ้าว พี่โดนข้อหาสมรู้ร่วมคิดใช่มั้ย”
สาวน้อยพยักหน้าตื่นเต้น “ผิดก็ผิดด้วยกันค่ะ พี่หมอรับหน้าที่ดูให้แน่ใจว่าคุณแม่อยู่ที่บ้าน ตอนนี้ไม่รู้เป็นยังไงบ้าง ขอยืมโทรศัพท์พี่กฤษณ์โทรหาหน่อยสิคะ”
ชายหนุ่มพยักพเยิดให้เธอหยิบเอาโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ตรงคอนโซล ชิตาภาหยิบมากดหมายเลข เพราะจำได้ค่อนข้างแม่น จากนั้นเมื่อพี่ชายรับสาย เจ้าตัวก็นัดแนะกันอยู่พักหนึ่ง เสียงหัวเราะสดใส ก้องกังวาน แสดงลักษณะความเป็นคนเปิดเผย รักสนุก หมอปวัตรเพื่อนเขาก็เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน...สมัยเมื่อยังเป็นวัยรุ่นโน่นล่ะ
หลังจากวางสาย ชิตาภายังไม่วางโทรศัพท์คืน หากกดดูโน่นนี่สักพัก
“คุณวิชุดานี่ใครคะ คุยกันตั้งครึ่งชั่วโมงแน่ะ”
“เลขาฯคุณแม่พี่ไงจ๊ะ”
“คนนั้นชื่อริษยานี่คะ”
“ริสราจ้ะ” เขาแก้ให้ เกือบหลุดหัวเราะพรืด ริสราคือเลขาคนก่อนของคุณแม่เขา เป็นคนช่วยติดต่อลูกค้าให้ นิสัยประนีประนอม อ่อนหวาน ทำให้ชาญฉลาดในการต่อรอง บางครั้ง...รู้จักใช้มารยาหญิงเสียด้วย ชิตาภาเปลี่ยนชื่อให้เพราะไม่ค่อยชอบเลขาฯคนนี้เท่าไหร่ อาจจะเพราะด้วยสาเหตุนี้
“คนนั้นลาออกไปแต่งงานแล้วจ้ะ”
“เพราะอกหักจากพี่หรือคะ”
“ไม่ใช่จ้ะ เขาเจอเนื้อคู่ของเขาต่างหาก”
“แล้วที่คุยกับคุณเลขาฯคนใหม่ นานครึ่งชั่วโมงนี่เรื่องอะไรเหรอคะ”
“งานจ้ะ จริงแท้แน่นอน”
“โอเค” หญิงสาวพยักพอใจ “เข้าใจแล้วค่ะ”
เขาขบขัน เอ็นดูเธอ เพราะเธอเป็นน้องสาวของเพื่อนที่ชอบทำตัวเหมือนเป็นแฟนเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไร บางครั้งก็หึงหวงกันออกนอกหน้าเสียด้วย แต่...ก็ประหลาดดี...ที่เขากลับไม่รู้สึกอึดอัด หากเป็นคนอื่นน่ะหรือ...ไม่มีวันเสียหรอก
“คุณก้อย กฤติยา...ใครคะ คุ้นชื่อจังเลย โทรมาไม่นาน แต่บ่อยมาก อาทิตย์เดียวตั้งสี่ครั้งแน่ะ โทรมาเวลาเดิมๆทุกครั้งด้วย ชวนไปดินเนอร์เหรอคะ”
“เอ๊ะ ที่ไปญี่ปุ่นนี่ ไปเป็นนักสืบเหรอครับ”
“มาจีบพี่กฤษณ์แน่เลย” เจ้าตัวพึมพำ ทำปากยื่นอย่างหมั่นไส้เสียด้วย
“ลูกสาวคุณหญิงปวันรัตน์ หุ้นส่วนของโรงแรมที่บ้านเชอรี่ไง”
“ใครคะ ฉันจำไม่ได้เลย”
“นึกไม่ออกเหรอ ที่มีไฝตรงนี้กับตรงนี้ไง แล้วก็ยังพูดน้ำไหลไฟดับ เรียกลูกสาวตัวเองว่าหนูเล็กขาๆไงล่ะ คุณก้อยยังอายเลย”
ชายหนุ่มจิ้มหน้าเกลี้ยงเกลาของตัวเอง บอกตำแหน่งไฝ ซึ่งล้วนแต่วนอยู่ใกล้ๆปาก แถมยังเลียนเสียงคุณหญิงที่เขาเอ่ยถึงด้วยเสียงเล็กแหลม ยานคาง สาวน้อยหัวเราะออกมาเต็มเสียง จนตัวเอียงไปเอียงมา
เส้นตื้นไม่เปลี่ยน...ยัยตุ๊กตาเอ๊ย
“คุณก้อยอายุเท่าไหร่คะ มากกว่าฉันมั้ย”
“มากกว่าจ้ะ สองปีได้มั้ง”
“ไม่ชอบ” คำตอบสรุปง่าย จักรกฤษณ์ยิ้มให้เฝื่อนๆ เพราะรู้ว่าชิตาภามีปัญหาเรื่องอายุ
ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว...เธอชอบบ่น
‘ทำไมฉันไม่เกิดเร็วกว่านี้!’
“พี่กฤษณ์ชอบคุณก้อยหรือเปล่า”
“ก็ชอบ”
“ฮึ!” ชิตาภาวางโทรศัพท์คืนที่เดิมทันใด พร้อมกอดอกแน่น “สวยมากใช่หรือเปล่าล่ะ สวยกว่าฉันอีกเหรอ”
“เธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เก่ง สวย...ไม่เท่าเชอรี่หรอก”
สาวน้อยยิ้มออกนิดหน่อย “ฉันก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี สวย และเก่งได้ เรียนจบกลับมาคราวนี้กะมาช่วยพี่กฤษณ์กับพี่หมอดูแลงานที่บ้านด้วย พี่หมอแนะนำว่างานเดินแบบโชว์เครื่องเพชรที่พี่กฤษณ์จะจัดที่โรงแรมของเราครั้งนี้ ฉันควรจะออกแบบเสื้อผ้าให้กับนางแบบเอง ถือว่าเป็นงานชิ้นแรกหลังเรียนจบ พี่กฤษณ์ว่ายังไงคะ”
“หา?”
“ทำไมคะ ไม่ได้เหรอ”
“ได้จ้ะ ได้ ก็เชอรี่เรียนจบมาโดยตรงนี่นะ ต้องมืออาชีพอยู่แล้วล่ะ”
จักรกฤษณ์เออออตามไปด้วย ขณะที่กำลังกุมขมับอย่างกลัดกลุ้ม
ไม่ใช่ไม่เชื่อมือ...แต่เขากำลังกลัวๆ
นางแบบที่เขาขอให้มาช่วยเดินแบบให้...เพื่อนๆกันทั้งนั้น
ซึ่งหมายความว่า...ก่อนหน้านี้...เคยเป็นอย่างอื่น!



รริสา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2556, 20:48:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2556, 20:50:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 810





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account