หนึ่งรักเหนือรุ้ง
เหนือฟ้า.... เออีสาวแสนสวยแห่งบริษัทโฆษณาปั้นคิด พยายามหาเงินทุกวิถีทางเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่ให้แม่ หลังโดนคุณป้ามหาประลัยตามราวีทุกวัน ร้อยเล่ห์มารยาถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดใจลูกค้า แต่ทว่า... เิงินก้อนโตที่เธอควรจะได้รับ กลับถูกใครบางคนขัดขวาง แถมจองล้างจองผลาญไม่ยอมให้เธอไปจากบ้านของเขา
แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น
งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^
แล้วเธอจะทำอย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาเป็นทั้งเจ้านาย และอดีตพี่ชายที่เคยทำให้เธออกหัก การแข่งขันเพื่อชิงชัยแบบไม่มีใครยอมใครจึงเริ่มต้นขึ้น
งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะอยู่ใครจะไป ใครจะแพ้ใจตัวเองก่อน มาร่วมลุ้นกัน ^^
Tags: เหนือฟ้า , เพลงรัก , ชินชนะ , รัก , กุ๊กกิ๊ก
ตอน: บทที่ ยี่สิบสี่ : เมื่อ 4 ปีก่อน
คงเป็นเพราะน้ำตาที่เก็บกักไว้มานานหลายปีมีปริมาณมหาศาล ภายในห้องจึงมีแต่เสียงสะอื้นอยู่นาน กว่าหยาดน้ำจะเหือดแห้งก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง
อิงตะวันถอนตัวจากไหล่คนแปลกหน้า ปาดคราบน้ำที่พวงแก้มอย่างไม่เบามือนัก เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ฉันควรไปเปิดไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถาม ใจก็กลัวว่าหากเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในบทสนทนาก่อนหน้า เธอจะทำเช่นไร ภาวนาให้อิงตะวันสั่งห้าม แต่เมื่อเด็กสาวพยักหน้า...
ที่เข้ามาไม่ใช่พี่หนึ่ง... เหนือฟ้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที แต่เด็กสาวที่นั่งอยู่ กลับแสดงความผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนถามเสียงอู้อี้ “มีอะไร”
ชายหนุ่มร่างสูงที่ก้าวเข้ามามองเห็นความผิดปกติในห้อง คนหนึ่งตาบวมช้ำ จมูกแดงก่ำ ส่วนอีกคน รอยเปียกชื้นวงใหญ่ปรากฏอยู่ที่เสื้อ เขาเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่คุยด้วยได้ไหม”
อิงตะวันไม่ตอบ ชินชนะจึงเหลือบไปทางผู้หญิงอีกคน... เธอไม่พูด ไม่มองหน้า เขาจึงถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งในตำแหน่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลเด็กสาวจนเกินไป “เป็นยังไงบ้าง”
คนถูกถามยังคงเงียบ เขาจึงเอ่ยต่อ “วันนี้... พี่มาวินเป็นห่วงน้องอิงมากนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ อีกเช่นเคย แต่เขาก็แน่ใจ เธอทั้งสองกำลังตั้งใจฟังเขาอยู่
“ลองดูก็ได้ว่าโทรหากี่สาย... ให้คนออกตามหา ขับรถวนจนทั่ว พอไม่เจอ ก็นึกกลัวไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น กลัวว่าจะเป็นอันตราย ห่วงสารพัดห่วง ห่วงจนแทบบ้า อาจจะดูเว่อร์ไปนะ แต่ตอนนั้น เหมือนใจจะขาดจริงๆ”
ชินชนะพูดกับอิงตะวัน แต่หันมาทางเหนือฟ้า ราวกับจะบอกให้เธอรู้ว่า ทุกความรู้สึกที่มาวินมีต่อเด็กสาว ไม่ต่างไปจากที่เขารู้สึกต่อเธอ... อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังนิ่งเหมือนไม่เข้าใจ มีแต่อิงตะวันเท่านั้นที่ถอนหายใจ แล้วตอบรับสั้นๆ “อืม...”
“อืมแปลว่าอะไร รู้แล้ว หรือว่าเข้าใจแล้ว”
“อืมแปลว่าอืม หมดเรื่องแล้วก็ออกไปได้แล้ว” เด็กสาวไล่เสียงขึ้นจมูก เมื่อครู่ ความอ่อนแอทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป แต่ตอนนี้อิงตะวันคนเดิมกลับมาแล้ว
กำแพงไม่ได้พังทลายลง เพียงแต่ประตูลับถูกเปิดออกชั่วคราวเท่านั้น
“ไปก็ได้... แต่ตอนนี้พี่เจ็บแขนจังเลย ให้พี่เลี้ยงน้องอิง ช่วยพยุงพี่ไปที่ห้องพยาบาลหน่อยนะ”
ทำไมเป็นอย่างนั้น... เหนือฟ้าที่ฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง แต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเขา ไม่อยู่ในความสนใจของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักเลย อิงตะวันโบกมือไล่เพื่อตัดรำคาญ พี่เลี้ยงทำท่าจะทักท้วง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
ก็ดี เธอมีเรื่องจะคุยกับเขาเหมือนกัน
“ผมทำเกินไปหรือเปล่า”
เป็นคำถามแรกหลังจากเขานั่งนิ่งอยู่เป็นชั่วโมง แต่มุกมาลาก็รู้ว่าเขาคงไม่ได้ต้องการคำตอบจากเธอเท่าไร ดูจากสายตาที่เหม่อลอยออกไปไกลยังท้องทะเลสีดำเบื้องหน้า
“ผมไม่ควรตีเธอใช่ไหม... เธอคงจะโกรธผมมาก…แต่เธอก็ผิด… เธอไม่ควรทำแบบนั้น”
แต่ละคำที่เอ่ยเต็มไปด้วยความสับสน มุกมาลากลัวว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ไปทั้งคืน จึงพยายามเรียกคืนสติ เธอตีเพี๊ยะไปที่ไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่เบานัก ทำให้เขาสะดุ้ง
“คุณตีผมทำไม”
“คุณหนึ่งเจ็บใช่ไหมคะ” คำตอบสั้นๆ ของเธอทำให้มาวินชะงัก ก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดแน่นกว่าเก่า
“คุณต้องการจะบอกอะไรผมหรือคุณมุก”
“ดูสิคะ มือมุกก็แดงเหมือนกัน... คุณหนึ่งไม่ได้เจ็บคนเดียว แต่มุกก็เจ็บด้วย แรงที่ส่งไป มันก็เท่ากับแรงที่ผลักไส ยิ่งออกแรงมากเท่าไร ก็ยิ่งไปไกลมากเท่านั้น ทำอะไรแรงๆ เพราะอารมณ์แรงๆ มันไม่ดีหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนึ่งใจเย็นลงแล้วนี่คะ คุณหนึ่งก็น่าจะรู้ว่ามุกหมายความว่ายังไง”
เธอไม่ได้บอกว่าเขาถูกหรือผิด แต่เธอทำให้เขาได้คิด หลังจากล่องเรือในท้องทะเลที่ดำมืดมานาน ในที่สุดเขาก็เห็นแสงสว่างจากประภาคารเบื้องหน้า
“ผมใช้อารมณ์เกินไปจริงๆ เรื่องง่ายๆ เลยคิดไม่ได้ ถ้าผมคุยกับอิงดีๆ อิงก็คงไม่เป็นแบบนี้... ขอบคุณคุณนะคุณมุก ถ้าไม่มีคุณอยู่ตรงนี้ ผมก็คงหาทางออกไม่เจอ”
แค่คำขอบคุณก็มีความหมาย มุกมาลายิ้มให้ อยากบอกออกไปแต่ก็ต้องเก็บไว้
มุกยินดีจะอยู่ตรงนี้เสมอ จนถึงวันที่คุณหนึ่งไม่ต้องการ
ขณะเดียวกัน ที่ห้องพยาบาล ทันทีที่ประตูปิดลง คนที่เขาโอบไหล่เพื่อใช้พยุงร่างระหว่างเดิน ก็รีบสะบัดตัวออกแล้วไปยืนอีกมุมหนึ่ง สีหน้าบึ้งตึงเหมือนไปกินรังผึ้งที่ไหนมา
“น้องอิงเป็นยังไงบ้าง” เขาตั้งคำถาม ขณะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีชมพูหวานด้วยท่าทางสบายๆ ทำเหมือนไม่สำเหนียกว่ารอบกายของหญิงสาว เหมือนมีลูกไฟสีแดงจัดกำลังลุกไหม้อยู่
“ก็เสียใจ ร้องไห้ โดนคนที่รักทำร้าย ก็เจ็บแบบนี้แหละ”
“เห็นไหม อย่างที่พี่บอกเลย น้องอิงรักคุณมาวิน ไม่อย่างนั้น เขาจะมีอิทธิพลกับเธออย่างนี้เหรอ”
“คุณไม่ได้เดาถูกเสมอไปหรอกนะคะ อิงรักคุณมาวินก็จริง แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เธอไม่ได้รักเขาแบบชู้สาว แต่เพราะว่าเขาเป็นคนที่คอยดูแลเธอต่างหาก... เธอรักเขาแบบพี่ รักเหมือนคนในครอบครัว”
ชินชนะทำเป็นพยักหน้า เหนือฟ้าคงกลัวว่าเขาจะหลงตัวเองเกินไป เลยรีบแก้ไขให้ความกระจ่าง โดยลืมไปว่านั่นคือข้อมูลชิ้นสำคัญ ที่คนเป็นคู่แข่งกันควรเก็บไว้เป็นความลับ
หรือว่าเธอจะไม่มองว่าเขาเป็นคู่แข่งอีกต่อไปแล้ว
“น้องอิงยอมร้องไห้กับรุ้งด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยนะ”
“ทำไมละคะ ฉันเอาใจใส่ ตั้งใจทำงาน งานก็เลยออกมาดี... ไม่ได้มัวแต่โทรไปอ้อนให้ใครมาหาเหมือนบางคน” ประโยคหลัง พึมพำประชดเบาๆ แต่ภายในห้องที่เงียบ คิดว่าเขาจะไม่ได้ยินเชียวหรือ
“ที่แท้ก็หึงเรื่องคุณพราว”
“ฉันสนแค่เรื่องงานของฉันเท่านั้นแหละค่ะ เรื่องอื่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไม่ยุ่งอยู่แล้ว”
“เรียกคุณ... แสดงว่าหึงมาก” ชินชนะลอยหน้าลอยตาเออเองเช่นนั้น ทำเอาหญิงสาวนิ่วหน้า
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว” เธอว่าแล้วเดินหนี แต่มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย
ทันทีที่เธอเดินผ่าน... ทั้งที่อุตส่าห์เลี่ยงให้ห่างที่สุด แต่ชายหนุ่มบนเตียงที่เพิ่งโอดครวญอยู่เมื่อครู่ว่าปวดแขน ก็กลับใช้แขนข้างนั้นเอื้อมมาจับมือเธอแล้วดึงเข้าหา เธอที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วพยายามขืนแต่ก็สู้แรงที่มากกว่าไม่ได้ ร่างบางจึงถลาคล้ายปลิวไปสะดุดขอบไม้แล้วล้มตะแคงข้างลงบนฟูก วินาทีต่อมา คนที่นั่งก็ใช้แขนอีกข้างคร่อมร่างที่นอนอยู่เพื่อกันหนี มารู้ตัวอีกที เธอก็อยู่ในตำแหน่งที่เพลี่ยงพล้ำอีกแล้ว
“คุณชินชนะ!!!”
“อย่าเสียงดังสิคะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้...”
“ฟัง... แล้วพี่จะปล่อย” เจ้าของใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่กี่คืบว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหนือฟ้ายอมนิ่ง แต่ก็เม้มปากแน่นเพราะกลัวโดนขโมยไปอีก
“ที่พี่บอกน้องอิง รุ้งรู้ใช่ไหม ว่าพี่รู้สึกอย่างนั้นกับรุ้ง ตอนที่รุ้งหายไป พี่เป็นห่วงมาก กลัวรุ้งจะหนี... เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว” คำหลังของเขา ทำคนที่เสมองไปทางอื่นหันกลับมาจ้องหน้าทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความคำถาม ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ “เรื่องที่พัทยา พี่ไม่มีอะไรจะอธิบาย ผู้หญิงคนนั้น... พี่กับเธอ เป็นอย่างที่รุ้งเห็น”
ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาได้ยิน มันก็ยังเจ็บ... หญิงสาวกำมือแน่น ก่อนจะเค้นเสียงออกมาได้
“คุณมาบอกฉันตอนนี้....ทำไม”
“เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้รุ้งเปลี่ยนไปไม่ใช่เหรอ เรื่องในอดีตพี่แก้ไขอะไรไม่ได้ แก้ตัวยังไม่ได้เลย พี่ได้แต่ขอโทษ แต่วันนี้ ถ้าเรื่องคุณพราวจะทำให้รุ้งเข้าใจผิด พี่ก็ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร ไม่มีเด็ดขาด กับแฟนเก่า เราก็เลิกกันตั้งแต่พี่ไปเรียนต่อ ตอนนี้พี่มีแค่รุ้ง... แค่รุ้งคนเดียว”
ต่อให้เป็นเพียงลมปากหวานหูที่พัดผ่าน บ่อยครั้งที่ฟังก็ยังหวั่นไหว แล้วนับประสาอะไรกับการยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น .... หากหัวใจจะรักษาอาการเต้นให้เป็นปกติอยู่ได้ เธอก็คงด้านชาเกินไปหน่อยแล้ว
หญิงสาวสบดวงตาเรียวแต่คมกริบที่จ้องอยู่ ไม่ต้องค้นลึก ก็พบความจริงใจมากมายที่ส่งผ่านออกมา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก แต่...
“ฉันคิดว่าคุณเลือกบอกได้ไม่ค่อยถูกเวลาเท่าไร”
“ก็ตอนที่พี่จัดฉาก พยายามสร้างบรรยากาศแทบตาย เราก็ไม่ได้คุยกันสักที พี่ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว”
“แต่ในสภาพนี้... ฉันคิดอะไรไม่ออก” เธอว่า ซึ่งก็ทำให้เขายอมยกแขนขึ้น เปิดทางให้เธอเป็นอิสระ
“ท่าแบบเมื่อกี้ พี่ก็เมื่อยเหมือนกัน” เขาเอ่ย ขณะที่เธอพยุงตัวขึ้นนั่ง ทั้งสองอยู่ข้างเคียงกัน แม้ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัส แต่สะพานที่มองไม่เห็นกำลังเชื่อมหัวใจสองดวงเข้าหา หลังตัดขาดมานานหลายปี
เหนือฟ้าผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ ขี้เกียจปิดบังต่อไป
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันบอกก็ได้ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ คุณจะมีอะไรกับใคร ฉันจะโกรธได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เรื่องที่ทำให้ฉันหลบหน้าคุณ ไม่ยอมคุยกับคุณอีก.... ถ้าฉันบอก ฉันขอออกจากห้องไปเลยได้ไหม”
“ทำไม”
“ฉันคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าเรามีเวลาทบทวน เรื่องนี้มันฝังอยู่ในใจฉันมาตั้ง 4 ปี ถ้าฉันพูดจบแล้วคุณขอโทษ ฉันจะให้อภัยคุณได้ทันทีเลยเหรอ... โอเค มันก็อาจจะได้ แต่ฉันคิดว่ามันง่ายไปหน่อย ให้เวลาฉันอีกนิดนะคะ คุณก็จะได้มีเวลาครีเอทฉากง้องอนที่มันเก๋ๆ ด้วยไง”
ประโยคสุดท้ายของเธอทำให้เขาอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น แล้วเขาจะทำให้ผิดหวังได้ยังไงกัน
“ก็ได้... คืนนี้พี่จะปล่อยรุ้งไป เพื่อให้รุ้งไปคิดว่าจะยอมคืนดีกับพี่ยังไงไม่ให้ตัวเองเสียฟอร์ม” เขาว่า ทำให้เธอค้อนขวับวงใหญ่ เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ทีนี้ก็ไขปริศนามาราธอนของรุ้งได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนลุกขึ้น ยืนประจันหน้ากับชายหนุ่ม สบตาเขาแน่วนิ่ง....
“วันนั้นหลังวิ่งหนีลงมา ฉันกลับขึ้นไปนะคะ... ฉันได้ยินทั้งหมดเลยค่ะ ว่าคุณพูดอะไรบ้าง”
ปาร์ตี้อำลาไปเรียนต่อและฉลองวันเกิดครบ 28 ปี ถูกจัดขึ้นภายในห้องพักขนาดใหญ่ที่มีห้องนอนถึงสามห้อง บนคอนโดมิเนียมริมชายหาดพัทยา ค่ำคืนแห่งการดื่มกินผ่านไปอย่างสุดเหวี่ยง ก่อนเหล่าเพื่อนที่มาร่วมงานจะแยกย้ายไป ‘สนุกสนาน’ กับคู่ของตน
ชินชนะในวันนั้นคิดว่าตนโตพอจะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว และเขากับคนรักก็หัวสมัยใหม่ จนไม่เห็นว่าการมีอะไรกันก่อนแต่งงานนั้นเป็นเรื่องเสียหาย คืนนั้นเขาอยู่กับเธอจนถึงเช้า แต่แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้องสาวปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องนอนพร้อมเค้กก้อนใหญ่
เพื่อนที่ตื่นก่อนคงเปิดรับเธอเข้ามา แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าเขาจะพร้อมต้อนรับเธอไหม
เด็กสาวหน้าจืดวัย 23 ปี ไม่ได้ตกตะลึงกับสภาพกึ่งเปลือยของพี่ชาย แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาต่างหาก ที่ทำให้เธออ้าปากค้าง ก่อนวินาทีต่อมาจะพึมพำขอโทษด้วยเสียงแหบพร่า แล้ววิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา
เขาควรตามไป แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าผีตนใดเข้าสิง เขาจึงแค่ยักไหล่ ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ แต่งตัวออกมาจากห้อง มารวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นที่ห้องรับแขก แล้วใครคนหนึ่งก็เริ่มต้น
‘ไม่ตามไปเหรอวะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปโน้นแล้ว’
‘ตามใคร ตามทำไม’
‘ก็ยายเด็กที่ชอบมาตามตื้อนายไง เห็นตามมาตั้งแต่นายเรียนอยู่ อึดนะเว้ย ไม่เอาเหรอวะ’
‘เอ๊ย นั่นมันน้อง บอกกี่ครั้งแล้ว’
‘น้องสาวไม่แท้นี่หว่า กลัวไร เก็บไว้เป็นกิ๊กสิวะ ท่าทางจะชอบนายมากนะเว้ย ยอมอยู่แล้ว’ เพื่อนปากหมาว่าอย่างคึกคะนอง ชินชนะส่ายหน้าเพราะรู้ว่าเพื่อนแซวเล่น แต่คนรักของเขาในเวลานั้นที่เพิ่งก้าวออกจากห้องนอน ไม่เห็นขำไปด้วย
‘ชินจะกิ๊กกับใคร’ เธอแวดถามอย่างไม่พอใจ เขาจึงต้องรีบอ้อนก่อนจะโกรธไปกันใหญ่
‘ไอ้พวกนี้ก็แซวเล่น รุ้งเป็นน้องสาวผม ผมจะไปกิ๊กกั๊กได้ยังไง’
‘หมายถึงเด็กคนเมื่อกี้เหรอ เห็นเหมือนกันว่าชอบมายุ่งกับชิน... หน้าตาจืดไปหน่อย แต่หุ่นก็ใช้ได้นะ ชินไม่ชอบแน่นะ’
‘ถ้าจะชอบก็ชอบไปนานแล้ว รุ้งตามผมมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นว่าไม่มีเพื่อน ไม่มีพ่อ ก็เลยเล่นด้วย สงสาร...แต่เอาจริงๆ นะ ผมรำคาญจะตาย โตจนป่านนี้ยังตามไม่เลิก นี่ขนาดผมมาพัทยา ยังอุตส่าห์ตามมาเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน’
‘แล้วทำไมชินไม่ไล่ไป บอกไปตรงๆ สิ เธอจะได้เลิกยุ่งกับชินอีก’
‘ถ้าเตี่ยไม่สั่งไว้ ผมก็ไล่ไปนานแล้ว เด็กอะไรติดหนึบยิ่งกว่าหมากฝรั่ง ใช้ไม้เขี่ยก็ยังไม่ออกเลยนะเนี่ย’ เขาว่าเพื่อเอาใจสาวคนรัก โดยไม่คิดว่าหน้าห้อง... ใกล้ประตูที่ปิดไม่สนิท มีใครคนหนึ่งแอบฟังอยู่
ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรเลย จดจ่ออยู่แค่ผู้หญิงที่เขาคบหนา กลับมาบ้าน ก็รู้สึกว่าน้องสาวพยายามหลบหน้า แต่เขาก็คิดว่าอาการของเธอคงดีขึ้นเอง ไม่รู้เลยว่าแผลสดที่ไม่รีบรักษา จะกลายเป็นหนองเน่าลุกลามใหญ่โตจนเกือบเยียวยาไม่ได้
กว่าระลึกความผิดตัวเองออกก็ต้องเค้นคิดอยู่ทั้งคืน เพราะคำแก้ตัวที่ออกจากปากไม่ได้ผ่านสมอง ดังนั้นพูดจบเขาก็ลืมมันไปอย่างง่ายดาย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเปลี่ยนไปเพราะอะไร รู้ว่าตัวเองสร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้แค่ไหน นึกแล้วก็เจ็บใจ เพราะปากพล่อยๆ ของเขาแท้ๆ
ตอนนี้เขาสำนึกได้แล้ว แล้วเธอเล่า จะให้อภัยเขาได้หรือเปล่า
---------------------------------
มาต่ออีกตอนแล้วนะค้า หายไปนานเลย คิดถึงกันม้ายยยย
คุณ พันธุ์แตงกวา : เหนือฟ้าคะแนนนำค้างานนี้ คุณมาวินของขึ้นเป็นเหมือนกันนะ
คุณ sai : ขอบคุณนะคะที่อินไปด้วย ตอนแต่งก็แอบร้องไห้เหมือนกัน
คุณ ภาวิน : มีคนแนะนำให้ดื่มนมถั่วเหลืองตอนมีเมน ก็เลยเอามาเป็นนิสัยของนางเอกเสียเลย ไม่รู้ว่าช่วยได้จริงหรือเปล่า แต่ดื่มแล้วอารมณ์ไม่แปรปรวนนักนะคะ 5555 อาจเป็นอุปทาน
คุณ ใบบัวน่ารัก : น้องอิงน่าสงสารนะคะ T^T
คุณ kaelek : ตอนแต่งก็แอบร้องไห้เหมือนกัน อินจัดด้วยตัวเอง
คุณ nateetip : ขอบคุณค่ะ ^^ ดีใจที่คนอ่านอินไปด้วย
คุณ ดังปัณณ์ ; ถ้าไม่ไปหานมถั่วเหลืองก็ไม่เกิดเหตุนะคะ 5555
คุณ sukhumvitt66 : คุณพราวพัชไปเองค้า ไม่เกาะนาน
คุณ ree : ต้องติดตามนะคะ
ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตาม ขอให้มีความสุขกับการอ่านค้า ^^
อิงตะวันถอนตัวจากไหล่คนแปลกหน้า ปาดคราบน้ำที่พวงแก้มอย่างไม่เบามือนัก เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ฉันควรไปเปิดไหมคะ” สาวใช้เอ่ยถาม ใจก็กลัวว่าหากเป็นชายหนุ่มที่อยู่ในบทสนทนาก่อนหน้า เธอจะทำเช่นไร ภาวนาให้อิงตะวันสั่งห้าม แต่เมื่อเด็กสาวพยักหน้า...
ที่เข้ามาไม่ใช่พี่หนึ่ง... เหนือฟ้าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกทันที แต่เด็กสาวที่นั่งอยู่ กลับแสดงความผิดหวังออกมาอย่างเห็นได้ชัด ก่อนถามเสียงอู้อี้ “มีอะไร”
ชายหนุ่มร่างสูงที่ก้าวเข้ามามองเห็นความผิดปกติในห้อง คนหนึ่งตาบวมช้ำ จมูกแดงก่ำ ส่วนอีกคน รอยเปียกชื้นวงใหญ่ปรากฏอยู่ที่เสื้อ เขาเดาได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“พี่คุยด้วยได้ไหม”
อิงตะวันไม่ตอบ ชินชนะจึงเหลือบไปทางผู้หญิงอีกคน... เธอไม่พูด ไม่มองหน้า เขาจึงถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งในตำแหน่งที่ไม่ใกล้ไม่ไกลเด็กสาวจนเกินไป “เป็นยังไงบ้าง”
คนถูกถามยังคงเงียบ เขาจึงเอ่ยต่อ “วันนี้... พี่มาวินเป็นห่วงน้องอิงมากนะ”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ อีกเช่นเคย แต่เขาก็แน่ใจ เธอทั้งสองกำลังตั้งใจฟังเขาอยู่
“ลองดูก็ได้ว่าโทรหากี่สาย... ให้คนออกตามหา ขับรถวนจนทั่ว พอไม่เจอ ก็นึกกลัวไปต่างๆ นานา กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น กลัวว่าจะเป็นอันตราย ห่วงสารพัดห่วง ห่วงจนแทบบ้า อาจจะดูเว่อร์ไปนะ แต่ตอนนั้น เหมือนใจจะขาดจริงๆ”
ชินชนะพูดกับอิงตะวัน แต่หันมาทางเหนือฟ้า ราวกับจะบอกให้เธอรู้ว่า ทุกความรู้สึกที่มาวินมีต่อเด็กสาว ไม่ต่างไปจากที่เขารู้สึกต่อเธอ... อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังนิ่งเหมือนไม่เข้าใจ มีแต่อิงตะวันเท่านั้นที่ถอนหายใจ แล้วตอบรับสั้นๆ “อืม...”
“อืมแปลว่าอะไร รู้แล้ว หรือว่าเข้าใจแล้ว”
“อืมแปลว่าอืม หมดเรื่องแล้วก็ออกไปได้แล้ว” เด็กสาวไล่เสียงขึ้นจมูก เมื่อครู่ ความอ่อนแอทำให้เธอสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป แต่ตอนนี้อิงตะวันคนเดิมกลับมาแล้ว
กำแพงไม่ได้พังทลายลง เพียงแต่ประตูลับถูกเปิดออกชั่วคราวเท่านั้น
“ไปก็ได้... แต่ตอนนี้พี่เจ็บแขนจังเลย ให้พี่เลี้ยงน้องอิง ช่วยพยุงพี่ไปที่ห้องพยาบาลหน่อยนะ”
ทำไมเป็นอย่างนั้น... เหนือฟ้าที่ฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง แต่น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ของเขา ไม่อยู่ในความสนใจของเด็กสาวที่เพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักเลย อิงตะวันโบกมือไล่เพื่อตัดรำคาญ พี่เลี้ยงทำท่าจะทักท้วง แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
ก็ดี เธอมีเรื่องจะคุยกับเขาเหมือนกัน
“ผมทำเกินไปหรือเปล่า”
เป็นคำถามแรกหลังจากเขานั่งนิ่งอยู่เป็นชั่วโมง แต่มุกมาลาก็รู้ว่าเขาคงไม่ได้ต้องการคำตอบจากเธอเท่าไร ดูจากสายตาที่เหม่อลอยออกไปไกลยังท้องทะเลสีดำเบื้องหน้า
“ผมไม่ควรตีเธอใช่ไหม... เธอคงจะโกรธผมมาก…แต่เธอก็ผิด… เธอไม่ควรทำแบบนั้น”
แต่ละคำที่เอ่ยเต็มไปด้วยความสับสน มุกมาลากลัวว่าเขาจะเป็นอย่างนี้ไปทั้งคืน จึงพยายามเรียกคืนสติ เธอตีเพี๊ยะไปที่ไหล่ของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่เบานัก ทำให้เขาสะดุ้ง
“คุณตีผมทำไม”
“คุณหนึ่งเจ็บใช่ไหมคะ” คำตอบสั้นๆ ของเธอทำให้มาวินชะงัก ก่อนที่หัวคิ้วจะขมวดแน่นกว่าเก่า
“คุณต้องการจะบอกอะไรผมหรือคุณมุก”
“ดูสิคะ มือมุกก็แดงเหมือนกัน... คุณหนึ่งไม่ได้เจ็บคนเดียว แต่มุกก็เจ็บด้วย แรงที่ส่งไป มันก็เท่ากับแรงที่ผลักไส ยิ่งออกแรงมากเท่าไร ก็ยิ่งไปไกลมากเท่านั้น ทำอะไรแรงๆ เพราะอารมณ์แรงๆ มันไม่ดีหรอกค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนึ่งใจเย็นลงแล้วนี่คะ คุณหนึ่งก็น่าจะรู้ว่ามุกหมายความว่ายังไง”
เธอไม่ได้บอกว่าเขาถูกหรือผิด แต่เธอทำให้เขาได้คิด หลังจากล่องเรือในท้องทะเลที่ดำมืดมานาน ในที่สุดเขาก็เห็นแสงสว่างจากประภาคารเบื้องหน้า
“ผมใช้อารมณ์เกินไปจริงๆ เรื่องง่ายๆ เลยคิดไม่ได้ ถ้าผมคุยกับอิงดีๆ อิงก็คงไม่เป็นแบบนี้... ขอบคุณคุณนะคุณมุก ถ้าไม่มีคุณอยู่ตรงนี้ ผมก็คงหาทางออกไม่เจอ”
แค่คำขอบคุณก็มีความหมาย มุกมาลายิ้มให้ อยากบอกออกไปแต่ก็ต้องเก็บไว้
มุกยินดีจะอยู่ตรงนี้เสมอ จนถึงวันที่คุณหนึ่งไม่ต้องการ
ขณะเดียวกัน ที่ห้องพยาบาล ทันทีที่ประตูปิดลง คนที่เขาโอบไหล่เพื่อใช้พยุงร่างระหว่างเดิน ก็รีบสะบัดตัวออกแล้วไปยืนอีกมุมหนึ่ง สีหน้าบึ้งตึงเหมือนไปกินรังผึ้งที่ไหนมา
“น้องอิงเป็นยังไงบ้าง” เขาตั้งคำถาม ขณะทรุดตัวนั่งลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าสีชมพูหวานด้วยท่าทางสบายๆ ทำเหมือนไม่สำเหนียกว่ารอบกายของหญิงสาว เหมือนมีลูกไฟสีแดงจัดกำลังลุกไหม้อยู่
“ก็เสียใจ ร้องไห้ โดนคนที่รักทำร้าย ก็เจ็บแบบนี้แหละ”
“เห็นไหม อย่างที่พี่บอกเลย น้องอิงรักคุณมาวิน ไม่อย่างนั้น เขาจะมีอิทธิพลกับเธออย่างนี้เหรอ”
“คุณไม่ได้เดาถูกเสมอไปหรอกนะคะ อิงรักคุณมาวินก็จริง แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิด เธอไม่ได้รักเขาแบบชู้สาว แต่เพราะว่าเขาเป็นคนที่คอยดูแลเธอต่างหาก... เธอรักเขาแบบพี่ รักเหมือนคนในครอบครัว”
ชินชนะทำเป็นพยักหน้า เหนือฟ้าคงกลัวว่าเขาจะหลงตัวเองเกินไป เลยรีบแก้ไขให้ความกระจ่าง โดยลืมไปว่านั่นคือข้อมูลชิ้นสำคัญ ที่คนเป็นคู่แข่งกันควรเก็บไว้เป็นความลับ
หรือว่าเธอจะไม่มองว่าเขาเป็นคู่แข่งอีกต่อไปแล้ว
“น้องอิงยอมร้องไห้กับรุ้งด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยนะ”
“ทำไมละคะ ฉันเอาใจใส่ ตั้งใจทำงาน งานก็เลยออกมาดี... ไม่ได้มัวแต่โทรไปอ้อนให้ใครมาหาเหมือนบางคน” ประโยคหลัง พึมพำประชดเบาๆ แต่ภายในห้องที่เงียบ คิดว่าเขาจะไม่ได้ยินเชียวหรือ
“ที่แท้ก็หึงเรื่องคุณพราว”
“ฉันสนแค่เรื่องงานของฉันเท่านั้นแหละค่ะ เรื่องอื่นเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ ฉันไม่ยุ่งอยู่แล้ว”
“เรียกคุณ... แสดงว่าหึงมาก” ชินชนะลอยหน้าลอยตาเออเองเช่นนั้น ทำเอาหญิงสาวนิ่วหน้า
“ก็แล้วแต่คุณจะคิดเถอะค่ะ ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว” เธอว่าแล้วเดินหนี แต่มีหรือที่เขาจะยอมปล่อย
ทันทีที่เธอเดินผ่าน... ทั้งที่อุตส่าห์เลี่ยงให้ห่างที่สุด แต่ชายหนุ่มบนเตียงที่เพิ่งโอดครวญอยู่เมื่อครู่ว่าปวดแขน ก็กลับใช้แขนข้างนั้นเอื้อมมาจับมือเธอแล้วดึงเข้าหา เธอที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วพยายามขืนแต่ก็สู้แรงที่มากกว่าไม่ได้ ร่างบางจึงถลาคล้ายปลิวไปสะดุดขอบไม้แล้วล้มตะแคงข้างลงบนฟูก วินาทีต่อมา คนที่นั่งก็ใช้แขนอีกข้างคร่อมร่างที่นอนอยู่เพื่อกันหนี มารู้ตัวอีกที เธอก็อยู่ในตำแหน่งที่เพลี่ยงพล้ำอีกแล้ว
“คุณชินชนะ!!!”
“อย่าเสียงดังสิคะ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน”
“ถอยออกไปเดี๋ยวนี้...”
“ฟัง... แล้วพี่จะปล่อย” เจ้าของใบหน้าที่อยู่ห่างกันไม่กี่คืบว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง เหนือฟ้ายอมนิ่ง แต่ก็เม้มปากแน่นเพราะกลัวโดนขโมยไปอีก
“ที่พี่บอกน้องอิง รุ้งรู้ใช่ไหม ว่าพี่รู้สึกอย่างนั้นกับรุ้ง ตอนที่รุ้งหายไป พี่เป็นห่วงมาก กลัวรุ้งจะหนี... เหมือนเมื่อ 4 ปีที่แล้ว” คำหลังของเขา ทำคนที่เสมองไปทางอื่นหันกลับมาจ้องหน้าทันที ดวงตาเต็มไปด้วยความคำถาม ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อ “เรื่องที่พัทยา พี่ไม่มีอะไรจะอธิบาย ผู้หญิงคนนั้น... พี่กับเธอ เป็นอย่างที่รุ้งเห็น”
ทั้งที่รู้อยู่แล้ว แต่เมื่อมาได้ยิน มันก็ยังเจ็บ... หญิงสาวกำมือแน่น ก่อนจะเค้นเสียงออกมาได้
“คุณมาบอกฉันตอนนี้....ทำไม”
“เพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ทำให้รุ้งเปลี่ยนไปไม่ใช่เหรอ เรื่องในอดีตพี่แก้ไขอะไรไม่ได้ แก้ตัวยังไม่ได้เลย พี่ได้แต่ขอโทษ แต่วันนี้ ถ้าเรื่องคุณพราวจะทำให้รุ้งเข้าใจผิด พี่ก็ขอยืนยันว่าไม่มีอะไร ไม่มีเด็ดขาด กับแฟนเก่า เราก็เลิกกันตั้งแต่พี่ไปเรียนต่อ ตอนนี้พี่มีแค่รุ้ง... แค่รุ้งคนเดียว”
ต่อให้เป็นเพียงลมปากหวานหูที่พัดผ่าน บ่อยครั้งที่ฟังก็ยังหวั่นไหว แล้วนับประสาอะไรกับการยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น .... หากหัวใจจะรักษาอาการเต้นให้เป็นปกติอยู่ได้ เธอก็คงด้านชาเกินไปหน่อยแล้ว
หญิงสาวสบดวงตาเรียวแต่คมกริบที่จ้องอยู่ ไม่ต้องค้นลึก ก็พบความจริงใจมากมายที่ส่งผ่านออกมา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกหก แต่...
“ฉันคิดว่าคุณเลือกบอกได้ไม่ค่อยถูกเวลาเท่าไร”
“ก็ตอนที่พี่จัดฉาก พยายามสร้างบรรยากาศแทบตาย เราก็ไม่ได้คุยกันสักที พี่ไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว”
“แต่ในสภาพนี้... ฉันคิดอะไรไม่ออก” เธอว่า ซึ่งก็ทำให้เขายอมยกแขนขึ้น เปิดทางให้เธอเป็นอิสระ
“ท่าแบบเมื่อกี้ พี่ก็เมื่อยเหมือนกัน” เขาเอ่ย ขณะที่เธอพยุงตัวขึ้นนั่ง ทั้งสองอยู่ข้างเคียงกัน แม้ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัส แต่สะพานที่มองไม่เห็นกำลังเชื่อมหัวใจสองดวงเข้าหา หลังตัดขาดมานานหลายปี
เหนือฟ้าผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ ขี้เกียจปิดบังต่อไป
“ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันบอกก็ได้ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ คุณจะมีอะไรกับใคร ฉันจะโกรธได้ยังไง ในเมื่อตอนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เรื่องที่ทำให้ฉันหลบหน้าคุณ ไม่ยอมคุยกับคุณอีก.... ถ้าฉันบอก ฉันขอออกจากห้องไปเลยได้ไหม”
“ทำไม”
“ฉันคิดว่ามันคงดีกว่าถ้าเรามีเวลาทบทวน เรื่องนี้มันฝังอยู่ในใจฉันมาตั้ง 4 ปี ถ้าฉันพูดจบแล้วคุณขอโทษ ฉันจะให้อภัยคุณได้ทันทีเลยเหรอ... โอเค มันก็อาจจะได้ แต่ฉันคิดว่ามันง่ายไปหน่อย ให้เวลาฉันอีกนิดนะคะ คุณก็จะได้มีเวลาครีเอทฉากง้องอนที่มันเก๋ๆ ด้วยไง”
ประโยคสุดท้ายของเธอทำให้เขาอดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้ ถ้าเธอต้องการอย่างนั้น แล้วเขาจะทำให้ผิดหวังได้ยังไงกัน
“ก็ได้... คืนนี้พี่จะปล่อยรุ้งไป เพื่อให้รุ้งไปคิดว่าจะยอมคืนดีกับพี่ยังไงไม่ให้ตัวเองเสียฟอร์ม” เขาว่า ทำให้เธอค้อนขวับวงใหญ่ เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ “ทีนี้ก็ไขปริศนามาราธอนของรุ้งได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนลุกขึ้น ยืนประจันหน้ากับชายหนุ่ม สบตาเขาแน่วนิ่ง....
“วันนั้นหลังวิ่งหนีลงมา ฉันกลับขึ้นไปนะคะ... ฉันได้ยินทั้งหมดเลยค่ะ ว่าคุณพูดอะไรบ้าง”
ปาร์ตี้อำลาไปเรียนต่อและฉลองวันเกิดครบ 28 ปี ถูกจัดขึ้นภายในห้องพักขนาดใหญ่ที่มีห้องนอนถึงสามห้อง บนคอนโดมิเนียมริมชายหาดพัทยา ค่ำคืนแห่งการดื่มกินผ่านไปอย่างสุดเหวี่ยง ก่อนเหล่าเพื่อนที่มาร่วมงานจะแยกย้ายไป ‘สนุกสนาน’ กับคู่ของตน
ชินชนะในวันนั้นคิดว่าตนโตพอจะรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว และเขากับคนรักก็หัวสมัยใหม่ จนไม่เห็นว่าการมีอะไรกันก่อนแต่งงานนั้นเป็นเรื่องเสียหาย คืนนั้นเขาอยู่กับเธอจนถึงเช้า แต่แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นน้องสาวปรากฏตัวอยู่หน้าประตูห้องนอนพร้อมเค้กก้อนใหญ่
เพื่อนที่ตื่นก่อนคงเปิดรับเธอเข้ามา แต่ไม่คิดบ้างหรือว่าเขาจะพร้อมต้อนรับเธอไหม
เด็กสาวหน้าจืดวัย 23 ปี ไม่ได้ตกตะลึงกับสภาพกึ่งเปลือยของพี่ชาย แต่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเขาต่างหาก ที่ทำให้เธออ้าปากค้าง ก่อนวินาทีต่อมาจะพึมพำขอโทษด้วยเสียงแหบพร่า แล้ววิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา
เขาควรตามไป แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าผีตนใดเข้าสิง เขาจึงแค่ยักไหล่ ทำเหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญ แต่งตัวออกมาจากห้อง มารวมกลุ่มกับเพื่อนคนอื่นที่ห้องรับแขก แล้วใครคนหนึ่งก็เริ่มต้น
‘ไม่ตามไปเหรอวะ ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปโน้นแล้ว’
‘ตามใคร ตามทำไม’
‘ก็ยายเด็กที่ชอบมาตามตื้อนายไง เห็นตามมาตั้งแต่นายเรียนอยู่ อึดนะเว้ย ไม่เอาเหรอวะ’
‘เอ๊ย นั่นมันน้อง บอกกี่ครั้งแล้ว’
‘น้องสาวไม่แท้นี่หว่า กลัวไร เก็บไว้เป็นกิ๊กสิวะ ท่าทางจะชอบนายมากนะเว้ย ยอมอยู่แล้ว’ เพื่อนปากหมาว่าอย่างคึกคะนอง ชินชนะส่ายหน้าเพราะรู้ว่าเพื่อนแซวเล่น แต่คนรักของเขาในเวลานั้นที่เพิ่งก้าวออกจากห้องนอน ไม่เห็นขำไปด้วย
‘ชินจะกิ๊กกับใคร’ เธอแวดถามอย่างไม่พอใจ เขาจึงต้องรีบอ้อนก่อนจะโกรธไปกันใหญ่
‘ไอ้พวกนี้ก็แซวเล่น รุ้งเป็นน้องสาวผม ผมจะไปกิ๊กกั๊กได้ยังไง’
‘หมายถึงเด็กคนเมื่อกี้เหรอ เห็นเหมือนกันว่าชอบมายุ่งกับชิน... หน้าตาจืดไปหน่อย แต่หุ่นก็ใช้ได้นะ ชินไม่ชอบแน่นะ’
‘ถ้าจะชอบก็ชอบไปนานแล้ว รุ้งตามผมมาตั้งแต่เด็กๆ เห็นว่าไม่มีเพื่อน ไม่มีพ่อ ก็เลยเล่นด้วย สงสาร...แต่เอาจริงๆ นะ ผมรำคาญจะตาย โตจนป่านนี้ยังตามไม่เลิก นี่ขนาดผมมาพัทยา ยังอุตส่าห์ตามมาเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน’
‘แล้วทำไมชินไม่ไล่ไป บอกไปตรงๆ สิ เธอจะได้เลิกยุ่งกับชินอีก’
‘ถ้าเตี่ยไม่สั่งไว้ ผมก็ไล่ไปนานแล้ว เด็กอะไรติดหนึบยิ่งกว่าหมากฝรั่ง ใช้ไม้เขี่ยก็ยังไม่ออกเลยนะเนี่ย’ เขาว่าเพื่อเอาใจสาวคนรัก โดยไม่คิดว่าหน้าห้อง... ใกล้ประตูที่ปิดไม่สนิท มีใครคนหนึ่งแอบฟังอยู่
ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจอะไรเลย จดจ่ออยู่แค่ผู้หญิงที่เขาคบหนา กลับมาบ้าน ก็รู้สึกว่าน้องสาวพยายามหลบหน้า แต่เขาก็คิดว่าอาการของเธอคงดีขึ้นเอง ไม่รู้เลยว่าแผลสดที่ไม่รีบรักษา จะกลายเป็นหนองเน่าลุกลามใหญ่โตจนเกือบเยียวยาไม่ได้
กว่าระลึกความผิดตัวเองออกก็ต้องเค้นคิดอยู่ทั้งคืน เพราะคำแก้ตัวที่ออกจากปากไม่ได้ผ่านสมอง ดังนั้นพูดจบเขาก็ลืมมันไปอย่างง่ายดาย ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเธอเปลี่ยนไปเพราะอะไร รู้ว่าตัวเองสร้างบาดแผลฉกรรจ์ไว้แค่ไหน นึกแล้วก็เจ็บใจ เพราะปากพล่อยๆ ของเขาแท้ๆ
ตอนนี้เขาสำนึกได้แล้ว แล้วเธอเล่า จะให้อภัยเขาได้หรือเปล่า
---------------------------------
มาต่ออีกตอนแล้วนะค้า หายไปนานเลย คิดถึงกันม้ายยยย
คุณ พันธุ์แตงกวา : เหนือฟ้าคะแนนนำค้างานนี้ คุณมาวินของขึ้นเป็นเหมือนกันนะ
คุณ sai : ขอบคุณนะคะที่อินไปด้วย ตอนแต่งก็แอบร้องไห้เหมือนกัน
คุณ ภาวิน : มีคนแนะนำให้ดื่มนมถั่วเหลืองตอนมีเมน ก็เลยเอามาเป็นนิสัยของนางเอกเสียเลย ไม่รู้ว่าช่วยได้จริงหรือเปล่า แต่ดื่มแล้วอารมณ์ไม่แปรปรวนนักนะคะ 5555 อาจเป็นอุปทาน
คุณ ใบบัวน่ารัก : น้องอิงน่าสงสารนะคะ T^T
คุณ kaelek : ตอนแต่งก็แอบร้องไห้เหมือนกัน อินจัดด้วยตัวเอง
คุณ nateetip : ขอบคุณค่ะ ^^ ดีใจที่คนอ่านอินไปด้วย
คุณ ดังปัณณ์ ; ถ้าไม่ไปหานมถั่วเหลืองก็ไม่เกิดเหตุนะคะ 5555
คุณ sukhumvitt66 : คุณพราวพัชไปเองค้า ไม่เกาะนาน
คุณ ree : ต้องติดตามนะคะ
ขอบคุณนะคะสำหรับการติดตาม ขอให้มีความสุขกับการอ่านค้า ^^
ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ส.ค. 2556, 00:00:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ส.ค. 2556, 00:00:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1650
<< บทที่ ยี่สิบสาม : นมถั่วเหลือง | บทที่ ยี่สิบห้า : ได้คืน >> |
lovereason 13 ส.ค. 2556, 01:00:23 น.
สวัสดีค่า นุ่นเอง ^^
อ่านนิยายที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ
ที่บล็อคหาไม่ค่อยเจอเลยค่ะ
สวัสดีค่า นุ่นเอง ^^
อ่านนิยายที่นี่ก็ดีเหมือนกันนะคะ
ที่บล็อคหาไม่ค่อยเจอเลยค่ะ
พันธุ์แตงกวา 13 ส.ค. 2556, 03:18:00 น.
สมควรละอีตาพี่ชิน รุ้งทำแแบบนี้ถูกต้องแล้ว ฮึ่ม!
สมควรละอีตาพี่ชิน รุ้งทำแแบบนี้ถูกต้องแล้ว ฮึ่ม!
Sukhumvit66 13 ส.ค. 2556, 10:56:06 น.
เฮ้อ! เหมือนยกภูเขาออกจากอก โกรธให้นานกว่านี้ก็ได้ค่ะ
รู้สึกว่ายังไม่ต้องรีบคืนดีก็ได้ อิอิ
เฮ้อ! เหมือนยกภูเขาออกจากอก โกรธให้นานกว่านี้ก็ได้ค่ะ
รู้สึกว่ายังไม่ต้องรีบคืนดีก็ได้ อิอิ
ดังปัณณ์ 13 ส.ค. 2556, 11:22:06 น.
คราวนี้หนักแน่ เนอะรุ้งเนอะ ใจแข็งๆไปนานลูกเอ๊ย อย่าให้อภัยง่ายๆ 555+ ยุอี๊ก
คราวนี้หนักแน่ เนอะรุ้งเนอะ ใจแข็งๆไปนานลูกเอ๊ย อย่าให้อภัยง่ายๆ 555+ ยุอี๊ก
ภาวิน 13 ส.ค. 2556, 11:31:49 น.
แหม ตาชินนะ ปากพล่อยจริง สมควรแล้ว
แหม ตาชินนะ ปากพล่อยจริง สมควรแล้ว
sai 13 ส.ค. 2556, 12:34:38 น.
เหอะๆๆๆปากพาซวย
เหอะๆๆๆปากพาซวย
kaelek 13 ส.ค. 2556, 13:07:21 น.
และแล้วความจริงก็เปิดเผย เอาใจช่วยทั้งคุณชินและคุณมาวินนะคะ
และแล้วความจริงก็เปิดเผย เอาใจช่วยทั้งคุณชินและคุณมาวินนะคะ
OhLaLa 13 ส.ค. 2556, 13:08:18 น.
โอ๊ยยย คุณชินชนะใจร้ายมากที่พูดไปแบบนั้น สมควรแล้วล่ะที่รุ้งจะโกรธจนไม่อยากมองหน้า (อินนะเนี่ย ประหนึ่งว่าเป็นรุ้ง) โกรธไปนานๆ เลย เราเจ็บแล้วต้องจำ
โอ๊ยยย คุณชินชนะใจร้ายมากที่พูดไปแบบนั้น สมควรแล้วล่ะที่รุ้งจะโกรธจนไม่อยากมองหน้า (อินนะเนี่ย ประหนึ่งว่าเป็นรุ้ง) โกรธไปนานๆ เลย เราเจ็บแล้วต้องจำ
เดิมเดิม 13 ส.ค. 2556, 15:21:04 น.
สมควรโดนโกรธแล้วจริงๆ
สมควรโดนโกรธแล้วจริงๆ
ree 13 ส.ค. 2556, 17:03:41 น.
ฟังเหตุผลแล้วก็สมควรอยู่ พูดไปแล้วจะไปทำอะไรได้ ต้องยอมรับผลกรรม ยอมง้องอนครั้งใหญ่ทีเดียว
ฟังเหตุผลแล้วก็สมควรอยู่ พูดไปแล้วจะไปทำอะไรได้ ต้องยอมรับผลกรรม ยอมง้องอนครั้งใหญ่ทีเดียว