หนี้บริสุทธิ์ ...เทเรน่า
เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นและสะสาง ‘หนี้อัปยศ’ ในอดีต
แต่กลับเป็นฝ่ายถูกเขาตลบหลัง ลากตัวเธอไปสร้าง ‘หนี้สวาท’ อันเร่าร้อนจนเกินจะต้านทานไหว
การที่ ‘ปณาลี’ เจตนาเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
นั่นก็เพราะว่าเขาคือบิดาแท้ๆ ซึ่งเคยขับไล่ผู้เป็นแม่ของเธอออกจากบ้านทั้งที่ตั้งท้องอยู่
จนกระทั่งชีวิตพลิกผัน ต้องขายทั้งหัวใจและศักดิ์ศรีเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้
วันนี้หญิงสาวจึงกลับมาพร้อมคำสาบานว่าจะทำทุกอย่าง
เพื่อทำลายความสุขของครอบครัวบิดาบ้าง...
ถึงแม้จะพบความจริงว่า... เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ
ที่แท้ก็คือน้องสาวต่างมารดา ที่เธอจำใจจะต้องทำร้ายให้เจ็บปวดก็ตาม
แต่ยังไม่ทันที่แผนการล้างแค้นจะรุดหน้าไปถึงไหน
ความหวังก็ต้องพังทลายลงไม่ต่างจากปราสาททรายที่ถูกน้ำเซาะด้วยฝีมือของเขา...
‘ตรีภพ คณารส’
ผู้ชายที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพียงพนักงานกระจอกๆคนหนึ่งในบริษัทของคู่หมั้นน้องสาว...
หากความจริงแล้วเขากลับมีอำนาจมากพอจะทำลายแผนการทุกอย่างที่เธอวางไว้
และวงแขนที่แข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม...
อ้อมกอดอันเร่าร้อน รุนแรง...
รสจูบอันหวานล้ำ และแผงอกเปลือยเปล่ากำยำนั้น...
มันก็เพียงพอจะบังคับให้เธอต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในแผนของตัวเอง
มิหนำซ้ำยังต้องชดใช้ ‘หนี้ชีวิต’ ที่ยังไม่ทันได้ก่อให้แก่เขาด้วย ‘ความสาวบริสุทธิ์’ ก่อนเวลาอันสมควร
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เธอก็ยังไม่รู้ด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบหรือผลักไสอย่างไม่ไยดี!
และเขาเองก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า... หากเธอไม่เป็นฝ่ายหยุด
เขานี่ล่ะที่จะหยุดเธอเอาไว้ด้วยความรักและความอ่อนหวาน
และจะสอนให้เธอรู้ว่า... การสยบลงแทบเท้าของคนที่เรารักและบูชานั้น
ไม่ได้เป็นการเสียเกียรติอะไรเลย...
Tags: เทเรน่า อินเลิฟ เลิฟซีน

ตอน: ตอนที่ 1 40%

ปณาลีถือไม้กวาดในมือค้างเอาไว้ ตาจับจ้องภาพดาราสาวที่กำลังดังมากขณะให้สัมภาษณ์กับนักข่าวก่อนเข้าไปในงานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ ทางเดินสุดตาคือพรมแดง หญิงสาวมองอย่างหลงใหลกับความหรูหราของภาพมายาแล้วหลับตาลง นึกภาพตัวเองกำลังยืนให้สัมภาษณ์แทนที่ดาราสาวคนนั้น
“ไม่หวังมากกับรางวัลนั้นหรอกค่ะ หยกทำตามหน้าที่ของนักแสดงที่ดีเท่านั้นแต่ถ้าได้มาก็ถือเป็นรางวัลของการเป็นนักแสดง” หญิงสาวหลับตาตอบคำถาม จินตนาการไปว่าตอนนี้มีกล้องนับสิบรุมล้อม จึงได้เท้าสะเอวโพสท่า ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงใบหู
“นังหยก!” เสียงแหลมเล็กนั้นดังขึ้นทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง ลืมตาขึ้นโดยฉับพลัน
“โธ่แม่! มาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด” ปณาลีทำหน้าขัดใจ กระแทกกระทั้นไม้กวาดในมือกวาดจนฝุ่นกระจายฟุ้งตลบจนคนเป็นแม่ต้องถอยหลบ
“นังหยก กวาดดีๆ สิวะมึง เดี๋ยวเถอะกูจะบอกพ่อมึงเอาเลือดหัวออก กำเริบใหญ่แล้วนะ” ประดับชี้หน้าแล้วมองไปยังจอโทรทัศน์ “อ๋อ…นี่คงกำลังฝันกลางวันอยู่ละสิ ถุย…ไม่ได้หวังกับรางวัลหรอกค่ะ ทำหน้าที่เป็นนักแสดงที่ดี น้ำหน้าอย่างมึงนะเหรอวะจะเป็นนักแสดงที่ดี” คนเป็นแม่หัวเราะร่วนอย่างขบขันทำให้ปณาลีหน้ายุ่ง ตั้งแต่เล็กจนโตแม่ไม่เคยให้กำลังใจอะไรเธอสักอย่าง คอยแต่ทับถมจนเธอต้องตวัดสายตามาหา หน้ายุ่ง
“แม่ ฉันถามจริงๆ เถอะนะ”
“ถามอะไร ให้มันมีสาระนะมึง” ประดับชี้หน้า เดินไปปิดโทรทัศน์ “เปลืองไฟ หาเงินหาทองเองยังไม่ได้อย่ามากระแดะกวาดบ้านไปดูทีวีไป”
“จะอะไรนักหนาแม่ แค่ดูทีวีแค่นี้มันจะกี่สตางค์กันเชียว ถามจริงๆ เถอะ แม่เป็นแม่ของฉันจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย” หญิงสาวย้อนถาม สีหน้าอยากรู้จริงจัง
“อีหยก…นี่มึงดูละครมากไปหรือเปล่าฮะ มึงคิดว่าตัวมึงเป็นลูกผู้ลากมากดีแล้วกูไปขโมยมาจากโรงพยาบาลหรืออย่างไร” ประดับเท้าสะเอวตอบ หรี่ตามองลูกสาวคนสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแต่มันก็ทำให้หัวใจด้านชาของเธอเกิดอาการแปลบปลาบขึ้นมาหน่อยๆ
“ก็แม่น่ะเคยทำอย่างกะฉันเป็นลูกนักนี่ คำก็ด่าสองคำก็ด่า เป็นใครก็ต้องคิด” ปณาลีว่า เพราะตั้งแต่เล็กจนโต แม่ด่าทอเธอด้วยถ้อยคำเจ็บๆ แสบๆ ผิดกับปณิตา น้องสาวที่เกิดกับพ่อเลี้ยง คำต่อว่าของคนเป็นลูกทำให้ประดับสะอึกไปบ้าง ปากที่เผยอจะด่าจึงต้องสงบคำก่อนจะโบกมือไล่แต่ไม่ได้ตอบคำถามนั้น
“ไปให้พ้นตากู”
“แม่ยังไม่ตอบฉันเลย”
“เอ๊ะ! อีนี่ มึงแหกตาดูหน้ามึงกะกูเทียบกันสิ ไปถามใครเขาก็ได้ว่ามึงหน้าเหมือนกูไหม หรือจะต้องให้เสียเงินไปตรวจโอเอ็นเอมึงถึงจะเชื่อ” นางประดับชักยัวะ อยู่ดีๆ ลูกมากล่าวหาตัวว่าไม่ใช่แม่
“ดีเอ็นเอ”
“เออ…อะไรก็ช่าง สรุปว่ามึงเป็นลูกกู อีประดับ แม่ค้าขายส้มตำหน้าคลองเตย แล้วไม่ต้องไปเพ้อฝันว่ามึงเป็นลูกผู้ลากมากดีมาจากไหน กวาดให้เสร็จแล้วไปช่วยสับมะละกอด้วย”
“แต่พรุ่งนี้ฉันมีสอบนะแม่” หญิงสาวท้วง
“มึงก็เอาหนังสือไปอ่านที่แผงสิวะให้นังนิดมันเฝ้าบ้าน” ประดับว่าก่อนเดินลงบันไดเตี้ยๆ ที่มีอยู่แค่ห้าขั้นลงไปแล้วเข็นรถเข็นขายลาบ ส้มตำออกไป หญิงสาวมองตามหลัง หดหู่กับสภาพของตัวเอง
“คอยดูนะแม่ สักวันฉันจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
ปณาลีมองด้วยแววตามุ่งมั่น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน อยากได้อยากมี เพราะในชีวิตไม่เคยมี ไม่เคยได้ ท้องไม่เคยอิ่มเต็มที่เลยสักครั้ง ก่อนหน้าที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ เธอกับแม่ก็อยู่กันในซ่องจนเธออายุได้ห้าขวบแม่ถึงได้ขนข้าวของมาอยู่กับพ่อเลี้ยง สภาพที่เธอเจอมาไม่เคยมีอะไรดี
หญิงสาวกระแทกไม้กวาดใส่ข้างฝา ไม่สนใจว่ามันจะหล่นแหมะอยู่บนกองฝุ่น คว้าหนังสือเรียนมาสองเล่มก็เดินลงส้นตึงตังลงบันได สวนเข้ากับปณิตาที่เดินนวยนาดข้ามสะพานเข้ามาจนถึงบ้าน ในมือถือถุงของกินมาถุงใหญ่ กินมาตลอดทางแต่ไม่คิดจะเผื่อแผ่ถึงพี่
“แม่บอกให้แกรีบไป” ปณิตาอายุห่างจากปณาลีไม่ถึงห้าปีดีจึงไม่คิดเรียกอีกฝ่ายว่าพี่ อีกอย่างเธอก็คิดมาตลอดว่าพี่สาวคือกาฝาก บ้านที่อยู่นี่ก็ของพ่อเธอ พ่อของปณาลีเป็นใครก็ยังไม่รู้
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ แต่บ้านฉันยังกวาดไม่เสร็จ แกทำต่อด้วย”
“เอ๊ะ! มันธุระอะไรของฉัน” คนเป็นน้องเท้าสะเอว ตาไวมองเห็นด้ามไม้กวาดกองรวมอยู่กับเศษฝุ่นเศษขยะ ตาวับๆ จึงหันมาหาพี่สาว
“ก็แม่ให้ฉันรีบไปไม่ใช่เหรอ แกมีหน้าที่เฝ้าบ้านก็ต้องทำงานบ้าน”
“เรื่องอะไร แม่ไม่ได้ใช้ฉัน” ปณิตาส่ายหน้า เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็กว่าแม่รักเธอมากกว่าพี่สาว ดังนั้นอะไรที่โยนกองไปให้ปณาลีได้เธอจึงคิดจะทำเป็นอันดับแรก
“แล้วแกไม่คิดจะช่วยหยิบจับอะไรเลยเหรอ งานบ้านก็ฉัน ออกไปขายของก็ฉัน มันจะเอาเปรียบกันมากเกินไปแล้วนะ” คนเป็นพี่ชักหงุดหงิด ตื่นมาตั้งแต่เช้าต้องทำงานสารพัดในขณะที่คนเป็นน้องออกไปแทดๆ ตั้งแต่เช้าจนบ่ายเพิ่งกลับมา แล้วแม่ไม่คิดจะว่าอะไรสักคำ
“ใคร ใครเอาเปรียบพูดให้มันดีๆ นะ ฉันออกไปติวหนังสือกับเพื่อน แกอย่าลืมสิว่าบ้านหลังนี้เป็นของพ่อฉัน ถ้าแกอยากให้ฉันทำละก็พาฉันไปอยู่บ้านพ่อแกก่อนสิ” ปณิตามองเยาะ เลือกจะหยิบเอาปมด้อยของพี่สาวมาเป็นหัวข้อสนทนา ยิ่งมันเจ็บเธอก็ยิ่งสะใจ…พี่น้องคลานตามกันมาแท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงเกลียดมันนักก็ไม่รู้ ปณาลีสวยกว่าเธอ เรียนเก่งกว่าเธอ อะไรที่เธอทำไม่ได้แม่พี่สาวตัวดีของเธอก็ทำได้หมด
เธอเกลียดมัน!
ปณิตาบอกตัวเองอย่างไม่ลังเล ไม่มีเยื่อใยของความเป็นพี่น้องเลยสักนิดในสายตาเธอ เธอรู้สึกมาตลอดว่าปณาลีเป็นกาฝากไม่ใช่พี่น้อง
ปณาลีกัดปากตัวเองแน่นจนเลือดห้อ ได้แต่เก็บกักความเจ็บแค้นเอาไว้ในใจ ตั้งแต่เล็กจนโตปณิตาดูถูกเธอแบบนี้มาโดยตลอด ทำเหมือนเธอเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องตัวเอง เพราะเธอต้องอาศัยบ้านพ่อมันเป็นที่ซุกหัวนอน มันถึงได้ลำเลิกบุญคุณเอากับเธออยู่ตลอดที่มีโอกาส พ่อเลี้ยงเธออายุห่างจากแม่หลายปี ผู้ชายขี้เมาติดการพนันที่มองลูกเลี้ยงอย่างเธอเหมือนแมวจ้องตะครุบเหยื่อ เธอพยายามบอกแม่แล้วแต่แม่ไม่เคยเชื่อ
“อย่ามาใส่ร้ายพี่ธงนะนังหยก” ประดับเสียงดังเมื่อลูกสาวคนสวยมาฟ้องเรื่องที่ถูกพ่อเลี้ยงแอบถ้ำมองตอนอาบน้ำแต่คนเป็นแม่นอกจากไม่เชื่อแล้วยังกล่าวหาว่าเธอใส่ร้ายมันอีกต่างหาก
“ฉันไม่ได้ใส่ร้ายนะแม่ ตอนฉันอาบน้ำมันมีคนแอบดูฉันจริงๆ แล้วบ้านเราก็มีผู้ชายอยู่แค่คนเดียว จะเป็นใครถ้าไม่ใช่น้าธง” ตั้งแต่โตเป็นสาวมาคำเรียกขานอีกฝ่ายว่าพ่อดูจะประดักประเดิดชอบกล ด้วยเหตุว่านายธงไม่เคยปฏิบัติต่อเธอเหมือนพ่อกับลูกเลยสักครั้งเดียวเธอจึงเปลี่ยนมาเรียกน้าเอาทีหลัง นับตั้งแต่เริ่มแตกเนื้อสาว หลายครั้งที่เขามองทรวดทรงองค์เอวของลูกเลี้ยงด้วยสายตาแปลกๆ ราวกับประเมินของมีค่าสักชิ้นก็ไม่ปาน
“แสดงว่าแกก็ไม่แน่ใจ” คนเป็นแม่มองเยาะ เมื่อเห็นลูกสาวอึกอักจึงได้ที “นั่นไงไม่เห็นกับตาแต่มาใส่ร้ายพี่ธงมึงนี่วอนโดนดี” ประดับเรียกสามีว่าพี่ ทั้งๆ ที่ตัวเองอายุมากกว่านายธงอยู่หลายปี ปณาลีเดาว่าเพราะสามีอ่อนกว่าแม่จึงทั้งรักทั้งหลงพ่อเลี้ยงของเธอนัก เธอว่ากล่าวอะไรพ่อเลี้ยงแม่ถึงได้ออกรับแทนมาโดยตลอด
“แม่ไม่เชื่อฉันก็ตามใจ” ปณาลีทำเสียงอะไรอย่างหนึ่งในลำคอ แม่คงต้องรอให้เธอถูกมันข่มขืนเสียก่อนถึงจะยอมเชื่อ หรือไม่บางทีต่อให้เธอโดนมันข่มขืนจนท้องโตขึ้นมาจริงๆ ก็อาจจะไม่เชื่อเลยก็ได้
“ในเมื่อบ้านหลังนี้เป็นบ้านแก แกก็ทำเอง” ปณาลีฉีกสมุดหลายแผ่นออกมาขยำๆ แล้วหว่านไปรอบพื้นบ้าน มองน้องสาวที่อ้าปากค้างคาดไม่ถึงเป็นเชิงเยาะ กว่าที่ปณิตาจะรู้ตัวว่าพี่สาวทำอะไรและส่งสียงกรี๊ดตามหลังผู้เป็นพี่สาวก็เดินลิ่วออกไปเสียแล้ว
“กรี๊ด!!”
ปณาลีหัวเราะร่าอย่างสะใจ เดินสวนเข้ากับไอ้กุ้งนักเลงท้ายซอย มันผิวปากแซวแล้วทำตากรุ้มกริ่มเข้าใส่ หญิงสาวจึงชี้หน้า
“ถ้ามึงไม่อยากอายุสั้นก็หุบปากแล้วถอยออกไปไอ้กุ้ง วันนี้กูอารมณ์ไม่ดี”
“โธ่…อย่าพูดทำร้ายจิตใจพี่อย่างนั้นสิจ๊ะน้องหยก อารมณ์เสียแบบนี้ทะเลาะกับไอ้นิดมาละสิ” ผู้พูดเดาเพราะคนในละแวกคลองเตยก็รู้กันทั้งนั้นว่าสองพี่น้องไม่เคยพูดกันดีๆ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เรื่องของกู ไป๊” หญิงสาวตวาด เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หลบจึงผลักไปสุดแรงจนพลัดหล่นจากสะพานตกน้ำครำไป ปณาลีกุมท้องหัวเราะท้องคัดท้องแข็งในขณะที่คนถูกผลักทำฮึ่มฮั่มในลำคอ
“อีหยกฝากไว้ก่อนเถอะมึง”
“รีบมาเอาด้วยนะ แต่อาจจะไม่มีหวังว่ะเพราะไอ้น้ำครำนี่มันสกปรก มีเชื้อโรคเต็มไปหมด มึงไม่เห็นข่าวเหรอวะที่มีนักร้องดังตกลงไปในน้ำครำแล้วเชื้อมันเข้าสมองไปน่ะ ฮะๆ” หญิงสาวหัวเราะแกมขู่แล้วเดินหนีไป ไอ้กุ้งวักน้ำตามหลังแล้วตะโกนด่าตอบอย่างแค้นใจ นี่ถ้าไม่รักจริงหวังแต่ง เขาจะฉุดทำเมียเสียให้เข็ด
ไอ้กุ้งมองตามหลังปณาลีไปด้วยสายตาทั้งรักทั้งแค้น



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ส.ค. 2556, 22:55:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ส.ค. 2556, 22:55:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1089





   ตอนที่ 1 70% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account