ดั่งฝันวันวาน
เธอตื่นขึ้นมาในปีพ.ศ.2500 โดยปราศจากความทรงจำใดๆ
ณ ที่นั้น เธอได้เรียนรู้อดีต ได้รู้จักปัจจุบัน และได้วาดฝันถึงอนาคต

เธอจะเลือกใคร...
อดีตที่เฝ้าทวงสัญญาครั้งเก่า
ปัจจุบันที่ตีแผ่หัวใจยอมพลีให้
หรืออนาคตที่แอบวาดฝันถึงกันมาเนิ่นนาน

ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีทุกข์
แล้วใครเล่าจะได้เป็นสุข เป็นเจ้าแห่งหัวใจ
Tags: ย้อนอดีต รัก เศร้า เบาๆ

ตอน: ตอนที่ 9: ปลดพันธนาการ (1/2)

“พี่ใหญ่คะ พี่ใหญ่เปิดประตูคุยกันก่อนเถอะค่ะ” ฉันรีบเดินตามพี่ใหญ่แต่ยังไม่ทัน เธอกับลำไยเร่งฝีเท้าเข้าห้องแล้วปิดประตูใส่

“พี่ใหญ่คะ” ฉันเคาะประตูร้องเรียกอยู่หลายหนกว่าลำไยจะเปิดออกมา ฉันมองไปด้านในเห็นพี่ใหญ่นั่งอยู่ห้อยขาอยู่ข้างเตียง หน้าเมินมองไปด้านในห้องไม่ยอมหันมาทางฉันเสียด้วยซ้ำ

“คุณใหญ่อยากพักผ่อนค่ะ”

“ให้ฉันเข้าไปเถอะลำไย ฉันอยากคุยกับพี่ใหญ่ให้รู้เรื่อง”

“ลำไยทราบว่าคุณร้อนใจ แต่ว่าคุณใหญ่ไม่ต้องการพบคุณค่ะ กลับห้องไปเถอะค่ะ”

“แต่...” ฉันจะท้วงแต่ถูกขัดขึ้นเสียงแข็ง

“คุณใหญ่ไม่ต้องการพบหน้าคุณเล็ก คุณเล็กไม่เข้าใจหรือคะว่าทำไม” ลำไยส่งเสียงดุ น้ำตาเอ่อท้นเจ็บแค้นเสียใจแทนนายรัก

“ฉันเป็นน้องพี่ใหญ่นะ ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ลำไยต้องให้ฉันคุยกับพี่ใหญ่ให้รู้เรื่อง นี่มันแค่เรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น ฉันไม่ได้คิดจะกลับไปคบกับพี่ธนาแล้วจริงๆ” ฉันยืนกราน คาดหวังว่าเสียงอันดังจะเล็ดลอดเข้าห้องไปให้พี่ใหญ่ได้ยิน แต่ร่างเพรียวบนเตียงไม่ไหวติง

ฉันพยายามจะฝ่าเข้าห้อง แต่ลำไยใช้ลำตัวหนาใหญ่ขวางไว้ ปากก็เสียงกระแทกบริภาษ

“เพราะเป็นน้องคุณใหญ่สิคะ คุณใหญ่ถึงเป็นแบบนี้ น้องแท้ๆ!...คุณเล็กกลับห้องไปเถอะค่ะ อย่าหาว่าลำไยหยาบคายเลย แต่แค่นี้ก็ทำร้ายกันมากพอแล้ว”

พูดจบเธอก็ปิดประตูปึงใส่ ปิดทางไม่ให้ฉันเข้าไปอธิบายเรื่องราวต่อพี่ใหญ่ ได้แต่ฮึดฮัดขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้อยู่หน้าประตู



ฉันย้ายมาหมกตัวอยู่ในห้องส่วนตัว พยายามถอดแหวนอีกหลายรอบแต่ไม่เป็นผลเลยถอดใจแทน ตั้งใจว่าจะหลบหน้าเขาไปก่อนในช่วงนี้ กระทั่งใกล้เวลาอาหารเย็น ฉันย่องลงจากบ้าน ปรากฏว่าพี่ใหญ่ลงมาทำกับข้าวตามปกติ แต่ที่ผิดปกติคือร่างสูงผอมที่เดินป้วนเปี้ยนอยู่ในครัว เดาว่าคงเป็นวันหยุดของเขาและเขาคงไม่ยอมไปไหนง่ายๆ ฉันเลยต้องทำตามที่ลั่นปาก โดยลากเอาอ้ายติดไปด้วย

“ตกลงคุณเล็กจะไปหาคุณโตจริงเหรอคะ” อ้ายถาม สาวเท้าเร็วดักหน้าดักหลัง น้ำเสียงทั้งตื่นเต้นดีใจทั้งแปลกใจระคนกัน

“ก็จริงน่ะสิ” พอรับเท่านั้น เธอก็อมยิ้มตาใสออกวิ่งแจ้นนำหน้า “อ้าว! จะรีบไปไหนฮะนั่น”

“ไปบอกคุณโตค่ะ จะได้เตรียมของให้คุณเล็กทานไงคะ”

อ้ายไม่ใช่เด็กขี้ตื่น แต่คงไม่เต็มพอๆกับพี่ชายมากกว่า ดีก็ตรงที่กว่าฉันจะไปถึงที่บ้านพี่โต เขาก็รู้ล่วงหน้าแล้วว่าฉันจะมาจึงไม่อิหลักอิเหลื่อนัก

“มาฝากท้องสักมื้อน่ะค่ะ” ฉันว่าขณะเยี่ยมหน้าเข้าไปในครัว พี่โตหันมายิ้มให้ครั้งหนึ่งก่อนถอดผ้ากันเปื้อนไปแขวนไว้ข้างตู้กับข้าวสูง พลางบอก “ทำกับข้าวไว้เสร็จพอดี แต่จะให้กินฟรีๆก็ใช่ที่”

“ทำไมละคะ ทุกทีไม่เห็นเคยว่าอะไรเลย” ฉันหน้าง้ำ สูดกลิ่นแกงส้มหอมๆกรุ่นจากเตาแล้วน้ำลายสอ ปกติมากินกับคุณภูไม่เคยจะมีปัญหา

“ก็นั่นเล็กเป็นแขกของนายภู แต่นี่เล็กเป็นแขกของพี่ เราเคยมีธรรมเนียมปฏิบัติของเรา”

ฉันยิ่งงง และก็งงหนักเมื่อเห็นอ้ายแบกเอากล่องพร้อมกระดานอันโตออกมาจากห้องของเขา เด็กสาววางมันลงบนโต๊ะสนามหน้าบ้าน ก่อนจะเปิดกล่องแล้วหยิบตัวหมากรุกลงบนกระดานทีละตัว

“เล็กต้องชนะพี่ก่อน ใครแพ้ล้างจาน”

“เล็กล้างจานเลยไม่ได้เหรอคะ” ตอนนี้ฉันหิวไม่มากนักก็จริงอยู่ แต่กว่าจะชนะเขาฉันคงท้องคราก จำได้ว่าหมากรุกเล่นอย่างไร แต่ไม่มั่นใจว่าจะชนะเขา

“เล็กเป็นคนต้นคิดเกมก่อนอาหารขึ้นมาเองนะ ก็เล็กไม่ชอบล้างจานนี่นา” พี่โตเล่าขณะเดินไปนั่ง มือผายให้ฉันนั่งฝั่งตรงข้าม

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณเล็กเคยชนะทุกมื้อแหละค่ะ” ได้ยินอ้ายพูดแล้วฉันค่อยยิ้มออก พยักหน้าหงึกตอบรับคำท้าทันที



เกมดำเนินมาจนใกล้จบ เหลือหมากอีกคนละไม่กี่ตัวบนกระดาน ฉันเพิ่งยอมสละเรือทิ้งไปอีกหนึ่ง เพื่อให้เรืออีกตัวได้เข้าใกล้ขุนมากขึ้น ตอนนี้จึงต้องฝากความหวังไว้กับเรือหนึ่งม้าหนึ่งหวังจะล้อมรุกฆาตพ่อขุนของพี่โต ขณะตุ้มต่อมๆเล็งว่าถ้าพี่โตเดินหมากตามที่คาดไว้จะไล่ต้อนเขาต่ออย่างไร ก็เพิ่งเห็นว่าทำพลาดครั้งมหันต์ ตำแหน่งที่ลงสมอเรือไว้ลืมกันม้าตัวสำคัญ ตอนนี้ม้าน้อยเหมือนถูกผูกรอให้เขาขม้ำ

เพี้ยง...พี่โตอย่าเห็นๆ

“ป่านนี้ กับข้าวเย็นหมดแล้ว อ้ายไปอุ่นแกงเสียหน่อยไป” อยู่ๆพี่โตก็พูดขึ้น สายตาละจากกระดานไปหาอ้าย ฉันคันมือยุบยิบปลายนิ้วริกๆอย่างไรก็ไม่รู้ จนอ้ายเดินเร็วๆเข้าครัวไป พี่โตหันกลับมามันก็ยังไม่หายคัน

พี่โตจะสังเกตเห็นมั้ยนะ ถ้าฉันเสียม้า กระดานนี้แพ้แหง

“หิวน้ำมั้ย” พี่โตหยิบม้าแดงของเขาแต่ยังไม่ทันเคลื่อนออกจากตาก็ถามขึ้น สายตาฉันรีบละจากตำแหน่งอันน่าหวาดเสียวของม้าดำ เห็นพี่โตกำลังมองมายิ้มๆ

“ก็นิดหน่อยค่ะ”

“อื้อ ก็นึกว่าพี่เป็นคนเดียวเสียอีก งั้นรอเดี๋ยวนะ ไปหยิบน้ำแป๊บนึง” เขาวางม้ากลับ ร่างสูงผุดขึ้นเดินตามอ้ายเข้าครัวไปทิ้งฉันให้อยู่กับกระดานหมากรุกคนเดียว

ฉันมองตำแหน่งม้าดำตาละห้อย ม้าน้อยร้องฮี้ๆขอความช่วยเหลือ...น่าสงสารจังเลย...



“ไหมล่ะ ชนะใช่มั้ยละคะ คุณเล็ก” อ้ายถือหางข้างฉันเต็มที่ พอรู้ว่าฉันชนะก็ปรบมือลั่น ฉันเดินนำหน้าพี่โตเข้ามาในครัว ยิ้มอย่างไม่ค่อยจะภาคภูมิใจเท่าไร

“อะฮะ” ฉันตอบเบาๆ กังวลว่าพี่โตจะจับได้ ขณะนั่งลงบนโต๊ะที่อ้ายจัดเตรียมอาหารไว้รอท่า พี่โตนั่งตาม สีหน้าเขาเป็นปกติไม่มีวี่แววจะตะขิดตะขวงใจกับการพ่ายแพ้เมื่อครู่ เห็นอย่างนั้น ฉันจึงยิ้มออกกว้างขึ้น ถึงจะรู้สึกผิดที่โกงเขา แต่ก็ดีใจอยู่ดี

พี่โตแหละมาเปิดโอกาสให้ทำไม ฉันมันคนใจอ่อน ม้าฉันร้องละห้อยหาเสียขนาดนั้น มือฉันมันเลยพลาดจิ้มไปโดนมันจนเลื่อนไปตำแหน่งเดียวเอง จับพลัดจับพลูจากการพลาดไปโดนครั้งนั้น ขุนฝ่ายเขาก็ตกเป็นเชลยของฉันและถูกคืบรุกฆาตอย่างง่ายดาย

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจเลยจริงจริ๊ง!

“พี่สู้เล็กไม่เคยได้สักทีอยู่แล้วน่ะนะ นึกว่าเล็กไม่ได้เล่นเสียนาน จะมือตกเสียอีก” เขาบ่น น้ำเสียงไม่ได้จริงจังเท่าไรนัก เหมือนแพ้ชนะสำหรับเขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“ไว้มื้อหน้าพี่โตค่อยแก้มือแล้วกันนะคะ” ฉันทำเป็นใจกว้าง แอบปฏิญาณกับตัวเองว่ามื้อหน้าจะชนะเขาแบบใสๆให้ได้



พี่โตล้างจานเสร็จก็เดินมาส่งฉันกับอ้ายที่ข้างเรือน ฉันแยกกับอ้ายขึ้นบ้านเห็นไฟปิดเงียบก็เข้าใจว่าพ่อคงเข้าเวรดึก ส่วนพี่ใหญ่น่าจะไม่อยากเจอฉันจึงหลบอยู่ในห้องส่วนตัวของเธอ ก้าวกำลังจะพ้นบันไดแล้วก็ต้องผงะแทบหงายหลังเมื่อเห็นร่างสูงของพี่ธนานั่งจิบน้ำชารออยู่ตรงชานบ้าน

“พี่ธนายังไม่กลับอีกเหรอคะ” ฉันถามเบาๆ มองหาพี่ใหญ่แต่ไม่เห็นเธออยู่ในบริเวณนั้น

“ดึกป่านนี้ ทำไมเพิ่งกลับบ้าน” เขาไม่ได้ตอบ แถมเค้นเสียงถามกลับ คิ้วขมวดหน้าบูดบึ้ง

“ไม่เห็นเกี่ยวกับพี่ธนาเสียหน่อย”

“เล็กจะทำให้พี่คลั่งใจตายให้ได้เลยหรือไงฮะ เล็กยังรักพี่อยู่ แต่เล็กก็คอยวนเวียนไปข้องแวะกับผู้ชายคนอื่น หรือไอ้ที่ความจำเสื่อมทำให้เล็กหลงลืมไปว่าไม่ควรเผื่อใจให้ใครไปทั่วแบบนี้” เขาพูดพลางคุกคามเข้ามาใกล้ขึ้น ฉันรีบถอยห่าง ปากกล่าวเตือนสถานะของตัวเขา

“อย่ามาหยาบคายกับเล็กนะคะ พี่มีสิทธิ์อะไรมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเล็ก เดี๋ยวพี่ก็จะแต่งงานกับพี่ใหญ่อยู่แล้ว อย่าลืมสิคะ”

“ไม่ต้องกรอกหูพี่เรื่องนี้อีกคนหรอก พ่อพี่พ่อเล็กทุกคนสั่งให้พี่แต่งงานกับพี่สาวของเล็กทั้งนั้นล่ะ” ความไม่พอใจที่กดกลั้นมานานหลายอาทิตย์ของพี่ธนาคล้ายจะปลดปล่อยออกมากับประโยคนั้น เสียงเขาดังกว่าปกติ เข้มและกร้าวราวกับไม่ได้หลุดจากปากของเขา

กึก! ฉันหันขวับไปตามเสียงเห็นพี่ใหญ่ยืนเกาะขอบประตูอยู่ ด้านข้างมีลำไยช่วยพยุง โชคร้ายเหลือเกินที่ประโยคของพี่ธนาไม่ได้ลอยเข้าหูฉันเพียงคนเดียว พี่ใหญ่ไม่รู้ยืนฟังอยู่นานเท่าไรแต่คงได้ยินมันอย่างชัดเจนจึงหน้าเผือดสีขาพับอ่อนไปแบบนี้

“พี่ใหญ่ ไม่มีอะไรนะคะ...เมื่อกี้พี่ธนาแค่...” ฉันละล่ำละลักพยายามอธิบาย แต่ลำไยพยุงพาพี่ใหญ่กลับเข้าห้องประตูปิดโครมลงใส่หน้า ฉันได้แต่หันมาเล่นงานพี่ธนา

“เห็นมั้ยคะว่าทำอะไรลงไป! ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งกำลังเสียใจแค่ไหนเพราะพี่ ผู้หญิงดีๆคนนี้เป็นพี่สาวเล็กนะ จำไว้เลยนะคะ ต่อให้พี่ธนาอยากกลับมานับหนึ่งใหม่กับเล็ก เล็กก็ไม่อนุญาตให้พี่ทำ! เล็กจะไม่ยอมให้พี่ทำร้ายจิตใจพี่ใหญ่ไปมากกว่านี้อีก” ฉันแผดเสียงใส่เขาด้วยความโมโห พี่ธนาขบกรามแน่น อารมณ์ของเขาคงกำลังปั่นป่วนร้อนรนไม่แพ้ฉัน เสียงที่ตอบโต้มาจึงดังไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

“ที่พี่พูดมีอะไรผิดไปสักคำเหรอไง พี่เคยพูดกับใครสักคนเหรอว่าอยากแต่งงานกับพี่สาวของเล็ก พ่อบังคับพี่ พ่อของเล็กก็บังคับพี่ เล็กก็ผลักไสพี่ ผละจากพี่ไปสนิทสนมกับคนอื่น แต่งกันไปพี่สาวของเล็กก็ไม่มีทางมีความสุข ที่พี่พูดไว้จะไม่ผิดไปสักนิด”

“พี่ธนาใจร้าย! พี่ธนายอมรับปากกับพ่อว่าจะแต่งกับพี่ใหญ่ พี่ก็ต้องดูแลพี่ใหญ่อย่างดีที่สุดสิคะ”

“พี่ไม่ได้ใจร้าย พี่แค่พูดความจริง ใหญ่ไม่มีทางมีความสุข เพราะใหญ่ก็รู้แก่ใจดีว่าได้ตัวพี่มายังไง และใหญ่ก็ยิ่งกว่ารู้ดีว่าไม่เคยได้หัวใจของพี่เลย”

“หยุดนะ!” ฉันร้องลั่นปากหอบหายใจ

“อย่าให้พี่ใหญ่ได้ยินเชียวนะคะ” คำกล่าวห้ามกลายเป็นคำขอที่ลดเบาลง เพิ่งนึกได้ว่ากำลังทะเลาะกันอยู่หน้าห้องพี่ใหญ่ ป่านนี้ถ้อยคำอันรุนแรงทั้งหมดคงจะเล็ดลาดผ่านช่องประตูเข้าไปซ้ำเติมพี่ใหญ่จนพรุนไปทั้งร่างแล้ว

“พี่ใหญ่ของเล็กไม่ใช่คนโง่ เธอไม่จำเป็นต้องฟังจากปากพี่หรอก แค่ไม่หลอกตัวเองก็พอแล้ว” พี่ธนากระแทกคำสุดท้ายอย่างแรงเหมือนจะให้มันฟังประตูเข้าไปกระแทกใจคนในห้องแล้วก็สะบัดหน้าจากไป ปล่อยให้ฉันสับสนครุ่นคิด

นี่คือโชคชะตาหรือเป็นฉันที่ยัดเยียดเส้นทางที่เจ็บปวดให้กับทุกคน

“พี่ใหญ่มีความสุขกับการแต่งงานครั้งนี้ใช่มั้ยคะ” ฉันถามผ่านหน้าประตูห้องพี่ใหญ่ หัวใจที่ถูกบีบเค้นคาดหวังจะได้รับเสียงตอบรับว่าใช่

อยากจะเห็นแสงสว่างสักทางเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นถูกต้อง

แต่แว่วเสียงสะอื้นไห้ตอบกลับมา...



สองพี่น้องอยู่บ้านเดียวกัน ต่อให้พยายามแทบตายวันหนึ่งก็ต้องเจอกันจนได้ แต่ฉันไม่นึกเลยว่ายังไม่ทันข้ามวันฉันจะได้พบหน้าพี่ใหญ่

อาบน้ำเสร็จเปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอเธอนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหน้าคงรอจะอาบน้ำต่อ เธอนั่งก้มหน้าเฉยไม่พูดจา ฉันจึงหมุนตัวเดินกลับห้อง แต่เสียงทึบหนักๆที่ดังขึ้นทำให้ไหวเฮือกหันไปมอง

พี่ใหญ่วางมือทาบอยู่บนหนังสือที่เธอกระแทกวางมันลงบนโต๊ะเล็กข้างๆจนเกิดเสียงดัง ตาเรียวดุจหงส์ที่มองตรงไปข้างหน้าฉายแววกร้าวแต่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา กรามเธอกดแน่น ทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงแรงๆนั้นชวนให้คิดว่าเธอใกล้จะหลุดการควบคุมตนเองเต็มที

ฉันไม่เคยเห็นพี่ใหญ่ในลักษณะนี้มาก่อน แต่กระนั้นก็ไม่กล้าซักถาม ตั้งใจจะปล่อยให้เธอใช้ความคิดอยู่ลำพัง หากก้าวไปได้เพียงสองสามก้าวเธอก็สั่งเสียงห้วน

“ถอดมันออก”

“คะ” ฉันหันกลับเผชิญหน้าถามไปอย่างตั้งตัวไม่ติด

“พี่บอกให้ถอดมันออก เล็กจะใส่มันไว้ทำไม! จงใจใส่ให้เขาเห็นใช่มั้ย! อยากให้รู้ว่าเธอเองก็ตัดใจจากเขาไม่ได้หรือยังไง!” พี่ใหญ่พูดเสียงสั่นด้วยแรงอารมณ์กรุ่นโกรธ ตัวโผมาคว้าจับข้อมือขวาฉันขึ้นแล้วสะบัดทิ้งเพียงให้รู้ว่าเธอหมายถึงสิ่งใดที่ฉันควรต้องถอดทิ้ง

ท่าทางของเธอเหมือนอยากจะฉีกฉันให้เป็นชิ้นๆ ราวกับความรักได้หมดสิ้นลงแล้วเหลือเพียงความริษยา

“พี่ใหญ่คะ เล็กไม่ได้คิดจะกลับไปคบกับพี่ธนา เล็กจะถอดมันอยู่แล้วแต่มันแน่นจนถอดมันไม่ออก ใจเย็นๆนะคะ” ฉันพยายามอธิบาย แต่เหมือนเธอจะโกรธเสียจนไม่รับอะไรเข้าหู

“จะให้เย็นอะไรอีก! ตั้งใจจะใส่มันให้ถึงวันแต่งพี่เลยมั้ย!! ถ้าเธอทำแบบนี้เมื่อไหร่เขาจะตัดใจจากเธอได้ฮะ” สายตาอันเจ็บปวดของเธอยิ่งกว่าถ้อยคำขู่บังคับ ฉันลนลานเลื่อนปลดแหวนออกจากนิ้ว แต่วงแหวนก็คับแน่นเกินไปจนเลื่อนไม่หลุดเสียที

“มานี่!” พี่ใหญ่คงเห็นว่าฉันไม่เต็มใจถอดจึงคว้ามือฉันลากเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกจนสุดคว้าเอาสบู่มา ตัวเราทั้งคู่เปียกปอนเพราะน้ำกระเซ็นแต่เธอไม่สนใจ ปากเธอส่งเสียงสะอื้นน่าสงสารแต่มือทั้งขัดทั้งถูอย่างแรงไม่มีเค้าความปรานีจนแหวนหลุดออกจากนิ้วฉันจนได้

เธอก้มมองแหวนล้อมบุษราคัมที่อยู่ในมือ น้ำตานองหน้าเนื้อตัวสั่นเทา ฉันเองเมื่อเห็นว่าแหวนแทนใจวงนั้นไปอยู่ในมือคนอื่นเหลือเพียงความว่างเปล่าที่ข้อนิ้วก็ใจหาย เผลอตัวทอดสายตามองมันด้วยความอาวรณ์แต่ปิดปากสนิทไม่กล่าวทวงขอ

เธอเงยหน้ามาเห็น เรายืนร้องไห้มองหน้ากันเหมือนวันนั้นที่ฉันยืนตากฝน แล้วสายตาริษยาของเธอก็อ่อนจางลงด้วยความรักที่เข้ามาแทนที่ ประสานสายตากันอยู่ไม่นานเธอก็เบือนหน้าหลบ มือผอมกำแหวนไว้แน่นเกร็งจนสั่น

“อยากได้นักก็เอาคืนไป” เธอตะโกนบอก มือขว้างเอาแหวนมาใส่ตัวฉัน ไม่รู้ฉันได้ยินเสียงครางฮือๆมาจากใคร แต่มันดังสะท้อนไปมาในห้องน้ำคับแคบ ฉันเห็นแหวนที่กลิ้งกระดอนแล้วแทบผวาก้มไปหยิบมันคืนมา หากยังสะกดกลั้นความต้องการเอาไว้ได้

ฝืนสายตามองพี่ใหญ่ปาดเช็ดน้ำตาอย่างแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก กระทั่งเธอสูดหายใจยาวลึก ใบหน้าเชิดขึ้นราวกับหวังให้น้ำตานั้นไหลกลับไปอยู่ที่หัวใจ ปากเค้นเสียงถาม

“กำลังคิดว่าพี่มันเป็นพี่ที่ร้ายกาจเลวทรามนักใช่มั้ย” ฉันรีบส่ายหน้า แต่เธอยังไม่หยุดกล่าวโทษตัวเอง “ถ้าไม่มีพี่สักคน พวกเธอสองคนคงได้มีความสุขกันแล้วใช่มั้ย”

“ไม่ใช่นะคะ” ฉันยิ่งส่ายศีรษะแรงขึ้นแต่ไม่ได้กลับไม่สามารถทำให้พี่ใหญ่เชื่อได้ เธอยังคงร้องไห้ ยิ่งเช็ดยิ่งน้ำตาไหลออกมาเหมือนไม่มีวันที่มันจะเหือดหาย ฉันโกรธเธอไม่ลง ยิ่งไม่มีทางเกลียดเธอได้

“พี่...ขอโทษ” เธอทิ้งถ้อยคำไว้ก่อนหมุนตัวจากไปทิ้งฉันยืนตัวโยนสะอื้นฮักอยู่ในห้อง เสียงพูดเธอดังเท่าหลุดปากคราง แต่ทั้งสามคำสั้นๆนั้นกลับสื่อชัดมาถึงหัวใจ

ฉันก้มลงหยิบมาแหวนกลับคืนมา หากเพียงถือไว้ ไม่ว่าอย่างไร ก็ใจร้ายสวมมันไม่ลงอีกแล้ว

----------------

แต่งเรื่องนี้รู้สึกเหมือนขึ้นรถไฟเหาะ ไม่ใช่่นิยายโลดโผนตะลุยแดนมาเฟียแต่อย่างใด แต่อารมณ์ดีร้ายสลับกันอยู่ทั้งเรื่อง หนูเล็กแฮปปี้อยู่ดีๆ เจอพี่ใหญ่กับพี่ธนาทีไรเป็นอันเหี่ยว T_T

เป็นเหตุให้หนูเล็กจำต้องมีนิสัยไม่คิดมาก ท่องพุทโธธัมโมเสร็จแล้ว ต้องลืมความทุกข์ใจให้ได้ มิฉะนั้น นางจะพาหม่นไปทั้งเรื่อง 55

ตอนนี้นางเริ่มปลดตัวเองจากบ่วงรักของเฮียสาบได้เต็มที่แล้ว (ตอนอื่นๆ นางยังพ๊อยท์เท้าไว้ข้างหนึ่ง) ครึ่งตอนหลังจะรู้ว่าเหตุใดนางจึงตัดใยที่เหลือขาดเสียที

ไว้เจอกันค่ะ :3



นณกร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ส.ค. 2556, 00:16:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ส.ค. 2556, 00:17:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1448





พันธุ์แตงกวา 25 ส.ค. 2556, 04:38:11 น.
บางทีที่คุณเล็กคิดก็ไม่ผิดหรอก ทีพี่ใหญ่ทำไมไม่คิดถึงความรู้สึกของคุณเล็กกับพี่ธนาบ้าง
รอเจอชม้อยกับหมอภู...
มาต่อไวๆนะค้า


ภาวิน 25 ส.ค. 2556, 08:15:06 น.
ตอนแรกสงสารพี่ใหญ่ ตอนนี้สงสารคุณธนาที่โดนบีบคั้นทุกทาง แถมคนที่ตัวเองรักยังผลักไสให้ไปแต่งกับพี่ใหญ่อีก


รักเร่ 26 ส.ค. 2556, 01:25:29 น.
ที่ตัดไม่ขาดซักทีนี่เพราะยายชม้อยคอยยุใช่ป่าวเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account