หนี้บริสุทธิ์ ...เทเรน่า
เธอกลับมาเพื่อแก้แค้นและสะสาง ‘หนี้อัปยศ’ ในอดีต
แต่กลับเป็นฝ่ายถูกเขาตลบหลัง ลากตัวเธอไปสร้าง ‘หนี้สวาท’ อันเร่าร้อนจนเกินจะต้านทานไหว
การที่ ‘ปณาลี’ เจตนาเข้ามาสมัครงานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
นั่นก็เพราะว่าเขาคือบิดาแท้ๆ ซึ่งเคยขับไล่ผู้เป็นแม่ของเธอออกจากบ้านทั้งที่ตั้งท้องอยู่
จนกระทั่งชีวิตพลิกผัน ต้องขายทั้งหัวใจและศักดิ์ศรีเพื่อหาเงินเลี้ยงดูเธอมาจนถึงตอนนี้
วันนี้หญิงสาวจึงกลับมาพร้อมคำสาบานว่าจะทำทุกอย่าง
เพื่อทำลายความสุขของครอบครัวบิดาบ้าง...
ถึงแม้จะพบความจริงว่า... เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเธอ
ที่แท้ก็คือน้องสาวต่างมารดา ที่เธอจำใจจะต้องทำร้ายให้เจ็บปวดก็ตาม
แต่ยังไม่ทันที่แผนการล้างแค้นจะรุดหน้าไปถึงไหน
ความหวังก็ต้องพังทลายลงไม่ต่างจากปราสาททรายที่ถูกน้ำเซาะด้วยฝีมือของเขา...
‘ตรีภพ คณารส’
ผู้ชายที่เธอเข้าใจว่าเป็นเพียงพนักงานกระจอกๆคนหนึ่งในบริษัทของคู่หมั้นน้องสาว...
หากความจริงแล้วเขากลับมีอำนาจมากพอจะทำลายแผนการทุกอย่างที่เธอวางไว้
และวงแขนที่แข็งแกร่งด้วยมัดกล้าม...
อ้อมกอดอันเร่าร้อน รุนแรง...
รสจูบอันหวานล้ำ และแผงอกเปลือยเปล่ากำยำนั้น...
มันก็เพียงพอจะบังคับให้เธอต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในแผนของตัวเอง
มิหนำซ้ำยังต้องชดใช้ ‘หนี้ชีวิต’ ที่ยังไม่ทันได้ก่อให้แก่เขาด้วย ‘ความสาวบริสุทธิ์’ ก่อนเวลาอันสมควร
แต่ที่ร้ายไปกว่านั้น เธอก็ยังไม่รู้ด้วยว่า เขาจะรับผิดชอบหรือผลักไสอย่างไม่ไยดี!
และเขาเองก็ประกาศจุดยืนชัดเจนว่า... หากเธอไม่เป็นฝ่ายหยุด
เขานี่ล่ะที่จะหยุดเธอเอาไว้ด้วยความรักและความอ่อนหวาน
และจะสอนให้เธอรู้ว่า... การสยบลงแทบเท้าของคนที่เรารักและบูชานั้น
ไม่ได้เป็นการเสียเกียรติอะไรเลย...
Tags: เทเรน่า อินเลิฟ เลิฟซีน

ตอน: ตอนที่ 4 100%

“ยังค่ะ ก็บอกแล้วว่าว่าที่แฟน พี่ไอย์ละก็ฟังไม่ดีเอง ตอนนี้ยังแต่เดี๋ยวก็คงเป็น เพราะหยกทั้งสวยทั้งเก่งผู้ชายคนไหนได้เป็นแฟนละก็โชคดีตาย”
“อ้าว…แบบนี้พี่ก็โชคไม่ดีนะสิ” ชายหนุ่มแสร้งถอนหายใจยาว ทำหน้าสลดจนคนฟังตามไม่ทันเลิกคิ้วขึ้นสูงทำหน้าไม่เข้าใจ
“ทำไมละคะ”
“อ้าว…ก็พี่เป็นแฟนษาไม่ใช่คุณหยก” เขาบอกหน้าตาเฉย เพียงแค่ตั้งใจจะเย้าหยอกคู่หมั้นสาวทว่าคนฟังอีกคนหัวใจเต้นแรง ช้อนสายตาขึ้นมองเขา เมื่อเขามองมาจึงรีบชักสายตาออก
“พี่ไอย์! นี่แน่ะ” กวินวษาหยิกหมับไปบนต้นแขนของคนรัก “ไม่อยากคบก็ไม่ต้องมาคบ แต่ห้ามยุ่งกับหยก เพราะเขาเป็นเพื่อนษา”
“ษา…คุณไอย์เขาแค่หยอกเธอเล่น ทำซีเรียสไปได้” ปณาลีปัดความฟุ้งซ่านที่มารบกวนจิตใจจากประโยคนั้นของเขาออกไปแล้วหันมาปลอบใจเพื่อนที่ยังนั่งหน้าตูม ไอศูรย์จึงได้บีบมือหญิงคนรักเอาไว้ ขยับหน้าไปใกล้แล้วสบสายตาวาวหวานเข้าหา
“พี่พูดเล่นหรอกน่า ให้คุณหยกเป็นพยานก็ได้ว่าพี่รักและจริงใจกับน้องษาคนเดียวเท่านั้น ไม่อย่างนั้นหนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์อย่างพี่จะยอมสละโสดง่ายๆ หรือ”
“แหวะ” กวินวษาทำจมูกย่นแต่ก็ยิ้มออก จากนั้นสองหนุ่มสาวก็พูดจาหยอกล้อภาษาดอกไม้กันด้วยความคิดถึง คนนอกอย่างเธอจึงได้แต่นั่งฟัง สมองตื้อตึงจนคิดอะไรแทบไม่ออก แล้วถอนหายใจให้กับตัวเอง ตั้งแต่เด็กจนโตโชคดีไม่เคยพัดผ่านมาให้เธอได้รู้จัก ความฝันสวยหรูที่คิดว่าไอศูรย์จะเป็นคนฉุดมือเธอให้ลุกขึ้นมาจากโคลนตม พังทลายไปในชั่วพริบตา เขาเป็นคนรักของกวินวษาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ

ปณาลีรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่ดูดีที่สุดสำหรับใส่ไปงานเลี้ยงฉลองการเรียนจบได้รับใบปริญญาจากประเทศอังกฤษของไอศูรย์ ถึงจะไม่มีหวังเรื่องความรักระหว่างเขากับเธอ แต่เธอก็อยากให้เขารวมทั้งใครต่อใครในงานหันมาให้ความสนใจกับเธอ
หญิงสาวปัดเสื้อผ้าที่มีชุดพอดูได้อยู่แค่ไม่กี่ตัวออกไปให้พ้นจากสายตา เปิดกระเป๋าสตางค์เพื่อนับเงินในกระเป๋า เงินรายได้ที่มาจากการรับงานมาทำเองที่บ้านที่เหลืออยู่ไม่กี่พันบาททว่าชุดสวยที่เธอหมายตาเอาไว้ราคาของมันเกือบเท่าเงินทั้งหมดที่มีอยู่ แม้รู้ดีว่าหากเธอตัดสินใจซื้อ เงินก็คงแทบหมดกระเป๋า แต่เพราะอยากเด่นอยากดังอยากให้เขาและใครๆ หันมามองเธอบ้างจึงตัดสินใจซื้อ และในเวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงเงินที่เหลือติดกระเป๋าสตางค์ของเธอก็เหลืออยู่แค่หลักร้อย ทว่าชุดสวยๆ ที่หอบหิ้วมาก็ทำให้เธออิ่มอกอิ่มใจ คืนนี้เธอต้องสวยและโดดเด่นยิ่งกว่าใคร
“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานของปณาลีดังขึ้นเมื่อถูกคนตัวโตกว่าค่อนข้างมากชนเข้าไปโครมใหญ่ ถุงชุดสวยหล่นลงกับพื้นเธอรีบคลานเข่าเข้าไปหา ห่วงมันยิ่งกว่าตัวเองเสียอีก
“ผมขอโทษจริงๆ ครับคุณ” ชายหนุ่มละล้าละลังมองจับไปยังร่างเล็กในชุดยีนที่วิ่งหลบหลีกผู้คนออกไปไกลเกินกว่าที่เขาจะวิ่งตามมันทัน”บ้าจริง”
ตรีภพสบถแล้วช่วยพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น ท่าทางไม่เต็มใจจะช่วยพยุงของเขาทำให้ปณาลีขุ่นเคือง เขาจับแขนเธออยู่แต่ตาไม่ยอมมองจนเธอต้องสะบัดออก
“ปล่อย ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
“เอ่อ…ขอโทษจริงๆ ครับคุณ พอดีผมถูกล้วงกระเป๋า มันวิ่งเข้ามาในแผนกนี้ผมก็เลยวิ่งตามมันมา ไม่ทันเห็นคุณ” ตรีภพบอกถึงเหตุผลทำให้ปณาลีมองเขาในแง่ดีขึ้นแต่น้ำเสียงก็ยังห้วน
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอตัวนะคะ” หญิงสาวเบี่ยงตัวออกห่าง แผลถลอกที่เข่ายังไม่หายดีก็มาเจ็บซ้ำอีก คืนนี้เธอต้องไปงานเลี้ยงกับกวินวษา ต่อให้แต่งตัวสะสวยถ้าเดินเขยกก็คงไม่น่าดู เพราะเขาทีเดียวทำให้เธอเจ็บซ้ำที่เดิมจนแทบลุกไม่ขึ้น
“ท่าทางคุณไม่ดีเลย ให้ผมไปส่งคุณขึ้นรถนะ” เขาเดาว่าหญิงสาวคงจะซื้อของเสร็จแล้วจึงได้อาสา ถึงอย่างไรเขาก็ทำให้เธอเจ็บตัว
“ฉันไม่มีรถหรอกค่ะมาแท็กซี่”
“อ้าว…อย่างนั้นผมก็ยิ่งต้องไปส่งคุณครับเพราะผมทำให้คุณเจ็บ ดูท่าจะซ้ำแผลเดิมเข้าอีก” เขามองเข่าที่ติดผ้าก็อซเอาไว้แล้วรู้สึกผิด ปณาลีเองก็อยากยอมรับข้อเสนอของเขาแต่เพราะไม่ไว้ใจจึงต้องสั่นหน้า
“ไม่เป็นไร”
“นะครับ ไม่อย่างนั้นผมคงรู้สึกผิดมาก เข่าคุณกระแทกกับพื้นท่าทางจะเจ็บอยู่มาก นะครับ ผมรับรองว่าจะส่งคุณให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย ผมสาบานด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย” เขาเน้นน้ำเสียงในตอนท้าย คิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างคนคิดหนักคลายลงมาหน่อย ตอนนี้ก็บ่ายมากถ้าเธอนั่งแท็กซี่คงเสียเวลาไปมาก กว่าจะแต่งหน้าทำผม เพราะเธอต้องทำเองไม่ได้เข้าร้านเหมือนกวินวษา
“ก็ได้ แต่ส่งแค่ตรงตลาดโต้รุ่งแถวๆ คลองเตยก็พอค่ะ บ้านฉันอยู่แถวนั้น” หญิงสาวเดินตามเขาไปจนถึงรถ รถยนต์ของเขาบ่งบอกถึงเงินในกระเป๋าได้เป็นอย่างดี ทว่าเมื่อขึ้นมานั่งบนรถด้วยกันเขากลับบอก
“รถเจ้านายครับ ท่านให้ยืม” ไม่รู้เพราะอะไรตรีภพถึงไม่อยากให้ผู้หญิงแปลกหน้าที่ตัวเองเพิ่งรู้จักได้รู้ว่ารถยนต์ราคากว่าสามล้านบาทคันนี้เป็นของเขาที่คุณศิขรินทร์พ่อบุญธรรมให้เป็นของขวัญในโอกาสที่เขาทำผลกำไรให้บริษัทเพิ่มกว่ายี่สิบเปอร์เซ็น
“หรือคะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาแล้วขึ้นนั่งด้านข้างคนขับ ระวังตัวแจเพราะยังไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มยิ้มให้รู้ดีว่าคนข้างๆ เกร็งที่ต้องนั่งรถไปกับคนแปลกหน้าอย่างเขาจึงได้ชวนคุยให้เธอผ่อนคลาย
“ผมชื่อตรีภพครับ คุณ..”
“ปณาลีค่ะ” หญิงสาวตอบแล้วหัวเราะกับตัวเองอยู่ในใจ เมื่อวันก่อนเธอก็ได้พบกับไอศูรย์เพราะอุบัติเหตุ เขาขับรถมาส่งเธอที่เดียวกัน ถามและตอบในลักษณะเดียวกัน และรอยยิ้มจากคนนั่งข้างก็ทำให้ตรีภพหายใจติดขัดขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนี้สวย…เขาบอกกับตัวเองในใจ ปณาลีไม่ใช่คนที่สวยที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยเห็นมา ทว่าเธอมีเสน่ห์ดึงดูดให้เขาสนใจได้อย่างประหลาด
“ไม่ให้ผมไปส่งที่บ้านหรือครับ คุณเจ็บอยู่ผมเกรงใจ” เขาอ้างเหตุผลแต่แท้จริงแล้วเพราะอยากรู้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ที่เห็นผู้หญิงแล้ววิ่งเข้าหา แต่เขาสนใจเธอจริงๆ
“ไม่ต้องค่ะ บ้านฉันอยู่ไม่ไกล”
“ครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทำให้ตรีภพลอบถอนหายใจ แต่เขาเชื่อแน่ว่าอย่างไรเสียเขากับเธอก็ต้องได้พบกันอีก
“จอดตรงนั้นแหละค่ะ” ปณาลีชี้มือบอกให้เขาจอดหน้าตลาดโต้รุ่งเล็กๆ ที่เธอกับแม่ขายของอยู่ วันนี้เธอต้องเฝ้ากราบกรานขอร้องแม่ตั้งนานกว่าจะยอมให้เธอหยุดงาน
หลังลงจากรถเธอก็รีบตรงเข้าบ้าน เหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเวลานัดกับกวินวษา เธอใช้เวลาพิถีพิถันในการอาบน้ำนานเป็นพิเศษ เสียดายก็แต่เข่าและข้อศอกที่มีรอยถลอกที่มันทำให้ความงามพิลาสล้ำของเธอมีตำหนิ แต่ก็นั่นแหละฝีมือการแต่งหน้าของเธอเยี่ยมยอด แผลแค่นี้เธอสามารถพรางสายตาคนมองได้
หญิงสาวลงมือแต่งตัวแต่งหน้าทำผม ใช้เวลานานกว่าปกติทว่าผลลัพธ์ที่ได้มาคุ้มค่า เพราะใบหน้าที่สะท้อนตอบมาในกระจกทำให้เธอพอใจ ใบหน้าของปณาลีเรียวเป็นรูปไข่ ทุกสัดส่วนของเครื่องหน้าลงตัวราวกับว่ามีคนฝีมือเยี่ยมวาดเอาไว้อย่างบรรจงดวงตาค่อนข้างโต เหนือขึ้นไปคือแพขนตาหนาที่ยาวและงอนขึ้นไปอีกเมื่อหญิงสาวเนรมิตขนตาปลอมขึ้นมาใหม่ทว่าดูเป็นธรรมชาติไม่หลอกตา ความงามพิลาสล้ำที่คนมองข้างหลังอิจฉาจนแทบกระอัก ลูกแม่เดียวกันแท้ๆ แต่ปณาลีสวยไปทั้งเนื้อทั้งตัว ผิวขาวเนียนละเอียดทั้งที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก ผิดกับเธอที่สบายกว่าเพราะแม่รักมากกว่าจนแทบไม่กล้าใช้งานแต่ผิวกลับไม่สวยเหมือนพี่สาวแถมยังดำคล้ำเหมือนพ่อ สวยก็สวยกว่า สมองก็ดีกว่า จะไม่ให้เธออิจฉาปณาลีได้อย่างไร
“แกจะไปไหน” ปณิตาถามขึ้น หัวใจร้อนรุ่มเมื่อพี่สาวต่างพ่อสง่างามจนเธอมองแล้วยังรู้สึกเกร็ง
ปณาลีไม่ตอบ ในยามที่อยู่ในชุดสวยหรูแบบนี้ เธอมักรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าปณิตาเสมอ ใบหน้าสวยนั้นจึงเชิดขึ้นไม่ตอบคำถามแต่คว้ากระเป๋าที่เพิ่งซื้อมาใหม่ออกไปจากบ้าน ผ่านหน้าพ่อเลี้ยงที่มองเธอตาเป็นมัน ยิ่งโตปณาลีก็ยิ่งสวย สวยจนเขาอดเสียดายไม่ได้หากว่าจะปล่อยลูกเลี้ยงให้เป็นของผู้ชายอื่น
ปณาลีปรายตามองพ่อเลี้ยงแล้วอดรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้ ถึงนายธงจะผอมแห้งเหมือนคนขี้โรคแต่แรงผู้ชายก็ต้องมากกว่าแรงผู้หญิงอย่างเธอ ถ้าขืนยังทนอยู่ที่นี่ไม่วันใดก็วันหนึ่งเธอต้องเสร็จมันเข้าสักวัน ตอนนี้เธอเรียนจบแล้ว ปีกกำลังแข็งได้ที่ รอวันที่บินไปสู่เส้นชัยที่เธอหวัง
“พ่อ…ฉันจะฟ้องแม่” ปณิตามองพ่ออย่างรู้ทัน นายธงจึงรีบดึงสายตากลับแทบไม่ทันแล้วหันมาด่าลูกสาว
“คิดอะไรอกุศล นั่นพี่มึงนะ แล้วก็เป็นลูกสาวกูคนหนึ่ง”
“โอ้ย…อย่ามาน้ำเน่ากับฉันหน่อยเลยพ่อ นังหยกมันเป็นลูกติดแม่มา พ่อเองก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นลูกหรอก อย่างน้อยก็ตอนมันโตเป็นสาวแล้วก็สวยมากด้วย” ปณิตามองเยาะ สายตาของผู้ชายที่มองผู้หญิงอย่างชู้สาว เธอผจญมานักต่อนัก แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก
นายธงเถียงไม่ออกจึงหันไปก้มหน้าก้มตาดวดเหล้าแทน ปณิตาส่ายหน้า เธอเองก็เบื่อสภาพพวกนี้เต็มทน สภาพของน้ำครำเน่าเหม็น สลัมแออัดและ…พ่อขี้เมา
สังคมของเธอคับแคบ เพราะเพื่อนที่คบหาด้วยก็มาจากพื้นเพเดียวกัน พวกเด็กผู้หญิงใจแตกชอบเที่ยวกันทั้งนั้นผิดกับปณาลี เพื่อนที่คบอยู่เป็นพวกคุณหนูไฮโซ ผู้ดีที่จะถีบสง่าราศีของปณาลีให้สูงส่งถอยห่างออกไปจากตัวเธอทุกทีๆ
ปณาลีลากชุดราตรีเดินข้ามสะพานน้ำครำมา ผ่านหน้าไอ้กุ้งที่มองตามตาแทบถลนรีบบิดมอเตอร์ไซค์มาดักหน้า
“จะไปไหนน้องหยก ให้พี่ไปส่งไหมจ๊ะ”
“ไม่ต้อง ฉันเดินไปเองได้” หญิงสาวบอกปัดแล้วเดินหนี ไอ้กุ้งยื้อยุดฉุดกระชากจนหญิงสาวทนไม่ไหวเผลอยกมือมาฟาดหน้ามันไปที ทำไปแล้วหญิงสาวก็หน้าเสีย กลัวมันโกรธแล้วคิดแก้แค้นเอากับเธอทีหลัง “เอ่อ..ขอโทษ ฉันพลั้งมือ ก็บอกแล้วว่าเดินไปเองได้”
“พี่กุ้งก็แค่หวังดี” พอเห็นว่าหญิงสาวขอโทษขอโพยไอ้กุ้งจึงหน้าระรื่น ถือคติว่าผู้หญิงตบแปลว่าผู้หญิงรัก เป็นคติที่มันคิดเองเออเองมาแต่ไหนแต่ไร
“ขอบใจ” ปณาลีถอนหายใจ เห็นว่าใกล้เวลานัดมากแล้วจึงยอมนั่งมอเตอร์ไซค์ของมันออกมาหน้าปากซอย สวนกับรถเข็นของแม่เข้าพอดี เธอจึงร้องบอกให้มันจอด
“อ้าว…ยังไปไม่ถึงไหนเหรอนังหยก แหม…สวยเชียวนะมึง” ประดับหยุดรถเข็น เมื่อมองลูกสาวคนสวยเต็มๆ ตาก็อดรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาไม่ได้ แต่มันก็ทำให้เธออดนึกถึงพ่อของมันไม่ได้อีกเช่นกัน เมื่อคิดอย่างนั้นความเกลียดชังจึงแล่นจับมาแทนที่ความชื่นชมเมื่อครู่
“ยังไม่ถึงเวลานัด ฉันนัดเขาไว้หน้าร้านเจ๊สมหมาย” หญิงสาวบอกปัด อยากไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ ไม่อยากให้กวินวษาได้เห็นว่าบ้านเธออยู่ในสลัม
“เพื่อนแกผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“แม่จะถามไปทำไม”
“วะ…อีนี่เดี๋ยวกูก็ตบให้หมดสวย ถามอะไรก็ตอบอย่างนั้นสิวะ” ประดับชักหงุดหงิด แม่ลูกสาวคนนี้พอพูดดีด้วยเข้าหน่อยก็วอนหาเรื่องโดนด่า
“ผู้หญิง” เพราะขี้เกียจเถียงเธอจึงได้ตอบขึ้น ตาชะเง้อไปยังหน้าร้านอาหารที่นัดหมาย ถึงจะรักแม่แต่ก็ไม่อยากให้กวินวษามาเห็นว่าสภาพที่แท้จริงของครอบครัวเธอเป็นอย่างไร
“คงจะเป็นผู้ดีสินะ ถึงได้แต่งตัวไปงานเสียเลิศหรู เข้าไปอยู่ในฝูงหงส์ก็อย่าลืมละว่าตัวเองเป็นแค่กา ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดี ไม่อยากให้แกเป็นเหมือน…” ประดับหยุดคำพูดเอาไว้แค่นั้น เพราะยิ่งพูดความทรงจำที่พยายามจะลืมก็ยิ่งตอกย้ำ โดยเฉพาะหน้าของปณาลี เหมือนกับผู้ชายคนนั้นราวกับพิมพ์เดียวกัน หน้าตา ผิวพรรณ ตาจมูกปาก เหมือนไปหมด เธอถึงลืมไม่ได้เสียที
“ฉันไม่ลืมหรอกแม่ ไม่เคยลืมว่าตัวฉันเองเป็นแค่กา มีแม่เป็นกาอยู่ในรังกา” ปณาลีเสียงสั่น แม่ผู้ไม่เคยให้กำลังใจเธอไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม ไอ้กุ้งเห็นท่าไม่ดีจึงล่าถอยออกไปปล่อยให้แม่ลูกปะทะอารมณ์กันต่อไป ประดับพอเห็นเสียงลูกสาวเครือเจือไปด้วยความน้อยใจก็แตะต้นแขนหนักๆ
“ฉันเตือนก็เพราะเป็นแม่แก คนพวกนั้นมันไม่เห็นหัวกาอย่างเราหรอก ฉันไม่อยากให้แกทะเยอทะยานมากเกินไป ยิ่งปีนขึ้นไปสูงมากมันก็ยิ่งเจ็บมาก จำคำของฉันไว้”
“สักวันฉันจะบินหนีไปให้ไกล ไปให้ไกลจากรังกาที่แม่ว่า คอยดู” ปณาลีบอกเสียงเข้ม กลอกตาขึ้นมองฟ้าเพื่อขับไล่หยาดน้ำตาไม่ให้ไหลเอ่อมาเปื้อนเครื่องสำอางที่เธอเพิ่งบรรจงแต่งแต้มมาอย่างดี
“บินไปกับใครล่ะ แม่เพื่อนผู้ดีนั่นนะเหรอ มันคงเต็มใจหรอก”
“แม่ไม่รู้จักกวินวษาดีพอ อย่าเหมารวมว่าเขาเป็นคนอย่างนั้น” แม้แต่ไหนแต่ไรจะไม่ได้ใส่ใจสนใจกับแม่เพื่อนรักคนนี้แต่กลับเดือดร้อนแก้ตัวแทน พอดีกับที่รถยนต์คันใหญ่จากบ้านรัชกานต์มาจอดยังที่นัดหมาย ปณาลีจึงหันมาหาแม่แล้วบอกลา
“ไปนะแม่ รถจากบ้านรัชกานต์มาแล้ว” ปณาลีบอกแล้วเดินลิ่วออกไป ไม่คิดจะพาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวมาแนะนำให้แม่รู้จัก ประดับมองตามหลังของลูกสาว หัวใจกระตุกวูบไหวเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่
รถจากบ้านรัชกานต์ หมายความว่าอย่างไร…
“อย่าบอกนะว่าเพื่อนสนิทของแกเป็นพวกรัชกานต์ ไม่…โลกมันต้องไม่กลมแบบนี้ ฉันอุตส่าห์หนีมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี จะมาจุดไต้ตำตอเอาอะไรตอนนี้” ประดับพึมพำกับตัวเองด้วยหัวใจร้อนรุ่ม ภาวนาในใจว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิด
เธอจะไม่ยอมให้ปณาลีข้องเกี่ยวอะไรกับพวกรัชกานต์


$$$$ ใครเม้นต์นิยายเรื่องนี้ รอลุ้นรางวัล หนี้บริสุทธิ์หนึ่งเล่มส่งตรงถึงบ้านจ้า



สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2556, 23:13:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2556, 23:16:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1051





<< ตอนที่ 3 40%   ตอนที่ 5 40% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account