เมียทาสสวาท
ขาอาฆาตแค้น ชิงชัง และมุ่งหวังที่จะทำลายชีวิตเธอ
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!
ตั้งแต่วันที่บิดาของเขารับตัวนางบำเรอรุ่นลูกเข้ามาอาศัยอยู่ภายใต้ชายคาบ้าน
ความวุ่นวายที่ตามมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้นก็ทำให้ชายหนุ่มนึกเกลียดชังน้ำหน้าเธอมากพอแล้ว
หาก ‘เพชรกล้า ฉัตรมงคลกุล’ นักธุรกิจหนุ่มเสือผู้หญิงต้องเจ็บปวดจนแทบขาดใจ
เมื่อเห็นมารดาต้องกลายมาเป็นคนพิการเพราะอุบัติเหตุที่สืบเนื่องมาจากความแพศยาของผู้หญิงคนนั้น
แม้ว่าเขาจะไม่นิยม ‘กิน’ สวะโสโครกที่เหลือเดนมาจากผู้เป็นพ่อ
แต่ในเมื่อรักที่จะเป็นโสเภณีนัก... เขาก็จะ ‘สนอง’ ให้เธอได้เป็นผู้หญิง ‘หลายผัว’ สมความอยาก
“เธอจะคร่ำครวญทำไม! อีกไม่นานเธอก็จะได้รู้ว่ารสรักของฉันมันล้ำเลิศกว่าของคุณพ่อแค่ไหน
ไม่แน่นะ เธออาจจะเปลี่ยนใจมาจับฉันแทนก็ได้ แต่ยากหน่อยนะ เพราะฉันรู้ไส้นางบำเรออย่างเธอดี”
“ปล่อยฉันนะ!” พิรุณญาดิ้นรนหาอิสระทุกวิถีทาง ทั้งจิกทั้งข่วน ปากก็ร้องขออิสระจากเขา
“เล่นตัวอย่างนี้นี่เอง ค่าตัวถึงได้แพง แต่สำหรับฉันนะ จะจ่ายให้งามๆก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่า
ของของเธอน่ะ มันดีจริงหรือเปล่าเท่านั้น แต่ไม่บอกก็รู้ว่าแหลกเหลวแค่ไหน กี่ปีแล้วล่ะ
ที่นอนประเคนให้พ่อฉันเอาน่ะ นี่เห็นว่าคุณพ่อไม่อยู่หรอกนะ ฉันเลยจะสงเคราะห์ให้
จะได้ไม่อดอยากปากแห้งจนเที่ยวเร่ไปให้ใครต่อใครเอาไง”
เขาพูดเยาะเย้ย พลางระดมจูบเธออย่างรุนแรงเป็นการลงโทษที่ทำให้เขาต้องเหนื่อย
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! คุณท่านจะต้องเสียใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าคุณทำยังงี้”
เธอร้องบอกเพื่อเตือนสติเขา แต่ไม่เป็นผล เพราะมือนั้นกำลังลูบไล้เรือนร่างเธออย่างมีความสุข
“คุณพ่ออาจจะใช่ แต่คุณแม่จะต้องดีใจที่ฉันช่วยท่านกำจัดเธอได้เสียที
แล้วอย่าคิดแรดไปเกาะพี่พีทอีกล่ะ เพราะเมียเขาไม่ใจดีใจเย็นเหมือนคุณแม่แน่”
ทุกสิ่งที่เขาทำ เธอได้แต่ยอมอดทน กล้ำกลืนความรวดร้าวโดยไม่ปริปาก
แม้เด็กสาวกำพร้าอย่าง ‘พิรุณญา’ จะสำนึกในบุญคุณของครอบครัวฉัตรมงคลกุลมากเพียงใด
แต่เธอก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะต้องตอบแทนบุญคุณด้วยวิธีที่แสนจะทุกข์ทรมานเช่นนี้
ไม่เพียงร่างกายที่ยับเยินจะกลายเป็นเครื่องเล่นบำบัดอารมณ์ใคร่ของเพชรกล้าทุกเวลาที่เขาปรารถนา
แต่หัวใจที่บอบช้ำก็ยังถูกเขาเหยียบย่ำไม่ต่างไปจากเศษผ้าขี้ริ้วสำหรับเช็ดเท้าด้วย
และเธอก็คงจะทนและทนต่อไป หากไม่บังเอิญรู้ว่าภายในท้องกำลังมีชีวิตน้อยๆก่อกำเนิดขึ้นมา
พิรุณญาอาจจะทนความเจ็บช้ำได้ทุกอย่าง
แต่จะไม่ยอมให้ลูกของเธอต้องเกิดมาเผชิญกับเรื่องเลวร้าย
ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือหนี... หนีไปจากซาตานใจอำมหิตคนนั้น
และไม่มีวันยอมให้ลูกในท้องเรียกคนใจชั่วว่าพ่อเป็นอันขาด!
Tags: เศร้า รันทด พระเอกโหด
ตอน: ถูกผลักไสเมื่อไม่ต้องกร
“ฝนขอไม่ชวนเอกเข้าบ้านนะ เพราะมันไม่ใช่บ้านของฝน อีกอย่างฝนก็กลัวคุณท่านจะไม่ชอบใจน่ะ”
แต่ดูเหมือนว่าความกลัวของเธอจะสายไปสักนิดแล้ว เพราะพูดยังไม่ทันได้ขาดคำ รถตู้ประจำบ้านที่พาจันทภาไปหาหมอก็แล่นเข้ามาจากปากซอย และจอดอยู่หน้าประตูรั้ว เพื่อมองสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความสงสัย จากนั้นจึงค่อยๆ แล่นเข้าบ้านไป พิรุณญาจึงรีบบอกลาเพื่อนแล้วเข้าบ้านด้วยอาการหวาดกลัวนิดๆ ที่จะถูกผู้ใหญ่ตำหนิ
“ทีหลังอย่าพาแฟนมายืนคุยอยู่หน้าบ้านแบบนี้นะฝน ฉันไม่ชอบมันไม่งาม แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน และคบหากันมานานหรือยังล่ะ ไม่เห็นพามาให้ฉันกับคุณท่านรู้จักเอาไว้เลยนี่ แล้วคบกันไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”
เป็นจริงดังที่หวั่นเกรงเอาไว้ไม่มีผิด เพราะทันทีที่จันทภาเข้าไปในบ้านได้ก็เรียกเธอมาหาโดยด่วน และปรักปรำตามที่เห็นโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้อธิบายใดๆ จนพร้อมพงษ์ต้องคอยเบรคภรรยาเอาไว้ แล้วหันไปหาพิรุณญาและเปิดโอกาให้บอกเล่าเรื่องทั้งหมด ทุกอย่างถึงได้คลี่คลายไปในทางที่ดีได้
“ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าฝนจะมีแฟน เพราะโตเป็นสาวและเรียนจบมีการมีงานทำแล้ว แต่อยากจะฝากไว้ว่ามีอะไรก็ทำให้ถูกต้อง ถูกจารีตประเพณีอันดีของไทย และอย่าทำให้ฉันเสียหน้าหรือเสียชื่อเสียงก็เป็นพอ”
กระนั้นพร้อมพงษ์ก็ลงทุนเอ่ยปากตักเตือน ด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและเอ็นดู เช่นทุกครั้งที่เคยทำมา และนี่ก็ทำให้พิรุณญารู้สึกว่าเป็นคำสั่งสอนที่มาจากใจ มาจากความรักและหวังดีโดยแท้ ไม่มีนัยอื่นแอบแฝงเอาไว้ เฉกเช่นคำเตือนของจันทภาโดยสิ้นเชิง แล้วเรื่องนี้ก็ถูกบอกเล่าต่อๆ กันไปในหมู่ญาติในวันถัดมา โดยจันทภาเล่าให้พริ้มพราวฟังด้วยความอัดอั้นตันใจ ที่ตัวเองเห็นตำตาว่าพิรุณญาพาแฟนมาถึงหน้าบ้าน แต่กลับแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน
“แน่ใจเหรอคะว่าเป็นแค่แฟน ไม่ใช่ป่านนี้มันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหรอคะ พี่พงษ์ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดออกปากเตือนมันแรงๆ ด้วยตัวเองขนาดนั้น”
แล้วพริ้มพราวก็นำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวให้คนรอบข้างฟัง ไม่เว้นแม้แต่ปันนิตาหลานสะใภ้ รวมไปถึงเพชรกล้าที่อยู่ถึงอเมริกาก็รู้เรื่องได้เป็นอย่างดี และบุคคลที่พริ้มพราวไม่เคยคาดคิดว่าจะได้บอกเรื่องนี้ก็คือหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณ ที่เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอกแล้วแวะมาเยี่ยมจันทภา ประจวบเหมาะกับพริ้มพราวเดินเข้าบ้านมาเยี่ยมพี่สะใภ้พอดิบพอดี เมื่อสบโอกาสที่พิรุณญายกของว่างไปเสิร์ฟให้แขก
“อ้าว! วันนี้ไม่พาแฟนมาเที่ยวบ้านหรอกเหรอฝน หรือเห็นว่ามีแฟนหล่อแล้วจะหวงไว้ชื่นชมคนเดียว จนไม่ยอมพามาแนะนำให้คนที่บ้านรู้จัก หรือว่าจะชอบนัดเจอกันข้างนอกแทน จะทำอะไรก็ระวังพี่พงษ์จะไม่พอใจเอานะ”
พิรุณญาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเจอไม้นี้เข้า เพราะไม่คาดคิดว่าพริ้มพราวจะเอ่ยในเรื่องที่ไม่สมควรเอ่ย ต่อหน้าแขกผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ นอกจากรีบถอยห่างออกไปเมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นลง กระนั้นพริ้มพราวก็ยังไม่คิดจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น ยังอุตส่าห์ขุดเอาเรื่องอันไม่ควร ของคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้มาบอกบ่นให้แขกฟังอย่างสนุกปาก จนจันทภาเห็นเป็นเรื่องไม่ใคร่จะสู้ดีนัก เพราะสังเกตจากสีหน้าของแขกแล้วไม่ใคร่จะสนุกไปด้วย จึงต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อน
“พอได้แล้วล่ะจ้ะพริ้ม เดี๋ยวคุณชายก็อดชิมของว่างกันพอดี ตามสบายนะคะคุณชายอย่าสนใจกับคนแก่ ขี้หงุดหงิดอย่างน้องพริ้มเลยค่ะ และไหนๆ วันนี้ก็มาถึงบ้านแล้วงั้นเย็นนี้น้าเชิญทานข้าวเย็นด้วยเลยนะคะ จะได้เจอน้าพงษ์ด้วย อีกหน่อยยัยพลอยก็คงจะกลับจากมหาลัยแล้วล่ะค่ะ จะได้เจอกันสักทีนี่ตั้งแต่มาเยี่ยมน้าครั้งก่อนถึงวันนี้ ก็จะเข้าสามปีแล้วใช่มั้ยคะ”
จันทภามีความฉลาดล้ำลึกในการต้อนชายหนุ่มให้จนมุม เพื่อรั้งไว้ให้ได้เจอลูกสาวคนสวยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และไม่จำเป็นต้องสกัดดาวรุ่งด้วยการกล่าวร้ายให้คนอื่นเช่นวิธีของพริ้มพราวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าการมาของหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณนั้น จะเป็นการมาเยี่ยมตัวเองตามปกติคนคุ้นเคย หรือเป็นการมาหาพลอยไพรินผู้เป็นลูกสาว เพราะอาจจะติดอกติดใจในความสวยและน่ารัก หรือเป็นเพราะติดใจในความสวยที่ไม่แพ้ใครของพิรุณญากันแน่ แต่จันทภาก็ยังยิ้มได้อย่างใจเย็นและพูดคุยกับแขกกระทั่งลูกสาวกลับมา ถึงได้ขอตัวขึ้นห้องทำกายภาพบำบัด โดยมีพิรุณญาเป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณมองตามร่างผอมบางเข็นวิลแชร์ เดินตรงไปหาลิฟท์ด้วยสายตเอ็นดูนิดๆ ประทับใจหน่อยๆ ในความเป็นเด็กเรียบร้อย ว่านอนสอนง่ายและรู้จักกาละเทศะ พริ้มพราวเห็นอาการที่มองไม่วางตาก็ขุ่นเคืองไม่น้อย รวมทั้งพลอยไพรินด้วยที่รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่เป้าหมาย ที่แขกหนุ่มแวะเวียนมาหาในครั้งนี้ก็เป็นได้ ความที่เป็นคนไม่เคยยอมแพ้ใครโดยเฉพาะเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงอย่างพิรุณญา
ทำให้พลอยไพรินเกิดอาการขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใด จนตั้งท่าจะลุกจากชุดรับแขกไปเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าถูกผู้เป็นอาดึงเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้หลานเสียโอกาสดีๆ ที่จะได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ที่สมบูรณ์แบบแถมหาได้ยากในสังคมทุกวันนี้ อีกทั้งก็ประสงค์จะกันไม่ให้แขกมีเวลาว่างมากพอที่จะเมียงมองหาพิรุณญาด้วย
แต่พริ้มพราวก็ช่วยหลานสาวไม่ได้ในวันถัดมา เมื่อหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณต้องหอบของฝากที่เพชรกล้ากับน้องหญิงเขา ฝากมาให้จันทภาจากอเมริกาอีกครั้ง เพราะลืมเอามาให้เมื่อวาน พิรุณญาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายหลังหลับเอาแรงตั้งแต่ออกกะดึกมาเมื่อเช้า เป็นคนเดินออกมาต้อนรับเพราะเห็นว่าในบ้านไม่มีใครอยู่เลย เมื่อเอาข้าวของไปเก็บแล้ว จึงยกเครื่องดื่มเย็นๆ มาต้อนรับแขก และบอกว่าจันทภากำลังหลับกว่าจะตื่นคงอีกเป็นชั่วโมง เพื่อให้แขกตัดสินใจเอาเองว่าจะนั่งรอหรือกลับก่อน จากนั้นจึงขอตัวเดินเข้าครัว ดูความเรียบร้อยและรายการอาหารสำหรับมื้อเย็น
“คุณเป็นคนทำอาหารให้คนในบ้านกินทุกมื้อเหรอครับ”
หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ แขกหนุ่มก็เดินเข้าไปถึงครัว เพ็ญกับมิตรที่กำลังเป็นลูกมือให้พิรุณญาอยู่ด้วย ต่างก็หอบข้าวของออกไปนั่งที่ม้าหินนอกครัวแทน เพราะเห็นเป็นการไม่สมควรที่จะอยู่ฟังคนทั้งสองพูดคุยกัน ส่วนพิรุณญาก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงจึงได้แต่ตอบคำถามเท่าที่จะตอบได้ ขณะมือก็ตระเตรียมข้าวของไปเรื่อยๆ หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณแอบชำเลืองมองมือขาวเรียวบาง ที่กำลังหั่นผักอยู่กับเขียงอย่างคล่องแคล่วด้วยความชื่นชมอยู่เงียบๆ ในใจ
ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต ทำให้เขารับรู้ได้จากแววตาเศร้าคู่นั้น ว่ามีความกังวลใจบางเรื่องแอบแฝงเอาไว้อยู่ แต่ก็ไม่คิดจะเปิดปากถาม เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เขาจึงหยิบยกเอาเรื่องอื่นมาเป็นหัวข้อสนทนาแทน กระทั่งถึงเวลาที่พิรุณญาจัดของว่างขึ้นไปให้จันทภา เขาถึงเดินออกจากครัวตามร่างผอมบางขึ้นไปด้านบน เพื่อเป็นการทักทายเจ้าของบ้านไปด้วย และแน่นอนว่าเจ้าของบ้านก็ต้องเอ่ยปากชวนเขาอยู่ร่วมมื้อเย็นด้วยอีกครั้ง ขณะนั่งกินของว่างด้วยกัน
พร้อมพงษ์ต้องไปงานเลี้ยงจึงไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย และนั่นก็ทำให้หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมค่ำคืนนี้พิรุณญาถึงมาจัดอาหารขึ้นโต๊ะแล้วก็ออกไปไม่ได้มานั่งกินด้วยกัน จะมีเพียงจันทภากับพลอยไพรินและเขาเพียงสามคนเท่านั้น มันทำให้เขาสนใจใคร่อยากรู้ว่าเด็กสาวนัยตาโศกคนนี้ อยู่ร่วมชายคากับคนบ้านนี้ในลักษณะไหน มีสุขหรือทุกข์ร้อนยังไงบ้าง แล้วเจ้าของบ้านเลี้ยงดูเธอไว้ในฐานะไหนกันแน่ ระหว่างลูกเลี้ยงหรือเด็กรับใช้ในบ้านที่ได้รับโอกาสพิเศษให้ขึ้นไปอยู่บนตึก แทนการนอนห้องเล็กๆ เหมือนคนใช้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ให้สงสารเธอขึ้นมาจับใจเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันทำให้เขาอยากค้นหาเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอให้ได้รู้มากขึ้นกว่านี้
“ตอนนี้มีเด็กใหม่มาเพิ่มอีกคนแล้ว ฝนจะไปพักกับเพื่อนใกล้ๆ ที่ทำงานก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องลำบากมาคอยดูแลฉัน บอกตรงๆ ว่าฉันรู้สึกผิดมากที่ต้องทำให้ฝนเหนื่อยมาหลายปี ไหนจะทำงานไหนจะต้องคอยห่วงฉันอีก คุณท่านก็บ่นฉันประจำว่าใช้งานฝนหนักเกินไปแล้ว เลิกงานคืนนี้ก็พักที่ห้องเลยไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก เอาไว้ถ้าฉันอยากจะรบกวนนจะโทรไปเองดีกว่า ฝนจะได้ทำงานอย่างสบายใจไงล่ะ”
ในค่ำคืนนั้นเองตอนพิรุณญายกยากับน้ำมาให้ในห้อง ก่อนจะออกไปทำงาน จันทภาตัดสินใจบอกด้วยเหตุผลเพียงแค่ ต้องการจะกันไม่ให้ตรัยคุณคอยแวะเวียนมาหาได้ เพราะหมายตาไว้ให้ลูกสาวนั่นเอง พิรุณญางวยงงอยู่บ้างในคำบอก แต่คนอย่างพิรุณญาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถามถึงเหตุผลว่าทำไมหรือเพราะอะไร จันทภาถึงยอมปล่อยให้ไปอยู่ที่อื่นง่ายๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนถึงกับเอ่ยปากบอกให้มาอยู่บ้านเฉยๆ โดยไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำ
“ค่ะคุณท่าน”
คนว่านอนสอนง่ายรับคำสั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะค่อยๆ คลานออกจากห้องไป เพราะใกล้จะถึงเวลางานแล้ว และเอกรัตน์ก็มายืนรอรับอยู่หน้าประตูตามที่นัดแนะกันไว้แล้ว เขามักจะขอเข้ากะให้ตรงกับเธอเป็นประจำ เพื่อจะได้คอยรับคอยส่งอย่างเช่นคืนนี้ ผู้หญิงตัวคนเดียวเดินออกไปปากซอยที่เปลี่ยวมืด โดยไม่มีคนในบ้านคิดจะสนใจใยดี มันเป็นเรื่องที่เขาห่วงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด นี่ก็เป็นความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ ที่พิรุณญามีต่อเพื่อนร่วมงาน
“ต่อไปเอกไม่ต้องคอยเข้ากะเดียวกับฝนแล้วก็ได้นะ เพราะฝนจะพักที่ห้องกับแอ๋มเลย”
เธอหันไปบอกเขาพร้อมรอยยิ้ม และดูเหมือนจะเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจของเธออย่างที่สุด เมื่อภาระหน้าที่ในการมาดูแลจันทภาสิ้นสุดลง โดยที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่นอน รู้แต่ว่าตอนนี้กำลังโล่งใจอย่างที่สุด จะได้ตั้งใจทำงานเก็บเงินเอาไว้ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานจันทภาก็อาจจะทำตามคำแนะนำของพริ้มพราว นั่นคือหาทางขับไล่เธอให้ออกมารับผิดชอบชีวิตตัวเองตามลำพังก็เป็นได้
“อ้าว! แล้วไม่ต้องมาคอยดูแลคุณท่านของฝนแล้วเหรอ ไหนบอกไม่ค่อยจะสบายไงล่ะ” เอกรัตน์อดสงสัยไม่ได้จึงหันไปถาม พิรุณญาหันไปยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะตอบ
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นคุณท่านบอกว่าถ้าอยากจะให้ทำอะไรก็จะโทรไปหาเอง”
แต่ก็เป็นเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้นที่จันทภาไม่ได้ติดต่อไปหาพิรุณญา ส่วนระยะเวลาหลังจากนั้น หญิงสาวก็ได้รับคำสั่งใหม่มาว่า ทุกวันหยุดเธอจะต้องกลับไปนอนบ้าน เพื่อผลัดเปลี่ยนกับเด็กรับใช้ที่จันทภาจะต้องมีวันหยุดให้ โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าเธอเองก็ต้องการจะพักผ่อนเช่นกัน แต่อีกครั้งที่คนอย่างพิรุณญา ไม่คิดจะมีข้อโต้แย้งใดๆ ในเรื่องนี้ นอกจากก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตารางชีวิตของเธอจึงต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดสองปี กระทั่งถึงวันที่พลอยไพรินเรียนจบจากมหาวิทยาลัย
===========================================================================================
กันเกราฝากนิยายที่สนุกสนานอีกเรื่องของเพื่อนนักเขียนชื่อ อัปสรา ไว้ในอ้อมในด้วยคนนะคะ เล่ห์กามา(25+ ร้อน ร้าย)
http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=3995
http://writer.dek-d.com/apsara1982/story/view.php?id=1051124
คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา
http://www.niyay.com/story-65533/
http://writer.dek-d.com/apsara1982/story/view.php?id=1036502
มายาทะเลทราย
http://www.niyay.com/story-66552/
ขอบคุณค่ะ
แต่ดูเหมือนว่าความกลัวของเธอจะสายไปสักนิดแล้ว เพราะพูดยังไม่ทันได้ขาดคำ รถตู้ประจำบ้านที่พาจันทภาไปหาหมอก็แล่นเข้ามาจากปากซอย และจอดอยู่หน้าประตูรั้ว เพื่อมองสองหนุ่มสาวที่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความสงสัย จากนั้นจึงค่อยๆ แล่นเข้าบ้านไป พิรุณญาจึงรีบบอกลาเพื่อนแล้วเข้าบ้านด้วยอาการหวาดกลัวนิดๆ ที่จะถูกผู้ใหญ่ตำหนิ
“ทีหลังอย่าพาแฟนมายืนคุยอยู่หน้าบ้านแบบนี้นะฝน ฉันไม่ชอบมันไม่งาม แล้วผู้ชายคนนั้นเป็นใครมาจากไหน และคบหากันมานานหรือยังล่ะ ไม่เห็นพามาให้ฉันกับคุณท่านรู้จักเอาไว้เลยนี่ แล้วคบกันไปถึงขั้นไหนกันแล้ว”
เป็นจริงดังที่หวั่นเกรงเอาไว้ไม่มีผิด เพราะทันทีที่จันทภาเข้าไปในบ้านได้ก็เรียกเธอมาหาโดยด่วน และปรักปรำตามที่เห็นโดยไม่ได้เปิดโอกาสให้อธิบายใดๆ จนพร้อมพงษ์ต้องคอยเบรคภรรยาเอาไว้ แล้วหันไปหาพิรุณญาและเปิดโอกาให้บอกเล่าเรื่องทั้งหมด ทุกอย่างถึงได้คลี่คลายไปในทางที่ดีได้
“ฉันไม่ว่าหรอกนะถ้าฝนจะมีแฟน เพราะโตเป็นสาวและเรียนจบมีการมีงานทำแล้ว แต่อยากจะฝากไว้ว่ามีอะไรก็ทำให้ถูกต้อง ถูกจารีตประเพณีอันดีของไทย และอย่าทำให้ฉันเสียหน้าหรือเสียชื่อเสียงก็เป็นพอ”
กระนั้นพร้อมพงษ์ก็ลงทุนเอ่ยปากตักเตือน ด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรักและเอ็นดู เช่นทุกครั้งที่เคยทำมา และนี่ก็ทำให้พิรุณญารู้สึกว่าเป็นคำสั่งสอนที่มาจากใจ มาจากความรักและหวังดีโดยแท้ ไม่มีนัยอื่นแอบแฝงเอาไว้ เฉกเช่นคำเตือนของจันทภาโดยสิ้นเชิง แล้วเรื่องนี้ก็ถูกบอกเล่าต่อๆ กันไปในหมู่ญาติในวันถัดมา โดยจันทภาเล่าให้พริ้มพราวฟังด้วยความอัดอั้นตันใจ ที่ตัวเองเห็นตำตาว่าพิรุณญาพาแฟนมาถึงหน้าบ้าน แต่กลับแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ว่าเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน
“แน่ใจเหรอคะว่าเป็นแค่แฟน ไม่ใช่ป่านนี้มันเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วเหรอคะ พี่พงษ์ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดออกปากเตือนมันแรงๆ ด้วยตัวเองขนาดนั้น”
แล้วพริ้มพราวก็นำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวให้คนรอบข้างฟัง ไม่เว้นแม้แต่ปันนิตาหลานสะใภ้ รวมไปถึงเพชรกล้าที่อยู่ถึงอเมริกาก็รู้เรื่องได้เป็นอย่างดี และบุคคลที่พริ้มพราวไม่เคยคาดคิดว่าจะได้บอกเรื่องนี้ก็คือหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณ ที่เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอกแล้วแวะมาเยี่ยมจันทภา ประจวบเหมาะกับพริ้มพราวเดินเข้าบ้านมาเยี่ยมพี่สะใภ้พอดิบพอดี เมื่อสบโอกาสที่พิรุณญายกของว่างไปเสิร์ฟให้แขก
“อ้าว! วันนี้ไม่พาแฟนมาเที่ยวบ้านหรอกเหรอฝน หรือเห็นว่ามีแฟนหล่อแล้วจะหวงไว้ชื่นชมคนเดียว จนไม่ยอมพามาแนะนำให้คนที่บ้านรู้จัก หรือว่าจะชอบนัดเจอกันข้างนอกแทน จะทำอะไรก็ระวังพี่พงษ์จะไม่พอใจเอานะ”
พิรุณญาถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเจอไม้นี้เข้า เพราะไม่คาดคิดว่าพริ้มพราวจะเอ่ยในเรื่องที่ไม่สมควรเอ่ย ต่อหน้าแขกผู้สูงศักดิ์ แต่ก็ไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ นอกจากรีบถอยห่างออกไปเมื่อทำหน้าที่เสร็จสิ้นลง กระนั้นพริ้มพราวก็ยังไม่คิดจะหยุดอยู่แค่ตรงนั้น ยังอุตส่าห์ขุดเอาเรื่องอันไม่ควร ของคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้มาบอกบ่นให้แขกฟังอย่างสนุกปาก จนจันทภาเห็นเป็นเรื่องไม่ใคร่จะสู้ดีนัก เพราะสังเกตจากสีหน้าของแขกแล้วไม่ใคร่จะสนุกไปด้วย จึงต้องรีบห้ามเอาไว้ก่อน
“พอได้แล้วล่ะจ้ะพริ้ม เดี๋ยวคุณชายก็อดชิมของว่างกันพอดี ตามสบายนะคะคุณชายอย่าสนใจกับคนแก่ ขี้หงุดหงิดอย่างน้องพริ้มเลยค่ะ และไหนๆ วันนี้ก็มาถึงบ้านแล้วงั้นเย็นนี้น้าเชิญทานข้าวเย็นด้วยเลยนะคะ จะได้เจอน้าพงษ์ด้วย อีกหน่อยยัยพลอยก็คงจะกลับจากมหาลัยแล้วล่ะค่ะ จะได้เจอกันสักทีนี่ตั้งแต่มาเยี่ยมน้าครั้งก่อนถึงวันนี้ ก็จะเข้าสามปีแล้วใช่มั้ยคะ”
จันทภามีความฉลาดล้ำลึกในการต้อนชายหนุ่มให้จนมุม เพื่อรั้งไว้ให้ได้เจอลูกสาวคนสวยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก และไม่จำเป็นต้องสกัดดาวรุ่งด้วยการกล่าวร้ายให้คนอื่นเช่นวิธีของพริ้มพราวเลยสักนิด แม้ในใจจะหวาดหวั่นอยู่บ้างว่าการมาของหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณนั้น จะเป็นการมาเยี่ยมตัวเองตามปกติคนคุ้นเคย หรือเป็นการมาหาพลอยไพรินผู้เป็นลูกสาว เพราะอาจจะติดอกติดใจในความสวยและน่ารัก หรือเป็นเพราะติดใจในความสวยที่ไม่แพ้ใครของพิรุณญากันแน่ แต่จันทภาก็ยังยิ้มได้อย่างใจเย็นและพูดคุยกับแขกกระทั่งลูกสาวกลับมา ถึงได้ขอตัวขึ้นห้องทำกายภาพบำบัด โดยมีพิรุณญาเป็นคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด
หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณมองตามร่างผอมบางเข็นวิลแชร์ เดินตรงไปหาลิฟท์ด้วยสายตเอ็นดูนิดๆ ประทับใจหน่อยๆ ในความเป็นเด็กเรียบร้อย ว่านอนสอนง่ายและรู้จักกาละเทศะ พริ้มพราวเห็นอาการที่มองไม่วางตาก็ขุ่นเคืองไม่น้อย รวมทั้งพลอยไพรินด้วยที่รู้สึกได้ทันทีว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่เป้าหมาย ที่แขกหนุ่มแวะเวียนมาหาในครั้งนี้ก็เป็นได้ ความที่เป็นคนไม่เคยยอมแพ้ใครโดยเฉพาะเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยงอย่างพิรุณญา
ทำให้พลอยไพรินเกิดอาการขุ่นเคืองขึ้นมาในทันใด จนตั้งท่าจะลุกจากชุดรับแขกไปเสียเดี๋ยวนั้น ทว่าถูกผู้เป็นอาดึงเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้หลานเสียโอกาสดีๆ ที่จะได้ใกล้ชิดกับชายหนุ่ม ที่สมบูรณ์แบบแถมหาได้ยากในสังคมทุกวันนี้ อีกทั้งก็ประสงค์จะกันไม่ให้แขกมีเวลาว่างมากพอที่จะเมียงมองหาพิรุณญาด้วย
แต่พริ้มพราวก็ช่วยหลานสาวไม่ได้ในวันถัดมา เมื่อหม่อมราชวงศ์ตรัยคุณต้องหอบของฝากที่เพชรกล้ากับน้องหญิงเขา ฝากมาให้จันทภาจากอเมริกาอีกครั้ง เพราะลืมเอามาให้เมื่อวาน พิรุณญาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาในตอนบ่ายหลังหลับเอาแรงตั้งแต่ออกกะดึกมาเมื่อเช้า เป็นคนเดินออกมาต้อนรับเพราะเห็นว่าในบ้านไม่มีใครอยู่เลย เมื่อเอาข้าวของไปเก็บแล้ว จึงยกเครื่องดื่มเย็นๆ มาต้อนรับแขก และบอกว่าจันทภากำลังหลับกว่าจะตื่นคงอีกเป็นชั่วโมง เพื่อให้แขกตัดสินใจเอาเองว่าจะนั่งรอหรือกลับก่อน จากนั้นจึงขอตัวเดินเข้าครัว ดูความเรียบร้อยและรายการอาหารสำหรับมื้อเย็น
“คุณเป็นคนทำอาหารให้คนในบ้านกินทุกมื้อเหรอครับ”
หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ แขกหนุ่มก็เดินเข้าไปถึงครัว เพ็ญกับมิตรที่กำลังเป็นลูกมือให้พิรุณญาอยู่ด้วย ต่างก็หอบข้าวของออกไปนั่งที่ม้าหินนอกครัวแทน เพราะเห็นเป็นการไม่สมควรที่จะอยู่ฟังคนทั้งสองพูดคุยกัน ส่วนพิรุณญาก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงจึงได้แต่ตอบคำถามเท่าที่จะตอบได้ ขณะมือก็ตระเตรียมข้าวของไปเรื่อยๆ หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณแอบชำเลืองมองมือขาวเรียวบาง ที่กำลังหั่นผักอยู่กับเขียงอย่างคล่องแคล่วด้วยความชื่นชมอยู่เงียบๆ ในใจ
ด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกต ทำให้เขารับรู้ได้จากแววตาเศร้าคู่นั้น ว่ามีความกังวลใจบางเรื่องแอบแฝงเอาไว้อยู่ แต่ก็ไม่คิดจะเปิดปากถาม เพราะถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เขาจึงหยิบยกเอาเรื่องอื่นมาเป็นหัวข้อสนทนาแทน กระทั่งถึงเวลาที่พิรุณญาจัดของว่างขึ้นไปให้จันทภา เขาถึงเดินออกจากครัวตามร่างผอมบางขึ้นไปด้านบน เพื่อเป็นการทักทายเจ้าของบ้านไปด้วย และแน่นอนว่าเจ้าของบ้านก็ต้องเอ่ยปากชวนเขาอยู่ร่วมมื้อเย็นด้วยอีกครั้ง ขณะนั่งกินของว่างด้วยกัน
พร้อมพงษ์ต้องไปงานเลี้ยงจึงไม่ได้มาร่วมโต๊ะด้วย และนั่นก็ทำให้หม่อมราชวงศ์ตรัยคุณอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมค่ำคืนนี้พิรุณญาถึงมาจัดอาหารขึ้นโต๊ะแล้วก็ออกไปไม่ได้มานั่งกินด้วยกัน จะมีเพียงจันทภากับพลอยไพรินและเขาเพียงสามคนเท่านั้น มันทำให้เขาสนใจใคร่อยากรู้ว่าเด็กสาวนัยตาโศกคนนี้ อยู่ร่วมชายคากับคนบ้านนี้ในลักษณะไหน มีสุขหรือทุกข์ร้อนยังไงบ้าง แล้วเจ้าของบ้านเลี้ยงดูเธอไว้ในฐานะไหนกันแน่ ระหว่างลูกเลี้ยงหรือเด็กรับใช้ในบ้านที่ได้รับโอกาสพิเศษให้ขึ้นไปอยู่บนตึก แทนการนอนห้องเล็กๆ เหมือนคนใช้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็ให้สงสารเธอขึ้นมาจับใจเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันทำให้เขาอยากค้นหาเกี่ยวกับเรื่องราวของเธอให้ได้รู้มากขึ้นกว่านี้
“ตอนนี้มีเด็กใหม่มาเพิ่มอีกคนแล้ว ฝนจะไปพักกับเพื่อนใกล้ๆ ที่ทำงานก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องลำบากมาคอยดูแลฉัน บอกตรงๆ ว่าฉันรู้สึกผิดมากที่ต้องทำให้ฝนเหนื่อยมาหลายปี ไหนจะทำงานไหนจะต้องคอยห่วงฉันอีก คุณท่านก็บ่นฉันประจำว่าใช้งานฝนหนักเกินไปแล้ว เลิกงานคืนนี้ก็พักที่ห้องเลยไม่ต้องมาดูแลฉันหรอก เอาไว้ถ้าฉันอยากจะรบกวนนจะโทรไปเองดีกว่า ฝนจะได้ทำงานอย่างสบายใจไงล่ะ”
ในค่ำคืนนั้นเองตอนพิรุณญายกยากับน้ำมาให้ในห้อง ก่อนจะออกไปทำงาน จันทภาตัดสินใจบอกด้วยเหตุผลเพียงแค่ ต้องการจะกันไม่ให้ตรัยคุณคอยแวะเวียนมาหาได้ เพราะหมายตาไว้ให้ลูกสาวนั่นเอง พิรุณญางวยงงอยู่บ้างในคำบอก แต่คนอย่างพิรุณญาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะถามถึงเหตุผลว่าทำไมหรือเพราะอะไร จันทภาถึงยอมปล่อยให้ไปอยู่ที่อื่นง่ายๆ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนถึงกับเอ่ยปากบอกให้มาอยู่บ้านเฉยๆ โดยไม่ต้องไปทำงานด้วยซ้ำ
“ค่ะคุณท่าน”
คนว่านอนสอนง่ายรับคำสั้นๆ แค่นั้น ก่อนจะค่อยๆ คลานออกจากห้องไป เพราะใกล้จะถึงเวลางานแล้ว และเอกรัตน์ก็มายืนรอรับอยู่หน้าประตูตามที่นัดแนะกันไว้แล้ว เขามักจะขอเข้ากะให้ตรงกับเธอเป็นประจำ เพื่อจะได้คอยรับคอยส่งอย่างเช่นคืนนี้ ผู้หญิงตัวคนเดียวเดินออกไปปากซอยที่เปลี่ยวมืด โดยไม่มีคนในบ้านคิดจะสนใจใยดี มันเป็นเรื่องที่เขาห่วงยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด นี่ก็เป็นความประทับใจเล็กๆ น้อยๆ ที่พิรุณญามีต่อเพื่อนร่วมงาน
“ต่อไปเอกไม่ต้องคอยเข้ากะเดียวกับฝนแล้วก็ได้นะ เพราะฝนจะพักที่ห้องกับแอ๋มเลย”
เธอหันไปบอกเขาพร้อมรอยยิ้ม และดูเหมือนจะเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจของเธออย่างที่สุด เมื่อภาระหน้าที่ในการมาดูแลจันทภาสิ้นสุดลง โดยที่เธอเองก็ไม่รู้สาเหตุที่แน่นอน รู้แต่ว่าตอนนี้กำลังโล่งใจอย่างที่สุด จะได้ตั้งใจทำงานเก็บเงินเอาไว้ เพราะเชื่อว่าอีกไม่นานจันทภาก็อาจจะทำตามคำแนะนำของพริ้มพราว นั่นคือหาทางขับไล่เธอให้ออกมารับผิดชอบชีวิตตัวเองตามลำพังก็เป็นได้
“อ้าว! แล้วไม่ต้องมาคอยดูแลคุณท่านของฝนแล้วเหรอ ไหนบอกไม่ค่อยจะสบายไงล่ะ” เอกรัตน์อดสงสัยไม่ได้จึงหันไปถาม พิรุณญาหันไปยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะตอบ
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน เห็นคุณท่านบอกว่าถ้าอยากจะให้ทำอะไรก็จะโทรไปหาเอง”
แต่ก็เป็นเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้นที่จันทภาไม่ได้ติดต่อไปหาพิรุณญา ส่วนระยะเวลาหลังจากนั้น หญิงสาวก็ได้รับคำสั่งใหม่มาว่า ทุกวันหยุดเธอจะต้องกลับไปนอนบ้าน เพื่อผลัดเปลี่ยนกับเด็กรับใช้ที่จันทภาจะต้องมีวันหยุดให้ โดยที่ไม่ได้คำนึงว่าเธอเองก็ต้องการจะพักผ่อนเช่นกัน แต่อีกครั้งที่คนอย่างพิรุณญา ไม่คิดจะมีข้อโต้แย้งใดๆ ในเรื่องนี้ นอกจากก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตารางชีวิตของเธอจึงต้องวนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดสองปี กระทั่งถึงวันที่พลอยไพรินเรียนจบจากมหาวิทยาลัย
===========================================================================================
กันเกราฝากนิยายที่สนุกสนานอีกเรื่องของเพื่อนนักเขียนชื่อ อัปสรา ไว้ในอ้อมในด้วยคนนะคะ เล่ห์กามา(25+ ร้อน ร้าย)
http://www.hongsamut.com/readniyai.php?niyaiid=3995
http://writer.dek-d.com/apsara1982/story/view.php?id=1051124
คืนรักร้อนซ่อนเสน่หา
http://www.niyay.com/story-65533/
http://writer.dek-d.com/apsara1982/story/view.php?id=1036502
มายาทะเลทราย
http://www.niyay.com/story-66552/
ขอบคุณค่ะ
กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2556, 06:04:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2556, 06:04:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 1500
<< ทางเดินที่ไม่เคยได้เลือก | ทาสปัญญาชน >> |