ร้อยดาวตะวันเดียว
“ออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอคุณไปเอง และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันทำอะไรมาล่ะก็ กรุณาไปถามน้องคุณเอาเอง ถ้ารู้ไม่จริงอย่าเที่ยวมาดูถูกฉัน อย่าให้ฉันหมดศัทธาคนอย่างพวกคุณให้เร็วกว่านี้เลย มันจะทำให้ฉันไม่อยากเดินเฉียดเข้าไปใกล้อีก ขอบคุณเผยธาตุแท้ผู้ดีจอมปลอมมาให้ฉันเห็นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ออกไปซะ!!! ออกไปให้พ้นๆ หน้าฉัน”
จิณณวัตรคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากนุ่มที่เขาเคยหลงใหลได้ปลื้มจนเผลอจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงก้าวเข้าไปมองคนตรงหน้าใกล้ๆ มองให้แน่ใจว่านี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่หัวใจเขาพร่ำหาแทบจะทุกวินาที
“ผมไปแน่! แต่ก่อนไปคุณต้องชดใช้ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้คุณก่อน ถึงมันจะไม่คู่ควรกับความเจ็บที่ผมกำลังได้รับ แต่อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่เป็นไอ้งั่งในสายตาใคร ที่เป็นมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง รอให้ไอ้ทีมาโฉบเอาไปกินก่อน”
อาทิตยาก้าวถอยหลังไปจนชนกับผนังห้อง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางโกรธจัดของเขา แล้วสองไหล่ก็ถูกสองอุ้งมือเขาจับไว้แล้วบีบแรงๆ จนเจ็บ แต่ก็ยังจ้องมองดวงตาคู่ดุดันของเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“และผมก็หวังว่ามันคงจะหลงเหลืออะไรดีๆ ให้ผมกินบ้างนะ หรือจะมีแค่ซากเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือ เละกว่านี้โทรมกว่านี้ผมก็เคยลองมาแล้ว และไม่เคยออมมือด้วยจนพวกนั้นติดอกติดใจเรียกหาผมอีกหลายต่อหลายรอบ แล้วคุณล่ะจะเป็นอย่างนั้นมั้ย จะลืมไอ้ทีแล้วหันมาเรียกใช้ผมแทนมั้ย เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
เผียะ
“หยาบคาย!!! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!!”
อาทิตยาปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วฟาดซ้ำรอยเดิมอีก แล้วใช้สองมือผลักอกเขาจนเซออกไปหลายก้าว และนั่นเป็นโอกาสให้รีบวิ่งไปหาประตู เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ายังไม่หาทางเอาตัวรอด

Tags: รักหวานๆ เศร้า นางเอกเก่ง ฉลาด

ตอน: ตะวันที่ต้องฉายแสง

“เฮ้อ!!! เหนื่อยจังเอมี่ อยากจะนอนไปสามวันติดๆ กันเลย”
ร่างเล็กรีบกระโดดไปหาเตียงนุ่มทันทีเมื่อกระเป๋าถูกขนจากรถขึ้นมาบนห้องได้ เอมิกามองเพื่อนรักแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ให้ก่อนจะกระโดดไปนอนข้างๆ
“แล้วคราวนี้จะอยู่นานแค่ไหนล่ะยะแม่คุณ นอกจากจะสวยเลือกได้แล้วยังเก่งเลือกได้ด้วยนะ ดูสิกลับมาหนนี้ได้เงินเดือนตั้งเก้าหมื่นแน่ะ อิจฉาจริงๆ เลย” แล้วส่งประโยคประชดนิดๆ ไปหา
“อยากได้บ้างไหมล่ะจะยกให้” เลยถูกอาทิตยาเหน็บด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนักขณะยังนอนนิ่งไม่ไหวติงไปไหน
“อุ๊ย! ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันเป็นเมียเก็บเมียน้อยก็ได้เดือนละหลายแสนละ เรื่องอะไรจะไปนั่งทนให้แม่คุณนายนั่นโขกสับเหมือนหล่อนล่ะยะ แล้วเมื่อไหร่ไอ้คำว่า ‘บุญคุณต้องทดแทนหนี้แค้นต้องชำระ’ จะหมดจะสิ้นสักทีแม่ด๊อก”
เพราะเอมิการู้เรื่องงานของอาทิตยาทุกอย่าง ในทางเดียวกันอาทิตยาก็รู้เรื่องของเพื่อนทุกเรื่องเช่นกัน เพราะทั้งสองคบหากันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีแรก จนต่อโทจบพร้อมกัน และอีกไม่นานทั้งคู่ก็จะได้เป็นด๊อกเตอร์ตามที่คาดหวังเอาไว้แล้ว
“เฮ้อ!!! ไม่รู้เหมือนกัน อย่าพูดถึงมันเลย หมดเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น คิดอะไรมากล่ะ ได้เงินเดือนตั้งเยอะแยะ หนักหน่อยเหนื่อยหน่อยก็ทนๆ เอาสิ อีกอย่างถ้าไม่มีเขาเราก็คงมาถึงวันนี้ยากเหมือนกัน” ดูเหมือนจะเป็นการปลอบใจตัวเองมากกว่าจะสั่งสอนเพื่อน
“อย่ามาถ่อมตัวหน่อยเลย นักเรียนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งอย่างหล่อนนี่อยากจะไปทำงานที่ไหนเขาก็อ้าแขนรับกันทั้งนั้น ถ้าไม่มัวแต่เอาตัวไปเป็นขี้ข้าเจ้านายเก่าของคุณลุงคุณป้าป่านนี้เจริญไปถึงไหนๆ แล้ว”
และแน่นอนว่าเอมิกาไม่อยากให้เพื่อนต้องมาจมอยู่กับงานหาความก้าวหน้ายากเต็มทีอย่างนี้ เพราะเสียดายความรู้อันดีเลิศน่าจะได้เอาไปใช้กับบริษัทใหญ่ๆ เงินเดือนเยอะๆ อีกทั้งเสียดายรูปร่างหน้าตาอันสะสวยของเพื่อน ซึ่งอาจจะหมดโอกาสได้เจอ ‘หนุ่มหล่อรวยพ่อแม่ตายหมด’ ตามสเปคในกลุ่มเพื่อนมาไว้เป็นตัวเลือกสำหรับเป็นสามีในอนาคตไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
“ช่างเถอะมี่! ไม่แน่นะคนอย่างเราอาจจะเอาดีกับงานพวกนั้นได้ไม่ดีเท่านี้ คนขวางๆ อย่างเราจะไปทนหลับหูหลับตา หรือตอหลดตอแหลอยู่ในสังคมจอมปลอมได้สักกี่วันเชียว ว่าแต่คืนนี้พ่อคุณของมี่ไม่มาเหรอ ถึงว่างมาคุยด้วยได้น่ะ”
เอมิกามักจะไม่ค่อยมีเวลาในทุกครั้งที่หนุ่มใหญ่เมียเผลอมาหา เพราะต้องคอยเอาอกเอาใจปรนเปรอเรือนกายให้ถึงอย่างพริกถึงขิงเพื่อแลกกับรางวัลก้อนโต แล้วจะได้เผื่อแผ่ไปหาพ่อแม่กับน้องๆ ที่รอคอยอยู่บ้านนอกด้วย
“เฮ้อ!!! ตอนแรกก็โทรบอกดิบดีว่าจะมา แต่เมื่อเย็นส่งข้อความมาว่าติดธุระด่วน สงสัยถูกบ้านใหญ่ดึงตัวไว้ล่ะมั้ง”
น้ำเสียงคนพูดแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน ทว่าคนช่างสังเกตอย่างอาทิตยาก็เดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้เพื่อนรักกำลังตกอยู่ในภาวะไหน ดวงหน้าสวยที่มีแววอ่อนล้าอยู่มากค่อยๆ หันไปจ้องมองดวงหน้าที่มีแววเศร้าน้อยๆ ของเพื่อนด้วยความเข้าใจ เห็นใจและระเหี่ยใจอย่างบอกไม่ถูก
“คนมีเจ้าของก็ต้องเป็นแบบนี้ล่ะมี่ ถ้าพอจะทำใจได้ก็ให้รีบถอนตัวซะนะ หรือถ้าถอนตัวไม่ได้ก็ขอให้ถอนใจออกจากเขาเถอะ เพื่อประโยชน์ของหัวใจมี่เอง”
มือบางตบบ่าเพื่อนเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นไปคว้าผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้เจ้าของดวงหน้าหงอยเหงามองตามอย่างครุ่นคิด ด้วยตระหนักดีว่า แม้เพื่อนจะพูดตรงไปตรงมา แต่ก็เห็นว่านั่นเป็นเรื่องจริงและเป็นเรื่องที่ตัวเองควรจะเริ่มทำได้แล้ว และหลังจากที่อาทิตยากลับมาล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก็กลายร่างเป็นที่ปรึกษาปัญหาหัวใจให้เพื่อนเกือบทั้งคืน

กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง กริ้ง
สะดุ้งตื่นตอนหกโมงเมื่อเสียงนาฬิการ้องเรียก แม้จะยังง่วงก็ต้องรีบลากสังขารลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งเนื้อแต่งตัว หันไปมองเพื่อนยังนอนหลับเป็นตายอยู่ก็ส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปยังคฤหาสน์วัชราเวโรจน์ทันที แม้จะเพิ่งเจ็ดโมงกว่าๆ เท่านั้น แต่นี่ก็เป็นเวลาทำงานปกติที่เคยเป็นมานับตั้งแต่กินเงินเดือนของคุณผู้หญิงบ้านนี้
“ข้าวต้มขาว ยำกุ้งแห้ง ไข่เจียว ผัดผักบุ้งไฟแดง แล้วก็ปลาเค็มค่ะคุณตะวัน”
ผ่อนแจกแจงด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มสำหรับเมนูเช้า และก็ได้ยิ้มน้อยๆ จากเลขาสาวสวยเป็นสิ่งตอบแทนเช่นกัน ผ่อนถึงได้หันกลับไปหามีดกับเขียงตามเดิม ส่วนเลขาก็จัดการชงกาแฟแก้วโตเองเสร็จสรรพ พร้อมกับประคองเดินออกจากครัวตรงไปยังห้องทำงาน แต่ก็ต้องมุ้ยหน้าอย่างไม่ชอบใจในสภาพไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยของเลขาคนก่อน จากเมื่อแรกตั้งใจจะนั่งจิบกาแฟอยู่กับโต๊ะต้องเปลี่ยนไปเป็นยืนพิงขอบหน้าต่างมองออกสนามหญ้าอันเขียวขจีแทน
ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำดวงตาคู่งามก็ต้องละจากต้นไม้สดใสหันกลับมาหาเอกสารกองเกลื่อนกลาดบนโต๊ะ ฝุ่นก็เกาะแทบจะทุกตารางนิ้วก็ว่าได้ ไม่อยากจะเหมารวมว่าคนก่อนขี้เกียจจะปัดกวาด เพราะงานคงจะยุ่งวุ่นวายหลายอย่างเต็มที หากไม่จัดการให้เป็นระบบระเบียบเร็วๆ รับรองว่าไม่มีทางทำทันอย่างแน่นอน ร่างผอมบางเดินกลับเข้าครัวอีกครั้งและกลับออกมาพร้อมผ้าขี้ริ้ว กะละมังน้ำและไม้กวาดขนไก่
หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ กับการกำจัดฝุ่นและตรวจตราดูเอกสารต่างๆ บนโต๊ะ ในตู้และแฟ้มที่วางเกลื่อนอยู่ตามพื้นห้องด้วยความเหนื่อยใจกับสภาพเก่าๆ เรื่องเก่าๆ คิดว่าหลีกหนีพ้นแล้วก็ยังต้องกลับมางมอีก ต่อให้เงินเดือนเยอะกว่านี้อาทิตยาก็อยากจะออกปากปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิดนาน เพราะรู้ดีว่าทำงานที่นี่จะต้องงัดความคิด ความอดทนและพลังงานในตัวมาใช้มากน้อยแค่ไหน
“คุณตะวันคะ คุณผู้หญิงให้เชิญที่ห้องอาหารค่ะ”
และตอนนี้ก็เริ่มขึ้นแล้ว อาทิตยาละสายตาจากเอกสารในมือเงยขึ้นไปมองแหม่มแล้วยิ้มกับพยักหน้าให้เป็นการรับรู้เท่านั้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ พร้อมกับคว้าเอาสมุดโน๊ตประจำตัวกับปากกาเดินไปยังห้องอาหารใหญ่โตหรูหรา ทว่าคนนั่งอยู่ก่อนแล้วกลับมีแค่สองคน คือคุณผู้หญิงกับลูกชายคนโต ส่วนจิรเดชไปทำงานตั้งแต่ยังไม่แปดโมงด้วยซ้ำ จิรฐากับจิรายุก็ไปโรงเรียนแล้ว จะเหลือก็เพียงแค่จิรนันท์เท่านั้นที่อาทิตยาเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้ยังคงนอนหลับอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มหนานุ่ม กับเครื่องปรับอากาศสิบแปดองศาโดยไม่ได้สนใจกับภาวะโลกร้อนแต่อย่างใด
และคงจะหลับยาวไปเกือบถึงเที่ยงกว่าจะตื่นขึ้นมาหาของกินหรือไม่ก็สั่งโน่นนี่นั่นให้เด็กรับใช้ในบ้านหัวหมุนไปตามๆ กันอย่างที่เคยเป็นมาและจะเป็นไปแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน แต่แน่ใจเถอะว่าหญิงสาวจะไม่รออยู่ให้ถึงวันนั้นแน่ สองหรือไม่ก็สามปีนับจากนี้ เธอก็จะสลัดคำว่าบุญคุณออกจากหัวแลกกับการทำงานหนักๆ ถูกจิกหัวไม่ว่างเว้น เพื่อให้พ่อแม่สบายใจขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
“มากินข้าวด้วยกันสิตะวัน จะได้คุยงานไปด้วย ฉันล่ะหมดห่วงจริงที่กลับมาช่วยงานฉันอย่างเดิม แหม่มตักข้าวได้”
ชมจันทร์ทักทายเลขาด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะหันไปสั่งแหม่มเสียงเข้มตามแบบ จิณณวัตรพยักหน้าให้แหม่มเมื่อได้ข้าวต้มในชามแล้วลงมือกินในทันทีด้วยความหิวและคิดถึงอาหารไทยมานาน ตรงกันข้ามกับอาทิตยาที่เปิดสมุดโน๊ตกางไว้ข้างๆ แทนการจับช้อน เพราะรู้ดีว่าจุดมุ่งหมายของเจ้านายที่เรียกมานั่งกินด้วยกันนั้นคืออยากจะสั่งงานมากกว่า
“กินก่อนเถอะตะวัน ฉันหิวเมื่อคืนไม่ได้กินอะไรสักเท่าไหร่มัวแต่กังวลว่าจะรับแขกได้ไม่เต็มที่” คราวนี้ผิดคาดไปนิดเมื่อคุณผู้หญิงออกปากบอก จึงทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอน
“อ้อ!!! ก่อนจะลืม เย็นนี้ตะวันไปงานวันเกิดคุณหญิงเพลินพิศกับฉันด้วยนะ ตาจิณก็ไปกับแม่ด้วยล่ะ จะได้ไหว้คุณหญิงกันเห็นบ่นถึงเรามานานแล้ว”
ยังไม่ทันจะได้ตักข้าวเข้าปาก มือบางก็ต้องละจากช้อนไปหาปากกาเพื่อจดแล้ว เพราะเพียงแค่คำบอกเล่าเรียบเรื่อยอย่างนี้ แต่ก็แฝงไว้ด้วยงานหลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ต้องจัดการหาซื้อของขวัญ จัดหาชุดให้คุณผู้หญิง ให้คุณจิณ ‘เจ้าชายจอมเนี๊ยบ’ ไหนจะของตัวเองอีก ชมจันทร์หันไปหาลูกชายเมื่ออาหารคำแรกกลืนลงไปแล้ว
“แล้วจิณจะพักกี่วันถึงจะเริ่มทำงานล่ะลูก” “เริ่มพรุ่งนี้เลยครับ สงสารคุณพ่อเต็มทีลุยคนเดียวรอผมตั้งนานแล้ว” จิณณวัตรหันไปยิ้มน้อยๆ ให้แม่แล้วก้มลงไปหาอาหารดังเดิม ส่วนอีกคนต้องเตรียมจดเมื่อเดาได้ว่าเจ้านายจะเอ่ยอะไรอีก
“ตะวันจัดการเรื่องข้าวของให้คุณจิณด้วยนะ” มันก็แค่คำสั่งอันแสนสั้น แต่ทว่าเลขาสาวจะต้องจัดการสรรหาข้าวของเครื่องใช้ให้คุณชายจอมเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยก็ว่าได้
“ตั้งแต่เธอไปฉันยังไม่ได้เข้าไปตรวจดูบัญชีที่ร้านเลย แต่ไม่เป็นไรหรอกมีเธอมาแล้วฉันก็เบาใจ จะทำอะไรก็ทำตามที่เห็นสมควรนะ รายละเอียดเรื่องตารางงานของฉันจะบอกเรื่อยๆ ทันทีที่จำได้นะ” และแค่กับคำสั่งนี้อาทิตยาก็รู้ดีว่าคงจะต้องใช้เวลาเป็นสองอาทิตย์กระมังกว่าจะตรวจตราทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางในระหว่างที่หายไป
“ค่ะ”
เลขาสาวรับคำสั้นๆ แล้วขอตัวออกไป โดยไม่ได้แตะของในถ้วยเลยแม้แต่คำเดียว เพราะมีงานมากมายรอให้เคลียร์ รอให้จัดการอยู่ อีกทั้งก็รู้ดีว่าเจ้านายไม่ได้อยากจะชวนมานั่งกินด้วยกันสักนิด อีกอย่างอาทิตยาก็ชอบที่จะไปนั่งกินกับผ่อนและคนอื่นๆ ตรงโต๊ะหลังครัวมากกว่า บรรยากาศดีกว่า จะทำหรือพูดอะไรก็ง่ายกว่านั่งอยู่ตรงหน้าเจ้านายเป็นกอง



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ธ.ค. 2556, 08:22:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ธ.ค. 2556, 08:24:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1033





<< กลับมายืนที่เดิม   ชีวิตที่แสนจะวุ่นวาย >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account