วังวนหัวใจ
Tags: พรรณอร, เตชินทร์, คีรี, เทียนหอม, ความรักที่สับสน, เศร้า
ตอน: ตอนที่ 24
บทที่ 24
วันรุ่งขึ้นในบ้านหลังเล็กของพยัคฆ์
เจ้าของบ้านหนุ่มเขม้นมองชายหนุ่มร่างบางผิวขาวตาคมที่ตอนนี้กำลังยืนตัวลีบอยู่ข้าง ๆ หลานสาวนอกไส้ด้วยแววตาที่เหมือนอยากจะชำแหละร่างกายของอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ ซึ่งดูเหมือนฝ่ายที่ถูกจ้องมองก็คงรู้สึกได้เช่นกันเมื่อดูจากการที่ยิ่งเบียดกระแซะเพื่อนสาวเข้าไปอีก
“ถอยออกมา”
อนิรุทธ์ขนลุกเมื่อได้ยินคำเตือนในน้ำเสียงเยือกเย็นของอาเพื่อน ไม่ต้องให้บอกซ้ำชายหนุ่มก็รีบเขยิบตัวออกห่างจากเพื่อนสาว ก่อนยิ้มแหยเมื่ออาของเพื่อนยังคงหรี่ตามองมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ไปนั่งกันก่อนเถอะอาร์ท”
กังสดาลตัดสินใจช่วยเพื่อนด้วยการจูงมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินไปนั่งด้วยกันบนโซฟายาวด้านตรงกันข้ามอาหนุ่ม โดยไม่เห็นถึงประกายที่วาบขึ้นแวบหนึ่งในดวงตาเข้มดุของผู้เป็นอา
อนิรุทธ์ หรือ อาร์ท ลูกชายเจ้าของร้านทองในย่านเยาวราช ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยของกังสดาลแอบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเมื่อหลุดพ้นจากสายตาจับจ้องของอาเพื่อน ทั้งที่อากาศภายในตัวโถงของบ้านค่อนข้างเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ แต่เขากลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลเพราะถูกแผดเผาจากสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเลือดของชายหนุ่มอีกคน
“ส้มจี๊ด อาแกจะกินฉันหรือเปล่า”
อดไม่ได้ ลูกชายเจ้าของร้านทองก็เบนตัวไปกระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวด้วยความหวั่นหวาดต่อสายตาแผดเผานั้น แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นอาเพื่อนมองมาด้วยแววตาเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ภายในนั้น
โอย...ยายส้มจี๊ดหลอกเขามาให้อามันฆ่าหรือเปล่าเนี่ย
ชายหนุ่มคร่ำครวญกับตัวเอง ก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าอีกครั้ง
“คบกันมานานหรือยัง”
คำถามนั้นส่งผลให้อนิรุทธ์สะดุ้งอีกครั้งราวกับคนขวัญอ่อน ก่อนรีบเบนสายตาหนีเมื่ออาของเพื่อนหรี่ตามองมาราวกับไม่ชอบใจ
“เอ่อ...”
เพียงแค่อ้าปาก เพื่อนสาวก็ชิงตัดหน้า
“นานแล้วค่ะ”
พยัคฆ์เบนสายตาคาดโทษไปยังหลานสาวตัวดีทันทีโทษฐานไม่ดูสถานการณ์ ก่อนหันมาพิฆาตทางสายตากับเพื่อนของหลานสาวต่อพร้อมกับรัวคำถาม
“พ่อแม่เราเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วทำอาชีพอะไร”
“โห...อายักษ์ ทำไมไม่บอกก่อนล่ะ ส้มจี๊ดจะได้ให้อาร์ทเอาทะเบียนบ้านมาด้วย”
อีกครั้งที่การแทรกแซงอย่างไม่รู้กาลเทศะของกังสดาลถูกทัณฑ์บนทางสายตาจากอาหนุ่มขี้โมโห ซึ่งครั้งนี้เหมือนฟิวส์ขาดจนตวาดใส่เสียงเบา
“หยุดพูดเลยเรา”
เมื่อเจอกับการเอาจริงของอาหนุ่ม กังสดาลก็ไม่กล้าก่อกวนอีกได้แต่แอบแลบลิ้นด้วยท่าทีซุกซนเมื่อคิดว่าไม่มีใครเห็น
พยัคฆ์ซ่อนความเหนื่อยใจกับท่าทีของหลานสาวนอกไส้ที่ดูเหมือนไม่ยอมโตเสียที วูบหนึ่งชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเขาจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน หากเมื่อมองดวงหน้าอ่อนใส เห็นรอยยิ้มซุกซนของสาวน้อย แล้วนึกถึงความสุขใจเวลาที่มีเจ้าตัวอยู่ใกล้ ชายหนุ่มก็บอกกับตัวเองว่า...นานแค่ไหนเขาก็เต็มใจรอ
“เอ่อ...เตี่ยกะม๊า...เอ๊ย...คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเปิดร้านขายทองอยู่ที่เยาวราชครับ ผมเป็นลูกชายคนสุดท้ายมีพี่สาวสามคนครับ”
ท่าทีของเพื่อนที่ทำราวทหารเกณฑ์รายงานผู้บังคับบัญชาส่งผลให้กังสดาลหัวเราะคิกออกมาอย่างลืมตัว ก่อนรีบเอามือปิดปากเมื่อถูกอาหนุ่มมองมาด้วยสายตาขุ่นเขียว
พยัคฆ์ชะงักอาการจับจ้องหลานตัวดีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หลังจากดูรายชื่อบนหน้าจอชายหนุ่มก็บอกเสียงเรียบ
“ขอตัวเดี๋ยว”
คล้อยหลังร่างสูง อนิรุทธ์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ท่ามกลางสายตายิ้ม ๆ อย่างนึกขำของเพื่อนสาว
“ทำไมไม่บอกยะว่าอาแกดุโคตรแบบนี้”
เมื่ออยู่ตามลำพังอนิรุทธ์ก็กลับมาเป็นเพื่อนหนุ่มใจสาวซึ่งเป็นตัวจริงของตนพลางมองกังสดาลค้อนควักอย่างนึกเคือง
“จริง ๆ อายักษ์ไม่ดุหรอก แต่แกล้งฟอร์มไปอย่างนั้นเอง”
กังสดาลพยายามปลอบด้วยเกรงเพื่อนปอดแหกจนไม่ยอมให้ความร่วมมือต่อ
“ไม่ดุกะผีสิ มองฉันงี้อย่างกับจะฉีกออกมาเป็นชิ้น ๆ เฮ้อ! คิดแล้วก็เสียดายความหล่อจริง ๆ เลย”
“ถ้าชอบก็ลองจีบสิ ไม่แน่นาจริง ๆ อายักษ์อาจมีรสนิยมทางนี้ก็ได้”
เจอการเชียร์ของเพื่อน หนุ่มใจสาวก็เริ่มเขวนิด ๆ หากไม่วายหยั่งเชิง
“แล้วแกล่ะ ก็ไหนขอให้ฉันมาช่วยเล่นละครเพราะอยากลองใจอาแกไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวแกล้งเบ้หน้าทั้งที่ใจคอเริ่มไม่ค่อยดีเหมือนกัน ก่อนบอกราวกับไม่ใส่ใจ
“ก็...ถ้าอายักษ์ชอบแบบนั้นจริง มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ”
ราวกับว่านั่นคือคำอนุญาต เพราะคราวนี้หนุ่มใจสาวถึงกับเริ่มออกอาการฝันหวานจนกังสดาลชักหมั่นไส้
“เก็บอาการหน่อยเถอะแก อย่าเผลอทำหน้าทำตาเคลิ้มแบบนี้เชียวนะ เดี๋ยวได้แผนแตกกันพอดี”
“เชื่อได้ มือชั้นนี้แล้ว สบายมาก”
เสียงลากยาวในคำท้ายอีกทั้งท่าทางกรีดกรายมือทั้งสองข้างนั้นชวนให้กังสดาลทั้งขันทั้งหมั่นไส้ ก่อนออกปาก
“เถอะ จบงานนี้แล้วฉันจะแนะนำหนุ่มหล่อ ๆ ให้สักคน เอาแบบดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนซั่ม ตามสเปคของแกเลย”
คนฟังตาโตก่อนทำท่าดี๊ด๊าอย่างดีใจ อารามลืมตัวหนุ่มใจสาวเผลอจุ๊บแก้มเพื่อนในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากปราม
และนั่นก็เป็นภาพที่พยัคฆ์เห็นเต็มสองตา เมื่อกลับเข้ามาหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก
พยัคฆ์รู้สึกราวกับมีม่านหมอกสีแดงขึ้นมาปะทะหน้าเขาทันทีเมื่อภาพที่กังสดาลถูกชายหนุ่มข้าง ๆ หอมแก้มใส ๆ นั่น หัวอกชายหนุ่มร้อนเร่าจากเพลิงหึงหวงจนวินาทีนั้นไม่หลงเหลือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ อีก
อาร์ท หรือชื่อที่เรียกตัวเองว่าอาตี้ ถึงกับตัวสั่นเมื่อเหลือบไปเห็นอาของเพื่อนเดินดุ่มตรงมาหาด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมจะฆ่าคน ก่อนหวีดร้องลั่นอย่างลืมตัวเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วทำท่าจะง้างกำปั้นเข้าใส่หน้า
“ว๊าย!”
พยัคฆ์ชะงักในเสี้ยวนาทีที่กำปั้นเกือบกระทบเข้ากับใบหน้าขาวใสของหนุ่มตรงหน้า ชายหนุ่มนิ่งงันไปด้วยอาการงุนงงราวกับไก่ตาแตก ก่อนจะหันไปมองหลานสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องห้ามอย่างตื่นตกใจ
“อย่าค่ะอายักษ์”
หลังจากนิ่งมองสีหน้าตื่น ๆ ของหลานสาวนอกไส้ พยัคฆ์จึงเบนสายตากลับไปมองชายหนุ่มหน้าขาวที่ตอนนี้เหมือนจะขาดจัดจนซีดด้วยความหวาดกลัวจนปากคอสั่น ท่าทีบางอย่างในตัวอีกฝ่ายเมื่อลองพิจารณาอย่างจริงจังแล้วชายหนุ่มก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้อึ้งงันไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหลานสาวตัวดีอีกครั้งหลังจากที่พอจะคาดเดาเรื่องออกมาได้
“ส้มจี๊ด!”
กังสดาลแทบคอหดเมื่อถูกอาหนุ่มเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ๆ หากยังทำใจดีสู้เสือด้วยการขานรับเสียงหวาน
“ขา”
แว่ว ๆ ราวกับได้ยินเสียงอาหนุ่มกัดฟันกรอด ก่อนที่คำบอกแกมสั่งจะดังขึ้น
“อธิบายมา!”
ในขณะที่กังสดาลทำหน้าแหยเพราะชักกลัวอาหนุ่มขึ้นมาหน่อย ๆ คนที่ยังคงถูกกระชากคอตัวห้อยโตงเตงก็แทรกขึ้นเสียงอ่อยเหมือนจะร้องไห้
“เอ่อ...ช่วยปล่อยอาร์ตี้ก่อนได้ไหมค๊า อาร์ตี้หายใจไม่ออก”
ราวกับพยัคฆ์เพิ่งรู้ตัว เพราะทันทีที่ได้ยินคำร้องขอชายหนุ่มก็ปล่อยมือฉับพลัน ซึ่งถ้าไม่ใช่โซฟาที่ช่วยรองรับไว้ไม่แน่ว่าหนุ่มตาคมอาจเจ็บตัวกว่านี้
“ถ้ายังไง...เคลียร์กันเองก็แล้วกันนะค๊า อาร์ตี้...คงต้องขอตัว”
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี คือคติประจำใจที่อนิรุทธิ์หรืออาร์ตี้เลือกใช้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ชายหนุ่มร่างบางรีบเดินตัวปลิวออกไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกราวกับจะขอความช่วยเหลือของเพื่อนสาว
“ช่วยไม่ได้นะยะ ตอนนี้คงต้องตัวใครตัวมันล่ะ”
นั่นคือเสียงพึมพำอย่างอกสั่นขวัญแขนของสาวอาร์ตี้เมื่อนึกถึงตอนที่ฉิวเฉียดจะเสียโฉมจากฝีมือของอาเพื่อน ก่อนจ้ำอ้าวตรงไปที่ประตูบ้านพร้อมกับปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่ขอมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีกเลยจนตลอดชีวิต
เมื่อถูกปล่อยเกาะให้อยู่กับอาหนุ่มตามลำพัง กังสดาลก็เริ่มขวัญฝ่อจากสายตากดดันเข้มข้นของอาต่างสายเลือด
“เอ่อ...ส้มจี๊ดหิวแล้ว ขอ...ไปดูว่ามีอะไรทานก่อนนะคะ”
หญิงสาวหาทางออกด้วยการเอ่ยอ้างว่าจะไปดูที่ตึกใหญ่ซึ่งทุกวันจะมีคนนำอาหารมาส่งให้ที่บ้านหลังนี้ตามคำสั่งของคีรี หากยังไม่ทันขยับลุกก็ถูกสกัดจากเสียงเหี้ยมเกรียมของอาหนุ่ม
“นั่งอยู่นั่น ไม่ต้องไปไหน”
ถึงตอนนี้กังสดาลก็นึกอยากร้องไห้เพราะเริ่มเสียใจหน่อย ๆ ที่ริอ่านคิดแผนมาลองใจอาหนุ่มโดยไม่คิดหาแผนสำรองเผื่อในกรณีที่แผนแตก
“เอ่อ...ส้มจี๊ดปวดท้อง ขอ...ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวงัดแผนปลีกตัวซึ่งคิดว่าจะสำเร็จขึ้นมาใช้ ดังนั้นเจ้าตัวจึงทำตาโตอย่างคาดไม่ถึงกับคำบอกของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องไป ถ้าจะราดก็ให้มันราดตรงนี้ล่ะ”
ทำไมวันนี้อายักษ์ถึงใจร้ายแบบนี้
กังสดาลเบ้หน้าพลางแอบคร่ำครวญอยู่ในใจ หากไม่กล้าทำตัวมีปัญหาอีกเมื่อเจอกับเข้าสายตาเหี้ยม ๆ ของพยัคฆ์
หลังจากเดินไปหยุดตรงหน้าหลานตัวดี พยัคฆ์ก็คุกคามต่อด้วยท่าทางที่ยกมือขึ้นมากอดอกพลางมองสาวน้อยด้วยแววตาเข้มดุจนคนถูกมองเริ่มทำตัวไม่ถูก
“อายักษ์ อย่ามองส้มจี๊ดแบบนี้สิ ส้มจี๊ด...กลัว”
ถ้อยคำสุดท้ายส่งผลให้พยัคฆ์ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนทำให้คนขี้กลัวใจสั่นด้วยการลงไปนั่งข้าง ๆ
“เอ่อ...ส้มจี๊ดไปนั่งเก้าอี้อีกตัวดีไหม อายักษ์จะได้ไม่อึดอัด”
ความใกล้ชิดที่ทำให้ใจสั่นทำให้กังสดาลฝืนยิ้มประจบยามเอ่ยถามราวกับหวังดี ก่อนหน้าเจื่อนเมื่อถูกปฏิเสธกลับมา
“ไม่ต้อง”
หลังจากกดดันสาวน้อยจนพอใจ พยัคฆ์ก็ทวงคำตอบที่ยังไม่ได้รับ
“อธิบายมา ทำไมถึงทำแบบนี้”
ถึงตอนนี้กังสดาลก็นึกอยากร้องไห้อีกรอบด้วยความอัดอั้นตันใจ
โธ่! จะให้พูดได้ไงว่าที่ทำลงไปก็เพราะอยากจะลองใจเขา
“ว่าไง ส้มจี๊ด!”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยน้ำเสียงเข้มจัด ความตกใจทำให้หลุดปากออกไปโดยไม่คิด
“ส้มจี๊ดแค่อยากลองมีแฟน”
“อะไรนะ!”
กังสดาลทำคอย่นเมื่อถูกอาหนุ่มตะคอกใส่ด้วยสีหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ส้มจี๊ดนะส้มจี๊ด ทำแบบนี้กับอาได้ยังไง”
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขานอนไม่หลับเพราะเอาแต่ขบคิดเรื่องหญิงสาวกับคนที่คบหา พยัคฆ์ก็นึกอยากจับตัวสาวน้อยตรงหน้ามาฟาดก้นให้หนัก ๆ โทษฐานอุตริคิดอะไรไม่เข้าท่า
“ส้มจี๊ดขอโทษ”
เจอการงอนง้อจากสีหน้าเจื่อนจ๋อยของหญิงสาว อารมณ์โกรธก็เหมือนจะค่อย ๆ จางหาย หากกระนั้นเมื่อนึกถึงความคิดแผลง ๆ ของกังสดาลแล้ว พยัคฆ์ก็คิดว่าเขาควรจะหาวิธีรับมือและป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ ดังนั้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวตาโตกับคำบอก
“ถ้าอยากมีแฟนนัก งั้นอาจะเป็นแฟนให้กับเราเอง”
“อายักษ์!”
“ตกใจอะไร ในเมื่ออยากมีแฟนอาก็จะช่วยส่งเสริมให้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้จนกว่าเราจะเรียนจบ อาจะคอยตามรับตามส่งเราทุกวัน แล้ววันหยุดหากเราอยากไปไหนอาก็จะไปเป็นเพื่อน รับรองว่าจะทำหน้าที่แฟนที่ดีอย่างไม่ให้ตกหล่น เพราะฉะนั้นก็เลิกความคิดบ้า ๆ จะหาผู้ชายคนไหนมาเป็นแฟนได้แล้ว เข้าใจไหม”
“เอ้อ...คือ...”
“ทำไม มีปัญหาอะไร หรือเราเห็นว่าอาไม่เหมาะสมที่จะเป็นแฟน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่...เอ่อ...ก็อายักษ์...เป็นอา...”
แม้รู้สึกเหมือนว่าฝันกลายมาเป็นจริง หากทุกสิ่งก็ดูรวดเร็วจนกังสดาลแทบตั้งตัวไม่ติด ดังนั้นจากคนที่ช่างพูดหญิงสาวก็กลายเป็นเหมือนคนติดอ่างเท่ากับเปิดโอกาสให้พยัคฆ์เป็นฝ่ายรุกฆาต
“แต่เป็นอาคนละสายเลือด จะว่าไปเราสองคนจะเรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องนี้ได้ จำไว้แค่ว่านับจากวันนี้จนถึงวันที่ส้มจี๊ดเรียนจบ อา...ไม่ได้เป็นแค่อายักษ์แต่จะยังเป็นคนรักอีกด้วย”
ท่ามกลางความมึนงงสับสนอย่างจับต้นชนปลายไม่ติดของสาวน้อย หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งคว้าตำแหน่งคนรักหมาด ๆ ก็เริ่มต้นทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการโน้มหน้าลงไปหอมแก้มใส ๆ ดังฟอด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีที่ยังคงสงบนิ่งราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่คนถูกหอมได้แต่นั่งตัวแข็งราวกับถูกสาป
ระหว่างนี้ยังเป็นคนรัก แต่ถ้าถึงวันที่เรียนจบเมื่อไร ถึงตอนนั้น...
พยัคฆ์บอกกับตัวเองอย่างหมายมาดเมื่อนึกถึงวันที่หลานสาวนอกไส้สำเร็จการศึกษา
เขาจะเลื่อนตำแหน่งจากคนรักขึ้นมาเป็น...สามีของเธอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ บทส่งท้ายของอายักษ์กะส้มจี๊ดมาแล้ว ^^
อ่านมาถึงตรงนี้คงได้ข้อสรุปแล้วเน๊อะ ว่าระหว่างอากับหลาน ใครเสร็จใคร ^^
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ และทุก LIKE ที่มอบให้เป็นกำลังใจสำหรับคนแต่งค่ะ
pattisa : ขอบคุณค่ะ (แอบอิจฉาอายักษ์กับส้มจี๊ดแล้วสิ มีแฟนคลับด้วย ^^)
นักอ่านเหนียวหนึบ : เอ่อ...จะเก็บพันวลีเลยเหรอคะ (ขอเวลาไปเศร้าแป๊ปนึง) พันวลีนึกความหวานของอายักษ์กะส้มจี๊ดไม่ออกเลยค่ะ นึกออกแต่ความโมโหของอายักษ์ 555 เอาไว้ถ้านึกฉากหวาน ๆ ของคู่นี้ได้อาจจะไปเติมในตอนพิเศษนะคะ
konhin : อย่างพี่เต้ต้องให้เจอการกระตุ้นค่ะ ไม่งั้นกว่าจะรอให้รู้ตัว ให้พูด มีหวัง...คู่อื่นอาจมีลูกไปแล้วก็ได้ 555
zephyr : เก็บเฮียเต้ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ไม่จบ ^^ ส่วนคุณคีกับพาย ต้องอีกสักพักค่ะ แต่กลัวจังว่าจะไม่หวาน เพราะพันวลีชอบแบบขม แหะ แหะ อายักษ์กะส้มจี๊ดเนี่ย หมายถึงไปขึ้นใหม่เป็นเรื่องของตัวเองเลยเหรอคะ 555
วันรุ่งขึ้นในบ้านหลังเล็กของพยัคฆ์
เจ้าของบ้านหนุ่มเขม้นมองชายหนุ่มร่างบางผิวขาวตาคมที่ตอนนี้กำลังยืนตัวลีบอยู่ข้าง ๆ หลานสาวนอกไส้ด้วยแววตาที่เหมือนอยากจะชำแหละร่างกายของอีกฝ่ายเป็นชิ้น ๆ ซึ่งดูเหมือนฝ่ายที่ถูกจ้องมองก็คงรู้สึกได้เช่นกันเมื่อดูจากการที่ยิ่งเบียดกระแซะเพื่อนสาวเข้าไปอีก
“ถอยออกมา”
อนิรุทธ์ขนลุกเมื่อได้ยินคำเตือนในน้ำเสียงเยือกเย็นของอาเพื่อน ไม่ต้องให้บอกซ้ำชายหนุ่มก็รีบเขยิบตัวออกห่างจากเพื่อนสาว ก่อนยิ้มแหยเมื่ออาของเพื่อนยังคงหรี่ตามองมาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“ไปนั่งกันก่อนเถอะอาร์ท”
กังสดาลตัดสินใจช่วยเพื่อนด้วยการจูงมืออีกฝ่ายแล้วพาเดินไปนั่งด้วยกันบนโซฟายาวด้านตรงกันข้ามอาหนุ่ม โดยไม่เห็นถึงประกายที่วาบขึ้นแวบหนึ่งในดวงตาเข้มดุของผู้เป็นอา
อนิรุทธ์ หรือ อาร์ท ลูกชายเจ้าของร้านทองในย่านเยาวราช ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมมหา’ลัยของกังสดาลแอบยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อเมื่อหลุดพ้นจากสายตาจับจ้องของอาเพื่อน ทั้งที่อากาศภายในตัวโถงของบ้านค่อนข้างเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ แต่เขากลับรู้สึกร้อนจนเหงื่อไหลเพราะถูกแผดเผาจากสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเลือดของชายหนุ่มอีกคน
“ส้มจี๊ด อาแกจะกินฉันหรือเปล่า”
อดไม่ได้ ลูกชายเจ้าของร้านทองก็เบนตัวไปกระซิบกระซาบถามเพื่อนสาวด้วยความหวั่นหวาดต่อสายตาแผดเผานั้น แล้วก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นอาเพื่อนมองมาด้วยแววตาเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ภายในนั้น
โอย...ยายส้มจี๊ดหลอกเขามาให้อามันฆ่าหรือเปล่าเนี่ย
ชายหนุ่มคร่ำครวญกับตัวเอง ก่อนยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าอีกครั้ง
“คบกันมานานหรือยัง”
คำถามนั้นส่งผลให้อนิรุทธ์สะดุ้งอีกครั้งราวกับคนขวัญอ่อน ก่อนรีบเบนสายตาหนีเมื่ออาของเพื่อนหรี่ตามองมาราวกับไม่ชอบใจ
“เอ่อ...”
เพียงแค่อ้าปาก เพื่อนสาวก็ชิงตัดหน้า
“นานแล้วค่ะ”
พยัคฆ์เบนสายตาคาดโทษไปยังหลานสาวตัวดีทันทีโทษฐานไม่ดูสถานการณ์ ก่อนหันมาพิฆาตทางสายตากับเพื่อนของหลานสาวต่อพร้อมกับรัวคำถาม
“พ่อแม่เราเป็นใคร อยู่ที่ไหน แล้วทำอาชีพอะไร”
“โห...อายักษ์ ทำไมไม่บอกก่อนล่ะ ส้มจี๊ดจะได้ให้อาร์ทเอาทะเบียนบ้านมาด้วย”
อีกครั้งที่การแทรกแซงอย่างไม่รู้กาลเทศะของกังสดาลถูกทัณฑ์บนทางสายตาจากอาหนุ่มขี้โมโห ซึ่งครั้งนี้เหมือนฟิวส์ขาดจนตวาดใส่เสียงเบา
“หยุดพูดเลยเรา”
เมื่อเจอกับการเอาจริงของอาหนุ่ม กังสดาลก็ไม่กล้าก่อกวนอีกได้แต่แอบแลบลิ้นด้วยท่าทีซุกซนเมื่อคิดว่าไม่มีใครเห็น
พยัคฆ์ซ่อนความเหนื่อยใจกับท่าทีของหลานสาวนอกไส้ที่ดูเหมือนไม่ยอมโตเสียที วูบหนึ่งชายหนุ่มนึกสงสัยว่าเขาจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหน หากเมื่อมองดวงหน้าอ่อนใส เห็นรอยยิ้มซุกซนของสาวน้อย แล้วนึกถึงความสุขใจเวลาที่มีเจ้าตัวอยู่ใกล้ ชายหนุ่มก็บอกกับตัวเองว่า...นานแค่ไหนเขาก็เต็มใจรอ
“เอ่อ...เตี่ยกะม๊า...เอ๊ย...คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเปิดร้านขายทองอยู่ที่เยาวราชครับ ผมเป็นลูกชายคนสุดท้ายมีพี่สาวสามคนครับ”
ท่าทีของเพื่อนที่ทำราวทหารเกณฑ์รายงานผู้บังคับบัญชาส่งผลให้กังสดาลหัวเราะคิกออกมาอย่างลืมตัว ก่อนรีบเอามือปิดปากเมื่อถูกอาหนุ่มมองมาด้วยสายตาขุ่นเขียว
พยัคฆ์ชะงักอาการจับจ้องหลานตัวดีเมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หลังจากดูรายชื่อบนหน้าจอชายหนุ่มก็บอกเสียงเรียบ
“ขอตัวเดี๋ยว”
คล้อยหลังร่างสูง อนิรุทธ์ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ท่ามกลางสายตายิ้ม ๆ อย่างนึกขำของเพื่อนสาว
“ทำไมไม่บอกยะว่าอาแกดุโคตรแบบนี้”
เมื่ออยู่ตามลำพังอนิรุทธ์ก็กลับมาเป็นเพื่อนหนุ่มใจสาวซึ่งเป็นตัวจริงของตนพลางมองกังสดาลค้อนควักอย่างนึกเคือง
“จริง ๆ อายักษ์ไม่ดุหรอก แต่แกล้งฟอร์มไปอย่างนั้นเอง”
กังสดาลพยายามปลอบด้วยเกรงเพื่อนปอดแหกจนไม่ยอมให้ความร่วมมือต่อ
“ไม่ดุกะผีสิ มองฉันงี้อย่างกับจะฉีกออกมาเป็นชิ้น ๆ เฮ้อ! คิดแล้วก็เสียดายความหล่อจริง ๆ เลย”
“ถ้าชอบก็ลองจีบสิ ไม่แน่นาจริง ๆ อายักษ์อาจมีรสนิยมทางนี้ก็ได้”
เจอการเชียร์ของเพื่อน หนุ่มใจสาวก็เริ่มเขวนิด ๆ หากไม่วายหยั่งเชิง
“แล้วแกล่ะ ก็ไหนขอให้ฉันมาช่วยเล่นละครเพราะอยากลองใจอาแกไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวแกล้งเบ้หน้าทั้งที่ใจคอเริ่มไม่ค่อยดีเหมือนกัน ก่อนบอกราวกับไม่ใส่ใจ
“ก็...ถ้าอายักษ์ชอบแบบนั้นจริง มันก็ช่วยไม่ได้นี่นะ”
ราวกับว่านั่นคือคำอนุญาต เพราะคราวนี้หนุ่มใจสาวถึงกับเริ่มออกอาการฝันหวานจนกังสดาลชักหมั่นไส้
“เก็บอาการหน่อยเถอะแก อย่าเผลอทำหน้าทำตาเคลิ้มแบบนี้เชียวนะ เดี๋ยวได้แผนแตกกันพอดี”
“เชื่อได้ มือชั้นนี้แล้ว สบายมาก”
เสียงลากยาวในคำท้ายอีกทั้งท่าทางกรีดกรายมือทั้งสองข้างนั้นชวนให้กังสดาลทั้งขันทั้งหมั่นไส้ ก่อนออกปาก
“เถอะ จบงานนี้แล้วฉันจะแนะนำหนุ่มหล่อ ๆ ให้สักคน เอาแบบดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนซั่ม ตามสเปคของแกเลย”
คนฟังตาโตก่อนทำท่าดี๊ด๊าอย่างดีใจ อารามลืมตัวหนุ่มใจสาวเผลอจุ๊บแก้มเพื่อนในขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะอ้าปากปราม
และนั่นก็เป็นภาพที่พยัคฆ์เห็นเต็มสองตา เมื่อกลับเข้ามาหลังจากออกไปคุยโทรศัพท์ด้านนอก
พยัคฆ์รู้สึกราวกับมีม่านหมอกสีแดงขึ้นมาปะทะหน้าเขาทันทีเมื่อภาพที่กังสดาลถูกชายหนุ่มข้าง ๆ หอมแก้มใส ๆ นั่น หัวอกชายหนุ่มร้อนเร่าจากเพลิงหึงหวงจนวินาทีนั้นไม่หลงเหลือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ อีก
อาร์ท หรือชื่อที่เรียกตัวเองว่าอาตี้ ถึงกับตัวสั่นเมื่อเหลือบไปเห็นอาของเพื่อนเดินดุ่มตรงมาหาด้วยสีหน้าเหมือนพร้อมจะฆ่าคน ก่อนหวีดร้องลั่นอย่างลืมตัวเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากคอเสื้อขึ้นมาแล้วทำท่าจะง้างกำปั้นเข้าใส่หน้า
“ว๊าย!”
พยัคฆ์ชะงักในเสี้ยวนาทีที่กำปั้นเกือบกระทบเข้ากับใบหน้าขาวใสของหนุ่มตรงหน้า ชายหนุ่มนิ่งงันไปด้วยอาการงุนงงราวกับไก่ตาแตก ก่อนจะหันไปมองหลานสาวเมื่อได้ยินเสียงร้องห้ามอย่างตื่นตกใจ
“อย่าค่ะอายักษ์”
หลังจากนิ่งมองสีหน้าตื่น ๆ ของหลานสาวนอกไส้ พยัคฆ์จึงเบนสายตากลับไปมองชายหนุ่มหน้าขาวที่ตอนนี้เหมือนจะขาดจัดจนซีดด้วยความหวาดกลัวจนปากคอสั่น ท่าทีบางอย่างในตัวอีกฝ่ายเมื่อลองพิจารณาอย่างจริงจังแล้วชายหนุ่มก็ได้ข้อสรุปที่ทำให้อึ้งงันไปพักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองหลานสาวตัวดีอีกครั้งหลังจากที่พอจะคาดเดาเรื่องออกมาได้
“ส้มจี๊ด!”
กังสดาลแทบคอหดเมื่อถูกอาหนุ่มเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ๆ หากยังทำใจดีสู้เสือด้วยการขานรับเสียงหวาน
“ขา”
แว่ว ๆ ราวกับได้ยินเสียงอาหนุ่มกัดฟันกรอด ก่อนที่คำบอกแกมสั่งจะดังขึ้น
“อธิบายมา!”
ในขณะที่กังสดาลทำหน้าแหยเพราะชักกลัวอาหนุ่มขึ้นมาหน่อย ๆ คนที่ยังคงถูกกระชากคอตัวห้อยโตงเตงก็แทรกขึ้นเสียงอ่อยเหมือนจะร้องไห้
“เอ่อ...ช่วยปล่อยอาร์ตี้ก่อนได้ไหมค๊า อาร์ตี้หายใจไม่ออก”
ราวกับพยัคฆ์เพิ่งรู้ตัว เพราะทันทีที่ได้ยินคำร้องขอชายหนุ่มก็ปล่อยมือฉับพลัน ซึ่งถ้าไม่ใช่โซฟาที่ช่วยรองรับไว้ไม่แน่ว่าหนุ่มตาคมอาจเจ็บตัวกว่านี้
“ถ้ายังไง...เคลียร์กันเองก็แล้วกันนะค๊า อาร์ตี้...คงต้องขอตัว”
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี คือคติประจำใจที่อนิรุทธิ์หรืออาร์ตี้เลือกใช้ในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ชายหนุ่มร่างบางรีบเดินตัวปลิวออกไปโดยไม่สนใจเสียงร้องเรียกราวกับจะขอความช่วยเหลือของเพื่อนสาว
“ช่วยไม่ได้นะยะ ตอนนี้คงต้องตัวใครตัวมันล่ะ”
นั่นคือเสียงพึมพำอย่างอกสั่นขวัญแขนของสาวอาร์ตี้เมื่อนึกถึงตอนที่ฉิวเฉียดจะเสียโฉมจากฝีมือของอาเพื่อน ก่อนจ้ำอ้าวตรงไปที่ประตูบ้านพร้อมกับปณิธานแน่วแน่ว่าจะไม่ขอมาเหยียบที่บ้านหลังนี้อีกเลยจนตลอดชีวิต
เมื่อถูกปล่อยเกาะให้อยู่กับอาหนุ่มตามลำพัง กังสดาลก็เริ่มขวัญฝ่อจากสายตากดดันเข้มข้นของอาต่างสายเลือด
“เอ่อ...ส้มจี๊ดหิวแล้ว ขอ...ไปดูว่ามีอะไรทานก่อนนะคะ”
หญิงสาวหาทางออกด้วยการเอ่ยอ้างว่าจะไปดูที่ตึกใหญ่ซึ่งทุกวันจะมีคนนำอาหารมาส่งให้ที่บ้านหลังนี้ตามคำสั่งของคีรี หากยังไม่ทันขยับลุกก็ถูกสกัดจากเสียงเหี้ยมเกรียมของอาหนุ่ม
“นั่งอยู่นั่น ไม่ต้องไปไหน”
ถึงตอนนี้กังสดาลก็นึกอยากร้องไห้เพราะเริ่มเสียใจหน่อย ๆ ที่ริอ่านคิดแผนมาลองใจอาหนุ่มโดยไม่คิดหาแผนสำรองเผื่อในกรณีที่แผนแตก
“เอ่อ...ส้มจี๊ดปวดท้อง ขอ...ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
หญิงสาวงัดแผนปลีกตัวซึ่งคิดว่าจะสำเร็จขึ้นมาใช้ ดังนั้นเจ้าตัวจึงทำตาโตอย่างคาดไม่ถึงกับคำบอกของอีกฝ่าย
“ไม่ต้องไป ถ้าจะราดก็ให้มันราดตรงนี้ล่ะ”
ทำไมวันนี้อายักษ์ถึงใจร้ายแบบนี้
กังสดาลเบ้หน้าพลางแอบคร่ำครวญอยู่ในใจ หากไม่กล้าทำตัวมีปัญหาอีกเมื่อเจอกับเข้าสายตาเหี้ยม ๆ ของพยัคฆ์
หลังจากเดินไปหยุดตรงหน้าหลานตัวดี พยัคฆ์ก็คุกคามต่อด้วยท่าทางที่ยกมือขึ้นมากอดอกพลางมองสาวน้อยด้วยแววตาเข้มดุจนคนถูกมองเริ่มทำตัวไม่ถูก
“อายักษ์ อย่ามองส้มจี๊ดแบบนี้สิ ส้มจี๊ด...กลัว”
ถ้อยคำสุดท้ายส่งผลให้พยัคฆ์ถอนหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนทำให้คนขี้กลัวใจสั่นด้วยการลงไปนั่งข้าง ๆ
“เอ่อ...ส้มจี๊ดไปนั่งเก้าอี้อีกตัวดีไหม อายักษ์จะได้ไม่อึดอัด”
ความใกล้ชิดที่ทำให้ใจสั่นทำให้กังสดาลฝืนยิ้มประจบยามเอ่ยถามราวกับหวังดี ก่อนหน้าเจื่อนเมื่อถูกปฏิเสธกลับมา
“ไม่ต้อง”
หลังจากกดดันสาวน้อยจนพอใจ พยัคฆ์ก็ทวงคำตอบที่ยังไม่ได้รับ
“อธิบายมา ทำไมถึงทำแบบนี้”
ถึงตอนนี้กังสดาลก็นึกอยากร้องไห้อีกรอบด้วยความอัดอั้นตันใจ
โธ่! จะให้พูดได้ไงว่าที่ทำลงไปก็เพราะอยากจะลองใจเขา
“ว่าไง ส้มจี๊ด!”
หญิงสาวสะดุ้งเมื่อถูกกระตุ้นด้วยน้ำเสียงเข้มจัด ความตกใจทำให้หลุดปากออกไปโดยไม่คิด
“ส้มจี๊ดแค่อยากลองมีแฟน”
“อะไรนะ!”
กังสดาลทำคอย่นเมื่อถูกอาหนุ่มตะคอกใส่ด้วยสีหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ
“ส้มจี๊ดนะส้มจี๊ด ทำแบบนี้กับอาได้ยังไง”
เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เขานอนไม่หลับเพราะเอาแต่ขบคิดเรื่องหญิงสาวกับคนที่คบหา พยัคฆ์ก็นึกอยากจับตัวสาวน้อยตรงหน้ามาฟาดก้นให้หนัก ๆ โทษฐานอุตริคิดอะไรไม่เข้าท่า
“ส้มจี๊ดขอโทษ”
เจอการงอนง้อจากสีหน้าเจื่อนจ๋อยของหญิงสาว อารมณ์โกรธก็เหมือนจะค่อย ๆ จางหาย หากกระนั้นเมื่อนึกถึงความคิดแผลง ๆ ของกังสดาลแล้ว พยัคฆ์ก็คิดว่าเขาควรจะหาวิธีรับมือและป้องกันเอาไว้แต่เนิ่น ๆ ดังนั้นหลังจากเงียบไปพักใหญ่ชายหนุ่มก็ทำให้หญิงสาวตาโตกับคำบอก
“ถ้าอยากมีแฟนนัก งั้นอาจะเป็นแฟนให้กับเราเอง”
“อายักษ์!”
“ตกใจอะไร ในเมื่ออยากมีแฟนอาก็จะช่วยส่งเสริมให้ เอาเป็นว่าหลังจากนี้จนกว่าเราจะเรียนจบ อาจะคอยตามรับตามส่งเราทุกวัน แล้ววันหยุดหากเราอยากไปไหนอาก็จะไปเป็นเพื่อน รับรองว่าจะทำหน้าที่แฟนที่ดีอย่างไม่ให้ตกหล่น เพราะฉะนั้นก็เลิกความคิดบ้า ๆ จะหาผู้ชายคนไหนมาเป็นแฟนได้แล้ว เข้าใจไหม”
“เอ้อ...คือ...”
“ทำไม มีปัญหาอะไร หรือเราเห็นว่าอาไม่เหมาะสมที่จะเป็นแฟน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ แต่...เอ่อ...ก็อายักษ์...เป็นอา...”
แม้รู้สึกเหมือนว่าฝันกลายมาเป็นจริง หากทุกสิ่งก็ดูรวดเร็วจนกังสดาลแทบตั้งตัวไม่ติด ดังนั้นจากคนที่ช่างพูดหญิงสาวก็กลายเป็นเหมือนคนติดอ่างเท่ากับเปิดโอกาสให้พยัคฆ์เป็นฝ่ายรุกฆาต
“แต่เป็นอาคนละสายเลือด จะว่าไปเราสองคนจะเรียกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ยังได้ เพราะฉะนั้นเลิกคิดเรื่องนี้ได้ จำไว้แค่ว่านับจากวันนี้จนถึงวันที่ส้มจี๊ดเรียนจบ อา...ไม่ได้เป็นแค่อายักษ์แต่จะยังเป็นคนรักอีกด้วย”
ท่ามกลางความมึนงงสับสนอย่างจับต้นชนปลายไม่ติดของสาวน้อย หนุ่มใหญ่ที่เพิ่งคว้าตำแหน่งคนรักหมาด ๆ ก็เริ่มต้นทำหน้าที่ของตัวเองด้วยการโน้มหน้าลงไปหอมแก้มใส ๆ ดังฟอด ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปด้วยท่าทีที่ยังคงสงบนิ่งราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในขณะที่คนถูกหอมได้แต่นั่งตัวแข็งราวกับถูกสาป
ระหว่างนี้ยังเป็นคนรัก แต่ถ้าถึงวันที่เรียนจบเมื่อไร ถึงตอนนั้น...
พยัคฆ์บอกกับตัวเองอย่างหมายมาดเมื่อนึกถึงวันที่หลานสาวนอกไส้สำเร็จการศึกษา
เขาจะเลื่อนตำแหน่งจากคนรักขึ้นมาเป็น...สามีของเธอ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีค่ะ บทส่งท้ายของอายักษ์กะส้มจี๊ดมาแล้ว ^^
อ่านมาถึงตรงนี้คงได้ข้อสรุปแล้วเน๊อะ ว่าระหว่างอากับหลาน ใครเสร็จใคร ^^
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์ และทุก LIKE ที่มอบให้เป็นกำลังใจสำหรับคนแต่งค่ะ
pattisa : ขอบคุณค่ะ (แอบอิจฉาอายักษ์กับส้มจี๊ดแล้วสิ มีแฟนคลับด้วย ^^)
นักอ่านเหนียวหนึบ : เอ่อ...จะเก็บพันวลีเลยเหรอคะ (ขอเวลาไปเศร้าแป๊ปนึง) พันวลีนึกความหวานของอายักษ์กะส้มจี๊ดไม่ออกเลยค่ะ นึกออกแต่ความโมโหของอายักษ์ 555 เอาไว้ถ้านึกฉากหวาน ๆ ของคู่นี้ได้อาจจะไปเติมในตอนพิเศษนะคะ
konhin : อย่างพี่เต้ต้องให้เจอการกระตุ้นค่ะ ไม่งั้นกว่าจะรอให้รู้ตัว ให้พูด มีหวัง...คู่อื่นอาจมีลูกไปแล้วก็ได้ 555
zephyr : เก็บเฮียเต้ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ไม่จบ ^^ ส่วนคุณคีกับพาย ต้องอีกสักพักค่ะ แต่กลัวจังว่าจะไม่หวาน เพราะพันวลีชอบแบบขม แหะ แหะ อายักษ์กะส้มจี๊ดเนี่ย หมายถึงไปขึ้นใหม่เป็นเรื่องของตัวเองเลยเหรอคะ 555

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2557, 20:27:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2557, 20:34:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 1783

นักอ่านเหนียวหนึบ 4 ม.ค. 2557, 22:34:49 น.
อ่าาาา เอาตอนพิเศษมาต่อก่อนเลยได้ป่าวอ่าาาา 5555
น้ำใบบัวบกยังต้มไม่เสด เด๋วช้ำในตาย
อ่าาาา เอาตอนพิเศษมาต่อก่อนเลยได้ป่าวอ่าาาา 5555
น้ำใบบัวบกยังต้มไม่เสด เด๋วช้ำในตาย


ninjanaka 4 ม.ค. 2557, 23:40:05 น.
งอแงๆ จะเอาอายักษ์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
งอแงๆ จะเอาอายักษ์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

konhin 5 ม.ค. 2557, 02:18:42 น.
ฮ่าๆๆ อายักษ์ชนะน๊อคไปเลย
ฮ่าๆๆ อายักษ์ชนะน๊อคไปเลย


ปอยอะนะ 5 ม.ค. 2557, 09:52:05 น.
อายักษ์เริ่มเล่นบทเจ้าชู้ยักษ์ซะงั้น
อายักษ์เริ่มเล่นบทเจ้าชู้ยักษ์ซะงั้น

Zephyr 5 ม.ค. 2557, 14:56:08 น.
555 เรื่องใหม่เลยค่ะ อิอิ
สังเกตเม้นข้างบนสิคะ ไม่เห็นมีคู่หลัก คู่รองเลยค่ะ
มีแต่คู่ขโมยซีน!!!!!
มั่วนิ่มจนได้นะ อายักษ์
เหม่ เข้าทางสินะ
สักวันคงหาเรื่องคลุกวงในหลานนอกไส้แน่ๆ
555 เรื่องใหม่เลยค่ะ อิอิ
สังเกตเม้นข้างบนสิคะ ไม่เห็นมีคู่หลัก คู่รองเลยค่ะ
มีแต่คู่ขโมยซีน!!!!!
มั่วนิ่มจนได้นะ อายักษ์
เหม่ เข้าทางสินะ
สักวันคงหาเรื่องคลุกวงในหลานนอกไส้แน่ๆ