ร้อยดาวตะวันเดียว
“ออกไปเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอคุณไปเอง และถ้าคุณอยากรู้ว่าฉันทำอะไรมาล่ะก็ กรุณาไปถามน้องคุณเอาเอง ถ้ารู้ไม่จริงอย่าเที่ยวมาดูถูกฉัน อย่าให้ฉันหมดศัทธาคนอย่างพวกคุณให้เร็วกว่านี้เลย มันจะทำให้ฉันไม่อยากเดินเฉียดเข้าไปใกล้อีก ขอบคุณเผยธาตุแท้ผู้ดีจอมปลอมมาให้ฉันเห็นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ออกไปซะ!!! ออกไปให้พ้นๆ หน้าฉัน”
จิณณวัตรคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินประโยคนี้หลุดออกจากปากนุ่มที่เขาเคยหลงใหลได้ปลื้มจนเผลอจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงก้าวเข้าไปมองคนตรงหน้าใกล้ๆ มองให้แน่ใจว่านี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับคนที่หัวใจเขาพร่ำหาแทบจะทุกวินาที
“ผมไปแน่! แต่ก่อนไปคุณต้องชดใช้ความรู้สึกดีๆ ที่ผมมีให้คุณก่อน ถึงมันจะไม่คู่ควรกับความเจ็บที่ผมกำลังได้รับ แต่อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่เป็นไอ้งั่งในสายตาใคร ที่เป็นมดแดงเฝ้าพวงมะม่วง รอให้ไอ้ทีมาโฉบเอาไปกินก่อน”
อาทิตยาก้าวถอยหลังไปจนชนกับผนังห้อง เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางโกรธจัดของเขา แล้วสองไหล่ก็ถูกสองอุ้งมือเขาจับไว้แล้วบีบแรงๆ จนเจ็บ แต่ก็ยังจ้องมองดวงตาคู่ดุดันของเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“และผมก็หวังว่ามันคงจะหลงเหลืออะไรดีๆ ให้ผมกินบ้างนะ หรือจะมีแค่ซากเท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ถือ เละกว่านี้โทรมกว่านี้ผมก็เคยลองมาแล้ว และไม่เคยออมมือด้วยจนพวกนั้นติดอกติดใจเรียกหาผมอีกหลายต่อหลายรอบ แล้วคุณล่ะจะเป็นอย่างนั้นมั้ย จะลืมไอ้ทีแล้วหันมาเรียกใช้ผมแทนมั้ย เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
เผียะ
“หยาบคาย!!! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!!”
อาทิตยาปัดมือเขาออกจากไหล่แล้วฟาดซ้ำรอยเดิมอีก แล้วใช้สองมือผลักอกเขาจนเซออกไปหลายก้าว และนั่นเป็นโอกาสให้รีบวิ่งไปหาประตู เพราะรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ายังไม่หาทางเอาตัวรอด

Tags: รักหวานๆ เศร้า นางเอกเก่ง ฉลาด

ตอน: ตะวันที่เริ่มฉายแสงส่องทางสว่าง

“พรุ่งนี้เช้าอย่าลืมเขียนเช็คสามแสนมาให้ฉันเซ็นนะตะวัน แล้วรีบเอาไปให้คุณหญิงที่บ้านทันทีเลย ห้ามช้าเดี๋ยวจะไม่ทัน” เจ้านายรีบสั่ง ระหว่างรถวิ่งกลับบ้าน เมื่อจดเสร็จแล้วดวงหน้าสวยเลยหันไปหาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม
“ค่ะ ตะวันจะเอาไปให้ตอนเย็นนะคะ ถ้าไปเช้ากลัวคุณหญิงยังไม่ตื่น เพราะกว่าจะดูแลความเรียบร้อยงานเสร็จคงจะดึกมากค่ะ”
เจ้านายกำลังจะอ้าปากแย้ง ต้องรีบหุบลงทันทีเมื่อเลขามีเหตุผลมากเพียงพอ ผู้เป็นสามีนั่งอยู่อีกข้างกลั้นขำเอาไว้แทบไม่ไหว เพราะรู้มานานนมว่าเมียเจอมวยถูกคู่แล้ว แถมเป็นคู่ที่ไม่ได้ชกกันดุเดือดเผ็ดมัน เลือดกำเดาแตกกระจายเต็มสังเวียนแต่อย่างใด ด้วยฝ่ายแดงเป็นมวยร้อนเร็วและแรง อยากได้อะไรต้องได้ในเดี๋ยวนั้น ใครก็ขัดใจไม่ได้ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามประกาศิตเพียงอย่างเดียว
ส่วนฝ่ายน้ำเงินนั้นจะเย็นเป็นน้ำ แต่ทำงานคล่องแคล่วรวดเร็วเป็นพายุ รู้จักผ่อนหนักให้เป็นเบา สนองตอบอีกฝ่ายได้ทันท่วงทีหรืออ่านใจออกและเดินนำหน้าไปหลายก้าวทว่าอยู่บนพื้นฐานความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม โอนอ่อนผ่อนตามอีกฝ่ายแทบทุกเวเลา มีหักเหเมื่อเหตุผลอื่นเหมาะสมกว่าเจ้าของประกาศิต จนต้องยอมจำนนอย่างไม่เสียหน้ามากมายนัก
“มีอะไรเย็นๆ ไว้ให้หรือเปล่าคืนนี้” เจ้านายที่นั่งสั่งงานจ้อมาสุดทาง เอ่ยถามเลขาทันทีเมื่อลงจากรถได้
“มีรังนกแปะก๊วยค่ะ ป้าผ่อนเตรียมไว้แล้ว แต่อย่าใส่น้ำเชื่อมเพิ่มนะคะ พรุ่งนี้ต้องเริ่มเมนูไดเอทแล้วค่ะ งั้นตะวันขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
มือบางรีบยกขึ้นไหว้คนทั้งสองอย่างนอบน้อม และไหว้อีกหนุ่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากจะนับแล้วเขาอายุห่างเธอถึงหกปี และยังเป็นลูกเจ้านายอีก แม้ในใจนั้นจะจดนำวีระกรรมแสบๆ ของเขาไว้มากมายก็ตาม แต่คงไม่ใช่เรื่องดีนักในสายตาผู้ใหญ่หากจะไม่รู้จักให้ความนับถือ จิณณวัตรเองก็รีบยกมือรับไหว้ด้วยท่าทีเลิกลั่ก เพราะตั้งแต่กลับมายังไม่เห็นแม่ถั่วงอกทำแบบนี้สักที
อยากจะเอ่ยแซวเต็มกำลังแต่ก็ไม่กล้าเพราะแม่พ่ออยู่ใกล้ๆ จึงได้แต่มองรถญี่ปุ่นแล่นออกจากบ้านเท่านั้น ส่วนเจ้าของรถรีบสลัดร้องเท้าส้นสูงออกใส่กล่องหลังรถรวมกับหลายๆ คู่ เพราะต้องเตรียมพร้อมเสมอๆ เมื่อได้เจ้านายสังคมจัด จะไปจะมาทีตามแต่ใจไม่ใคร่จะมีแบบแผนนัก บีเอ็มดับบิวป้ายแดงของเพื่อนรักจอดอยู่ แปลว่าคืนนี้พ่อสามีเมียเผลอคงจะดอดมาตักตวงความสุขเป็นแน่
“ยังไม่หรอก แต่โทรมาบอกว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะถึง”
เอมิกาตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนอิ่มสุข ทว่าอีกคนกลับเศร้าใจแทนเพื่อนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง หากตอนนี้ป่วยการจะทำลายความสุขเปล่าๆ จึงเอ่ยราตรีสวัสดิ์แล้วเข้าห้องด้วยความอ่อนล้า แต่ความคิดก็ยังคงวนเวียนอยู่กับอีกห้องที่ป่านนี้คงกำลังหยิบยื่นความสุขกันและกันอย่างดูดดื่มแล้วเป็นแน่ นับตั้งแต่เจอรักคุดจากหนุ่มรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเมื่อสี่ปีที่แล้ว กับการเจอสภาพปลาย่างที่ถูกแมวย่องมากินในยามดึกของเพื่อนมานั้น
อาทิตยาก็บอกกับตัวเองอย่างแน่วแน่ว่าจะไม่มีวันนำพาตัวเองให้ตกอยู่ในสภาพนั้นอย่างเด็ดขาด ผู้ชายที่จะมาเป็นสามีของเธอจะต้องเป็นคนไม่มีเจ้าของ ฐานะก็ควรจะดีกว่าหน่อย ไม่ต้องแตกต่างกันลิบลับ เหมือนซิลเดอร์เรลร่าในนิยายหลอกเด็ก ความสาวบริสุทธิ์ที่อุตส่าห์รักษาเอาไว้ได้จวบจนทุกวันนี้ จะต้องถูกมอบให้กับคนที่ใช่และหัวใจรักเท่านั้น แน่นอนว่าต้องเป็นวันที่เธอและเขาเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์อย่างมีความสุข
ท่ามกลางใบหน้าอันเอมของคนรอบข้างทั้งเขาและเธอ จะไม่มีการชิงสุกก่อนห่ามเด็ดขาด ด้วยรู้ดีว่าขึ้นชื่อผู้ชาย ต่อให้รักมากมายสักแค่ไหน ถ้าลองได้ชิมแล้ว ก็มีสิทธิ์ชิ่งหนีได้ทั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะได้เปิดบริสุทธิ์ก็ตามที ตายยังไงๆ ก็ต้องแพ้ของเป็นๆ ดิ้นได้วันยังค่ำ ดังนั้นคนอย่างอาทิตยาจะต้องไม่เป็นของตายให้ใครง่ายๆ อย่างแน่นอน
ร่างบางในชุดนอนเบาหวิวสั้นเหนือเข่าเล็กน้อยรีบมุดเข้าผ้าห่มด้วยความอ่อนแรงจากการลุยงานมาทั้งวัน กำลังจะหลับอยู่แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงออดหน้าห้องดังขึ้น เพื่อนรักนั่นเองที่ยืนรอ พร้อมใบหนี้เศร้าสร้อย ดวงตาเหงาหงอย ไม่นานน้ำตากับเสียงโฮก็ถูกเปล่งออกมา เมื่อเอมิกาโผลเข้าไปกอดเพื่อนไว้ กว่าอาทิตยาจะปลอบขวัญและกล่อมให้หลับได้ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง
นาฬิกาเครื่องเดิมร้องเรียกให้ตื่นเวลาเดิมๆ มือบางรีบเอื้อมไปปิดเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่ข้างๆ ได้ กิจวัตรยามเช้าของเจ้าของห้องจึงเป็นไปอย่างเงียบกริบ กระโปรงสีกากีเสื้อกล้ามสีขาวตัวในกับสูททรงโอเวอร์โค๊ตพอดีตัวสีโอลด์โรสถูกสวมทับไว้แล้วผูกสายตรงเอวเป็นโบว์สวยงาม ดูเรียบร้อยกว่าทุกวัน เพราะต้องเอาเช็คไปให้คุณหญิงเพลินพิศ ร่างผอมบางค่อยๆ ย่องออกจากห้องอย่างรวดเร็ว

ผ่อนตระเตรียมมื้อเช้าตามเมนูไว้แล้วเมื่อเดินเข้าไปในครัว กลับออกมาพร้อมกาแฟแก้วโปรด แล้วก็ถูกยกขึ้นไหว้คุณผู้ชายกับคุณจิณไปพร้อมกับมือบางเมื่อออกมาเห็นทั้งสองเดินลงบันไดมาพอดี เจ็ดโมงนิดๆ แค่นั้นเอง นับว่าตื่นเช้ามากสำหรับคนมีอันจะกินอย่างจิรเดช ที่ยังทำตัวเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอดนับตั้งแต่อาทิตยาเข้ามาอยู่บ้านหลังนี้ก็ว่าได้
“มากินอะไรด้วยกันดีกว่าตะวัน อีกหน่อยเจ้านายเราลงมาแล้วจะไม่มีเวลาได้กินแม้แต่น้ำนะ แหม่มจัดให้คุณตะวันด้วย”
คนถูกชวนประคองแก้วเดินตามร่างสูงใหญ่ทั้งสองไปอย่างไม่เกี่ยงงอน ด้วยรู้ดีว่าจิรเดชนั้นชวนด้วยใจจริง ไม่เหมือนคนเป็นเมียที่มักจะมีเรื่องงานมาแอบแฝงในทุกครั้ง จิรฐาในชุดนักเรียนมัธยมปลายวิ่งลงมาด้วยสีหน้าเริงรื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลสมกับวัยแรกแย้ม
“ตาเจยังไม่ลงมาเหรอแอ๊น” คนเป็นพ่อเอ่ยถามไปอย่างนั้นไม่ได้ต้องการคำตอบจริงจังนัก
“ไม่รู้ค่ะคุณพ่อ สงสัยเมื่อคืนทำรายงานกับเพื่อนดึกมั้งคะ ว่าแต่ทำไมวันนี้คุณพ่อแต่งตัวหล่อจังเลยคะ จะไปอ่อยสาวที่ไหนเอ่ย” ส่วนลูกก็ตอบออกไปอย่างนั้นไม่แพ้กัน แถมยังเข้าไปกอดแขนพ่ออย่างประจบประแจงกว่าทุกวัน
“จะเอาเท่าไหร่ล่ะเรา ตัวแค่นี้ใช้เงินเปลืองจัง”
แน่นอนว่าคนพ่อรู้ทัน และแม้จะบ่นลูกยังไงสุดท้ายแบงค์สีเทาในกระเป๋าก็ถูกควักออกมาให้เป็นหมื่นอยู่ดี จิณณวัตรยิ้มด้วยความขำกับท่าทีดีอกดีใจของน้องเมื่อได้เงินใส่กระเป๋า ส่วนอาทิตยาแอบผ่อนลมหายใจด้วยอาการเหนื่อยหน่ายกับคนร่ำรวยเลี้ยงลูกด้วยเงินมากกว่าความสนใจใคร่อยากรู้ความเป็นไปในแต่ละวันของลูก
แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรออกมานอกจากลงมือกินเงียบๆ และจะตอบเมื่อจิรเดชเอ่ยถามเท่านั้น ซึ่งก็มีไม่กี่คำเลย ด้วยเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงสำหรับนักธุรกิจอย่างเขาที่มีให้มื้อเช้านี้น้อยนิดเต็มที จิณณวัตรเองก็ไม่ใคร่จะได้หันไปมองเลขาแม่นัก เมื่อมีเรื่องงานแล่นเข้ามาในหัวตั้งแต่ตัวยังไม่ได้เข้าออฟฟิศด้วยซ้ำ
“ตะวันเบิกเงินสองหมื่นหน่อย คุณแม่ยังไม่ตื่นฉันไม่อยากจะไปกวน เร็วๆ ฉันรีบเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน”
จิรายุ วัชราเวโรจน์ เดินมาหาในห้องเกือบสิบโมงเช้า กับการแต่งกายเนี๊ยบหล่อไม่แพ้ผู้พี่ด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ผูกเนคไทตราพระเกี้ยว เข็มขัดหนัง กางเกง รองเท้าและถุงเท้าทั้งหมดสีดำล้วนดูแล้วเรียบร้อยไม่หยอก แต่สิ่งระคายหัวใจเลขาสาวนั่นก็คือการเรียก ‘ตะวัน’ เฉยๆ ไม่มีคำนำหน้าว่า ‘คุณ’ หรือ ‘พี่’ แต่อย่างใด ก็อีกนั่นล่ะลูกจ้างอย่างเธอเลือกได้ด้วยหรือ
“กลับมาแล้วคุณเจช่วยเอาใบเบิกไปให้คุณผู้หญิงเซ็นมาให้ตะวันด้วยนะคะ”
เมื่อหารายงานการเบิกเงินของจิรายุจากเลขาคนก่อนไม่ได้ อาทิตยาจึงยอมทำตามคำขออย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆ แล้วให้สองแม่ลูกไปจัดการเคลียร์กันเอง ป่วยการจะไล่บี้ว่าเบิกเกินงบไปเท่าไหร่แล้ว ไม่มีคำขอบคุณใดๆ หลุดออกมาจากปากนักศึกษาหนุ่ม นอกจากรีบวิ่งออกไปควบสปอร์ตหรูกับเสียงเบรคดังเอี๊ยดตรงประตูหน้าบ้านเท่านั้น
อดคิดถึงน้องชายวัยเดียวกันกับจิรายุไม่ได้ หนึ่งร้อยบาทขาดตัวต่อวัน น้องๆ จะได้เป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้วแต่จะจัดสรรเอาเอง ถ้าอยากได้พิเศษหรือจำเป็นต้องใช้เงินไปทำรายงานหรือกิจกรรมอื่นๆ ต้องทำงานในสวนกุหลาบช่วยพ่อแม่ได้ค่าจ้างวันละสามร้อยบาทเท่ากับคนงานอื่นๆ ผิดจากลูกคนรวยใช้เงินเป็นกระดาษเปล่า ดวงหน้าสวยสลัดความคิดทางลบออกจากหัว แล้วตั้งใจทำงานที่ค้างไว้หลายวันให้หมดสิ้น กว่าจะได้ถือเช็คออกไปให้คุณหญิงเพลินพิศก็ห้าโมงกว่าไปแล้ว โชคดีที่ใช้เส้นทางลัดจึงไปถึงในเวลาสี่สิบนาทีเท่านั้น
“แน่ใจนะว่าจะไม่ยกเลิกคิวสาวๆ แล้วมานั่งกินข้าวกับคนแก่อย่างป้าน่ะ”
คุณหญิงเพลินพิศลุกจากเก้าอี้ตรงสนามหญ้า เมื่อหลานชายยืนยันคำเดิม แว่นสายตาถูกถอดออกมองไปยังประตูรั้วสวยงาม ที่อัลติสสีขาวแล่นผ่านเข้ามา นนนทีจึงหันไปมองตามด้วยความสงสัย และเมื่อเห็นว่าใครลงจากรถมานั้นเขาหันกลับมายิ้มหวานให้ป้าก่อนเอ่ย
“อืมห์!!! คิดอีกทีกินอาหารไทยแปลกๆ สักมื้อก็น่าจะดีนะครับ”
“แน่ใจเหรอตาที แล้วอย่ามาบนเสียดายที่ไม่ได้ไปนั่งอี๋อ๋อกับสาวทีหลังไม่ได้นะ ป้าไม่รู้ด้วย”
“ถ้าไม่อยู่น่ะสิครับคุณหญิงป้า จะน่าเสียใจยิ่งกว่า ว่าแต่คุณตะวันมาทำไมครับ”
เจ้าของดวงหน้าสวยผู้ไม่มีทางล่วงรู้บทสนทนาของสองป้าหลานรีบยกมือไหว้ทันทีที่ลงจากรถได้ และคุณหญิงก็ไม่มีเวลาทันได้ตอบหลานเลย อาทิตยารีบเปิดกระเป๋าควานหาซองสีขาวออกมาสองซองแล้วยื่นให้ หลังจากถูกชวนให้นั่งลงกับโต๊ะไม้สักเนื้อดีในสนามที่สองป้าหลานเพิ่งจะลุกจากไปแล้ว
“คุณผู้หญิงให้เอาเช็คเงินบริจาคงานแฟชั่นโชว์มาให้คุณหญิงค่ะ” คนรับไม่ใคร่จะยินดีมากมายนักกับจำนวนเงิน นอกจากส่งยิ้มบางๆ ให้คนถือมาเพียงเท่านั้น ก่อนจะลงมือต้อนให้จนมุมโดยไม่ให้รู้ตัว
“ขอบใจนะจ้ะ ว่าแต่เลิกงานแล้วล่ะสิตะวัน หรือเจ้านายใช้ไปทำธุระที่ไหนต่ออีก”
“ไม่แล้วค่ะ พอเอาเช็คมาให้คุณหญิงเสร็จ ตะวันก็จะตรงกลับคอนโดเลยค่ะ” คนถูกถามยิ้มรับสั้นๆ ด้วยท่าทีนอบน้อม
“พักข้างนอกด้วยเหรอ ดีแล้วล่ะจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง อยู่บ้านนั้นก็รังแต่จะถูกเรียกใช้ยี่สิบสี่ชั่วโมงเหมือนเมื่อก่อนเปล่าๆ แล้วตั้งแต่กลับมาคราวนี้ได้กลับบ้านแต่หัววันกับชาวบ้านเขาบ้างหรือยังล่ะ เห็นเจ้านายหอบไปงานด้วยตลอดเลยนี่”
แม้อาทิตยาจะไม่เคยเอ่ยปากบอกเรื่องราวในบ้านของเจ้านายเลยสักนิด แต่คนผ่านร้อนผ่านหนาวมานานก็อ่านออกได้อย่างทะลุปุโปร่ง บวกกับความดีครั้งยิ่งใหญ่ที่ชมจันทร์ทำไว้กับพ่อแม่อาทิตยาในอดีตถูกนำมาเล่าครั้งแล้วครั้งเล่า คนแล้วคนเล่า ทำให้อ่านจนขาดว่าเพราะอะไรว่าที่ด๊อกเตอร์ถึงไม่ยอมไปทำงานที่อื่นสักที แม้จะลาออกไปแล้วก็ยังอุตส่าห์กลับมาเพื่อรับหน้าที่ทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แทบจะหาเวลาส่วนตัวไม่ได้
“มีค่ะ ก็วันนี้ไงคะ” ดวงหน้าสวยใสยิ้มพร้อมกับตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มหู ส่วนคนก็ยิ้มด้วยความปรีดา
“ตายจริง ว่าจะไหว้วานตะวันให้ช่วยทำอะไรสักหน่อย ไม่เอาดีกว่าจะได้ไม่รบกวน ฉันเองก็อยากให้ตะวันกลับบ้านไปพักผ่อนเร็วๆ เหมือนกัน” ดวงหน้ายิ้มอยู่เมื่อครู่ของอาทิตยาหุบลงทันที ก่อนจะรีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงสีหน้าและท่าทีเป็นการเป็นงานโดยไม่รู้เท่าทัน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณหญิง ถ้ามีอะไรให้ตะวันรับใช้ก็ยินดีค่ะ จะกลับบ้านช้าอีกสักวันก็ไม่เป็นปัญหาค่ะ”
“แน่ใจนะ รับปากฉันแล้วอย่ามาบ่นเสียในทีหลังไม่ได้นะ” เจ้าของบ้านยิ้มอย่างมีเลศนัย
“แน่ใจค่ะจะให้ตะวันทำอะไรก็บอกได้เลยค่ะ”
“งั้นวันนี้ก็กลับค่ำอีกสักวัน ด้วยการนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะจ้ะ คุณสิงห์ไปงานเลี้ยงรุ่น ส่วนตาดลกับเมียไปงานวันเกิดเพื่อน ฉันไม่อยากนั่งเหงาคนเดียว แล้วเราล่ะตาที จะไปไหนต่อหรือเปล่า จะกินข้าวกับป้ามั้ย วันนี้ในครัวทำปูหลนผักสด ต้มขาปลาสลิด กับปลากะพงคั่วสมุนไพรหรืออะไรนี่ล่ะ”
“ถ้าคุณหญิงป้าไม่มีเพื่อนผมก็อยู่ด้วยได้ไม่มีปัญหาเหมือนกันครับ” สองป้าหลานยิ้มน้อยๆ ให้กันอย่างมีเลศนัย
“ดีเลย งั้นเราไปกันเถอะตะวันพอพูดถึงอาหารฉันก็เริ่มหิวขึ้นมาแล้วสิ” อาทิตยาไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากปฏิเสธใดๆ นอกจากเดินตามเข้าไปในบ้านเท่านั้น อีกทั้งก็รู้ดีว่าคนชวนเต็มใจชวน
“ฉันนอนในห้องแอร์มาทั้งวัน เราไปนั่งกินข้าวตรงบ่อปลาดีกว่านะ อยากสูดอากาศบริสุทธิ์ๆ หน่อย”
เมื่อเข้ามาแล้วพบว่าเด็กรับใช้เพิ่งจะเริ่มตั้งโต๊ะ เจ้าของบ้านจึงเปลี่ยนคำสั่งใหม่ อาทิตยาส่งยิ้มน้อยๆ แล้วเดินตามสองป้าหลานออกไปทางหลังคฤหาสน์งาม จะมีสวนหย่อมกับบ่อปลาคราฟขนาดใหญ่น้ำใสแจ๋วจนมองเห็นสีสันจับตาต้องใจแหวกว่ายไปมาอย่างร่าเริง ยิ่งนนนทีโปรยอาหารลงไปแทบจะทั้งฝูงต่างกรูขึ้นมางับอย่างหิวกระหาย
“ตกลงตะวันจบด๊อกเตอร์แล้วใช่มั้ย”
เจ้าของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลขณะนั่งกินมื้อเย็นอย่างอารมณ์ดี แถมมีหลานชายรูปหล่อคอยตักอาหารให้อย่างเอาอกเอาใจเป็นพิเศษด้วยแล้ว จึงยิ้มแก้มแทบปริเลยทีเดียว อาทิตยาเองก็ส่งยิ้มน้อยๆ ให้เมื่อนนนทีเอื้อเฟื้อตักมาใส่จานให้ด้วย
“เหลือรับปริญญาเท่านั้นค่ะคุณหญิง”
“แล้วจะหางานใหม่หรือจะทำกับคุณเอ้ไปเรื่อยๆ ล่ะจ้ะ”
คนถูกถามครุ่นคิดเล็กน้อยเพราะไม่รู้จะตอบออกมายังไง ถ้าบอกว่าไม่อยากหางานใหม่ก็ดูจะโกหกไม่น้อย หรือถ้าจะบอกว่าอยากทำต่อก็ขัดใจตัวเองอยู่มาก
“ยังไม่ทราบเลยค่ะ ตะวันเพิ่งกลับมาเลยยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เอาไว้สักสามสี่ปีค่อยคิด ตอนนี้ก็ช่วยงานคุณผู้หญิงไปก่อนค่ะ”
“ดีแล้วล่ะที่คิดได้แบบนี้ และฉันขอแสดงความดีใจด้วยนะที่ตะวันเรียนจบดังใจหวัง มีไม่กี่คนหรอกจะเดินมาถึงจุดนี้ โดยไม่ต้องพึ่งเงินพ่อแม่แม้แต่บาทเดียว ยิ่งคนข้างๆ ฉันนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ได้ข่าวว่าใช้เงินเปลืองขึ้นทุกวันๆ คิดจะอายตะวันบ้างไหมล่ะตาที อายุเท่ากันแท้ๆ ทำไมให้เขาแซงหน้าได้ก็ไม่รู้”
“อ้าว! ผมอยู่ดีๆ ไหงคุณหญิงป้ามาแขวะได้ล่ะครับ ก็ผมไม่ใช่คนเรียนเก่งเหมือนคุณตะวันนี่นา” อาทิตยาอดยิ้มด้วยความขำไม่ได้ แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วรีบออกตัวโดยเร็ว
“ตะวันไม่เก่งหรอกค่ะ แค่สภาพแวดล้อมบังคับต่างหาก คนจบเอกบ้านเรามีให้เกลื่อนค่ะ”
“แต่ฉันว่าเก่งนะ ถ้าตะวันไม่ใช่เด็กรักดี รักเรียน คงจะไม่มุ่งมั่นเรียนรัฐศาสตร์รามในเวลาสามปีครึ่งหรอก แถมทำงานควบไปด้วยอีกต่างหาก กว่าจะฝ่าฟันเรียนโทและเอกจนจบได้ขนาดนี้ ถ้าไม่ตั้งตรงต่อจุดหมายจริงๆ ไม่มีทางสำเร็จ ถ้าเป็นลูกคนมีเงินพ่อแม่ส่งให้เรียนได้ตามต้องการจนจบ ฉันถือเป็นเรื่องธรรมดา เรียนไม่จบสิแปลก มีทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแล้วไม่ไขว่คว้าเอาไว้ ฉันดีใจที่เห็นตะวันประสบความสำเร็จนะ และหวังอย่างยิ่งว่าก้าวต่อไปของตะวันคงจะสดใส มีความสุขกับการใช้ชีวิตสมบูรณ์แบบเหมือนคนอื่นบ้าง”
เมื่อผู้ใหญ่ชื่นชมยินดีอย่างจริงจังจริงใจ คนมีสัมมาคารวะอย่างอาทิตยาก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ นอกจากยกมือไหว้ขอบคุณและรับเอาคำอวยพรมาเก็บไว้ เพราะน้อยครั้งนักจะมีเวลาได้นั่งกินข้าวเกือบจะตามลำพังกับคุณหญิงที่ตัวเองเคารพนับถือ ค่ำนี้จึงรู้สึกสบายใจกว่าที่ผ่านมา แม้ไม่ใคร่จะชอบใจสายตาเจ้าชู้กรุ้มกริ่มของหลานเจ้าบ้านอยู่บ้างก็ตามที แต่โดยรวมแล้วก็เป็นมื้อค่ำอันวิเศษล้ำแล้ว



กันเกราธัญญรัตน์วรนัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2557, 20:48:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2557, 20:48:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1065





<< ความดีที่คนอื่นมักจะมองเห็น   คุณชายเนี๊ยบจอมหลี >>
mhengjhy 6 ม.ค. 2557, 06:00:09 น.
หมั่นไส้ อีกเด็ก 2 คนนั้นอ่ะค่ะ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account