ณ แรกรัก (เรื่องสั้น)
คุณยังจำรักครั้งแรกได้หรือเปล่า

ยังจำได้หรือเปล่าในวันที่ดอกรักผลิบานในหัวใจ

ยังจำความรู้สึกนั้นได้ไหม

สำหรับฉันนั้น...ยังจำได้เสมอ...ตลอดมา

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ณ แรกรัก (ตอนเดียวจบ)

ณ แรกรัก

คุณยังจำรักครั้งแรกได้หรือเปล่า...
สำหรับฉันรักครั้งแรกยังคงอยู่ในความทรงจำไม่เคยลืมเลย...
มันเกิดขึ้นในวันหนึ่งของฤดูฝน... หลังจากความหดหู่และเย็นเยียบในช่วงที่พายุกระหน่ำลงมาผ่านไป ธรรมชาติก็กล่าวคำขอโทษด้วยการเผยให้เราพบกับความงามของฟ้าหลังฝน ท้องฟ้าที่ก่อนนั้นดำทะมึนไปด้วยเมฆก้อนใหญ่มากมายก็กลับกลายเป็นสีฟ้าครามแสนสดใส บรรยากาศรอบตัวต่างเต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มชุ่มน้ำของมวลไม้ กลิ่นหอมของดินอบอวลไปทั่ว แม้จะแฉะไปหน่อยแต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าคำขอโทษของธรรมชาติในครั้งนี้ได้ผลดีเยี่ยม
ฉันพาตัวเองออกจากอาคารเรียนมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารพร้อมกับเพื่อนๆ ในระหว่างทางเดินก็เป็นธรรมดาที่พวกเราจะทั้งพูดคุย ทั้งหยอกล้อกันไป ขณะที่เพื่อนคนหนึ่งปล่อยมุกฮาให้คนทั้งกลุ่มได้เฮ สายตาของฉันก็เผอิญสบเข้ากับสายตาของคนๆ หนึ่งที่เปื้อนยิ้มไม่แพ้กัน ชั่ววินาทีสั้นๆ นั้น ทุกสิ่งรอบตัวเหมือนหมดสิ้นไปจากความสนใจ มีเพียงดวงตาอันเจิดจรัสดั่งฟ้าหลังฝนเช่นในตอนนี้ของเขาเท่านั้นที่ตรึงฉันไว้ มันดูเหมือนจะเป็นรักแรกพบใช่ไหม แต่ฉันเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ เพราะฉันและเขาต่างก็เคยเห็นหน้ากันมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนเข้าแถว เปลี่ยนคาบเรียน หรือช่วงเวลาพักเที่ยงเช่นนี้ ทุกครั้งที่เจอก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ผ่านมาก็แค่ผ่านไป เรียกได้ว่าแค่คุ้นหน้าคุ้นตากันตามประสาเพื่อนร่วมรุ่น แต่ในวันนี้ดูเหมือนจะมีอะไรแปลกไป มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาสะกิดให้ฉันเกิดความสนใจและประทับใจในรอยยิ้มและแววตาของเขา จนตัวเองเผลอไผลแอบหวั่นไหวไปกับมัน คิดอีกทีหรือนี่อาจจะเป็นอีกหนึ่งคำขอโทษของธรรมชาติที่มอบให้แก่ฉันก็เป็นได้
ความรู้สึกในตอนนั้นฉันยังจำได้ดีมันเต็มไปด้วยความหลากหลายของอารมณ์ สับสน ว้าวุ่น หากแต่สุขล้ำ ในทุกๆ วันที่ต้องมาโรงเรียนฉันพบว่าตัวเองชอบมองหาแต่เขา รอคอยเขาอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อไรจะได้พบ เมื่อไรจะได้เจอหน้า เมื่อไรจะได้เห็นรอยยิ้มของเขา ความสุขที่ได้รับผลของการรอคอยเหล่านั้นช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี
ผ่านไปเกือบปี ในขณะที่ฉันเฝ้ามองเขาอยู่เงียบๆ ความรู้สึกหวานละมุนภายในใจก็เริ่มเติบโตขึ้น จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสาม จนในที่สุดก็เต็มกล่อง ตอนแรกที่แน่ใจว่ารักเขาเข้าแล้ว ฉันเองก็ยังอดตกใจไม่ได้ ความรู้สึก ‘รัก’ ใครสักคนหนึ่ง มันเกิดได้ง่ายและเร็วเช่นนี้หรือ เพียงแค่แอบมอง เพียงแค่แอบชื่นชม มันก็สามารถแปรผันเป็นความรักได้แล้วหรือ คำถามมากมายเกิดขึ้นภายในใจ แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่สามารถหาเหตุผลอะไรมาอธิบายได้ นี่คงเป็นเรื่องจริงที่ใครบางคนเคยบอกไว้ ‘ความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก หากอยากรู้อยากเข้าใจ มีเพียงใจเท่านั้นที่รู้คำตอบ’ สุดท้ายฉันจึงทำได้เพียงแค่ยอมรับและปล่อยมันไป...เมื่อ ‘รัก’ แล้วก็คือ ‘รัก’ มันก็เท่านี้เอง
จากนั้นมาฉันก็เริ่มพยายามเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ พยายามอย่างยิ่งที่จะรู้ทุกๆ เรื่องของเขา พยายามทำตัวเองให้เป็นคนที่รู้จักเขาดีที่สุดคนหนึ่ง การกระทำเหล่านี้เป็นเสมือนหลุมดำที่ดึงฉันให้ตกเข้าไปในหลุมรักหลุมที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่สามารถปีนป่ายขึ้นมาได้ และเมื่อความรักเกิดขึ้น ความหวังที่จะให้เขารู้สึกพิเศษกับเรามันเกิดขึ้นตามไปด้วย แน่นอนว่าความรักและความหวังจะยังคงเป็นสิ่งสวยงาม ที่ทำให้เรามีความสุขเสมอ ถ้าเรารักและหวังอย่างพอเหมาะพอดี ไม่โลภมากจนเกินไป เพราะหากเป็นเช่นนั้นหัวใจจะร้อนรุ่ม เต็มไปด้วยความกระวนกระวาย อยากได้...อยากครอบครอง
ช่างน่าละอายเหลือเกิน ที่ฉันจะบอกว่าตัวเองได้กลายเป็นเช่นนั้นไปแล้ว หัวใจที่เต็มไปด้วยความสุขจากการแค่แอบมอง แอบชื่นชมเขาอยู่เงียบๆ กลับเต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกข์เพราะฉันต้องการมากกว่านั้น ฉันอยากให้เขาสนใจ ใส่ใจ และรักฉันเหมือนอย่างที่ฉันรักเขา และสิ่งที่น่าตลกกว่านั้นคือเวลาที่เขาอยู่กับคนอื่น ความรู้สึกอิจฉา อาการเจ็บแปลบที่หัวใจจะกำเริบขึ้นมาทันที และไม่ว่าจะพยายามห้ามตัวเองสักเท่าไร ฉันก็อดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้เวลาที่เห็นคนที่เขาส่งยิ้มให้ไม่ใช่ตัวเอง… นี่สินะความรัก มันเป็นทั้งยาบำรุงชั้นดีและยาพิษแสนอันตรายในคราวเดียวกัน
เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงตรงนี้ หัวใจของฉันเริ่มจะรับแรงบีบคั้นของความทุกข์จากการแอบรักไม่ไหว ฉันจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องสิ้นสุดการแอบรักของตัวเอง บอกเขาไปซะเกี่ยวกับความรู้สึกทั้งหมดที่มี และผลสุดท้ายจะออกมาเป็นอย่างไรก็สุดแท้แต่มัน จะสุขสมหรือผิดหวังก็ขอให้รู้ซะที
ดังนั้นเมื่อสบโอกาสฉันจึงพาตัวเองก้าวไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา รวบรวมความกล้า เอ่ยเอื้อนความรู้สึกที่มีออกไปจนหมด ตอนนั้นหัวใจของฉันเต้นแรงมาก มันตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าตอนออกไปนำเสนองานหน้าชั้นเรียนอีก สายตาของเพื่อนๆ นับสิบๆ คนที่จับจ้องยังไม่สู้สายตาของเขาเพียงคนเดียว เมื่อพูดจบฉันก็ได้แต่ก้มหน้าไม่กล้ามองหน้าเขา ผ่านไปกี่วินาทีไม่รู้ว่ากว่าที่เขาจะพูดออกมา ฉันคิดว่าเขาเองก็คงตกใจแน่ๆ ที่อยู่ๆ ก็โดนสารภาพรัก แต่ให้ตายเถอะ! ทั้งๆ ที่อุตส่าห์รวบรวมความกล้าถึงขนาดสารภาพรักก่อนแล้วแท้ๆ แต่พอเขาเอ่ยคำแรกออกมาเท่านั้นแหละ ความกล้าเหล่านั้นก็กระเจิดกระเจิงไปหมด หูทั้งสองข้างไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง และกว่าจะรู้ตัวอีกทีฉันก็พบว่าตัวเองวิ่งออกมาจากตรงนั้นเสียแล้ว
จะว่าไปก็ถือว่าตัวเองโชคดีอยู่เหมือนกันที่ฉันเลือกเอาวันสุดท้ายของเทอมแรกเป็นวันสารภาพรัก ไม่เช่นนั้นฉันก็คงไม่กล้าที่จะแบกหน้าตัวเองไปให้เขาเห็น ไม่รู้ป่านนี้เขาจะรู้สึกอย่างไร คงไม่ถึงขั้นเกลียดขี้หน้าฉันหรอกนะ... แต่หลังจากช่วงปิดเทอมแรกผ่านไป ฉันก็พบว่าการสารภาพรักในครั้งนั้นไม่ได้มีผลอะไรเลย เขายังคงแสดงออกกับฉันเช่นเพื่อนคนหนึ่ง ไม่มีการพูดถึงเรื่องในวันนั้น เจอหน้าก็แค่ยิ้มให้ พอเจอปฏิกิริยานี้จากเขาก็ทำเอาฉันแทบไปไม่เป็น ยอมรับว่า แรกๆ ฉันโล่งอกที่เขาไม่ถือสา ไม่แสดงอาการห่างเหินอย่างที่ฉันกลัว แต่สุดท้ายมันก็อดที่จะผิดหวังไม่ได้ แม้ว่าจะทำใจไว้แล้วว่าอาจต้องเจอแบบนี้ แต่นั่นก็เป็นเพียงภาคทฤษฎี ฉันไม่อาจรู้แน่ชัดได้เลยว่าเมื่อลงสู่ภาคปฏิบัติแล้วผลมันจะออกมาดังที่คิดไว้หรือเปล่า ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่ ความเจ็บปวดที่ได้รับมันมีมากกว่า มากซะจนแผนที่เตรียมมารองรับใช่ไม่ได้เลยสักแผนเดียว และในวันแรกของเทอมสองก็จบลงด้วยการที่ฉันขอลากลับบ้าน เพราะดันใจลอย เดินไม่ระวังจนเผลอตกลงไปในสระน้ำหน้าอาคารเรียน เฮ้อ... ฉันนี่เป็นนักเรียนที่ไม่ดีเอาซะเลย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนคงคิดว่ารักแรกของฉันคงจบลงเพียงแค่นี้ ฉันเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่พอหลังจากนั้นสามวัน ในขณะที่ฉันกำลังเดินกลับบ้าน ใครคนหนึ่งที่ฉันแอบหวังมาตลอดว่าอยากให้เดินกลับด้วยกันก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับบอกว่า... ‘เราขอเดินด้วยคนนะ’
เหมือนฝันเลยใช่ไหม... ความรู้ตอนนั้นแน่นอนว่าฉันมีความสุขมาก แต่นอกจากนั้นแล้ว มันคือความโล่งอก และความปลอดโปร่ง หัวใจที่ถูกกดทับไปด้วยความผิดหวังคลายลง ความสุขสมเข้ามาเติมจนเต็มหัวใจ และวันนั้นก็เป็นวันที่ฉันยิ้มได้อย่างสุดหัวใจจริงๆ
...ทั้งหมดนั้นก็คือจุดเริ่มต้นของรักแรกของฉัน เรื่องราวต่อจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ซึ่งแน่นอนว่าเราสองคนได้เป็นแฟนกัน หากก็ไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้จืดชืดซะทีเดียว เราไม่ได้ตัวติดกันตลอดเวลา หากก็ไม่ได้ห่างเหินจนเหมือนอยู่คนละโลก เรียกได้ว่าเราทั้งสองคนคบกันอย่าง ‘เพื่อนสนิทที่รู้ใจ’ มากกว่า ‘คนรัก’ เลยก็ว่าได้ ฉันว่ามันเป็นความโชคดีที่เราไม่ต้องคอยให้ความสนใจแต่กับคนที่เราเรียกว่าแฟนเพียงคนเดียว เรายังสามารถที่จะให้ความสนใจกับเพื่อน กับสิ่งต่างๆ รอบตัวโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะเคืองหรือน้อยใจเราหรือเปล่า เพราะหากมีแฟนแล้ว เราต้องทิ้งเพื่อน ทิ้งสิ่งที่เราให้ความสนใจ มันคงจะเป็นอะไรแย่มากๆ
และแม้ตอนนี้ฉันจะผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งรักแรกมาแล้ว แต่วันเวลาในวันวานยังคงเด่นชัดอยู่ในความทรงจำเสมอ ในช่วงเวลาแรกที่ต้องจากกันมันอาจจะแย่สักหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงทีไร ความสุขมันจะปรากฏขึ้นในหัวใจเสมอ ซึ่งฉันก็หวังว่าเขาคงมีความรู้สึกไม่ต่างจากฉันสักเท่าไร
...แล้วทุกๆ คนล่ะ เมื่อคิดถึงรักแรกแล้วรู้สึกอย่างไร สุข ทุกข์ เสียใจ หรืออิ่มเอม แต่ไม่ว่าจะรู้สึกอย่างไร ฉันเชื่อว่า ‘รักแรก’ จะเป็นสิ่งที่อยู่ในความทรงจำของเราทุกคน...ตลอดไป

ป.ล. เรื่องราวทั้งหมดมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องที่อยากให้เป็นจริง ซึ่งน่าเสียดายที่มันคงเลยเวลาที่จะเป็นจริงเสียแล้ว ฮ่าๆๆๆ // เรื่องราวทั้งหมดได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ความรู้สึกดี...ที่เรียกว่ารัก 37 ตอน Never Stop Falling in Love โดย เมเปิ้ลสีขาว’ ...ขอบคุณมากๆ ค่ะที่ทำให้คิดถึงตอนตกหลุมรักครั้งแรก และ ‘คนๆ หนึ่ง’ ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป



สิรนันท์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2557, 16:27:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2557, 16:27:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1367





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account