ฤดูกาลรักที่กลางใจ
เธอเคยคิดว่าตัวเองโชคดีในฐานะเด็กกำพร้าที่ได้มาเป็นน้องสาวบุญธรรมท่ามกลางพี่ชายทั้งสามคน หากเมื่อโชคชะตาเล่นตลกด้วยการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของสามพี่น้องให้พากันรู้สึกกับเธอมากกว่าน้องสาว แล้วเธอจะทำเช่นไรในเมื่อหัวใจดวงนี้สามารถ รัก ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 7

บทที่ 7


คลินิกที่อยู่ห่างออกไปราวสองกิโลเมตร ถือสถานที่ที่เหมันต์พาปานฤทัยเข้ามารักษา

ผลจากการตกบันได นอกจากบาดแผลบนศีรษะที่แตกเล็กน้อยจากการกระแทกเด็กสาวก็ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนอีก ทำให้พรรษยิ้มออกอย่างโล่งอก

“เรน พาของขวัญกลับไปที่รถก่อน เดี๋ยวพี่จ่ายค่ายาแล้วจะตามไป”

เหมันต์บอกโดยไม่เหลือบแลไปยังคนเจ็บ ก่อนตรงไปยังเคาน์เตอร์จ่ายยาท่ามกลางสายตาจับจ้องของน้องชายและน้องสาว

พรรษมองผ้าพันแผลบนศีรษะของน้องรักด้วยสายตาบอกถึงความห่วงใย ก่อนยื่นมือออกไปแตะเบา ๆ บนผ้าสีขาวพลางตั้งคำถาม

“เจ็บมากไหม”

“นิดหน่อยค่ะ”

ท่าทางซึม ๆ ของน้องสาวทำให้พรรษเริ่มกังวล

“งั้นไปพักในรถเถอะ”

พูดจบชายหนุ่มก็ทำท่าจะอุ้มสาวน้อย หากต้องชะงัก

“พี่เรนจะทำอะไร”

“ก็จะอุ้มของขวัญไปที่รถไง”

“ไม่ต้อง ขวัญเดินไปเองได้”

“ได้ยังไง ของขวัญยังเจ็บอยู่”

“ขวัญหายดีแล้ว”

“มีผ้าพันหัวอยู่นี่น่ะนะ หายดี...” พรรษเข่นเขี้ยวก่อนยืนกรานความตั้งใจด้วยการทำท่าจะช้อนตัวเด็กสาวแต่ถูกอีกฝ่ายยกมือขึ้นมากั้น ความขัดใจทำให้เอ่ยออกมา “เรื่องมากจริง หรืออยากให้พี่ไอซ์เป็นคนอุ้มเหมือนตอนขามา”

เด็กสาวหน้าหงิกเมื่อพี่ชายคนเล็กเอ่ยชื่อที่เธอไม่อยากได้ยิน อดนึกไปถึงก่อนหน้านี้ไม่ได้เมื่อเขาและพรรษพาเธอมาที่คลินิกแห่งนี้ ตลอดเวลาที่แพทย์ตรวจดูอาการเหมันต์ไม่พูดอะไรออกมาสักคำคงมีเพียงพรรษที่คอยซักถามด้วยความเป็นห่วง กระทั่งทำให้แพทย์ออกปากยิ้ม ๆ

“ดูพี่ชายเป็นห่วงหนูมากเลยนะ”

เธอไม่เถียง เพราะตลอดเวลาพรรษออกอาการเป็นห่วงเธอทั้งจากท่าทางและคำพูดจนเหมือนว่าถ้าเจ็บแทนได้เขาคงยอมเจ็บเอง ซึ่งมันตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับเหมันต์

“ถึงมือหมอเมื่อไรพี่จะไม่ยุ่งกับเธออีกเลย”

ถ้อยคำสุดท้ายของเขาก่อนพาเธอมาที่คลินิกหวนกลับมาอีกครั้ง และทำให้เด็กสาวต้องเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ

ฮึ! เธอก็จะไม่ยุ่งกับเขาเหมือนกัน

เพราะความคิดนั้น เด็กสาวจึงหันไปบอกพี่ชายคนเล็กด้วยน้ำเสียงติดสะบัด

“ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาอุ้ม ขวัญเดินของขวัญเองได้”

พรรษได้แต่ยืนเกาหัวเมื่อน้องรักส่งค้อนมาทางสายตาก่อนเดินตุปัดตุป่องออกประตูไป

“เป็นอะไรของเขาเนี่ย จู่ ๆ ก็งอนเฉยเลย”

ชายหนุ่มบ่นพึมกับตัวเองก่อนส่ายหน้าคล้ายระอา หากก็รีบเดินจ้ำอ้าวตามคนตัวเล็กที่ตอนนี้เดินลิ่วไปจนเกือบถึงรถยนต์ที่จอดอยู่ด้านหน้าคลินิก

เมื่อเหมันต์เดินมาที่รถยนต์เขาก็พบว่าคนเจ็บหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา หลังจากถอนสายตาจากเด็กสาวที่นอนคอพับอยู่บนที่นั่งตอนหลัง ชายหนุ่มจึงบอกกับน้องชายที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้านข้างคนขับ

“เรน มาขับแทนพี่”

พรรษทำตาปริบ ๆ ก่อนแย้งออกไป

“แต่ผมไม่มีใบขับขี่นะ”

“ไม่เป็นไร จากนี่ไปอีกนิดเดียวก็ถึงบ้านแล้ว”

“แล้วพี่ไอซ์จะไปไหนล่ะ”

พรรษนึกเดาว่าพี่ชายคงคิดจะไปที่ไหน ดังนั้นชายหนุ่มจึงอึ้งไปเมื่อเห็นพี่ชายเปิดประตูทางตอนหลังแล้วเข้าไปนั่งข้าง ๆ น้องสาวก่อนจับศีรษะเล็ก ๆ ของเด็กสาวเข้ามาอิงซบบนบ่าของตน

“เอ่อ...พี่ไอซ์ไปขับก็ได้ เดี๋ยวผมดูแลน้องเอง”

เพราะรู้สึกแปลก ๆ กับภาพที่เห็น คนเป็นน้องจึงบอกออกไป ก่อนอึ้งงันอีกรอบกับคำตอบที่ได้รับ

“พี่จะดูของขวัญเอง”

ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น ไออุ่นที่โอบล้อมกายชวนให้ปานฤทัยนึกอยากจมดิ่งอยู่กับนิทราแสนสุขต่อไป หากเสียงกระซิบที่คลอเคลียชิดริมหูไม่ต่างจากมือยักษ์ที่กระชากเธอลงมาจากวิมานฝัน

“ถึงบ้านแล้ว ตื่นเถอะของขวัญ”

วินาทีที่เปิดเปลือกตาขึ้นมาเด็กสาวยังคงง่วงงุนและงงงันขณะสบกับดวงตาสีสนิมเหล็กที่ทอดมองมา กระทั่งเริ่มรู้สึกตัวตื่นเต็มที่และรู้ว่ากำลังอิงซบบนบ่าใคร ปานฤทัยก็ผงะตัวออกห่างอย่างตกใจ

เหมันต์หน้าตึงเริ่มหงุดหงิดกับอาการผงะตัวหนีของน้องสาว ยังจำได้ดีถึงคำโต้ตอบของเธอหลังถูกเขาเอ็ดเพราะพยายามดิ้นรนในตอนที่เขาอุ้มเธอขึ้นมาจากพื้นเพื่อพามาหาหมอ

“ขวัญยอม ดีกว่าต้องอยู่ใกล้ ๆ พี่ไอซ์”

“ไม่ต้องทำท่ารังเกียจกันขนาดนี้ก็ได้”

เหมันต์กระซิบบอกเสียงลอดไรฟัน ก่อนเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปด้วยความหงุดหงิดใจ

“เดินไหวไหมของขวัญ”

คำถามของพี่ชายคนเล็กดึงเด็กสาวมาจากการมองตามพี่ชายคนรอง เจ้าตัวฝืนยิ้มให้นิดหนึ่งก่อนตอบ

“ไหวค่ะ”

พูดจบ ปานฤทัยก็ขยับตัวจะก้าวลงไปจากรถ หากอาการวับโหวงในศีรษะที่พลันจู่โจมเข้ามาทำให้เด็กสาวรู้สึกเหมือนหน้าจะมืดจนต้องหลับตานิ่ง

“ปวดหัวมากเลยเหรอ”

เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เด็กสาวก็สบเข้ากับแววตาห่วงใยของคนที่เป็นเจ้าของคำถามที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ทำให้ต้องฝืนยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนยอมรับ

“นิดหน่อยค่ะ”

เท่านั้นเอง พรรษก็ไม่รีรออะไรอีกเมื่อช้อนตัวน้องสาวขึ้นมาแนบอกท่ามกลางเสียงโวยวายของคนตัวเล็ก

“ขวัญเดินเองได้”

“เงียบเถอะยายตัวยุ่ง ขืนยังโวยวายอีกพี่จะตีหัวเราให้แตกอีกรอบ”

คราวนี้คนถูกขู่ยอมเงียบเสียง หากไม่ใช่เพราะกลัวแต่เป็นเพราะแววห่วงใยในดวงตาของพี่ชายต่างหาก เด็กสาวซุกตัวนิ่งในอ้อมกอดของพี่ชายคนเล็กพลางหลับตาลงเพราะอาการปวดตุบในศีรษะ ทำให้ไม่ทันเห็นถึงรอยยิ้มราวขบขันของคนที่กำลังอุ้มเธอเอาไว้

ป้าอ่อนและเหมันต์ที่กำลังคุยกันอยู่ภายในโถงกลางห้องต่างชะงักการสนทนาและหันมามองพรรษทันทีด้วยความตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มอุ้มเด็กสาวเข้ามา

“คุณของขวัญเป็นอะไรคะคุณเรน”

ป้าอ่อนตั้งคำถามทันทีอย่างร้อนใจ หากดูเหมือนยังช้ากว่าใจของเหมันต์เมื่อชายหนุ่มปราดเข้าประชิดตัวน้องชายทันที ครั้นเห็นสีหน้าซีดขาวของน้องสาวความโมโหหงุดหงิดก่อนหน้าก็วับหายกลายเป็นความห่วงใย ทว่า ความรู้สึกในใจถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้สีหน้าเฉยชาอันเป็นบุคลิกประจำตัวยามตั้งคำถามเดียวกันกับป้าอ่อน

“ของขวัญเป็นอะไร”

“ปวดหัว”

คำตอบมาพร้อมกับฝีเท้าที่ไม่ได้ชะลอความเร็วเลยสักนิด กระทั่งเมื่อพรรษกำลังจะก้าวขึ้นบันได

“นั่นนายจะทำอะไร”

คำถามนั้นดึงพรรษให้หันมามองอย่างสงสัย หากก็ตอบออกไป

“ผมจะพาของขวัญขึ้นไปบนห้อง”

อารามห่วงน้อง พรรษจึงไม่ทันเห็นท่าทีนิ่งงันของพี่ชายตัวเองเมื่ออุ้มเด็กสาวขึ้นบันไดไป

เหมันต์กำมือแน่นก่อนก้าวขึ้นบันไดตามหลังน้องชายไปติด ๆ โดยมีป้าอ่อนกระวีกระวาดตามรั้งท้าย กระทั่งทั้งหมดขึ้นมาถึงห้องนอนของเด็กสาว

ทันทีที่พรรษวางน้องสาวลงบนเตียงนอน ป้าอ่อนก็ปราดเข้าไปแตะเบา ๆ บนศีรษะของเด็กสาวพลางถาม

“คุณของขวัญปวดหัวมากเลยเหรอคะ”

“นิดหน่อยค่ะป้าอ่อน”

“แล้วหมอไม่มียามาให้ทานบ้างเลยเหรอคะ”

“ยาอยู่นี่”

เหมันต์ส่งถุงยาให้ป้าอ่อนที่ยื่นมือออกมารับ แวบหนึ่งอดนึกหยันตัวเองไม่ได้ที่ตั้งแต่ตอนไปจ่ายค่ายาเขาก็ถือถุงยานี้ติดตัวมาตลอด มานึกได้ตอนได้ยินหญิงสูงวัยถามหา

เมื่อจัดการให้ปานฤทัยทานยาเรียบร้อยและเห็นเด็กสาวหลับตาเหมือนพร้อมจะดิ่งสู่ห้วงนิทรา ป้าอ่อนก็หันมาบอกสองหนุ่มที่ยังใจจดใจจ่อกับอาการของคนเจ็บ

“ลงไปกันได้แล้วค่ะ คุณของขวัญเธอจะได้นอนพัก”

คำบอกนั้นทำให้สองหนุ่มไม่มีทางเลือกจำต้องยอมออกไปจากห้องของน้องสาว ทั้ง ๆ ที่ยังคงห่วงแสนห่วง

ราวเย็นวันนั้นเมื่อคุณหทัยกานต์กลับมาถึงบ้านและรู้เรื่องที่ลูกสาวตกบันไดลงมาท่านก็ร้อนใจจนคิดจะขึ้นไปดูบนห้องพัก หากถูกห้ามจากป้าอ่อนที่เพิ่งลงมาจากบนห้องนอนของเด็กสาวหลังจากนำอาหารและยาขึ้นไปให้

“คุณของขวัญเธอเพิ่งหลับไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”

“แล้วของขวัญเจ็บตรงไหนบ้าง”

ป้าอ่อนมองสีหน้าร้อนใจของนายจ้างตนเองด้วยแววตาอ่อนโยนลงจากความเข้าใจ ด้วยรู้ดีว่าคุณหทัยกานต์รักและเอ็นดูลูกสาวบุญธรรมมากเพียงใด

“นอกจากตรงหัวที่แตกก็ไม่มีบาดแผลที่ไหนแล้วค่ะ”

คุณหทัยกานต์ฟังแล้วค่อยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนเปรยออกมา

“ไม่รู้เดินยังไงถึงตกบันไดลงมาได้...” หลังจากเงียบไปนิดคุณหทัยกานต์จึงออกคำสั่งกับคนสนิท “พี่อ่อนเดี๋ยวให้ใครมาทำความสะอาดบันไดหน่อยนะ กันไว้ก่อนเผื่อเกิดมีใครลื่นหกล้มไปอีก”

ป้าอ่อนรับคำก่อนผละจากไปเพื่อทำตามคำสั่ง ในขณะที่คุณหทัยกานต์ก็เดินขึ้นบันไดไปโดยมีจุดหมายคือห้องนอนของตนเอง แต่เมื่อเดินผ่านห้องนอนของลูกสาวบุญธรรมความเป็นห่วงทำให้อดใจไม่ได้ต้องเปิดประตูห้องนอนของเด็กสาวด้วยหวังจะเข้าไปดูอาการ หากต้องนิ่งงันไปกับภาพที่เห็น

“ทำอะไรน่ะไอซ์”

ไม่มีความตกใจแม้สักนิดจากคนที่ถูกตั้งคำถาม ชายหนุ่มยังคงทำหน้าเฉยแม้กระทั่งในยามที่กำลังผละใบหน้ามาจากดวงหน้าอ่อนเยาว์ของคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียง

“ผมมาดูของขวัญ”

หัวอกคนเป็นแม่เริ่มร้อนรน ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่หวนกลับมาสู่ความนึกคิดอีกครั้งพร้อมกับความไม่สบายใจ

ที่ผ่านมา ภาพที่บรรดาลูกชายของเธอจูบหน้าผากของปานฤทัยใช่ว่าเธอไม่เคยเห็น ไม่ว่าคิมหันต์หรือพรรษต่างก็มักทำเป็นประจำกระทั่งเธอเห็นจนชินตา แต่ไม่ใช่กับลูกชายคนนี้

ตั้งแต่เด็ก เหมันต์แทบไม่เฉียดใกล้เด็กหญิงกำพร้าผู้ที่เขาตั้งฉายาให้ว่ายายมอมแมม ยิ่งถ้าให้นับการพูดจาด้วยยิ่งแทบนับคำก็ว่าได้ ดังนั้นการที่ได้มาเห็นลูกชายคนรองกำลังจุมพิตกลางหน้าผากของน้องสาวคนเล็กจึงเป็นภาพที่ท่านไม่คิดฝันว่าจะได้มาเจอ

อาจเพราะนี่เป็นสิ่งที่ลูกชายคนรองไม่เคยแสดงออกมา เมื่อได้มาเห็นครั้งแรกท่านจึงอดรู้สึกตะขิดตะขวงใจไม่ได้ วูบหนึ่ง อดคิดไม่ได้ว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคิมหันต์หรือพรรษบางทีท่านอาจไม่รู้สึกอะไร

คุณหทัยกานต์พยายามหาเหตุผลมารองรับความรู้สึกของตน แต่กระนั้นก็ไม่อาจลบความไม่สบายใจที่กำลังรู้สึกอยู่ได้ ยิ่งสบกับดวงตาสีสนิมเหล็กที่ยามนี้ให้ความรู้สึกเยือกเย็นและลึกล้ำอย่างน่าประหลาด หัวอกคนเป็นแม่ก็ยิ่งไม่สบายใจ

วินาทีนั้น บางอย่างในท่าทีของบุตรชายทำให้ท่านเพิ่งตระหนักว่าเหมันต์ในวันนี้ไม่ใช่เด็กชายเหมันต์ในวันวานอีกต่อไป และนั่นยิ่งทำให้หัวใจร้อนรนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจนผลักดันให้ตั้งคำถาม

“ไอซ์...เข้ามานานหรือยัง”

“ไม่นานครับ”

คำตอบนั้นยังคงมาจากน้ำเสียงราบเรียบไม่หวั่นไหว ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าเพิ่งกระทำในสิ่งที่ทำให้หัวใจตนเองต้องไหวหวั่น

ความห่วงใยเด็กหญิงมอมแมมในอดีตทำให้เหมันต์อดใจไม่ได้จนต้องเข้ามาดูเด็กสาวในห้องนอน หากเขาก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอในสภาพของเจ้าหญิงนิทรา สีหน้าสงบสุขของคนบนเตียงเหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาอยากเข้าไปใกล้ กระทั่งในที่สุดก็ไม่อาจห้ามใจได้จนต้องกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของเด็กสาวที่ทำราวกับกำลังจมอยู่ในห้วงฝันหวาน และจังหวะนั้น มารดาของเขาก็เข้ามาเจอพอดิบพอดี

เหมันต์ไม่คิดว่าตนเองทำอะไรผิด ดังนั้นจึงไม่เห็นความจำเป็นต้องชี้แจงการกระทำของตน แม้ไม่สบายใจนักกับสายตาและท่าทางแปลก ๆ ของผู้เป็นแม่

ทีคิมหันต์กับพรรษทำแบบนี้ ก็ไม่เห็นแม่ของเขาจะว่าหรือทำท่าไม่พอใจ แล้วทำไมเขาถึงจะทำบ้างไม่ได้

ชายหนุ่มให้เหตุผลกับตัวเอง ก่อนหันไปมองเด็กสาวบนเตียงอีกครั้งอย่างไม่อาจห้ามใจ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของมารดาอยู่

คุณหทัยกานต์สะท้านในอกกับแววตาของลูกชายคนรอง ประสบการณ์ชีวิตทำให้ท่านตัดสินใจบางอย่างในวินาทีนั้น

“อย่ามากวนน้องเลย ออกไปข้างนอกกันดีกว่า”

เมื่อมารดาบอกพลางเข้ามาฉวยแขนรั้งให้ออกเดินไปพร้อมกัน เหมันต์ก็จำต้องก้าวตามไปอย่างขัดไม่ได้

-----------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ เอาตอนใหม่มาแปะในวันหยุดของใครหลาย ๆ คน ขอให้มีความสุขมาก ๆ ในวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะ

ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุก LIKE ที่มอบเป็นกำลังใจให้กันค่ะ...ทุกคอมเม้นท์ทำให้คนแต่งมีความสุขและรอยยิ้มได้เสมอ ก่อนจะมีกำลังใจไปปั่นนิยายต่อไป...ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


Oleang : ขอบใจจ๊า


konhin : พี่ไอซ์บอกว่า นิดหน่อยค๊า ^^


Zephyr : พี่ไอซ์ฝากบอกว่าไม่ได้ซาดิสม์ค่ะ (เพราะซาดิสม์ตัวจริงคือพันวลีต่างหาก 555) เชื่อมั้ยคะ คอมเม้นท์คุณ Zephyr เกี่ยวกับสามหนุ่มเนี่ยเป็นแบบที่ค่อนข้างตรงกับที่พันวลีวางเอาไว้ทุกอย่าง โดยเฉพาะพี่ไอซ์...เป๊ะมาก ๆ เลยค่ะ ถึงไม่ใช่คนแรกที่พบ แต่ขอเป็นคนที่ให้ชีวิตใหม่กับเธอ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับข้อความที่สร้างรอยยิ้มให้กัน


ตามหาฝัน : ความผิดหวังมันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นขอเวลาพันวลีไปด้อม ๆ มอง ๆ หาสาว ๆ ที่เหมาะกับสองหนุ่มที่เหลือก่อนนะคะ...แต่ยังไม่รับปากนะคะว่าจะเจอ เพราะเกรงว่าไป ๆ มา ๆ จะซ้ำกับแนวเรื่องของสามหนุ่มก่อนหน้า ^^


LAM : เวลาที่ได้รู้ว่าคนอ่านชอบ คนแต่งก็มีความสุขค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการอยู่เคียงข้างกันมาตลอดค่ะ ^^


นักอ่านเหนียวหนึบ : พันวลีลืมแจ้งไว้แต่แรกค่ะว่าเรื่องนี้ออกแนว...น้องตบ! พี่จูบ! 555



พันวลี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.พ. 2557, 12:25:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.พ. 2557, 13:03:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1675





Zephyr 23 ก.พ. 2557, 11:08:45 น.
ขอบคุณค่ะ แหม ปลื้มนะเนี่ย เดาถูก ฮ่าๆๆๆ
วันนี้พี่ไอซ์ได้แต่ห่วงอยู่ห่างๆอีกละ น่าสงสารนะ
คุณแม่คะ คุณแม่ขัดความฟินของเฟอร์ เอ้ย พี่ไอซ์ม้ากมากค่ะ
อย่าลำเอียงสิคะ คุณแม่ต้องเชียร์ไกลๆนะคะ
พี่ชายคนอื่นจูบจนหน้าผากน้องมอมแมมช้ำหมดละค่า
พี่ไอซ์เพิ่งให้ของขวัญเปิดซิงริมฝีปากเองนะคะ
ว่าแต่เมื่อไรตานี่จะมาดหลุดกันนะ เชียร์ให้พี่ไอซ์ตบะแตก เก็บมาดไม่อยู่ดีกว่า คงฮาพิลึก อิอิ แล้วความฟินจะตามมาใช่มั้ยคะ พี่ไอซ์
ปล จ้ะ จะเชื้อนะว่าไม่ซาดิสม์ เข้าหาแต่ละทีน้องเจ็บตัวตล้อดๆๆ ให้ชีวิตใหม่แล้ว อย่าทำลายซะเองละ


konhin 24 ก.พ. 2557, 00:45:31 น.
อ้าว ไหงแม่หวงกับลูกคนนี้คนเดียวอ่ะ?


LAM 24 ก.พ. 2557, 10:03:55 น.
กำลังสนุกเลยค่ะพันวลี อยากอ่านต่อนะ เป็นกำลังใจให้พันวลีนะคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 24 ก.พ. 2557, 19:13:02 น.
เอ้าๆๆๆๆ งั้นพี่จูบเล้ยยยย น้องรอตบ ฮี่ๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account