ร้อยเรื่องรัก บทเพลงจากใจ
รวมเรื่องรัก .. จากบทเพลง
Tags: เพลง , รัก , หวาน , ซึ้ง , เศร้า , โรแมนติก

ตอน: คนสุดท้าย

ฝากติดตามและแนะนำด้วยนะคะ สำหรับเรื่องสั้นเรื่องแรก


เป็นเรื่องราวที่ถูกเขียนขึ้นประกอบบทเพลงที่ชื่นชอบค่ะ


ศศิธาราริน


*****************************






คำสั้นๆ ที่มีความหมายแสนยิ่งใหญ่


บางครั้งก็อบอุ่นและอ่อนหวาน ทำให้ล่องลอยราวกับอยู่ในห้วงแห่งฝัน


บางครั้งก็รุ่มร้อนดั่งเพลิงกาล ที่พร้อมจะเผาผลาญและทำลายล้างทุกอย่าง


"รัก" ..


วันหนึ่ง ผมก็มีโอกาสได้รู้จักกับคำๆ นี้ เพราะ .. เธอ


*****************************





ท่ามกลางงานแฟชั่นโชว์เสื้อผ้าและเครื่องประดับ ผู้คนภายในงาน พากันแต่งตัวและขนเครื่องเพชรมาใส่ประชันโฉมกันเพื่ออวดฐานะและความมั่งมี


ร่างสูงในชุดสูทสีดำสุดเนี๊ยบก้าวเดินหลบหลีกจนพ้นประตูงานเลี้ยงที่แสนจะน่าเบื่อและน่าอึดอัดที่สุดในความคิด


ขาเรียวมุ่งตรงมาบริเวณริมระเบียง เพื่อหนีความวุ่นวายจากการจับคู่ดูตัว และการที่คุณหญิงคุณนายทั้งหลายพยายามจะยัดเยียดบุตรสาวของตนเองให้กับเขา


ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกระบายออกมาด้วยความหงุดหงิด เบื่อหน่ายกับความจำเจ ซ้ำซาก ทั้งชีวิตที่ต้องวนเวียนอยู่กับหน้ากากแห่งความจอมปลอม ความเป็นผู้ดี และกฎเกณณ์ของสังคม


เขาคือชายหนุ่มที่มีอายุเพียง 20 ปี แต่มีทรัพย์สินมากมายชนิดที่เรียกได้ว่าใช้ทั้งชาติก็ไม่มีวันหมด มีคฤหาสน์หลังใหญ่โตราคาเป็นร้อยล้านเอาไว้สำหรับซุกหัวนอนเพียงเท่านั้น


มีรถยนต์คันหรูที่ขับไปไหนก็มีแต่คนเหลียวมองตามด้วยความอิจฉา มีหน้าตาหล่อเหลาที่สามารถทำให้หญิงสาวทั้งหลายพากันหลงใหลคลั่งไคล้ได้อย่างง่ายดายเพียงแรกเห็น


แต่ในความเพียบพร้อม .. เขารู้ดีว่ายังมีบางอย่าง ที่ “ขาดหาย” ไป


อะไรบางอย่างที่สำคัญ อะไรสักอย่างหนึ่งที่เขาต้องการ


อะไร .. ที่เขายังไม่มีโอกาสได้พบเจอ ไม่เคยสัมผัส หรือแม้แต่ครอบครอง


มือหนาล้วงหยิบซองบุหรี่แบรนด์นอกออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน ตามด้วยไฟแช็ค เมื่อไฟสีแดงสว่างวาบที่ปลายมวนบุหรี่เรียบร้อยแล้ว ริมฝีปากสีสดก็เริ่มอัดนิโคตินเข้าไปจนเต็มปอดเป็นการดับความเครียด


สายลมพัดพาประกอบกับอากาศที่เย็นสบาย รวมทั้งการที่ได้มายืนอยู่เพียงลำพังคนเดียวแบบในตอนนี้ ช่วยให้ความรู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจเริ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง


แต่เพียงครู่ มือถือเครื่องหรูที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแสลคก็สั่นสะเทือน เป็นสัญญาณบ่งบอกเตือนว่าเขากำลังถูกตามตัวอีกแล้วอย่างแน่นอน


“คิง ลูกอยู่ที่ไหน แม่มีคนจะแนะนำให้”


“ผมไม่ค่อยสบาย ขอกลับก่อนละกันครับ คุณแม่โทรตามนายชิดให้มารับนะครับ”


เมื่อพูดเนื้อหาสำคัญจนจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายและปิดเครื่องในทันที โดยไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทักท้วงหรือสอบถามอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่าที่เขาต้องการให้รับรู้


นั่นแหละคือนิสัยและความเป็นตัวตนที่ชัดเจนที่สุด สำหรับไฮโซหนุ่มเนื้อหอม รูปหล่อ ตระกูลดัง ทายาทมหาเศรษฐีที่มีความร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศไทย


“คิง” หรือ นายเทพบุตร อัคราพิทักษ์พงษ์ !


*****





แอสตัน มาร์ติน สีดำมันปลาบซีรีส์ล่าสุดพุ่งทะยานออกจากอาคารของโรมแรมด้วยความเร็ว เครื่องเสียงภายในรถเล่นเพลงสากลจังหวะเบาๆ ช่วยให้อารมณ์ที่คุกรุ่นเริ่มจะดีขึ้น


ดวงตาคู่คมจับจ้องไปทางเบื้องหน้าของท้องถนน ก่อนจะแตะเบรกเมื่อรถแล่นมาถึงตรงที่มีสัญญาณไฟแดงพอดิบพอดี


คิงกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรเป็นพิเศษ ก่อนจะหันกลับมาเพื่อดูตัวเลขที่กำลังลดลงแสดงเวลาที่จะเปลี่ยนสัญญาณไฟอีกครั้ง


“ปิ๊นนนนนน !”


ร่างสูงกระตุกนิดหนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงแตรจากรถที่จอดเทียบอยู่ข้างๆ บีบไล่ชายชราที่เดินมาและสะดุดล้มอยู่ตรงทางม้าลายข้างหน้า เพื่อเป็นการเร่งบอก เพราะใกล้เวลาเต็มทีที่สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว


มือหนาจับไปที่บานประตู แต่ก็ต้องชะงักค้างไว้ เมื่อมองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งรีบวิ่งกระหึดกระหอบมาช่วยพยุงคุณตาที่อยู่กลางถนน และประคับประคองให้เดินไปริมฟุตบาทพร้อมกันด้วยความทุลักทุเล


เสียงบีบแตรไล่จากรถคันหลังดังขึ้นระรัว ทำให้เขาต้องรีบออกรถ และตบไฟเลี้ยวซ้าย ขับมาจอดแอบไว้ที่ริมข้างทาง ไม่ห่างจากจุดที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่เท่าไรนัก


คิงนิ่งคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูรถ และก้าวขายาวๆ เดินกลับไป


ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาเป็นคนที่รักสันโดษ และไม่ชอบยุ่งเกี่ยวเรื่องของชาวบ้าน แต่ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน ที่ทำให้เขาต้องกลับมา อย่างที่ไม่อาจปล่อยผ่านไปเฉยๆ ได้เหมือนทุกที



ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่อย่างขวักไขว่ แต่กลับไม่มีใครที่คิดจะสนใจหรือใส่ใจคนสองคนที่นั่งอยู่ริมถนนเลยสักนิด


ดวงตาคู่คมมองทางร่างบางอย่างแปลกใจ คิ้วเค้มขมวดมุ่นเมื่อเห็นมือเนียนกำลังบีบนวดที่ข้อเท้าของชายชราด้วยท่าทางห่วงใยและเอื้ออาทรที่สุด ราวกับเป็นลูกหลานหรือเป็นคนรู้จักมักคุ้นกันมาเนิ่นนาน


“มีอะไรให้ช่วยมั๊ย ?”


น้ำเสียงทุ้มนุ่มกล่าวถาม เมื่อเริ่มตั้งสติได้ เรียกสายตาสองคู่ให้เงยขึ้นมอง


ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มผู้มาใหม่ ก่อนจะระบายรอยยิ้มหวานจนเต็มใบหน้า และเอ่ยตอบเสียงใส


“คุณตาล้มน่ะค่ะ คิดว่าข้อเท้าน่าจะแพลง ฉันจะพาไปโรงพยาบาล แต่ว่าคุณตาไม่”


“ไปรถฉันละกัน”


คิงโน้มตัวลงมาและช่วยประคองชายชราให้ลุกยืน


“ไม่ ตาไม่ไปโรงพยาบาล ตาจะกลับบ้าน”


เสียงอ่อนแรงพูดบอก พร้อมกับที่ชายชราร่างผ่ายผอมมีอาการอ่อนระโหยจนแทบจะล้มทั้งยืน


“ถ้างั้นจะไปส่งที่บ้าน”


คิงพูดเพียงประโยคสั้นๆ ที่มีแต่ใจความสำคัญ จากนั้นก็พยุงคุณตาให้เดินไปที่รถคันหรูของตัวเอง





“ขึ้นมาสิ”


คิงหันมาบอกร่างบางที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ หลังจากจัดการให้ชายชรานั่งลงภายในรถเรียบร้อยแล้ว


“ฉัน ฉันเหรอคะ ?”


นิ้วเรียวเล็กชี้มาที่ตัวเอง คิ้วสวยขมวดเป็นปมอย่างไม่ค่อยแน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน


“ใช่ ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน แล้วเกิดคุณตาเป็นลมไปกลางทางล่ะ”


ร่างสูงยืนพิงตัวอยู่กับรถ มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างลวกๆ และเอ่ยบอกด้วยสีหน้าท่าทางจริงจัง


“แต่ว่า”


“ถ้าคิดจะช่วย ก็ควรจะช่วยให้ถึงที่สุด อย่าทำอะไรให้มันครึ่งๆ กลางๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควร”


“ค่ะ”


ร่างบางรับคำสั้นๆ เปิดประตูทางด้านหลังและเข้าไปนั่งอย่างเรียบร้อย ไม่อยากฟังคนแปลกหน้า ที่หน้าตาหล่อเหลา และหน้าดุเหลือเกิน บ่นอะไรให้ยืดยาวไปมากกว่านี้


*****





ดวงตาคู่คมหันมองร่างบางที่นั่งหลับสนิทอยู่ทางเบาะด้านข้าง หลังจากขับรถไปส่งคุณตาที่บ้าน และร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย


เมื่อบอกเส้นทางบ้านของเธอให้เขาได้รับรู้ และรถเคลื่อนออกมาได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ก็นอนหลับคอพับคออ่อนไม่รู้เรื่องรู้ราวมาจนถึงตอนนี้


“นี่เธอเป็นพวกอ่อนต่อโลก หรือตั้งใจจะยั่วฉันกันแน่นะ ฮึ”


คิงบ่นเปรยๆ อย่างไม่ได้จริงจังอะไร เมื่อเห็นว่าเธอไม่รู้จักมีความระมัดระวังตัวกับคนที่เพิ่งจะมีโอกาสได้พบเจอกันอย่างเขา


โชคยังดีและเป็นบุญของเธอแค่ไหน ที่เขาไม่ใช่คนประเภทหื่นกาม ชอบปล้ำผู้หญิง หรือเป็นพวกโรคจิต แบบที่ออกข่าวกันอยู่บ่อยๆ อย่างครึกโครม


คิงหันมามองใบหน้าเนียนใสอีกครั้งอย่างไม่ค่อยเข้าใจตัวเองนักกับสิ่งที่กำลังทำอยู่


ทั้งเรื่องที่เขากลับไปช่วยเธอกับคุณตาคนนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติวิสัยของผู้ชายเย็นชาอย่างเขาที่สุด รวมทั้งการที่ยังต้องทำหน้าที่ๆ ไม่แตกต่างจากคนขับรถ เพื่อพาเธอไปส่งที่บ้านเหมือนในขณะนี้อีก


เขาไม่เข้าใจความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ รวมทั้งไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่


เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอ มากไปกว่าการที่เธอเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองให้ได้รับรู้ โดยที่เขาไม่ได้เอ่ยถามเลยสักคำว่าเธอชื่อบังเอิญ และมีบ้านอยู่ในย่านชานเมืองกรุงเทพ


สมัยนี้ยังมีคนที่ชื่อแสนเชยแบบนี้อยู่อีกหรือเนี่ย !


“หึหึ”


คิงหัวเราะในลำคออย่างขำขัน ก่อนจะขับรถคันหรูมุ่งหน้าไปตามท้องถนน เพื่อไปส่งสาวน้อยที่เขาเก็บได้จากริมข้างทางด้วยความ “บังเอิญ”


*****





ร่างสูงก้าวเดินมาและทรุดตัวนั่งลงตรงโต๊ะหินอ่อนภายในมหาวิทยาลัยชื่อดัง ซึ่งเป็นโต๊ะประจำของเขาและกลุ่มเพื่อน ที่ใช้เป็นสถานที่รวมตัวมาอย่างยาวนานถึงสามปีกว่า


“สวัสดีครับพี่คิง”


เด็กหนุ่มรุ่นน้องสี่ห้าคนเดินมายกมือไหว้ทักทาย ก่อนจะเดินจากไป


ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับรุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งความร่ำรวย หน้าตาหล่อเหลา การเรียนติดท๊อป ดีกรีเดือนมหาวิทยาลัย จะเป็นที่รู้จักของผู้คนมากมายภายในสถาบันแห่งนี้


“คิง ไปส่องเด็กนิเทศกันดีกว่า เห็นว่ามีแต่แจ่มๆ ทั้งนั้นเลย”


เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มชักชวน พร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม ตามแบบฉบับหนุ่มเพลย์บอย


“ไม่ล่ะ”


น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยตอบอย่างไม่คิดจะใส่ใจ


“เอิญ !”


ชื่อที่ได้ยิน ทำให้ต้องละสายตาจากหน้าจอมือถือที่กำลังเล่นเกมส์อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วกวาดมองไปรอบๆ และได้พบเห็นใบหน้าของคนที่ไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก


คิงมองร่างบางที่กำลังยืนคุยอยู่กับอาจารย์ท่านหนึ่ง ด้วยท่าทางสนิทสนม จนเมื่อเธอผละตัวจากอาจารย์และเดินมุ่งตรงมาทางนี้ ทำให้ดวงตาสองคู่สบประสานกันอย่างพอดี


“คุณ !”


เสียงใสร้องทักด้วยความดีใจและตื่นเต้น ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาในทันที


“คุณเรียนที่นี่เหรอคะ ?”


“อืม แล้วเธอล่ะ เด็กใหม่รึ ?”


คิงตอบรับสั้นๆ และถามกลับ


“ค่ะ ฉันเพิ่งเข้าปี 1 ส่วนคุณ”


ดวงตากลมโตไล่มองที่ชุดนักศึกษาของชายหนุ่ม ซึ่งดูสบายๆ แตกต่างจากเด็กปีหนึ่งอย่างสิ้นเชิง


“ปี 4”


“อ่อค่ะ งั้นฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ รุ่นพี่ !”





คิงมองตามร่างบางที่กำลังวิ่งจากไปด้วยท่าทางร่าเริง สดใส สมวัยการเป็นเฟรชชี่ พร้อมกับความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นในหัวใจ


ราวกับมีสัญญาณเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าผู้หญิงคนนี้นี่แหละ ..


คือ คนที่จะมีตัวตน และเป็นคนสำคัญ ในหัวใจแกร่งดวงนี้


*****





หนึ่งเดือนผ่านไป พร้อมๆ กับที่เขาเริ่มสนิทสนมกับเอิญมากขึ้น อาจจะด้วยความบังเอิญ และด้วยความตั้งใจของเขาก็ตาม


เอิญไม่เหมือนผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยมีโอกาสได้รู้จักและพบเจอมาทั้งชีวิต


เธอทำงานพิเศษ ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงเด็กในวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ก็เป็นพนักงานในร้านเช่าวีดีโอแห่งหนึ่ง


เธอต้องทำงานวันละหลายชั่วโมง เพื่อแลกกับเงินค่าจ้างที่ไม่พอสำหรับอาหารมื้อนึงของเขา รายได้ของเธอทั้งเดือน ไม่สามารถที่จะซื้อเสื้อผ้าของเขาได้สักชุด


เธอยิ้มแย้มเบิกบาน เมื่อเขาพาไปกินอาหารที่ริมข้างทางตามที่ใจเธอต้องการ แต่เธอมีสีหน้ากระอักกระอ่วนราวกับจะต้องกลืนกินยาพิษ เมื่อเห็นราคาอาหารในเมนูร้านดังที่เขาตั้งใจพาไปเลี้ยง


เธอเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ซื่อ ใส และบริสุทธิ์ เกินกว่าจะมามีชีวิตรอดอยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยความสกปรก ชิงดีชิงเด่น แก่งแย่ง และเสแสร้งใบนี้ได้


เขาตื่นเต้นราวกับได้ของเล่นแปลกใหม่ในทุกครั้งที่ได้เห็นการแสดงความรู้สึกทุกอย่างออกมาทางสีหน้าของเธอ


เขาสบายใจที่ได้พูดคุยกับเธออย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน และเลือกที่จะใช้เวลาอยู่กับเธอมากกว่าคนอื่นๆ


เขาเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ชอบการท่องราตรีเหมือนเมื่อก่อน หลีกเลี่ยงการออกงานสังคมของพวกคุณหนูไฮโซทั้งหลาย


ท่ามกลางเสียงคัดค้านและความไม่พอใจของใครๆ หลายคน โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนสนิทและผู้ที่มีความใกล้ชิดกับเขา


คนทั่วไปอาจจะดูเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงหรือแฟนมาก่อน แบบนาย “เทพบุตร” ย่อมถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดและออกจะเหลือเชื่อ


ยิ่งกับผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ไม่ได้มีความสวยสง่า น่ารัก หรือมีทรวดทรงองค์เอวเฉกเช่นนางแบบบนแคทวอร์ค


ไม่ได้มีชื่อเสียงวงศ์ตระกูลและนามสกุลที่โด่งดังติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด รวมทั้งฐานะทางบ้านของเธอที่เรียกได้ว่าถึงขั้นยากจนเลยทีเดียว



นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้คนรอบกายพากันขัดขวาง กีดกัน ต่อต้าน และทำใจยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด


“วันนี้อยากกินอะไร ?”


คิงหันมาถามร่างบางที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถให้กับเขาอยู่ในทุกวันตลอดหนึ่งเดือน และวันนี้ก็เช่นกัน


“เห็นยายบ่นๆ ว่าอยากกินบะหมี่ค่ะ”


“หึหึ เธอนี่ ฉันถามว่าเธอน่ะอยากจะกินอะไร ไม่ได้ถามถึงคุณยายซะหน่อย”


มือหนาเอื้อมมาบีบปลายจมูกเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะหันกลับไปมองท้องถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง


“โธ่ ก็เอิญ”


“เป็นห่วงคุณยาย”


น้ำเสียงนุ่มลึกเอ่ยตอบแทนด้วยความรู้ใจ เพราะคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ทางด้านข้าง มักจะห่วงใยและนึกถึงคุณยายอยู่ตลอดเวลา


เนื่องจากพ่อและแม่ของเธอเสียชีวิตทั้งคู่ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ อายุไม่ถึงสามขวบด้วยซ้ำ นับแต่นั้นคุณยายก็เป็นผู้เลี้ยงดูเธอมาเพียงคนเดียว


แม้จะยากจน แม้จะลำบาก แม้จะอดมื้อกินมื้อ แต่เธอก็เติบโตมาเป็นคนที่มีความประพฤติดีเยี่ยม มีความกตัญญูและรักการเรียนที่สุด


และการที่เธอมีโอกาสได้เข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ก็เพราะได้รับทุนการศึกษา จากความช่วยเหลือของอาจารย์ท่านหนึ่งที่มีบ้านพักอยู่ในซอยที่ไม่ห่างจากบ้านของเธอเท่าไหร่นัก


“พี่คิง จอดๆ จอดรถก่อนค่ะ !”


เสียงโวยวายด้วยความตกใจที่ดังขึ้น เรียกสติของเขาที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เกี่ยวกับเธอให้กลับคืนมา


เมื่อรถคันหรูจอดสนิท ร่างบางก็รีบเปิดประตูและวิ่งลงจากรถไปในทันที





“เอิญ !”


คิงเรียกอย่างตกใจ เมื่อตามลงมาและได้มองเห็นสองแขนเรียวเล็กเข้าไปโอบอุ้มลูกสุนัขตัวน้อยมาไว้แนบอก


“พี่คิง ๆ ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วยนะคะๆ”


เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากอาบสองแก้มนวลจนแลดูน่าสงสารและสะท้อนสะเทือนหัวใจของคนที่ได้มองเห็นที่สุด


“ครับๆ ไม่ต้องร้อง”


คิงเอ่ยบอกเสียงเรียบ รีบกลับไปที่รถ เปิดประตูด้านหลังและหยิบผ้าขนหนูจากในกระเป๋าเป้ออกมา


ขายาวก้าวเดินมาหาคนตัวเล็ก นำผ้ามาห่อหุ้มเจ้าสุนัขขนปุกปุยที่เนื้อตัวอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน ก่อนจะส่งกลับคืนไปให้เธออุ้มไว้อีกครั้ง





“ปลอดภัยแล้วครับ ขาที่หัก หมอเข้าเฝือกให้แล้ว อีก 1 เดือน น่าจะหายเป็นปกติ”


หน้านวลฉีกยิ้มกว้างทั้งที่น้ำตายังนองเต็มใบหน้า ด้วยความดีใจและยินดีที่สุด จากคำบอกกล่าวของคุณหมอ รู้สึกภูมิใจที่ตัวเองสามารถช่วยชีวิตน้อยๆ ชีวิตหนึ่งให้อยู่รอดต่อไปได้


คิงหันมามองใบหน้าของผู้หญิงที่ยืนอยู่เคียงข้างกับเขาในตอนนี้


ดวงตาคู่คมมองหยาดหยดน้ำที่ไหลรินออกมาจากผู้หญิงที่มีจิตใจอ่อนโยน แสนดี ซึ่งเป็นตัวชะล้างความเย็นชาที่ห่อหุ้มหัวใจแกร่งอยู่ให้หลุดออก



และกลับกลายเป็นหัวใจที่มี "ความรู้สึก"



ความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่าง ที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในดวงใจดวงนี้ โดยที่ยังไม่กล้ายอมรับ และไม่กล้าเปิดเผยให้เธอได้รับรู้


*****




รถคันหรูมาจอดนิ่งที่หน้าบ้านไม้สองชั้น ที่มีสภาพผุพังและดูราวกับไม่น่าจะสามารถอาศัยอยู่ได้


ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย มารู้สึกตัวอีกที เขาก็มาอยู่ที่นี่ซะแล้ว


ร่างสูงเปิดประตูและก้าวลงมา แผ่นหลังกว้างยืนพิงตัวอยู่กับรถ มือหนาล้วงหยิบบุหรี่ออกมาจุดและสูบ ก่อนจะพ่นควันสีขาวให้ล่องลอยไปตามกระแสลมที่พริ้วไหว


คิงซี๊ดปากด้วยความเจ็บนิดๆ บริเวณริมฝีปากสีสดที่แตกและมีเลือดไหลซิบๆ ซึ่งเป็นบาดแผลที่เพิ่งได้มาจากการมีเรื่องชกต่อยในผับเมื่อครู่


ดวงตาคู่คมมองเข้าไปภายในบ้านที่มีแต่ความมืดมิด ยืนคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจทิ้งบุหรี่ลงบนพื้น ตามด้วยรองเท้าหนังราคาแพงบดขยี้ก้นบุหรี่กับท้องถนนจนดับสนิท


คิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาวอีกครั้ง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ และกดโทรออกไปยังปลายสายที่ต้องการ





“อยากเจอ”



ประโยคสั้นๆ จากความรู้สึกถูกส่งผ่านไปให้เธอได้รับรู้


จากนั้นเพียงครู่ประตูไม้ก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดพร้อมทั้งเปิดออก โดยมีคนตัวเล็กที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตางัวเงีย



แต่มีรอยยิ้มหวานปรากฏเหมือนเช่นเคย ยืนรอต้อนรับเขาอยู่ด้วยความสดใสและจริงใจที่สุด





ร่างสูงถูกพาให้เข้ามานั่งในห้องนอนที่มีขนาดเล็กกว่าห้องน้ำในคฤหาสน์ของเขาถึงสามเท่า มือเรียวใช้ผ้าขนหนูผืนนุ่มเช็ดซับบริเวณริมฝีปากที่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา


“เจ็บมากมั๊ยคะ ?”


น้ำเสียงอ่อนหวานถามไถ่ด้วยความห่วงใย


คิงส่ายศีรษะเบาๆ ดวงตาคู่คมมองใบหน้าเนียนใสที่อยู่ชิดใกล้ จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของกันและกัน


เอิญพยักหน้ารับรู้ และไม่คิดจะซักไซ้อะไรมากความให้เขาหงุดหงิดหรือรำคาญใจ มากกว่าในสิ่งที่เขาต้องการบอกให้รับรู้ ก่อนจะหันไปหยิบยาและแก้วน้ำมายื่นส่งให้


“เดี๋ยวพี่คิงทานยาแก้อักเสบหน่อยนะคะ”


คิงรับยามากิน ตามด้วยดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ๆ


“นอนพักผ่อนเถอะนะคะ ฝันดีค่ะ”


ร่างบางเอ่ยบอกและลุกยืนขึ้นเตรียมตัวจะไปนอนที่ห้องเดียวกันกับคุณยาย เมื่อยกห้องนอนของตัวเองให้ชายหนุ่มได้ยึดครองแล้วในค่ำคืนนี้


มือหนารีบคว้าหมับจับข้อมือเรียวเอาไว้ ก่อนที่เธอจะเดินจากไป



“ให้ฉันหลับก่อน แล้วเธอค่อยไป ..... ได้มั๊ย ?”


ปลายประโยคถูกถามด้วยน้ำเสียงที่ทอดอ่อน บ่งบอกให้สามารถรับรู้ เข้าใจ และสัมผัสความรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ “คำสั่ง” แต่เป็นการ “ขอร้อง”


“ค่ะ”


คำตอบรับด้วยความยินดีและเต็มใจ พร้อมกับที่เธอนั่งลงกับพื้นตรงข้างเตียง


“ขอบใจ”


คำขอบคุณเพียงสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเบาแสนเบา ราวกับขัดเขินและประหม่า ตามด้วยดวงตาคู่คมที่ค่อยๆ ปิดสนิทลงและหลับใหลไปในที่สุด



ภายในห้องที่คับแคบไม่สมกับฐานะชาติตระกูล เตียงที่แสนเล็กไม่เหมาะสมกับผู้ชายตัวสูงใหญ่ ฟูกที่นอนแข็งกระด้างจนไม่น่าเชื่อว่าจะนอนได้


แต่กลับทำให้เขาสามารถนอนหลับ และฝันดีที่สุดในชีวิต ..


ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่างหายไปไหนอย่างในตอนนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ประจำตัวเธอที่อบอวลอยู่ภายในห้องนี้


ไม่รู้สิ ไม่รู้เหมือนกันว่า “เพราะอะไร” ?



*****




วันเวลายังคงดำเนินต่อไป รวมทั้งความรู้สึกดีๆ ที่มีมอบให้กับคนตัวเล็ก นับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นในทุกขณะที่ยังคงหายใจ


เขายังคงใช้ชีวิตไปตามปกติอย่างเช่นเคย โดยการไปรับไปส่งเอิญในทุกๆ วัน มีการพูดคุย กินข้าว ทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกัน


รวมทั้งการที่ผู้หญิงแบบเธอ สามารถทำให้ผู้ชายเย็นชาแบบเขา ยิ้มและหัวเราะได้มากขึ้นด้วย


“คิง ! เอิญโดนพวกผู้หญิงปีสามรุมอยู่หลังสนามฟุตบอล !”


เสียงเพื่อนคนหนึ่งตะโกนบอกดังลั่นมาแต่ไกล และวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหา


ร่างสูงรีบลุกพรวดพราดจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ และวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความรู้สึกร้อนรนในหัวใจจนแทบจะลุกเป็นไฟ





“หยุด !!!”


เสียงตะวาดกราดกร้าวดังสนั่น ดวงตาคู่คมไหวระริกอย่างเจ็บปวด ภาพของเธอที่ถูกรุมล้อมและโดนตบตี ภาพที่กำลังได้มองเห็นตรงหน้า ทำให้หัวใจแกร่งแทบจะสลาย


คิงก้าวเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับทุกคนที่แหวกตัวออกจากร่างบางอย่างอัตโนมัติด้วยความหวาดกลัว


เมื่อใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเปรียบดังเป็นเทพบุตรสมชื่อ กำลังเปลี่ยนแปลงและแทบจะกลายร่างเป็นดั่งยักษ์ในตำนานไปแล้วในขณะนี้


ร่างสูงหยุดยืนนิ่งและพยุงตัวร่างบางที่ฟุบนั่งอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น แขนแข็งแรงรวบตัวเธอมาแนบอกและสวมกอดไว้


เพื่อต้องการปลอบโยน และให้เชื่อมั่น ให้รับรู้ว่าเขาจะปกป้อง จะเคียงข้าง และจะอยู่กับเธอเสมอ


ไม่มีวันทอดทิ้งเธอไว้ให้อยู่เพียงลำพังอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องราวเลวร้ายจากสิ่งใดก็ตาม





“ฉันขอบอกให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน เพราะฉะนั้นถ้าใครก็ตามบังอาจรังแกหรือทำร้ายเธอ นั่นหมายความว่าจงใจจะเป็นศัตรูกับฉัน”



น้ำเสียงนิ่งเย็นประกาศบอกสถานะของเธอให้คนอื่นได้รับรู้ ก่อนจะเอ่ยบอกอย่างกึกก้อง จนผู้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกเกรียวกับความน่ากลัวของเขาที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจนในตอนนี้


“และฉันขอบอกไว้เลยว่า จะไม่ปล่อยเอาไว้แน่ !”


“พี่คิงคะ”


น้ำเสียงหวานขานเรียกอย่างแว่วหวิวอยู่กับอ้อมอกที่แสนอบอุ่น


“พี่คิงอย่ามายุ่งกับเอิญให้เสียชื่อเสียงอีกเลยนะคะ เอิญรู้ตัวเองดี ที่ทุกคนพูดมาเป็นความจริงทั้งหมดค่ะ”


“พูดว่าอะไร ?”


คิงถาม และรอฟังคำตอบจากเธออย่างตั้งใจ


ดวงตาคู่สวยเงยมองใบหน้าคร้ามคมอย่างนิ่งงัน รวบรวมกำลังใจทั้งหมดและเอ่ยบอกน้ำเสียงสั่นเครือถึงความจริง ที่ควรทำใจยอมรับให้ได้


“ที่พี่คิงทำดีกับเอิญทุกอย่าง เพราะพี่คิงสงสารเอิญ พี่คิงเวทนาเอิญ และเพราะพี่คิงเป็นคนดี”


มือเนียนยกขึ้นปาดป่ายเช็ดหยาดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองให้เหือดแห้ง และพูดบอกประโยคต่อไปด้วยความรู้สึกร้าวรานในหัวใจที่สุด


“เอิญขอบคุณ แต่พอแค่นี้เถอะนะคะ”


พอได้แล้ว ควรหยุดเพียงเท่านี้ ควรจะเจียมตัว และเจียมหัวใจตัวเอง


ไม่ควรฝัน ไม่ควรเพ้อ ไม่ควรบังอาจคิดเผยอขึ้นมายืนเทียบเท่าหรือเคียงข้างกับเขา


แม้จะรู้ดี แม้จะพยายามหักห้าม แต่หัวใจที่แสนดื้อรั้นและไม่รักดีดวงนี้ ก็ยกให้เขาไปจนหมดแล้วทั้งดวง


ร่างบางที่สั่นเทาหันหลังกลับ และเดินจากมา ทั้งน้ำตาที่ยังคงรินไหลอย่างไม่ขาดสาย


เจ็บปวดที่สุด .. เจ็บปวดเหมือนหัวใจจะขาด










“ฉันรักเธอ”



ขาเรียวชะงักหยุดกึก เมื่อได้ยินประโยคสั้นๆ แต่ความหมายแสนดีเหลือเกิน


เนื้อตัวสั่นสะท้านไหวไปหมด ราวกับความรู้สึกลึกซึ้งบางอย่างค่อยๆ ซึมแทรกและแผ่ซ่านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย





“คิงรักเอิญ”




ร่างบางค่อยๆ หันกลับมาเผชิญหน้ากับผู้ชายที่เอ่ยบอกความรู้สึกนี้ให้ได้รับรู้ ความรู้สึกที่ไม่เคยมีโอกาสได้รับจากผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยทั้งชีวิต



“ถ้าผู้ชายอย่างพี่ มีค่าพอให้เอิญรัก และมีค่าเพียงพอที่จะรักเอิญ"


ดวงตาคู่สวยมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างนิ่งงัน รอฟังคำพูดต่อจากนี้ด้วยความตั้งใจและลุ้นระทึก


"กลับมาหาพี่ มาอยู่กับพี่”


น้ำตาหลั่งรินอาบสองแก้มนวลอย่างไม่อาจเก็บกลั้น หัวใจดวงน้อยเต้นแรงระรัวราวกับจะหลุดมานอกอก ก่อนจะล่องลอยขึ้นไปจรดผืนฟ้า


เบาบาง ไร้น้ำหนัก ไร้การควบคุม และติดปีกโผบินไปอยู่กับเขาเรียบร้อยแล้วอย่างไม่อาจต้านทาน




“พี่สัญญาว่าจะดูแลเอิญให้ดีที่สุด”


คนตัวเล็กวิ่งโผเข้าไปหาอ้อมอกกว้าง โดยที่แขนแข็งแรงกางออกเพื่อรอรับที่จะสวมกอดเธออยู่ก่อนแล้วด้วยความปิติยินดี


คนอื่นอาจจะมองว่า คือ "ความแตกต่าง" แต่สำหรับเขา คือ "ความเติมเต็ม"


เธอคือส่วนที่ "ขาดหาย" ไปจากชีวิต เปรียบเสมือนจิ๊กซอร์ชิ้นสุดท้ายที่ตามหามานานแสนนาน


คิงกระชับร่างน้อยในอ้อมกอดให้แนบชิดมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเอ่ยบอกน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แต่เปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกจริงจัง ซึ่งถูกส่งผ่านมาจากดวงใจแกร่งดวงนี้



เพื่อมอบให้ “เธอ”







"เอิญจะเป็น .. ผู้หญิงคนแรก และคนสุดท้าย .. สำหรับชีวิตพี่”





*****************************


อย่าถามหาเหตุผลกับเรื่องของ “ความรัก”


บางคน .. อาจเลือกสิ่งที่ “ถูกต้อง”


บางคน .. อาจเลือกสิ่งที่ “ถูกใจ”


แต่สำหรับผม .. ขอเลือกคนที่ “ใช่”



และนี่ล่ะครับ .. คือเรื่องราว “รักเดียว” ที่เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ชายแบบผม


*****************************




*คนสุดท้าย*







ศศิธาราริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 มี.ค. 2557, 16:25:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มี.ค. 2557, 19:52:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1128





รรวโรจน์ 10 มี.ค. 2557, 16:59:29 น.
เอื้ออาทรณ์ >>> เอื้ออาทร , ปรีติยินดี >>> ปีติยินดี


น้องแสตมป์ 10 มี.ค. 2557, 18:07:48 น.
แอบซึ้ง


แว่นใส 10 มี.ค. 2557, 19:12:29 น.
ชีวิตต้องฝ่าฟันเนอะ


Zephyr 11 มี.ค. 2557, 21:26:40 น.
โหยยยยยยยย น่าร้ากกกกกก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account