love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมิวนิคตามหาเจ้าของ Short note ที่ส่งมาให้ทุกวันโดยที่ไม่เคยรุ้ตัวตนที่แท้จริงของเขามาก่อนเลย แต่ในใจเธอก็แอบหวังว่าเจ้าของShort noteนั้นจะเป็นคนเดียวกับชายที่เขาแอบชอบเรื่องราววุ่นๆเริ่มเกิดขึ้นเมื่อ มิวนิควานให้สายลับสืบว่าใครเป็นเจ้าของกันแน่
Tags: love secret ไม่ใช่ความลับแต่เป็นความรัก
ตอน: ตอนที่14
ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่อยู่ในห้องพยาบาลแล้ว นี่ฉันหลับไปนานเท่าไหร่กันนะ แล้วเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับฉันมันเป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริง พอร์ชจะพูดจาร้ายแรงกับฉันขนาดนั้นเชียวหรอ อยู่ๆฉันก็ตั้งคำถามในหัวของฉันมากมายจนตอนนี้เริ่มปวดหัวซะแล้ว
“มิว...แกเป็นยังไงบ้าง...แกโอเคแล้วใช่ป้ะ”>นี่เป็นคำถามของพิกเล็ทที่ถามฉันขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันตื่น
“แกรู้แล้วหรอ...”
“ซันบอกฉันน่ะ...ซันเล่าให้ฉันฟังตอนที่เขาอุ้มเธอมาที่ห้องพยาบาล...ซันเขาโทรบอกให้ฉันมาดูเธอน่ะ”
“แสดงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องนั้นเป็นความจริงใช่ไหมพิกเล็ท...ฉันไม่ได้ฝันหรอกหรอ”ฉันถามขึ้นด้วยแววตาที่เลื่อนลอย
“อื้ม”
“แล้วแกคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า...แกยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอยู่หรือเปล่าพิกเล็ท”ฉันคว้ามือพิกเล็ทมากลุมไว้พร้อมกับถามขึ้น
“ฉันเชื่อใจแก...แกไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนฉันเป็นเพื่อนแกมาตั้งกี่ปีทำไมฉันจะไม่รู้นิสัยแก...แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่คบกับแก”พอพิกเล็ทพูดจบฉันก็โผลเข้ากอดเธอด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะ^___^”ฉันยิ้มทั้งที่น้ำตายังซึมๆอยู่รอบดวงตา
“แล้วแกจะเอาไงต่อ...จะอธิบายหรือว่าจะปล่อยไว้แบบนี้”
“ถ้าเป็นแก...แกจะอธิบายไหม...ในเมื่อเขาไม่คิดที่จะฟังฉันเลย”ฉันหลุบตาลงต่ำอย่างผิดหวัง
“อย่างน้อยการที่เราได้อธิบายมันก็เป็นสิ่งที่เราพูดออกไป...ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อแต่ก็ยังดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรอ”
“งั้นฉันก็คงต้องไปอธิบายกับเขาสินะT^T”
ตึง ดึง ดึง ดึ่ง ตึง ดึง ดึง ดึ่ง!!
[ขอแจ้งให้ทราบ นักเรียนที่ลงงานMusic school ขอเลื่อนกิจกรรมไปอีกเป็นเดือนหน้า ยังไม่กำหนดวันที่ตายตัว ทางเราจะแจ้งวันที่ให้ชัดเจนอีกทีค่ะ เนื่องจากว่ายังมีนักเรียนบางกลุ่มที่ยังไม่ลงทะเบียนแข่ง และเนื่องจากว่ากรรมการของเราติดภารกิจใหญ่ที่ต่างประเทศทางโรงเรียนจึงไม่สะดวกที่จะจัดงานนี้ขึ้น จึงมาแจ้งให้ทราบ ขอบคุณค่ะ]
ตึง ดึง ดึง ดึ่ง ตึง ดึง ดึง ดึ่ง!!
“โห เลื่อนเป็นเดือนหน้าเลยหรอเนี้ย”>พิกเล็ทกล่าวด้วยความตกใจ
“ไม่ว่าจะเลื่อนไปวันไหน เดือนไหน ปีไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้วไม่ใช่หรอ”
เป็นอันว่าวันนี้ฉันก็ไม่ได้เข้าเรียนเลยเพราะว่าฉันดันหลับทั้งวันเลยน่ะสิ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ มาแบบกะทันหันแบบนี้ฉันก็ตั้งตัวแทบไม่ทันเลยน่ะสิ คนที่รักก็ทิ้งไปเพราะความไม่เชื่อใจกันและไหนยังปัญหาต่างๆที่ฉันกำลังเจอในตอนนี้ด้วย
ดูสายตาของพวกผู้หญิงเหล่านั้นสิ มองฉันเหมือนกับว่าฉันไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเธอแน่ะ คงจะรู้ข่าวแล้วล่ะสิ ข่าวด้านลบของฉัน ข่าวที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ข่าวที่ทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงที่แย่
“ยัยนี่หรอแกที่คบซ้อน ช่างกล้าทำนะยะ”ยัยผู้หญิงผมสั้นหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน
“คบพอร์ชคนเดียวก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่น่าทำตัวเองเลยอ่ะ”
“เฮ้ย แกแต่ฉันว่านางเลิศออก ได้ทั้งพอร์ช ได้ทั้งซัน แถมเอพริลมาอีกอ่ะฉันล่ะอิจฉานางเหลือเกิน”กระเทยนางหนึ่งพูดขึ้นด้วยอาการที่ดูอิจฉาฉัน
“สงสารพอร์ชเนอะที่ต้องเจอคนแบบนี้ ฉันล่ะอยากจะรู้เหลือเกินว่าจิตใจยัยนี่ทำด้วยอะไร”
สารพัดกับคำพูดต่างๆที่ดันเข้าหูฉันระหว่างทางที่เดินมายังป้ายรถเมล์ ต่อไปนี้และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันคงใช้ชีวิตที่ไม่เป็นสุขแล้วสินะ ความสงบที่เคยเกิดขึ้นกับฉันมันคงไม่มีอีกตั้งแต่บัดนี้แหละ ฉันไม่ได้คบซ้อนนะฉันคบพอร์ชแค่คนเดียว ข่าวพวกนั้นน่ะมั่ว และนี่ก็เป็นแค่ความคิดของฉัน ใช่! ฉันแค่คิด เพราะถ้าพูดอะไรออกไปก็คงโดนหาว่าแก้ตัวน่ะสิ
“สมน้ำหน้า...”ฉันสะดุ้งเมื่อเสียงนี้กระซิบที่ข้างหูฉันจนฉันต้องหันไปมองเจ้าของเสียง
“นาเดีย...”ไม่น่าเชื่อว่านาเดียจะเป็นเจ้าของเสียงนั้น คงหมั่นไส้ฉันเพราะหนึ่งในข่าวมีเอพริลใช่ไหมล่ะ
“ขอบคุณนะที่ยังจำฉันได้”
“เธอทำแบบนี้ทำไม” ฉันยืนประจันหน้าถามเขา
“มันเป็นสิทธิ์ของฉัน จำไว้เลยนะถ้าเธอคิดที่จะอ่อนเอพริลอีกล่ะก็เธอจะไม่เจอแค่คำพูดแรงๆของคนพวกนี้แน่”
“เธอปล่อยข่าวงั้นหรอ ทำไมนาเดียฉันไปทำอะไรให้เธอทำไมเธอถึงทำแบบนี้”นาเดียไม่สนใจคำถามของฉันแต่กลับเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ระรื่นชื่นบานเหมือนกับว่าเธอเป็นผู้ที่เหนือกว่า
ฉันเดินเข้ามาภายในหมู่บ้านของฉัน ภายในหัวตอนนี้มันตีกันไปหมด ข่าวพวกนี้ถูกปล่อยออกไปจนทำฉันมองหน้าใครแทบไม่ติดก็เพราะนาเดีย นี่มันเรื่องบ้าอะไรของฉันเนี้ย
“มิวดีกับพอร์ชหรือยังลูกเห็นเมื่อวานเหมือนงอนๆกัน”
จึก!
คำพูดของแม่เหมือนมีดที่แหลมคมเสียบลงกลางใจของฉัน มันชั่งตอกย้ำฉันเหลือเกิน ไม่ใช่แค่งอนกัน ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งไหนๆที่จะงอนพอง้อก็หาย แต่ครั้งนี้มันเป็นการเลิกรา มันเป็นการจากลาที่ไม่ดีเอาซะเลย มันช่างเป็นความทรงจำที่แสนจะย่ำแย่เหลือเกิน เลิกกันทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เลิกกันด้วยคำพูดที่แสนเจ็บปวดของเขา ฉันไม่อยากจบแบบนี้เลย
“คงไม่ดีกันหรอกค่ะแม่”ฉันพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อ้าวทำไมล่ะ รู้ไหมถ้าเรามัวแต่งอนกันแบบนี้เดี๋ยวอีกหน่อยก็ได้เลิกกันหรอก”คำพูดของแม่ทำให้น้ำตาที่ฉันกลั้นเอาไว้หลั่งไหลลงมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ พอแม่หันมาเห็นแม่ก็ตกใจและวิ่งกรูดเข้ามาหาฉันเลย “มิว...เป็นอะไรลูก...ร้องไห้ทำไม”
“แม่คะ...มิวเลิกกับเขาแล้วค่ะ”ฉันบอกแม่ทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรนะมิว...แม่จะไม่ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นจะไม่ถามว่าใครถูกหรือใครผิด...แต่แม่เชื่อว่าลูกแม่ต้องผ่านมันไปได้”แม่กอดฉันเพื่อปลอบโยน
วันต่อมา...
ฉันยืนทำใจอยู่ที่หน้าโรงเรียนเพียงไม่นาน ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในโรงเรียน เฮ้อ! อึดอัดใจจังเลย กดดันใช่เล่นเลยนะเนี้ย เมื่อคิดว่ามีใครบางคนนั้นมองมาที่ฉัน ฉันก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวด้วยความรีบร้อน
พลั่ก! ตุ้บ!
การที่ฉันเดินเร็วนั้นทำให้ฉันต้องชนกับใครสักคนเข้าอย่างจังอย่างไม่ทันตั้งตัว จนฉันเสียหลักล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
“โอ๊ย!”ฉับอุทานเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ฉันเดินชนซึ่งตอนนี้เขาได้นั่งอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
“เป็นอะไรมากไหม”
“ซัน!O_O”
“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นล่ะ ลุกขึ้นเร็วคนมองหมดแล้ว”ซันยืนขึ้นก่อนที่จะยื่นมือให้ฉันดึงขึ้นอยู่ตรงหน้า
“ก็เพราะนายนั่นแหละที่หยุดไม่ยอมบอก ถ้าคนอื่นจะมองก็ต้องโทษนาย”
“แต่เธอเดินมาชนฉันเองนะ จะลุกขึ้นไหม”มือของซันยังคงค้างอยู่
แป๊ะ!
“อย่ามายุ่งกับฉัน”ฉันปัดมือเขาทิ้งพร้อมกับกล่าวคำพูดที่ไม่ค่อยใส่อารมณ์สักเท่าไหร่
“อือ...งั้นก็ตามใจ”เขาตอบก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันเป็นที่จับตามองของคนแถวนี้
“ไอ้บ้าซันเอ๊ย”ฉันตะโกนด่าซันอย่างโมโห
แล้วตอนนี้ฉันคิดที่จะทำอะไรต่อดี น่าเหนื่อยใจจังเลยทำไมถึงได้มีแต่ปัญหาเข้ามารุมเล้าเต็มไปหมด ถ้าวันนั้นฉันตัดสินใจที่จะผลักซันออกมันคงจะดี เพราะอะไรกันทำไมฉันถึงไม่ผลักเขาออกล่ะ ทำไมฉันถึงไม่ลุกขึ้น ถ้าฉันผลักเขาออกเราคงไม่เลิกกันอีกอย่างเขาก็คงจะไม่ต้องทะเลาะกับเพื่อนร่วมวง ฉันคงไม่ต้องมาอึดอัดใจกับสถานการณ์แบบนี้ด้วย
ฉันเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน แต่ก็เหมือนกับฟ้ากลั่นแกล้งฉันที่ตรงหน้าฉันเป็นพอร์ชที่กำลังเดินมาพอดี เราสองคนหยุดมองหน้ากันโดยบังเอิญเพียงชั่วครู่ก่อนที่พอร์ชจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นและเดินเลี่ยงไปอีกทางเหมือนกับว่าไม่อยากเดินร่วมทางเดียวกันอยางงั้นแหละ
“พอร์ช!!”แล้วใยใจถึงได้สั่งให้ฉันเรียกเขาไว้ล่ะ พอร์ชชะงักฝีเท้าหยุดที่จะก้าวเท้าเดิน เพียงแค่หยุดเท่านั้นไม่ได้หันมามองหน้าฉัน “ฟังมิวก่อนได้ไหมพอร์ช” ฉันเดินไปขอร้องพร้อมกับเดินไปดักที่ด้านหน้าของเขา
“มีอะไร...ฉันรีบ”น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นมันช่างเย็นชาเยือกเย็นไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน พอร์ชคนเก่าของฉันหายไปไหนT^T ฉันรู้ว่านายไม่ได้รีบอะไรหรอกแต่นายแค่จะหลบหน้าฉันใช่ไหมล่ะพอร์ช
“พอร์ชฟังมิวอธิบายก่อนนะ”
“ฉันว่าเธอใช้คำไม่ถูกนะ...น่าจะใช้คำว่าแก้ตัวมากกว่า”พอร์ชพูดก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากหนึ่งครั้ง
“ไม่ว่าคำพูดของฉันมันจะฟังดูเป็นอธิบายหรือว่าจะเป็นการแก้ตัวก็แล้วแต่นายจะคิด ขอให้ฉันได้พูดแล้วนายค่อยตัดสินใจได้ไหม...ฉันขอร้องล่ะพอร์ช...ฉันไม่ได้ขอให้นายกลับมาคบฉัน...เพราะฉันรู้ว่านายก็คงไม่กลับมา...”
“รู้แล้วจะอธิบายทำไมล่ะ...ไม่ใช่สิรู้แล้วจะแก้ตัวทำไม!!”พอร์ชตะโกนใส่หน้าฉัน
“ถึงแม้ว่านายจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด...แต่ก็ถือว่าฉันได้พูดทุกอย่างไปแล้วถ้าสักวันหนึ่งเรื่องจริงมันเกิดเปิดเผยขึ้นมาฉันอยากให้รู้ไว้ว่าฉันยังรอนายอยู่นะ”นี่ฉันกำลังจะเสียเขาไปจริงๆหรอ
“รู้ว่าเธอเป็นคนแบบนี้น่ะหรอมิวนิค เธอหักหลังฉันแล้วเธอยังจะให้ฉันกลับไปหาเธออีกหรอ”
“แต่ฉันโดนจัดฉากนะ มีคนแกล้งเราให้เลิกกัน นายก็รู้ว่านิสัยฉันเป็นยังไงไหนนายเคยบอกไงว่านายเชื่อใจฉันแล้วนี่อะไรล่ะพอร์ชทำไมเวลาเจอปัญหาทุกครั้งฉันไม่เคยมีนายอยู่ข้างๆเลย ในเมื่อนายไม่เคยเชื่อใจอะไรฉันเลยงั้นก็จำเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งนายจะต้องเสียใจที่นายพูดจาหยาบคายกับฉันในวันนั้น”ฉันพ้นคำพูดออกมาด้วยน้ำตา ใช่! ไม่ว่าฉันจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ตกอยู่ในอันตรายหรือจะปัญหาที่ฉันต้องรับมันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พอร์ชจะอยู่ข้างๆฉัน ฉันปาดน้ำตาก่อนี่จะเดินหลบเขาไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
พลั่ก! ตุ้บ!
ฉันที่เดินไปยังไม่ทันถึงห้องเรียนก็ดันซุ่มซ่านเดินชนคนจนล้มลงมากองกับพื้นอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวันนะ แต่นี่มันครั้งที่สองแล้ว ตอนเดินเข้าโรงเรียนก็กับนายซันส่วนตอนนี้น่ะหรอก็กับคนเดิมไง ทำไมฉันต้องมาเจอเหตุการณ์ซ้ำๆกับคนคนเดิมด้วยเนี้ย
“T^T”ฉันไม่โว้ยวายเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตามันไหลทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น
“นี่เธออีกแล้วหรอ เดินไม่รู้จักระวัง...นี่ลุกขึ้นมาเลยนะฉันรู้ว่าเธอแกล้งชนฉันจะแก้แค้นฉันตอนเช้าใช่ไหมเนี้ย”ซันไม่พูดเปล่าแต่กลับมาเขย่าแขนให้ฉันลุกขึ้น แต่พอเห็นฉันไม่ลุกเขาก็เป็นฝ่ายนั่งลงมาแทน
“นี่เธอ...เธอ...ร้องไห้หรอ”ใบหน้าของซันตอนนี้ดูซีดๆไปที่เห็นฉันร้องไห้ เขาอึ้งกับท่าทางของฉัน นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ฉันต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา หน้าอายจังT///T
“มองทำไม!!...จะไปไหนก็ไป!”ฉันตะคอกพร้อมกับผลักเขาจนล้มหงายหลังไป ก่อนที่ฉันจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าห้องไปและไม่ลืมที่จะเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ
“เอ้า...อะไรของเธอเนี้ย”
“มิวแกเป็นอะไรอ่ะ...”นี่เป็นคำถามของพิกเล็ทที่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงฉันเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้าห้องด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ฉัน...ฉันไม่เป็นอะไร”ฉันไม่ตอบแต่กลับปฏิเสธไป
“ฉันไม่เชื่อ...นี่ฉันเป็นห่วงแกขนาดนี้แล้วแกยังไม่บอกฉันอีกหรอมิว...ช่างมันดิวะจะไปสนใจมันทำไมก็แค่ผู้ชายโง่ๆคนเดียวแกก็ปล่อยให้มันกินหญ้าไปสิ...ไม่ต้องไปเสียดายมันสักวันเดียวมันก็หันมากินข้าวเองแหละ”นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าเพื่อนกันมักจะรู้ทุกอย่างในสิ่งที่ไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้
“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เชื่อใจฉันเลย...T^T”
“ฉันเองก็ไม่ได้ต่างไปจากแกสักเท่าไหร่...เอาวะมิว...วันนี้แกคงไม่อยากเรียนแล้วใช่ป่ะ...งั้นวันนี้ฉันจะพาแกโดดเรียนเอง...ว่าแต่เด็กเรียนอย่างแกจะยอมไปปลดปล่อยความทุกข์กับฉันป่ะ^-^”พิกเล็ททำหน้าทะเล้นใส่ฉันก่อนที่จะยื่นมือมาข้างหน้าฉัน
“แกไม่กลัวเสียการเรียนหรอ...”
“ไม่อ่ะ...อย่างน้อยฉันไปไอ้สองคนนี้ก็ไม่ได้ไปด้วยสักหน่อย...”พิกเล็ทหันหน้าไปทางน้ำขิงกับปาร์ตี้
“ไปเถอะถ้าแกคิดว่ามันทำให้แกดีขึ้น...เดี๋ยวฉันจะจดงานไว้ให้แก...เห็นแกมานั่งเรียนแบบไม่เอาวิญญาณมามันหงุดหงิดอ่ะแกรีบไปให้พ้นหน้าฉันแล้วดึงวิญญาณเพื่อนฉันกลับมาด้วยล่ะเข้าใจป้ะ^0^”นี่เป็นคำพูดของยัยน้ำขิง แกช่างเป็นเพื่อนที่น้ำใจงามเหลือเกิน
“อื้อ...ไปเถอะเดี๋ยวฉันกับน้ำขิงจดงานไว้ให้...น้ำขิงเธอพูดให้กำลังใจเพื่อนหรือเปล่าเนี้ย”ปาร์ตี้กล่าวแต่ก็ไม่วายจะหันไปดุน้ำขิง
แล้วฉันก็ได้มาอยู่ที่ลานน้ำพุแถวหลังโรงเรียน ที่นี่เป็นที่ที่สงบไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ฉันกับพิกเล็ทเลยฉวยโอกาสมานั่งเล่นอยู่ที่นี่ ความจริงแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโดดเรียนหรอกนะแต่ถึงแม้ว่าฉันจะนั่งเรียนฉันก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี นั่นมันเป็นเพราะเหตุผลที่สมองของฉันมันไม่ได้โฟกัสไปกับการเรียนเลยแต่มันโฟกัสไปหาใครบางคนที่ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ
“อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะว่าไหม^_^”พิกเล็ทกล่าวขึ้นก่อนที่เธอจะหย่อนขาลงไปในบ่อน้ำข้างหน้าเธออย่างรู้สึกผ่อนคลาย
“ดีของแกไงที่ไม่ต้องเรียน ใช่ป่ะ^o^”ฉันพยายามยิ้มให้เพื่อน นี่ตอนนี้ใครปลอบใจใครกันแน่เนี้ย ฉันล่ะเริ่มงง
“นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง...แล้วทำไมแกถึงได้ยอมมากับฉันล่ะ”
“ถึงฉันนั่งเรียนอย่างตั้งใจแค่ไหน ความรู้มันก็กระเด้งออกอยู่ดีฉันเลยเลือกที่จะออกมาดีกว่าเผื่อว่าออกมาแล้วจะดีขึ้น”
“ฉันอยากรู้จังว่าเมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นกับแก...แกพอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม”ฉันทำท่าอ้ำอึ้งแต่ก็ยอมเล่าแต่โดยดี
“เมื่อเช้า...ฉันเจอพอร์ชตอนขึ้นบันได...คือตอนแรกฉันก็ทำอะไรไม่ถูกอ่ะ...แต่อยู่ๆปากของฉันมันก็ไวเรียกเอาไว้ซะก่อน...”
“แล้วไงต่อ...”
“ฉันพยายามอธิบายให้เขาฟัง...แต่เขาก็บอกว่าฉันแก้ตัว...ฉันไม่โกรธเขาหรอกที่เขาพูดจาใส่ฉันด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ...แต่ฉันเสียใจที่เขาไม่เชื่อใจฉัน...ทำไมวะแกรูปมันอธิบายได้ทุกอย่างเลยหรอ...”
“ก็บอกแล้วไงว่าผู้ชายมันโง่!...ดูอย่างฉันสิจนป่านนี้แล้วนายนั่นก็ยังโง่อยู่เลย”ฉันคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าพิกเล็ทหมายถึงใคร
“ฉันว่า...เราลองเอาความเจ็บมาแชร์กันแล้วช่วยกันปลอบใจดีไหมT^T”
“ความคิดดี...แต่ฉันว่าของฉันไม่เท่าไหร่...ได้ข่าวว่าแกโดนเยอะอยู่นะ เห็นว่าแกโดนปล่อยข่าวทั่วโรงเรียนเลยไม่ใช่หรอ”
“ฉันเลยดูแย่ไปเลยเนอะ ใครเขาจะเชื่อคำอธิบายของฉันล่ะ”ใช่สิขนาดพอร์ชยังไม่ฟังคำพูดของฉันเลย
“แกจะเอาไงต่อไปอ่ะ”
“ฉันจะทำทุกๆอย่างให้ทุกคนเชื่อฉันให้ได้”ฉันกล่าวอย่างมั่นใจ
“ฉันไม่คิดเลยนะว่านาเดียจะเป็นคนแบบนี้”พูดถึงนาเดียฉันก็มีคำถามอยากจะถามยัยพิกเล็ทเหมือนกัน
“แก...นาเดียเลิกกับซันหรือยังน่ะ”
“เห็นยังคบกันอยู่เลยนะ”
“แล้วเพื่ออะไร...ฉันไม่เข้าใจว่าจะคบต่อไปทำไมในเมื่อตอนนี้วงซีเคร็ตโค้ดก็แยกวงแล้ว”
“แต่ซันดังกว่าเอพริลนะ”
“ฉันจะทำให้2คนนี้เลิกกัน ฉันจะทำแบบที่นาเดียทำกับฉัน”
“เห้ยมิว...ถึงแกจะทำให้นาเดียเลิกกับซันได้แต่คนที่เจ็บมันซันนะเว้ย แกก็รู้ว่ายัยนั่นไม่ได้รักซันเพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ยัยนั่นรู้สึกอะไรหรอกเปล่าประโยชน์”
“เออ...มันก็จริงของแก แต่ฉันกำลังจะช่วยนายนั่นอยู่นะ ฉันรู้ว่าการเลิกกันมันทำให้ซันเจ็บแต่เจ็บตอนนี้ก็ยังดีกว่าถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ใช่หรอ”
“แต่แกจะทำยังไงล่ะ ขนาดข่าวเรื่องแกกับซันยังไม่กระทบผลต่อยัยนั่นเลย เห็นไหมตอนนี้ก็ยังคบกันเหมือนเดิมมีทางเดียวคือความจริงทั้งหมดเท่านั้น...ความจริงที่นาเดียไม่ได้รักซันแล้วหรอกใช้เขาหรือแม้กระทั้งความจริงที่ยัยนั่นจัดฉากทั้งหมด...อีกอย่างแกเองก็จะได้ประโยชน์นั้นด้วยแกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยฟรีไง^_^”
“ฉลาดมาก”ฉันกล่าวชมด้วยความภูมิใจกับความฉลาดของเพื่อน
“แน่นอนอยู่แล้ว^-^”
“ไม่ค่อยอ่ะ....”
“มิว...”จากที่เป็นคนมั่นใจตอนนี้กลับกลายมาเป็นเสียงที่ดูเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูก
“ห๊ะ-0-”
“ฉันว่า...ฉันควรพอแล้วล่ะกับการแอบรักมา3ปีเนี้ย...ฉันเหนื่อยกับการหึงที่ไม่รู้ว่าหึงเพราะฐานะอะไร เจ็บเพราะฐานะอะไรกันแน่”
“แล้วสิ่งที่แกคิดมาตลอด3ปี...แกคิดว่าแกทำได้หรือเปล่า แกลองถามตัวเองหรือยังว่าควรพอหรือรอต่อไป”
“...”
“เวลาแกทะเลาะกับนายนั่น ฉันรู้ว่าการทะเลาะกันกัดกันเป็นประจำมันก็ทำให้แกโมโห แต่ในอารมณ์ที่แกโมโหมันก็ทำให้แกมีความสุขไม่ใช่หรอความสุขที่ได้คุยกันทางอ้อม ความสุขที่ต้องหาเรื่องทะเราะกัน ปฏิเสธสิว่าแกไม่มีความสุข”
“นายนั่นหาเรื่องฉันเพราะเห็นฉันเป็นตัวตลกมากกว่า อีกอย่างนายนั่นมันดังถ้าเทียบกับฉันแล้วแทบไม่มีใครรู้จักฉันเลย...ฉันดูไม่เหมาะสมกับเขาสักนิด”พิกเล็ทพูดก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ
“พิกเล็ทแกฟังฉันนะ อะไรคือความเหมาะสมหรอ...คนสวยกับคนหล่อ คนดังกับคนดังงั้นหรอ แบบนี้ใช่ป้ะเรียกว่าเหมาะสมกัน...ความเหมาะสมมันเอามาตัดสินว่าเป็นคู่กันไม่ได้หรอก เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องคู่กันเสมอไป แกดูผู้ชายกับผู้หญิงคู่นั้นสิแกเห็นความเหมาะสมของเขาไหม ผู้ชายดำกับผู้หญิงขาว...”ฉันพูดพร้อมกับยกตัวอย่างคู่รักที่แอบโดดเรียนมานั่งจู๋จี๋กันไม่ใกล้ไม่ไกลจากฉัน2คนเท่าไหร่นัก พิกเล็ทมองตามก่อนที่จะหันมาถามด้วยความสงสัย
“แล้วไง...ฉันไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่แกพูดเลย”
“ก็เพราะเขาทั้งคู่รักกันในแบบที่เขาเป็นไง...รักกันจนมองข้ามความเหมาะสมต่างคนก็ต่างมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน แต่รู้ไหมว่าความต่างที่ทั้งคู่มีไม่เหมือนกันทำให้เขาอยากเอาบางส่วนที่เขาไม่มีมาเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดไปไง ฉันอธิบายขนาดนี้แล้วแกเข้าใจหรือยังล่ะ^_^คราวนี้แกคิดว่าความเหมาะสมมันจำเป็นอีกหรือเปล่า”
“สิ่งที่แตกต่าง มักเป็นสิ่งที่นำมาเติมเต็มบางส่วนที่ไม่มี เห้ยเจ๊งอ่ะ!^o^ ”
“คราวนี้แกก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่าควรพอหรือรอต่อไป ฉันทำหน้าที่ได้แค่แนะนำแกเท่านั้น ส่วนจะทำหรือไม่ทำนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแกแล้วล่ะเพื่อน”
“ขอบคุณนะมิว...แกเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุดเลย...ฉันสัญญาไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้งฉันก็จะรักแกเหมือนเดิมไม่ว่าจะทะเลาะกันแรงแค่ไหนฉันจะต้องไม่ปล่อยให้ความเป็นเพื่อนของเราลดน้อยลงฉันจะทำให้มันมากขึ้น”พิกเล็ทกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจจนเห็นลักยิ้มเล็กๆที่มุมปากซึ่งเวลาพิกเล็ทยิ้มมักจะดูมีเสน่ห์มากเลย
“ขอให้จริงเถอะ^o^”ฉันกอดคอเพื่อนสาวพร้อมกับหย่อนเท้าลงไปในบ่อน้ำข้างหน้าบ้างอย่างผ่อนคลาย “ว่าแต่ที่แกบอกว่าจะทำให้มากขึ้นเนี้ยแกไม่ได้คิดอะไรไม่ซื่อกับฉันใช่ป้ะ”ฉันทำหน้าตาตื่นตกใจตามประสาคนขี้เล่น
“จะบ้าหรอแก เออ...หรือว่าฉันจะชอบแก*o*”พิกเล็ททำตาวิ้งๆใส่ฉัน
“อี๋...ฉันชอบผู้ชายย่ะ-o-”
“ฮ่าๆๆฉันล้อเล่น...ฉันคุยกับแกแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยอ่ะ...พรุ่งนี้เราโดดเรียนมานั่งเล่นกันแบบนี้ดีป้ะชวนพวกนั้นมาด้วย”พิกเล็ทถามทีเล่นทีจริง แต่ฉันว่ายัยนี่น่าจะคิดจริงเสียมากกว่า
“เอิ่มแก...ฉันว่าไม่ใช่อารมณ์เศร้าแล้วล่ะ...ฉันคิดว่าเป็นเพราะความขี้เกียจครอบงำของแกล้วนๆ...แกจะตัดอนาคตเพื่อนหรือไงเล่า!”ว่าแล้วฉันก็มะเหงกลงไปที่หัวของยัยเพื่อนตัวดีไปหนึ่งที
“นี่...แต่พรุ่งนี้เรียนเลข3คาบเลยนะTOT”ฉันรู้ว่าวิชาคณิตศาสตร์น่ะ นรกสำหรับยัยนี่เลย
“3คาบยิ่งต้องเรียนเลย จะโดดได้ยังไง...อีกอย่างพรุ่งนี้เรียนวิชาประวัติศาสตร์กับครูเต้อีกนะ แกจะไม่เข้าจริงๆหรอออ....”ฉันลากเสียงยาว เพราะนี่เป็นวิชาเดียวที่พิกเล็ทยอมตั้งใจเรียน ก็จะเพราะเหตุผลอะไรล่ะถ้าครูฝึกสอนไม่หล่อเหลา หน้าตี๋แบบนี้ยัยนี่ไม่เรียนหรอก
“เออ....จริงด้วยนี่ฉันลืมแฟนคนที่สองของฉันไปได้ไงเนี้ย...ขอบใจนะเพื่อนรักที่แกเตือนฉัน^o^”พิกเล็ททำหน้าเพ้อฝันเหมือนกับว่าเธอเป็นนางเอกในนิยาย
“จ่ะแม่คุณ-_-”
“แก...แต่ฉันว่าเป็นโสดก็ดีเหมือนกันนะ....”
“ทำไมล่ะแก”
“ก็...มองใครก็ได้หลายๆคนโดยไม่ต้องมีใครหึงใคร...ไม่ต้องคอยระแวงเวลาทำอะไรผิด...คุยได้หลายคนแถมไปไหนก็ไม่ต้องคอยรายงานหรือโทรเช็คให้ปวดหัว ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าใครจะนอกใจใครอีกต่างหาก”พิกเล็ททำท่าทางอธิบายด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์
“มันก็เป็นความคิดที่ดีนะ...แต่นั่นมันเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่มีใครเลือกเว้ย!”
“แรงอ่ะ>o<”แต่ถึงแม้ว่าฉันจะพูดจาแรงแต่มันก็ทำให้เราระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เราไม่เคยโกรธกันเวลาพูดจาแรงใส่กัน เพราะการที่เราพูดแบบนี้มันแสดงถึงความจริงใจที่เรามีต่อกัน
ผ่านไปหลายวัน ฉันก็เริ่มชินกับสายตาที่จับจ้องฉันเหมือนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อกันแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นว่าฉันจะโดนตบหรือถูกใครเอาน้ำกรดมาสาดสักหน่อย คงแค่สายตาที่จิกกัดเท่านั้นแหละมันไม่ได้มากกว่านี้งั้นก็ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย
“ถ้าจะเดินตัวสั่นขนาดนี้ เดินเข้าไปพร้อมฉันไหม”
พรึบ!
ฉันได้แต่หันไปมองต้นเสียงที่กล่าวขึ้นอย่างงงๆ บ้าจริงนายมาเห็นว่าฉันตัวสั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ ฉันเปล่าตัวสั่นสักหน่อย มันเป็นการเดินที่ใช้พลังงานเยอะมากที่สุด การใช้พลังงานเยอะแบบนี้มันช่วยเผาผลาญคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูงย่ะ นายไม่เคยเรียนเคมีหรือไง (เคมีบ้านไหนยะ)
“ไป!”โอ๊ย!-o- น่าอับอายชะมัดเลยยัยมิวนิค ดันไปตอบตกลงแบบนั้นฉันก็เสียหน้าแย่สิ ปากไวดีจริง ทุกครั้งเลยนะทำไมไม่หัดทำอะไรที่ตรงข้ามซะบ้างนะ รักษาฟอร์มหน่อยเป็นไหม!
“คิดก่อนตอบหน่อยไหม-_-”
“ไม่คิด! ไปเลย”เอาอีกแล้ว มันน่าตีให้ตายดีนัก-o- ฉันล่ะเอือมละอากับเธอจริงๆนะมิวนิค
“ฮ่าๆๆ เธอมาแปลกนะวันนี้”ซันกล่าวก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“นี่นาย! อย่ามาหัวเราะฉันนะเสียมารยาท!”ฉันเอ็ด
“ก็วันนี้เธอทำตัวโก๊ะๆนี่ โดนแฟนทิ้งจนเพี้ยนเลยหรอ”
จึ๊ก!
ประโยคหลังทำให้ฉันจี๊ดมาก ฉันหันขวับไปมองซันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนักจนตัวเขาเองสะดุ้งๆโหยง ก่อนที่จะเอามือของตัวเองขึ้นมาปิดปากอย่างรู้งาน ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีซะแล้วสิ ทำไมเวลาฉันเจอหน้าอีตานี่ทีไรฉันต้องอารมณ์เสียทุกทีเลยนะ คนอย่างเขามันไม่น่าเจรจาด้วยเลยสักนิด ฉันรีบกระชับสายกระเป๋าพร้อมกับก้าวเท้าให้ยาวขึ้นด้วยการเร่งฝีเท้าของตัวเองให้รีบออกห่างจากเขา ชิ! ไอ้คนปากเสีย ไม่มีนายฉันก็ไม่ตายหรอกแค่สายตาคนพวกนี้เอง
ซ่าส์!!
“กรี๊ด!O0O”>ฉัน
“เห้ยO_O”>ซัน
อยู่ๆก็มีใครไม่รู้สาดน้ำใส่หน้าฉันจนตอนนี้สภาพฉันแทบจะดูไม่ได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรของฉันเนี้ยซวยแต่เช้าเลย ฉันจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาออกแล้วมองหาเจ้าของหยดน้ำหยดใหญ่ที่สาดมาปะทะใบหน้าอันสวยสดงดงามของฉัน ใครกัน มันเป็นคายยยยย
“นาเดีย!”
“อุ๊ย! ฉันขอโทษนะมิวนิคพอดีว่าฉันสะดุดตอนที่วิ่งเอาน้ำมาให้ซันน่ะ ขอโทษจริงๆนะฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ”นาเดียทำท่าทางขอโทษด้วยน้ำเสียงที่จีบปากจีบคอ แต่ฉันรู้ว่ายัยนี่มันตั้งใจแกล้งฉัน
พรึบ! ซ่าส์!
ฉันคว้าแก้วของใครบางคนที่เดินผ่านมาสาดใส่ใบหน้าของนาเดียอย่างจัง ฉันขอเอาบ้างนะเพราะฉันเองก็ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะต้องอ่อนแอไม่สู้คน
“อุ๊ย! หลุดมือ...ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจพอดีว่าสะดุดลมน่ะ...ขอโทษจริงๆน้า*o*”ฉันพูดำพร้อมกับทำลอยหน้าลอยตา
“นี่! มิวนิคเธอทำแบบนี้ทำไม...เธอก็เห็นว่านาเดียไม่ได้ตั้งใจ...ขอโทษนาเดียซะ”นี่เป็นเสียงของซันที่ดูเหมือนจะโกรธกับการกระทำของฉันเมื่อกี้
“ไม่! หรือนายจะเอาอีกคน”ฉันกล่าวอย่าท้าทาย
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ ดูสิว่านาเดียเลอะเทอะไปหมดแล้ว”ซันชี้ให้ดูแฟนสาวของเขาที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากฉัน
“แล้วนายตาบอดหรือไงเล่า ฉันก็เลอะเหมือนกันแหละ”
“ไม่เป็นไรหรอกซัน นาเดียไม่เป็นไรอีกอย่างถือว่าเจ๊ากันไปก็ได้ นาเดียก็ผิดที่ไม่ยอมระวัง”ยัยนาเดียกล่าวกับซันแต่ก็ไม่วายหันมาทำหน้าตาเคืองๆใส่ฉัน เหมือนนางร้ายในละครเลย
“ไม่ได้หรอกนาเดีย...”
“นี่! ถ้าจะมาทำดราม่ากันแบบนี้ฉันขอตัวนะฉันรีบ อ้อฝากทิ้งแก้วนี่ด้วยนะ”ว่าแล้วฉันก็จัดการยัดแก้วพลาสติกที่สาดน้ำหมดแล้วไว้ในมือของซัน
“ยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี!”แต่ก็ไม่วายที่ซันจะตะโกนไล่หลังฉัน
“ไอ้ผู้ชายหน้าโง่!!” ฉันตะโกนกลับ
“นี่เธอกล้าว่าฉันหรอ...”ซันถามอย่างโกรธเคือง
“เออ...”
“อย่าให้เจอนะ...ไม่งั้นเธอตายแน่!”
“กลัวตายแหละ ;p”ฉันแลบลิ้นใส่ซันหนึ่งทีก่อนที่จะหันหลังเดินต่อไป
“มิว...แกเป็นยังไงบ้าง...แกโอเคแล้วใช่ป้ะ”>นี่เป็นคำถามของพิกเล็ทที่ถามฉันขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันตื่น
“แกรู้แล้วหรอ...”
“ซันบอกฉันน่ะ...ซันเล่าให้ฉันฟังตอนที่เขาอุ้มเธอมาที่ห้องพยาบาล...ซันเขาโทรบอกให้ฉันมาดูเธอน่ะ”
“แสดงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในห้องนั้นเป็นความจริงใช่ไหมพิกเล็ท...ฉันไม่ได้ฝันหรอกหรอ”ฉันถามขึ้นด้วยแววตาที่เลื่อนลอย
“อื้ม”
“แล้วแกคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือเปล่า...แกยังอยากเป็นเพื่อนกับฉันอยู่หรือเปล่าพิกเล็ท”ฉันคว้ามือพิกเล็ทมากลุมไว้พร้อมกับถามขึ้น
“ฉันเชื่อใจแก...แกไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอนฉันเป็นเพื่อนแกมาตั้งกี่ปีทำไมฉันจะไม่รู้นิสัยแก...แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะไม่คบกับแก”พอพิกเล็ทพูดจบฉันก็โผลเข้ากอดเธอด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณนะ^___^”ฉันยิ้มทั้งที่น้ำตายังซึมๆอยู่รอบดวงตา
“แล้วแกจะเอาไงต่อ...จะอธิบายหรือว่าจะปล่อยไว้แบบนี้”
“ถ้าเป็นแก...แกจะอธิบายไหม...ในเมื่อเขาไม่คิดที่จะฟังฉันเลย”ฉันหลุบตาลงต่ำอย่างผิดหวัง
“อย่างน้อยการที่เราได้อธิบายมันก็เป็นสิ่งที่เราพูดออกไป...ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เชื่อแต่ก็ยังดีกว่าเราไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรอ”
“งั้นฉันก็คงต้องไปอธิบายกับเขาสินะT^T”
ตึง ดึง ดึง ดึ่ง ตึง ดึง ดึง ดึ่ง!!
[ขอแจ้งให้ทราบ นักเรียนที่ลงงานMusic school ขอเลื่อนกิจกรรมไปอีกเป็นเดือนหน้า ยังไม่กำหนดวันที่ตายตัว ทางเราจะแจ้งวันที่ให้ชัดเจนอีกทีค่ะ เนื่องจากว่ายังมีนักเรียนบางกลุ่มที่ยังไม่ลงทะเบียนแข่ง และเนื่องจากว่ากรรมการของเราติดภารกิจใหญ่ที่ต่างประเทศทางโรงเรียนจึงไม่สะดวกที่จะจัดงานนี้ขึ้น จึงมาแจ้งให้ทราบ ขอบคุณค่ะ]
ตึง ดึง ดึง ดึ่ง ตึง ดึง ดึง ดึ่ง!!
“โห เลื่อนเป็นเดือนหน้าเลยหรอเนี้ย”>พิกเล็ทกล่าวด้วยความตกใจ
“ไม่ว่าจะเลื่อนไปวันไหน เดือนไหน ปีไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับเราแล้วไม่ใช่หรอ”
เป็นอันว่าวันนี้ฉันก็ไม่ได้เข้าเรียนเลยเพราะว่าฉันดันหลับทั้งวันเลยน่ะสิ ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้ มาแบบกะทันหันแบบนี้ฉันก็ตั้งตัวแทบไม่ทันเลยน่ะสิ คนที่รักก็ทิ้งไปเพราะความไม่เชื่อใจกันและไหนยังปัญหาต่างๆที่ฉันกำลังเจอในตอนนี้ด้วย
ดูสายตาของพวกผู้หญิงเหล่านั้นสิ มองฉันเหมือนกับว่าฉันไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของพวกเธอแน่ะ คงจะรู้ข่าวแล้วล่ะสิ ข่าวด้านลบของฉัน ข่าวที่ฉันไม่ได้ตั้งใจ ข่าวที่ทำให้ฉันดูเป็นผู้หญิงที่แย่
“ยัยนี่หรอแกที่คบซ้อน ช่างกล้าทำนะยะ”ยัยผู้หญิงผมสั้นหันไปพูดกับเพื่อนอีกคน
“คบพอร์ชคนเดียวก็ดีอยู่แล้วนะ ไม่น่าทำตัวเองเลยอ่ะ”
“เฮ้ย แกแต่ฉันว่านางเลิศออก ได้ทั้งพอร์ช ได้ทั้งซัน แถมเอพริลมาอีกอ่ะฉันล่ะอิจฉานางเหลือเกิน”กระเทยนางหนึ่งพูดขึ้นด้วยอาการที่ดูอิจฉาฉัน
“สงสารพอร์ชเนอะที่ต้องเจอคนแบบนี้ ฉันล่ะอยากจะรู้เหลือเกินว่าจิตใจยัยนี่ทำด้วยอะไร”
สารพัดกับคำพูดต่างๆที่ดันเข้าหูฉันระหว่างทางที่เดินมายังป้ายรถเมล์ ต่อไปนี้และตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันคงใช้ชีวิตที่ไม่เป็นสุขแล้วสินะ ความสงบที่เคยเกิดขึ้นกับฉันมันคงไม่มีอีกตั้งแต่บัดนี้แหละ ฉันไม่ได้คบซ้อนนะฉันคบพอร์ชแค่คนเดียว ข่าวพวกนั้นน่ะมั่ว และนี่ก็เป็นแค่ความคิดของฉัน ใช่! ฉันแค่คิด เพราะถ้าพูดอะไรออกไปก็คงโดนหาว่าแก้ตัวน่ะสิ
“สมน้ำหน้า...”ฉันสะดุ้งเมื่อเสียงนี้กระซิบที่ข้างหูฉันจนฉันต้องหันไปมองเจ้าของเสียง
“นาเดีย...”ไม่น่าเชื่อว่านาเดียจะเป็นเจ้าของเสียงนั้น คงหมั่นไส้ฉันเพราะหนึ่งในข่าวมีเอพริลใช่ไหมล่ะ
“ขอบคุณนะที่ยังจำฉันได้”
“เธอทำแบบนี้ทำไม” ฉันยืนประจันหน้าถามเขา
“มันเป็นสิทธิ์ของฉัน จำไว้เลยนะถ้าเธอคิดที่จะอ่อนเอพริลอีกล่ะก็เธอจะไม่เจอแค่คำพูดแรงๆของคนพวกนี้แน่”
“เธอปล่อยข่าวงั้นหรอ ทำไมนาเดียฉันไปทำอะไรให้เธอทำไมเธอถึงทำแบบนี้”นาเดียไม่สนใจคำถามของฉันแต่กลับเดินออกไปด้วยใบหน้าที่ระรื่นชื่นบานเหมือนกับว่าเธอเป็นผู้ที่เหนือกว่า
ฉันเดินเข้ามาภายในหมู่บ้านของฉัน ภายในหัวตอนนี้มันตีกันไปหมด ข่าวพวกนี้ถูกปล่อยออกไปจนทำฉันมองหน้าใครแทบไม่ติดก็เพราะนาเดีย นี่มันเรื่องบ้าอะไรของฉันเนี้ย
“มิวดีกับพอร์ชหรือยังลูกเห็นเมื่อวานเหมือนงอนๆกัน”
จึก!
คำพูดของแม่เหมือนมีดที่แหลมคมเสียบลงกลางใจของฉัน มันชั่งตอกย้ำฉันเหลือเกิน ไม่ใช่แค่งอนกัน ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งไหนๆที่จะงอนพอง้อก็หาย แต่ครั้งนี้มันเป็นการเลิกรา มันเป็นการจากลาที่ไม่ดีเอาซะเลย มันช่างเป็นความทรงจำที่แสนจะย่ำแย่เหลือเกิน เลิกกันทั้งที่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เลิกกันด้วยคำพูดที่แสนเจ็บปวดของเขา ฉันไม่อยากจบแบบนี้เลย
“คงไม่ดีกันหรอกค่ะแม่”ฉันพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“อ้าวทำไมล่ะ รู้ไหมถ้าเรามัวแต่งอนกันแบบนี้เดี๋ยวอีกหน่อยก็ได้เลิกกันหรอก”คำพูดของแม่ทำให้น้ำตาที่ฉันกลั้นเอาไว้หลั่งไหลลงมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่รู้ พอแม่หันมาเห็นแม่ก็ตกใจและวิ่งกรูดเข้ามาหาฉันเลย “มิว...เป็นอะไรลูก...ร้องไห้ทำไม”
“แม่คะ...มิวเลิกกับเขาแล้วค่ะ”ฉันบอกแม่ทั้งน้ำตา
“ไม่เป็นไรนะมิว...แม่จะไม่ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นจะไม่ถามว่าใครถูกหรือใครผิด...แต่แม่เชื่อว่าลูกแม่ต้องผ่านมันไปได้”แม่กอดฉันเพื่อปลอบโยน
วันต่อมา...
ฉันยืนทำใจอยู่ที่หน้าโรงเรียนเพียงไม่นาน ก็ตัดสินใจเดินเข้ามาในโรงเรียน เฮ้อ! อึดอัดใจจังเลย กดดันใช่เล่นเลยนะเนี้ย เมื่อคิดว่ามีใครบางคนนั้นมองมาที่ฉัน ฉันก็รีบก้มหน้าก้มตาเดินจ้ำอ้าวด้วยความรีบร้อน
พลั่ก! ตุ้บ!
การที่ฉันเดินเร็วนั้นทำให้ฉันต้องชนกับใครสักคนเข้าอย่างจังอย่างไม่ทันตั้งตัว จนฉันเสียหลักล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น
“โอ๊ย!”ฉับอุทานเบาๆเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ฉันเดินชนซึ่งตอนนี้เขาได้นั่งอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว
“เป็นอะไรมากไหม”
“ซัน!O_O”
“ทำไมทำหน้าตาแบบนั้นล่ะ ลุกขึ้นเร็วคนมองหมดแล้ว”ซันยืนขึ้นก่อนที่จะยื่นมือให้ฉันดึงขึ้นอยู่ตรงหน้า
“ก็เพราะนายนั่นแหละที่หยุดไม่ยอมบอก ถ้าคนอื่นจะมองก็ต้องโทษนาย”
“แต่เธอเดินมาชนฉันเองนะ จะลุกขึ้นไหม”มือของซันยังคงค้างอยู่
แป๊ะ!
“อย่ามายุ่งกับฉัน”ฉันปัดมือเขาทิ้งพร้อมกับกล่าวคำพูดที่ไม่ค่อยใส่อารมณ์สักเท่าไหร่
“อือ...งั้นก็ตามใจ”เขาตอบก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉันเป็นที่จับตามองของคนแถวนี้
“ไอ้บ้าซันเอ๊ย”ฉันตะโกนด่าซันอย่างโมโห
แล้วตอนนี้ฉันคิดที่จะทำอะไรต่อดี น่าเหนื่อยใจจังเลยทำไมถึงได้มีแต่ปัญหาเข้ามารุมเล้าเต็มไปหมด ถ้าวันนั้นฉันตัดสินใจที่จะผลักซันออกมันคงจะดี เพราะอะไรกันทำไมฉันถึงไม่ผลักเขาออกล่ะ ทำไมฉันถึงไม่ลุกขึ้น ถ้าฉันผลักเขาออกเราคงไม่เลิกกันอีกอย่างเขาก็คงจะไม่ต้องทะเลาะกับเพื่อนร่วมวง ฉันคงไม่ต้องมาอึดอัดใจกับสถานการณ์แบบนี้ด้วย
ฉันเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังห้องเรียน แต่ก็เหมือนกับฟ้ากลั่นแกล้งฉันที่ตรงหน้าฉันเป็นพอร์ชที่กำลังเดินมาพอดี เราสองคนหยุดมองหน้ากันโดยบังเอิญเพียงชั่วครู่ก่อนที่พอร์ชจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นและเดินเลี่ยงไปอีกทางเหมือนกับว่าไม่อยากเดินร่วมทางเดียวกันอยางงั้นแหละ
“พอร์ช!!”แล้วใยใจถึงได้สั่งให้ฉันเรียกเขาไว้ล่ะ พอร์ชชะงักฝีเท้าหยุดที่จะก้าวเท้าเดิน เพียงแค่หยุดเท่านั้นไม่ได้หันมามองหน้าฉัน “ฟังมิวก่อนได้ไหมพอร์ช” ฉันเดินไปขอร้องพร้อมกับเดินไปดักที่ด้านหน้าของเขา
“มีอะไร...ฉันรีบ”น้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมานั้นมันช่างเย็นชาเยือกเย็นไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน พอร์ชคนเก่าของฉันหายไปไหนT^T ฉันรู้ว่านายไม่ได้รีบอะไรหรอกแต่นายแค่จะหลบหน้าฉันใช่ไหมล่ะพอร์ช
“พอร์ชฟังมิวอธิบายก่อนนะ”
“ฉันว่าเธอใช้คำไม่ถูกนะ...น่าจะใช้คำว่าแก้ตัวมากกว่า”พอร์ชพูดก่อนที่จะกระตุกยิ้มที่มุมปากหนึ่งครั้ง
“ไม่ว่าคำพูดของฉันมันจะฟังดูเป็นอธิบายหรือว่าจะเป็นการแก้ตัวก็แล้วแต่นายจะคิด ขอให้ฉันได้พูดแล้วนายค่อยตัดสินใจได้ไหม...ฉันขอร้องล่ะพอร์ช...ฉันไม่ได้ขอให้นายกลับมาคบฉัน...เพราะฉันรู้ว่านายก็คงไม่กลับมา...”
“รู้แล้วจะอธิบายทำไมล่ะ...ไม่ใช่สิรู้แล้วจะแก้ตัวทำไม!!”พอร์ชตะโกนใส่หน้าฉัน
“ถึงแม้ว่านายจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูด...แต่ก็ถือว่าฉันได้พูดทุกอย่างไปแล้วถ้าสักวันหนึ่งเรื่องจริงมันเกิดเปิดเผยขึ้นมาฉันอยากให้รู้ไว้ว่าฉันยังรอนายอยู่นะ”นี่ฉันกำลังจะเสียเขาไปจริงๆหรอ
“รู้ว่าเธอเป็นคนแบบนี้น่ะหรอมิวนิค เธอหักหลังฉันแล้วเธอยังจะให้ฉันกลับไปหาเธออีกหรอ”
“แต่ฉันโดนจัดฉากนะ มีคนแกล้งเราให้เลิกกัน นายก็รู้ว่านิสัยฉันเป็นยังไงไหนนายเคยบอกไงว่านายเชื่อใจฉันแล้วนี่อะไรล่ะพอร์ชทำไมเวลาเจอปัญหาทุกครั้งฉันไม่เคยมีนายอยู่ข้างๆเลย ในเมื่อนายไม่เคยเชื่อใจอะไรฉันเลยงั้นก็จำเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งนายจะต้องเสียใจที่นายพูดจาหยาบคายกับฉันในวันนั้น”ฉันพ้นคำพูดออกมาด้วยน้ำตา ใช่! ไม่ว่าฉันจะอยู่ในสถานการณ์ไหน ตกอยู่ในอันตรายหรือจะปัญหาที่ฉันต้องรับมันไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่พอร์ชจะอยู่ข้างๆฉัน ฉันปาดน้ำตาก่อนี่จะเดินหลบเขาไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
พลั่ก! ตุ้บ!
ฉันที่เดินไปยังไม่ทันถึงห้องเรียนก็ดันซุ่มซ่านเดินชนคนจนล้มลงมากองกับพื้นอีกแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของวันนะ แต่นี่มันครั้งที่สองแล้ว ตอนเดินเข้าโรงเรียนก็กับนายซันส่วนตอนนี้น่ะหรอก็กับคนเดิมไง ทำไมฉันต้องมาเจอเหตุการณ์ซ้ำๆกับคนคนเดิมด้วยเนี้ย
“T^T”ฉันไม่โว้ยวายเพียงแค่ปล่อยให้น้ำตามันไหลทั้งๆที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น
“นี่เธออีกแล้วหรอ เดินไม่รู้จักระวัง...นี่ลุกขึ้นมาเลยนะฉันรู้ว่าเธอแกล้งชนฉันจะแก้แค้นฉันตอนเช้าใช่ไหมเนี้ย”ซันไม่พูดเปล่าแต่กลับมาเขย่าแขนให้ฉันลุกขึ้น แต่พอเห็นฉันไม่ลุกเขาก็เป็นฝ่ายนั่งลงมาแทน
“นี่เธอ...เธอ...ร้องไห้หรอ”ใบหน้าของซันตอนนี้ดูซีดๆไปที่เห็นฉันร้องไห้ เขาอึ้งกับท่าทางของฉัน นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ฉันต้องร้องไห้ต่อหน้าเขา หน้าอายจังT///T
“มองทำไม!!...จะไปไหนก็ไป!”ฉันตะคอกพร้อมกับผลักเขาจนล้มหงายหลังไป ก่อนที่ฉันจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าห้องไปและไม่ลืมที่จะเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ
“เอ้า...อะไรของเธอเนี้ย”
“มิวแกเป็นอะไรอ่ะ...”นี่เป็นคำถามของพิกเล็ทที่ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงฉันเมื่อเห็นว่าฉันเดินเข้าห้องด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ฉัน...ฉันไม่เป็นอะไร”ฉันไม่ตอบแต่กลับปฏิเสธไป
“ฉันไม่เชื่อ...นี่ฉันเป็นห่วงแกขนาดนี้แล้วแกยังไม่บอกฉันอีกหรอมิว...ช่างมันดิวะจะไปสนใจมันทำไมก็แค่ผู้ชายโง่ๆคนเดียวแกก็ปล่อยให้มันกินหญ้าไปสิ...ไม่ต้องไปเสียดายมันสักวันเดียวมันก็หันมากินข้าวเองแหละ”นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าเพื่อนกันมักจะรู้ทุกอย่างในสิ่งที่ไม่ต้องพูดก็สามารถเข้าใจได้
“ฉันแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เชื่อใจฉันเลย...T^T”
“ฉันเองก็ไม่ได้ต่างไปจากแกสักเท่าไหร่...เอาวะมิว...วันนี้แกคงไม่อยากเรียนแล้วใช่ป่ะ...งั้นวันนี้ฉันจะพาแกโดดเรียนเอง...ว่าแต่เด็กเรียนอย่างแกจะยอมไปปลดปล่อยความทุกข์กับฉันป่ะ^-^”พิกเล็ททำหน้าทะเล้นใส่ฉันก่อนที่จะยื่นมือมาข้างหน้าฉัน
“แกไม่กลัวเสียการเรียนหรอ...”
“ไม่อ่ะ...อย่างน้อยฉันไปไอ้สองคนนี้ก็ไม่ได้ไปด้วยสักหน่อย...”พิกเล็ทหันหน้าไปทางน้ำขิงกับปาร์ตี้
“ไปเถอะถ้าแกคิดว่ามันทำให้แกดีขึ้น...เดี๋ยวฉันจะจดงานไว้ให้แก...เห็นแกมานั่งเรียนแบบไม่เอาวิญญาณมามันหงุดหงิดอ่ะแกรีบไปให้พ้นหน้าฉันแล้วดึงวิญญาณเพื่อนฉันกลับมาด้วยล่ะเข้าใจป้ะ^0^”นี่เป็นคำพูดของยัยน้ำขิง แกช่างเป็นเพื่อนที่น้ำใจงามเหลือเกิน
“อื้อ...ไปเถอะเดี๋ยวฉันกับน้ำขิงจดงานไว้ให้...น้ำขิงเธอพูดให้กำลังใจเพื่อนหรือเปล่าเนี้ย”ปาร์ตี้กล่าวแต่ก็ไม่วายจะหันไปดุน้ำขิง
แล้วฉันก็ได้มาอยู่ที่ลานน้ำพุแถวหลังโรงเรียน ที่นี่เป็นที่ที่สงบไม่ค่อยมีคนผ่านไปมา ฉันกับพิกเล็ทเลยฉวยโอกาสมานั่งเล่นอยู่ที่นี่ ความจริงแล้วฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะโดดเรียนหรอกนะแต่ถึงแม้ว่าฉันจะนั่งเรียนฉันก็เรียนไม่รู้เรื่องอยู่ดี นั่นมันเป็นเพราะเหตุผลที่สมองของฉันมันไม่ได้โฟกัสไปกับการเรียนเลยแต่มันโฟกัสไปหาใครบางคนที่ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ
“อยู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเนอะว่าไหม^_^”พิกเล็ทกล่าวขึ้นก่อนที่เธอจะหย่อนขาลงไปในบ่อน้ำข้างหน้าเธออย่างรู้สึกผ่อนคลาย
“ดีของแกไงที่ไม่ต้องเรียน ใช่ป่ะ^o^”ฉันพยายามยิ้มให้เพื่อน นี่ตอนนี้ใครปลอบใจใครกันแน่เนี้ย ฉันล่ะเริ่มงง
“นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่ง...แล้วทำไมแกถึงได้ยอมมากับฉันล่ะ”
“ถึงฉันนั่งเรียนอย่างตั้งใจแค่ไหน ความรู้มันก็กระเด้งออกอยู่ดีฉันเลยเลือกที่จะออกมาดีกว่าเผื่อว่าออกมาแล้วจะดีขึ้น”
“ฉันอยากรู้จังว่าเมื่อเช้ามันเกิดอะไรขึ้นกับแก...แกพอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม”ฉันทำท่าอ้ำอึ้งแต่ก็ยอมเล่าแต่โดยดี
“เมื่อเช้า...ฉันเจอพอร์ชตอนขึ้นบันได...คือตอนแรกฉันก็ทำอะไรไม่ถูกอ่ะ...แต่อยู่ๆปากของฉันมันก็ไวเรียกเอาไว้ซะก่อน...”
“แล้วไงต่อ...”
“ฉันพยายามอธิบายให้เขาฟัง...แต่เขาก็บอกว่าฉันแก้ตัว...ฉันไม่โกรธเขาหรอกที่เขาพูดจาใส่ฉันด้วยคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ...แต่ฉันเสียใจที่เขาไม่เชื่อใจฉัน...ทำไมวะแกรูปมันอธิบายได้ทุกอย่างเลยหรอ...”
“ก็บอกแล้วไงว่าผู้ชายมันโง่!...ดูอย่างฉันสิจนป่านนี้แล้วนายนั่นก็ยังโง่อยู่เลย”ฉันคงไม่ต้องอธิบายใช่ไหมว่าพิกเล็ทหมายถึงใคร
“ฉันว่า...เราลองเอาความเจ็บมาแชร์กันแล้วช่วยกันปลอบใจดีไหมT^T”
“ความคิดดี...แต่ฉันว่าของฉันไม่เท่าไหร่...ได้ข่าวว่าแกโดนเยอะอยู่นะ เห็นว่าแกโดนปล่อยข่าวทั่วโรงเรียนเลยไม่ใช่หรอ”
“ฉันเลยดูแย่ไปเลยเนอะ ใครเขาจะเชื่อคำอธิบายของฉันล่ะ”ใช่สิขนาดพอร์ชยังไม่ฟังคำพูดของฉันเลย
“แกจะเอาไงต่อไปอ่ะ”
“ฉันจะทำทุกๆอย่างให้ทุกคนเชื่อฉันให้ได้”ฉันกล่าวอย่างมั่นใจ
“ฉันไม่คิดเลยนะว่านาเดียจะเป็นคนแบบนี้”พูดถึงนาเดียฉันก็มีคำถามอยากจะถามยัยพิกเล็ทเหมือนกัน
“แก...นาเดียเลิกกับซันหรือยังน่ะ”
“เห็นยังคบกันอยู่เลยนะ”
“แล้วเพื่ออะไร...ฉันไม่เข้าใจว่าจะคบต่อไปทำไมในเมื่อตอนนี้วงซีเคร็ตโค้ดก็แยกวงแล้ว”
“แต่ซันดังกว่าเอพริลนะ”
“ฉันจะทำให้2คนนี้เลิกกัน ฉันจะทำแบบที่นาเดียทำกับฉัน”
“เห้ยมิว...ถึงแกจะทำให้นาเดียเลิกกับซันได้แต่คนที่เจ็บมันซันนะเว้ย แกก็รู้ว่ายัยนั่นไม่ได้รักซันเพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ยัยนั่นรู้สึกอะไรหรอกเปล่าประโยชน์”
“เออ...มันก็จริงของแก แต่ฉันกำลังจะช่วยนายนั่นอยู่นะ ฉันรู้ว่าการเลิกกันมันทำให้ซันเจ็บแต่เจ็บตอนนี้ก็ยังดีกว่าถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ใช่หรอ”
“แต่แกจะทำยังไงล่ะ ขนาดข่าวเรื่องแกกับซันยังไม่กระทบผลต่อยัยนั่นเลย เห็นไหมตอนนี้ก็ยังคบกันเหมือนเดิมมีทางเดียวคือความจริงทั้งหมดเท่านั้น...ความจริงที่นาเดียไม่ได้รักซันแล้วหรอกใช้เขาหรือแม้กระทั้งความจริงที่ยัยนั่นจัดฉากทั้งหมด...อีกอย่างแกเองก็จะได้ประโยชน์นั้นด้วยแกจะได้ไม่ต้องเหนื่อยฟรีไง^_^”
“ฉลาดมาก”ฉันกล่าวชมด้วยความภูมิใจกับความฉลาดของเพื่อน
“แน่นอนอยู่แล้ว^-^”
“ไม่ค่อยอ่ะ....”
“มิว...”จากที่เป็นคนมั่นใจตอนนี้กลับกลายมาเป็นเสียงที่ดูเศร้าๆอย่างบอกไม่ถูก
“ห๊ะ-0-”
“ฉันว่า...ฉันควรพอแล้วล่ะกับการแอบรักมา3ปีเนี้ย...ฉันเหนื่อยกับการหึงที่ไม่รู้ว่าหึงเพราะฐานะอะไร เจ็บเพราะฐานะอะไรกันแน่”
“แล้วสิ่งที่แกคิดมาตลอด3ปี...แกคิดว่าแกทำได้หรือเปล่า แกลองถามตัวเองหรือยังว่าควรพอหรือรอต่อไป”
“...”
“เวลาแกทะเลาะกับนายนั่น ฉันรู้ว่าการทะเลาะกันกัดกันเป็นประจำมันก็ทำให้แกโมโห แต่ในอารมณ์ที่แกโมโหมันก็ทำให้แกมีความสุขไม่ใช่หรอความสุขที่ได้คุยกันทางอ้อม ความสุขที่ต้องหาเรื่องทะเราะกัน ปฏิเสธสิว่าแกไม่มีความสุข”
“นายนั่นหาเรื่องฉันเพราะเห็นฉันเป็นตัวตลกมากกว่า อีกอย่างนายนั่นมันดังถ้าเทียบกับฉันแล้วแทบไม่มีใครรู้จักฉันเลย...ฉันดูไม่เหมาะสมกับเขาสักนิด”พิกเล็ทพูดก่อนที่จะก้มหน้าลงต่ำ
“พิกเล็ทแกฟังฉันนะ อะไรคือความเหมาะสมหรอ...คนสวยกับคนหล่อ คนดังกับคนดังงั้นหรอ แบบนี้ใช่ป้ะเรียกว่าเหมาะสมกัน...ความเหมาะสมมันเอามาตัดสินว่าเป็นคู่กันไม่ได้หรอก เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องคู่กันเสมอไป แกดูผู้ชายกับผู้หญิงคู่นั้นสิแกเห็นความเหมาะสมของเขาไหม ผู้ชายดำกับผู้หญิงขาว...”ฉันพูดพร้อมกับยกตัวอย่างคู่รักที่แอบโดดเรียนมานั่งจู๋จี๋กันไม่ใกล้ไม่ไกลจากฉัน2คนเท่าไหร่นัก พิกเล็ทมองตามก่อนที่จะหันมาถามด้วยความสงสัย
“แล้วไง...ฉันไม่เห็นจะเข้าใจในสิ่งที่แกพูดเลย”
“ก็เพราะเขาทั้งคู่รักกันในแบบที่เขาเป็นไง...รักกันจนมองข้ามความเหมาะสมต่างคนก็ต่างมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน แต่รู้ไหมว่าความต่างที่ทั้งคู่มีไม่เหมือนกันทำให้เขาอยากเอาบางส่วนที่เขาไม่มีมาเติมเต็มในสิ่งที่เขาขาดไปไง ฉันอธิบายขนาดนี้แล้วแกเข้าใจหรือยังล่ะ^_^คราวนี้แกคิดว่าความเหมาะสมมันจำเป็นอีกหรือเปล่า”
“สิ่งที่แตกต่าง มักเป็นสิ่งที่นำมาเติมเต็มบางส่วนที่ไม่มี เห้ยเจ๊งอ่ะ!^o^ ”
“คราวนี้แกก็คิดเอาเองก็แล้วกันว่าควรพอหรือรอต่อไป ฉันทำหน้าที่ได้แค่แนะนำแกเท่านั้น ส่วนจะทำหรือไม่ทำนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแกแล้วล่ะเพื่อน”
“ขอบคุณนะมิว...แกเป็นเพื่อนที่เข้าใจฉันมากที่สุดเลย...ฉันสัญญาไม่ว่าจะทะเลาะกันกี่ครั้งฉันก็จะรักแกเหมือนเดิมไม่ว่าจะทะเลาะกันแรงแค่ไหนฉันจะต้องไม่ปล่อยให้ความเป็นเพื่อนของเราลดน้อยลงฉันจะทำให้มันมากขึ้น”พิกเล็ทกล่าวด้วยรอยยิ้มจริงใจจนเห็นลักยิ้มเล็กๆที่มุมปากซึ่งเวลาพิกเล็ทยิ้มมักจะดูมีเสน่ห์มากเลย
“ขอให้จริงเถอะ^o^”ฉันกอดคอเพื่อนสาวพร้อมกับหย่อนเท้าลงไปในบ่อน้ำข้างหน้าบ้างอย่างผ่อนคลาย “ว่าแต่ที่แกบอกว่าจะทำให้มากขึ้นเนี้ยแกไม่ได้คิดอะไรไม่ซื่อกับฉันใช่ป้ะ”ฉันทำหน้าตาตื่นตกใจตามประสาคนขี้เล่น
“จะบ้าหรอแก เออ...หรือว่าฉันจะชอบแก*o*”พิกเล็ททำตาวิ้งๆใส่ฉัน
“อี๋...ฉันชอบผู้ชายย่ะ-o-”
“ฮ่าๆๆฉันล้อเล่น...ฉันคุยกับแกแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยอ่ะ...พรุ่งนี้เราโดดเรียนมานั่งเล่นกันแบบนี้ดีป้ะชวนพวกนั้นมาด้วย”พิกเล็ทถามทีเล่นทีจริง แต่ฉันว่ายัยนี่น่าจะคิดจริงเสียมากกว่า
“เอิ่มแก...ฉันว่าไม่ใช่อารมณ์เศร้าแล้วล่ะ...ฉันคิดว่าเป็นเพราะความขี้เกียจครอบงำของแกล้วนๆ...แกจะตัดอนาคตเพื่อนหรือไงเล่า!”ว่าแล้วฉันก็มะเหงกลงไปที่หัวของยัยเพื่อนตัวดีไปหนึ่งที
“นี่...แต่พรุ่งนี้เรียนเลข3คาบเลยนะTOT”ฉันรู้ว่าวิชาคณิตศาสตร์น่ะ นรกสำหรับยัยนี่เลย
“3คาบยิ่งต้องเรียนเลย จะโดดได้ยังไง...อีกอย่างพรุ่งนี้เรียนวิชาประวัติศาสตร์กับครูเต้อีกนะ แกจะไม่เข้าจริงๆหรอออ....”ฉันลากเสียงยาว เพราะนี่เป็นวิชาเดียวที่พิกเล็ทยอมตั้งใจเรียน ก็จะเพราะเหตุผลอะไรล่ะถ้าครูฝึกสอนไม่หล่อเหลา หน้าตี๋แบบนี้ยัยนี่ไม่เรียนหรอก
“เออ....จริงด้วยนี่ฉันลืมแฟนคนที่สองของฉันไปได้ไงเนี้ย...ขอบใจนะเพื่อนรักที่แกเตือนฉัน^o^”พิกเล็ททำหน้าเพ้อฝันเหมือนกับว่าเธอเป็นนางเอกในนิยาย
“จ่ะแม่คุณ-_-”
“แก...แต่ฉันว่าเป็นโสดก็ดีเหมือนกันนะ....”
“ทำไมล่ะแก”
“ก็...มองใครก็ได้หลายๆคนโดยไม่ต้องมีใครหึงใคร...ไม่ต้องคอยระแวงเวลาทำอะไรผิด...คุยได้หลายคนแถมไปไหนก็ไม่ต้องคอยรายงานหรือโทรเช็คให้ปวดหัว ที่สำคัญไม่ต้องกลัวว่าใครจะนอกใจใครอีกต่างหาก”พิกเล็ททำท่าทางอธิบายด้วยใบหน้าที่เจ้าเล่ห์
“มันก็เป็นความคิดที่ดีนะ...แต่นั่นมันเป็นข้ออ้างของคนที่ไม่มีใครเลือกเว้ย!”
“แรงอ่ะ>o<”แต่ถึงแม้ว่าฉันจะพูดจาแรงแต่มันก็ทำให้เราระเบิดหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เราไม่เคยโกรธกันเวลาพูดจาแรงใส่กัน เพราะการที่เราพูดแบบนี้มันแสดงถึงความจริงใจที่เรามีต่อกัน
ผ่านไปหลายวัน ฉันก็เริ่มชินกับสายตาที่จับจ้องฉันเหมือนจ้องจะกินเลือดกินเนื้อกันแบบนี้ แต่ก็ไม่เห็นว่าฉันจะโดนตบหรือถูกใครเอาน้ำกรดมาสาดสักหน่อย คงแค่สายตาที่จิกกัดเท่านั้นแหละมันไม่ได้มากกว่านี้งั้นก็ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย
“ถ้าจะเดินตัวสั่นขนาดนี้ เดินเข้าไปพร้อมฉันไหม”
พรึบ!
ฉันได้แต่หันไปมองต้นเสียงที่กล่าวขึ้นอย่างงงๆ บ้าจริงนายมาเห็นว่าฉันตัวสั่นตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ ฉันเปล่าตัวสั่นสักหน่อย มันเป็นการเดินที่ใช้พลังงานเยอะมากที่สุด การใช้พลังงานเยอะแบบนี้มันช่วยเผาผลาญคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดสูงย่ะ นายไม่เคยเรียนเคมีหรือไง (เคมีบ้านไหนยะ)
“ไป!”โอ๊ย!-o- น่าอับอายชะมัดเลยยัยมิวนิค ดันไปตอบตกลงแบบนั้นฉันก็เสียหน้าแย่สิ ปากไวดีจริง ทุกครั้งเลยนะทำไมไม่หัดทำอะไรที่ตรงข้ามซะบ้างนะ รักษาฟอร์มหน่อยเป็นไหม!
“คิดก่อนตอบหน่อยไหม-_-”
“ไม่คิด! ไปเลย”เอาอีกแล้ว มันน่าตีให้ตายดีนัก-o- ฉันล่ะเอือมละอากับเธอจริงๆนะมิวนิค
“ฮ่าๆๆ เธอมาแปลกนะวันนี้”ซันกล่าวก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“นี่นาย! อย่ามาหัวเราะฉันนะเสียมารยาท!”ฉันเอ็ด
“ก็วันนี้เธอทำตัวโก๊ะๆนี่ โดนแฟนทิ้งจนเพี้ยนเลยหรอ”
จึ๊ก!
ประโยคหลังทำให้ฉันจี๊ดมาก ฉันหันขวับไปมองซันด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจนักจนตัวเขาเองสะดุ้งๆโหยง ก่อนที่จะเอามือของตัวเองขึ้นมาปิดปากอย่างรู้งาน ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดีซะแล้วสิ ทำไมเวลาฉันเจอหน้าอีตานี่ทีไรฉันต้องอารมณ์เสียทุกทีเลยนะ คนอย่างเขามันไม่น่าเจรจาด้วยเลยสักนิด ฉันรีบกระชับสายกระเป๋าพร้อมกับก้าวเท้าให้ยาวขึ้นด้วยการเร่งฝีเท้าของตัวเองให้รีบออกห่างจากเขา ชิ! ไอ้คนปากเสีย ไม่มีนายฉันก็ไม่ตายหรอกแค่สายตาคนพวกนี้เอง
ซ่าส์!!
“กรี๊ด!O0O”>ฉัน
“เห้ยO_O”>ซัน
อยู่ๆก็มีใครไม่รู้สาดน้ำใส่หน้าฉันจนตอนนี้สภาพฉันแทบจะดูไม่ได้ นี่มันเรื่องบ้าอะไรของฉันเนี้ยซวยแต่เช้าเลย ฉันจัดการเช็ดหน้าเช็ดตาออกแล้วมองหาเจ้าของหยดน้ำหยดใหญ่ที่สาดมาปะทะใบหน้าอันสวยสดงดงามของฉัน ใครกัน มันเป็นคายยยยย
“นาเดีย!”
“อุ๊ย! ฉันขอโทษนะมิวนิคพอดีว่าฉันสะดุดตอนที่วิ่งเอาน้ำมาให้ซันน่ะ ขอโทษจริงๆนะฉันไม่ได้ตั้งใจน่ะ”นาเดียทำท่าทางขอโทษด้วยน้ำเสียงที่จีบปากจีบคอ แต่ฉันรู้ว่ายัยนี่มันตั้งใจแกล้งฉัน
พรึบ! ซ่าส์!
ฉันคว้าแก้วของใครบางคนที่เดินผ่านมาสาดใส่ใบหน้าของนาเดียอย่างจัง ฉันขอเอาบ้างนะเพราะฉันเองก็ไม่ใช่นางเอกในนิยายที่จะต้องอ่อนแอไม่สู้คน
“อุ๊ย! หลุดมือ...ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจพอดีว่าสะดุดลมน่ะ...ขอโทษจริงๆน้า*o*”ฉันพูดำพร้อมกับทำลอยหน้าลอยตา
“นี่! มิวนิคเธอทำแบบนี้ทำไม...เธอก็เห็นว่านาเดียไม่ได้ตั้งใจ...ขอโทษนาเดียซะ”นี่เป็นเสียงของซันที่ดูเหมือนจะโกรธกับการกระทำของฉันเมื่อกี้
“ไม่! หรือนายจะเอาอีกคน”ฉันกล่าวอย่าท้าทาย
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ ดูสิว่านาเดียเลอะเทอะไปหมดแล้ว”ซันชี้ให้ดูแฟนสาวของเขาที่ตอนนี้มีสภาพไม่ต่างจากฉัน
“แล้วนายตาบอดหรือไงเล่า ฉันก็เลอะเหมือนกันแหละ”
“ไม่เป็นไรหรอกซัน นาเดียไม่เป็นไรอีกอย่างถือว่าเจ๊ากันไปก็ได้ นาเดียก็ผิดที่ไม่ยอมระวัง”ยัยนาเดียกล่าวกับซันแต่ก็ไม่วายหันมาทำหน้าตาเคืองๆใส่ฉัน เหมือนนางร้ายในละครเลย
“ไม่ได้หรอกนาเดีย...”
“นี่! ถ้าจะมาทำดราม่ากันแบบนี้ฉันขอตัวนะฉันรีบ อ้อฝากทิ้งแก้วนี่ด้วยนะ”ว่าแล้วฉันก็จัดการยัดแก้วพลาสติกที่สาดน้ำหมดแล้วไว้ในมือของซัน
“ยัยผู้หญิงนิสัยไม่ดี!”แต่ก็ไม่วายที่ซันจะตะโกนไล่หลังฉัน
“ไอ้ผู้ชายหน้าโง่!!” ฉันตะโกนกลับ
“นี่เธอกล้าว่าฉันหรอ...”ซันถามอย่างโกรธเคือง
“เออ...”
“อย่าให้เจอนะ...ไม่งั้นเธอตายแน่!”
“กลัวตายแหละ ;p”ฉันแลบลิ้นใส่ซันหนึ่งทีก่อนที่จะหันหลังเดินต่อไป

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มี.ค. 2557, 23:52:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มี.ค. 2557, 23:52:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 1306
<< ตอนที่13 |