เรื่องสั้น : บาปบริสุทธิ์
ผมชื่อหนึ่งครับ แม่บอกว่า ตั้งชื่อแบบนี้จะดี เพราะจะได้เป็นที่หนึ่งเสมอ ผมเชื่อแม่ครับ แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่อยากให้ผมชื่อผมยาวๆ บ้าง หรือ เวลาใครถามก็ยืดอกบอกให้ได้ว่าพระตั้งให้แบบนี้ หมายถึงแบบนี้ ผมว่ามันเท่ ในความคิดของผมตอนนั้น....
Tags: เรื่องสั้น, การศึกษา

ตอน:

ผมชื่อหนึ่งครับ แม่บอกว่า ตั้งชื่อแบบนี้จะดี เพราะจะได้เป็นที่หนึ่งเสมอ ผมเชื่อแม่ครับ

แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่อยากให้ผมชื่อผมยาวๆ บ้าง หรือ เวลาใครถามก็ยืดอกบอกให้ได้ว่าพระตั้งให้แบบนี้

หมายถึงแบบนี้ ผมว่ามันเท่ ในความคิดของผมตอนนั้น


แต่แม่บอกว่า ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นี่แหละ ประเสริฐที่สุดแล้ว ผมไม่คัดค้านในเรื่องนี้แต่อย่างใด

แม่บอกว่าผมเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อแม่ ครูบาอาจารย์

ชื่อ”หนึ่ง”นี่แหละ เหมาะสมกับผมที่สุดแล้ว

และทุกครั้งที่ผมจะไปโรงเรียน แม่พูดกับผมเสมอว่า

ให้ตั้งใจเรียนนะ ไม่เข้าใจอะไรให้ถามคุณครู ผมรับปากแม่ทุกครั้งเช่นกัน

ผมเรียนหนังสือค่อนข้างขี้เหร่ครับ แต่ผมชื่อหนึ่ง ยังไงเสีย ผมก็ต้องสอบได้ที่หนึ่งสักวัน

คุณครูบอกผมว่า หากผมอยากเป็นที่หนึ่งต้องขยันให้มากกว่านี้ ทบทวนให้มากๆ จะได้เก่งๆ

ผมเข้าใจในสิ่งที่คุณครูบอก แต่ผมจะทำอย่างไรได้ล่ะ วิธีการมันซับซ้อนมากแค่ไหน ผมก็ไม่รู้

ดังนั้น ผมจึงต้องมีผู้ช่วย

“ครูครับ ผมเขียนการบ้านไม่ทันครับ”

“อ้าว แล้วทำไมเพิ่งมาบอก ทำไม่ได้หรือเปล่า”

“เอ่อ ไม่แนใจครับ แต่ผมทำยังไม่เสร็จนะครับ”

“งั้น ชนะชล เอาสมุดเลขมาซิ”

“อ่ะ เธอเอาไปลอกนะ ตั้งแต่ตอนไหน ที่ยังไม่เสร็จ”

“เอ่อ ตั้งแต่หน้านี้ครับ”

“หา อะไร ตั้งแต่ต้นเลยเหรอ”

“ครับ” ผมก้มหน้างุด ตอบรับเบาๆ

“เธอนี่นะ เรียนก็ไม่เก่ง มิหนำซ้ำยังขี้เกียจอีก น่าเบื่อจริงๆ เอาไปเลยนะ เขียนให้หมด”

ผมรับสมุดการบ้านเลขของเพื่อนมา ผมมองหน้าปกที่เรียบร้อย ไม่มีร่องรอยของตัวการ์ตูน
หรือร่องรอยของชื่อบิดา มารดาของใคร ผมเดินก้มหน้า กลับไปที่โต๊ะ มองไปรอบๆ ตัว เพื่อนหลายคนนั่งเล่นเกมที่คุณครูจัดเตรียมไว้ให้หลังห้อง
บางกลุ่มก็เล่นเป่ากบ บางคู่ก็ต่อยกัน ผมมองไปที่คุณครู
เธอคุยโทรศัพท์!

ผมเรียนแย่มาเรื่อยๆ โดยผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
ผมอ่านหนังสือทุกวัน ฝึกบวก ลบ คูณ หารเลขทุกวัน
แต่ก็แบ่งเวลาให้กับการเตะบอล เป่ากบ ตกปลาบ้างตามประสาเด็กผู้ชาย
และผมก็ยังไม่ได้ส่งการบ้านเช่นเดิม
ครูมักยื่นสมุดของเพื่อนให้ผมทุกครั้ง ที่ผมเข้าไปบอกว่างานผมยังทำไม่เสร็จ
เพราะผมคิดไม่เป็น ทำไม่ได้ และคำตอบที่ผมได้รับจากครูก็คือ
“เธอมันโง่ สอนอย่างไร ก็ไม่มีทางฉลาดได้หรอก เอานี่ไป เอาไปลอกนะ แล้วอย่าทำของเพื่อนขาดละ ไปๆ ไม่ต้องมายืนน้ำตาเล็ดให้เห็น เดี๋ยวจบ ป.6 ก็ใม่ต้องไปสอบเรียนอะไรกับเค้าหรอก โน่น ไปบวชซะ”

ผมก้มหน้าเดินกลับมาที่โต๊ะตัวเอง รอบๆ ตัวผม ยังคงเหมือนเดิม

ผมจบเรียนชั้น ป.6 มา ด้วยความอึดอัดกับเรื่องบางเรื่อง
ผมไม่ลืมผู้มีพระคุณกับผมแน่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครหรอก เจ้าของสมุดการบ้านทุกวิชานั่นแหละ

“ต้น ขอบใจนะที่ให้เราลอกวิชาเลข”
“หนู ขอบใจนะ ที่ให้เราลอกวิชาภาษาอังกฤษ”
และ อีกหลายๆ ต้นฉบับ ที่ทำให้ผม เรียนจนสำเร็จพร้อมๆ กับเพื่อน แต่ผมก็ยังไม่รู้ในสิ่งที่อยากรู้อยู่ดี

วันนี้ ผมพาลูกผม เข้าชั้นเรียนชั้น ป.1 ผมบอกกับลูกของผมว่า
“เอกขยันเรียนนะลูก ไม่เข้าใจอะไรให้ถามคุณครูนะ”
“ครับ” เด็กชายตัวน้อย ผมเรียกเค้าว่าน้องเป็นเอก เผื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้นกว่าที่ผมเป็น
เขารับปากผมเหมือนที่ผมเคยรับคำกับพ่อแม่ของผมในวันนั้น

“ลูก... อย่าลืมนะลูก ไม่เข้าใจอะไรให้ถามคุณครูนะ แล้วก็ อย่ารับสมุดการบ้านเพื่อนมาลอกนะ”
ลูกชายผมคงสงสัยในคำพูดของผม แกได้แต่ยิ้ม แล้ววิ่งหายเข้าไปในชั้นเรียน โดยมีกลุ่มคุณครูคนสวยกำลังอวดสินค้าใหม่ ที่เธอๆ ทั้งหลายมีผลัดกันชม
เมื่อเด็กน้อยกระพุ่มมือสวัสดี ครูบางคนก็พยักหน้านิดหน่อย บางคนก็ชื่นชมอยู่กับกระเป๋าใบใหม่

ผมยังคงรื้อกองขยะ ตรงหน้าเหมือนเช่นทุกวัน มันคงเป็นสิ่งเดียวที่ผมทำได้ดี โดยไม่ต้องขอให้ใครช่วย และในตอนเย็น ผมก็ไปรับลูกชายกลับบ้านทุกวัน
“ว่าไงเอก วันนี้มีการบ้านอะไรไหมลูก”
ลูกชายผมไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลย เขายังคงเล่นรถของเล่นเก่าๆ ที่ผมเจอในกองขยะของวันนี้นั่นเอง
“ไหนดูซิ มีการบ้านอะไร ที่พ่อ..” ผมพูดได้แค่นั้น เพราะผมก็ไม่รู้วิธีการสอนการบ้านเหมือนกัน
ผมหยิบสมุดการบ้านของเอกออกมาวาง
และสมุดเลขของเอกมีสองเล่ม
“เดี๋ยวนี้เขาใช้สมุดเลขกันสองเล่มแล้วเหรอ”
ผมเปิดสมุดเลขของลูกออก ซึ่งมันว่างเปล่า

แต่แล้ว สิ่งที่ทำให้ผม จุก จนพูดอะไรไม่ออกคือ

ชื่อบนปกสมุดวิชาเลขอีกเล่มหนึ่งนั้น ไม่ใช่ เด็กชายเป็นเอก!




rubino
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 มิ.ย. 2554, 21:06:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 มิ.ย. 2554, 21:06:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1819





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account