Conquering My Mind : พิชิตใจของ(สอง)เรา
มิลลาดาใช้ชีวิตอยู่ใต้การควบคุมของพ่อมานานกว่า 30 ปี ความขัดแย้งระหว่างเธอกับพ่อเกี่ยวกับจริยธรรมธุรกิจ และการค้บพบว่าคู่หมั้นของเธอต้องการเป็นเจ้าสาวไม่ใช่เจ้าบ่าว ทำให้หญิงสาวตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการ นั่นคือการทำงานในวงการนิยายที่เธอรัก



กฤชพล บรรณาธิการบริหารหนุ่มผู้มีจิตใจดีและชอบในสิ่งเดียวกันกับเธอ อาจจะเป็นเนื้อคู่ที่เธอเพิ่งตามหาจนเจอ แต่หญิงสาวกลับพบว่าการเขียนนิยายยาวเรื่องแรกในชีวิตกำลังนำเธอไปสู่ความผูกพันกับพีอาร์ นักอ่านผู้ลึกลับ พร้อมๆกับที่พิรัลวัชร ผู้เป็นทั้งปีศาจร้าย ลูกสมุนของพ่อ และเพื่อนในวัยเด็ก กลับเข้ามา และทำให้เธอหวั่นไหวอีกครั้ง



อาการป่วยของพ่อดึงพิรัลวัชรกลับมาเพื่อฟื้นฟูกิจการสุขภัณฑ์ซึ่งกำลังร่อแร่ แต่กิจการในครอบครัวยังไม่เพียงพอที่จะเติมเต็มความทะเยอทะยานของชายหนุ่มได้ เมื่อข่าวลือบางอย่างทำให้พิรัลวัชรกับมิลลาดาต้องกลายมาเป็นแฟนหลอกๆ ชายหนุ่มใช้โอกาสนั้นล่อลวงหญิงสาวเพื่อการแต่งงานและหุ้นที่เขาปรารถนา แต่ไม่มีใครเลย แม้แต่ตัวเขาเองที่รู้ว่า สิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงคืออะไร



เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงทางแยกที่ต้องเลือกระหว่าง ความเหมาะสม หัวใจ และธุรกิจ อดีตที่แสนเจ็บปวดก็เปิดเผยขึ้น พร้อมๆกับการเปิดโปงการทุจริตที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่มีทางเป็นไปได้ตลอดกาล


Tags: โรมานซ์/คอมเมดี้/สืบสวน/ดราม่า/ที่หนึ่งของหัวใจ

ตอน: บทนำ : Proposal คำขอแต่งงาน

รีไรท์ จากเรื่อง ที่หนึ่งของหัวใจนะคะ มีเวลาว่างจากงานเลยพยายามแต่งใหม่ค่ะ ^^

-------------------------------------------------------

บทนำ

หนึ่งในสิบปัญหาคลาสสิคของธุรกิจครอบครัวซึ่งเขียนไว้ในนิตยสารการเงินและการธนาคารประจำเดือนนี้คือ ใครบ้างอยากทำธุรกิจครอบครัว และเมื่อมิลลาดามองไปรอบๆห้องอาหารในภัตตาคารเถียนเถียนหลง เธอก็พบว่าไม่มีผู้ใดในที่นี้กำลังประสบปัญหาว่าตัวเองกำลังยืนอยู่กลางทางแยก ระหว่างการทำตาม 'ความฝัน' กับการทำตาม 'ความคาดหวัง'

ความชอบในสิ่งไร้สาระนั้นเปรียบเสมือนการตกลงไปในบ่อของความโง่เขลาที่ยากจะปืนขึ้นมาได้ และคำพูดติดปากของประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเครือปัญญาธนกิจไม่ใช่การทำในสิ่งที่ชอบ แต่คือชอบในทุกๆสิ่งที่ทำ ส่วน Dream กับ Passion ก็เป็นแค่เรื่องของพวกที่ยัง 'คิดไม่เป็น'

"คนทั่วๆไปจะทำในสิ่งที่ชอบ แต่คนที่ประสบความสำเร็จจะชอบในทุกๆสิ่งที่ทำ และเลือกทำในสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่น สิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ ลูกอยากจะเป็นคนทั่วไป หรืออยากจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ"

ความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่พ่อพูดทำให้มิลลาดาห่อไหล่ใต้เสื้อสูทสีดำซึ่งเข้าชุดกับกระโปรงสอบทรงเอยาวคลุมเข่าแบบที่ทำให้เธอดูเหมือนนักบัญชีแก่ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยให้เธอดูแก่กว่าอายุจริงไปได้เท่าไหร่

ใบหน้าของเธอมักจะดูเด็กกว่าอายุจริงอยู่ตลอดเวลาแบบที่ทำให้สาวๆร้องไห้ด้วยความอิจฉา แต่ทำให้พ่อของเธอเกรี้ยวกราดทุกครั้งที่มีคนเข้าใจผิดว่าเธอเป็นเด็กฝึกงานแทนที่จะดูเหมือนสิ่งที่เขาอยากให้เธอเป็น อาจเป็นเพราะนัยน์ตาสีน้ำผึ้งแจ่มใสที่ทำให้คนมองรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตรพอๆกับที่คิดว่าเธอเป็นคนซื่อ ผิวสีงาช้างบางใสราวกับว่าไม่เคยเจอแดด จมูกโด่งเล็กๆรับกับใบหน้ารูปหัวใจ หรือริมฝีปากรูปพระจันทร์เสี้ยวที่บ่งบอกถึงความเป็นคนมองโลกในแง่ดี หรืออาจจะเป็นทั้งหมดนั้นนั่นแหละที่ทำให้เธอดูปราศจาคความน่าเชื่อถือ

อย่างไรก็ตามในวัยสามสิบเอ็ดปี มิลลาดาเลื่อนขั้นจากการเป็น Financial Controller (FC) ไปเป็น Finance Director และกระโดดขึ้นไปเป็น Chief Financial Officer (CFO) ภายในระยะเวลาเพียงหกปีของการทำงานที่บริษัทปัญญาธนกิจ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (PTK) หนึ่งในบริษัทสำคัญและเป็นรายได้หลักของเครือปัญญาธนกิจ (PTH) และเธอคงจะไม่ได้มายืนอยู่บนหน้าผาทางการเงินที่แสนสูงชันและหนาวเหน็บนี้ ถ้าไม่เพราะเป็นลูกสาวคนโตของอนุวัต ปัญญ์ธนากร แถมยังมีกึ๋นที่ได้รับสืบทอดทางกรรมพันธุ์มาจากพ่ออีกด้วย

การเลื่อนขั้นอย่างปุบปับของมิลลาดาไม่เป็นที่น่าแปลกใจนัก เพราะใครๆต่างก็รู้ดีว่าความหวังเดียวของอนุวัตคือลูกสาวคนเก่งของเขา นอกจากนี้เธอยังทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของมนูศักดิ์ อดีตอาเขยของเธอซึ่งเป็นอดีต CFO ของบริษัทอีกด้วย

มีข่าวลือหนาหูว่าอนุวัตย้ายมนูศักดิ์ ไปเป็น SVP Finance Director เพื่อเปิดทางให้ลูกสาวของเขาได้ขึ้นมาฉายเดี่ยวแสดงผลงาน เพื่อจ่อคิวเตรียมเป็น CEO ในอนาคต แต่มีเพียงคนวงในเท่านั้นที่รู้ว่า มนูศักดิ์มีปัญหาส่วนตัวทางด้านการเงินเนื่องจากภรรยาคนที่สองของเขาถูกผีพนันเข้าสิงและปลอมลายเซ็นสามีเพื่อขายที่ดินมูลค่ากว่าหนึ่งร้อยแปดสิบล้านบริเวณแหลมฉบัง

ปัญหานี้ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างมนูศักดิ์กับอนุวัต ผู้ซึ่งเคยถูกหักหน้าเมื่อครั้งที่กุลนิตภรรยาสาวคนสวยของเขาปลอมลายเซ็นสามีเพื่อนำเช็คไปขึ้นเงินเมื่อยี่สิบก่อน และนั่นก็เพราะหล่อนถูกผีพนันเข้าสิงเช่นเดียวกับภรรยาคนที่สองของมนูศักดิ์ อนุวัตบีบให้มนูศักดิ์ทำเรื่องหย่าและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายคืน แต่มนูศักดิ์ปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น ญาติหลายคนบอกว่าเขาหลงภรรยาจนโงหัวไม่ขึ้น แต่มิลลาดากลับไม่คิดเช่นนั้น อามนูศักดิ์เป็นคนจิตใจดี และให้โอกาสคนแก้ตัว ไม่เหมือนพ่อของเธอที่เจ้าคิดเจ้าแค้นคอยแต่จะตอกย้ำถึงความผิดพลาดของแม่ทุกครั้งที่เธอเริ่มจะลืม

ตลอดระยะเวลารับประทานอาหารมิลลาดานั่งเงียบขณะฟังพ่อและบรรดาญาติๆรวมทั้งคู่สมรสของพวกเขาถกเถียงกันเกี่ยวกับทิศทางของบริษัททั้งหมดในเครือ ราวกับเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการประชุมคณะกรรมการที่กำลังจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

การเข้าซื้อกิจการโรงแรมในยุโรปและอาเซี่ยนทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่กระทบกับ Bottom Line ของงบการเงินอย่างมีสาระสำคัญ และพ่อของเธอเริ่มเสียงดังมากยิ่งขึ้นเมื่ออาอนุชาไม่สามารถรับปากได้ว่าบริษัทแม่จะได้รับเงินปันผลที่น่าพอใจจากเครือโรงแรม อนุชาอ้างถึงภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และนั่นหมายความว่าหุ้นของ PTH จะไม่เพิ่มขึ้น แม้ว่าปีนี้บริษัทก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์จะมีข่าวดีจากการประมูลงานสำคัญใหญ่ๆ และรับรู้รายได้ก้อนใหญ่จากคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าก็ตาม

มิลลาดาเอื้อมมือไปตักหูฉลามชิ้นโตราคาเฉียดหมื่นมาใส่ถ้วยของเธอในขณะที่พ่อกำลังพ่นน้ำลายข้ามหัวเธอใส่อาอนุชาเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถก่อให้เกิดรายได้ ปัญหาก็คือค่าใช้จ่าย ไม่ใช่รายได้ รายได้ลบค่าใช้จ่ายเท่ากับกำไร และค่าใช้จ่ายที่ลดลงหมายถึงกำไรที่เพิ่มขึ้น นักธุรกิจส่วนใหญ่ (รวมทั้งพ่อของเธอด้วย) มุ่งเน้นการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มตัวเลขในบรรทัดสุดท้าย แต่พวกเขาลืมคำนึงถึงคุณภาพของสินค้าและบริการที่ลูกค้าจะได้รับ อย่างเช่นขนมขบเขี้ยวที่ค่อยๆถูกแทนที่ด้วยก๊าซไนโตรเจน ผนังห้องคอนโดมิเนียมที่บางจนแทบจะได้ยินเสียงตดของคนห้องข้างๆ หรือโรงแรมห้าดาวที่เต็มไปด้วยพนักงานพาร์ทไทม์ซึ่งให้บริการด้วยสีหน้าบูดบึ้ง และวาจาร้ายกาจ

"เธอจะกินมันอย่างนั้นเหรอ" เสียงหนึ่งดังขึ้นขัดขวางการกระทำผิดมนุษยธรรมเป็นครั้งแรกของเธอ หญิงสาวก้มหน้าลงมองชิ้นครีบปลาในน้ำซุปไก่บนช้อนกระเบื้องสีขาว ก่อนที่ภาพสารคดีเกี่ยวกับการฆ่าฉลามอย่างเลือดเย็นเพื่อเอาหูจะค่อยๆปรากฎขึ้นพร้อมกับคำบรรยาย

มิลลาดาไม่สามารถห้ามไม่ให้ญาติของเธอสั่งเมนูนี้ได้ แต่เธอสามารถประท้วงเงียบๆได้ด้วยการไม่กินมัน แต่เธอกำลังจะกินมัน และนี่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอกำลังขาดสติเนื่องจากความวิตกกังวล ผู้หญิงที่อายุเกินสามสิบมาหนึ่งปีซึ่งหมั้นหมายกับคนที่พ่อเลือกให้ (แม้ว่าเขาจะเป็นคนดีและเธอก็ชอบเขามากก็ตาม) และไม่เคยได้ทำอะไรก็ตามที่เธอต้องการก็สมควรแล้วที่จะต้องวิตกกังวล

"ขอโทษครับที่มาสาย พอดีว่าที่โรงงานเกิดปัญหานิดหน่อย" เสียงเดียวกับที่ดังขึ้นในสมองของมิลลาดาดังขึ้นอีกครั้งทางด้านซ้าย หญิงสาวทิ้งช้อนกระเบื้องลงในถ้วยจนน้ำซุปไก่กระเซ็นใส่เสื้อสูทและหันไปทางเจ้าของเสียงซึ่งกำลังลดตัวลงนั่งอยู่ข้างๆพ่อของเธอราวกับลูกสมุนของปีศาจ

สายตาของเธอสบเข้ากับนัยน์ตาสีนิลของเขา ขณะที่ชายหนุ่มยื่นมือที่ถือกระดาษทิชชูข้ามตัวอนุวัตมาเช็ดเสื้อสูทของเธออย่างสุภาพเหลือเชื่อ! และไม่น่าเป็นได้!

ชื่อของเขาคือ พิรัลวัชร สุขภัฑณพิบูลย์ เพื่อนวัยเด็ก ผู้มีนัยน์ตาสีนิลดำสนิทดุจเหยี่ยว ผมสีดำสนิทดุจความมืดมิดยามรัตติกาล ซึ่งตัดกับผิวสีขาวซีดใต้เสื้อเชิ้ตเรียบกริบอย่างสิ้นเชิง อย่างน้อยก็เท่าที่เธอจำได้

อย่างไรก็ตามผิวภายนอกเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นสีแทนสุขภาพดีเนื่องจากการออกกำลังกายกลางแจ้ง และมัดกล้ามของเขาเป็นผลจากกิจกรรมเหล่านั้น ด้วยความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เครื่องแต่งกายทุกชิ้นที่วางอยู่บนตัวเขาจึงดูสมบูรณ์แบบชนิดที่ดีไซน์เนอร์ทุกคนอยากจะขโมยตัวเขาไปเดินแบบให้กับห้องเสื้อของตัวเอง

เป็นความจริงที่พิรัลวัชรเป็นคนที่หน้าดีมากถึงมากที่สุดคนหนึ่ง เท่าที่มิลลาดารู้จักเป็นการส่วนตัว รองมาจากวัชรธันว์น้องชายของเขาซึ่งเป็นดารานำชายดาวรุ่งของวงการที่มีโฆษณานับสิบๆตัวในรอบสองปีที่ผ่านมานี้ และมีรายได้จากการขายเรือนร่างและรอยยิ้มออกสื่อปีละประมาณห้าสิบล้านบาท

พิรัลวัชรวางกระดาษทิชชูสกปรกลงบนโต๊ะและยื่นกล่องของขวัญสี่เหลี่ยมขนาดเล็กห่อกระดาษสีเงินเรียบๆแต่หรูหราให้แก่อนุวัต

"สุขสันต์วันเกิดครับอาวัต ผมหวังว่าอาคงจะชอบ"

อนุวัตรับกล่องของขวัญมาเปิด รอยยิ้มกระตุกอยู่ที่มุมปากด้วยความพึงพอใจเล็กน้อย ก่อนที่คิ้วจะขมวดมุ่นนิดๆด้วยความสงสัยเมื่อพบวัตถุสีขาวกลมๆซึ่งมีรอยบุ๋มเล็กๆอยู่โดยรอบ

ลูกกอล์ฟ!

"ลูกกอล์ฟงั้นเหรอ" ชายวัยกลางคนชูวัตถุชิ้นนั้นขึ้นมองด้วยความสนใจ ก่อนจะลดมือลงและหันไปมองผู้ให้เหมือนจะขอคำอธิบายสำหรับของขวัญชิ้นนี้

ไม่ต้องบอกก็รู้เลยว่า เขาเตรียมตัวสำหรับคำอธิบายมาเป็นอย่างดีแล้ว อาจจะก่อนที่เขาจะเลือกของขวัญชิ้นนี้ด้วยซ้ำ

"ไม่ใช่ลูกกอล์ฟธรรมดานะครับ แต่เป็นลูกโฮลอินวันที่คุณอาทำได้เมื่อสองเดือนที่แล้ว ผมแอบเก็บไว้เพื่อระลึกถึงความสามารถในการเล่นกอล์ฟอย่างยอมเยี่ยมของคุณอา แต่ผมคิดว่าคงจะดีกว่าถ้าจะนำมันมาตั้งโชว์ไว้ในสถานที่ที่คู่ควร โฮลอินวันนั้นไม่ใช่เรื่องของความสามารถเพียงอย่างเดียว แต่รวมทั้งโชคด้วย ผมหวังว่าปัญญาธนกิจจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การบริหารของผู้บริหารที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมอย่างเช่นคุณอา รวมทั้งได้รับโชคและโอกาสอันดีจากสภาพแวดล้อมที่จะส่งผลให้ธุรกิจประสบความสำเร็จยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับลูกโฮลอินวันนี้"

คำชมนั้นแทบจะทำให้มิลลาดาพ่นน้ำชาที่พึ่งดื่มเข้าไปออกมาใส่หน้าของพิรัลวัชร เรื่องที่เขาเป็นคนปากหมา ชอบพูดจาร้ายกาจ และกวนประสาทเป็นที่สุดนั้นเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว แต่การพูดจาเยินยอที่แทบจะเหมือนการก้มลงไปเลียรองเท้าของคนผู้นั้นถือว่าเป็นทักษะใหม่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขานำมันมาใช้กับพ่อของเธอเอง

ความพึงพอใจกระจายอยู่บนในหน้าของอนุวัตอย่างไม่สามารถปกปิดได้ จากนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาด้วยความเบิกบานใจเป็นที่สุด

"อย่าพูดให้มันเวอร์เกินไปหน่อยจะได้มั้ย ก็แค่ลูกกอล์ฟ" อนุชาน้องชายของอนุวัตแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

เป็นเรื่องที่ไม่น่าพอใจมากอยู่แล้วที่ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ทั้งลูกหรือลูกนอกสมรส ไม่ใช่แม้กระทั่งญาติห่างๆ แต่เป็นเพียงลูกของเพื่อน และเพื่อนของลูก และญาติที่ไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดผ่านการแต่งงานของอาของเขา จะมานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือของอนุวัต เมื่อรวมกับพฤติกรรมประจบสอพลออย่างเกินพอดี ย่อมก่อให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ญาติทั้งหมด

เสี้ยววินาทีหนึ่งมิลลาดาสังเกตเห็นสายคมของพิรัลวัชรสบเข้ากับสายตาของอนุชาด้วยความท้าทายของบุรุษที่กำลังทำสงครามประสาทใส่กันอย่างไม่ลดละ เขาอาจจะเริ่มทำแบบนั้นตั้งแต่วางแผนที่จะมาสายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของตัวเองที่อนุวัตมีให้แก่ตัวเขา ถ้าการมาสายนั้นเป็นแผน ไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างที่เขากล่าวอ้าง

ถ้าพิรัลวัชรเป็นคู่หมั้นของเธอก็พอจะเข้าใจได้อยู่ว่าทำไมถึงมีความบางหมางระหว่างชายสองคนนี้ แต่เขาไม่ใช่คู่หมั้นของเธอ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งในเครือปัญญาธนกิจหมดไป

มิลลาดาพยายามทำความเข้าใจถึงความต้องการของเขา และถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนมองโลกในแง่ดีมากแค่ไหนก็ตาม แต่สิ่งเดียวที่เธอคิดได้ก็คือความละโมบโลภมากและทะเยอทะยานอย่างไร้ที่สิ้นสุดของชายคนนี้

Ambition นั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ดีเสียทีเดียว แต่ Greedy นั้นไม่มีทางเป็นสิ่งที่ดีแน่ และก็มีเพียงเส้นบางๆเท่านั้นที่คั่นระหว่างคำสองคำนี้

หนึ่งปีก่อนพิรัลวัชรถูกเรียกตัวกลับมาบริหารบริษัทสุขภัณฑ์ของครอบครัวแทนทวีศักดิ์พ่อของเขาซึ่งล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันอย่างกะทันหัน สยามสุขภัฑณพิบูลย์เป็นบริษัทที่ทำรายได้ได้ปีละประมาณหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทจากการส่งออกสุขภัณฑ์แบบมาตรฐานไปขายในต่างประเทศ แต่ทำกำไรได้เพียงปีละสองล้านบาทเท่านั้น ถือเป็นอัตราส่วนที่น่าหวาดเสียวเป็นที่สุด เพราะถ้าตัวเลขอะไรสักอย่างปรับเปลี่ยนไปเพียงนิดเดียว นั่นอาจจะเปลี่ยนจากคำว่ากำไร กลายเป็นคำว่าขาดทุน

อย่างไรก็ตามเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างด้วยความเด็ดขาดและถึงขั้นโหดร้ายหลังจากการกลับมาของพิรัลวัชร มิลลาดาคิดว่าตัวเลขในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงจะลดลงก็อาจจะเป็นแค่ช่วงระยะสั้นๆเท่านั้น

ถ้าจะพูดให้ถนอมน้ำใจอย่างที่สุดแล้วล่ะก็ พิรัลวัชรก็แค่ไม่เคยหยุดความต้องการที่จะประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น อยู่ในตำแหน่งหรือฐานะที่สูงขึ้น มีเงินมากขึ้น แม้ว่าจะมีอยู่แล้วมากมายแบบที่ต่อให้ใช้สุรุ่ยสุร่ายแค่ไหนก็ไม่มีวันหมด ซึ่งนั่นก็ไม่ต่างอะไรกับอนุวัตเลย พวกเขาเหมือนกันราวกับแกะ

"คุณอาก็คิดอย่างนั้นเหรอครับ" พิรัลวัชรหันไปถามอนุวัต นัยน์ตาของเขาไม่สะท้อนสิ่งใดเลยนอกจากความมั่นใจในชัยชนะที่ไม่จำเป็นต้องให้อนุวัตเอ่ย

"เป็นของขวัญที่หลักแหลมมาก สะท้อนให้เห็นถึงความคิดที่สร้างสรรค์ และความลึกซึ้งของผู้ให้" อนุวัตกล่าวชมเชยด้วยความพึงพอใจที่ยากที่จะมีใครทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ได้ ชายวัยกลางคนหันหน้าไปที่โต๊ะทรงกลมและกระแอมออกมาเบาๆเหมือนต้องการให้ทุกคนหยุดฟังเขา อมราวดี และอนงค์นุช น้องสาวทั้งสองคนของอนุวัตรีบหันไปเรียกลูกๆซึ่งนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่งให้หันมาฟังคำพูดของอนุวัตผู้เป็นเสาหลักใหญ่ของตระกูล และแม้ว่าอานุชาจะตกอยู่ในอารมณ์โกรธเสียจนลืมว่าจะต้องเรียกลูกชายและลูกสาวของเขาให้หันมาด้วย แต่โสวิตราภรรยาของเขาไม่ได้ลืมที่จะทำเช่นนั้น

"ทุกคนจงดูรัลไว้เป็นตัวอย่าง การ์ดอวยพรก็ดีอยู่ แต่นี่ต่างหากที่เป็นของขวัญที่เต็มไปด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง คำอวยพรที่ปราศจาคคำพูด คุณค่าที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ย" อนุวัตชูลูกกอล์ฟขึ้นก่อนจะเก็บใส่กล่องตามเดิมและประสานมือไว้บนโต๊ะ

"ลุงอาจจะไม่ได้บอกว่าจะประกวดของขวัญ แต่สำหรับความตั้งใจของทุกคน ลุงจะมอบสิ่งตอบแทนให้อย่างเหมาะสม สำหรับคนที่นำการ์ดอวยพรมาให้ ถ้าเป็นการ์ดที่ซื้อมาลุงจะให้คนละห้าแสนบาท และสำหรับการ์ดอวยพรทำเองลุงจะให้คนละหนึ่งล้านบาท และสำหรับของขวัญชิ้นนี้ ซึ่งเป็นของขวัญที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด" เขายื่นกล่องของขวัญไปวางตรงหน้าพิรัลวัชรเบาๆและถาม "รัลอยากได้อะไร"

ในสถานการณ์เช่นนี้ การเงียบน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด และพิรัลวัชรก็ทำเช่นนั้น เงียบ และทำสีหน้าถ่อมตนมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

"หุ้นพี.ที.เอช. 0.1% นั่นน่าจะเหมาะสมที่สุด สำหรับคำอวยเกี่ยวกับโชคและโอกาสที่บริษัทจะได้รับในอนาคต"

ราคาตลาดของ พี.ที.เอช. 1 หุ้นเท่ากับสิบเอ็ดบาท บริษัทปัญญาธนกิจโฮลดิ้งมีหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเรียกชำระแล้วทั้งหมดจำนวน 2,339,506,330 หุ้น เมื่อคิดมูลค่าแล้วสิ่งตอบแทนที่พิรัลวัชรได้รับจึงไม่ได้น้อยนิดดังเช่นจำนวน 0.1% ที่อนุวัตเอ่ย แต่มีมูลค่ามากถึง 25,734,569.63 บาท





"บอกตรงๆเลยนะ ของขวัญของเธอนี่มัน..."

มิลลาดาดึงมือออกจากใต้ก๊อกน้ำอัตโนมัติซึ่งใช้ร่วมกันทั้งห้องน้ำชายแล้วหญิง และหันมามองเจ้าของเสียง ผู้ชายคนนี้จะต้องตามมาเยาะเย้ยเธอถึงที่นี่เลยใช่ไหม เขาถึงจะพอใจ หญิงสาวเม้มปากแน่นและกลั้นหายใจรอฟังคำถากถาง

"สุดยอด" เขาพ่นคำพูดนั้นออกมาพร้อมกับเสียงพรืดที่ดูเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะ

"มีอะไรน่าหัวเราะนักหนากับการซื้อแชมพูสมุนไพรป้องกันผมร่วงให้กับพ่อที่กำลังจะหัวล้าน" หญิงสาวสะบัดน้ำในมือด้วยความโมโห ในบรรดาของขวัญไร้ประโยชน์เหล่านั้น เธอต่างหากที่สมควรจะได้รับคำชมเชย

หลังจากที่อนุวัตมอบหุ้นมูลค่ากว่ายี่สิบหกล้านบาทให้พิรัลวัชร เขาหยิบกล่องของขวัญของเธอขึ้นมาจากใต้โต๊ะ และเริ่มแกะ หลานทุกคนได้รับคำสั่งว่าไม่ต้องซื้อของขวัญอะไรให้เขาทั้งนั้นนอกจากทำการ์ดอวยพรวันเกิด แต่มิลลาดามีความคิดที่ดีกว่านั้น สำหรับชายที่มีพร้อมแล้วทุกอย่างในโลกนี้ สิ่งเดียวที่เขากำลังจะไม่มีก็คือ ผม

มิลลาดาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกตักในวินาทีที่อนุวัตเปิดกล่องออกและหยิบขวดแชมพูขึ้นมา เธอไม่เคยคาดหวังคำชมอะไรจากพ่อทั้งนั้น แต่ส่วนลึกในใจของเราทุกคนย่อมมีความหวังเล็กๆซุกซ่อนอยู่

"นี่มันอะไรมิน" อนุวัตถามเธอและพลิกขวดไปมา

"แชมพูสมุนไพรป้องกันผมร่วงค่ะ ข้างในยังมีเซรั่มปลูกผมด้วยนะคะ ตัวสมุนไพรสกัดจากสารส้มป่อยซึ่งมีสรรพคุณช่วยลดความมัน ลดอาการคัน รังแค และการหลุดร่วงของเส้นผม แถมยังขจัดตัวไรขนบนหนังศีรษะอีกด้วยค่ะ"

ทันทีที่เธอพูดจบเสียงหัวเราะก็ระเบิดไปทั่วห้อง และอนุวัตก็เริ่มโมโห

"ลูกคิดว่าพ่อไม่มีปัญญาซื้อของพวกนี้เองหรือไง" ทันทีที่อนุวัตเอ่ย ทุกคนก็พยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่

"เปล่าค่ะ"

"ลูกคิดว่าที่พ่อเสียเงินไปที่ศูนย์รักษาผมร่วงนี่มันไร้ประโยชน์ใช่มั้ย"

มิลลาดาส่ายศีรษะ

"ลูกคิดว่าตัวเองควรได้อะไรจากการซื้อแชมพูพวกนี้ ในเมื่อพวกมันไร้ประโยชน์ และพ่อก็เสียเงินมากกว่านี้สำหรับการปลูกผมอยู่แล้ว ลูกคิดว่าลูกรู้ดีกว่าพ่ออย่างนั้นเหรอ"

มิลลาดาอ้าปากจะเถียงแต่แล้วเธอก็หุบปากฉับและเอ่ย "ไม่ค่ะ พ่อรู้ดีกว่ามิน และมินไม่ควรได้อะไรเลย"

"ใช่ ลูกไม่มีควรได้อะไรเลย"

ถ้าเพียงแต่ทุกคนจะไม่หัวเราะ พ่ออาจจะคิดว่ามันมีประโยชน์ และความหวังดีของเธอก็เป็นเรื่องจริง แต่ดูเหมือนเขาจะคิดว่าเธอกำลังเล่นตลกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องผมของเขา

"ถ้าฉันเป็นพ่อเธอนะ ฉันจะตบรางวัลให้เธออย่างงามทีเดียว" พิรัลวัชรตบไหล่มิลลาดาเบาๆ หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก และขยับไหล่แรงๆให้พ้นจากมือของเขา พฤติกรรมของเขาดูเหมือนผู้ชนะที่กำลังเยาะเย้ยผู้แพ้มากกว่าจะมาแสดงความเห็นอกเห็นใจ

"ปัญหาก็คือ พ่อของเธอมีความภาคภูมิใจในตนเองอย่างมาก ในขณะที่เธอมองไม่เห็นถึงสิ่งเหล่านั้น สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เยินยอในความสามารถของเขา ไม่ใช่การชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่อง โดยเฉพาะข้อบกพร่องที่เขาพยายามแก้ แต่แก้ไม่ได้"

"มินจะไม่พยายามพูดเยินยออะไรที่เกินจริงเด็ดขาด และการทำแบบนั้นก็ดูตลกจะตายไป" มิลลาดาปฏิเสธเสียงแข็ง แต่อาจเป็นเพราะว่าเธอเป็นลูกของพ่อก็ได้ เธอถึงได้กระดากทุกครั้งที่จะแสดงความรู้สึกชื่นชมเขาอย่างเหมาะสม ในเมื่อพ่อไม่เคยชื่นชมเธอ เธอจึงไม่เคยรู้ว่าจะต้องชื่นชมเขายังไง

บางทีโรงพยาบาลน่าจะสลับตัวเธอกับพิรัลวัชรให้รู้แล้วรู้รอด เธอจะได้เป็นลูกสาวของลุงทวีศักด์ที่ทั้งใจดีมีเมตตา และพ่อก็จะได้พิรัลวัชรที่เหมือนกับตัวเองเด๊ะไปเป็นลูกชาย แทนที่จะมีลูกชายที่สนใจแต่การเข้าครัว และลูกสาวที่ไม่ได้เต็มใจจะสืบทอดกิจการเลยสักนิดเดียว แต่นั่นดูจะเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าพวกเขาอายุเท่ากัน เพราะเกิดวันเดียวกันและเรียนปีเดียวกันก็ตาม แต่ความจริงแล้วพิรัลวัชรแก่กว่าเธอถึงหนึ่งปีเต็ม

"ฉันไม่ได้พูดอะไรเกินจริงสักหน่อย พ่อเธอทำโฮลอินวันได้จริงๆ นอกจากนี้ฉันคือคนที่ได้หุ้นมูลค่ายี่สิบหกล้าน ในขณะที่เธอไม่ได้อะไรเลย" พิรัลวัชรจ้องรอยย่นระหว่างคิ้วของมิลลาดาซึ่งกำลังขมวดมุ่นด้วยความรู้สึกพึงพอใจแปลกๆในชัยชนะครั้งแรกที่เขาไม่เคยได้รับมาตลอดระยะเวลายี่สิบสามปี แล้วจู่ๆความพึงพอใจนั้นก็สลายไปทันทีที่คิ้วของมิลลาดาคลายออกพร้อมกับอาการถอนหายใจที่ทำให้เขารู้สึกตัวสั่น

ไม่นะ!

"ช่างเถอะ คนเราจะไม่ผิดหวัง เมื่อเราไม่คาดหวัง และในเมื่อมินมีความยินดีที่จะมอบให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นั่นหมายความว่ามินก็ไม่ควรจะปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองเศร้าหมองเพียงเพราะว่าพ่อเข้าใจผิดในความหวังดีของมิน"

ประโยคนั้นทำให้ชายหนุ่มอยากจะเอาหัวโขกกำลังแพงด้วยความโมโห ผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำให้เขาเป็นบ้าตายด้วยทฤษฎีการคิดบวกของเธอ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อดึงอารมณ์ขุ่นมัวของเธอกลับมา ซึ่งนั่นจะเป็นการยืนยันถึงชัยชนะที่แท้จริงของเขา

มิลลาดาเดินอ้อมเขาไปหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมือและโยนลงในถังขยะ

ทันใดนั้นพิรัลวัชรก็เหลือบไปเห็นบริกรขนเค้กก้อนใหญ่ซึ่งอยู่ในรถเข็นอาหารออกมาจากห้องครัว ก่อนที่สายตาของเขาจะพบกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำกับการขนย้ายนั้น ชายหนุ่มกลับหลังหันอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างกายใหญ่โตของเขาบังภาพด้านหลังของมิลลาดาจนมิด

"ศัศวัตจะขอมินแต่งงานวันเกิดอา หวังว่ายัยมินคงทำตัวดีพอที่ฝ่ายชายจะไม่เอามาคืนภายในปีเดียว"

หลายวันมานี้เขาทำงานมากเกินไปจนเกือบจะลืมคำพูดของอนุวัตไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่อว่ามิลลาดากำลังจะแต่งงานก่อนเขา มีบางครั้งที่เขาคิดเรื่องการแต่งงานกับมิลลาดา การแต่งงานที่จะทำให้เขาได้เครือปัญญาธนกิจมาครองพร้อมๆกับการเอาชนะเธอ แต่การเอาชนะใจมิลลาดานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับศัศวัต คู่หมั้นของเธอ เพราะดูพวกเขาจะรักกันดีมาก มากจนทำให้เขาหมั่นไส้ และคงไม่มีอะไรจะทำให้เขาเบิกบานใจได้อีกแล้ว นอกจากทำให้ทั้งสองคนแตกคอกัน แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม

"เธอกับแฟนช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง"

"ถามทำไม" สัญชาตญาณทำให้มิลลาดาหรี่ตาลงทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น แม้ว่าเธอมักจะลืมเรื่องแย่ๆทันทีที่นอนหลับและตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ แต่อดีตระหว่างเธอกับพิรัลวัชรไม่ใช่สิ่งที่เธอจะลืมได้ง่ายๆ

สิบห้าปีก่อนเขาฟ้องพ่อของเธอว่า เธอแอบมีแฟน และทำให้เธอต้องเลิกกับรุ่นพี่คนที่เธอปลื้มมาตลอดสามปี แปดปีก่อนเขาพูดสิ่งที่ไม่สมควรพูดกับแฟนคนที่สองที่เธอคบตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปีสอง และทำให้พวกเขาต้องแยกทางกันในที่สุด มิลลาดาไม่อาจโทษได้ว่าพิรัลวัชรเป็นสาเหตุทั้งหมดของการเลิกทั้งสองครั้งนั้น แต่แน่นอนว่าเขาคือสาเหตุหลัก

"ฉันแค่จะบอกว่า ถ้าเธออยากให้พ่อพอใจ เธอก็ควรจะรีบแต่งงาน ผู้หญิงอายุเกินสามสิบไปแล้วจะมีลูกยากเธอก็น่าจะรู้เรื่องนี้ดี"

"ทำไมมินจะไม่รู้ว่าพ่ออยากให้มินแต่งงาน ในเมื่อพ่อคอยกรอกหูมินอยู่ทุกวันว่าความสำเร็จสูงสุดในชีวิตของผู้หญิงก็คือการมีสามีดีๆ"

"ศัศวัตกำลังจะขอเธอแต่งงาน" พิรัลวัชรเอ่ยและเห็นสีแดงเรื่อฉีดขึ้นบนแก้มของหญิงสาว ซึ่งไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เขาคาดว่าจะได้เห็น

"อย่ามาอำหน่อยเลย" มิลลาดาหลุบตาต่ำลงและไม่ยอมสบตาเขา

เห็นได้ชัดว่าศัศวัตมีผลต่ออารมณ์ของหญิงสาวมากกว่าที่เขาคิด มิลลาดาเป็นคนที่จริงจังกับความสัมพันธ์เสมอ แม้ว่าการพบกันของทั้งคู่จะเกิดจากความต้องการของผู้ใหญ่ แต่ความรู้สึกของทั้งคู่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจ และเพราะแบบนั้นการกระทำของเขาต่อไปนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนุกอยู่ไม่น้อย

"ฉันขอเตือนเธอนะมิน อย่าพึ่งตอบรับเขา"

"ทำไม" ประโยคนั้นทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองพิรัลวัชรทันที

"จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ซึ่งเธอก็คงรู้ว่าฉันมีเพื่อนเยอะขนาดไหน มีคนบอกว่าศัศวัตเป็น..." เขาหยุดพูดไปเสียอย่างนั้น

"เป็นอะไร" มิลลาดาเอ่ยเสียงแข็ง

"เกย์" พิรัลวัชรกระตุกยิ้มในใจเมื่อเห็นสีหน้าคลางแคลงใจของมิลลาดา เขารีบเอ่ยต่อทันที "แต่จะเป็นเกย์คิงหรือควีนนั้นเพื่อนฉันไม่รู้ รู้แต่ว่าเขานิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกัน ถ้าเขาเป็นคิงก็อาจจะพอปฏิบัติภารกิจที่จำเป็นกับเธอได้อยู่หรอก แต่ถ้าเป็นควีน ก็นะ เขาต้องชอบผู้ชายมากกว่าอยู่แล้ว"

"ไม่จริง" มิลลาดายกมือขึ้นปิดหูเหมือนไม่ต้องการจะได้ยินอะไรทั้งนั้น แต่น่าเสียดายที่เธอไม่มีมืออีกข้างไว้ปิดจมูก และพิรัลวัชรก็กำลังเดินเข้ามาใกล้มากเสียจนเธอได้กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผสมกับกลิ่นพิเศษบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นที่ไหนนอกจากตัวของผู้ชายคนนี้ ครั้งหนึ่งกลิ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความสดชื่นผ่อนคลาย แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกนาฬิกาของจิตแพทย์สะกดจิตให้เชื่ออะไรตามที่เขาพูดออกมา ผู้ชายที่มีวาจาร้ายกาจแบบเขา ไม่ควรจะมีกลิ่นตัวที่ชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มเช่นนี้

"หนุ่มใหญ่อายุสามสิบเก้าที่ไม่เคยผ่านการแต่งงาน ทั้งๆที่เป็นลูกชายคนโตของเจ้าของธนาคารที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ ไม่เคยมีประวัติหรือข่าวฉาวเรื่องผู้หญิง ไม่ชอบออกงานสังคม แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ชอบพูดจาคะขา และมีกิริยาสุภาพนุ่มนิ่มแบบที่ผู้ชายไม่ควรจะมี เธอคิดว่ามันเพราะอะไร"

มิลลาดาอ้าปากจะเถียงแต่เธอคิดคำพูดที่เหมาะสมไม่ได้ ทุกอย่างที่พิรัลวัชรพูดล้วนเป็นความจริง

"รัลมีสิทธิจะสงสัยหรือพูดอะไรก็ได้ มินเองก็มีสิทธิเลือกว่าจะเชื่อหรือไม่ ขอตัว" มิลลาดาผลักพิรัลวัชรออกและเดินหลบชายหนุ่มซึ่งยืนขวางทางอยู่ออกไป

"น่าเสียดายจริงๆที่ความหวังดีของฉันจะถูกเมินเพียงเพราะว่าเธอมีอคติ ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็ไม่ต่างอะไรจากพ่อของเธอ" พิรัลวัชรโยนไพ่ตายออกไปตามหลังมิลลาดา

หญิงสาวรีบก้าวฉับๆให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ ก่อนที่เธอจะปล่อยให้ตัวเองเชื่ออะไรก็ตามที่พิรัลวัชรกรอกหูเธอ ศัศวัตเป็นคนที่มีความจริงใจต่อเธอมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่เธอเคยรู้จัก พวกเขาแบ่งปันความขมขื่นเล็กๆเกี่ยวกับเรื่องพ่อของทั้งคู่ด้วยกัน มิลลลาดาเชื่อว่าถ้าศัศวัตชอบผู้ชายจริง เขาก็คงจะบอกเธอ และถามเธอว่า

เธอยอมรับได้มั้ย ถ้าจะมีสามีที่รักเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบปฏิบัติกิจกรรมทางเพศกับคนเพศเดียวกัน

ไม่มีอะไรที่เธอต้องกังวลเกี่ยวกับคำเตือนของพิรัลวัชร เพราะระหว่างผู้ชายที่ไม่เคยโกหกเธออย่างศัศวัต กับคนเจ้าเล่ห์เพทุบายแบบพิรัลวัชร ถ้าเธอเชื่อพิรัลวัชรเธอก็สมควรจะกินหญ้าเป็นอาหารแล้ว

มิลลาดาเดินกลับมาที่ห้องอาหารวีไอพี และพบกับการเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานที่ไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์ซะทีเดียว ถ้าไม่เพราะคำพูดของพิรัลวัชรเธอก็คงจะยิ้มแก้มปริไปแล้วสำหรับความน่ารักของคู่หมั้น ซึ่งกำลังจะเป็นสามีในอนาคต แต่เพราะปีศาจร้ายตนนั้น เธอจึงทำได้เพียงพยายามยิ้มและตอบรับคำขอแต่งงานของศัศวัตแบบแกนๆเท่านั้น

"ดูเหมือนว่าผมจะพลาดฉากสำคัญไป" พิรัลวัชรเดินกลับเข้ามาหลังจากเธอเล็กน้อยและตรงไปที่ที่นั่งของเขา และหยิบแก้วน้ำชาขึ้นมา

"ผมขอดื่ม ให้กับว่าที่เจ้าสาวที่โชคดีที่สุด เพื่อนรักตลอดกาลของผม มิลลาดา ยินดีด้วยมิน" เขาเอ่ยและชูแก้วน้ำชาขึ้นเพื่ออวยพรให้ว่าที่คู่บ่าวสาว

การต่อสู้อย่างยาวนานระหว่างเขากับมิลลาดายังไม่จบลงหรอก ยังมีเวลาอีกมากมายก่อนที่งานแต่งงานจะมีขึ้น และต่อให้ทั้งคู่แต่งงานกันแล้ว ก็ยังมีเวลาและโอกาสอีกมากมายที่เขาจะเอาชนะมิลลาดา








ฌลารักษ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 เม.ย. 2557, 21:01:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 เม.ย. 2557, 23:50:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1286





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account