รักร้อน... ซ่อนปริศนา
หลังจากห่างหายไปนาน หลังจากติด anime manga
และการทำ sub anime ต่าง ๆ
ในที่สุดก็กลับมามีแรงบันดาลใจในการปั่นนิยายต่อ T^T
ก็เลยมาปั่นนิยายที่ดองไว้ในไห (ปีกว่าแล้วล่ะมั้ง)
ยังไงก็เป็นกะลังใจให้คนอยากเขียนคนนี้ด้วยนะคะ
ให้โปรเจ็คนิยายตัวนี้ ปั่นจนจบทีเถอะ สาธุ เพี้ยงๆๆๆ
ป.ล. เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ มายา รักร้ายค่ะ
ที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000 ค่ะ
และ ใครประสงค์จะติดตามผลงาน sub anime น่ารัก ๆ
ของคนอยากเขียนตัวกลม ๆ ก็ไปติดตามได้ที่
http://narakjung002.exteen.com/ นะคะ
------------------------------------------------------
อิมเมจตัวละคร
เขาคือ พระเอกที่พ่ายรักจากเรื่องที่แล้ว
เธอคือ นักวิทยาศาสตร์สาวผู้หลบหนีจากการตามล่า
ความรัก ของเขาและเธอ จะเป็นเช่นไร มีแต่คนแต่งเท่านั้นที่จะบอกได้
http://image.dek-d.com/21/729714/101497757
ปราญชนะ ธนาทรัพย์ประเสริฐ
พระเอกชื่อดังทางจอแก้ว อดีต เคยหลอกลวงสาวคนรัก เพื่อที่จะใช้เธอเป็นบันใด ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการบันเทิง และทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี จนเธอต้องมาตามล้างแค้น แต่ด้วยความดี เธอคนนั้นจึงให้อภัย แต่ไม่ยกหัวใจให้อีก
http://image.dek-d.com/21/729714/101460837
พิณภิวาณ์ เอ็ม เอ็ดเวิร์ด
นักวิทยาศาสตร์สาว ที่เรียนจบปริญญาเอก ดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ด้าน พันธุวิศวกรรม (Genetic engineering) แต่ด้วยความเก่งกาจ ทำให้เธอต้องไปขัดแย้งกับองค์กรมืด ที่หวังจะเธอเป็นเครื่องมือ แต่ด้วยความที่เธอรู้ตัวเสียก่อน จึงได้หนีออกมาและมาเจอเขา พระเอกผู้พ่ายรัก
http://image.dek-d.com/21/729714/101460841
เจนนี เจนสุดา โพธิกมล
นางแบบสาว ที่กำลังโด่งดัง เคยถ่ายแบบร่วมกับ ปราญชนะ และมีอะไรกับ เขาที่จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากที่คบใครก็หลากหลายคน เธอก้ไม่พบผู้ชายที่ถูกใจเธอเท่ากับปราญชนะ จึงได้กลับมาเพื่อจะคบหากับปราญชนะอีกครั้ง
http://image.dek-d.com/21/729714/101460847
คิมเจ แมคไกว์
นักวิทยาศาสตร์ สาขาเดียวกับ พิณภิวาณ์ และเป็นคู่หมั้นของพิณภิวาณ์ เขาหลงรักในความชาญฉลาดของเธอ หวังที่จะแต่งงานกับเธอ และเป็นคนชักนำเธอไปสู่องค์กรมืด ซึ่งตัวเขาได้ให้การรวมมืออยู่ด้วย
http://image.dek-d.com/21/729714/101460856
ฮาเวิร์ค ไบรอัน ไวท์
FBI หนุ่ม ที่ได้รับมอบหมายให้มาสืบเรื่องขององค์กรมืด และสืบเรื่องการหายตัวไป ของพิณภิวาณ์ รวมถึงเรื่องการกระทำผิดของ คิมเจ แมคไกว์ ซึ่งเมื่อเขามาถึง ก็ได้พบกับเจนนี นางแบบสาว ที่กำลังโด่งดังอยู่และทั้งคู่ก็ได้มีปากเสียงกัน
อาล้าล๊า...
เรื่องนี้ไม่มีหักมุม ซ่อนเงื่อนแบบเรื่องที่แล้ว นะค๊า...
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์คนแต่งอีกเช่นเคย หุหุ
และ
ขอแก้ไขชื่อเรื่องเป็น
รักร้อน... ซ่อนปริศนา
นะคะ เพื่อเพิ่มระดับ NC ที่อาจจะเพิ่มพูน
ด้วยความอัดอันตันใจของผู้แต่งค่ะ
และการทำ sub anime ต่าง ๆ
ในที่สุดก็กลับมามีแรงบันดาลใจในการปั่นนิยายต่อ T^T
ก็เลยมาปั่นนิยายที่ดองไว้ในไห (ปีกว่าแล้วล่ะมั้ง)
ยังไงก็เป็นกะลังใจให้คนอยากเขียนคนนี้ด้วยนะคะ
ให้โปรเจ็คนิยายตัวนี้ ปั่นจนจบทีเถอะ สาธุ เพี้ยงๆๆๆ
ป.ล. เรื่องนี้เป็นภาคต่อของ มายา รักร้ายค่ะ
ที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ ดอกหญ้า 2000 ค่ะ
และ ใครประสงค์จะติดตามผลงาน sub anime น่ารัก ๆ
ของคนอยากเขียนตัวกลม ๆ ก็ไปติดตามได้ที่
http://narakjung002.exteen.com/ นะคะ
------------------------------------------------------
อิมเมจตัวละคร
เขาคือ พระเอกที่พ่ายรักจากเรื่องที่แล้ว
เธอคือ นักวิทยาศาสตร์สาวผู้หลบหนีจากการตามล่า
ความรัก ของเขาและเธอ จะเป็นเช่นไร มีแต่คนแต่งเท่านั้นที่จะบอกได้
http://image.dek-d.com/21/729714/101497757
ปราญชนะ ธนาทรัพย์ประเสริฐ
พระเอกชื่อดังทางจอแก้ว อดีต เคยหลอกลวงสาวคนรัก เพื่อที่จะใช้เธอเป็นบันใด ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการบันเทิง และทอดทิ้งเธอไปอย่างไม่ไยดี จนเธอต้องมาตามล้างแค้น แต่ด้วยความดี เธอคนนั้นจึงให้อภัย แต่ไม่ยกหัวใจให้อีก
http://image.dek-d.com/21/729714/101460837
พิณภิวาณ์ เอ็ม เอ็ดเวิร์ด
นักวิทยาศาสตร์สาว ที่เรียนจบปริญญาเอก ดีกรีเป็นถึงดอกเตอร์ด้าน พันธุวิศวกรรม (Genetic engineering) แต่ด้วยความเก่งกาจ ทำให้เธอต้องไปขัดแย้งกับองค์กรมืด ที่หวังจะเธอเป็นเครื่องมือ แต่ด้วยความที่เธอรู้ตัวเสียก่อน จึงได้หนีออกมาและมาเจอเขา พระเอกผู้พ่ายรัก
http://image.dek-d.com/21/729714/101460841
เจนนี เจนสุดา โพธิกมล
นางแบบสาว ที่กำลังโด่งดัง เคยถ่ายแบบร่วมกับ ปราญชนะ และมีอะไรกับ เขาที่จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากที่คบใครก็หลากหลายคน เธอก้ไม่พบผู้ชายที่ถูกใจเธอเท่ากับปราญชนะ จึงได้กลับมาเพื่อจะคบหากับปราญชนะอีกครั้ง
http://image.dek-d.com/21/729714/101460847
คิมเจ แมคไกว์
นักวิทยาศาสตร์ สาขาเดียวกับ พิณภิวาณ์ และเป็นคู่หมั้นของพิณภิวาณ์ เขาหลงรักในความชาญฉลาดของเธอ หวังที่จะแต่งงานกับเธอ และเป็นคนชักนำเธอไปสู่องค์กรมืด ซึ่งตัวเขาได้ให้การรวมมืออยู่ด้วย
http://image.dek-d.com/21/729714/101460856
ฮาเวิร์ค ไบรอัน ไวท์
FBI หนุ่ม ที่ได้รับมอบหมายให้มาสืบเรื่องขององค์กรมืด และสืบเรื่องการหายตัวไป ของพิณภิวาณ์ รวมถึงเรื่องการกระทำผิดของ คิมเจ แมคไกว์ ซึ่งเมื่อเขามาถึง ก็ได้พบกับเจนนี นางแบบสาว ที่กำลังโด่งดังอยู่และทั้งคู่ก็ได้มีปากเสียงกัน
อาล้าล๊า...
เรื่องนี้ไม่มีหักมุม ซ่อนเงื่อนแบบเรื่องที่แล้ว นะค๊า...
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์คนแต่งอีกเช่นเคย หุหุ
และ
ขอแก้ไขชื่อเรื่องเป็น
รักร้อน... ซ่อนปริศนา
นะคะ เพื่อเพิ่มระดับ NC ที่อาจจะเพิ่มพูน
ด้วยความอัดอันตันใจของผู้แต่งค่ะ
Tags: ดราม่า โรแมนติก ไลแลต
ตอน: บทที่ 1
แฮก แฮก แฮก !
ร่างเล็กของหญิงสาววิ่งลัดเลาะไปตามทางเดินแคบระหว่างอาคารด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความเหนื่อยล้าเนื่องจากมิได้หยุดพัก พิณภิวาณ์ เอื้อมมือไปแตะผนังของอาคารสูงที่ขนาบร่างทั้งสองด้าน เสียงเหนื่อยหอบหายใจดังระงม สายตาของนักวิทยาศาสตร์สาวสอดส่องไปมา เพื่อหาทางรอด ก่อนจะหันหลังกลับไปมองทางที่วิ่งมาว่ามีใครตามมาทันหรือไม่ แต่แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ไม่มีใครวิ่งตามหลังเธอมา
เมื่อหนึ่งปีก่อน ตัวเธอได้ถูกชักชวนให้มาเข้าร่วมการวิจัยยารักษาโรคกับองค์กรหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์กรที่คนรักของเธอทำงานร่วมอยู่ด้วย ในตอนแรก พิณภิวาห์คิดว่าองค์กรนั้นเป็นองค์กรที่น่าสนใจ มีการทำวิจัยยาและผลิตภัณฑ์รักษาโรคต่าง ๆ จนได้มีชื่อเสียงที่โด่งดังในระดับสากล แต่เมื่อตัวเธอได้เข้าไปสัมผัสกับองค์กรแห่งนั้นก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้ องค์กรแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นก็เป็นเพราะว่า พวกนั้นได้ทำการทดลองกับมนุษย์ ซึ่งเป็นข้อห้ามสูงสุดของโลก นอกจากนี้ องค์กรแห่งนี้ยังได้ทำการทดลองเพื่อเป็นอาวุธชีวะภาพ และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้พิณภิวาห์ต้องหนีกระเสือกกระสนออกมาจากห้องเตรียมการประชุม เพื่อนำเสนอผลงานการวิจัยที่เธอได้คิดค้นขึ้นมา เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้ เธอจะต้องไม่ทำให้มันตกอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้น
กลุ่มคนสวมชุดสูทสีดำ พยายามค้นหาตัวนักวิทยาศาสตร์สาวอย่างสุดความสามารถ พวกเขายังคงอยู่ที่หน้าทางออกที่พิณภิวาห์วิ่งผ่านมา หญิงสาว พยายามรวบรวมพละกำลังของตนเอง เพื่อจะหาทางวิ่งไปยังทางออกอีกด้านหนึ่งให้จงได้ เพราะเธอคิดว่า ถ้าหากว่ายอมแพ้พวกมันในตอนนี้ ก็คงไม่แคล้วโดนจับตัวไปเป็นแน่ และแน่นอนว่า ถ้าเคราะห์ดี พวกมันอาจจะไม่ทำอะไรเลย เพราะนอกจากเธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อพวกมันแล้ว เธอยังเป็นคนรักของคนในองค์กรพวกมันอีก แต่นั้นก็เป็นเพียงอีกปัจจัยหนึ่งที่มันจะละเว้นชีวิต แต่ถ้าหากว่าเคราะห์ร้าย พวกมันไม่คิดว่าความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของเธอไม่มีประโยชน์ต่อพวกมันอีกต่อไปแล้ว และไม่เห็นแก่หน้าของคนรักเธอล่ะก็ เมื่อนั้น พวกมันก็คงจะฆ่าเธอทิ้งหรือไม่ก็เอาเธอไปเป็นหนูทดลอง เหมือนอย่างที่เธอเคยทำการทดลองกับมนุษย์
“หามันเจอหรือยัง”
“ยังเลยครับลูกพี่”
“ตามหามันให้เจอ ของที่มันมีเป็นประโยชน์ต่อองค์กรเรา”
“ครับ ลูกพี่”
เสียงฝีเท้าที่กระทบน้ำยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ หญิงสาวหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรี่ยวแรงของเธอเริ่มลดลงจนแทบจะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว พิณภิวาห์มองหนทางข้างหน้าที่ทอดยาวไปสู่ทางออก อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น เธอก็จะวิ่งถึงทางออกแล้ว พิณภิวาห์ เริ่มออกตัววิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนเธอวิ่งสู่ทางออกเบื้องหน้าตามที่ใจต้องการ แต่พวกมันก็พบเธอเข้าแล้วด้วยเช่นกัน
“ลูกพี่ มันอยู่ตรงนั้น”
“ไหน”
“นั่นไงลูกพี่ กำลังจะวิ่งออกไปแล้ว”
“เฮ้ย แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก วิ่งไปดักมันหน้าทางออก อีกกลุ่มวิ่ง ตามมันไป เร็ว!”
“ครับ”
ชายชุดดำวิ่งตามร่างบอบบางไป นักวิทยาศาสตร์สาวพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็ว ยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ บัดนี้ หญิงสาวรู้สึกเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว ขาของเธอเหมือนกระดูกที่กระทบกันไปมาจนไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน แต่แล้ว พิณภิวาห์ก็วิ่งมาถึงทางออกด้านหน้า ภายนอกนั้นเป็นลานจอดรถกว้าง และเมื่อมองไปยังเบื้องบนก็พบว่าเป็นโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ในตอนแรกนั้น เธอคิดว่าจะไปหลบอยู่ในโรงแรม แต่เมื่อดูสภาพการแต่งกายในตอนนี้แล้ว ก็คงไม่แคล้วจะถูกไล่ออกมา แต่ถึงจะถูกไล่ออกมา ก็ยังดีกว่าโดนพวกมันจับตัว นักวิทยาศาสตร์สาว คิดได้ดังนั้น จึงรีบออกตัววิ่งไปยังประตูทางเข้าโรงแรมชื่อดังแห่งนั้นทันที แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง กลุ่มชายชุดดำก็เข้ารายล้อมรอบตัวเธอไว้
“ไง เหนื่อยแล้วเหรอครับ คุณผู้หญิง...”
“พวกแก”
“อย่าหนีอีกดีกว่านะครับ กลับไปกับพวกเรา”
“เรื่องอะไร ฉันไม่ให้พวกแกได้ใช้ข้อมูลที่ฉันค้นพบเพื่อธุรกิจนรกของพวกแกเหรอ”
“ฮึ นั่นคุณก็ต้องกลับไปพูดกับนายของเราเอง แต่ผมว่านะ นายของเราไม่ชอบคนทรยศ”
“ฉันไม่ได้ทรยศ องค์กรพวกแกต่างหากแค่หลอกฉันมา”
“หลอก ? เฮอะ... แต่คุณก็สนุกกับมันไม่ใช่เหรอครับ”
“สนุกบ้าอะไร พวกแกเอาคนเป็นหนูทดลอง”
"ก็เพราะเอาคนมาทดลองไม่ใช่เหรอครับ มันถึงได้ทำให้ผลการวิจัยของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว หรือคุณจะเถียงว่าไม่ใช่ กลับไปกับเราซะดี ๆ เถอะครับ คุณพิณภิวาห์ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าพวกผมไม่เตือน”
พิณภิวาห์ขบริมฝีปากตนเอง ที่พวกมันพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ในตอนแรก เธออาจจะไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ แต่เมื่อเธอรู้แล้วว่าพวกมันวิจัยกับมนุษย์ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ยังหลงระเริงกับงานวิจัยนรกนั้นต่อไป เธอไม่แม้แต่พยายามจะหลบหนี ถ้าจะคิดไปแล้ว เธอเองก็มีบาปที่รู้แล้วก็ยังคงทำการทดลองต่อไป แต่บาปนั้นเธอจะขอให้มันจบลงเพียงแค่นี้ เพราะสิ่งที่คิดค้นนั้น มันไม่สมควรจะนำมาใช้งานจริง
กลุ่มชายชุดดำปิดล้อมหญิงสาวไว้ทุกทิศทาง พิณภิวาห์พยายามมองหาทางรอด สายตาของเธอเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างประตูรถจากัวร์สีดำ เมื่อเพ่งมองก็พบว่าเป็น พระเอกชื่อดังทางจอแก้ว ร่างสูงนั้นสวมสูทสีขาว ราวกับเทพบุตร มือของเขากำลังเอื้อมไปเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่แล้วก็เหมือนว่าจะทำอะไรบางอย่างตกหล่นทำให้ ดาราหนุ่มต้องก้มลงเก็บเสียก่อน พิณภิวาห์ไม่รอช้า เธอไม่มีเวลาอีกแล้ว ก่อนที่ดาราคนนั้นจะไป เธอต้องพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือเสียก่อน แต่เมื่อพิณภิวาห์พยายามจะเปล่งเสียงออกมา เธอก็พบว่าเสียงของเธอนั้นเบาเกินกว่าที่จะส่งไปยังที่นั้น นักวิทยาศาสตร์สาวจึงผลักร่างยักษ์ที่บังเธอเอาไว้และออกตัววิ่งทันที
“เฮ้ยจับมันไป”
“ครับลูกพี่”
“ปล่อยนะ”
พิณภิวาห์พยายามสลัด ร่างของตนเองให้หลุดรอดจากการจับกุมตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อมีชายชุดดำคนหนึ่งพยายามจะอุ้มเธอขึ้นพาดบ่า เธอจึงถีบคนดังกล่าวจนกระเด็นออกไป ทำให้พวกมันเริ่มหงุดหงิดที่เธอไม่ยอมไปกับพวกมันดี ๆ พวกมันจึงเข้าล็อกคอของเธอไว้ เพื่อทำให้เธอหมดฤทธิ์ แต่พิณภิวาห์ก็ไม่ยอมแพ้ เธอกัดเข้าที่แขนของมันทันที
เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทำให้ มันสลัดร่างของพิณภิวาห์ออก จนทำให้ร่างเล็กนั้นกระแทกกับกำแพงอย่างแรง แน่นอนว่า รวมถึงศีรษะของแธอด้วยเช่นกัน เลือดสีแดงข้นไหลรินออกจากศีรษะของพิณภิวาห์อย่างช้า ๆ บัดนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าสติของตนเองเลือนรางเต็มที ความรู้สึกปวดหนีบที่ศีรษะ เริ่มเข้าแทนที่ ดวงตาของเธอเริ่มปิดปรือ
ไม่ เธอจะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้
พิณภิวาห์คิดดังนั้นเพราะ ตราบใดที่พวกมันยังคงอยู่ เธอก็คงจะไม่รอด คงต้องโดนมันจับตัวกลับไปเป็นแน่ กลุ่มชายชุดดำเมื่อเห็นดังนั้น ก็แสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิดร่างบางของหญิงสาวย่างรวดเร็ว แต่นึกหรือว่าเธอจะยอมให้พวกมันทำตามอำเภอใจ เธอคลี่ยิ้มของตัวเองออก ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อนอก หญิงสาวฉีดอะไรบางอย่างเข้าที่ใบหน้าของกลุ่มชายชุดดำ ละอองสารเคมีล่องลอยในอากาศ พวกมันทรุดตัวลงพื้นราวกับดอกเห็ด รอยยิ้มที่มุมปากของเธอยังคงอยู่ เมื่อรำลึกได้ว่า หากพวกมันร่วง เธอเองก็คงต้องร่วงตามมันในอีกไม่ช้าแน่ บัดนี้ เธอมีเวลาไม่มากแล้ว เพราะสารเคมีที่ฉีดไปเมื่อครู่ กำลังจะออกฤทธิ์
พิณภิวาห์รวบรวมพละกำลังที่มีอยู่ทั้นหมด ลุกขึ้นยืน สารเคมีดังกล่าวนั้นเป็นสารระเหยที่เธอคิดค้นขึ้นมาเอง นักวิทยาศาสตร์สาวคิดว่าสักวันจะต้องมีวันที่เธอได้ใช้มัน เพื่อที่จะปกป้องตนเองจากอันตราย ใครก็ตามที่สูดดม สารเคมีนั้นเข้าไป ก็จะทำให้คนที่สูดดมเข้าไปสลบไศล ไม่ได้สติ ไปอีกหลายวัน หากได้รับเข้าไปในปริมาณมาก ๆ และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะลืมทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
โดยปกติแล้ว ก่อนจะใช้ คนใช้จะต้องปิดจมูกของตนเองก่อน แต่เธอไม่มีแรงถึงขนาดนั้น แค่รวบรวมกำลังฉีดสารระเหยนี้ใส่มันไป ก็แทบแย่แล้ว อีกทั้งเธอยังต้องเก็บแรงไว้เพื่อหนีไปก่อนที่พวกมันจะฟื้นอีกด้วย พิณภิวาห์รีบเดินไปยังจุดที่พระเอกละครชื่อดังยืนอยู่ หญิงสาวดึงชายเสื้อของดาราหนุ่ม แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า ช่วยด้วย ! พร้อมกับสติที่หลุดลอยออกไป ร่างบอบบางทรุดลงบนพื้นต่อหน้า ต่อตา คนตรงหน้าทันที
ปราญชนะจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด ดาราหนุ่มเพิ่งจะหลบออกมาจากงานเลี้ยงที่อดีตคนรักของเขานั้นจัดงานแต่งงานขึ้นในวันนี้ ในอดีต เขาอาจจะไม่รู้สึกยินดีนัก ที่เห็นคนรักแต่งงานไปกับคู่แข่งซึ่งเป็นผู้บริหารค่ายการละครยักษ์ใหญ่ที่ เขาสังกัดอยู่ แต่เขาก็ละทิ้งความรู้สึกนั้น และยินดีกับเธอจากใจจริง เพราะสาเหตุที่ผิดก็เป็นเพราะเขาเองที่ไม่ซื่อสัตย์กับเธอก่อน แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง บัดนี้เขาต้องช่วยคนตรงหน้าเสียก่อน ปราญชนะทรุดตัวลง เขย่งร่างบอบบางตรงหน้าทันที
“คุณ ๆ”
“ช่วยด้วย!”
“ศีรษะ คุณแตกนี้”
“ช่วยด้วย! อย่าให้พวกมันจับฉันได้”
เสียงที่แหบพร่านั้นบอกเขาทั้งที่ตัวคนบอกนั้นยังคงสลบอยู่ ชายหนุ่มคิดว่ามันคงมาจากจิตใต้สำนึกของเธอที่ต้องการให้เขาช่วย โดยคนตรงหน้าคงจะถูกทำร้ายมาจากที่ไหนเป็นแน่ ปราญชนะชั่งใจคิด ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถทางด้านหลังออก แล้วอุ้มร่างเบาบาง นั้นขึ้นไป เขาวางร่างบอบบางนั้นลงไว้ที่เบาะหลังทันที ก่อนจะปิดประตูรถและวิ่งไปที่นั่งคนขับ พร้อมกับขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ปราญชนะ ขับรถของตนเองมาจนถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เขาเปิดกล่องแว่นตาที่เก็บไว้เวลาใช้อำพรางตัว จากคนภายนอกขึ้นมาสวมใส่ รวมถึงปัดผมหน้าของตัวเองให้ลงมาบังหน้าที่สุด ก่อนจะหันไปมองที่เบาะหลังรถ ร่างของหญิงสาวที่เขาช่วยไว้ ยังคงสลบไศล ไม่ได้สติ
เขารีบเปิดประตูรถของตนเองออก และเดินไปหาบุรุษพยาบาลให้ช่วยเตรียมรถเข็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาเดินกลับมาอุ้มร่างบอบบางที่อยู่ทางเบาะหลัง ส่งให้บุรุษพยาบาลที่รออยู่ และร่างนั้นก็ถูกส่งเข้าไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่อีกด้านในเวลาต่อมา ปราญชนะได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักคนที่ได้ช่วยไว้ก็ตามที หลังจากนั้นปราญชนะก็รีบ เดินตามมายังห้องฉุกเฉินทันที เวลานั้น มีเพียงนางพยาบาลสาวที่รอเขาอยู่บริเวณหน้าห้อง
“เธอจะเป็นอะไรมากไหมค่ะ”
“อันนี้ดิฉันก็ตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอให้หมอวินิจฉัย”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวคุณช่วยกรอกประวัติคนไข้ทางนี้ด้วยนะคะ”
“เอ่อ แต่ผมไม่รู้จักเธอน่ะครับ”
“อ้าว”
นางพยาบาลคนดังกล่าวมีสีหน้าสงสัย และหวาดระแวงว่าเขาจะเป็นคนที่ทำร้ายคนไข้มาหรือเปล่า ปราญชนะรีบยกมือขึ้นทำท่าปฏิเสธ ข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พูดออกมาของนางพยาบาล ซึ่งเป็นใครก็สามารถมองออกว่าเธอคิดอะไรอยู่
“คือว่า ผมเจอเธออยู่ข้างทางก็แล้วเห็นว่าเธอมีบาดแผลเลยนำมาส่งโรงพยาบาล”
“อย่างนั้นเหรอค่ะ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยกรอกชื่อและที่อยู่ ของคุณแทนได้ไหมค่ะ”
ปราญชนะทำหน้าอึกอัก มองซ้าย มองขวา อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าบริเวณที่ยืนอยู่นั้น นอกจากเขากับนางพยาบาลสาวแล้ว ไม่มีใครยืนอยู่เลย ชายหนุ่มจึงถอดแว่นออก พร้อมทั้งปัดผมที่ปรกหน้าอยู่นั้นออก ทำให้นางพยาบาลสาวมองเห็นใบหน้าโดนชัดเจน เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตื่นตะลึง อย่างไม่คาดคิดว่า ดาราชื่อดังทางจอแก้วจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“คะ-คุณ”
“อย่าเสียงดังนะครับ”
“คะ-ค่ะ”
“คือ ผมลำบากใจนะครับ ถ้าจะต้องกรอกประวัติไว้”
“ค่ะ... ดิฉันเข้าใจค่ะ คุณเป็นดารานี้ค่ะ”
“ครับ”
“แต่ทางเราก็จำเป็นต้องมีประวัติคนไข้”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างแสแสร้ง ในใจนั้นคิดเพียงว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้นางพยาบาลตรงหน้าใจอ่อนให้ได้ เพราะสิ่งที่เขากระทำมานั้น ใช้กับสาว ๆ ได้มานัดต่อนัดแล้ว และก็เป็นไปดังคาด พยาบาลสาวใจอ่อนฮวบ เนื่องจากว่าเธอเองก็เป็นแฟนละครของปราญชนะด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องพิศวาสรัก ซาตาน ที่กำลังออนแอร์ อยู่ในขณะนี้ แต่งานก็ต้องเป็นงาน เธอไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ทันที
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็กรอกแค่ชื่อปลอม ๆ ไว้ก็ได้นะคะ แต่เบอร์โทรศัพท์ ขอเป็นเบอร์จริงได้ไหมค่ะ เราจะได้ติดต่อคุณได้สะดวก”
“ได้เหรอครับ”
“ความจริงมันก็ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าคุณกำลังลำบาก ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะพอจะได้อยู่”
“ขอบคุณครับ”
ปราญชนะส่งยิ้มหวานหยดย้อย ให้นางพยาบาลสาว จนเธอถึงกับหน้าแดงระเรื่อ บิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย เธอยื่น เอกสาร ที่ใช้กรอกประวัติคนไข้ให้กับดาราหนุ่ม เขายิ้มรับด้วยความยินดี ก่อนจะสวมแว่นตา รวมถึงปัดผมหน้าให้ลงมาเพื่อปกปิดอำพลางหน้า และลงมือกรอกข้อมูลในแผ่นที่นางพยาบาลสาวส่งให้ ตามคำแนะนำของเธอ
ภายในห้องสีขาวเปิดแสงสลัว ร่างของเด็กหนุ่มดิ้นไปมาด้วยความหวาดกลัว มือทั้งสองของเขาถูกจับขึงด้วยสายรัดสีดำทะมึน ดวงตาแดงก่ำนั้นฉายแววความกลัวสุดขีด ที่ข้อมือขาวซีดนั้นมีเลขรหัสเหยียดยาวติดอยู่ เสียงประตูเปิดออก พร้อมด้วยร่างทะมึนในชุด กราวน์สีขาวเดินเข้ามาสี่ถึงห้าคน พร้อมด้วยอุปกรณ์ฉีดยา ยืนรายล้อมรอบตัวของเขา รอยยิ้มที่แสยะออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกกลัว และทุกอย่างก็จบลงในความมืดมิด
ร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผวาตื่นขึ้นมาในความมืดอาการหอบโหย พร้อมด้วยเม็ดเหงื่อที่พุดขึ้นเต็มหน้า เขาพยายามลดระดับอาการของตนเองลง อดีตที่เขาเคยผ่านมานั้น ยังคงตามมาย้ำเตือนจิตใจของเขา มนุษย์ทดลอง คำนี้ดูจะเหมาะกับเขาได้เป็นอย่างดี ตราประทับหมายเลขทดลอง ที่แขนซ้ายนั้นมันยังคงกรีดร้องถึงความเจ็บปวดที่ได้รับมา ไบรอัน ไวท์ กำหมัดของตนเองแน่น กว่าเขาจะหนีออกจากสถาบันวิจัยบ้าแห่งนั้นได้ ก็แทบแย่ เพื่อนของเขาที่ร่วมชะตากรรมมาด้วยกัน ก็ต่างหนีหายตายจาก มีแต่เขาคนเดียวที่หลุดรอดมาเป็น FBI ด้วยความสงสารของนายตำรวจคนหนึ่งที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเด็ก นายตำรวจคนดังกล่าวนั้นพบร่างของเขาที่เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือด ในตอนแรกตัวเขาเองก็คิดแล้วว่าคงจะไม่มีทางรอดแน่ แต่ก็ยังได้รับการอุปการะ และรับเป็นบุตรบุญธรรมทันที
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่ไบรอันไวท์ยังคงนั่งคิดเรื่องราวในอดีตอยู่ FBI หนุ่มเงยหน้าขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็น มารดาบุญธรรมของเขาเอง มิสซิส แคร์ เป็นภรรยาของ มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค นายตำรวจใจดีที่รับเขามาอุปการะ โดยไม่แม้แต่จะถามถึงเรื่องราวในอดีตของเขาเลย และเนื่องจากมิสซิสแคร์ นั้นไม่สามารถมีบุตรได้ จึงรักเขาเป็นอย่างมาก ในตอนแรกนั้น ไบรอันเองก็ไม่คิดจะเปิดใจให้ผู้ใหญ่คนไหน เพราะในนิยามของเขาแล้ว ผู้ใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะชั่วร้าย ทำการทดลองกับร่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยความเมตตาของทั้งสอง ทำให้ไบรอันเริ่มเปิดใจและรักเขาเสมือนบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด FBI หนึ่มอมยิ้มเมื่อคิดเช่นนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่โยนไว้ที่ข้างเตียงนอนและเดินไปเปิดประตูห้องทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”
“ได้เวลาตื่นแล้วจ้ะ ตาไวท์”
“โธ่ แม่ครับ เรียกผมว่า ไบรอันสิครับ เท่กว่าเยอะ”
“ก็แม่จะเรียกเราแบบนี้ใครจะทำไม พ่อเราก็ไบรอันไปแล้ว ขืนแม่เรียกเราว่า ไบรอันอีก สับสนกันพอดี เอ หรือเราอยากเป็น ไบรอันจูเนียร์ อืม แต่แม่ว่า เราเกินกว่าจะเรียกว่าจูเนียร์แล้วนะ”
“โธ่แม่ครับ ปกติแม่ก็เรียกพ่อด้วยชื่อต้นอยู่แล้ว ส่วนของผมน่ะ เรียกด้วยชื่อกลาง ไม่สับสนหรอกครับ”
“จ้า ๆ พ่อไบรอัน เอาเถอะ อันนั้นให้เพื่อนเขาเรียกกันเองละกัน ส่วนแม่ขอเรียกเราว่า ตาไวท์แบบนี้และดีแล้ว แม่ชอบ”
“เฮ้อ... เถียงท่าน ผบ. ไม่ได้เลยนะครับเนี่ย”
ไบรอันส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน มิสซิส แคร์ ได้แต่หัวเราะในลำคอ ก็ชื่อคุณลูก กับคุณพ่อ ดันใช้ชื่อเดียวกัน คือ ฮาเวิร์ค ไบรอัน ไวท์ เพียงแต่ในสมัยเด็ก จะมีการเต็มคำว่าจูเนียร์ต่อท้าย แต่สำหรับเธอแล้ว ชอบเรียกลูกของเธอว่าไวท์มากกว่า เพราะมันเหมาะกับนิสัยที่ชอบหิมะของเขา ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอ ทำให้เขาลืมเรื่องฝันร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อยามรุ่งสางไปจนสนิท จากที่เขาเคยคิดว่า โลกใบนี้มีแต่สิ่งสกปรกโสมม แต่เมื่อเจอคนทั้งคู่ เขาก็รู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้ ไบรอัน โอบร่างท้วม ที่แสนใจดีของมิสซิส แคร์ พร้อมทั้งหอมแก้มยุ้ยแรง ๆ จนมิสซิส แคร์หัวเราะร่วน พร้อมทั้งเอื้อมมือมาตีแขน ไบรอันเบา ๆ
“พอแล้วเราน่ะ ยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม”
“ครับแม่”
“ว่าแล้ว ตัวเหม็น ๆ รีบไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน”
“รับทราบครับ ท่านผบ.”
ไบรอัน ยกมือขึ้นทำท่าทำความเคารพ คนที่มียศสูงกว่า จนมิสซิส แคร์ จะเอื้อมมือมาตี แต่ไบรอันก็หลบได้ทัน พร้อมทั้ง หนีเข้าไปในห้อง เสียงหัวเราะสาดส่องไปทั่วบ้านหลังเล็ก เสียงที่ไบร์อันปฏิญาณตนไว้ว่า จะไม่มีวันที่จะให้มันห่างหายจากกายเขาเป็นอันเด็ดขาด อดีตที่ตามหลอกหลอนเขา เขาคนนี้จะชะล้างมันออกไปให้หมด เขาสาบาน....
“และนี้เราจะไปประเทศไทยสัปดาห์หน้าเหรอ ตาไวท์”
มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ถาม ไบรอันขึ้นขณะที่ยังอยู่บนโต๊ะอาหารที่ มิสซิส แคร์ เสิร์ฟ ให้รับประทาน ไบรอันเงยหน้าชึ้นจากจาน อาหารเช้าของเขาที่ประกอบไปด้วย ไส้กรอกสองชิ้น และ ไข่ดาวอีกสองฟอง กับขนมปังทอดกระเทียมที่ มิสซิส แคร์ พึงจะยัดเหยียดให้เขาทานเพิ่มเมื่อครู่ เขาพยักหน้ารับ ไบรอันได้รับคำสั่ง ให้ไปสืบเรื่องที่เขารับหน้าที่อยู่ ซึ่งหน้าที่นั้นเกี่ยวพันถึงอดีตที่เขาเคยประสบมา
“อะไรนะ เราจะไปประเทศไทยสัปดาห์หน้าเหรอตาไวท์”
“ครับแม่ คำสั่งมาแล้วด้วย”
“ไม่เห็นเราบอกแม่เลย”
“พอดีผมเห็นว่ามันตั้งสัปดาห์หน้า เลยไม่ได้บอกครับ”
“แค่สัปดาห์หน้าต่างหากล่ะ แม่ล่ะไม่อยากให้เราเป็น FBI เลย พ่อเราเกษียร มาแล้ว อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ต้องพบอันตรายแล้วเชียว”
“โธ่ แม่ครับ ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนดีออก นะครับ”
มิสซิส แคร์ ถลึงตาดุ ไบรอัน เธอเจอใบหน้าซื่อตาใส ของบุตรบุญธรรมแล้วทำให้เธออดอ่อนใจไม่ได้ เขารับหน้าที่ FBI ตามสามีของเธอที่เกษียรไป ด้วยอดีตที่ฝังลึกนั้น ยากจะลบเลือนให้หายไปได้ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ เขาไปพบอันตราย มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ส่งสายตามาที่มิสซิส แคร์ เป็นเชิงห้ามปราม ทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจ สามีของเธอเคยบอกว่า อดีตที่เคยตามล้างพลาญ ไบรอัน ก็มีแต่ไบรอันเท่านั้นที่จะทำลายอดีตนั้นได้ และแน่นอนว่า งานที่เขารับหน้าที่อยู่ก็เกี่ยวข้องกับอดีตของเขาเสียด้วย
“ก็ได้ ๆ รักษาตัวดี ๆ ด้วยล่ะเรา เดียวแม่เตรียมข้าวของให้ ว่าแต่ ไปนานหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็เห็นว่าไม่มีกำหนด แต่ก็คงจะนานล่ะครับ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ไอ้สมิท ก็ไปกับผม”
“ตาสมิทด้วยเหรอ ก็ดี รายนั้นรอบครอบกว่าเราเยอะ”
“แล้วนี้เราจะออกไปไหนหรือเปล่าล่ะวันนี้”
มิสเตอร์ ฮาเวิร์คหันมาถาม ไบรอัน ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ไบรอันส่ายหน้า วันนี้เขากะว่าจะอยู่บ้านทั้งวัน เพราะต้องทบทวนเอกสารที่ได้รับมาจากหัวหน้าของเขาเมื่อวันก่อน เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมา เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขาเลยทีเดียว
“ไม่ล่ะครับ พอดีผมต้องทบทวนเอกสาร”
“เหรอ ถ้างั้นพ่อฝากเฝ้าบ้านด้วยล่ะกัน”
“คุณจะไปไหนเหรอค่ะ”
“เดท...”
“เดท ? กับใคร”
มิสซิส แคร์ทำเสียงเข้ม ขณะที่ไบรอันได้แต่หัวเราะออกมา เขานึกออกแล้วว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของ ทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่า มิสซิส แคร์จะลืมไปเลย ซึ่งตามปกติแล้ว คนที่ลืมส่วนมากจะเป็นฝ่ายชาย แต่ผิดกับมิสซิส แคร์ เธอไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเวลานัก เธอบอกว่าขอแค่ครอบครัวมีความสุขอยู่แบบนี้ทุก ๆ วันเธอก็เพียงพอใจแล้ว ผิดกับมิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ที่มักจะจำได้ว่าวันไหนเป็นวันเกิดของ มิสซิสแคร์ และวันไหนเป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งคู่
“กับคุณไง วันนี้วันครบรอบแต่งงานของเรา”
“หา...”
“แม่ลืมจริง ๆ ด้วย ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปแต่งตัวสวย ๆ ได้แล้ว เราจะไปเดทกัน”
มิสซิส แคร์หัวเราะร่วน ใบหน้าอวบอูมนั้นบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับ เธอวางถาดอาหารลง และเดินขึ้นบันใดบ้านไป ไบรอันยกนิ้มโป้ง เป็นเครื่องหมายว่ายอดเยี่ยม ให้กับ มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ในขณะที่มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ยักคิ้วให้กับเขา พร้อมกับเดินมาใกล้ ๆ เขาและพูดเบา ๆ ว่า
“ระวังตัวด้วยล่ะ ไอ้ลูกชาย”
“ครับพ่อ ผมจะระวังตัว”
ทั้งสองส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน ถึงแม้ว่า มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค จะเกษียร อายุราชการมาแล้ว แต่ก็ยังคงติดต่อกับคนวงในอยู่เป็นประจำ และเวลามีงานอะไรที่สำคัญ ๆ เขาก็ยังคงเข้าไปช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา โดยที่ปิด มิสซิส แคร์ไว้ ด้วยความที่ไม่อยากให้เธอเป็นห่วง ที่สามีต้องไปเสี่ยงภัย ความเงียบเริ่มเข้าครอบงำโต๊ะอาหารในยามเช้าอีกครั้ง จวบจน สามสิบนาทีต่อมา ที่ มิสซิส แคร์ ลงมาจากบันใดห้องของตนเองที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ด้วยชุดกระโปรงจีบเดรสแบบยุโรป สีอ่อนหวาน พร้อมด้วยหมวกสานใบเล็กแบบชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง
มิสซิส แคร์ และมิสเตอร์ ฮาเวิร์ค พบรักกันที่ ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนนั้น เธอยังเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศนั้น และตอนนั้น มิสเตอร์ ฮาเวิร์คก็ทำหน้าที่สืบราชการลับที่นั้น ด้วยความเซี้ยวของ มิสซิส แคร์ ทำให้เธอเข้าไปพัวพันเรื่องที่เขากำลังสืบอยู่ เลยต้องทำหน้าที่คุ้มครองพยานอย่าง มิสซิส แคร์ และนั้นทำให้เขาและเธอตกหลุมรักกันจนแต่งงานกันในที่สุด
เสียงโทรศัพท์มือถือของปราญชนะดังขึ้นขณะที่เขากำลังเปิดบทละครเรื่องใหม่ที่เขาจะแสดงคู่นางเอกสาวที่กำลังมาแรงแซงโค้งแทนที่ นภัสสร ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ ปกติแล้ว นางเอกคนนั้นกล่าวนั้น ถูกวางตัวให้เป็นที่สอง รองจากนภัสสร แต่เพราะนภัสสรถูกดำเนินคดี ละครเรื่อง พิศวาสรัก ซาตาน ที่เขาจะต้องแสดงร่วมกับเธอ จึงถูกเปลี่ยนตัวเป็นนางเอกคนดังกล่าว และนั้นก็ทำให้ชื่อเสียงของเธอดังเป็นพลุแตกขึ้นมาทันที จนทำให้ผู้จัดละครหมายตาให้แสดงคู่เขาอีกครั้ง แต่นางร้ายในครั้งนี้ ไม่มีอดีตคนรักของเขาที่ชื่อ ทรรศกาล
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ คุณปราญชนะ ดิฉัน กรแก้ว นะคะ”
“อ้อ คุณกรแก้ว”
ปราญชนะนึกถึง นางพยาบาลสาวที่ช่วยเหลือเขาโดยที่ให้เขาใช้ที่อยู่ปลอมได้ และนั้นก็ทำให้ขานึกถึงสาวน้อยผมยาวอีกคนที่เขาช่วยเหลือเธอไว้ จากการถูกทำร้าย และนำส่งโรงพยาบาล ตั้งแต่วันนั้น ก็ล่วงมาสองอาทิตย์แล้ว เธอก็ไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมา เขาเองก็เป็นห่วงเธออยู่หรอก แต่ด้วยหน้าที่ของเขา ทำให้ไม่สามารถเฝ้าดูเธอได้ จึงได้จ้างให้นางพยาบาลสาวสวยคนดังกล่าวเป็นคนดูแล
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือว่า คนที่คุณปราญชนะช่วยไว้ ฟื้นแล้วค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ แล้ว... เธอเป็นยังไงบ้างครับ”
“ดิฉันว่าคุณปราญชนะมาดูเองดีกว่าค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้เลย”
“หา...”
“ค่ะ ตอนนี้ดิฉันให้แพทย์แผนกประสาทวิทยา ตรวจดูให้อยู่ ก็เลยโทรมาแจ้งคุณปราญชนะให้ทราบไว้ก่อนน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้นะครับ”
“ค่ะ”
ปราญชนะฝากสายโทรศัพท์มือถือของเขาทันทีที่ อีกฝ่ายหมดธุระพูดคุย ลางสังหรณ์ของเขารู้สึกว่า เขากำลังจะเข้าไปพัวผัน กับเรื่องร้าย ๆ ซึ่งเขา ก็รู้สึกตั้งแต่ได้เจอ เธอในลานจอดรถของโรงแรมที่ เขาไปร่วมงานแต่งงานของทรรศกาลแล้ว ปราญชนะรีบวางบทละครของตัวเองลงกับโต๊ะ เขาเอื้อมมือไปหยิบเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่พาดอยู่บนโซฟา และเดินออกไปยังลานจอดรถของบ้านตัวเองทันที
เสียงเครื่องยนต์แล่นออกสู่ภายนอก ปราญชนะไม่รู้เลยว่า มีสายตาของใครบางคน ที่มองตามรถของเขา ที่แล่นออกไป ดวงตากร้าวนั้นมองตามรถของปราญชนะอย่างไม่ลดละ ก่อนจะแล่นรถสีดำทะมึนของตนเอง ตามรถของปราญชนะไปอย่างรวดเร็ว
- แก้ไขอีกรอบ -
ร่างเล็กของหญิงสาววิ่งลัดเลาะไปตามทางเดินแคบระหว่างอาคารด้วยความหวาดกลัว หัวใจของเธอเต้นระรัวด้วยความเหนื่อยล้าเนื่องจากมิได้หยุดพัก พิณภิวาณ์ เอื้อมมือไปแตะผนังของอาคารสูงที่ขนาบร่างทั้งสองด้าน เสียงเหนื่อยหอบหายใจดังระงม สายตาของนักวิทยาศาสตร์สาวสอดส่องไปมา เพื่อหาทางรอด ก่อนจะหันหลังกลับไปมองทางที่วิ่งมาว่ามีใครตามมาทันหรือไม่ แต่แล้วเธอก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ไม่มีใครวิ่งตามหลังเธอมา
เมื่อหนึ่งปีก่อน ตัวเธอได้ถูกชักชวนให้มาเข้าร่วมการวิจัยยารักษาโรคกับองค์กรหนึ่ง ซึ่งเป็นองค์กรที่คนรักของเธอทำงานร่วมอยู่ด้วย ในตอนแรก พิณภิวาห์คิดว่าองค์กรนั้นเป็นองค์กรที่น่าสนใจ มีการทำวิจัยยาและผลิตภัณฑ์รักษาโรคต่าง ๆ จนได้มีชื่อเสียงที่โด่งดังในระดับสากล แต่เมื่อตัวเธอได้เข้าไปสัมผัสกับองค์กรแห่งนั้นก็พบว่าสาเหตุที่ทำให้ องค์กรแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังนั่นก็เป็นเพราะว่า พวกนั้นได้ทำการทดลองกับมนุษย์ ซึ่งเป็นข้อห้ามสูงสุดของโลก นอกจากนี้ องค์กรแห่งนี้ยังได้ทำการทดลองเพื่อเป็นอาวุธชีวะภาพ และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้พิณภิวาห์ต้องหนีกระเสือกกระสนออกมาจากห้องเตรียมการประชุม เพื่อนำเสนอผลงานการวิจัยที่เธอได้คิดค้นขึ้นมา เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้ เธอจะต้องไม่ทำให้มันตกอยู่ในเงื้อมมือของคนพวกนั้น
กลุ่มคนสวมชุดสูทสีดำ พยายามค้นหาตัวนักวิทยาศาสตร์สาวอย่างสุดความสามารถ พวกเขายังคงอยู่ที่หน้าทางออกที่พิณภิวาห์วิ่งผ่านมา หญิงสาว พยายามรวบรวมพละกำลังของตนเอง เพื่อจะหาทางวิ่งไปยังทางออกอีกด้านหนึ่งให้จงได้ เพราะเธอคิดว่า ถ้าหากว่ายอมแพ้พวกมันในตอนนี้ ก็คงไม่แคล้วโดนจับตัวไปเป็นแน่ และแน่นอนว่า ถ้าเคราะห์ดี พวกมันอาจจะไม่ทำอะไรเลย เพราะนอกจากเธอจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีประโยชน์ต่อพวกมันแล้ว เธอยังเป็นคนรักของคนในองค์กรพวกมันอีก แต่นั้นก็เป็นเพียงอีกปัจจัยหนึ่งที่มันจะละเว้นชีวิต แต่ถ้าหากว่าเคราะห์ร้าย พวกมันไม่คิดว่าความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของเธอไม่มีประโยชน์ต่อพวกมันอีกต่อไปแล้ว และไม่เห็นแก่หน้าของคนรักเธอล่ะก็ เมื่อนั้น พวกมันก็คงจะฆ่าเธอทิ้งหรือไม่ก็เอาเธอไปเป็นหนูทดลอง เหมือนอย่างที่เธอเคยทำการทดลองกับมนุษย์
“หามันเจอหรือยัง”
“ยังเลยครับลูกพี่”
“ตามหามันให้เจอ ของที่มันมีเป็นประโยชน์ต่อองค์กรเรา”
“ครับ ลูกพี่”
เสียงฝีเท้าที่กระทบน้ำยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ หญิงสาวหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ เรี่ยวแรงของเธอเริ่มลดลงจนแทบจะไม่มีเหลืออยู่อีกต่อไปแล้ว พิณภิวาห์มองหนทางข้างหน้าที่ทอดยาวไปสู่ทางออก อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น เธอก็จะวิ่งถึงทางออกแล้ว พิณภิวาห์ เริ่มออกตัววิ่งต่อไปเรื่อย ๆ จนเธอวิ่งสู่ทางออกเบื้องหน้าตามที่ใจต้องการ แต่พวกมันก็พบเธอเข้าแล้วด้วยเช่นกัน
“ลูกพี่ มันอยู่ตรงนั้น”
“ไหน”
“นั่นไงลูกพี่ กำลังจะวิ่งออกไปแล้ว”
“เฮ้ย แบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรก วิ่งไปดักมันหน้าทางออก อีกกลุ่มวิ่ง ตามมันไป เร็ว!”
“ครับ”
ชายชุดดำวิ่งตามร่างบอบบางไป นักวิทยาศาสตร์สาวพยายามเร่งฝีเท้าให้เร็ว ยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ บัดนี้ หญิงสาวรู้สึกเมื่อยล้าไปหมดทั้งตัว ขาของเธอเหมือนกระดูกที่กระทบกันไปมาจนไร้เรี่ยวแรงที่จะก้าวเดิน แต่แล้ว พิณภิวาห์ก็วิ่งมาถึงทางออกด้านหน้า ภายนอกนั้นเป็นลานจอดรถกว้าง และเมื่อมองไปยังเบื้องบนก็พบว่าเป็นโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ในตอนแรกนั้น เธอคิดว่าจะไปหลบอยู่ในโรงแรม แต่เมื่อดูสภาพการแต่งกายในตอนนี้แล้ว ก็คงไม่แคล้วจะถูกไล่ออกมา แต่ถึงจะถูกไล่ออกมา ก็ยังดีกว่าโดนพวกมันจับตัว นักวิทยาศาสตร์สาว คิดได้ดังนั้น จึงรีบออกตัววิ่งไปยังประตูทางเข้าโรงแรมชื่อดังแห่งนั้นทันที แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง กลุ่มชายชุดดำก็เข้ารายล้อมรอบตัวเธอไว้
“ไง เหนื่อยแล้วเหรอครับ คุณผู้หญิง...”
“พวกแก”
“อย่าหนีอีกดีกว่านะครับ กลับไปกับพวกเรา”
“เรื่องอะไร ฉันไม่ให้พวกแกได้ใช้ข้อมูลที่ฉันค้นพบเพื่อธุรกิจนรกของพวกแกเหรอ”
“ฮึ นั่นคุณก็ต้องกลับไปพูดกับนายของเราเอง แต่ผมว่านะ นายของเราไม่ชอบคนทรยศ”
“ฉันไม่ได้ทรยศ องค์กรพวกแกต่างหากแค่หลอกฉันมา”
“หลอก ? เฮอะ... แต่คุณก็สนุกกับมันไม่ใช่เหรอครับ”
“สนุกบ้าอะไร พวกแกเอาคนเป็นหนูทดลอง”
"ก็เพราะเอาคนมาทดลองไม่ใช่เหรอครับ มันถึงได้ทำให้ผลการวิจัยของคุณประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว หรือคุณจะเถียงว่าไม่ใช่ กลับไปกับเราซะดี ๆ เถอะครับ คุณพิณภิวาห์ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าพวกผมไม่เตือน”
พิณภิวาห์ขบริมฝีปากตนเอง ที่พวกมันพูดมาก็ถูกทุกอย่าง ในตอนแรก เธออาจจะไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ แต่เมื่อเธอรู้แล้วว่าพวกมันวิจัยกับมนุษย์ด้วยความเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ยังหลงระเริงกับงานวิจัยนรกนั้นต่อไป เธอไม่แม้แต่พยายามจะหลบหนี ถ้าจะคิดไปแล้ว เธอเองก็มีบาปที่รู้แล้วก็ยังคงทำการทดลองต่อไป แต่บาปนั้นเธอจะขอให้มันจบลงเพียงแค่นี้ เพราะสิ่งที่คิดค้นนั้น มันไม่สมควรจะนำมาใช้งานจริง
กลุ่มชายชุดดำปิดล้อมหญิงสาวไว้ทุกทิศทาง พิณภิวาห์พยายามมองหาทางรอด สายตาของเธอเห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างประตูรถจากัวร์สีดำ เมื่อเพ่งมองก็พบว่าเป็น พระเอกชื่อดังทางจอแก้ว ร่างสูงนั้นสวมสูทสีขาว ราวกับเทพบุตร มือของเขากำลังเอื้อมไปเตรียมจะเปิดประตูรถ แต่แล้วก็เหมือนว่าจะทำอะไรบางอย่างตกหล่นทำให้ ดาราหนุ่มต้องก้มลงเก็บเสียก่อน พิณภิวาห์ไม่รอช้า เธอไม่มีเวลาอีกแล้ว ก่อนที่ดาราคนนั้นจะไป เธอต้องพยายามจะร้องขอความช่วยเหลือเสียก่อน แต่เมื่อพิณภิวาห์พยายามจะเปล่งเสียงออกมา เธอก็พบว่าเสียงของเธอนั้นเบาเกินกว่าที่จะส่งไปยังที่นั้น นักวิทยาศาสตร์สาวจึงผลักร่างยักษ์ที่บังเธอเอาไว้และออกตัววิ่งทันที
“เฮ้ยจับมันไป”
“ครับลูกพี่”
“ปล่อยนะ”
พิณภิวาห์พยายามสลัด ร่างของตนเองให้หลุดรอดจากการจับกุมตัว แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อมีชายชุดดำคนหนึ่งพยายามจะอุ้มเธอขึ้นพาดบ่า เธอจึงถีบคนดังกล่าวจนกระเด็นออกไป ทำให้พวกมันเริ่มหงุดหงิดที่เธอไม่ยอมไปกับพวกมันดี ๆ พวกมันจึงเข้าล็อกคอของเธอไว้ เพื่อทำให้เธอหมดฤทธิ์ แต่พิณภิวาห์ก็ไม่ยอมแพ้ เธอกัดเข้าที่แขนของมันทันที
เสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทำให้ มันสลัดร่างของพิณภิวาห์ออก จนทำให้ร่างเล็กนั้นกระแทกกับกำแพงอย่างแรง แน่นอนว่า รวมถึงศีรษะของแธอด้วยเช่นกัน เลือดสีแดงข้นไหลรินออกจากศีรษะของพิณภิวาห์อย่างช้า ๆ บัดนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าสติของตนเองเลือนรางเต็มที ความรู้สึกปวดหนีบที่ศีรษะ เริ่มเข้าแทนที่ ดวงตาของเธอเริ่มปิดปรือ
ไม่ เธอจะเป็นอะไรไปตอนนี้ไม่ได้
พิณภิวาห์คิดดังนั้นเพราะ ตราบใดที่พวกมันยังคงอยู่ เธอก็คงจะไม่รอด คงต้องโดนมันจับตัวกลับไปเป็นแน่ กลุ่มชายชุดดำเมื่อเห็นดังนั้น ก็แสยะยิ้มเหี้ยม ก่อนจะก้าวเข้ามาประชิดร่างบางของหญิงสาวย่างรวดเร็ว แต่นึกหรือว่าเธอจะยอมให้พวกมันทำตามอำเภอใจ เธอคลี่ยิ้มของตัวเองออก ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อนอก หญิงสาวฉีดอะไรบางอย่างเข้าที่ใบหน้าของกลุ่มชายชุดดำ ละอองสารเคมีล่องลอยในอากาศ พวกมันทรุดตัวลงพื้นราวกับดอกเห็ด รอยยิ้มที่มุมปากของเธอยังคงอยู่ เมื่อรำลึกได้ว่า หากพวกมันร่วง เธอเองก็คงต้องร่วงตามมันในอีกไม่ช้าแน่ บัดนี้ เธอมีเวลาไม่มากแล้ว เพราะสารเคมีที่ฉีดไปเมื่อครู่ กำลังจะออกฤทธิ์
พิณภิวาห์รวบรวมพละกำลังที่มีอยู่ทั้นหมด ลุกขึ้นยืน สารเคมีดังกล่าวนั้นเป็นสารระเหยที่เธอคิดค้นขึ้นมาเอง นักวิทยาศาสตร์สาวคิดว่าสักวันจะต้องมีวันที่เธอได้ใช้มัน เพื่อที่จะปกป้องตนเองจากอันตราย ใครก็ตามที่สูดดม สารเคมีนั้นเข้าไป ก็จะทำให้คนที่สูดดมเข้าไปสลบไศล ไม่ได้สติ ไปอีกหลายวัน หากได้รับเข้าไปในปริมาณมาก ๆ และเมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะลืมทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
โดยปกติแล้ว ก่อนจะใช้ คนใช้จะต้องปิดจมูกของตนเองก่อน แต่เธอไม่มีแรงถึงขนาดนั้น แค่รวบรวมกำลังฉีดสารระเหยนี้ใส่มันไป ก็แทบแย่แล้ว อีกทั้งเธอยังต้องเก็บแรงไว้เพื่อหนีไปก่อนที่พวกมันจะฟื้นอีกด้วย พิณภิวาห์รีบเดินไปยังจุดที่พระเอกละครชื่อดังยืนอยู่ หญิงสาวดึงชายเสื้อของดาราหนุ่ม แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า ช่วยด้วย ! พร้อมกับสติที่หลุดลอยออกไป ร่างบอบบางทรุดลงบนพื้นต่อหน้า ต่อตา คนตรงหน้าทันที
ปราญชนะจ้องมองคนตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด ดาราหนุ่มเพิ่งจะหลบออกมาจากงานเลี้ยงที่อดีตคนรักของเขานั้นจัดงานแต่งงานขึ้นในวันนี้ ในอดีต เขาอาจจะไม่รู้สึกยินดีนัก ที่เห็นคนรักแต่งงานไปกับคู่แข่งซึ่งเป็นผู้บริหารค่ายการละครยักษ์ใหญ่ที่ เขาสังกัดอยู่ แต่เขาก็ละทิ้งความรู้สึกนั้น และยินดีกับเธอจากใจจริง เพราะสาเหตุที่ผิดก็เป็นเพราะเขาเองที่ไม่ซื่อสัตย์กับเธอก่อน แต่เรื่องนั้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง บัดนี้เขาต้องช่วยคนตรงหน้าเสียก่อน ปราญชนะทรุดตัวลง เขย่งร่างบอบบางตรงหน้าทันที
“คุณ ๆ”
“ช่วยด้วย!”
“ศีรษะ คุณแตกนี้”
“ช่วยด้วย! อย่าให้พวกมันจับฉันได้”
เสียงที่แหบพร่านั้นบอกเขาทั้งที่ตัวคนบอกนั้นยังคงสลบอยู่ ชายหนุ่มคิดว่ามันคงมาจากจิตใต้สำนึกของเธอที่ต้องการให้เขาช่วย โดยคนตรงหน้าคงจะถูกทำร้ายมาจากที่ไหนเป็นแน่ ปราญชนะชั่งใจคิด ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถทางด้านหลังออก แล้วอุ้มร่างเบาบาง นั้นขึ้นไป เขาวางร่างบอบบางนั้นลงไว้ที่เบาะหลังทันที ก่อนจะปิดประตูรถและวิ่งไปที่นั่งคนขับ พร้อมกับขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ปราญชนะ ขับรถของตนเองมาจนถึงโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เขาเปิดกล่องแว่นตาที่เก็บไว้เวลาใช้อำพรางตัว จากคนภายนอกขึ้นมาสวมใส่ รวมถึงปัดผมหน้าของตัวเองให้ลงมาบังหน้าที่สุด ก่อนจะหันไปมองที่เบาะหลังรถ ร่างของหญิงสาวที่เขาช่วยไว้ ยังคงสลบไศล ไม่ได้สติ
เขารีบเปิดประตูรถของตนเองออก และเดินไปหาบุรุษพยาบาลให้ช่วยเตรียมรถเข็น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาเดินกลับมาอุ้มร่างบอบบางที่อยู่ทางเบาะหลัง ส่งให้บุรุษพยาบาลที่รออยู่ และร่างนั้นก็ถูกส่งเข้าไปยังห้องฉุกเฉินที่อยู่อีกด้านในเวลาต่อมา ปราญชนะได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักคนที่ได้ช่วยไว้ก็ตามที หลังจากนั้นปราญชนะก็รีบ เดินตามมายังห้องฉุกเฉินทันที เวลานั้น มีเพียงนางพยาบาลสาวที่รอเขาอยู่บริเวณหน้าห้อง
“เธอจะเป็นอะไรมากไหมค่ะ”
“อันนี้ดิฉันก็ตอบไม่ได้ค่ะ ต้องรอให้หมอวินิจฉัย”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“ค่ะ เดี๋ยวคุณช่วยกรอกประวัติคนไข้ทางนี้ด้วยนะคะ”
“เอ่อ แต่ผมไม่รู้จักเธอน่ะครับ”
“อ้าว”
นางพยาบาลคนดังกล่าวมีสีหน้าสงสัย และหวาดระแวงว่าเขาจะเป็นคนที่ทำร้ายคนไข้มาหรือเปล่า ปราญชนะรีบยกมือขึ้นทำท่าปฏิเสธ ข้อกล่าวหาที่ยังไม่ได้พูดออกมาของนางพยาบาล ซึ่งเป็นใครก็สามารถมองออกว่าเธอคิดอะไรอยู่
“คือว่า ผมเจอเธออยู่ข้างทางก็แล้วเห็นว่าเธอมีบาดแผลเลยนำมาส่งโรงพยาบาล”
“อย่างนั้นเหรอค่ะ”
“ครับ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยกรอกชื่อและที่อยู่ ของคุณแทนได้ไหมค่ะ”
ปราญชนะทำหน้าอึกอัก มองซ้าย มองขวา อย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าบริเวณที่ยืนอยู่นั้น นอกจากเขากับนางพยาบาลสาวแล้ว ไม่มีใครยืนอยู่เลย ชายหนุ่มจึงถอดแว่นออก พร้อมทั้งปัดผมที่ปรกหน้าอยู่นั้นออก ทำให้นางพยาบาลสาวมองเห็นใบหน้าโดนชัดเจน เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความตื่นตะลึง อย่างไม่คาดคิดว่า ดาราชื่อดังทางจอแก้วจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
“คะ-คุณ”
“อย่าเสียงดังนะครับ”
“คะ-ค่ะ”
“คือ ผมลำบากใจนะครับ ถ้าจะต้องกรอกประวัติไว้”
“ค่ะ... ดิฉันเข้าใจค่ะ คุณเป็นดารานี้ค่ะ”
“ครับ”
“แต่ทางเราก็จำเป็นต้องมีประวัติคนไข้”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างแสแสร้ง ในใจนั้นคิดเพียงว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้นางพยาบาลตรงหน้าใจอ่อนให้ได้ เพราะสิ่งที่เขากระทำมานั้น ใช้กับสาว ๆ ได้มานัดต่อนัดแล้ว และก็เป็นไปดังคาด พยาบาลสาวใจอ่อนฮวบ เนื่องจากว่าเธอเองก็เป็นแฟนละครของปราญชนะด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องพิศวาสรัก ซาตาน ที่กำลังออนแอร์ อยู่ในขณะนี้ แต่งานก็ต้องเป็นงาน เธอไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ทันที
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็กรอกแค่ชื่อปลอม ๆ ไว้ก็ได้นะคะ แต่เบอร์โทรศัพท์ ขอเป็นเบอร์จริงได้ไหมค่ะ เราจะได้ติดต่อคุณได้สะดวก”
“ได้เหรอครับ”
“ความจริงมันก็ไม่ได้หรอกค่ะ แต่ดิฉันเห็นว่าคุณกำลังลำบาก ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะพอจะได้อยู่”
“ขอบคุณครับ”
ปราญชนะส่งยิ้มหวานหยดย้อย ให้นางพยาบาลสาว จนเธอถึงกับหน้าแดงระเรื่อ บิดตัวไปมาด้วยความเขินอาย เธอยื่น เอกสาร ที่ใช้กรอกประวัติคนไข้ให้กับดาราหนุ่ม เขายิ้มรับด้วยความยินดี ก่อนจะสวมแว่นตา รวมถึงปัดผมหน้าให้ลงมาเพื่อปกปิดอำพลางหน้า และลงมือกรอกข้อมูลในแผ่นที่นางพยาบาลสาวส่งให้ ตามคำแนะนำของเธอ
ภายในห้องสีขาวเปิดแสงสลัว ร่างของเด็กหนุ่มดิ้นไปมาด้วยความหวาดกลัว มือทั้งสองของเขาถูกจับขึงด้วยสายรัดสีดำทะมึน ดวงตาแดงก่ำนั้นฉายแววความกลัวสุดขีด ที่ข้อมือขาวซีดนั้นมีเลขรหัสเหยียดยาวติดอยู่ เสียงประตูเปิดออก พร้อมด้วยร่างทะมึนในชุด กราวน์สีขาวเดินเข้ามาสี่ถึงห้าคน พร้อมด้วยอุปกรณ์ฉีดยา ยืนรายล้อมรอบตัวของเขา รอยยิ้มที่แสยะออกมานั้น ทำให้เขารู้สึกกลัว และทุกอย่างก็จบลงในความมืดมิด
ร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผวาตื่นขึ้นมาในความมืดอาการหอบโหย พร้อมด้วยเม็ดเหงื่อที่พุดขึ้นเต็มหน้า เขาพยายามลดระดับอาการของตนเองลง อดีตที่เขาเคยผ่านมานั้น ยังคงตามมาย้ำเตือนจิตใจของเขา มนุษย์ทดลอง คำนี้ดูจะเหมาะกับเขาได้เป็นอย่างดี ตราประทับหมายเลขทดลอง ที่แขนซ้ายนั้นมันยังคงกรีดร้องถึงความเจ็บปวดที่ได้รับมา ไบรอัน ไวท์ กำหมัดของตนเองแน่น กว่าเขาจะหนีออกจากสถาบันวิจัยบ้าแห่งนั้นได้ ก็แทบแย่ เพื่อนของเขาที่ร่วมชะตากรรมมาด้วยกัน ก็ต่างหนีหายตายจาก มีแต่เขาคนเดียวที่หลุดรอดมาเป็น FBI ด้วยความสงสารของนายตำรวจคนหนึ่งที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังเด็ก นายตำรวจคนดังกล่าวนั้นพบร่างของเขาที่เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือด ในตอนแรกตัวเขาเองก็คิดแล้วว่าคงจะไม่มีทางรอดแน่ แต่ก็ยังได้รับการอุปการะ และรับเป็นบุตรบุญธรรมทันที
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขณะที่ไบรอันไวท์ยังคงนั่งคิดเรื่องราวในอดีตอยู่ FBI หนุ่มเงยหน้าขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็น มารดาบุญธรรมของเขาเอง มิสซิส แคร์ เป็นภรรยาของ มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค นายตำรวจใจดีที่รับเขามาอุปการะ โดยไม่แม้แต่จะถามถึงเรื่องราวในอดีตของเขาเลย และเนื่องจากมิสซิสแคร์ นั้นไม่สามารถมีบุตรได้ จึงรักเขาเป็นอย่างมาก ในตอนแรกนั้น ไบรอันเองก็ไม่คิดจะเปิดใจให้ผู้ใหญ่คนไหน เพราะในนิยามของเขาแล้ว ผู้ใหญ่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะชั่วร้าย ทำการทดลองกับร่างเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ด้วยความเมตตาของทั้งสอง ทำให้ไบรอันเริ่มเปิดใจและรักเขาเสมือนบิดาและมารดาผู้ให้กำเนิด FBI หนึ่มอมยิ้มเมื่อคิดเช่นนั้น ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่โยนไว้ที่ข้างเตียงนอนและเดินไปเปิดประตูห้องทันที
“อรุณสวัสดิ์ครับแม่”
“ได้เวลาตื่นแล้วจ้ะ ตาไวท์”
“โธ่ แม่ครับ เรียกผมว่า ไบรอันสิครับ เท่กว่าเยอะ”
“ก็แม่จะเรียกเราแบบนี้ใครจะทำไม พ่อเราก็ไบรอันไปแล้ว ขืนแม่เรียกเราว่า ไบรอันอีก สับสนกันพอดี เอ หรือเราอยากเป็น ไบรอันจูเนียร์ อืม แต่แม่ว่า เราเกินกว่าจะเรียกว่าจูเนียร์แล้วนะ”
“โธ่แม่ครับ ปกติแม่ก็เรียกพ่อด้วยชื่อต้นอยู่แล้ว ส่วนของผมน่ะ เรียกด้วยชื่อกลาง ไม่สับสนหรอกครับ”
“จ้า ๆ พ่อไบรอัน เอาเถอะ อันนั้นให้เพื่อนเขาเรียกกันเองละกัน ส่วนแม่ขอเรียกเราว่า ตาไวท์แบบนี้และดีแล้ว แม่ชอบ”
“เฮ้อ... เถียงท่าน ผบ. ไม่ได้เลยนะครับเนี่ย”
ไบรอันส่งยิ้มอย่างอ่อนโยน มิสซิส แคร์ ได้แต่หัวเราะในลำคอ ก็ชื่อคุณลูก กับคุณพ่อ ดันใช้ชื่อเดียวกัน คือ ฮาเวิร์ค ไบรอัน ไวท์ เพียงแต่ในสมัยเด็ก จะมีการเต็มคำว่าจูเนียร์ต่อท้าย แต่สำหรับเธอแล้ว ชอบเรียกลูกของเธอว่าไวท์มากกว่า เพราะมันเหมาะกับนิสัยที่ชอบหิมะของเขา ใบหน้ายิ้มแย้มของเธอ ทำให้เขาลืมเรื่องฝันร้ายที่เกิดขึ้นเมื่อยามรุ่งสางไปจนสนิท จากที่เขาเคยคิดว่า โลกใบนี้มีแต่สิ่งสกปรกโสมม แต่เมื่อเจอคนทั้งคู่ เขาก็รู้สึกดีที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลกแห่งนี้ ไบรอัน โอบร่างท้วม ที่แสนใจดีของมิสซิส แคร์ พร้อมทั้งหอมแก้มยุ้ยแรง ๆ จนมิสซิส แคร์หัวเราะร่วน พร้อมทั้งเอื้อมมือมาตีแขน ไบรอันเบา ๆ
“พอแล้วเราน่ะ ยังไม่ได้อาบน้ำใช่ไหม”
“ครับแม่”
“ว่าแล้ว ตัวเหม็น ๆ รีบไปอาบน้ำไป เดี๋ยวจะได้มากินข้าวกัน”
“รับทราบครับ ท่านผบ.”
ไบรอัน ยกมือขึ้นทำท่าทำความเคารพ คนที่มียศสูงกว่า จนมิสซิส แคร์ จะเอื้อมมือมาตี แต่ไบรอันก็หลบได้ทัน พร้อมทั้ง หนีเข้าไปในห้อง เสียงหัวเราะสาดส่องไปทั่วบ้านหลังเล็ก เสียงที่ไบร์อันปฏิญาณตนไว้ว่า จะไม่มีวันที่จะให้มันห่างหายจากกายเขาเป็นอันเด็ดขาด อดีตที่ตามหลอกหลอนเขา เขาคนนี้จะชะล้างมันออกไปให้หมด เขาสาบาน....
“และนี้เราจะไปประเทศไทยสัปดาห์หน้าเหรอ ตาไวท์”
มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ถาม ไบรอันขึ้นขณะที่ยังอยู่บนโต๊ะอาหารที่ มิสซิส แคร์ เสิร์ฟ ให้รับประทาน ไบรอันเงยหน้าชึ้นจากจาน อาหารเช้าของเขาที่ประกอบไปด้วย ไส้กรอกสองชิ้น และ ไข่ดาวอีกสองฟอง กับขนมปังทอดกระเทียมที่ มิสซิส แคร์ พึงจะยัดเหยียดให้เขาทานเพิ่มเมื่อครู่ เขาพยักหน้ารับ ไบรอันได้รับคำสั่ง ให้ไปสืบเรื่องที่เขารับหน้าที่อยู่ ซึ่งหน้าที่นั้นเกี่ยวพันถึงอดีตที่เขาเคยประสบมา
“อะไรนะ เราจะไปประเทศไทยสัปดาห์หน้าเหรอตาไวท์”
“ครับแม่ คำสั่งมาแล้วด้วย”
“ไม่เห็นเราบอกแม่เลย”
“พอดีผมเห็นว่ามันตั้งสัปดาห์หน้า เลยไม่ได้บอกครับ”
“แค่สัปดาห์หน้าต่างหากล่ะ แม่ล่ะไม่อยากให้เราเป็น FBI เลย พ่อเราเกษียร มาแล้ว อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ต้องพบอันตรายแล้วเชียว”
“โธ่ แม่ครับ ทำหน้าที่รับใช้ประชาชนดีออก นะครับ”
มิสซิส แคร์ ถลึงตาดุ ไบรอัน เธอเจอใบหน้าซื่อตาใส ของบุตรบุญธรรมแล้วทำให้เธออดอ่อนใจไม่ได้ เขารับหน้าที่ FBI ตามสามีของเธอที่เกษียรไป ด้วยอดีตที่ฝังลึกนั้น ยากจะลบเลือนให้หายไปได้ แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ เขาไปพบอันตราย มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ส่งสายตามาที่มิสซิส แคร์ เป็นเชิงห้ามปราม ทำให้เธอได้แต่ถอนหายใจ สามีของเธอเคยบอกว่า อดีตที่เคยตามล้างพลาญ ไบรอัน ก็มีแต่ไบรอันเท่านั้นที่จะทำลายอดีตนั้นได้ และแน่นอนว่า งานที่เขารับหน้าที่อยู่ก็เกี่ยวข้องกับอดีตของเขาเสียด้วย
“ก็ได้ ๆ รักษาตัวดี ๆ ด้วยล่ะเรา เดียวแม่เตรียมข้าวของให้ ว่าแต่ ไปนานหรือเปล่าเนี่ย”
“ก็เห็นว่าไม่มีกำหนด แต่ก็คงจะนานล่ะครับ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ไอ้สมิท ก็ไปกับผม”
“ตาสมิทด้วยเหรอ ก็ดี รายนั้นรอบครอบกว่าเราเยอะ”
“แล้วนี้เราจะออกไปไหนหรือเปล่าล่ะวันนี้”
มิสเตอร์ ฮาเวิร์คหันมาถาม ไบรอัน ขณะที่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ ไบรอันส่ายหน้า วันนี้เขากะว่าจะอยู่บ้านทั้งวัน เพราะต้องทบทวนเอกสารที่ได้รับมาจากหัวหน้าของเขาเมื่อวันก่อน เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมา เพราะมันเกี่ยวพันถึงชีวิตของเขาเลยทีเดียว
“ไม่ล่ะครับ พอดีผมต้องทบทวนเอกสาร”
“เหรอ ถ้างั้นพ่อฝากเฝ้าบ้านด้วยล่ะกัน”
“คุณจะไปไหนเหรอค่ะ”
“เดท...”
“เดท ? กับใคร”
มิสซิส แคร์ทำเสียงเข้ม ขณะที่ไบรอันได้แต่หัวเราะออกมา เขานึกออกแล้วว่าวันนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานของ ทั้งคู่ แต่ดูเหมือนว่า มิสซิส แคร์จะลืมไปเลย ซึ่งตามปกติแล้ว คนที่ลืมส่วนมากจะเป็นฝ่ายชาย แต่ผิดกับมิสซิส แคร์ เธอไม่ค่อยให้ความสำคัญกับวันเวลานัก เธอบอกว่าขอแค่ครอบครัวมีความสุขอยู่แบบนี้ทุก ๆ วันเธอก็เพียงพอใจแล้ว ผิดกับมิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ที่มักจะจำได้ว่าวันไหนเป็นวันเกิดของ มิสซิสแคร์ และวันไหนเป็นวันครบรอบแต่งงานของทั้งคู่
“กับคุณไง วันนี้วันครบรอบแต่งงานของเรา”
“หา...”
“แม่ลืมจริง ๆ ด้วย ยินดีด้วยนะครับ”
“ขอบคุณจ้ะ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปแต่งตัวสวย ๆ ได้แล้ว เราจะไปเดทกัน”
มิสซิส แคร์หัวเราะร่วน ใบหน้าอวบอูมนั้นบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับ เธอวางถาดอาหารลง และเดินขึ้นบันใดบ้านไป ไบรอันยกนิ้มโป้ง เป็นเครื่องหมายว่ายอดเยี่ยม ให้กับ มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ในขณะที่มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค ยักคิ้วให้กับเขา พร้อมกับเดินมาใกล้ ๆ เขาและพูดเบา ๆ ว่า
“ระวังตัวด้วยล่ะ ไอ้ลูกชาย”
“ครับพ่อ ผมจะระวังตัว”
ทั้งสองส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ทัน ถึงแม้ว่า มิสเตอร์ ฮาเวิร์ค จะเกษียร อายุราชการมาแล้ว แต่ก็ยังคงติดต่อกับคนวงในอยู่เป็นประจำ และเวลามีงานอะไรที่สำคัญ ๆ เขาก็ยังคงเข้าไปช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา โดยที่ปิด มิสซิส แคร์ไว้ ด้วยความที่ไม่อยากให้เธอเป็นห่วง ที่สามีต้องไปเสี่ยงภัย ความเงียบเริ่มเข้าครอบงำโต๊ะอาหารในยามเช้าอีกครั้ง จวบจน สามสิบนาทีต่อมา ที่ มิสซิส แคร์ ลงมาจากบันใดห้องของตนเองที่อยู่ชั้นสองของบ้าน ด้วยชุดกระโปรงจีบเดรสแบบยุโรป สีอ่อนหวาน พร้อมด้วยหมวกสานใบเล็กแบบชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอเอง
มิสซิส แคร์ และมิสเตอร์ ฮาเวิร์ค พบรักกันที่ ประเทศอังกฤษ ซึ่งตอนนั้น เธอยังเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศนั้น และตอนนั้น มิสเตอร์ ฮาเวิร์คก็ทำหน้าที่สืบราชการลับที่นั้น ด้วยความเซี้ยวของ มิสซิส แคร์ ทำให้เธอเข้าไปพัวพันเรื่องที่เขากำลังสืบอยู่ เลยต้องทำหน้าที่คุ้มครองพยานอย่าง มิสซิส แคร์ และนั้นทำให้เขาและเธอตกหลุมรักกันจนแต่งงานกันในที่สุด
เสียงโทรศัพท์มือถือของปราญชนะดังขึ้นขณะที่เขากำลังเปิดบทละครเรื่องใหม่ที่เขาจะแสดงคู่นางเอกสาวที่กำลังมาแรงแซงโค้งแทนที่ นภัสสร ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ ปกติแล้ว นางเอกคนนั้นกล่าวนั้น ถูกวางตัวให้เป็นที่สอง รองจากนภัสสร แต่เพราะนภัสสรถูกดำเนินคดี ละครเรื่อง พิศวาสรัก ซาตาน ที่เขาจะต้องแสดงร่วมกับเธอ จึงถูกเปลี่ยนตัวเป็นนางเอกคนดังกล่าว และนั้นก็ทำให้ชื่อเสียงของเธอดังเป็นพลุแตกขึ้นมาทันที จนทำให้ผู้จัดละครหมายตาให้แสดงคู่เขาอีกครั้ง แต่นางร้ายในครั้งนี้ ไม่มีอดีตคนรักของเขาที่ชื่อ ทรรศกาล
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะ คุณปราญชนะ ดิฉัน กรแก้ว นะคะ”
“อ้อ คุณกรแก้ว”
ปราญชนะนึกถึง นางพยาบาลสาวที่ช่วยเหลือเขาโดยที่ให้เขาใช้ที่อยู่ปลอมได้ และนั้นก็ทำให้ขานึกถึงสาวน้อยผมยาวอีกคนที่เขาช่วยเหลือเธอไว้ จากการถูกทำร้าย และนำส่งโรงพยาบาล ตั้งแต่วันนั้น ก็ล่วงมาสองอาทิตย์แล้ว เธอก็ไม่มีวี่แววจะตื่นขึ้นมา เขาเองก็เป็นห่วงเธออยู่หรอก แต่ด้วยหน้าที่ของเขา ทำให้ไม่สามารถเฝ้าดูเธอได้ จึงได้จ้างให้นางพยาบาลสาวสวยคนดังกล่าวเป็นคนดูแล
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือว่า คนที่คุณปราญชนะช่วยไว้ ฟื้นแล้วค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ แล้ว... เธอเป็นยังไงบ้างครับ”
“ดิฉันว่าคุณปราญชนะมาดูเองดีกว่าค่ะ ดูเหมือนว่าเธอจะจำอะไรไม่ได้เลย”
“หา...”
“ค่ะ ตอนนี้ดิฉันให้แพทย์แผนกประสาทวิทยา ตรวจดูให้อยู่ ก็เลยโทรมาแจ้งคุณปราญชนะให้ทราบไว้ก่อนน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะไปเดี๋ยวนี้นะครับ”
“ค่ะ”
ปราญชนะฝากสายโทรศัพท์มือถือของเขาทันทีที่ อีกฝ่ายหมดธุระพูดคุย ลางสังหรณ์ของเขารู้สึกว่า เขากำลังจะเข้าไปพัวผัน กับเรื่องร้าย ๆ ซึ่งเขา ก็รู้สึกตั้งแต่ได้เจอ เธอในลานจอดรถของโรงแรมที่ เขาไปร่วมงานแต่งงานของทรรศกาลแล้ว ปราญชนะรีบวางบทละครของตัวเองลงกับโต๊ะ เขาเอื้อมมือไปหยิบเสื้อแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนที่พาดอยู่บนโซฟา และเดินออกไปยังลานจอดรถของบ้านตัวเองทันที
เสียงเครื่องยนต์แล่นออกสู่ภายนอก ปราญชนะไม่รู้เลยว่า มีสายตาของใครบางคน ที่มองตามรถของเขา ที่แล่นออกไป ดวงตากร้าวนั้นมองตามรถของปราญชนะอย่างไม่ลดละ ก่อนจะแล่นรถสีดำทะมึนของตนเอง ตามรถของปราญชนะไปอย่างรวดเร็ว
- แก้ไขอีกรอบ -
ไลแลต
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 มิ.ย. 2554, 15:32:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2554, 17:31:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 1886
Prameisuree 24 มิ.ย. 2554, 23:26:47 น.
ตามมาให้กำลังใจค่ะ รออ่านตอนต่อไปค่ะ
ตามมาให้กำลังใจค่ะ รออ่านตอนต่อไปค่ะ