นางฟ้าล่ารัก โดย เทเรน่า
เพราะความที่กรองขวัญอยากเอาชนะมณีมาลาคู่ปรับตลอดกาล
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
เธอจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองจากผู้ที่ยอมแพ้....มาเป็นผู้ล่า....
และเป้าหมายก็คือ พิชิตหัวใจหนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายอย่างตุลธร….ให้ได้!!
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
ที่ผ่านมา กรองขวัญ มักตกเป็นรองและพ่ายแพ้ให้กับ มณีมาลา อยู่เสมอ
คนรักของเธอถูกหล่อนแย่งไป...ทิ้งเพียงความเจ็บปวดร้าวรานไว้ให้
และวันนี้ ตุลธร หนุ่มหล่อมหาเศรษฐีปากร้ายคือเป้าหมายใหม่ของคู่ปรับ
ฉะนั้น กรองขวัญจึงลุกขึ้นเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ให้กลายมาเป็นผู้ล่า...
เพื่อพิชิตหัวใจของตุลธร...และเอาชนะมณีมาลา
เรื่องราวระหว่างเขาและเธออาจจบลงได้ด้วยดี
หากความรักครั้งนี้...ไม่ใช่เพียงละครฉากหนึ่ง
และแผนการนี้ไม่ได้ถูกนำมาตีแผ่...
ความรักที่เริ่มก่อตัวจึงพังทลายลงไม่เป็นท่า
ความหวานชื่นกลับกลายเป็นขม...ความรักกลับกลายเป็นความแค้น
เมื่อความรักไม่ได้เริ่มต้นด้วยใจอันบริสุทธิ์
ผลที่ตามมาจึงมีแต่ความเจ็บช้ำที่จำต้องยอมรับ
สุดท้าย...เขาและเธอจะทำเช่นไร
แล้วความรักครั้งนี้ใครเป็นคนล่าหัวใจใคร...
ติดตามบทสรุปของภารกิจล่ารักที่สุดแสนชุลมุนนี้ได้ใน...นางฟ้าล่ารัก
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 3 100%
กันต์นธีใช้เวลาไม่นานก็ได้ประวัติของกรองขวัญและไร่ดวงตะวันมาเต็มแฟ้ม เพราะว่าจ้างนักสืบมือหนึ่งของเมืองไทยช่วยตามสืบให้ ตุลธีอ่านแฟ้มจบด้วยสีหน้านิ่งๆ
“คุณขวัญเธอมีหนี้สินหลายทางเพราะพ่อเธอติดการพนัน บ้านที่ยังอยู่ก็ติดจำนอง กิจการของไร่ดวงตะวันเจริญขึ้นทุกปีแต่รายจ่ายก็มีมากตามตัวเพราะปู่เธอป่วยเป็นโรคไตวายที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น” กันต์นธีถอนหายใจ ยิ่งรู้อย่างนี้ก็ยิ่งสงสาร
ตุลธรได้แต่อึ้งไป ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนั้นจะแบกภาระหน้าที่มากมายเอาไว้กับตัวแถมยังทำได้ดีมากกว่าผู้ชายตัวโตอกสามศอกอย่างเขาเสียอีก
“แกรู้แบบนี้ยังจะบีบให้คุณขวัญเธอขายที่อีกเหรอวะ”
“ก็สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหรอที่มันน่าบีบให้เขายอม” ชายหนุ่มตอบขึ้นทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาไม่ใช้วิธีสกปรกกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกรองขวัญ หากเธอไม่เต็มใจเขาก็จะมองที่ผืนใหม่ อย่างที่…ของไร่มณีสวาทที่ดูจะสวยมากไม่แพ้กัน
และดูเหมือนกันต์นธีจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงแทรกกลางความคิดของเขาขึ้น
“ไร่มณีสวาทก็ยังมีที่ดินหลายไร่ที่ยังว่าง นี่…ฉันแถมข้อมูลมาให้แกอีกแฟ้ม” กันต์นธียื่นแฟ้มอีกอันให้ ตุธรรับมาเปิดดู เสียงกันต์นธียังดังขึ้นต่อ “คุณมานพเล่นการเมืองเมื่อสองปีก่อน หมดเงินไปเยอะมาก ทุ่มซื้อเสียงเต็มที่แต่ชาวบ้านเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน รับเงินแต่ไม่เลือก ผลคะแนนดิ่งลงเหว ตอนนี้ไร่มณีสวาทก็หมุนเงินไม่ทันเหมือนกัน แกก็ลองเกริ่นๆ ดูสิ”
“อืม…” ตุลธรบอกเพียงเท่านั้น ไม่พูดต่อว่ายังสนใจที่หมายเก่าอย่างไร่ดวงตะวันหรือที่หมายใหม่คือไร่มณีสวาทกันแน่
“แล้วเย็นนี้…ฉันขอตัวนะ แกกินข้าวคนเดียวไปก่อน” กันต์นธีดูจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษเพราะกรองขวัญยอมรับโทรศัพท์ของเขาแถมยังเชิญรับประทานอาหารที่ไร่
“คงไม่ต้องกินคนเดียว เพราะฉันจะไปกับแก จำไมได้เหรอว่าฉันเคยบอกแล้ว”
“โอย…อย่าเลยเพื่อน แกเจอกับคุณขวัญทีไรมีเรื่องกันทุกที คะแนนฉันจะตกลงเสียเปล่าๆ ถ้าแกอยากรู้เรื่องที่เดี๋ยวฉันดูมาให้” กันต์นธีต่อรองแต่ตุลธรส่ายหน้า
“ไม่ ฉันจะไปดูเอง” ตุลธรวางแฟ้มลงตรงหน้าเพื่อน “ขอเวลาอาบน้ำสิบนาทีแล้วเราออกไปด้วยกัน อย่าลืมสิว่าแกขับรถไม่เก่ง ทางไปไร่ดวงตะวันลำบากจะตาย ถ้าแกให้รถจากฝ่ายหญิงมารับด้วยเหตุผลว่าขับรถเองไม่ได้มันน่าเกลียดตายเลย”
ตุลธรเห็นหน้าเจื่อนๆ ของเพื่อนอย่างจำนนด้วยเหตุผลก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี หายเข้าห้องน้ำไม่นานก็ออกมาท่าทางอารมณ์ดีมากกว่าคนเป็นเพื่อนเสียอีก
กรองขวัญสั่งให้แม่ครัวเตรียมอาหารเพิ่มจากเดิมสองสามอย่างเมื่อเย็นนี้จะมีแขกมา แต่ไม่ชอบใจอยู่หน่อยตรงที่ตุลธรก็มาด้วย
ให้ตายเถอะเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย เรียกได้ว่าศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่แรกก็ว่าได้ นี่คงคิดจะมาดูลาดเลาไร่ดวงตะวันแน่ๆ
“แขกที่ไหนเจ้าขวัญ” ปู่เทพวางหนังสือสวดมนต์ลงแล้วถามภายหลังหลานสาวสั่งงานแม่ครัวเสร็จสิ้น หญิงสาวยักไหล่แล้วจึงตอบ
“คนที่นายมานพเชิญขวัญไปพบค่ะ เขาอยากได้ที่ดินแปลงที่ขวัญตั้งใจจะลงข้าวโพดเพิ่ม คงอยากมาดูที่ของเรากระมัง”
“แล้วเจ้ารับนัดเขาทำไม”
“เขามีเพื่อนที่มาด้วยกันคนหนึ่งค่ะ คนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีมีน้ำใจกับขวัญ ก็คนที่ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องรถชนวันนั้นแหละค่ะ”
“อ้อ…เอาเถอะ คงไม่มีปัญหาอะไร เรายืนกรานไม่ขายเขาก็คงเลิกไปเอง”
“ขวัญก็คิดอย่างนั้นค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ จัดการดูแลเรื่องอาหารให้ปู่เสร็จจึงหยิบบัญชีมานั่งคิดบนโซฟา เธอตั้งใจจะขยายแปลงข้าวโพดแต่เงินทุนก็ไม่เพียงพอ การจะกู้เงินกับธนาคารก็ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันแต่จะทำอย่างไรในเมื่อบ้านเธอยังติดจำนอง
หญิงสาววางแฟ้มลงอย่างกลัดกลุ้ม หากไม่ขยายงานเพิ่มเธอก็จะใช้หนี้สินไม่หมดเสียที แวบหนึ่งนั้นที่เธอมีความคิดเรื่องการขายที่ดินบางส่วนแต่ก็ต้องปัดมันทิ้งไปเหตุเพราะที่ดินทุกแปลงปู่เทพสร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน ทุกหยาดเหงื่อแรงกายหยาดทาบนผืนดินผืนนี้เธอจะตัดใจขายมันไปได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุดเธอจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด
เสียงรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ หญิงสาวจึงหยัดกายลุกเพื่อออกไปต้อนรับ กันต์นธียิ้มแป้นมาแต่ไกล ส่วนตุลธรนั้นก็ยังวางหน้านิ่งๆ อยู่เช่นเดิม
“เชิญค่ะ”
“ไร่ดวงตะวันนี่สวยจริงๆเลยนะครับ ร่มรื่นน่าอยู่” กันต์นธีเอ่ยชม ตั้งแต่ทางเข้าไร่ดวงตะวันมาจนถึงบ้านพักของกรองขวัญ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ไม้ผลกินได้ปลูกเรียงราย เรือนใหญ่ที่กรองขวัญพักอยู่เป็นบ้านไม้ขนาดชั้นเดียวแต่กว้างขวาง ไม้ใช่ไม้สักเป็นท่อนในการก่อสร้าง จึงสวยด้วยลวดลายไม้แท้ๆ ไม่ต้องแต่งเสริมเพิ่มเติม ตัวหลังคาลาดลงต่ำแผ่เป็นปีกคลุม ดูร่มรื้นเมื่อมีไม้เถาเลื้อยสีเขียวสดขึ้นปกคลุม ด้านนอกกรุกระจกตรงกลาง ด้านข้างมีหน้าต่างบานเกล็ดแบบพับได้ตลอดผนัง ลมจึงโกรกเข้าไปเต็มที่แม้ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ
“ขอบคุณค่ะ” กรองขวัญน้อมรับคำชม มองไปทางตุลธรก็เห็นเขากวาดสายตามองไร่เธออยู่ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเย็นอากาศเริ่มขมุกขมัวจนเห็นต้นไม้ประดับเป็นเงาสลัวราง ไฟสนามเปิดขึ้นหลายดวง ในบ้านดูสว่างโล่งด้วยแสงไฟนีออนเหลืองนวล เฟอร์นิเจอร์มีไม่มากจึงทำให้ห้องอาหารที่เธอพาไปโล่งขึ้น
หญิงสาวแนะนำสองหนุ่มให้รู้จักกับปู่เทพ ที่กินอาหารแยกสำรับต่างหากเพราะต้องควบคุมทั้งเกลือและปริมาณ วันนี้กรองขวัญใจดีให้ท่านกินผลไม้ได้อีกหลายชิ้น เพราะพรุ่งนี้ก็ถึงวันที่ต้องไปฟอกไต ดูเหมือนกันต์นธีจะคุยจ้ออยู่คนเดียวในขณะที่ตุลธรเพียงแต่ยิ้มรับยามเพื่อนรักต้องการแรงสนับสนุน
“ผมอายุขนาดนี้แล้วยังโสดอยู่เลยครับคุณปู่ ผู้หญิงมีเยอะมากมายแต่ทำไมผมถึงไม่ถูกใจใครสักทีก็ไม่รู้” กันต์นธีบอกปู่เทพแต่มองคนเป็นหลานตาเชื่อม “แต่ตอนนี้…”
“แคร่กๆ” ตุลธรแกล้งไอ เมื่อเพื่อนมองตาเขียวมาจึงลอบยิ้ม
“อะไรติดคอแก”
“น้ำ” ตุลธรตอบสั้นๆ แล้วมองหน้ากรองขวัญ วันนี้หญิงสาวแต่งกายแบบง่ายๆ ด้วยเสื้อแขนสามส่วนกับผ้าถุงสีเปลือกมังคุด ตีนผ้านุ่งปักลวดลายไทยแบบล้านนา ผมยาวเกล้าขึ้นสูงแล้วปักปิ่นรูปดาวมีลูกปัดย้อยลงมาหลายลูกดูแปลกตาแต่ก็สวยจับตา
ปู่เทพอยู่คุยกับสองหนุ่มครู่หนึ่งก็ขอตัวไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีคิวฟอกไตรอบเช้า หญิงสาวจึงเชิญแขกทั้งสองออกไปนั่งคุยยังห้องรับแขก แต่ก็ยังมีเรื่องขัดคอกับตุลธรอยู่เช่นเดิม
“เป็นยังไงบ้างคะคุณตุลธร ไร่ของฉัน ยิ่งมองก็ยิ่งอยากได้หรือคะ” หญิงสาวดักคอตรงๆ และชายหนุ่มก็เลือกจะตอบตรงๆเช่นเดียวกัน
“ครับ ชอบแล้วก็อยากได้มาก คุณลองเอาข้อเสนอผมไปคิดดูก็แล้วกัน”
“ฉันเคยบอกคุณว่ายังไงก็ยืนยันคำตอบเดิมค่ะ คุณกันต์คะ…” กรองขวัญหันมาหากันต์นธีแล้วบอกต่อ “หากเราจะพบกันคราวหน้าขอให้เป็นอย่างเพื่อนเจอเพื่อนไม่ใช่นักธุรกิจนะคะ”
“แน่นอนครับคุณขวัญ ผมต้องขอโทษที่เพื่อนผมมันทำให้คุณขวัญอารมณ์เสีย คราวหน้าผมไม่ให้มันมาด้วยแล้วครับ” กันต์นธีออกตัวเป็นเชิงบอกใบ้ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตุลธรอยากมาดูที่ดินของเธอ
ตุลธรจะว่ายังไงก็ช่าง เขาขอเอาหน้ากับสาวเจ้าเอาไว้ก่อน เป็นผู้ร้ายในใจเพื่อนไม่ว่าแต่ขอเป็นพระเอกในใจของเธอก็พอ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คราวหน้าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้นะคะ”
“ได้เลยครับ” กันต์นธีรีบรับแล้วกระทุ้งข้อศอกใส่เพื่อนรัก “เข้าใจไหมวะไอ้ตุล”
“ก็แล้วแต่สถานการณ์ วันหนึ่งคุณอาจจะอยากขายให้ผมก็ได้” คำตอบของตุลธรทำให้กันต์นธีตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ว่าแล้วมันจะต้องทำให้คะแนนของเขาตกต่ำลง
“ตามใจคุณเถอะค่ะ ทนได้ก็ทนไป”
“ผมว่าเราอย่าไปสนใจนายตุลเลยครับ ตอนนั่งรถมาผมเห็นไร่องุ่นกำลังออกลูกดกเชียวครับ ผมอยากชมสวนของคุณจริงๆ วันหลังคงต้องขอรบกวน”กันต์นธีเริ่มต้นจีบแบบไม่อ้อมค้อม
กรองขวัญเดินไปรินไวน์แดงใส่แก้วทรงดอกทิวลิปยื่นให้สองหนุ่ม
“ไวน์แดงจากไร่ฉันเองค่ะ”
ตุลธรจิบไวน์แล้วอมไว้ให้ไวน์ค่อยๆ ซ่านไปบนลิ้น รสชาติไวน์ของเธอเยี่ยมแต่ก็ไม่ปริปากเอ่ยชม นั่งฟังสองคนคุยกันอยู่เงียบๆ แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นเขาจับตามองเธอแทบว่าจะทุกอิริยาบถ
กรองขวัญเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ภายนอกบอบบางแต่ข้างในกลับเข้มแข็งอย่างที่เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนทำได้มาก่อน ภายใต้หน้ากากของความเย็นชาเรียบเฉย เขามองเห็นกระแสธารอบอุ่นบางอย่างลอยวน
ชายหนุ่มแอบชื่นชมเธออยู่ในใจ เขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะสามารถก้าวพ้นอุปสรรคทางการเงินที่กำลังประสบอยู่ได้หรือไม่
เมื่อได้เวลาอันสมควร ชายหนุ่มทั้งสองจึงขอลากลับ ก่อนเดินไปถึงรถกันต์นธีนั้นขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับกรองขวัญ จึงมีเพียงตุลธรกับกรองขวัญเดินไปด้วยกัน หญิงสาวทิ้งให้ความเงียบเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์แต่ชายหนุ่มเลือดร้อนเกินกว่าจะปล่อยไปอย่างนั้นได้
“คุณโกรธผมมากเหรอ” เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น หญิงสาวจึงเลิกคิ้ว
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็วันที่รถคุณชนรถผม”
“เปล่านี่คะ เรื่องมันก็แล้วไปแล้วนี่ รถฉันซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ฉันต้องนึกถึงคุณ” หญิงสาวบอกขึ้น จู่ๆ คำว่าไม่มีอะไรให้นึกถึงก็ทำให้หัวใจของตุลธรกระตุกวูบ
บ้า….
เขาปัดความเจ็บแปลบนั้นให้ออกไป แค่แม่คนนี้ทำตัวให้เขาชื่นชมไม่กี่อย่างทำให้หัวใจเขาเผลอไผลไปถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่!...ไม่เด็ดขาด
ตุลธรตอกย้ำกับตัวเองแล้วปัดคำพูดประโยคนั้นของเธอให้ออกไปจากสมอง มองหน้าเธอก็เห็นแววตาท้าทายที่วาววามในความมืดจึงได้คว้าแขนเธอไว้ หญิงสาวสะบัดแต่ไม่หลุด
“แน่ใจหรือว่าคุณจะไม่นึกถึงผม”
“แม้แต่เสี้ยวเดียวก็ไม่มี” หญิงสาวตอบขึ้น คราวนี้คนชอบเอาชนะกระตุกแขนเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ มองไกลๆ จึงคล้ายคนตระกรองกอด กรองขวัญยกมือมากันไว้เมื่อทรวงอกของเธอเกือบจะชิดกับหน้าอกของเขา ที่เพียงแค่กระดุมเสื้อเชิ้ตแบะออกเล็กน้อยก็เห็นแล้วว่าหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้าม แม้จะมืดแต่ไฟจากสนามก็ยังเห็นเส้นขนอยู่รำไรพอให้เซ็กซี่
“มองพอหรือยัง” เขาถามยิ้มๆ ทำให้หญิงสาวหน้าแดง
“ไม่ได้มอง”
“ไม่ได้มองยังไงผมเห็นเต็มตาว่าคุณแอบมองไรขนผมอยู่ แล้วก็บอกว่าไม่นึกถึง ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่ว่าก่อนนอนเก็บเอาผมไปฝันถึงทุกคืน” เขาหลิ่วตามองล้อเลียน หญิงสาวจึงเบ้ปาก
“หึ…ฝันค่ะ แต่ฝันว่าคุณถูกแม่มณีมาลาที่กลายเป็นเสือสาวจับฉีกร่างจนไม่เหลือชิ้นดี” หญิงสาวผลักเขาออกแต่เขายิ่งกระชากมาหามากขึ้นแล้วกระซิบติดริมฝีปาก
“นั่นแสดงว่าคุณหึงผม ถึงได้ฝันไปแบบนั้น”
“นี่คุณ!”
“พูดแทงใจดำเข้าหน่อยถึงกับทนไม่ได้เลยหรือไงคุณ”
“ไม่ต้องมาแทงอะไรฉันทั้งนั้น ผู้ชายอย่างคุณต่อให้เหลือแค่คนสุดท้ายในโลกฉันก็ไม่นึกถึง” เธอบอกเสียงเข้มคราวนี้เขาตอบออกมาจนชิดริมฝีปากเธอ
“แล้วอย่าหลงเสน่ห์ผมก็แล้วกัน”
“ชั่วชีวิต” หญิงสาวบอกขึ้นทำให้ตุลธรหมั่นไส้ อยากจะจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มช่างยั่วเย้าต่อปากต่อคำนี้ให้หายพยศนัก แต่ไม่ทันได้อย่างใจเสียงกันต์นธีก็ขัดจังหวะ
“คุยอะไรกันครับ ท่าทางสนุก” กันต์นธีตวัดสายตามองเพื่อนรัก หญิงสาวจึงได้โอกาสผลักตุลธรให้ออกห่างก่อนเอ่ยแก้กับสายตาแสดงความสงสัยของกันต์นธี
“ขวัญลื่นค่ะ คุณตุลก็เลยช่วยพยุง”
“อย่างนั้นเหรอครับ” คนถามสีหน้าดีขึ้นก่อนเหล่ตามองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจนัก เพราะตุลธรนั้นทั้งหล่อกว่า รวยกว่าจะมีเสียอยู่แค่อย่างเดียวก็คือเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง พูดหวานๆ ไม่เป็นถึงไม่ค่อยจะมีผู้หญิงทนได้ เพราะนอกจากข้อเสียเหล่านี้แล้วตุลธรก็ยังแบ่งเวลากว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นให้กับงาน
“ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวบอกกับกันต์นธีเป็นการตัดบทสนทนาและไล่ทางอ้อมแบบไม่ให้เสียมารยาทแต่คนตอบรับกลับเป็นตุลธร
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“ฉันบอกคุณกันต์” หญิงสาวเค้นเสียงตอบ ชายหนุ่มยักไหล่แล้วชะโงกหน้ามาใกล้บอกด้วยสุ้มเสียงเจือไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เผอิญว่าไอ้กันต์มันขับรถไม่เป็น เพราะฉะนั้นคนที่คุณต้องบอกให้ขับรถดีๆก็ต้องเป็นผม” ชายหนุ่มบอกอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นหญิงสาวเม้มริมฝีปาก กันต์นธีกัดฟันกรอดที่เพื่อนทำขายหน้าก่อนรีบเอ่ยแก้ ไม่อย่างนั้นคะแนนเขาคงเสียหายไปหลายขุม
“ขับเป็นครับแต่ยังไม่คล่อง แต่ไม่นานหรอกครับผมขับรถให้คุณขวัญนั่งได้สบาย”
“ค่ะ แล้วจะรอนะคะ” กรองขวัญพูดไปตามมารยาททว่าคนฟังถือว่าหญิงสาวให้ความหวังจึงได้ฉีกยิ้มแทบว่าปากจะถึงใบหู
“ผมจะรีบขับให้เป็นเร็วที่สุดครับ ตอนนี้ผมไปจองรถเอาไว้แล้ว ผมจะให้คุณขวัญนั่งคู่เป็นคนแรก” กันต์นธีมองเธอตาหวาน ตุลธรหมั่นไส้จึงตัดบท
“กลับได้แล้ว ฉันง่วง” ว่าแล้วก็ดึงคอเสื้อกันต์นธีออกไปขึ้นรถ แต่กันต์นธียังอิดออดเพราะอยากจะคุยกับเธอต่ออีกสักหน่อยทว่าหญิงสาวหมุนตัวกลับออกไปเสียแล้ว เมื่อขึ้นมานั่งบนรถได้ก็โวยวาย
“แกนี่มันมารความสุขฉันจริงๆ”
“แกไม่เห็นเหรอว่าเจ้าของบ้านเขาอยากให้เรากลับ” ตุลธรเอ่ยแก้ แต่ลึกๆ หากไม่หลอกตัวเองแล้วเขาทนเห็นกรองขวัญส่งยิ้มหวานๆ มาให้กันต์นธีไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ขวางหูขวางตานักก็ไม่รู้
“อยากให้แกกลับคนเดียวนะสิ คุณขวัญเขายังยิ้มให้ฉันแถมยังบอกว่าจะรอฉันขับรถมารับ คราวหน้าฉันจะขับเองแล้วนะจะได้คล่องๆ”
“เขาแค่พูดตามมารยาทแกจริงจังไปได้” ตุลธรว่าทำให้ผู้เป็นเพื่อนเหล่มอง รู้สึกแปลกๆ
“ฉันว่าแกดูแปลกๆ ไปนะ”
“เฮ้ย…แปลกอะไร ไม่มี ฉันก็เหมือนเดิม”
“ก็แกดูกันท่าฉันกับคุณขวัญเป็นพิเศษ เฮ้ย…แกคิดจะตีท้ายครัวฉันเหรอวะ” กันต์นธีชักเสียงขุ่น ตุลธรถูกแทงใจดำถึงขนาดขับรถกระชากจนหัวคะมำกันทั้งสองคน
“ตีท้ายคงท้ายครัวอะไร ฉันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย แล้วแกอย่ามาใช้คำนี้กับฉันเพราะว่าเขายังไม่ได้เป็นอะไรกับแก” ตุลธรเผลอพลั้งปากทำให้กันต์นธีตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่
“แก…ไอ้ตุล พิรุธแกออกแล้ว แกคิดจะลงสนามแข่งกับฉันใช่ไหม”
“ทำไมวะ ถ้าฉันจะลงสนามแข่งด้วยแกกลัวว่าจะแพ้เหรอ” ตุลธรหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากันต์นธี ฝ่ายนั้นจึงโวยวายทั้งที่ใจเสีย
“ไม่ได้กลัวโว้ย ผู้ชายทื่อๆ อย่างแกคุณขวัญเขาไม่สนหรอก”
“เออ…แล้วมาคอยดู” ตุลธรยักคิ้วทำให้กันต์นธีเจ็บใจที่เผลอเปิดทางให้เพื่อนตัวดีลงสนามแข่งด้วยเสียแล้ว ได้แต่ฮึ่มฮั่มในลำคอแต่จะให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาหวั่นไหวมันก็ดูจะเสียหน้ามากไปหน่อย
“ได้ งั้นเรามาลงสนามแข่งกัน ระหว่างฉันกับแกใครจะชนะ”
ตุลธรยิ้มในหน้า ผิวปากอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง
กรองขวัญกดเครื่องคิดเลขไปมาหลายรอบแต่ดูเหมือนสมองจะไม่ได้คิดตัวเลขตามเลย ใบหน้ากวนๆ ของตุลธรวาบผ่านไปมาอย่างน่าหมั่นไส้ และเมื่อเห็นว่างานบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือนของเธอจะไม่คืบหน้าไปไหนจึงได้กระแทกเครื่องคิดเลขลงแล้วปิดแฟ้ม
หนี้สินที่พ่อก่อเอาไว้มีมากเหลือเกิน เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำมาหลายปีก็ยังตัดต้นไปได้ไม่เท่าไร เธอไม่เข้าใจเลยว่าตอนที่พ่อเล่นพนันนั้นคิดอะไรอยู่ จะนึกถึงหน้าปู่กับเธอแล้วก็แม่บ้างไหม แต่คงไม่ได้คิดเพราะหากคิดก็คงไม่ผลาญเงินของปู่ไปมากขนาดนั้น
หญิงสาวถอนหายใจ คิดไม่ตกกับสถานะทางการเงินของตัวเอง เพราะเงินที่มีอยู่ก็ลงทุนปลูกองุ่นสายพันธุ์ใหม่ไปแล้ว
“ปู่ขา…ขวัญจะพยายามรักษาไร่ของเราเอาไว้ให้ได้” หญิงสาวพึมพำแล้วหลับลงทั้งน้ำตา เธอแสดงความอ่อนแอออกมาได้เฉพาะเวลาอยู่ตามลำพังเท่านั้น เธอต้องเป็นหลักให้กับทุกชีวิตในไร่นี้ แม้จะท้อถอยอย่างไรเธอก็ต้องเข้มแข็งให้ทุกคนเห็น
กรองขวัญต้องมาส่งปู่เทพฟอกไตแต่เช้าแทนคนงานที่มาประจำเพราะคนงานของเธอเกิดท้องเสียกะทันหัน และเพราะต้องรอนานถึงสี่ชั่วโมงเธอจึงเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวตลาดแต่เวลายังไม่เดินไปไหนไกลจึงได้แวะหาอะไรกินรองเท้า กินไปได้ไม่กี่คำจึงเพิ่งสังเกตว่าโต๊ะติดกันนั้นคือโต๊ะของมณีมาลาแต่เพราะโต๊ะของเธอมีกระถางไม้ประดับเป็นต้นส้มมีลูกดกห้อยย้อยอยู่หลายลูกบังอยู่และเธอนั่งหันหลังให้มณีมาลาจึงไม่ทันเห็น
“เขารวยมากเลยนะแก ทั้งหล่อทั้งรวย ผู้ชายแบบนี้ฉันไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด” เสียงมณีมาลาไม่เบาเลยเธอจึงได้ยินชัดเจน
“นามสกุลอะไรนะ”
“รุจีโรจน์อนันต์ ตระกูลนี้ร่ำรวยมากหากใครได้แต่งงานกับเขาละก็โชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งสิบงวดซ้อนเลยล่ะ แกก็รู้ว่าไร่ฉันต้องการเงินมาหมุน” มณีมาลาเสียงเบาเมื่อพูดถึงประโยคนี้ คนฟังคงจะเป็นเพื่อนสนิทแนบแน่นคนอย่างมณีมาลาจึงกล้าเปิดเผยฐานะทางการเงินอย่างไม่อาย
“แล้วเขามีท่าทางจะชอบแกบ้างไหมล่ะ”
“แหม…ถามแบบนี้มันก็ตอบยาก ท่าทางคุณตุลดูยาก ไม่เหมือนเพื่อนของเขา จะว่าชอบก็ไม่แสดงออก จะว่าไม่ชอบก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่เคยหวั่นเรื่องผู้ชาย ถึงไม่รักชอบฉันตอนนี้แต่ไม่นานหรอกก็สยบแทบเท้าทุกราย ยิ่งยากเท่าไหร่มันก็ยิ่งท้าทาย”
คนพูดบอกด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจนักหนาทำให้คนแอบฟังออกจะหมั่นไส้อยู่ครามครัน แต่ก็นั่นแหละเสน่ห์ของมณีมาลาแพรวพราวไปทั้งตัว เธอเองก็ประจักษ์ถึงข้อนี้ดี
หัวใจของกรองขวัญกระตุกวูบเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อตอนเรียนมัธยม เธอเองก็มีความรักแบบเด็กๆกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง สัญญากันเป็นมั่นเหมาะว่าจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่แล้วคำสัญญานั้นเขาก็ไม่อาจรักษาไว้ได้เหตุเพราะเขาถูกตาต้องใจผู้หญิงคนใหม่
มณีมาลา…
มณีมาลาไม่เคยให้ความสนใจกับผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธอมาแต่แรกแต่พอรู้ว่าเธอกับเขาคบกัน ฝ่ายนั้นก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เขาสนใจ และก็ทำสำเร็จเสียด้วย จำได้ว่าตอนนั้นเธอร้องไห้อยู่หลายวัน เสียอกเสียใจนักหนา สาวน้อยริอาจหัดรักต้องเรียนรู้การอกหักครั้งแรก
ครั้งแรกเธอให้อภัยแต่ดูเหมือนมณีมาลาจะยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น หมอคมชนะ ผู้ชายที่เธอถือว่าเป็นคู่รักจริงๆ ที่ถึงขั้นสัญญาหมั้นหมายกันไว้ด้วยแหวนแทนใจ เขาเข้านอกออกในไร่ดวงตะวันจนคนงานรู้กันทั่วว่าคนนี้แหละคือคนที่จะเป็นนายผู้ชายคนใหม่ของไร่
เธอรักเขามาก เคยคิดว่ารักเขาพอๆ กับชีวิตตัวเองแต่แล้วเขาก็ทำให้เธอผิดหวัง
ความคิดของเธอล่องลอยไปไกลถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังคบหากับหมอคมชนะ
“หมออยู่ที่ไหนคะ” เธอเรียกเขาว่าหมอมาแต่ไหนแต่ไรจึงติดปากเรียกจนชินแม้ว่าเขาจะยังเรียนไม่จบ เธอเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ปีสองส่วนคมชนะเรียนแพทย์ปีสี่ และเขาต้องฝึกงานในโรงพยาบาลต่างจังหวัดจึงต้องห่างกัน ทว่าไม่ได้พบหน้าแต่ก็ยังโทรศัพท์ติดต่อกันอยู่เสมอ
“อยู่ที่ห้องพักครับ พี่เพิ่งฝึกงานเสร็จ” ชายหนุ่มตอบผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ว้า…ขวัญนึกว่าหมอคมกลับมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วเสียอีกค่ะ เห็นคนอื่นๆ กลับมากันหมดแล้ว อุตส่าห์ตั้งใจชวนไปดูหนังด้วยกัน”
“พรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้วครับ เอาไว้พรุ่งนี้พี่ไปหานะ แต่ว่าตอนนี้พี่ง่วงมากๆ เลยครับขอนอนสักงีบแล้วเดี๋ยวพี่โทรหาใหม่นะ” เขาทำเสียงงัวเงีย
หญิงสาวเกือบจะวางสายอยู่แล้วหากจะไม่ได้ยินเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“รีบตื่นนะคะ มิ้นต์อยากดูหนังจะแย่”
“คร๊าบ….ที่รัก”
เสียงคมชนะตอบรับหวานแว่วมาเข้าหูเพราะคิดว่าหญิงสาววางสายไปแล้ว กรองขวัญเนื้อตัวเย็นเฉียบเหมือนถูกจับยัดเข้าห้องเย็น ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เธอวางสายแล้วรีบไปที่หอพักของคมชนะ ตลอดเวลาที่ก้าวขาขึ้นบันไดหอพักเธอภาวนาไปตลอดทางว่าอย่าให้สิ่งที่ตัวเองคิดเป็นความจริง
มณีมาลา…
ชื่อนี้ผ่านเข้ามาในสมองทีไรก็เกิดอาการเจ็บแปลบ เห็นจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางก่อนตระกูลสองตระกูลนี้จึงมีเรื่องราวแก่งแย่งชินดีกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
บันไดมีไม่ถึงยี่สิบขั้นเพื่อพาตัวเองไปสู่ชั้นสองอันเป็นห้องพักของคมชนะแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันช่างทอดยาวออกไปไกลแสนไกลและเธอนั้นอยากผลักเวลาให้เดินช้าไปอีกด้วยกลัวความจริงที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
สองขาของเธอก้าวอย่างเชื่องช้า เหมือนมันถูกถ่วงด้วยหินหนักๆ หญิงสาวหยุดสองเท้าหน้าห้อง “218” กลืนน้ำลายเหนียวหนืดเย็นชืดลงคออย่างยากเย็น มือยกแล้ววางลงอยู่หลายครั้งก็ไม่กล้าเคาะเสียที อึดใจหนึ่งแรงผลักดันก็เอาชนะให้เธอตัดสินใจเคาะ ดังอยู่หลายครั้งจึงมีเสียงฝีเท้าดังมาหยุดแล้วเปิดประตูไม้อัดตีบานเกล็ดพลาสติกด้านบนออกกว้าง…
ใบหน้าของผู้หญิงที่เธอไม่อยากเห็นที่สุดในโลกปรากฏทำให้เธอแทบล้มทั้งยื่น หาเสียงตัวเองไม่เจอไปนานหลายนาทีจึงเปล่งเสียงเคลื่อนผ่านลำคอออกมาได้
“มณีมาลา”
“กรองขวัญ!”
มณีมาลายกมือขึ้นปิดปากทำทีเหมือนตกใจแต่ความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกตกใจแม้แต่นิดเดียวตรงข้ามกลับดีใจเสียอีกที่ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดเอาไว้
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องส่งเสียงออกมาด้วย
“ใครเหรอจ๊ะมิ้นต์”
“แฟนเก่าพี่ค่ะ” มณีมาลาบอกกลั้วหัวเราะทำให้ชายหนุ่มพรวดพราดออกมาหน้าห้อง เลือดในตัวเขาเองก็เหมือนจะหยุดการไหลเวียนไปเช่นกันเมื่อเห็นใบหน้าจางสีลงจนแทบไม่ต่างจากกระดาษน้ำแช่น้ำของคนรัก
“ขวัญ”
หญิงสาวมองหน้าคนรัก ริมฝีปากสั่นระริกซวนเซจนเขาต้องเข้ามาประคองทว่ากรองขวัญปัดตัวเขาให้ออกห่างแล้วตวาด
“เอามือสกปรกออกไปจากตัวฉัน”
“ขวัญ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ พี่อธิบายให้ขวัญฟังได้” ว่าที่หมอหนุ่มละล่ำละลักบอก ใบหน้าเขาเองก็ซีดจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ตัวเบาหวิวเหมือนคนจะเป็นลมไม่ต่างกัน หากถามใจเขาแล้วเขารักกรองขวัญมาก ผู้หญิงที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาของเขา เป็นแม่ของลูกก็คือกรองขวัญคนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับมณีมาลามันก็แค่หลงไปชั่วขณะตามประสาผู้ชายที่มีผู้หญิงมาเสนอให้ถึงที่
“ภาพที่ฉันเห็นมันอธิบายได้หมดแล้ว” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างเย็นชาห่างเหิน น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ปัดมันออกไปอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ เจ็บหนนี้มันมากกว่าตอนอกหักครั้งแรกหลายเท่าตัว และสาเหตุมันก็มาจากต้นตอเดียวกันนั่นก็คือความโลเลของผู้ชาย
“ไม่ใช่นะขวัญ ฟังพี่ก่อน” ชายหนุ่มวิ่งตาม มณีมาลาไม่ได้ห้ามเพราะเธอรู้จักกรองขวัญดี ผู้หญิงคนนั้นใจแข็งยิ่งกว่าหินผา มาเห็นตำตาแบบนี้ไม่มีทางที่จะให้อภัยคมชนะแน่ๆ
สะใจ…ไม่มีอะไรที่ให้ความสะใจเธอได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ปู่ของมันแย่งผู้หญิงที่ปู่ของเธอรัก พ่อของมันก็ทำให้แม่ของเธอรัก ถึงแต่งงานกับพ่อ มีเธอเป็นโซ่ทองคล้องใจแต่ทั้งพ่อและเธอต่างก็รู้ดี แม่ไม่เคยลืมพ่อของกรองขวัญ ไม่มีใครรู้หรอกว่าการที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อและแม่มันเจ็บช้ำแค่ไหน
เพราะฉะนั้นอะไรที่เธอทำให้พวกไร่ดวงตะวันเจ็บช้ำได้ก็จะทำ!
กรองขวัญคิดมาถึงแค่นั้นก็ต้องหยุดเมื่อพนักงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟ เสียงของมณีมาลายังดังมาเข้าหูอยู่เป็นระยะ
“เขาต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
“ให้ได้เขามาก่อนเถอะจ้ะค่อยมากันท่าผู้หญิงคนอื่น แต่จะว่าไปถ้าเขารวยมาก หากได้แต่งงานกับเขาก็จะพยุงฐานะของไร่มณีสวาทเอาไว้ได้ ฉันเอาใจช่วยเธอ”
“แค่ใจช่วยไม่พอหรอกเธอต้องช่วยฉันด้วย”
“หืม?”
มณีมาลาโน้มตัวมากระซิบกับเพื่อนทำให้กรองขวัญพลาดโอกาสที่จะได้ยิน แต่มันก็ทำให้เธอเกิดความคิดบางอย่าง คิ้วเรียวเรียงเส้นสวยมุ่นเข้าหากัน
มณีมาลาคิดจะจับตุลธรเพื่อพยุงฐานะของตัวเองอย่างนั้นหรือ…
คิดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มบางอย่างก็วาบผ่านในหน้าของกรองขวัญ แม้เธอจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาคิดเรื่องหมอคมชนะมาหลายปีแต่ปมแค้นในใจเล็กๆ ก็ยังอยู่กับเธอ มณีมาลาแย่งเธอมาทั้งชีวิตแล้ว ลองแย่งของที่มณีมาลาดิ้นรนอยากจะได้บ้างจะเป็นไรไป
ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์…เธอคิดว่าตุลธรน่าจะรวย แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ มิน่ามณีมาลาถึงได้เริ่มต้นวางแผนอย่างที่เคยทำบ่อยๆ เวลาอยากจะได้ผู้ชายคนไหน แล้วก็ทำสำเร็จทุกครั้งเสียด้วย
หึ…แต่มีครั้งนี้ที่จะไม่มีทางสำเร็จ
กรองขวัญยิ้มหยันให้กับตัวเอง อาหารที่สั่งมาเธอแตะเพียงน้ำส้ม แล้วเรียกพนักงานมาคิดเงิน แล้วเดินผ่านหน้ามณีมาลา เดินเฉียดมาใกล้แล้วปล่อยรอยยิ้มหยันๆ มาให้ทำให้มณีมาลาผุดลุก
“มองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เปล่านี่?” กรองขวัญเลิกคิ้วทำหน้าซื่อ “เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าฉันมองเธอแปลกไป เพราะฉันก็มองเธอแบบนี้มาตลอด”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไป มณีมาลามองตามอย่างร้อนใจ
“แกว่านังขวัญจะได้ยินที่เราคุยกันไหม”
“เสียงแกไม่ได้เบาเลยนะมิ้นต์ ฉันว่านังกรองขวัญต้องได้ยินแน่ๆ”
“ช่างมันสิ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉัน” มณีมาลายักไหล่แล้วนั่งลง ก้มหน้ากินอาหารต่อ พวงผกายังทำหน้านิ่ว มองตามหลังกรองขวัญแล้วยื่นช้อนตัวเองมาหยุดช้อนที่เพื่อนรักกำลังตักเข้าปาก
“เกี่ยวสิ แกจำไม่ได้เหรอว่าเคยสร้างแผลใจให้กับกรองขวัญมากี่ครั้ง”
“แล้วยังไง” มณีมาลาย้อนถาม พวงผกาทำท่าขัดใจที่อีกฝ่ายดูจะตามความคิดของเธอไม่ทันเอาเสียเลย ถอนหายใจแล้วจ้องตา
“เธอไม่กลัวยายกรองขวัญแก้แค้นเธอด้วยการขัดขวางเธอกับคุณตุลอะไรนั่นหรือไง”
“ฮะ…อย่างยายนั่นนะเหรอ” มณีมาลาปิดปากหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขบขัน “ถ้าคุณตุลสนใจแม่นั่นก็ตาต่ำเต็มทนแล้ว”
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่หรอกย่ะ กรองขวัญไม่ใช่คนขี้เหร่เลยสักนิด” พวงผกาอยากจะบอกว่าสวยกว่ามณีมาลาเสียอีกแต่ก็ไม่กล้าแต่ก็อยากเตือนด้วยความหวังดี “ระวังไว้หน่อยก็แล้วกัน แม่นั่นก็ถังแตกเหมือนกัน พอได้ยินว่าผู้ชายของเธอรวยมากก็อาจจะอยากได้เงินทางลัดอย่างเธอก็ได้”
คำเตือนของเพื่อนสนิททำให้มณีมาลาครุ่นคิด แต่อย่างไรก็ไม่เชื่อว่าตุลธรจะตาต่ำไปคว้ากรองขวัญมาแทนเธอ เธอเคยแย่งของรักของมันมาได้ตลอด ครั้งนี้ทำไมจะต้องแพ้
“คุณขวัญเธอมีหนี้สินหลายทางเพราะพ่อเธอติดการพนัน บ้านที่ยังอยู่ก็ติดจำนอง กิจการของไร่ดวงตะวันเจริญขึ้นทุกปีแต่รายจ่ายก็มีมากตามตัวเพราะปู่เธอป่วยเป็นโรคไตวายที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น” กันต์นธีถอนหายใจ ยิ่งรู้อย่างนี้ก็ยิ่งสงสาร
ตุลธรได้แต่อึ้งไป ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนั้นจะแบกภาระหน้าที่มากมายเอาไว้กับตัวแถมยังทำได้ดีมากกว่าผู้ชายตัวโตอกสามศอกอย่างเขาเสียอีก
“แกรู้แบบนี้ยังจะบีบให้คุณขวัญเธอขายที่อีกเหรอวะ”
“ก็สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เหรอที่มันน่าบีบให้เขายอม” ชายหนุ่มตอบขึ้นทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอย่างนั้น เขาไม่ใช้วิธีสกปรกกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างกรองขวัญ หากเธอไม่เต็มใจเขาก็จะมองที่ผืนใหม่ อย่างที่…ของไร่มณีสวาทที่ดูจะสวยมากไม่แพ้กัน
และดูเหมือนกันต์นธีจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่จึงแทรกกลางความคิดของเขาขึ้น
“ไร่มณีสวาทก็ยังมีที่ดินหลายไร่ที่ยังว่าง นี่…ฉันแถมข้อมูลมาให้แกอีกแฟ้ม” กันต์นธียื่นแฟ้มอีกอันให้ ตุธรรับมาเปิดดู เสียงกันต์นธียังดังขึ้นต่อ “คุณมานพเล่นการเมืองเมื่อสองปีก่อน หมดเงินไปเยอะมาก ทุ่มซื้อเสียงเต็มที่แต่ชาวบ้านเขาไม่เหมือนเมื่อก่อน รับเงินแต่ไม่เลือก ผลคะแนนดิ่งลงเหว ตอนนี้ไร่มณีสวาทก็หมุนเงินไม่ทันเหมือนกัน แกก็ลองเกริ่นๆ ดูสิ”
“อืม…” ตุลธรบอกเพียงเท่านั้น ไม่พูดต่อว่ายังสนใจที่หมายเก่าอย่างไร่ดวงตะวันหรือที่หมายใหม่คือไร่มณีสวาทกันแน่
“แล้วเย็นนี้…ฉันขอตัวนะ แกกินข้าวคนเดียวไปก่อน” กันต์นธีดูจะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษเพราะกรองขวัญยอมรับโทรศัพท์ของเขาแถมยังเชิญรับประทานอาหารที่ไร่
“คงไม่ต้องกินคนเดียว เพราะฉันจะไปกับแก จำไมได้เหรอว่าฉันเคยบอกแล้ว”
“โอย…อย่าเลยเพื่อน แกเจอกับคุณขวัญทีไรมีเรื่องกันทุกที คะแนนฉันจะตกลงเสียเปล่าๆ ถ้าแกอยากรู้เรื่องที่เดี๋ยวฉันดูมาให้” กันต์นธีต่อรองแต่ตุลธรส่ายหน้า
“ไม่ ฉันจะไปดูเอง” ตุลธรวางแฟ้มลงตรงหน้าเพื่อน “ขอเวลาอาบน้ำสิบนาทีแล้วเราออกไปด้วยกัน อย่าลืมสิว่าแกขับรถไม่เก่ง ทางไปไร่ดวงตะวันลำบากจะตาย ถ้าแกให้รถจากฝ่ายหญิงมารับด้วยเหตุผลว่าขับรถเองไม่ได้มันน่าเกลียดตายเลย”
ตุลธรเห็นหน้าเจื่อนๆ ของเพื่อนอย่างจำนนด้วยเหตุผลก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี หายเข้าห้องน้ำไม่นานก็ออกมาท่าทางอารมณ์ดีมากกว่าคนเป็นเพื่อนเสียอีก
กรองขวัญสั่งให้แม่ครัวเตรียมอาหารเพิ่มจากเดิมสองสามอย่างเมื่อเย็นนี้จะมีแขกมา แต่ไม่ชอบใจอยู่หน่อยตรงที่ตุลธรก็มาด้วย
ให้ตายเถอะเธอรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย เรียกได้ว่าศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่แรกก็ว่าได้ นี่คงคิดจะมาดูลาดเลาไร่ดวงตะวันแน่ๆ
“แขกที่ไหนเจ้าขวัญ” ปู่เทพวางหนังสือสวดมนต์ลงแล้วถามภายหลังหลานสาวสั่งงานแม่ครัวเสร็จสิ้น หญิงสาวยักไหล่แล้วจึงตอบ
“คนที่นายมานพเชิญขวัญไปพบค่ะ เขาอยากได้ที่ดินแปลงที่ขวัญตั้งใจจะลงข้าวโพดเพิ่ม คงอยากมาดูที่ของเรากระมัง”
“แล้วเจ้ารับนัดเขาทำไม”
“เขามีเพื่อนที่มาด้วยกันคนหนึ่งค่ะ คนนี้เป็นคนอัธยาศัยดีมีน้ำใจกับขวัญ ก็คนที่ช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องรถชนวันนั้นแหละค่ะ”
“อ้อ…เอาเถอะ คงไม่มีปัญหาอะไร เรายืนกรานไม่ขายเขาก็คงเลิกไปเอง”
“ขวัญก็คิดอย่างนั้นค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ จัดการดูแลเรื่องอาหารให้ปู่เสร็จจึงหยิบบัญชีมานั่งคิดบนโซฟา เธอตั้งใจจะขยายแปลงข้าวโพดแต่เงินทุนก็ไม่เพียงพอ การจะกู้เงินกับธนาคารก็ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันแต่จะทำอย่างไรในเมื่อบ้านเธอยังติดจำนอง
หญิงสาววางแฟ้มลงอย่างกลัดกลุ้ม หากไม่ขยายงานเพิ่มเธอก็จะใช้หนี้สินไม่หมดเสียที แวบหนึ่งนั้นที่เธอมีความคิดเรื่องการขายที่ดินบางส่วนแต่ก็ต้องปัดมันทิ้งไปเหตุเพราะที่ดินทุกแปลงปู่เทพสร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของท่าน ทุกหยาดเหงื่อแรงกายหยาดทาบนผืนดินผืนนี้เธอจะตัดใจขายมันไปได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ต้องต่อสู้ให้ถึงที่สุดเธอจะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด
เสียงรถเคลื่อนเข้ามาใกล้ หญิงสาวจึงหยัดกายลุกเพื่อออกไปต้อนรับ กันต์นธียิ้มแป้นมาแต่ไกล ส่วนตุลธรนั้นก็ยังวางหน้านิ่งๆ อยู่เช่นเดิม
“เชิญค่ะ”
“ไร่ดวงตะวันนี่สวยจริงๆเลยนะครับ ร่มรื่นน่าอยู่” กันต์นธีเอ่ยชม ตั้งแต่ทางเข้าไร่ดวงตะวันมาจนถึงบ้านพักของกรองขวัญ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจี ไม้ผลกินได้ปลูกเรียงราย เรือนใหญ่ที่กรองขวัญพักอยู่เป็นบ้านไม้ขนาดชั้นเดียวแต่กว้างขวาง ไม้ใช่ไม้สักเป็นท่อนในการก่อสร้าง จึงสวยด้วยลวดลายไม้แท้ๆ ไม่ต้องแต่งเสริมเพิ่มเติม ตัวหลังคาลาดลงต่ำแผ่เป็นปีกคลุม ดูร่มรื้นเมื่อมีไม้เถาเลื้อยสีเขียวสดขึ้นปกคลุม ด้านนอกกรุกระจกตรงกลาง ด้านข้างมีหน้าต่างบานเกล็ดแบบพับได้ตลอดผนัง ลมจึงโกรกเข้าไปเต็มที่แม้ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ
“ขอบคุณค่ะ” กรองขวัญน้อมรับคำชม มองไปทางตุลธรก็เห็นเขากวาดสายตามองไร่เธออยู่ ตอนนี้เพิ่งจะหกโมงเย็นอากาศเริ่มขมุกขมัวจนเห็นต้นไม้ประดับเป็นเงาสลัวราง ไฟสนามเปิดขึ้นหลายดวง ในบ้านดูสว่างโล่งด้วยแสงไฟนีออนเหลืองนวล เฟอร์นิเจอร์มีไม่มากจึงทำให้ห้องอาหารที่เธอพาไปโล่งขึ้น
หญิงสาวแนะนำสองหนุ่มให้รู้จักกับปู่เทพ ที่กินอาหารแยกสำรับต่างหากเพราะต้องควบคุมทั้งเกลือและปริมาณ วันนี้กรองขวัญใจดีให้ท่านกินผลไม้ได้อีกหลายชิ้น เพราะพรุ่งนี้ก็ถึงวันที่ต้องไปฟอกไต ดูเหมือนกันต์นธีจะคุยจ้ออยู่คนเดียวในขณะที่ตุลธรเพียงแต่ยิ้มรับยามเพื่อนรักต้องการแรงสนับสนุน
“ผมอายุขนาดนี้แล้วยังโสดอยู่เลยครับคุณปู่ ผู้หญิงมีเยอะมากมายแต่ทำไมผมถึงไม่ถูกใจใครสักทีก็ไม่รู้” กันต์นธีบอกปู่เทพแต่มองคนเป็นหลานตาเชื่อม “แต่ตอนนี้…”
“แคร่กๆ” ตุลธรแกล้งไอ เมื่อเพื่อนมองตาเขียวมาจึงลอบยิ้ม
“อะไรติดคอแก”
“น้ำ” ตุลธรตอบสั้นๆ แล้วมองหน้ากรองขวัญ วันนี้หญิงสาวแต่งกายแบบง่ายๆ ด้วยเสื้อแขนสามส่วนกับผ้าถุงสีเปลือกมังคุด ตีนผ้านุ่งปักลวดลายไทยแบบล้านนา ผมยาวเกล้าขึ้นสูงแล้วปักปิ่นรูปดาวมีลูกปัดย้อยลงมาหลายลูกดูแปลกตาแต่ก็สวยจับตา
ปู่เทพอยู่คุยกับสองหนุ่มครู่หนึ่งก็ขอตัวไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้มีคิวฟอกไตรอบเช้า หญิงสาวจึงเชิญแขกทั้งสองออกไปนั่งคุยยังห้องรับแขก แต่ก็ยังมีเรื่องขัดคอกับตุลธรอยู่เช่นเดิม
“เป็นยังไงบ้างคะคุณตุลธร ไร่ของฉัน ยิ่งมองก็ยิ่งอยากได้หรือคะ” หญิงสาวดักคอตรงๆ และชายหนุ่มก็เลือกจะตอบตรงๆเช่นเดียวกัน
“ครับ ชอบแล้วก็อยากได้มาก คุณลองเอาข้อเสนอผมไปคิดดูก็แล้วกัน”
“ฉันเคยบอกคุณว่ายังไงก็ยืนยันคำตอบเดิมค่ะ คุณกันต์คะ…” กรองขวัญหันมาหากันต์นธีแล้วบอกต่อ “หากเราจะพบกันคราวหน้าขอให้เป็นอย่างเพื่อนเจอเพื่อนไม่ใช่นักธุรกิจนะคะ”
“แน่นอนครับคุณขวัญ ผมต้องขอโทษที่เพื่อนผมมันทำให้คุณขวัญอารมณ์เสีย คราวหน้าผมไม่ให้มันมาด้วยแล้วครับ” กันต์นธีออกตัวเป็นเชิงบอกใบ้ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ตุลธรอยากมาดูที่ดินของเธอ
ตุลธรจะว่ายังไงก็ช่าง เขาขอเอาหน้ากับสาวเจ้าเอาไว้ก่อน เป็นผู้ร้ายในใจเพื่อนไม่ว่าแต่ขอเป็นพระเอกในใจของเธอก็พอ
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คราวหน้าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้นะคะ”
“ได้เลยครับ” กันต์นธีรีบรับแล้วกระทุ้งข้อศอกใส่เพื่อนรัก “เข้าใจไหมวะไอ้ตุล”
“ก็แล้วแต่สถานการณ์ วันหนึ่งคุณอาจจะอยากขายให้ผมก็ได้” คำตอบของตุลธรทำให้กันต์นธีตบหน้าผากตัวเองแรงๆ ว่าแล้วมันจะต้องทำให้คะแนนของเขาตกต่ำลง
“ตามใจคุณเถอะค่ะ ทนได้ก็ทนไป”
“ผมว่าเราอย่าไปสนใจนายตุลเลยครับ ตอนนั่งรถมาผมเห็นไร่องุ่นกำลังออกลูกดกเชียวครับ ผมอยากชมสวนของคุณจริงๆ วันหลังคงต้องขอรบกวน”กันต์นธีเริ่มต้นจีบแบบไม่อ้อมค้อม
กรองขวัญเดินไปรินไวน์แดงใส่แก้วทรงดอกทิวลิปยื่นให้สองหนุ่ม
“ไวน์แดงจากไร่ฉันเองค่ะ”
ตุลธรจิบไวน์แล้วอมไว้ให้ไวน์ค่อยๆ ซ่านไปบนลิ้น รสชาติไวน์ของเธอเยี่ยมแต่ก็ไม่ปริปากเอ่ยชม นั่งฟังสองคนคุยกันอยู่เงียบๆ แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นเขาจับตามองเธอแทบว่าจะทุกอิริยาบถ
กรองขวัญเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ภายนอกบอบบางแต่ข้างในกลับเข้มแข็งอย่างที่เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ไหนทำได้มาก่อน ภายใต้หน้ากากของความเย็นชาเรียบเฉย เขามองเห็นกระแสธารอบอุ่นบางอย่างลอยวน
ชายหนุ่มแอบชื่นชมเธออยู่ในใจ เขาเองก็อยากจะรู้ว่าหญิงสาวจะสามารถก้าวพ้นอุปสรรคทางการเงินที่กำลังประสบอยู่ได้หรือไม่
เมื่อได้เวลาอันสมควร ชายหนุ่มทั้งสองจึงขอลากลับ ก่อนเดินไปถึงรถกันต์นธีนั้นขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นขัดจังหวะตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่างกับกรองขวัญ จึงมีเพียงตุลธรกับกรองขวัญเดินไปด้วยกัน หญิงสาวทิ้งให้ความเงียบเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์แต่ชายหนุ่มเลือดร้อนเกินกว่าจะปล่อยไปอย่างนั้นได้
“คุณโกรธผมมากเหรอ” เขาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น หญิงสาวจึงเลิกคิ้ว
“เรื่องอะไรคะ”
“ก็วันที่รถคุณชนรถผม”
“เปล่านี่คะ เรื่องมันก็แล้วไปแล้วนี่ รถฉันซ่อมเสร็จแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ฉันต้องนึกถึงคุณ” หญิงสาวบอกขึ้น จู่ๆ คำว่าไม่มีอะไรให้นึกถึงก็ทำให้หัวใจของตุลธรกระตุกวูบ
บ้า….
เขาปัดความเจ็บแปลบนั้นให้ออกไป แค่แม่คนนี้ทำตัวให้เขาชื่นชมไม่กี่อย่างทำให้หัวใจเขาเผลอไผลไปถึงขนาดนี้เชียวหรือ
ไม่!...ไม่เด็ดขาด
ตุลธรตอกย้ำกับตัวเองแล้วปัดคำพูดประโยคนั้นของเธอให้ออกไปจากสมอง มองหน้าเธอก็เห็นแววตาท้าทายที่วาววามในความมืดจึงได้คว้าแขนเธอไว้ หญิงสาวสะบัดแต่ไม่หลุด
“แน่ใจหรือว่าคุณจะไม่นึกถึงผม”
“แม้แต่เสี้ยวเดียวก็ไม่มี” หญิงสาวตอบขึ้น คราวนี้คนชอบเอาชนะกระตุกแขนเธอให้ขยับเข้ามาใกล้ มองไกลๆ จึงคล้ายคนตระกรองกอด กรองขวัญยกมือมากันไว้เมื่อทรวงอกของเธอเกือบจะชิดกับหน้าอกของเขา ที่เพียงแค่กระดุมเสื้อเชิ้ตแบะออกเล็กน้อยก็เห็นแล้วว่าหนั่นแน่นไปด้วยมัดกล้าม แม้จะมืดแต่ไฟจากสนามก็ยังเห็นเส้นขนอยู่รำไรพอให้เซ็กซี่
“มองพอหรือยัง” เขาถามยิ้มๆ ทำให้หญิงสาวหน้าแดง
“ไม่ได้มอง”
“ไม่ได้มองยังไงผมเห็นเต็มตาว่าคุณแอบมองไรขนผมอยู่ แล้วก็บอกว่าไม่นึกถึง ให้มันจริงเถอะ ไม่ใช่ว่าก่อนนอนเก็บเอาผมไปฝันถึงทุกคืน” เขาหลิ่วตามองล้อเลียน หญิงสาวจึงเบ้ปาก
“หึ…ฝันค่ะ แต่ฝันว่าคุณถูกแม่มณีมาลาที่กลายเป็นเสือสาวจับฉีกร่างจนไม่เหลือชิ้นดี” หญิงสาวผลักเขาออกแต่เขายิ่งกระชากมาหามากขึ้นแล้วกระซิบติดริมฝีปาก
“นั่นแสดงว่าคุณหึงผม ถึงได้ฝันไปแบบนั้น”
“นี่คุณ!”
“พูดแทงใจดำเข้าหน่อยถึงกับทนไม่ได้เลยหรือไงคุณ”
“ไม่ต้องมาแทงอะไรฉันทั้งนั้น ผู้ชายอย่างคุณต่อให้เหลือแค่คนสุดท้ายในโลกฉันก็ไม่นึกถึง” เธอบอกเสียงเข้มคราวนี้เขาตอบออกมาจนชิดริมฝีปากเธอ
“แล้วอย่าหลงเสน่ห์ผมก็แล้วกัน”
“ชั่วชีวิต” หญิงสาวบอกขึ้นทำให้ตุลธรหมั่นไส้ อยากจะจูบริมฝีปากจิ้มลิ้มช่างยั่วเย้าต่อปากต่อคำนี้ให้หายพยศนัก แต่ไม่ทันได้อย่างใจเสียงกันต์นธีก็ขัดจังหวะ
“คุยอะไรกันครับ ท่าทางสนุก” กันต์นธีตวัดสายตามองเพื่อนรัก หญิงสาวจึงได้โอกาสผลักตุลธรให้ออกห่างก่อนเอ่ยแก้กับสายตาแสดงความสงสัยของกันต์นธี
“ขวัญลื่นค่ะ คุณตุลก็เลยช่วยพยุง”
“อย่างนั้นเหรอครับ” คนถามสีหน้าดีขึ้นก่อนเหล่ตามองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจนัก เพราะตุลธรนั้นทั้งหล่อกว่า รวยกว่าจะมีเสียอยู่แค่อย่างเดียวก็คือเอาใจผู้หญิงไม่เก่ง พูดหวานๆ ไม่เป็นถึงไม่ค่อยจะมีผู้หญิงทนได้ เพราะนอกจากข้อเสียเหล่านี้แล้วตุลธรก็ยังแบ่งเวลากว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นให้กับงาน
“ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวบอกกับกันต์นธีเป็นการตัดบทสนทนาและไล่ทางอ้อมแบบไม่ให้เสียมารยาทแต่คนตอบรับกลับเป็นตุลธร
“ขอบคุณครับที่เป็นห่วง”
“ฉันบอกคุณกันต์” หญิงสาวเค้นเสียงตอบ ชายหนุ่มยักไหล่แล้วชะโงกหน้ามาใกล้บอกด้วยสุ้มเสียงเจือไปด้วยเสียงหัวเราะ
“เผอิญว่าไอ้กันต์มันขับรถไม่เป็น เพราะฉะนั้นคนที่คุณต้องบอกให้ขับรถดีๆก็ต้องเป็นผม” ชายหนุ่มบอกอย่างผู้ชนะเมื่อเห็นหญิงสาวเม้มริมฝีปาก กันต์นธีกัดฟันกรอดที่เพื่อนทำขายหน้าก่อนรีบเอ่ยแก้ ไม่อย่างนั้นคะแนนเขาคงเสียหายไปหลายขุม
“ขับเป็นครับแต่ยังไม่คล่อง แต่ไม่นานหรอกครับผมขับรถให้คุณขวัญนั่งได้สบาย”
“ค่ะ แล้วจะรอนะคะ” กรองขวัญพูดไปตามมารยาททว่าคนฟังถือว่าหญิงสาวให้ความหวังจึงได้ฉีกยิ้มแทบว่าปากจะถึงใบหู
“ผมจะรีบขับให้เป็นเร็วที่สุดครับ ตอนนี้ผมไปจองรถเอาไว้แล้ว ผมจะให้คุณขวัญนั่งคู่เป็นคนแรก” กันต์นธีมองเธอตาหวาน ตุลธรหมั่นไส้จึงตัดบท
“กลับได้แล้ว ฉันง่วง” ว่าแล้วก็ดึงคอเสื้อกันต์นธีออกไปขึ้นรถ แต่กันต์นธียังอิดออดเพราะอยากจะคุยกับเธอต่ออีกสักหน่อยทว่าหญิงสาวหมุนตัวกลับออกไปเสียแล้ว เมื่อขึ้นมานั่งบนรถได้ก็โวยวาย
“แกนี่มันมารความสุขฉันจริงๆ”
“แกไม่เห็นเหรอว่าเจ้าของบ้านเขาอยากให้เรากลับ” ตุลธรเอ่ยแก้ แต่ลึกๆ หากไม่หลอกตัวเองแล้วเขาทนเห็นกรองขวัญส่งยิ้มหวานๆ มาให้กันต์นธีไม่ได้ ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงได้ขวางหูขวางตานักก็ไม่รู้
“อยากให้แกกลับคนเดียวนะสิ คุณขวัญเขายังยิ้มให้ฉันแถมยังบอกว่าจะรอฉันขับรถมารับ คราวหน้าฉันจะขับเองแล้วนะจะได้คล่องๆ”
“เขาแค่พูดตามมารยาทแกจริงจังไปได้” ตุลธรว่าทำให้ผู้เป็นเพื่อนเหล่มอง รู้สึกแปลกๆ
“ฉันว่าแกดูแปลกๆ ไปนะ”
“เฮ้ย…แปลกอะไร ไม่มี ฉันก็เหมือนเดิม”
“ก็แกดูกันท่าฉันกับคุณขวัญเป็นพิเศษ เฮ้ย…แกคิดจะตีท้ายครัวฉันเหรอวะ” กันต์นธีชักเสียงขุ่น ตุลธรถูกแทงใจดำถึงขนาดขับรถกระชากจนหัวคะมำกันทั้งสองคน
“ตีท้ายคงท้ายครัวอะไร ฉันไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นสักหน่อย แล้วแกอย่ามาใช้คำนี้กับฉันเพราะว่าเขายังไม่ได้เป็นอะไรกับแก” ตุลธรเผลอพลั้งปากทำให้กันต์นธีตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่
“แก…ไอ้ตุล พิรุธแกออกแล้ว แกคิดจะลงสนามแข่งกับฉันใช่ไหม”
“ทำไมวะ ถ้าฉันจะลงสนามแข่งด้วยแกกลัวว่าจะแพ้เหรอ” ตุลธรหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้ากันต์นธี ฝ่ายนั้นจึงโวยวายทั้งที่ใจเสีย
“ไม่ได้กลัวโว้ย ผู้ชายทื่อๆ อย่างแกคุณขวัญเขาไม่สนหรอก”
“เออ…แล้วมาคอยดู” ตุลธรยักคิ้วทำให้กันต์นธีเจ็บใจที่เผลอเปิดทางให้เพื่อนตัวดีลงสนามแข่งด้วยเสียแล้ว ได้แต่ฮึ่มฮั่มในลำคอแต่จะให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาหวั่นไหวมันก็ดูจะเสียหน้ามากไปหน่อย
“ได้ งั้นเรามาลงสนามแข่งกัน ระหว่างฉันกับแกใครจะชนะ”
ตุลธรยิ้มในหน้า ผิวปากอารมณ์ดีขึ้นเป็นกอง
กรองขวัญกดเครื่องคิดเลขไปมาหลายรอบแต่ดูเหมือนสมองจะไม่ได้คิดตัวเลขตามเลย ใบหน้ากวนๆ ของตุลธรวาบผ่านไปมาอย่างน่าหมั่นไส้ และเมื่อเห็นว่างานบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือนของเธอจะไม่คืบหน้าไปไหนจึงได้กระแทกเครื่องคิดเลขลงแล้วปิดแฟ้ม
หนี้สินที่พ่อก่อเอาไว้มีมากเหลือเกิน เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำมาหลายปีก็ยังตัดต้นไปได้ไม่เท่าไร เธอไม่เข้าใจเลยว่าตอนที่พ่อเล่นพนันนั้นคิดอะไรอยู่ จะนึกถึงหน้าปู่กับเธอแล้วก็แม่บ้างไหม แต่คงไม่ได้คิดเพราะหากคิดก็คงไม่ผลาญเงินของปู่ไปมากขนาดนั้น
หญิงสาวถอนหายใจ คิดไม่ตกกับสถานะทางการเงินของตัวเอง เพราะเงินที่มีอยู่ก็ลงทุนปลูกองุ่นสายพันธุ์ใหม่ไปแล้ว
“ปู่ขา…ขวัญจะพยายามรักษาไร่ของเราเอาไว้ให้ได้” หญิงสาวพึมพำแล้วหลับลงทั้งน้ำตา เธอแสดงความอ่อนแอออกมาได้เฉพาะเวลาอยู่ตามลำพังเท่านั้น เธอต้องเป็นหลักให้กับทุกชีวิตในไร่นี้ แม้จะท้อถอยอย่างไรเธอก็ต้องเข้มแข็งให้ทุกคนเห็น
กรองขวัญต้องมาส่งปู่เทพฟอกไตแต่เช้าแทนคนงานที่มาประจำเพราะคนงานของเธอเกิดท้องเสียกะทันหัน และเพราะต้องรอนานถึงสี่ชั่วโมงเธอจึงเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวตลาดแต่เวลายังไม่เดินไปไหนไกลจึงได้แวะหาอะไรกินรองเท้า กินไปได้ไม่กี่คำจึงเพิ่งสังเกตว่าโต๊ะติดกันนั้นคือโต๊ะของมณีมาลาแต่เพราะโต๊ะของเธอมีกระถางไม้ประดับเป็นต้นส้มมีลูกดกห้อยย้อยอยู่หลายลูกบังอยู่และเธอนั่งหันหลังให้มณีมาลาจึงไม่ทันเห็น
“เขารวยมากเลยนะแก ทั้งหล่อทั้งรวย ผู้ชายแบบนี้ฉันไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด” เสียงมณีมาลาไม่เบาเลยเธอจึงได้ยินชัดเจน
“นามสกุลอะไรนะ”
“รุจีโรจน์อนันต์ ตระกูลนี้ร่ำรวยมากหากใครได้แต่งงานกับเขาละก็โชคดียิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งสิบงวดซ้อนเลยล่ะ แกก็รู้ว่าไร่ฉันต้องการเงินมาหมุน” มณีมาลาเสียงเบาเมื่อพูดถึงประโยคนี้ คนฟังคงจะเป็นเพื่อนสนิทแนบแน่นคนอย่างมณีมาลาจึงกล้าเปิดเผยฐานะทางการเงินอย่างไม่อาย
“แล้วเขามีท่าทางจะชอบแกบ้างไหมล่ะ”
“แหม…ถามแบบนี้มันก็ตอบยาก ท่าทางคุณตุลดูยาก ไม่เหมือนเพื่อนของเขา จะว่าชอบก็ไม่แสดงออก จะว่าไม่ชอบก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่แกก็รู้ว่าคนอย่างฉันไม่เคยหวั่นเรื่องผู้ชาย ถึงไม่รักชอบฉันตอนนี้แต่ไม่นานหรอกก็สยบแทบเท้าทุกราย ยิ่งยากเท่าไหร่มันก็ยิ่งท้าทาย”
คนพูดบอกด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจนักหนาทำให้คนแอบฟังออกจะหมั่นไส้อยู่ครามครัน แต่ก็นั่นแหละเสน่ห์ของมณีมาลาแพรวพราวไปทั้งตัว เธอเองก็ประจักษ์ถึงข้อนี้ดี
หัวใจของกรองขวัญกระตุกวูบเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อตอนเรียนมัธยม เธอเองก็มีความรักแบบเด็กๆกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง สัญญากันเป็นมั่นเหมาะว่าจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่แล้วคำสัญญานั้นเขาก็ไม่อาจรักษาไว้ได้เหตุเพราะเขาถูกตาต้องใจผู้หญิงคนใหม่
มณีมาลา…
มณีมาลาไม่เคยให้ความสนใจกับผู้ชายที่เป็นรักแรกของเธอมาแต่แรกแต่พอรู้ว่าเธอกับเขาคบกัน ฝ่ายนั้นก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้เขาสนใจ และก็ทำสำเร็จเสียด้วย จำได้ว่าตอนนั้นเธอร้องไห้อยู่หลายวัน เสียอกเสียใจนักหนา สาวน้อยริอาจหัดรักต้องเรียนรู้การอกหักครั้งแรก
ครั้งแรกเธอให้อภัยแต่ดูเหมือนมณีมาลาจะยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น หมอคมชนะ ผู้ชายที่เธอถือว่าเป็นคู่รักจริงๆ ที่ถึงขั้นสัญญาหมั้นหมายกันไว้ด้วยแหวนแทนใจ เขาเข้านอกออกในไร่ดวงตะวันจนคนงานรู้กันทั่วว่าคนนี้แหละคือคนที่จะเป็นนายผู้ชายคนใหม่ของไร่
เธอรักเขามาก เคยคิดว่ารักเขาพอๆ กับชีวิตตัวเองแต่แล้วเขาก็ทำให้เธอผิดหวัง
ความคิดของเธอล่องลอยไปไกลถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งยังคบหากับหมอคมชนะ
“หมออยู่ที่ไหนคะ” เธอเรียกเขาว่าหมอมาแต่ไหนแต่ไรจึงติดปากเรียกจนชินแม้ว่าเขาจะยังเรียนไม่จบ เธอเรียนคณะเศรษฐศาสตร์ปีสองส่วนคมชนะเรียนแพทย์ปีสี่ และเขาต้องฝึกงานในโรงพยาบาลต่างจังหวัดจึงต้องห่างกัน ทว่าไม่ได้พบหน้าแต่ก็ยังโทรศัพท์ติดต่อกันอยู่เสมอ
“อยู่ที่ห้องพักครับ พี่เพิ่งฝึกงานเสร็จ” ชายหนุ่มตอบผ่านโทรศัพท์มือถือ
“ว้า…ขวัญนึกว่าหมอคมกลับมาถึงมหาวิทยาลัยแล้วเสียอีกค่ะ เห็นคนอื่นๆ กลับมากันหมดแล้ว อุตส่าห์ตั้งใจชวนไปดูหนังด้วยกัน”
“พรุ่งนี้พี่ก็กลับแล้วครับ เอาไว้พรุ่งนี้พี่ไปหานะ แต่ว่าตอนนี้พี่ง่วงมากๆ เลยครับขอนอนสักงีบแล้วเดี๋ยวพี่โทรหาใหม่นะ” เขาทำเสียงงัวเงีย
หญิงสาวเกือบจะวางสายอยู่แล้วหากจะไม่ได้ยินเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
“รีบตื่นนะคะ มิ้นต์อยากดูหนังจะแย่”
“คร๊าบ….ที่รัก”
เสียงคมชนะตอบรับหวานแว่วมาเข้าหูเพราะคิดว่าหญิงสาววางสายไปแล้ว กรองขวัญเนื้อตัวเย็นเฉียบเหมือนถูกจับยัดเข้าห้องเย็น ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้เธอวางสายแล้วรีบไปที่หอพักของคมชนะ ตลอดเวลาที่ก้าวขาขึ้นบันไดหอพักเธอภาวนาไปตลอดทางว่าอย่าให้สิ่งที่ตัวเองคิดเป็นความจริง
มณีมาลา…
ชื่อนี้ผ่านเข้ามาในสมองทีไรก็เกิดอาการเจ็บแปลบ เห็นจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางก่อนตระกูลสองตระกูลนี้จึงมีเรื่องราวแก่งแย่งชินดีกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ
บันไดมีไม่ถึงยี่สิบขั้นเพื่อพาตัวเองไปสู่ชั้นสองอันเป็นห้องพักของคมชนะแต่เธอกลับรู้สึกว่ามันช่างทอดยาวออกไปไกลแสนไกลและเธอนั้นอยากผลักเวลาให้เดินช้าไปอีกด้วยกลัวความจริงที่กำลังจะเผชิญหน้าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
สองขาของเธอก้าวอย่างเชื่องช้า เหมือนมันถูกถ่วงด้วยหินหนักๆ หญิงสาวหยุดสองเท้าหน้าห้อง “218” กลืนน้ำลายเหนียวหนืดเย็นชืดลงคออย่างยากเย็น มือยกแล้ววางลงอยู่หลายครั้งก็ไม่กล้าเคาะเสียที อึดใจหนึ่งแรงผลักดันก็เอาชนะให้เธอตัดสินใจเคาะ ดังอยู่หลายครั้งจึงมีเสียงฝีเท้าดังมาหยุดแล้วเปิดประตูไม้อัดตีบานเกล็ดพลาสติกด้านบนออกกว้าง…
ใบหน้าของผู้หญิงที่เธอไม่อยากเห็นที่สุดในโลกปรากฏทำให้เธอแทบล้มทั้งยื่น หาเสียงตัวเองไม่เจอไปนานหลายนาทีจึงเปล่งเสียงเคลื่อนผ่านลำคอออกมาได้
“มณีมาลา”
“กรองขวัญ!”
มณีมาลายกมือขึ้นปิดปากทำทีเหมือนตกใจแต่ความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกตกใจแม้แต่นิดเดียวตรงข้ามกลับดีใจเสียอีกที่ทุกอย่างง่ายกว่าที่คิดเอาไว้
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องส่งเสียงออกมาด้วย
“ใครเหรอจ๊ะมิ้นต์”
“แฟนเก่าพี่ค่ะ” มณีมาลาบอกกลั้วหัวเราะทำให้ชายหนุ่มพรวดพราดออกมาหน้าห้อง เลือดในตัวเขาเองก็เหมือนจะหยุดการไหลเวียนไปเช่นกันเมื่อเห็นใบหน้าจางสีลงจนแทบไม่ต่างจากกระดาษน้ำแช่น้ำของคนรัก
“ขวัญ”
หญิงสาวมองหน้าคนรัก ริมฝีปากสั่นระริกซวนเซจนเขาต้องเข้ามาประคองทว่ากรองขวัญปัดตัวเขาให้ออกห่างแล้วตวาด
“เอามือสกปรกออกไปจากตัวฉัน”
“ขวัญ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ พี่อธิบายให้ขวัญฟังได้” ว่าที่หมอหนุ่มละล่ำละลักบอก ใบหน้าเขาเองก็ซีดจางลงไปอย่างเห็นได้ชัด ตัวเบาหวิวเหมือนคนจะเป็นลมไม่ต่างกัน หากถามใจเขาแล้วเขารักกรองขวัญมาก ผู้หญิงที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาของเขา เป็นแม่ของลูกก็คือกรองขวัญคนเดียวเท่านั้น แต่สำหรับมณีมาลามันก็แค่หลงไปชั่วขณะตามประสาผู้ชายที่มีผู้หญิงมาเสนอให้ถึงที่
“ภาพที่ฉันเห็นมันอธิบายได้หมดแล้ว” หญิงสาวบอกขึ้นอย่างเย็นชาห่างเหิน น้ำตาไหลอาบแก้มแต่ปัดมันออกไปอีกด้านหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ เจ็บหนนี้มันมากกว่าตอนอกหักครั้งแรกหลายเท่าตัว และสาเหตุมันก็มาจากต้นตอเดียวกันนั่นก็คือความโลเลของผู้ชาย
“ไม่ใช่นะขวัญ ฟังพี่ก่อน” ชายหนุ่มวิ่งตาม มณีมาลาไม่ได้ห้ามเพราะเธอรู้จักกรองขวัญดี ผู้หญิงคนนั้นใจแข็งยิ่งกว่าหินผา มาเห็นตำตาแบบนี้ไม่มีทางที่จะให้อภัยคมชนะแน่ๆ
สะใจ…ไม่มีอะไรที่ให้ความสะใจเธอได้มากกว่านี้อีกแล้ว
ปู่ของมันแย่งผู้หญิงที่ปู่ของเธอรัก พ่อของมันก็ทำให้แม่ของเธอรัก ถึงแต่งงานกับพ่อ มีเธอเป็นโซ่ทองคล้องใจแต่ทั้งพ่อและเธอต่างก็รู้ดี แม่ไม่เคยลืมพ่อของกรองขวัญ ไม่มีใครรู้หรอกว่าการที่ไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อและแม่มันเจ็บช้ำแค่ไหน
เพราะฉะนั้นอะไรที่เธอทำให้พวกไร่ดวงตะวันเจ็บช้ำได้ก็จะทำ!
กรองขวัญคิดมาถึงแค่นั้นก็ต้องหยุดเมื่อพนักงานเอาอาหารเข้ามาเสิร์ฟ เสียงของมณีมาลายังดังมาเข้าหูอยู่เป็นระยะ
“เขาต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
“ให้ได้เขามาก่อนเถอะจ้ะค่อยมากันท่าผู้หญิงคนอื่น แต่จะว่าไปถ้าเขารวยมาก หากได้แต่งงานกับเขาก็จะพยุงฐานะของไร่มณีสวาทเอาไว้ได้ ฉันเอาใจช่วยเธอ”
“แค่ใจช่วยไม่พอหรอกเธอต้องช่วยฉันด้วย”
“หืม?”
มณีมาลาโน้มตัวมากระซิบกับเพื่อนทำให้กรองขวัญพลาดโอกาสที่จะได้ยิน แต่มันก็ทำให้เธอเกิดความคิดบางอย่าง คิ้วเรียวเรียงเส้นสวยมุ่นเข้าหากัน
มณีมาลาคิดจะจับตุลธรเพื่อพยุงฐานะของตัวเองอย่างนั้นหรือ…
คิดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มบางอย่างก็วาบผ่านในหน้าของกรองขวัญ แม้เธอจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาคิดเรื่องหมอคมชนะมาหลายปีแต่ปมแค้นในใจเล็กๆ ก็ยังอยู่กับเธอ มณีมาลาแย่งเธอมาทั้งชีวิตแล้ว ลองแย่งของที่มณีมาลาดิ้นรนอยากจะได้บ้างจะเป็นไรไป
ตุลธร รุจีโรจน์อนันต์…เธอคิดว่าตุลธรน่าจะรวย แต่ไม่คิดว่าจะรวยขนาดนี้ มิน่ามณีมาลาถึงได้เริ่มต้นวางแผนอย่างที่เคยทำบ่อยๆ เวลาอยากจะได้ผู้ชายคนไหน แล้วก็ทำสำเร็จทุกครั้งเสียด้วย
หึ…แต่มีครั้งนี้ที่จะไม่มีทางสำเร็จ
กรองขวัญยิ้มหยันให้กับตัวเอง อาหารที่สั่งมาเธอแตะเพียงน้ำส้ม แล้วเรียกพนักงานมาคิดเงิน แล้วเดินผ่านหน้ามณีมาลา เดินเฉียดมาใกล้แล้วปล่อยรอยยิ้มหยันๆ มาให้ทำให้มณีมาลาผุดลุก
“มองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“เปล่านี่?” กรองขวัญเลิกคิ้วทำหน้าซื่อ “เธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าฉันมองเธอแปลกไป เพราะฉันก็มองเธอแบบนี้มาตลอด”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอแล้วเดินออกไป มณีมาลามองตามอย่างร้อนใจ
“แกว่านังขวัญจะได้ยินที่เราคุยกันไหม”
“เสียงแกไม่ได้เบาเลยนะมิ้นต์ ฉันว่านังกรองขวัญต้องได้ยินแน่ๆ”
“ช่างมันสิ ไม่เห็นจะเกี่ยวกับฉัน” มณีมาลายักไหล่แล้วนั่งลง ก้มหน้ากินอาหารต่อ พวงผกายังทำหน้านิ่ว มองตามหลังกรองขวัญแล้วยื่นช้อนตัวเองมาหยุดช้อนที่เพื่อนรักกำลังตักเข้าปาก
“เกี่ยวสิ แกจำไม่ได้เหรอว่าเคยสร้างแผลใจให้กับกรองขวัญมากี่ครั้ง”
“แล้วยังไง” มณีมาลาย้อนถาม พวงผกาทำท่าขัดใจที่อีกฝ่ายดูจะตามความคิดของเธอไม่ทันเอาเสียเลย ถอนหายใจแล้วจ้องตา
“เธอไม่กลัวยายกรองขวัญแก้แค้นเธอด้วยการขัดขวางเธอกับคุณตุลอะไรนั่นหรือไง”
“ฮะ…อย่างยายนั่นนะเหรอ” มณีมาลาปิดปากหัวเราะเห็นเป็นเรื่องขบขัน “ถ้าคุณตุลสนใจแม่นั่นก็ตาต่ำเต็มทนแล้ว”
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่หรอกย่ะ กรองขวัญไม่ใช่คนขี้เหร่เลยสักนิด” พวงผกาอยากจะบอกว่าสวยกว่ามณีมาลาเสียอีกแต่ก็ไม่กล้าแต่ก็อยากเตือนด้วยความหวังดี “ระวังไว้หน่อยก็แล้วกัน แม่นั่นก็ถังแตกเหมือนกัน พอได้ยินว่าผู้ชายของเธอรวยมากก็อาจจะอยากได้เงินทางลัดอย่างเธอก็ได้”
คำเตือนของเพื่อนสนิททำให้มณีมาลาครุ่นคิด แต่อย่างไรก็ไม่เชื่อว่าตุลธรจะตาต่ำไปคว้ากรองขวัญมาแทนเธอ เธอเคยแย่งของรักของมันมาได้ตลอด ครั้งนี้ทำไมจะต้องแพ้
สาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2557, 22:39:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2557, 22:39:58 น.
จำนวนการเข้าชม : 1091
<< ตอนที่ 3 100% |
ree 21 เม.ย. 2557, 05:54:08 น.
เหมือนจะซ้ำกับตอนที่แล้วเลย
เหมือนจะซ้ำกับตอนที่แล้วเลย