สิเน่หาวิวาห์ร้อน
สำหรับชายหนุ่ม การได้ดูแลคนตัวเล็กก็คือความสุขที่สุดในชีวิต เพราะเธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง หากแต่ความรู้สึกนั้นมันจะมากเกินกว่าคำว่าอาหลาน... แต่นำทางจำต้องเก็บซ่อนมันไว้ก่อน รอเวลาให้หนูพราวตัวน้อยได้เติบโตเป็นสาวมากกว่านี้ พอถึงวันนั้นเขาจะบอกความรู้สึกที่มีทั้งหมด และความจริงที่ปิดบังเอาไว้ให้เธอรับรู้...
เมื่อเด็กน้อยในวันวานได้เติบโตเป็นสาวเต็มตัว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มห่างเหิน หนูพราวเริ่มมีโลกส่วนตัวมากขึ้น ที่สำคัญเธอรู้จักความรักแบบวัยรุ่น... รักที่หาได้จากผู้ชายคนอื่นไม่ใช่จากอาของเธออีกต่อไป

Tags: ดราม่า ซาบซึ้งตรึงใจ วาบหวาม อา หลาน

ตอน: บทนำ

“อาขาโตขึ้นหนูพราวจะเป็นเจ้าสาวของอานะคะ” เด็กหญิงวัยสิบขวบได้ให้คำมั่นสัญญาตามประสากับหนุ่มน้อยวัยสิบแปดปีซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของเธอ หนูพราวเป็นลูกสาวคนเดียวของนายกิตติ ขจรชัย หัวหน้าวิศวกรของบริษัทยักษ์ใหญ่ บิดาของเธอต้องไปคุมงานประจำอยู่ที่ประเทศจีน นานๆ ครั้งจะได้กลับมาพักที่บ้าน ท่านจึงไม่ค่อยมีเวลาได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูกมากนัก ส่วนผู้เป็นมารดาได้ทอดทิ้งไปตั้งแต่เธอยังเล็กและไม่เคยติดต่อมาอีกเลย ด้วยเหตุนี้หนูพราวจึงมีเพียงนำทางที่คอยดูแลทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหารการกิน หรือแม้กระทั่งในยามหลับนอน

สำหรับชายหนุ่ม การได้ดูแลคนตัวเล็กก็คือความสุขที่สุดในชีวิต เพราะเธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง หากแต่ความรู้สึกนั้นมันจะมากเกินกว่าคำว่าอาหลาน... แต่นำทางจำต้องเก็บซ่อนมันไว้ก่อน รอเวลาให้หนูพราวตัวน้อยได้เติบโตเป็นสาวมากกว่านี้ พอถึงวันนั้นเขาจะบอกความรู้สึกที่มีทั้งหมด และความจริงที่ปิดบังเอาไว้ให้เธอรับรู้...

เมื่อเด็กน้อยในวันวานได้เติบโตเป็นสาวเต็มตัว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มห่างเหิน หนูพราวเริ่มมีโลกส่วนตัวมากขึ้น ที่สำคัญเธอรู้จักความรักแบบวัยรุ่น... รักที่หาได้จากผู้ชายคนอื่นไม่ใช่จากอาของเธออีกต่อไป ก๊อก! ก๊อก!

“หนูพราวเปิดประตูให้อาหน่อยได้ไหม” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กำยำยืนเคาะประตูห้องหลานสาววัยยี่สิบสองอย่างใจจดใจจ่อ รอเจ้าของห้องมาเปิดให้

“อาคะหนูเหนื่อยต้องการพักผ่อน!” เธอร้องบอกด้วยน้ำเสียงรำคาญใจเป็นที่สุด

“แต่ว่าอา...”

“ก็หนูบอกว่าเหนื่อย! พูดไม่รู้เรื่องรึไงน่ารำคาญจริง!!” ในที่สุดหญิงสาวก็ตะคอกผ่านบานประตูใส่ผู้เป็นอา เพราะตอนนี้เธอรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก ครั้นได้ยินน้ำเสียงที่เย็นชา ดวงตาที่ทอเป็นประกายพราวระยับ แปรเปลี่ยนเป็นเศร้าม่นวูบ นำทางมีสีหน้าเศร้าสลดลงพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มอารมณ์ ทำได้แค่เก็บความเหงาความน้อยใจซ่อนไว้ลึกๆ ไม่กล้าแสดงออกมาเพราะกลัวว่าอีกคนจะเฉยชาไปมากกว่าเดิม
หลายเดือนที่ผ่านมาหญิงสาวมีท่าทีแปลกตา พูดน้อยหรือแทบไม่อยากจะพูดด้วย บางครั้งลองจับเวลาไม่ถึงสามนาทีที่คุยกัน เหมือนกับว่าหนูพราวมีอะไรเก็บไว้ในใจ และวันนี้ทั้งวันเขาตั้งหน้าตั้งตารอเธอกลับจากมหาวิทยาลัย ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานออกแบบของตัวเองเลย อีกทั้งข้าวปลายังไม่ทันได้แตะกะว่าจะทานพร้อมๆ กัน แต่แล้วฝันของเขาก็สลายลงไปในพริบตา คงต้องดื่มน้ำใบบัวบกแทนข้าวเป็นแน่แท้

“ถ้าอย่างนั้นอาไม่กวนแล้วนะครับ...” เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลงทำคอตกเหมือนคนหมดสิ้นความหวัง

“เดี๋ยวค่ะอา! หนูมีเรื่องจะขอ” หนูพราวเปิดประตูออกมาพร้อมร้องเรียก แววตาที่ใช้มองมีแต่ความว่างเปล่า เห็นแบบนี้แล้วหัวใจดวงน้อยของนำทางก็เจ็บเจียนตาย

“ว่ามาสิครับ”

“วันนี้หนูจะขอไปค้างที่บ้านเพื่อนค่ะ” สิ้นวลีคำขอที่เธอไม่คิดอยากได้คำตอบจากอาหนุ่มซึ่งกำลังกำหมัดแน่นพยายามอดกลั้นให้มากที่สุด ในใจนั้นก็ได้แต่คิดไปว่า

‘นี่หนูพราวไม่อยากอยู่ใกล้เราขนาดนั้นเชียวหรือ แต่ไม่มีทางซะล่ะที่อาจะปล่อยหนูไป’

“บ้านเราก็มี อาไม่อนุญาต” เขายังคงควบคุมอารมณ์ไว้ได้ ทั้งๆ ที่ในใจนั้นเดือดจนจะระเบิดออกมารอมร่อ

“นึกแล้วว่าอาต้องห้าม! แต่หนูจะไปซะอย่าง อาไม่ใช่พ่ออย่ามาบังคับให้มากนัก”

“หนูพราวทำไมพูดกับอาแบบนี้!” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเริ่มสั่นเครือ ทันทีที่ได้ยินคำพูดไร้เยื้อใยออกจากปากของหญิงอันเป็นที่รัก ขาทั้งสองข้างของเขาแทบจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ ขอบตานั้นร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟลนก็ไม่ปาน ความเจ็บปวดนี้มันยากนักที่จะบรรยายออกมาได้

“ก็มันจริงนี่คะ อาเคยรู้บ้างไหมว่าหนูรู้สึกยังไง ต้องการอะไร!” เมื่อไม่สามารถเก็บซ่อนความรู้สึกอัดอั้นไว้ได้อีกต่อไป หญิงสาวจึงตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตนคิด ถึงแม้ว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้เป็นอาก็ช่าง นาทีนี้เธอไม่สนอะไรทั้งนั้น ขอเพียงแค่ได้ระบายออกมาให้เขารับรู้บ้าง

“หนูพราวอยากได้อะไร รู้สึกยังไงก็บอกอามาสิ” ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเจ็บปวดมากมายสักเพียงใดก็ตาม แต่เขาก็จะพยายามไม่ใช้อารมณ์กับเธอเพียงเพราะคำว่าแคร์คำเดียวเท่านั้น แล้วเธอล่ะจะสังเกตเห็นบ้างหรือเปล่าหนอ?

“แล้วถ้าหนูบอกไปอาจะทำได้เหรอ?” ถามย้ำไปอย่างนั้นแหละเพราะยังไงอาของเธอก็ไม่มีวันยอม

“ถ้าสิ่งที่ขอไม่เกินความสามารถ อาก็ให้ได้”

“หนูจะขอย้ายไปอยู่หอกับเพื่อน” วินาทีนี้นำทางคงจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่เขากลัวมาตลอดกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

“มานี่! หนูจะไม่มีวันได้ไปจากอาอย่างแน่นอน ที่สำคัญคุณพ่อของหนูท่านคงไม่ชอบใจ” เจ้าของร่างบางอรชรที่ยืนเชิดอยู่ถูกฉุดดึงเข้ามากอดไว้แน่นจนเธอแทบจะหายใจไม่ออก แต่หนูพราวคงไม่ยอมให้อาของแบบนี้นานๆ หรอก เป็นไงเป็นกันสิ!

“ปล่อยนะหนูหายใจไม่ออก! อาไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับหนู หนูไม่ใช่นักโทษของอาสักหน่อย” ปากก็ร้องสั่งมือนั้นทั้งข่วนและทุบสารพัด ขอแค่ได้ออกจากอ้อมกอดที่ไม่ต้องการนี้สักที

“ไม่ปล่อย! อาไม่มีวันให้หนูพราวไปไหนเด็ดขาด” ชายหนุ่มยังคงโอบรั้งตัวเธอไว้ ทั้งๆ ที่รู้ว่าใจของหญิงสาวไม่ได้อยู่กับเขามานานแล้ว แต่จะให้เขาปล่อยเธอไปได้อย่างไรเพระหนูพราวยังอ่อนต่อโลกนัก อาจถูกใครต่อใครหลอกลวง และที่สำคัญเขารักเธอมากเกินกว่าที่จะขาดเธอได้

“โอเคหนูไม่ไปก็ได้! ปล่อยซีหนูจะไปทำรายงาน” พอรู้ว่าไม้แข็งใช้ไม่สำเร็จหญิงสาวก็ฉลาดพอที่เลือกใช้ไม้อ่อน แต่คนอย่างเธอไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ หรอก เมื่อขอดีๆ ไม่ให้ไปก็คงต้อง...

“แบบนี้สิค่อยน่ารักหน่อย เดี๋ยวอาเข้าไปส่งในห้องนะ” ครั้นเห็นว่าอีกคนยอมอ่อนให้นำทางจึงคลายอ้อมกอดแล้วลูบเรือนผมของเธออย่างเอ็นดู ซึ่งเขาไม่รู้สึกเอะใจสักนิดว่าทำไมคนตัวเล็กถึงยอมง่ายๆ

“ไม่ต้องค่ะ อาจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ” พูดจบหนูพราวก็เดินเข้าห้องทันทีเพราะคืนนี้เธอต้องเตรียมการใหญ่เพื่อที่นกน้อยอย่างเธอจะได้บินออกจากกรงทองเสียที...

........................................................................................................................................................................................................
ขอฝากนิยายด้วยนะคะเพิ่งเข้ามาครั้งแรกค่ะ
จากใจ พิณแห่งรัก / เทวีปักษา



เทวีปักษา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 พ.ค. 2557, 22:48:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 พ.ค. 2557, 22:49:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 886





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account