หัวใจเกี่ยวรัก (ผ่านการพิจารณาสนพ.touch)
สำหรับ ธีรกานต์ ความรักไม่ใช่การยื้อแย่ง ต่อให้รักมากแค่ไหนก็ไม่เคยคิดจะไขว่คว้าแย่งคนรักของใคร...แต่บทพิสูจน์รักแท้ก็มีมาให้ทดสอบอยู่เสมอ...เมื่อมีหลายเหตุการณ์ที่เธอทำเพื่อปกป้อง พีรพัฒน์ ชายหนุ่มผู้กุมหัวใจของเธอตั้งแต่เยาว์วัย เพียงเพราะสัญชาตญาณของคำว่า ‘รัก’ โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา แล้ววันหนึ่งเมื่อเขาไร้พัทธะสัญญาใจ หญิงสาวก็กระโจนลงสนามรักอย่างไม่แคร์สายตาใคร...เส้นทางรักของสาวหัวใจแกร่งจะต้องพบกับบททดสอบใดบ้าง เธอจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรค์ไปได้หรือไม่...ขึ้นอยู่กับแรงใจของเธอเอง
Tags: ความรัก
ตอน: บทที่ 9
บทที่ 9
เสียงหัวเราะของสาวๆ รุ่นใหญ่ดังมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองอมยิ้ม เบนทิศทางไปยังต้นเสียงทันทีแทนที่จะออกไปทำงานอย่างที่ตั้งใจ นานๆ สาวๆ จะได้เจอกันทีคงมีเรื่องคุยกันเต็มไปหมด นึกแล้วก็อดสงสารนมอ้นไม่ได้ยามที่ต้องอยู่บ้านอย่างเหงาๆ เขาผู้ซึ่งนมอ้นเป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาก็แทบจะไม่มีเวลาให้ เช้าก็ออกไปทำงานกว่าจะกลับก็พลบค่ำ เวลาที่เหลือก็ตกเป็นของแฟนสาว ภาพมารดา นมอ้น และป้าปิ่นพูดคุยกันอย่างออกรส ความสุขและรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกท่าน เห็นแล้วนึกอยากขอร้องให้แม่นมตามมารดาไปอยู่ที่อยุธยา หากก็เกรงว่าท่านจะน้อยใจคิดว่าเขาไม่อยากให้อยู่ด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ”
“ยังไม่ไปทำงานอีกหรือตาพีสายแล้วนะ” คุณวราภรณ์ถามบุตรชาย
“อะไรครับแม่ เจอหน้าผมก็ไล่เลยหรือครับ แล้วคุณพ่อไปไหนครับนี่ ถึงไม่ได้มาร่วมวงสมาคมผู้สูงอายุ” พีรพัฒน์หัวเราะเสียงดังเมื่อโดนคุณแม่ตีเข้าที่ไหล่ ส่วนคุณนมและป้าปิ่นก็พร้อมใจกันเหวี่ยงค้อนให้เขา
“เพราะแบบนี้สิคะ คุณหนูธารณ์ถึงไม่หายโกรธสักที” นมอ้นแขวะ
“นั่นสิคะนมกับคนอื่นน่ะออดอ้อนเอาใจสารพัด ส่วนน้องกับแม่น่ะกวนประสาทได้ตลอดเวลา” คนเป็นแม่ขว้างค้อนให้บ้าง
“โธ่! รักดอกจึงหยอกเล่นนะครับแม่ ถ้ารักมากๆ ก็ต้องทำให้ยิ้มบ่อยๆ แล้วก็ต้องหอมแก้มแบบนี้ทุกวัน” ชายหนุ่มโอบไปรอบตัวมารดาหอมแก้มซ้ายขวาให้สมรัก และทำเช่นเดียวกันกับนมอ้น ส่วนป้าปิ่นซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น เขาก็อ้าแขนออก แต่ผู้อาวุโสส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่นึกน้อยใจ
“ทำไมล่ะครับป้าปิ่น ยอมน้อยหน้าสองสาวได้ไง” คุณหนูของบ้านถามยิ้มๆ
“ไม่ไหวกระมังคะ ถ้าคุณพีติดใจแก้มนุ่มๆ ของป้า คุณพีชรู้เข้า ป้าจะแย่เอานา” ป้าปิ่นเย้าแกมล้อ คนที่อาจจะติดใจแก้มนุ่มๆ ก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“แม่ครับ อยากไปเที่ยวสวนผึ้งไหมครับ” พอมีคนเอ่ยถึงคนรัก พีรพัฒน์ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“พีจะพาแม่ไปหรือ”
“คือว่าสุดสัปดาห์นี้ครอบครัวของพีชจะไปพักผ่อนกันที่นั่น พีชก็เลยอยากชวนบ้านเราไปด้วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากไป พีชจะมาชวนด้วยตัวเองอีกครั้งครับ” คุณวราภรณ์มองหน้าลูกยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงของบุตรชายไม่มั่นใจอย่างเคย
“ถ้าแม่บอกว่าไม่อยากไปล่ะ พีจะว่าอย่างไร จะโกรธแม่หรือเปล่า” ผู้เป็นแม่ถามเสียงนุ่ม
“ผมจะโกรธแม่ได้อย่างไรกันครับ” คนเป็นลูกกอดมารดา ซบศีรษะลงหนุนบ่าที่ให้ความอบอุ่นมาแต่เล็กแต่น้อย
“แม่จะไปรู้รึ ก็แค่คิดว่าพีอาจจะอยากเอาใจหนูพีช ถ้าแม่ไม่ตามใจพี พีก็อาจจะทำกับแม่เหมือนที่ทำกับหนูธารณ์ คราวนี้ก็เป็นแม่ล่ะที่ต้องหนีกระเซอะกระเซิงกลับอยุธยาแทบไม่ทัน” คุณวราภรณ์ได้ทีเหน็บบุตรชาย
“โธ่! คุณแม่ครับ ยังซ้ำเติมผมเรื่องนี้ไม่พออีกหรือครับ ทำผิดครั้งเดียว คุณแม่จะไม่ให้อภัยผมเลยหรือครับ” บุตรชายบ่นออดเป็นมอดกัดไม้ และด้วยกิริยานั้นทำให้นมอ้นและป้าปิ่นยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ลูกมั่นใจในตัวเองหรือยัง แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแค่ไหน ลูกรู้ใช่ไหมว่าการกระทำทุกอย่างในวันนี้จะส่งผลไปถึงอนาคต ถ้าทุกอย่างราบรื่นก็ดีไป แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราคิด อดีตมันจะเป็นตัวบีบปัจจุบันและอนาคต ถึงเวลานั้นต่อให้ลูกอยากหนีอย่างไรก็ทำไม่ได้ อึดอัดแค่ไหนก็ต้องยอมรับมัน” คุณวราภรณ์กลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีแววหยอกล้อกับบุตรชายอีก
“แม่ไม่ได้รังเกียจคนที่ลูกรัก ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย เพราะคนที่จะอยู่กับลูกไปตลอดชีวิตไม่ใช่แม่ แต่แม่อยากให้พีแน่ใจเสียก่อน ครอบครัวของเราและครอบครัวของหนูพีชต่างก็มีหน้ามีตาทางสังคม ลูกจึงถูกจับจ้องและคาดหวังมากกว่าคนอื่น การวางตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ วันหนึ่งหากใจลูกเปลี่ยนไปแต่หนูพีชยังปักใจ สังคมจะบีบให้ลูกทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ลูกต้องการรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล อีกส่วนก็คงมาจากจิตใจที่ดีที่อ่อนโยนของลูกเอง เมื่อลูกไม่กล้าปฏิเสธ ลูกก็จะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต และไม่ใช่เพียงแค่ลูกเท่านั้น คนที่อยู่รอบกายลูกก็จะได้รับผลกระทบนั้นด้วย พีเข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่าลูก” หญิงสาววัยกลางคนยกแขนขึ้นโอบบุตรชาย ลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำสนิทด้วยกิริยานุ่มนวลและแสนรัก
“ผมเข้าใจครับแม่” เข้าใจทุกอย่าง เข้าใจก่อนที่มารดาจะตักเตือนสั่งสอนเสียอีก การคบหาดูใจกับสุพิชฌาย์จึงเป็นเรื่องของเราสองคนมากกว่า โดยเฉพาะตัวเขาที่พยายามจะไม่พาครอบครัวไปเกี่ยวข้องด้วย การคบหาสมาคมของผู้ใหญ่ก็เป็นไปตามความเหมาะสม ไม่เคยมีสักครั้งที่ทั้งสองครอบครัวจะรวมกลุ่มจนคล้ายกับเป็นครอบครัวเดียวกัน
“แม่ฝากขอโทษหนูพีชด้วยนะลูก สำหรับตัวพีถ้าลูกว่างจะไปพักผ่อนสมองกับหนูพีชก็ได้ แม่ว่าไม่มีอะไรเสียหาย ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็ไปด้วย อีกอย่างลูกก็ไม่ได้ปิดบังความสัมพันธ์ที่มีต่อหนูพีช” การที่ท่านไม่ไป ไม่ได้หมายความว่าท่านจะกีดกันไม่ให้บุตรชายไปด้วย ท่านเชื่อในการตัดสินใจของเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน และมั่นใจว่าลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง
“ผมขอคิดดูก่อนดีกว่าครับ ผมคงต้องไปทำงานสักที ผมรักแม่นะครับ” พีรพัฒน์หอมแก้มมารดาปิดท้าย และไม่ลืมที่จะทำเช่นเดียวกันกับนมอ้น จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาสำทับอีกครั้ง
“คุณพลอยคะ”
“ว่าไงจ๊ะนม” คุณวราภรณ์ละสายตาที่มองตามบุตรชายไป หันกลับมาขานรับคนเก่าคนแก่
“คุณพลอยว่าคุณพีกับคุณพีชจะตกล่องปล่องชิ้นกันหรือเปล่าคะ”
“มีอะไรหรือคะนม” คนเป็นนายถามด้วยความสงสัย
“อิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ บางครั้งอิฉันก็คิดว่าการที่คนสองคนมีอะไรที่เหมือนกันมากเกินไป มันอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้ง่าย อย่างคู่นี้เป็นลูกคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ คุณพีแม้จะไม่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็ถูกเลี้ยงมาอย่างเป็นผู้นำ ส่วนคุณพีชอิฉันว่าก็คงไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะช่วยธุรกิจของครอบครัวไม่ได้ แล้วผู้นำสองคนจะอยู่ด้วยกันได้หรือคะ แล้วจะยังเรื่องฐานะทางสังคม ไม่มีใครด้อยกว่าใครเลย ใหญ่ต่อใหญ่มาเจอกันจะยิ่งไปกันใหญ่หรือเปล่าคะ ความรู้ความสามารถก็มีดีพอกัน ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะมีใครเป็นฝ่ายยอมหรือเปล่าคะ” นางอ้นคิดอย่างหนักใจ นี่แค่ปัญหาหลักๆ ปัญหาปลีกย่อยที่มองไม่เห็นอีก
“ทำไมนมไม่คิดว่าตาพีจะอ่อนข้อให้หนูพีช ปกติตาพีก็ไม่ใช่คนที่จะเอาชนะคะคานอะไร คนสองคนถ้าต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเหมือนกันมากหรือแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันทั้งนั้น นมก็น่าจะทราบดี” แม้จะเห็นด้วย แต่เธอก็คิดว่ามันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้
“มันก็คงจริงอย่างที่คุณว่า สงสัยอิฉันจะคิดมากไปเอง และคงห่วงคุณพีมากเกินไป” นมอ้นปล่อยวางในที่สุด
“ถ้าเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอกค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ต่อให้อยู่ใกล้กันแค่ไหน มันก็ไม่มีวันได้อยู่เป็นคู่ชิดเชยชม จริงไหมคะนม” นมอ้นยิ้มรับและเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นนาย คงต้องยกหน้าที่ให้พรหมลิขิตเป็นผู้ตัดสิน
‘หลายคนคงสงสัยว่าทำไมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกหย่อมหญ้าของสวนผึ้งถึงได้เป็นสีชมพู วันนี้เรานำภาพตัวการที่ก่อให้เกิดความหวานละมุนอุ่นละไม กลิ่นอายความรักตลบอบอวลไปทั่วทั้งสวนผึ้ง มดทั้งรังอิ่มเอมไปด้วยความหวานโดยไม่ต้องถามหาน้ำตาลไปอีกเป็นปี’ นี่เป็นพาดหัวหยิกแกมหยอกของคอลัมน์กระทบไหล่ไฮโซของนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ต่อด้วยภาพคู่รักหวานแหวว เดินจูงมือชื่นชมธรรมชาติของสวนผึ้ง รวมถึงตามสถานที่ต่างๆ ภายในสวนผึ้ง ชนิดที่ใครเห็นต้องอิจฉาตาร้อน แต่สำหรับใครบางคนมันคือความเศร้าที่คอยกัดกินใจ ทั้งๆ ที่ไม่อยากรู้ แต่ไม่วายขวนขวายที่จะรู้ เจ็บจนใจด้านชาแต่ก็ยังอยากเจ็บ เพื่อตอกย้ำความจริงที่ต้องยอมรับ
“จริงจังไปเที่ยวกันดีกว่า” ธีรกานต์วางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะอย่างหมดความสนใจ ส่วนเจ้าสี่ขาก็กระดิกหางอย่างยินดี “ชวนมั่นคงไปด้วยดีไหม”
“บ๊อกๆ” เจ้าหมาน้อยขนยาวตอบรับด้วยความเต็มใจ ทำให้หญิงสาวถึงกับอมยิ้ม เจ้าจริงจังหายงอนเจ้ามั่นคงแล้ว ตั้งแต่เจ้ามั่นคงเลิกติดสาวหันมาดูแลเอาใจใส่น้องเช่นเดิม ไม่เหมือนกับเธอที่ยังต้องดูแลตัวเองต่อไป
“แม่คะ ธารณ์พาจริงจังกับมั่นคงไปเดินเที่ยวนะคะ” ธีรกานต์เดินไปบอกมารดาที่ด้านหลังบ้าน
“อย่าไปนานนักนะลูก”
“ค่ะแม่ แล้วธารณ์จะกลับมาช่วยจัดผักเตรียมส่งนะคะ”
“จ้า” เมื่อคนเป็นแม่ขานรับ หญิงสาวก็เดินนำลูกสมุนออกจากบ้าน ตรงไปยังสวนสุขภาพ สถานที่ออกกำลังกายของผู้คนในละแวกนี้
“ไปไหนครับหนูธารณ์” เสียงดังมาจากประตูรั้วบ้านหลังหนึ่ง
“พามั่นคงกับจริงจังไปออกกำลังกายที่สวนสุขภาพค่ะลุงบุญ” ธีรกานต์ตอบคนสวนของบ้านคุณวราภรณ์
“ให้สมใจไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ธารณ์ไปไม่นาน แค่เบื่อๆ อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ลุงบุญไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ธารณ์มีองครักษ์ไปด้วยตั้งสองตัว” บุตรสาวของพิกุลชี้ไปที่สุนัขต่างขนาดกันแบบสุดขั้ว
“มั่นคงดูแลหนูธารณ์ดีๆ นะ อย่าซนจนลืมหนูธารณ์ล่ะ จริงจังด้วย”
“โฮ่งๆ บ๊อกๆ” หมาสองพันธ์ตอบรับอย่างรู้ฟัง
“เป็นไงคะลุงบุญ องครักษ์พิทักษ์หนูธารณ์” ธีรกานต์ยิ้มกว้าง อดภูมิใจในตัวสุนัขที่เธอเลี้ยงมากับมือไม่ได้ มันทั้งฉลาดเฉลียวและเจ้าเล่ห์ และมีสิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจเจ้าสองตัวนี้ไม่มีทางทิ้งเธอเหมือนใครบางคนเด็ดขาด
“ท่าทางจะไว้ใจได้” บุญกลั้วเสียงหัวเราะ
“ธารณ์ขอตัวก่อนนะคะลุงบุญ ฝากเรียนท่านลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ พรุ่งนี้ช่วยพ่อส่งผักเสร็จ ธารณ์จะแวะขึ้นไปกราบท่าน” ผู้ใหญ่ที่อาศัยบ้านหลังนี้ เพิ่งกลับจากเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน ซึ่งเธอยังไม่มีโอกาสมากราบท่าน ด้วยไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน
“ได้ครับ แล้วลุงจะบอกให้ หนูธารณ์รีบไปเถอะครับ เจ้าสองตัวคงอยากวิ่งเล่นเต็มทีแล้ว”
“ธารณ์ไปนะคะ” อดีตสาวน้อยของบุญโบกมือลา ก่อนจะวิ่งนำหน้าเจ้าสี่ขาสองตัวที่สวมรองเท้าเรียบร้อยไม่แพ้เจ้าของ ภาพความสดใสของหนึ่งสาวกับสองตัว เรียกร้อยยิ้มจากผู้คนที่ได้พบเห็นได้เป็นอย่างดี
หนึ่งในเจ้าของภาพที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉา นั่งขมวดคิ้วจนแทบจะมัดกันเป็นปม หน้าผากยู่จนกลัวว่ามันจะไม่สามารถกลับมาตึงได้อย่างเก่า ต้นคอพาดไปตามพนักของเก้าอี้โซฟา รวมถึงดวงตาที่ถูกปิดจนสนิท ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามามองอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรคะคุณพีของนม งานมีปัญหาหรือคะ” นมอ้นนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มที่เป็นดั่งบุตรในอุทร มือเหี่ยวย่นลูบเบาๆ บนหลังมือที่วางอยู่บนตัก
“เปล่าครับนม” พีรพัฒน์ขยับตัวออกห่าง ก่อนจะทอดกายลงนอนตามความยาวของโซฟา หนุนตักแม่นมของตนอย่างตอนเด็กๆ
“เหนื่อยนักก็พักบ้างสิคะ คุณพ่อคงไม่ว่าอะไร หากคุณพีจะขอลาพักร้อน”
“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับนม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องหัวใจ ทะเลาะกับคุณพีชหรือคะ เพิ่งไปเที่ยวกันมาน่าจะมีความสุข ไม่น่าจะมีเรื่องเคืองใจกันนะคะ” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนถามอย่างรู้เท่าทัน ยังหนุ่มยังแน่นแถมมีทุกอย่างเพียบพร้อม จะมีเรื่องอะไรให้หนักใจเท่ากับเรื่องงานและเรื่องหัวใจ
“ไม่ใช่หรอกครับนม” พีรพัฒน์ปฏิเสธอีก
“ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องหัวใจ แล้วมีเรื่องอะไรทำให้คุณหนูของนมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดไม่ตกอย่างนี้ล่ะคะ” นมอ้นลูบศีรษะของคนที่นอนหนุนตักด้วยความเป็นห่วง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคุณพีก็ยังเป็นคุณหนูตัวเล็กๆ ของเธอเสมอ โดยเฉพาะในยามที่ต้องการกำลังใจ
“นมว่าคนสองคนคบกันนานแค่ไหนถึงเรียกว่าพอเหมาะพอดี หรือเพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันครับ” ในยามนี้มีเพียงแม่นมที่เขาพูดคุยด้วยได้อย่างเปิดเผย
“คงกะเกณฑ์เวลาไม่ได้หรอกค่ะ มันอยู่ที่คนสองคนมากกว่าว่าพร้อมจะใช้ชีวิต พร้อมจะแบ่งปันทุกอย่างครึ่งหนึ่งของเราให้ใครอีกคนหรือเปล่า บางคนก็ใช้เวลาน้อย บางคนก็ใช้เวลาเป็นสิบปี บางคนใช้เวลาไปค่อนชีวิตแล้วก็ยังหาเวลาที่เหมาะสมไม่เจอ จนบางครั้งใครอีกคนก็ไม่สามารถรอได้ สุดท้ายต่างคนก็ต่างต้องแยกทางกันเดิน คุณพีถามนมเรื่องนี้ทำไมหรือคะ หรือว่าคุณพีกำลังตัดสินใจสละโสด” นางอ้นก้มมองนายน้อยของตน แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตา
“ผมยังไม่พร้อมครับ แต่”
“คุณพีชเธอพร้อมแล้ว” นมอ้นกล่าวต่อให้อย่างเดาเหตุการณ์ได้
“ผมไม่แน่ใจว่าพีชพร้อมหรือเปล่า แต่คุณแม่ของพีชท่านเกริ่นเรื่องนี้กับผม ท่านว่าคบกันมาสองสามปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นเวลาพอสมควรแล้ว อีกทั้งผมกับพีชต่างก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อายุอานามก็สมควรจะมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว นมครับ ผมควรทำอย่างไรดี เพื่อไม่ให้ผิดใจกับผู้ใหญ่” ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมือเยี่ยวย่นของหญิงชรามาลูบใบหน้า เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง
“นมเข้าใจคุณแม่ของคุณพีชนะคะ เธอมีลูกสาว หากมีเรื่องอะไรไม่ดี ฝ่ายเธอก็เป็นฝ่ายเสียหาย เธอก็คงเห็นว่าคุณพีกับคุณพีชคบหากันมาก็ไม่เคยมีปัญหากันให้หนักใจ ก็คงอยากให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาจะได้หมดห่วง ทำไมคุณพีไม่ลองพูดคุยกับคุณพีชล่ะคะ หากเธอยังไม่พร้อม การที่เธอออกตัวปฏิเสธกับคุณพ่อคุณแม่น่าจะง่ายกว่าการให้คุณพีเป็นฝ่ายปฏิเสธนะคะ” นางอ้นแนะนำอย่างเข้าใจทั้งสองฝ่าย
“เพราะผมถามมาแล้วสิครับนม ผมถึงได้มานั่งกลุ้มแบบนี้ พีชเขาตอบผมว่าแล้วแต่ผู้ใหญ่ หากผู้ใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าสมควร เธอก็พร้อม” พีรพัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ดีนะคะที่คุณพลอยมองการณ์ไกล ถ้าครั้งนี้ไปเที่ยวด้วยกัน กลับมามิต้องวิ่งหาฤกษ์หายามกันให้จ้าละหวั่นหรือคะ” นมอ้นรู้สึกหนักใจไม่แพ้กัน
“ผมควรทำอย่างไรดีครับนม”
“นมว่าถึงเวลาที่คุณพีต้องลาพักร้อน ไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่อยุธยาแล้วล่ะค่ะ ท่านคงให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดีแก่คุณพีได้”
“นมไปกับผมนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวน
“ทำไมต้องให้นมไปด้วยล่ะคะ”
“ก็นมเป็นแม่อีกคนหนึ่งของผมนี่ครับ อีกอย่างหลายคนหลายความคิด จะได้ช่วยผมพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดีไงครับ” พีรพัฒน์ถือโอกาสอ้อน
“คุณพีทำเหมือนไม่รักคุณพีช”
“รักน่ะก็รักอยู่ แต่ไม่รู้มันมากพอหรือเปล่า ถ้าผมต้องแต่งงาน ผมก็อยากมีชีวิตอย่างคุณพ่อกับคุณแม่ ประเภทแต่งแล้วหย่า ไม่อยากเจอครับนม” พีรพัฒน์กล่าวอย่างไม่สบายใจ
“อะไรกันคะ ยังไม่ทันแต่งเลย คิดเรื่องหย่าแล้วหรือคะ นมตามความคิดคนรุ่นใหม่ไม่ทันจริงๆ” นมอ้นส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของคนยุคนี้
“คิดเผื่อไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับผม ถึงเวลาจะได้รับมือถูก แต่จะให้ดีขอแต่งครั้งเดียวแล้วอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตดีกว่าครับ นมว่าผมจะมีโอกาสนั้นไหม” คุณพีของนมอ้นดูขาดความมั่นใจในเรื่องนี้มาก
“แน่นอนสิคะ คุณพีของนมเป็นคนดี พระท่านก็ต้องส่งคนดีๆ มาเป็นคู่กับคุณพีอยู่แล้ว” หญิงชราเติมความมั่นใจให้เต็มอัตรา
“ขอบคุณครับนม ผมขอให้พรของนมเป็นจริงทุกประการ และถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะมีหลานให้นมชื่นใจหลายๆ คน ดีไหมครับ” การได้พูดคุยและปรึกษาผู้ใหญ่ ทำให้ความเครียดทั้งหลายคลายลงได้จริงๆ
“ดีค่ะ แต่วันนี้นมว่าคุณพีขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่าค่ะ”
“นมก็เหมือนกันนะครับ พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะได้ไปอยุธยาพร้อมกัน ตกลงนะครับนม”
“ตกลงค่ะ”
“ผมรักนมครับ” ชายหนุ่มโฉบใบหน้าเข้าไปหอมแก้มแม่นมของตน ก่อนลุกขึ้นนั่งเคียงข้าง กอดให้ชื่นใจอีกครั้ง ก่อนจะฉุดให้หญิงชราลุกขึ้นยืนตามตน จากนั้นก็ประคองนางอ้นไปส่งยังห้องพักที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังของห้องนั่งเล่น
เสียงหัวเราะของสาวๆ รุ่นใหญ่ดังมาจากห้องนั่งเล่น ทำให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองอมยิ้ม เบนทิศทางไปยังต้นเสียงทันทีแทนที่จะออกไปทำงานอย่างที่ตั้งใจ นานๆ สาวๆ จะได้เจอกันทีคงมีเรื่องคุยกันเต็มไปหมด นึกแล้วก็อดสงสารนมอ้นไม่ได้ยามที่ต้องอยู่บ้านอย่างเหงาๆ เขาผู้ซึ่งนมอ้นเป็นห่วงนักเป็นห่วงหนาก็แทบจะไม่มีเวลาให้ เช้าก็ออกไปทำงานกว่าจะกลับก็พลบค่ำ เวลาที่เหลือก็ตกเป็นของแฟนสาว ภาพมารดา นมอ้น และป้าปิ่นพูดคุยกันอย่างออกรส ความสุขและรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของทุกท่าน เห็นแล้วนึกอยากขอร้องให้แม่นมตามมารดาไปอยู่ที่อยุธยา หากก็เกรงว่าท่านจะน้อยใจคิดว่าเขาไม่อยากให้อยู่ด้วย
“คุยอะไรกันอยู่ครับสาวๆ”
“ยังไม่ไปทำงานอีกหรือตาพีสายแล้วนะ” คุณวราภรณ์ถามบุตรชาย
“อะไรครับแม่ เจอหน้าผมก็ไล่เลยหรือครับ แล้วคุณพ่อไปไหนครับนี่ ถึงไม่ได้มาร่วมวงสมาคมผู้สูงอายุ” พีรพัฒน์หัวเราะเสียงดังเมื่อโดนคุณแม่ตีเข้าที่ไหล่ ส่วนคุณนมและป้าปิ่นก็พร้อมใจกันเหวี่ยงค้อนให้เขา
“เพราะแบบนี้สิคะ คุณหนูธารณ์ถึงไม่หายโกรธสักที” นมอ้นแขวะ
“นั่นสิคะนมกับคนอื่นน่ะออดอ้อนเอาใจสารพัด ส่วนน้องกับแม่น่ะกวนประสาทได้ตลอดเวลา” คนเป็นแม่ขว้างค้อนให้บ้าง
“โธ่! รักดอกจึงหยอกเล่นนะครับแม่ ถ้ารักมากๆ ก็ต้องทำให้ยิ้มบ่อยๆ แล้วก็ต้องหอมแก้มแบบนี้ทุกวัน” ชายหนุ่มโอบไปรอบตัวมารดาหอมแก้มซ้ายขวาให้สมรัก และทำเช่นเดียวกันกับนมอ้น ส่วนป้าปิ่นซึ่งนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น เขาก็อ้าแขนออก แต่ผู้อาวุโสส่ายหน้าปฏิเสธอย่างไม่นึกน้อยใจ
“ทำไมล่ะครับป้าปิ่น ยอมน้อยหน้าสองสาวได้ไง” คุณหนูของบ้านถามยิ้มๆ
“ไม่ไหวกระมังคะ ถ้าคุณพีติดใจแก้มนุ่มๆ ของป้า คุณพีชรู้เข้า ป้าจะแย่เอานา” ป้าปิ่นเย้าแกมล้อ คนที่อาจจะติดใจแก้มนุ่มๆ ก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ
“แม่ครับ อยากไปเที่ยวสวนผึ้งไหมครับ” พอมีคนเอ่ยถึงคนรัก พีรพัฒน์ก็นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“พีจะพาแม่ไปหรือ”
“คือว่าสุดสัปดาห์นี้ครอบครัวของพีชจะไปพักผ่อนกันที่นั่น พีชก็เลยอยากชวนบ้านเราไปด้วย ถ้าคุณพ่อคุณแม่อยากไป พีชจะมาชวนด้วยตัวเองอีกครั้งครับ” คุณวราภรณ์มองหน้าลูกยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงของบุตรชายไม่มั่นใจอย่างเคย
“ถ้าแม่บอกว่าไม่อยากไปล่ะ พีจะว่าอย่างไร จะโกรธแม่หรือเปล่า” ผู้เป็นแม่ถามเสียงนุ่ม
“ผมจะโกรธแม่ได้อย่างไรกันครับ” คนเป็นลูกกอดมารดา ซบศีรษะลงหนุนบ่าที่ให้ความอบอุ่นมาแต่เล็กแต่น้อย
“แม่จะไปรู้รึ ก็แค่คิดว่าพีอาจจะอยากเอาใจหนูพีช ถ้าแม่ไม่ตามใจพี พีก็อาจจะทำกับแม่เหมือนที่ทำกับหนูธารณ์ คราวนี้ก็เป็นแม่ล่ะที่ต้องหนีกระเซอะกระเซิงกลับอยุธยาแทบไม่ทัน” คุณวราภรณ์ได้ทีเหน็บบุตรชาย
“โธ่! คุณแม่ครับ ยังซ้ำเติมผมเรื่องนี้ไม่พออีกหรือครับ ทำผิดครั้งเดียว คุณแม่จะไม่ให้อภัยผมเลยหรือครับ” บุตรชายบ่นออดเป็นมอดกัดไม้ และด้วยกิริยานั้นทำให้นมอ้นและป้าปิ่นยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ลูกมั่นใจในตัวเองหรือยัง แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองแค่ไหน ลูกรู้ใช่ไหมว่าการกระทำทุกอย่างในวันนี้จะส่งผลไปถึงอนาคต ถ้าทุกอย่างราบรื่นก็ดีไป แต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราคิด อดีตมันจะเป็นตัวบีบปัจจุบันและอนาคต ถึงเวลานั้นต่อให้ลูกอยากหนีอย่างไรก็ทำไม่ได้ อึดอัดแค่ไหนก็ต้องยอมรับมัน” คุณวราภรณ์กลับมากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่มีแววหยอกล้อกับบุตรชายอีก
“แม่ไม่ได้รังเกียจคนที่ลูกรัก ลูกรักใครแม่ก็รักด้วย เพราะคนที่จะอยู่กับลูกไปตลอดชีวิตไม่ใช่แม่ แต่แม่อยากให้พีแน่ใจเสียก่อน ครอบครัวของเราและครอบครัวของหนูพีชต่างก็มีหน้ามีตาทางสังคม ลูกจึงถูกจับจ้องและคาดหวังมากกว่าคนอื่น การวางตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ วันหนึ่งหากใจลูกเปลี่ยนไปแต่หนูพีชยังปักใจ สังคมจะบีบให้ลูกทำอย่างที่ใจต้องการไม่ได้ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการที่ลูกต้องการรักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูล อีกส่วนก็คงมาจากจิตใจที่ดีที่อ่อนโยนของลูกเอง เมื่อลูกไม่กล้าปฏิเสธ ลูกก็จะต้องทนทุกข์ไปตลอดชีวิต และไม่ใช่เพียงแค่ลูกเท่านั้น คนที่อยู่รอบกายลูกก็จะได้รับผลกระทบนั้นด้วย พีเข้าใจที่แม่พูดหรือเปล่าลูก” หญิงสาววัยกลางคนยกแขนขึ้นโอบบุตรชาย ลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำสนิทด้วยกิริยานุ่มนวลและแสนรัก
“ผมเข้าใจครับแม่” เข้าใจทุกอย่าง เข้าใจก่อนที่มารดาจะตักเตือนสั่งสอนเสียอีก การคบหาดูใจกับสุพิชฌาย์จึงเป็นเรื่องของเราสองคนมากกว่า โดยเฉพาะตัวเขาที่พยายามจะไม่พาครอบครัวไปเกี่ยวข้องด้วย การคบหาสมาคมของผู้ใหญ่ก็เป็นไปตามความเหมาะสม ไม่เคยมีสักครั้งที่ทั้งสองครอบครัวจะรวมกลุ่มจนคล้ายกับเป็นครอบครัวเดียวกัน
“แม่ฝากขอโทษหนูพีชด้วยนะลูก สำหรับตัวพีถ้าลูกว่างจะไปพักผ่อนสมองกับหนูพีชก็ได้ แม่ว่าไม่มีอะไรเสียหาย ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงก็ไปด้วย อีกอย่างลูกก็ไม่ได้ปิดบังความสัมพันธ์ที่มีต่อหนูพีช” การที่ท่านไม่ไป ไม่ได้หมายความว่าท่านจะกีดกันไม่ให้บุตรชายไปด้วย ท่านเชื่อในการตัดสินใจของเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน และมั่นใจว่าลูกจะไม่ทำให้ผิดหวัง
“ผมขอคิดดูก่อนดีกว่าครับ ผมคงต้องไปทำงานสักที ผมรักแม่นะครับ” พีรพัฒน์หอมแก้มมารดาปิดท้าย และไม่ลืมที่จะทำเช่นเดียวกันกับนมอ้น จากนั้นก็ยกมือไหว้ลาสำทับอีกครั้ง
“คุณพลอยคะ”
“ว่าไงจ๊ะนม” คุณวราภรณ์ละสายตาที่มองตามบุตรชายไป หันกลับมาขานรับคนเก่าคนแก่
“คุณพลอยว่าคุณพีกับคุณพีชจะตกล่องปล่องชิ้นกันหรือเปล่าคะ”
“มีอะไรหรือคะนม” คนเป็นนายถามด้วยความสงสัย
“อิฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ บางครั้งอิฉันก็คิดว่าการที่คนสองคนมีอะไรที่เหมือนกันมากเกินไป มันอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งกันได้ง่าย อย่างคู่นี้เป็นลูกคนเดียวด้วยกันทั้งคู่ คุณพีแม้จะไม่มีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง แต่ก็ถูกเลี้ยงมาอย่างเป็นผู้นำ ส่วนคุณพีชอิฉันว่าก็คงไม่ต่างกัน ไม่อย่างนั้นเธอจะช่วยธุรกิจของครอบครัวไม่ได้ แล้วผู้นำสองคนจะอยู่ด้วยกันได้หรือคะ แล้วจะยังเรื่องฐานะทางสังคม ไม่มีใครด้อยกว่าใครเลย ใหญ่ต่อใหญ่มาเจอกันจะยิ่งไปกันใหญ่หรือเปล่าคะ ความรู้ความสามารถก็มีดีพอกัน ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะมีใครเป็นฝ่ายยอมหรือเปล่าคะ” นางอ้นคิดอย่างหนักใจ นี่แค่ปัญหาหลักๆ ปัญหาปลีกย่อยที่มองไม่เห็นอีก
“ทำไมนมไม่คิดว่าตาพีจะอ่อนข้อให้หนูพีช ปกติตาพีก็ไม่ใช่คนที่จะเอาชนะคะคานอะไร คนสองคนถ้าต้องอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเหมือนกันมากหรือแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มันก็ต้องปรับตัวเข้าหากันทั้งนั้น นมก็น่าจะทราบดี” แม้จะเห็นด้วย แต่เธอก็คิดว่ามันไม่ใช่เหตุผลทั้งหมดที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันไม่ได้
“มันก็คงจริงอย่างที่คุณว่า สงสัยอิฉันจะคิดมากไปเอง และคงห่วงคุณพีมากเกินไป” นมอ้นปล่อยวางในที่สุด
“ถ้าเป็นคู่กันแล้วคงไม่แคล้วกันหรอกค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่เนื้อคู่ต่อให้อยู่ใกล้กันแค่ไหน มันก็ไม่มีวันได้อยู่เป็นคู่ชิดเชยชม จริงไหมคะนม” นมอ้นยิ้มรับและเห็นด้วยกับคำพูดของผู้เป็นนาย คงต้องยกหน้าที่ให้พรหมลิขิตเป็นผู้ตัดสิน
‘หลายคนคงสงสัยว่าทำไมสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทุกหย่อมหญ้าของสวนผึ้งถึงได้เป็นสีชมพู วันนี้เรานำภาพตัวการที่ก่อให้เกิดความหวานละมุนอุ่นละไม กลิ่นอายความรักตลบอบอวลไปทั่วทั้งสวนผึ้ง มดทั้งรังอิ่มเอมไปด้วยความหวานโดยไม่ต้องถามหาน้ำตาลไปอีกเป็นปี’ นี่เป็นพาดหัวหยิกแกมหยอกของคอลัมน์กระทบไหล่ไฮโซของนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ต่อด้วยภาพคู่รักหวานแหวว เดินจูงมือชื่นชมธรรมชาติของสวนผึ้ง รวมถึงตามสถานที่ต่างๆ ภายในสวนผึ้ง ชนิดที่ใครเห็นต้องอิจฉาตาร้อน แต่สำหรับใครบางคนมันคือความเศร้าที่คอยกัดกินใจ ทั้งๆ ที่ไม่อยากรู้ แต่ไม่วายขวนขวายที่จะรู้ เจ็บจนใจด้านชาแต่ก็ยังอยากเจ็บ เพื่อตอกย้ำความจริงที่ต้องยอมรับ
“จริงจังไปเที่ยวกันดีกว่า” ธีรกานต์วางนิตยสารเล่มนั้นลงบนโต๊ะอย่างหมดความสนใจ ส่วนเจ้าสี่ขาก็กระดิกหางอย่างยินดี “ชวนมั่นคงไปด้วยดีไหม”
“บ๊อกๆ” เจ้าหมาน้อยขนยาวตอบรับด้วยความเต็มใจ ทำให้หญิงสาวถึงกับอมยิ้ม เจ้าจริงจังหายงอนเจ้ามั่นคงแล้ว ตั้งแต่เจ้ามั่นคงเลิกติดสาวหันมาดูแลเอาใจใส่น้องเช่นเดิม ไม่เหมือนกับเธอที่ยังต้องดูแลตัวเองต่อไป
“แม่คะ ธารณ์พาจริงจังกับมั่นคงไปเดินเที่ยวนะคะ” ธีรกานต์เดินไปบอกมารดาที่ด้านหลังบ้าน
“อย่าไปนานนักนะลูก”
“ค่ะแม่ แล้วธารณ์จะกลับมาช่วยจัดผักเตรียมส่งนะคะ”
“จ้า” เมื่อคนเป็นแม่ขานรับ หญิงสาวก็เดินนำลูกสมุนออกจากบ้าน ตรงไปยังสวนสุขภาพ สถานที่ออกกำลังกายของผู้คนในละแวกนี้
“ไปไหนครับหนูธารณ์” เสียงดังมาจากประตูรั้วบ้านหลังหนึ่ง
“พามั่นคงกับจริงจังไปออกกำลังกายที่สวนสุขภาพค่ะลุงบุญ” ธีรกานต์ตอบคนสวนของบ้านคุณวราภรณ์
“ให้สมใจไปเป็นเพื่อนไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ธารณ์ไปไม่นาน แค่เบื่อๆ อยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง ลุงบุญไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ธารณ์มีองครักษ์ไปด้วยตั้งสองตัว” บุตรสาวของพิกุลชี้ไปที่สุนัขต่างขนาดกันแบบสุดขั้ว
“มั่นคงดูแลหนูธารณ์ดีๆ นะ อย่าซนจนลืมหนูธารณ์ล่ะ จริงจังด้วย”
“โฮ่งๆ บ๊อกๆ” หมาสองพันธ์ตอบรับอย่างรู้ฟัง
“เป็นไงคะลุงบุญ องครักษ์พิทักษ์หนูธารณ์” ธีรกานต์ยิ้มกว้าง อดภูมิใจในตัวสุนัขที่เธอเลี้ยงมากับมือไม่ได้ มันทั้งฉลาดเฉลียวและเจ้าเล่ห์ และมีสิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจเจ้าสองตัวนี้ไม่มีทางทิ้งเธอเหมือนใครบางคนเด็ดขาด
“ท่าทางจะไว้ใจได้” บุญกลั้วเสียงหัวเราะ
“ธารณ์ขอตัวก่อนนะคะลุงบุญ ฝากเรียนท่านลุงกับคุณป้าด้วยนะคะ พรุ่งนี้ช่วยพ่อส่งผักเสร็จ ธารณ์จะแวะขึ้นไปกราบท่าน” ผู้ใหญ่ที่อาศัยบ้านหลังนี้ เพิ่งกลับจากเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อน ซึ่งเธอยังไม่มีโอกาสมากราบท่าน ด้วยไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อน
“ได้ครับ แล้วลุงจะบอกให้ หนูธารณ์รีบไปเถอะครับ เจ้าสองตัวคงอยากวิ่งเล่นเต็มทีแล้ว”
“ธารณ์ไปนะคะ” อดีตสาวน้อยของบุญโบกมือลา ก่อนจะวิ่งนำหน้าเจ้าสี่ขาสองตัวที่สวมรองเท้าเรียบร้อยไม่แพ้เจ้าของ ภาพความสดใสของหนึ่งสาวกับสองตัว เรียกร้อยยิ้มจากผู้คนที่ได้พบเห็นได้เป็นอย่างดี
หนึ่งในเจ้าของภาพที่ใครๆ ต่างพากันอิจฉา นั่งขมวดคิ้วจนแทบจะมัดกันเป็นปม หน้าผากยู่จนกลัวว่ามันจะไม่สามารถกลับมาตึงได้อย่างเก่า ต้นคอพาดไปตามพนักของเก้าอี้โซฟา รวมถึงดวงตาที่ถูกปิดจนสนิท ทำให้คนที่เพิ่งเดินเข้ามามองอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรคะคุณพีของนม งานมีปัญหาหรือคะ” นมอ้นนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มที่เป็นดั่งบุตรในอุทร มือเหี่ยวย่นลูบเบาๆ บนหลังมือที่วางอยู่บนตัก
“เปล่าครับนม” พีรพัฒน์ขยับตัวออกห่าง ก่อนจะทอดกายลงนอนตามความยาวของโซฟา หนุนตักแม่นมของตนอย่างตอนเด็กๆ
“เหนื่อยนักก็พักบ้างสิคะ คุณพ่อคงไม่ว่าอะไร หากคุณพีจะขอลาพักร้อน”
“ไม่ใช่เรื่องงานหรอกครับนม”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเรื่องหัวใจ ทะเลาะกับคุณพีชหรือคะ เพิ่งไปเที่ยวกันมาน่าจะมีความสุข ไม่น่าจะมีเรื่องเคืองใจกันนะคะ” คนอาบน้ำร้อนมาก่อนถามอย่างรู้เท่าทัน ยังหนุ่มยังแน่นแถมมีทุกอย่างเพียบพร้อม จะมีเรื่องอะไรให้หนักใจเท่ากับเรื่องงานและเรื่องหัวใจ
“ไม่ใช่หรอกครับนม” พีรพัฒน์ปฏิเสธอีก
“ไม่ใช่เรื่องงาน ไม่ใช่เรื่องหัวใจ แล้วมีเรื่องอะไรทำให้คุณหนูของนมนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด คิดไม่ตกอย่างนี้ล่ะคะ” นมอ้นลูบศีรษะของคนที่นอนหนุนตักด้วยความเป็นห่วง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนคุณพีก็ยังเป็นคุณหนูตัวเล็กๆ ของเธอเสมอ โดยเฉพาะในยามที่ต้องการกำลังใจ
“นมว่าคนสองคนคบกันนานแค่ไหนถึงเรียกว่าพอเหมาะพอดี หรือเพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันครับ” ในยามนี้มีเพียงแม่นมที่เขาพูดคุยด้วยได้อย่างเปิดเผย
“คงกะเกณฑ์เวลาไม่ได้หรอกค่ะ มันอยู่ที่คนสองคนมากกว่าว่าพร้อมจะใช้ชีวิต พร้อมจะแบ่งปันทุกอย่างครึ่งหนึ่งของเราให้ใครอีกคนหรือเปล่า บางคนก็ใช้เวลาน้อย บางคนก็ใช้เวลาเป็นสิบปี บางคนใช้เวลาไปค่อนชีวิตแล้วก็ยังหาเวลาที่เหมาะสมไม่เจอ จนบางครั้งใครอีกคนก็ไม่สามารถรอได้ สุดท้ายต่างคนก็ต่างต้องแยกทางกันเดิน คุณพีถามนมเรื่องนี้ทำไมหรือคะ หรือว่าคุณพีกำลังตัดสินใจสละโสด” นางอ้นก้มมองนายน้อยของตน แววตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตา
“ผมยังไม่พร้อมครับ แต่”
“คุณพีชเธอพร้อมแล้ว” นมอ้นกล่าวต่อให้อย่างเดาเหตุการณ์ได้
“ผมไม่แน่ใจว่าพีชพร้อมหรือเปล่า แต่คุณแม่ของพีชท่านเกริ่นเรื่องนี้กับผม ท่านว่าคบกันมาสองสามปีแล้ว ก็ถือว่าเป็นเวลาพอสมควรแล้ว อีกทั้งผมกับพีชต่างก็มีหน้าที่การงานที่มั่นคง อายุอานามก็สมควรจะมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว นมครับ ผมควรทำอย่างไรดี เพื่อไม่ให้ผิดใจกับผู้ใหญ่” ชายหนุ่มเอื้อมไปจับมือเยี่ยวย่นของหญิงชรามาลูบใบหน้า เพื่อสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง
“นมเข้าใจคุณแม่ของคุณพีชนะคะ เธอมีลูกสาว หากมีเรื่องอะไรไม่ดี ฝ่ายเธอก็เป็นฝ่ายเสียหาย เธอก็คงเห็นว่าคุณพีกับคุณพีชคบหากันมาก็ไม่เคยมีปัญหากันให้หนักใจ ก็คงอยากให้ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาจะได้หมดห่วง ทำไมคุณพีไม่ลองพูดคุยกับคุณพีชล่ะคะ หากเธอยังไม่พร้อม การที่เธอออกตัวปฏิเสธกับคุณพ่อคุณแม่น่าจะง่ายกว่าการให้คุณพีเป็นฝ่ายปฏิเสธนะคะ” นางอ้นแนะนำอย่างเข้าใจทั้งสองฝ่าย
“เพราะผมถามมาแล้วสิครับนม ผมถึงได้มานั่งกลุ้มแบบนี้ พีชเขาตอบผมว่าแล้วแต่ผู้ใหญ่ หากผู้ใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าสมควร เธอก็พร้อม” พีรพัฒน์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ดีนะคะที่คุณพลอยมองการณ์ไกล ถ้าครั้งนี้ไปเที่ยวด้วยกัน กลับมามิต้องวิ่งหาฤกษ์หายามกันให้จ้าละหวั่นหรือคะ” นมอ้นรู้สึกหนักใจไม่แพ้กัน
“ผมควรทำอย่างไรดีครับนม”
“นมว่าถึงเวลาที่คุณพีต้องลาพักร้อน ไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่อยุธยาแล้วล่ะค่ะ ท่านคงให้คำปรึกษาและคำแนะนำที่ดีแก่คุณพีได้”
“นมไปกับผมนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยปากชวน
“ทำไมต้องให้นมไปด้วยล่ะคะ”
“ก็นมเป็นแม่อีกคนหนึ่งของผมนี่ครับ อีกอย่างหลายคนหลายความคิด จะได้ช่วยผมพ้นวิกฤตนี้ไปได้ด้วยดีไงครับ” พีรพัฒน์ถือโอกาสอ้อน
“คุณพีทำเหมือนไม่รักคุณพีช”
“รักน่ะก็รักอยู่ แต่ไม่รู้มันมากพอหรือเปล่า ถ้าผมต้องแต่งงาน ผมก็อยากมีชีวิตอย่างคุณพ่อกับคุณแม่ ประเภทแต่งแล้วหย่า ไม่อยากเจอครับนม” พีรพัฒน์กล่าวอย่างไม่สบายใจ
“อะไรกันคะ ยังไม่ทันแต่งเลย คิดเรื่องหย่าแล้วหรือคะ นมตามความคิดคนรุ่นใหม่ไม่ทันจริงๆ” นมอ้นส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วยกับความคิดของคนยุคนี้
“คิดเผื่อไว้ก็ไม่เสียหายนี่ครับผม ถึงเวลาจะได้รับมือถูก แต่จะให้ดีขอแต่งครั้งเดียวแล้วอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตดีกว่าครับ นมว่าผมจะมีโอกาสนั้นไหม” คุณพีของนมอ้นดูขาดความมั่นใจในเรื่องนี้มาก
“แน่นอนสิคะ คุณพีของนมเป็นคนดี พระท่านก็ต้องส่งคนดีๆ มาเป็นคู่กับคุณพีอยู่แล้ว” หญิงชราเติมความมั่นใจให้เต็มอัตรา
“ขอบคุณครับนม ผมขอให้พรของนมเป็นจริงทุกประการ และถ้าเป็นอย่างนั้นผมจะมีหลานให้นมชื่นใจหลายๆ คน ดีไหมครับ” การได้พูดคุยและปรึกษาผู้ใหญ่ ทำให้ความเครียดทั้งหลายคลายลงได้จริงๆ
“ดีค่ะ แต่วันนี้นมว่าคุณพีขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนดีกว่าค่ะ”
“นมก็เหมือนกันนะครับ พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะได้ไปอยุธยาพร้อมกัน ตกลงนะครับนม”
“ตกลงค่ะ”
“ผมรักนมครับ” ชายหนุ่มโฉบใบหน้าเข้าไปหอมแก้มแม่นมของตน ก่อนลุกขึ้นนั่งเคียงข้าง กอดให้ชื่นใจอีกครั้ง ก่อนจะฉุดให้หญิงชราลุกขึ้นยืนตามตน จากนั้นก็ประคองนางอ้นไปส่งยังห้องพักที่อยู่ถัดไปทางด้านหลังของห้องนั่งเล่น

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2557, 09:37:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 มิ.ย. 2557, 13:26:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1563
<< ลบแล้วค่ะ ^^ | ลบแล้วค่ะ ^^ >> |


กาซะลองพลัดถิ่น 2 มิ.ย. 2557, 13:35:02 น.
อืมมมม... แต่งไปก็มีแต่หย่า กับทะเลาะเบาะแว้งกันซะปล่าว ๆ เพราะยังไม่พร้อม
ผู้หญิงก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ งั้นการดำเนินชีวิตของนายคงไม่แคล้วพ่อตาแม่ยายเข้า
บงการชีวิตครอบครัวนายแน่ ๆ พีเอ๋ย.....
อืมมมม... แต่งไปก็มีแต่หย่า กับทะเลาะเบาะแว้งกันซะปล่าว ๆ เพราะยังไม่พร้อม
ผู้หญิงก็แล้วแต่ผู้ใหญ่ งั้นการดำเนินชีวิตของนายคงไม่แคล้วพ่อตาแม่ยายเข้า
บงการชีวิตครอบครัวนายแน่ ๆ พีเอ๋ย.....