เล่ห์แผนรัก
“ผู้หญิงอย่างเธอนะเหรอที่จะมาเป็นเจ้าสาวฉัน” ราฟาเอลมองลลิตาด้วยสายตาหยามเหยียด “เธอไม่ได้ครึ่งกับผู้หญิงที่ฉันเคยควงสักคน” ราฟาเอลพูดก่อนจะเดินผ่านหน้าลลิตาไป
“ทำไมฉันนี้แหละที่จะทำให้คุณหลงจนโงหัวไม่ขึ้น” ลลิตาตระโกนตามหลังร่างสูงที่เดินไปอย่างติดๆ
“แล้วฉันจะค่อยดู” ราฟาเอลหันมาพูดกับลลิตาด้วยน้ำเสียงเหย่อหยั่น

เขา……..โหดและเย็นชากับทุกคนแต่ทำไหมกับเธอเขาถึงได้อยู่เฉยไม่ได้เมื่อต้องเจอเธอ
เธอ…….. เขาเป็นใครถึงกล้ามาดูถูกฉันเห็นอย่างนี้ฉันก็มีดีทั้งตัวนะ
ทั้งเธอและเขากำลังรอค่อยใครสักคนเพื่อมาเติมเต็มสีสันให้ชีวิตที่เหมือนมีความสุขแต่ไม่ถึงขีดสุด และเมื่อเขาและเธอต้องมาแต่งงานกันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนหนึ่งแสนเย็นชาส่วนอีกคนก็ดื้อไม่มีใครเกิน


Tags: หวานมันฮ่า

ตอน: ตอนที่ 10

‘อะไรกันเนี้ยมันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉันเนี้ย’
ตั้งแต่ที่ลืมตาตื่นขึ้นก็ต้องตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อในห้องนอนที่สมควรจะมีเขานอนอยู่เพียงคนเดียว แต่กับมีผู้เป็นมารดาบังเกิดเกล้ามานั่งเฝ้ารอเขาตื่นด้วยรอยยิ้มเมื่อหันไปดูนาฬิกาที่อยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงก็ต้องตกใจ หกโมงเช้าแม่มีอะไรกับเขาแต่เช้าเนี้ย แต่ก่อนจะได้เอ่ยถามอย่างที่ใจคิดออกไปแม่ของเขาก็พยายามดึงแขนเขาขึ้นมาจากเตียงนอนทันทีที่เห็นว่าเขาลืมตาตื่นแล้ว
“ลุกขึ้นตาราฟ…ลุกขึ้นได้แล้วเร็ว” เธอดึงแขนลูกชายขึ้น แต่เหมือนว่ามันจะไมเป็นผลเลยเพราะดูเหมือนว่าลูกชายของเธอจะพยายามขืนตัวไว้สุดกำลัง
“ไม่ครับ…ผมไม่ลุกจนกว่าคุณแม่จะบอกผมมาก่อนว่าคุณแม่กำลังจะทำอะไร” เขาพยายามจะขืนตัวเติมที่ พร้อมกับขืนตัวเติมที่ แม่ของเขาต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างถึงต้องทำขนาดนี้เป็นแน่
“ที่รักค่ะ…ที่รัก” ในเมื่อลูกชายตัวดีเหมือนจะไม่ยอมทำตามง่ายๆและแรงของเธอก็สู้ลูกชายไม่ได้แน่ มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นที่จะขุดลูกชายสุดที่รักออกจากเตียง คือการหาตัวช่วยและตัวช่วยที่ว่าจะเป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่สามีสุดสวาทของเธอนั่นเอง
“เรียกคนมาช่วยก็ไม่สำเร็จหรอกครับคุณแม่…คุณแม่ก็รู้ว่าห้องผมมันเก็บเสียง” เขารู้สึกถึงความได้เปรียบเพราะไม่มีใครได้ยินเสียงมารดาและเข้ามาช่วยได้แน่นอน
“คุณแม่ยอมแพ้ผมซะดีๆ…ดีกว่านะครับผมไม่อยากทำร้ายคนแก่” ชนะเห็นๆชายหนุ่มแอบคิดอยู่ในใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้ใจไปมากกว่านี้ก็มีเสียงร้องทักออกมาจากหน้าประตูห้อง ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงนั้น
‘นั่นไงตัวช่วยกิตติมศักดิ์’ จบแล้วการต่อสู้ครั้งนี้จบแล้ว
“แม่เป็นแม่ของลูกนะพ่อเจ้าแผนการ… คิดว่าแม่ไม่รู้ทันลูกหรือไง” เพราะคิดว่าลูกชายจะต้องไม่ยอมแน่ๆ แล้วก็ห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงเธอเลยจงใจเปิดประตู้ห้องไว้ให้มีเสียงเล็ดลอดออกไปได้บ้าง คนอย่างกิ่งแก้วมีเหรอจะเสียรู้ลูกชายตัวเองไม่มีวันซะหรอก
“ที่รักค่ะ…มาช่วยกันเงะเจ้าราฟออกจากเตียงหน่อยค่ะ” เธอหันไปสั่งสามทันที
“ลุกขึ้นมาตาราฟ แกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ” เจอราฟดุดลูกชายเสียงเข้ม
“ครับๆ…ลุกแล้วครับ” เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะดูเหมือนว่ามารดาเขาจะดักทางไว้หมดแล้วก็ได้แต่จำใจ ทำตามคำสั่งอย่างเสียไม่ได้
“ไปอาบน้ำซะ…ต้องให้แม่อาบให้ด้วยไหม” เอ่ยสั่งต่อทันทีเมื่อลูกชายลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วมองมายัเธออย่างเซ็งๆ
“อาบให้ก็ดีครับ…คงสบายดีแต่ผมว่าอย่าเลยเดียวคุณแม่จะตกใจป่าวๆ” เอ่ยออกมาอย่างกวนๆก่อนเดินเข้าห้องน้ำไป
ราฟาเอลใช้เวลาในการอาบน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง เขานึกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติแล้วซะอีกแต่ที่ไหนได้ ออกมาจากห้องน้ำปุ๊บก็เจอมารดากำลังจัดเตรียมเสื้อผ้าให้เขาอยู่และดูเหมือนว่าจะเป็นชุดใหม่ด้วยซึ่งเขาแน่ใจมากว่าไม่ได้สั่งซื้อมาเองแน่นอน
“คุณแม่ครับ…จะให้ผมใส่เหรอครับ” เขาเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อดูเหมือนว่ามารดาจะต้องเอามันมาให้เขาใส่เป็นแน่ ชุดสูทเป็นทางการสีเทาอ่อนๆแบบนี้มันต้องเอาไว้ใช้ในโอกาสสำคัญสิแต่นี้เขาแค่จะใส่ไปทำงานแล้ววันนี้เควินก็ไม่ได้แจ้งว่าจะมีงานเลี้ยงอะไรด้วย
“ใช่…แม่เอามาให้ลูกใส่” เธอบอกก่อนจะเดินมาหาลูกชายและเอาชุดทาบตัวลูกชายดู
“มีงานอะไรเหรอครับ…ทำไมเควินไม่โทรมาบอกผม” ปกติแล้วถ้ามีงานเลี้ยงหรืองานสำคัญๆมี่เป็นทางการเควินจะต้องแจ้งเขาล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวันเพื่อการเตรียมตัว ตลอดมาเควินก็ทำงานได้ดีเสมอครั้งนี้ก็ไม่หน้าจะเกิดความผิดพลาดได้
“ก็งานหมั้นของลูกไง…จะจัดกันเป็นการภายในก่อนแล้วค่อยจัดงานแถลงข่าวอีกทีพร้อมประกาศงานแต่งไปด้วยเลย”
ที่เธอต้องทำอย่างนี้เพราะว่าไม่ไว้ใจลูกชายตัวดีของตัวเองเท่าไหร่ แม้ว่าราฟาเอลจะสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วก็ตาม แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ ความลับยังไงก็ไม่มีในโลกหรอกสักวันความมันก็ต้องแตกออกมาอยู่แล้วขึ้นอยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั่นเอง
“มันเร็วไปรึป่าวครับ” ราฟาเอลใจรู้สึกใจหายทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น อารมณ์ที่กำลังดีอยู่กับเปลี่ยนเป็นหดหู่แทน ไม่คิดว่ามารดาจะรวบรัดได้รวดเร็วขนาดนี้
“มันไม่เร็วไปหรอกลูก…ไปใส่เสื้อผ้าได้แล้วหรือว่าลูกจะลงไปทั้งอย่างนี้ก็ได้นะว่าที่เมียจะได้ประทับใจ” เธอจะรอช้าไม่ได้อีกแล้วจริงๆเธอจะต้องได้ลูกสะใภ้มาเชยชมตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อนด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่า ว่าที่เจ้าสาวลัดฟ้าไปเรียนต่อเมื่องนอกซะก่อน ป่านนี้เธอคงกลายเป็นคุณย่าไป เวลา 2 ปีที่ผ่านมาแม่ก็ปล่อยราฟมาตลอดถึงเวลาที่ลูกจะต้องกลับมาอยู่ในโอวาทของแม่แล้วตาราฟ
“อย่ามั่วชักช้าอยู่ละใกล้เวลาแล้ว” เมื่อเห็นว่าลูกชายยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมและยังไม่เอื้อมมือมารับชุดจากมือของเธอ เธอก็รีบเอ่ยเตือนและดันหลังลูกชายไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
“สุดยอด…” เธออุทานออกมาทันทีที่รถของบิดาเลี้ยวเข้ามาในรั้วคฤหาสน์หลังงามใจกลางกรุงเทพ ฯ สิ่งที่เธอมั่นใจที่สุดก็คงจะเป็นราคาของคฤหาสน์หลังนี้ที่คงมากจนคนอย่างเธอคงไม่มีปัญญาซื้อเป็นแน่ คฤหาสน์หลังนี้ให้กลิ่นอายของชาติตะวันออกสถาปัตยกรรมยุคใหม่และยุคเก่าที่เอามาผสมกันได้อย่างลงตัว และแน่นอนมันคือบ้านของว่าที่สามีในอนาคตอันใกล้ของเธอเอง
แม้การแต่งงานครั้งนี้เธอจะไม่เต็มใจก็ตามแต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างเดียวคือต้องทำให้คนที่เธอจะแต่งงานด้วยรักเธอให้ได้ เพราะว่าคนอย่างเธอจะต้องแต่งงานแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถึงเธอจะไปเรียนเมือนนอกมา 2 ปี แต่ความคิดของเธอยังเป็นไทยแท้เสมอ จะไม่มีคำว่า สามีคนที่สองหรือสามีคนที่สามเข้ามาในชีวิตเด็ดขาด ต้องมีแต่สามีเดียวเท่านั้น
“ลงจากรถได้แล้วลูก” กิติเอ่ยบอกลูกสาวเมื่อเห็นว่านั่งเหม่ออยู่นานแล้ว และยังไม่ยอมออกจากรถสักทีทั้งที่มาถึงที่หมายนานแล้ว
“ค่ะ…” เสียงของผู้เป็นพ่อทำให้เธอหลุดออกจากความคิด เธอเปิดประตูลงจากรถตามที่บิดาสั่งและลงยิ้มให้กับสามีภรรยาเจ้าของบ้านที่ออกมาต้อนรับเธอที่หน้าบ้านก่อนจะยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” เธอส่งยิ้มน้อยๆให้คนทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปหา
“สวัสดีลูก…รู้ไหมว่าวันนี้หนูสวยมากเลยนะ” เธอเอ่ยชมว่าที่ลูกสะใภ้ก่อนจะยกมือขึ้นรูปใบหน้าของสาวน้อยไปด้วย สายตาก็สำรวจชุดเดรสสีขาวแขนกุดขนาดพอดีตัวที่หญิงสาวตรงหน้าสวมใสอยู่ทำให้ดูน่ารักสมวัยขึ้น
“คุณป้าจะบอกว่าปกติแล้วหนูไม่สวยใช่ไหมค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามติดตลก ทำให้คุณกิ่งแก้วหัวเราะชอบใจและไม่ใช่แค่เธอเท่านั้นแต่รวมถึง พวกคนในบ้านที่มาแอบดูว่าที่นายหญิงน้อยคนใหม่ของตนด้วย
“มากันหมดเลยนะ” กิ่งแก้วหันไปมองตามเสียงหัวเราะแล้วเอ่ย เป็นเหตุให้พวกที่มาแอบดูหยุดหัวเราะกันทันที ก่อนจะค่อยๆสลายตัวกันออกไป โดยมีหัวหน้าแกนนำเป็นนมอุ่น และหลานสาวของนมอีกสองคนซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้ถ้าไม่ใช้ นางสองมะ มะลิกับมะระแล้วไหนจะตาสมคนขับรถกับคมเดชผู้เป็นลูกชายพวงด้วยพวกนางในครัวอีกสองคนที่รีบวิ่งกลับกันแทบไม่ทัน
“เข้าบ้านกันเถอะลูก…เชิญค่ะคุณกิติ…ลดา” หลังจากจัดการไล่พวกอยากรู้อยาดเห็นออกไปแล้วก็หันมาเชิญว่าที่ลูกสะใภ้และครอบครัวเข้าบ้านทันที เธอไม่ลืมที่จะตรงมาจัยมือของลูกสะใภ้ให้ก้าวตามไปในตัวบ้านเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออกแล้วหญิงสาวตรงหน้าจะวิ่งหนี้กลับบ้าน

“ขอโทษนะค่ะคุณป้า…คือลิต้าอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” เธอเอ่ยขึ้นหลังจากเข้ามานั่งรอว่าที่สามีในอนาคตได้สักพักแล้ว แต่ก็ไม่มีแววที่คนที่รอจะปรากฎตัวสักที จนเธอทนไม่ไหวเพราะรอลุ้นนานจนตอนนี้อาการเก่ากำเริบตื่นเต้นที่ไรต้องเข้าห้องน้ำทุกที่
“เหรอจ้ะ…เดียวป้าเรียกให้เด็กๆในบ้านพาไป” ได้ยิ้นดังนั้นก็หันไปมองหาพวกสาวใช้ที่ปกติจะต้องรออยู่แถวนี้ คงเป็นเพราะพวกนั้นรู้ว่าเธอกำลังมีแขกสำคัญจึงไม่เข้ามากวนให้เป็นการเสียมารยาแต่ก็คงรอรับใช้อยู่ใกล้ๆนี้แหละ คิดได้ดังนั้นเธอก็เตรียมจะตะโกนเรียกถ้าไม่ติดว่าว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอจะเอ่ยขัดขึ้นมาซะก่อน
“ไม่ต้องเรียกหรอกค่ะ…คุณป้าแค่บอกทางมาก็พอ” เธอบอกอย่างรู้สึกเกรงใจกลัวจะเป็นภาระของผู้อื่นจึงรับอาสาที่จะไปเอง เกิดคนที่คุณป้าคนสวยเรียกมาอาจจะกำลังทำงานที่ได้รับมอบหมายอยู่เธอจะกลายเป็นตัวปัญหาและทำให้ถูกเกลียดเข้าเอาได้
เมื่อเป็นความต้องการของว่าที่ลูกสะใภ้เธอก็ไม่นึกขัดอยู่แล้ว จัดแจ้งบอกทิศทางที่สาวหน้าหวานต้องการอย่างละเอียดทันที
“ขอบคุณค่ะ…คุณป้า” สาวหน้าหวานพูดขอบคุณเจ้าของบ้านคนสวยที่บอกทางไปห้องน้ำแก่เธอซะละเอียดยิ้บ ชนิดที่ว่าให้เธอหลังตาเดินไปยังได้ เธอค่อยๆก้าวเดินออกจากห้องรับแขกเดินตรงไปยังเส้นทางตามที่คุณน้าคนสวยบอกระหว่างทางก็มองดูรอบๆบ้านอย่างสนใจในการตกแต่งที่สวยงามไม่มีที่ติ และมันคงจะดีกว่านี้ถ้าเกิดเธอไม่เดินหลงหลังจากออกมาจากห้องน้ำ จนตอนนี้หาทางกลับไปยังห้องรับแขกไม่ได้
หญิงสาวยังคงหาทางกลับไปยังห้องที่ตัวเองออกมาต่อไปอย่างเร่งรีบเธอเปิดประตูห้องทุกบาน เผื่อว่าจะมีคนอยู่ในห้องไหนสักห้องหรืออาจจะฟลุ๊คเปิดไปเจอห้องที่ตัวเองตามหาแต่ก็ไม่เจอทั้งที่เธอเปิดมากว่าสิบห้องได้ มีบ้านใหญ่ๆมันก็ดีหรอกแต่จะเข้าจะออกมันลำบากไปไหม หน้าจะทำป้ายบอกทางไว้บ้างก็คงจะดี
เธอยังคงเดินต่อไปเลื่อยจนมาถึงห้องที่มันหน้าจะใกล้เคียงห้องที่เธอเดินออกมามากที่สุดจนเธอรู้สึกใจชื้นขึ้นมาได้หน่อย แต่ทุกอย่างก็ต้องชงักเมื่อมีน้ำเสียงดุดันและทรงอำนาจเอ่ยทักขึ้นมา
“เธอเป็นใคร…” ราฟาเอลถามคนแปลกหน้าที่เหมือนกำลังจะเข้าไปในห้องทำงานของเขา และอาจจะเข้าไปได้สำเร็จถ้าเขาไม่ลงมาเห็นซะก่อน ความจริงเข้าจะต้องเข้าไปหามารดาที่กำลังรออยู่ตั้งนานแล้วถ้าไม่ติดว่ามีสายด่วนเข้ามาจากเควินเลขาคนสนิทซะก่อนไม่อย่างงั้นป่านนี้เขาคงเข้าไปเจอคู่หมั่นจำยอมนานแล้ว
“ทำยังไงดี” เธอกระซิบถามตัวเองเสียงค่อยมือที่กำลังจะเอื้อมไปที่ลูกปิดประตูตอนนี้โดนเจ้าของยกมาจับหัวของตัวเองอย่างใช้ความคิดแทน แค่ได้ยิ้นเสียงเธอก็รู้ว่าคนที่ร้องทักต้องเป็นคนดุและเจ้าระเบียบแน่ หรือว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนี้และคิดว่าเธอเป็นขโมย ‘ตายแน่…เธอตายแน่ๆ…ยัยลิต้าเอ้ย’ จะทำยังไงดีแค่จะหันหน้ากลับไปมองคนเรียกเธอยังไม่กล้าด้วยซ้ำ หรือเธอจะทำเป็นไม่ได้ยินแล้ววิ่งหนีไปเลยดีไหม แต่ก็คงไม่ทันไอ้คนเรียกจะต้องยืนดักทางหนีเธอหมดแล้วแน่ๆ
“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร…” ราฟาเอลถามซ้ำพร้อมกับสาวเท้าเข้าไปหาผู้หญิงที่ยังคงหันหน้าเข้าหาประตูห้องทำงานของเขาไม่มีทีท่าว่าจะหันหันมายังเขาเลยด้วยซ้ำ สงสัยคงกำลังคิดวิธีหนีหรือไม่ก็คำแก้ตัวดีๆอยู่แน่ พอเดินเข้ามาใกล้เขาก็เริ่มสังเกตผู้หญิงตรงหน้า เธอใส่ชุดเดรสสีขาวแขนกุดพอดีตัวรายเรียบๆรูปร่างก็พอใช่ได้ ส่วนสูงกำลังดีเอวขอดเป็นรูปนาฬิกาทราย จะให้บอกตามตรงเธอก็มีหุ่นที่ขยี่ใจไม่น้อยแม้จะไม่ได้สูงยาวเข่าดีแบบพวกนางแบบที่เขาเคยควงก็ตาม
“ฉันถาม…เธอไม่ได้ยินหรือไง” ราฟาเอลตรงเข้าไปคว้าแขนของหญิงสาวคู่กรณีที่ยืนหันหลังอยู่ให้หันมาประจันหน้ากับตนเอง
“อ้าย…” เธอร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อโดนกระชากแขนเต็มแรงจนรู้สึกร้าวไปหมดทั้งแขน เธอไม่รอช้าที่จะเอ่ยเอาเรื่องที่คนตรงหน้าทำเธอเจ็บตัว “นายทำบ้าอะไร…ฉันเจ็บนะ” เธอเงยขึ้นมองหน้าของคนที่กระชากแขนเธอ ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นก็ต้องชงักเพราะถูกมองจากเจ้าของเสียงดุอยู่ก่อนแล้ว เธอเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดเมื่อได้สบตาของชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้า
“หล่อเกินคน…หล่อเกินมนุษย์มะนา” เธอหลุดสิ่งที่กำลังคิดออกมาอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะได้สติและพยายามดึงแขนที่อยู่ภายใต้กำมือของคนแปลกหน้า แต่ดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออกสักทียิ่งดึงยิ่งเจ็บ
“ปล่อย…ฉันบอกให้ปล่อยไม่ได้ยินหรือไง” เธอเริ่มจะหมดความอดทนกับคนตรงหน้าจึงเริ่มที่จะส่งเสียงดัง ที่ทำคนที่โดนสั่งยิ่งไม่พอใจและรำคาญมากขึ้น
“ไม่ปล่อย…จนกว่าเธอจะตอบคำถามฉัน” ราฟาเอลยังคงยืนยันคำเดิมและยิ่งเพิ่มแรงบีบแขนที่เขากำลังจับไปด้วย
“ฉันถามว่าเธอเป็นใคร” ถามซ้ำเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมาเจอผู้หญิงที่ดื้อและเรื่องเยอะไหนจะความอดทนอีก พูดจาก็ไม่เพราะเถียงคำไม่ตกฝากอย่างผู้หญิงตรงหน้ามาก่อนเลย
‘เอาไงดี…จะบอกว่ายังไงดี’
ไอ้บ้านี่มันเป็นใครก็ไม่รู้ถ้าเกิดพูดอะไรไม่เข้าหูขึ้นมาแล้วโดนมันฆ่าทิ้งจะทำยังไง บ้านหลังนี้ก็กว้างขนาดนี้มันคงจะเอาศพเราไปซ่อนได้สบายไม่มีทางหาเจอได้ง่ายๆ กว่าจะหากันเจอมันคงหนี้หายไปถึงไหนต่อไหนแล้วมั้ง
“ฉันเป็นภรรยาลูกชายเจ้าของบ้านนี้…” ที่เธอตอบออกไปแบบนี้เพราะคิดว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าเธอตอนนี้คงจะเป็นลูกน้องของใครสักคนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และก็คงจะเกรงใจเจ้าของบ้านหรือว่าที่สามีในอนาคตของเธอไม่มากก็น้อยละนะ
“ภรรยาลูกชายเจ้าของบ้าน…” ราฟาเอลมีท่าทีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยทวนประโยคที่ได้ยินก่อนหน้าพร้อมกับจ้องผู้หญิงตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“ใช่…ฉันเป็นภรรยาของลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้” เห็นท่าทีที่ชะงักและเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่รอช้าที่จะพูดย้ำอีกครั้งเมื่อโดนคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ แล้วเราก็รักกันมากด้วย…รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อยมือฉันซะไม่งั้นนายจะเดือดร้อน” หญิงสาวต่อรองอย่างเป็นต่อใจนึกว่าคนตรงหน้าคงจะปล่อยเธอแน่



ม่านพระจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 มิ.ย. 2557, 22:46:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 มิ.ย. 2557, 22:46:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 949





<< ตอนที่่ 9   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account