เพลิงทรายร่ายรัก
เมื่ออัยรดา นักเขียนสาวอยากเหยียบแดนทะเลทรายจริงๆ สักครั้ง เธอจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะอากัสย่า ดินแดนลี้ลับกลางทะเลทราย ติดอยู่ตรง ซามาล ชายหนุ่มที่จะพาไปนี่สิ เธอจะอ้อนวอนเขายังไงดีนะ (นิยายเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์และผ่านการพิจารณาจาก สนพ.กรีนมายด์แล้วนะคะ)
Tags: ทะเลทราย ความรัก

ตอน: 18 ความเป็นจริง

หายไปหลายวันเนื่องจากธุระที่ยุ่งเหยิง ก่อนที่จะกลับโพสตอนจบ 2 ตอนของของซามาลกับอัยรดาจ้ะ พรุ่งนี้มาอีกตอนค่ะ เล่มเต็มๆ อุดหนุนกันได้ที่่เซเว่นในรูปแบบที่เต็มอิ่มกว่านี้นะคะ



ขอโทษค่ะ วันนี้ไม่ได้ตอบเม้นท์ รีบมารวบยอดไว้พรุ่งนี้น๊าาาา


18.



เวลาเช้า 8.00 น ของเมืองไทย นาฬิการูปหุ่นยนต์แมวตัวสีฟ้าแผดเสียงเป็นเพลงการ์ตูนยอดนิยมของเด็กๆ และทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัว ดันร่างตนเองขึ้นนั่งทั้งๆ ที่หัวสมองยังงัวเงียอื้ออึง ดวงตากลมโตมองไปยังโน้ตบุ๊คที่วางไว้บนโต๊ะทำงานก่อนพึมพำ

“ฝันบ้าอะไรเนี่ย สงสัยจะเขียนนิยายทะเลทรายมากเกิน...”

อัยรดายกมือจับศีรษะก่อนเอื้อมไปปิดนาฬิกาปลุกและก้าวเข้าห้องน้ำ เปลี่ยนเครื่องแต่งตัวเป็นเสื้อสีฟ้ากางเกงยีนส์สำหรับใส่ไปทำงาน

“อัยจ๋า ตื่นแล้วเหรอ หาอะไรทานก่อนไปทำงานด้วยนะลูก ทำไมหน้าซีดๆ แบบนั้นล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า” น้านีหรือสุวรรณีส่งเสียงถามหลานสาว คนถูกถามจึงถอนหายใจเล็กน้อย

“ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ อัยแค่ฝัน...เมื่อคืนก็นอนดึกไปหน่อยเพราะจะปิดเล่มทะเลทรายให้พี่บก.ด้วย”

“แหมเขียนแต่นิยายทะเลทรายนะจ๊ะ พอเขียนได้ก็เขียนไม่หยุดเชียว” น้านีแซว คนถูกแซวจึงถอนหายใจ

“เขียนจนเข้าเส้นเลือดไปแล้วล่ะค่ะ เมื่อคืนนอนแล้วยังเก็บไปฝันเลย”

“เขียนได้ขนาดนี้แล้วจะไปทำงานประจำอีกทำไม กลัวเหนื่อยไม่พอหรือไง นี่มันหมดสัญญาสามปีกับคุณนายลั่นทมมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ จะมามัวทิฐิอะไรกันอีกนะแม่ลูกคู่นี้” น้านีส่ายหน้าก่อนมองหลานสาวที่กำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วย

“ไม่ใช่ทิฐิหรอกค่ะ แต่อัยทำงานประจำเพราะไม่อยากมีช่วงเวลาช๊อตอีก คราวที่แล้วถ้าพี่บก.ไม่หางานของคนอื่นมาเสียบแทนอัยคงรู้สึกผิดมากกว่านี้แน่ๆ แล้วงานที่ทำตอนนี้ก็แค่ผู้จัดการร้านกาแฟไม่ได้เหนื่อยอะไรมากหรอกค่ะ เป็นร้านของเพื่อนพี่บก.ด้วย ช่วยๆ กันอัยก็ว่าสนุกดีนะคะ ได้ข้อมูลเขียนนิยายด้วยอีกอย่างหนึ่งที่โน่นแม่ก็มีพี่เอกดูแลอยู่แล้วแต่ถ้าอัยกลับไปอีกคนแล้วใครจะอยู่กับน้านีล่ะคะ” อัยรดาบอกยิ้มๆ คนเป็นน้าจึงเดินมาลูบศีรษะหลานสาวอย่างรักใคร่

“แล้วฝันว่ายังไงบ้างล่ะ เล่าให้น้าฟังบ้างสิ”

อัยรดานิ่งไปและนึกถึงความฝันเมื่อคืน...มันช่างเป็นความฝันที่เธอจำได้อย่างละเอียดละออทุกขั้นทุกตอน จำได้แม้กระทั่งดวงตา ผิวกาย สัมผัสของบุรุษผู้นั้น...ดวงตากลมมองออกไปที่หน้าต่าง แววตาเศร้าที่เต็มไปด้วยเรื่องราวนั้นทำให้น้านีเปรยขึ้น

“ไม่ใช่ว่าหนูเก็บเอาเรื่องจริงไปฝันอีกแล้วนะอัย นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้วนะจ๊ะ...หนูยังไม่ลืมเรื่องที่ไปโซมานห์คราวนั้นใช่ไหม มีอะไรที่หนูไม่ได้เล่าให้น้าฟังหรือเปล่า”

เสียงของน้านีแว่วในโสตประสาทของอัยรดา มือเรียวจับช้อนเขี่ยข้าวต้มในจานไปมาแต่ใจของเธอกลับไม่ได้คิดถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ทว่ากลับหวลถึงความฝันเมื่อคืนและเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว เรื่องที่ไม่เคยลบเลือนไปจากหัวสมองของเธอ...

หลังจากที่ซามาลกอดเธอปล่อยมือลงจากหลังม้าซึ่งชูขาหน้าร้องพยศและกระชากตัววิ่งออกไปในทะเลทราย หญิงสาวก็ไม่ได้สติอีกเลยจนกระทั่ง

อัยรดาลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องซึ่งถูกตกแต่งไปด้วยผ้าสีขาวบางๆ มีพรมอาหรับทอลวดลายสีแดงขาวน้ำตาลผืนใหญ่ปูอยู่ที่พื้น ด้านหน้าเตียงขนาด 6 ฟุตที่เธอกำลังนอนอยู่

“ซามาล...”

คำแรกที่อัยรดานึกได้ก็คือชื่อของเขา ความรู้สึกสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบก็คือซามาลกอดเธอไว้แน่น หญิงสาวกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่คือที่ไหน ที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย ร่างเพรียวยันตัวลุกขึ้นจากเตียงแต่ก็รู้สึกมึนหัวและยังมีความรู้สึกร้าวตามตัวอยู่ ทว่าเธอก็แข็งใจลุกขึ้นจนได้ ก้าวแรกที่ขาเหยียบพื้นนั้น อัยรดาถึงกับเซจนต้องยึดผ้าม่านที่หัวเตียงแน่น

“อัยรดา เธอฟื้นแล้ว”

เสียงเล็กๆ ที่ดังขึ้นทำให้อัยรดาเหลียวไปมอง และจำได้ว่าคนที่พูดก็คือผู้หญิงที่ซามาลเรียกว่าเอมม่า ผู้หญิงที่รัดคอผู้ชายคนหนึ่งจนล้มลง เธอกำลังเปิดประตูเดินเข้ามาพอดีแต่เมื่อเห็นว่าอัยรดาลุกขึ้นจึงหันไปกระซิบบอกคนรับใช้ที่ตามมา

“เธอ...เอมม่า” อัยรดาพึมพำและกลืนน้ำลายลงคอหลายครั้งเมื่อรู้สึกว่าเสียงของตนเองนั้นช่างแหบพร่า “เอมม่าใช่ไหม”

“ใช่ เธอจำฉันได้ด้วยเหรอ” เอมม่ามีอายุมากกว่าอัยรดาเล็กน้อยแต่มีท่าทางเป็นผู้ใหญ่กว่า เธอหยิบแก้วน้ำประคองให้สาวชาวไทยดื่มและพินิจมองร่างเพรียวที่สูงพอๆ กัน ขณะที่อัยรดาตอบ

“จำได้ เมื่อวานเธอไปช่วย...ที่โอเอซิส...”

“เมื่อวานเหรอ” เอมม่าหัวเราะเบาๆ ก่อนแตะมืออัยรดาก่อนบอกให้นั่งลง และจับแขนเรียวนั้นยืดออกมาตรวจดู “มันผ่านมาเกือบ 2 วันแล้วต่างหาก เธอหลับไปวันหนึ่งกับอีกคืนหนึ่งเต็มๆ เลยรู้ไหม”

“จริงเหรอเนี่ย” อัยรดามองคนที่เริ่มทำการตรวจเธออย่างละเอียดแล้วถามขึ้น “เอมม่า...คุณเป็นหมอเหรอ”

“อืม แล้วก็เป็นน้องสาวคนละแม่กับพี่ซามาล รวมทั้งเป็นพี่สาวฝาแฝดของอามาลด้วย” เอมม่าพยักหน้า อัยรดาจึงถามอย่างไม่แน่ใจ

“งั้นที่นี่ก็คือ...”

“อากัสย่า” คนตอบยกมือขึ้นกอดอกและมองออกไปนอกหน้าต่าง สาวชาวไทยจึงสังเกตห้องหับที่ตนเองอยู่ มันไม่ใช่ห้องแอร์ ไม่ได้ก่อด้วยปูน แต่ก็มีอุณหภูมิที่กำลังสบาย ร่างเพรียวค่อยๆ ยืนขึ้นอีกครั้งก่อนมองตามสายของเอมม่าและเดินไปที่หน้าต่าง มือเรียวแตะที่พื้นผนังและพบว่ามันเย็นสบายคล้ายเอามือล้วงลงไปในโคลน ห้องที่เธอพักอยู่ที่ชั้น 2 และมองเห็นสระน้ำสีใสล้อมรอบด้วยต้นปาล์มมากมายรวมถึงไม้พุ่มเตี้ย ห่างออกไปด้านซ้ายและขวาก็มีบ้านหลายหลังซึ่งก่อสร้างคล้ายๆ กันสภาพเป็นเหมือนเมืองแต่ไม่แออัดเลยแม้แต่น้อย

“ในที่สุดฉันก็ถึงอากัสย่า” ที่สุดสาวไทยก็พึมพำดวงตาโตอดจะทอแสงวาวขึ้นไม่ได้ทว่าก็ยังมีคำถามอยู่ดี “แล้ว...ซามาลล่ะ”

“พี่ซามาล...” เอมม่าทวนคำของหญิงสาวแล้วคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะเล่า “พูดถึงเขาก็ดีแล้ว ในฐานะที่ฉันเป็นน้องสาวของพี่ซามาล แล้วก็ในฐานะที่เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันมีบางเรื่องที่ต้องบอกเธอ...”

“อัยด้า อัยด้า” ทว่าพูดยังไม่ทันจบเสียงเช่นนั้นก็ดังขึ้นพร้อมปรากฏร่างสูงกำยำของบุรุษที่อัยรดาถามถึงเดินเร็วๆ เข้ามาในห้อง

“ซามาล”

“อัยด้า”

ซามาลก้าวถึงตัวเธออย่างอย่างรวดเร็ว ลำแขนแกร่งรัดร่างเพรียวเข้ามาหาตัวเอง และก่อนที่ใครจะพูดอะไร ชายหนุ่มก็ประคองใบหน้าเธอไว้และก้มลงจูบอีกฝ่ายทันที

“อื้อ” อัยรดาร้องอย่างไม่ทันตั้งตัว รวมทั้งเอมม่าที่ถึงกับต้องหันหลัง รีบขยับไปอยู่ที่ประตูห้องอย่างเกรงว่าจะมีใครโผล่เข้ามาตอนนี้

“ซามาล”

อัยรดาพึมพำผ่านริมฝีปากที่กำลังกำลังถูกเบียดบด มือเรียวแตะแก้มของชายหนุ่ม ริมฝีปากหยักช่างอบอุ่นนัก รสจูบของเขายังสามารถหลอกล่อให้เธอลุ่มหลงมัวเมาได้ทุกครั้ง ตั้งแต่จูบแรก จนถึงวันที่เธอตกอยู่ในอำนาจของยาจนต้องให้เขาช่วยปลดปล่อย หรือกระทั่งวันนี้ ยิ่งบวกกับความรู้สึกโหยหาที่มีอยู่เต็มหัวใจ หญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอกำลังตกเป็นทาสของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเขาถอนริมฝีปากออก

“อัยด้า ผมเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม”

“คุณเองก็บาดเจ็บ...หายดีแล้วเหรอคะ” หญิงสาวมองอีกฝ่ายทว่าชุดซึ่งยาวคลุมจรดปลายเท้านั้นทำให้เธอไม่เห็นรอยขีดข่วนใดๆ และซามาลก็ไม่สนใจมันนัก

“แค่นี้ไกลหัวใจ ผมเคยเจอหนักยิ่งกว่านี้มาแล้ว”

“ดีจัง คราวหน้าอัยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงคุณ”

อัยรดาค้อนอีกฝ่าย และอดคิดไม่ได้ว่าระหว่างเธอและเขาคงไม่มีอะไรต้องปิดบังกันอีก ในเมื่อฤทธิ์ยาของฮาดีนก็ทำให้เธอต้องตกเป็นของเขาไปแล้ว อัยรดาจำวันที่เห็นซามาลหายเข้าไปในพายุทะเลทรายได้ดี มันเจ็บปวดราวกับว่าตัวเองได้สูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป และวันก่อนตอนที่เห็นเขากลับมา หัวใจของเธอก็ปรีเปรมเหลือเกินทว่าเหตุการณ์ทุกอย่างก็เกิดตามมาอย่างรวดเร็วจนเธอแทบจะไม่มีเวลาอิ่มเอมกับความรู้สึกเหล่านั้นเลย

“แต่ผมดีใจที่คุณห่วงผมนะ ดีใจที่คุณบอกว่าเกลียดผมน่ะเป็นเรื่องโกหก”

“คุณรู้ได้ยังไงว่าอัยโกหก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

“ผมรู้...เพราะผมเห็นทุกอย่างจากดวงตาของคุณ จากใบหน้าของคุณ แล้วริมฝีปาก” ซามาลกระซิบพร้อมใช้มือไล้แก้มเนียนก่อนเลื่อนมาแตะริมฝีปากเธอเบาๆ พลางก้มลงจูบอัยรดาอีกครั้งและแทบจะห้ามอารมณ์ของตนเองเอาไว้ไม่ไหว เขาอยากบอกเธอว่าเขาต้องการเธอเหลือเกิน ยิ่งผ่านเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาด้วยกัน ความรู้สึกพวกนั้นก็ยิ่งทวีคูณ ทว่าอัยรดาก็ยังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับการรุกรานของเขานัก เธอดันอกกำยำออกห่างพร้อมเงยหน้าขึ้น

“ฉันแสดงออกมากขนาดนั้นเชียวเหรอคะ”

ริมฝีปากอิ่มถามอย่างเขินๆ ดวงตางามของสาวชาวไทยยังกรุ่นไปด้วยไอแห่งความสุขไม่ต่างกับบุรุษตรงหน้า อัยรดาอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าดวงตาสีน้ำตาลทองของเขานั้นช่างสว่างไสวราวกับสิ่งล้ำค่าที่เธอคงไม่สามารถหาได้จากที่ใดในโลก

“แต่ผมชอบนะ...” ซามาลทัดผมนุ่มที่ข้างหูหญิงสาว “มีตั้งหลายอย่างที่คุณทำให้คนอย่างนายซามาลกลายเป็นผู้ชายโง่ๆ ที่ละเมิดแม้กระทั่งคำพูดของตัวเอง”

ซามาลต้องดำรงตำแหน่งอับดุลอาซิสเพราะบิดาของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในการขุดเจาะบ่อน้ำมัน ตอนนั้นชายหนุ่มเพิ่งอายุ 21 ภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ทำให้เขาเกือบจะทดท้อ ทว่ามารดาก็มักจะเป็นกำลังใจและมักจะเล่าเรื่องราวความลำบากของพ่อให้ฟังเพราะพ่อของเขาก็เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน

‘ทุกคนมีหน้าที่นะซามาลและลูกเกิดมาเพื่อเป็นอับดุลอาซิส ถ้าลูกทำไม่ได้ แม่ก็เห็นว่าเราคงต้องทิ้งประชาชนทุกคนในอากัสย่าเช่นกัน’

เพราะคำพูดของมารดาทำให้เขาเหลียวมองคนในปกครอง ทุกคนยกย่องเชิดชูและมีอับดุลอาซิสเป็นจุดศูนย์รวมของทุกๆ สิ่ง อย่างที่แม่พูดถ้าเขาไม่ทำหน้าที่นี้ก็เหมือนเขาทิ้งประชาชนชาวอากัสย่านั่นเอง

ตั้งแต่วันนั้นชายหนุ่มจึงทำทุกอย่างเพื่อแผ่นดินเกิด เพื่อประชาชนที่เขาปกครอง ต้องเห็นผลประโยชน์ของพลเมืองมาเป็นที่หนึ่ง และลืมคำว่าความสุขส่วนตัวไปได้เลย ซึ่งเมื่อรับผิดชอบคนมากขนาดนี้จึงต้องตัดสินใจทุกอย่างโดยเด็ดขาดจะต้องไม่มีการกลับคำ ทว่าอัยรดาเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาละเมิดสิ่งเหล่านั้น

“คุณคือผู้หญิงที่ทำให้ผมอยากมีชีวิตส่วนตัวบ้าง”

อัยรดายิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไรอีกนอกจากเอนตัวพิงร่างกำยำก่อนพึมพำเบาๆ “ตอนนี้อัยรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝัน เป็นฝันที่มีความสุข...อัยมาถึงอากัสย่าแล้วและคุณก็อยู่ที่นี่”

“ใช่ผมกำลังกอดคุณอยู่...อัยด้า ผมมีตั้งหลายเรื่องที่จะต้องบอกคุณ...” ซามาลลูบผมหญิงสาวเบาๆ ทำให้อัยรดาหลับตาลง ถ้านี่คือฝันเธอก็ไม่อยากตื่นเลย

“ต้องเป็นเรื่องที่อัยไม่เคยรู้มาก่อนแน่ๆ เลย”

“ใช่ สัญญากับผมสิว่าคุณจะไม่โกรธ”

“...” อัยรดาไม่ยอมสัญญาแต่ถามกลับ “ถ้าอัยโกรธ เราจะทะเลาะกันแล้วคุณก็จะหายไปอีกใช่ไหม”

“ก็ไม่แน่” ซามาลหยักมุมปากพร้อมก้มลงจูบแก้มนวลเบาๆ ทำให้อัยรดายิ่งซุกตัวเข้าหาเขา

“งั้นอัยสัญญาว่าจะไม่โกรธ”

“พี่ซามาล!”

จู่ๆ เสียงของเอมม่าก็ดังขึ้น เธอเคาะประตูสองสามครั้งก่อนพุ่งเข้ามาห้อง ในขณะที่คนตัวโตขมวดคิ้วอย่างอารมณ์เสีย เขาหันมามองหน้าน้องสาวอย่างกรุ่นๆ แต่เอมม่าไม่สนใจเธอระล่ำระลักบอกพี่ชาย

“...คนใช้บอกว่าแม่ของพี่กำลังจะมา”

“ก็มาสิ แล้วยังไง” ซามาลฟังคำนั้นแล้วขมวดคิ้วน้อยๆ ทำให้เอมม่าขมวดคิ้วตามและหันมาหาอัยรดาอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร ท่าทางแบบนั้นทำให้สาวชาวไทยถามอย่างสงสัย

“มีอะไรที่ฉันควรรู้หรือเปล่า”

“ถามได้ตรงจุด” เอมม่าโพล่งขึ้น เธอฉุดแขนพี่ชายให้ลุกขึ้นและนั่งลงแทนที่ “อัยด้า เธอเคยรู้ประเพณีของผู้หญิงอาหรับบ้างไหม”

“ก็รู้บ้าง แต่ก็ไม่แน่ใจ” ท่าทางจริงจังของเอมม่าและท่าทางขมวดคิ้วของซามาลทำให้อัยรดารู้สึกราวกำลังฟื้นขึ้นมาจากความฝันและกำลังถูกส่งเข้าสนามรบอีกครั้ง เธอหันไปมองบุรุษหนุ่มและเห็นว่าเขาเองก็กำลังมองเธออยู่เช่นกัน

“คืออย่างนี้นะจ๊ะอัยรดา ถึงยุคสมัยนี้ทุกอย่างจะไม่ได้เคร่งครัดแบบแต่ก่อนแล้ว แต่ว่า...ยังมีคนบางพวกที่ยึดถือจารีตเก่าๆ อยู่ ในอากัสย่านี่ก็มีเยอะมาก หนึ่งในนั้นก็คือซอรีนแม่ของพี่ซามาล” เอมม่ามองหน้าพี่ชาย อีกฝ่ายจึงแย้งเรียบๆ

“ใช่...แต่อย่างที่เอมม่าพูด อากัสย่ากำลังเปิดรับโลกภายนอก ฉันกำลังประสานงานกับโซมานห์เพื่อขอซื้อดาวเทียมสำหรับการเชื่อมต่อสัญญาณสื่อสารมาที่อากัสย่า ฉันสามารถพูดให้เอมม่ากับอามาลไปเรียนต่อที่ยุโรปได้โดยไม่มีใครต่อต้าน อามาลเพิ่งกลับมาจากโรมด้วยซ้ำเขาอยู่ที่นั่นมีแฟนไม่เคยซ้ำหน้า”

อัยรดาฟังทั้งคู่เถียงกันแล้วจึงขัดขึ้น

“พวกคุณกำลังจะบอกอะไรเหรอคะ”

“ใช่ๆ สิ่งที่ฉันจะบอก” เอมม่ารีบยืนขึ้นบังพี่ชายและแย่งพูด “ถึงฉันจะจบมาจากยุโรป ถึงอามาลจะคบผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แต่ว่าเราสองคนไม่เคยพาคนต่างชาติเข้ามาที่นี่ แล้วที่อากัสย่าก็ไม่เคยมีใครแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติต่างศาสนา”

“พอหรือยังเอมม่า พี่บอกแล้วไงว่าจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง” ซามาลคว้าแขนน้องสาวให้หลบไปและเริ่มเสียงดังใส่ทำให้อีกฝ่ายเริ่มงอนที่เขาไม่เห็นความหวังดี

“น้องรู้...พี่เองก็รู้ใช่ไหมว่าน้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ตลอดเวลาที่อัยรดาไม่ได้สติ ตลอดเวลาที่น้องดูแลเธอ...” เอมม่าถอนหายใจก่อนมองอัยรดาอย่างรู้ถึงหัวอกลูกผู้หญิงที่ต้องอยู่ไกลบ้าน “แล้วน้องก็เดาออกว่าเธอเพ้อหาแม่ แต่เธอไม่รู้จักใครที่นี่เลย ทำให้น้องอดเป็นห่วงไม่ได้และคิดว่าน้องควรเตือนให้เธอเตรียมรับสถานการณ์เอาไว้”

“หมายความว่า...ฉันควรทำยังไงคะ” อัยรดามองเอมม่ายังไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็พร้อมจะทำ หญิงสาวมองหน้าบุรุษพร้อมถามอีกครั้ง “ฉันต้องทำยังไงบ้าง...เพื่อเขา...ฉันจะทำตามที่คุณแนะนำทุกอย่าง”

ซามาลอิ่มเอมหัวใจกับคำๆ นี้ยิ่งนัก ดวงตาสีน้ำตาลทองนั้นมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่วางตา ความโหยหา ความรัก ความต้องการที่เขามีต่อเธอนั้นล้วนส่งผ่านสายตาเช่นนั้นอย่างหมดเปลือก

“เธอควรทำยังไงเหรอ ก่อนอื่นก็ต้องเตรียมทำใจรับเหตุการณ์ข้างหน้า...” เอมม่าพูดยังไม่ทันจบซามาลก็ขัดขึ้น

“ไม่ต้องกังวลหรอกอัยด้า ที่เอมม่าพูดมาทั้งหมดก็เพราะอยากให้คุณระวังตัวในการพูดจากับแม่ของผม แต่จำไว้อย่างนะอัยด้า ผมเป็นคนเลือกที่จะคบหา ชอบ หรือว่ารักใครก็ตามด้วยตัวของผมเอง และไม่มีใครห้ามผมได้”

“ค่ะ...” อัยรดารับคำ ความมั่นใจเริ่มดีขึ้นหลังจากยุบหายไปตอนเอมม่าบอกให้ทำใจ ซึ่งน้องสาวของซามาลก็ได้แต่ถอนหายใจอยากจะเอาใจช่วยทั้งคู่แต่ในฐานะผู้หญิงด้วยกัน เธออยากให้อัยรดาได้รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สบายๆ อย่างที่พี่ชายปลอบ คุณหมอยังสาวจึงเริ่มกรุ่นๆ ขึ้นมาทันที

“แต่ฉันว่าพี่จะทำให้ซอรีนโกรธตั้งแต่พี่แอบเข้ามาในห้องของอัยรดาแล้วล่ะ พี่ก็รู้ว่าซอรีนเป็นคนหนึ่งที่ยังเคร่งครัดเรื่องพวกนี้อยู่...” เอมม่าหันไปหาอัยรดาก่อนบ่นต่อเนื่องอย่างติดลม “ถึงเธอกับพี่ชายน่ะจะรู้สึกยังไงต่อกันแต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกัน ในกรณีนี้เธอเป็นคนต่างชาติอาจจะไม่ต้องถือเรื่องพวกนี้นัก แต่พี่ซามาลน่ะรู้ทั้งรู้ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่จะดื้อขนาดนี้ อย่าลืมสิว่าพี่เป็น...”

“จะอะไรกันนักหนา!” ซามาลชักโมโหขึ้นมาเขาลุกพรวดขึ้นคว้าข้อมืออัยรดา “งั้นเธอกับฉัน เราไปแต่งงานกันเดี๋ยวนี้เลย”

“อับดุลอาซิส”

เสียงเย็นๆ นั้นดังมาจากทางหน้าประตูและปรากฏร่างของหญิงในชุดสีม่วงดินเข้ามา เอมม่าก้มหน้าทำความเคารพพร้อมพึมพำ

“ซอรีน”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับและมองมือของลูกชายที่ยังจับข้อมือของอัยรดาไว้แน่น ซามาลถอนหายใจก่อนปล่อยมือของหญิงสาวออก

“แม่มาที่นี่ทำไมครับ”

“แม่ต่างหากต้องถามลูก” ซอรีนตอบเรียบๆ เธอไม่มีท่าทางดุดันอย่างที่อัยรดาคิดไว้ตอนแรก หญิงมีอายุนั้นมีดวงตาสีน้ำตาลคล้ายลูกชาย น้ำเสียงของเธอดูนุ่มน่าฟังแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นและมีท่าทางเป็นคนที่มีระเบียบเรียบร้อย

“ก็ที่นี่คือบ้านของผม ห้องนี้ก็ใช่” ซามาลเถียงรั้นๆ ทำให้ซอรีนมองลูกชาย รู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังร้อน สายตาแบบนั้นทำให้ผู้เป็นมารดารู้ดีว่าเขาอาจจะพังทลายทุกอย่างที่ขวางหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนเอง เพราฉะนั้นตอนนี้จึงไม่ใช่เวลาที่จะเอาเรือไปขวาง นางจึงเอ่ยขึ้นด้วยความใจเย็น

“ลูกกลายเป็นเด็กหนุ่มใจร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กันซามาล ลืมแล้วเหรอว่าตัวเองเป็นใคร อับดุลอาซิสของอากัสย่าหายไปไหนกัน”

ประโยคนั้นทำให้อัยรดาเงยมองใบหน้าคมอีกครั้งหลังจากไม่แน่ใจเมื่อได้ยินในคราแรก ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าซอรีนเรียกบุตรของเธอว่า ‘อับดุลอาซิส’ และหมายความว่า อับดุลอาซิส ก็คือ ซามาล บุรุษสูงส่งที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนอากัสย่าก็คือผู้ชายคนนี้นี่เอง

‘ผมมีตั้งหลายเรื่องจะบอกคุณ...สัญญาสิว่าจะไม่โกรธ’

วูบแรกอัยรดารู้สึกเหมือนตัวเองโดนหลอก แต่อดไม่ได้ที่จะคิดถึงความคิดของตนที่ว่า ‘คนอย่างซามาลไม่ควรแม้แต่จะเป็นบอดี้การ์ด เพราะจากที่เห็นการพูดคุยกับบุคคลต่างๆ เขาดูมีความสำคัญมากกว่านั้น’ ในความสับสนระคนแปลกใจนั้น อัยรดาก็ได้รับรู้ถึงอีกอย่างในตัวบุรุษเบื้องหน้า เมื่อยามเขาต้องเดินทางไปโซมานห์หรือที่ไหนๆ ก็ตามเพื่อทำงาน เขาเป็นนายซามาล บุรุษซึ่งเธอรู้จักและคุ้นเคยแต่ยามที่เขาอยู่ในอากัสย่า เขาคือผู้มีอำนาจเหนือประชาชนทั้งหมด คือบุคคลสำคัญผู้ถูกชาวอากัสย่าเทิดทูนและจับตามอง

สิ่งที่เอมม่าพยายามบอกเมื่อครู่กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันตา และช่างสอดคล้องกับสิ่งที่ดาร่าเคยพูด

‘คุณซามาลคะ ฉันได้ยินว่าอากัสย่ามีประเพณีที่ดีงามมาโดยตลอด ถ้าจะให้ฉันเดาคุณคงไม่อยากให้ใครนำเรื่องคุณอัยรดาไปพูดในทางเสียหายใช่ไหมคะ’ หรือแม้กระทั่งคำของฮาดีน

‘ความจริงสองคนนั่นก็เหมาะสมกันดีนะ ดาร่าเป็นหญิงสาวที่อยู่ในกรอบประเพณีอันเคร่งครัด ซามาลก็ไม่เคยมีประวัติเสียๆ เรื่องผู้หญิง พ่อของผมเคยเล่าให้ฟังว่าชาวอากัสย่ายังอยู่ในประเพณีแบบเก่าๆ’

“ลูกออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม แม่อยากให้เอมม่าตรวจผู้หญิงคนนี้ให้ละเอียดอีกครั้ง” ที่สุดซอรีนก็บอกกับลูกชาย ทำให้ซามาลขมวดคิ้วอย่างลำบากใจแต่เมื่อถูกย้ำด้วยสายตา เขาจึงทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป

“ผมจะรออยู่แถวนี้”

อัยรดามองตามเบื้องหลังของบุรุษหนุ่มซึ่งก้าวออกไปจากห้อง ทว่าวันนั้นซามาลก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกจนกระทั่งเจอกันตอนอาหารเย็น และหลังจากนั้นสาวชาวไทยก็อยู่ในความดูแลของซอรีนและเอมม่า เธอได้รับฟังข่าวอันน่าสลดจากน้องสาวซามาลว่า ดาร่าเสียสติไปตั้งแต่วันนั้นและต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโรคจิต ส่วนฮาดีน...หลังจากถูกยิงที่เท้าและโดนม้าสะบัดไปมาหลายครั้งก็ร่วงลงมาคอหักตายคาที่

เอมม่ายังบอกกับอัยรดาอีกว่าตนให้อามาลส่งข่าวไปยังญาติของเธอที่เมืองไทยแล้วว่าตอนนี้อัยรดาอยู่ในการดูแลของอากัสย่าและปลอดภัยดี

หลายวันให้หลังอาการของอัยรดาเริ่มดีขึ้นแล้ว มีหลายครั้งซอรีนให้เอมม่าพาสาวชาวไทยแต่งชุดดำซ่อนใบหน้ามิดชิดเห็นเพียงดวงตา และติดตามอับดุลอาซิสไปดูความเป็นอยู่ของประชาชนอากัสย่า อัยรดาได้เห็นความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเจือจาน ระหว่างกันและกัน ความสามัคคี รวมทั้งความเคารพที่ประชาชนมีต่ออับดุลอาซิส และเช่นกันที่อับดุลอาซิสต้องทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของเขา

การดูแลต้อนรับของซอรีนนั้นทำให้อัยรดาลืมเรื่องที่เอมม่าบอกเสียสนิท เธอรู้สึกมีความสุขในเมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์เช่นอากัสย่า ชื่นชมความเป็นอยู่แต่พอเพียง ความสุข ความเอื้ออารีดั่งพี่น้องของชาวทะเลทราย จนคิดว่าตนเองกำลังหลงรักทั้งเมืองและเจ้าของเมืองไปเสียแล้ว

จนกระทั่งถึงวันที่อัยรดาเดินกลับมาที่ห้องตนเองและเห็นซามาล หญิงสาวขยับจะเรียกแต่ก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มพูดขึ้นเสียก่อน

“แม่เรียกผมเหรอครับ”

“อืม” ซอรีนพยักหน้า นางมีท่าทางลำบากใจเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ผู้หญิงไทยคนนั้นดีขึ้นมากแล้ว แม่คิดว่าจะส่งเธอกลับ”

“ส่งกลับ? แม่พูดการส่งไปแบบถาวร” สายตาของซามาลเต็มไปด้วยคำถาม มารดาของเขาจึงยืนยัน

“อากัสย่าไม่ใช่บ้านของเธอ”

“อะไรนะครับ ผมนึกว่าแม่เลิกความคิดพวกนี้แล้ว แม่น่าจะเห็นว่าอัยด้าเป็นผู้หญิงที่น่ารัก ที่...”

“แต่เธอเป็นผู้หญิงต่างชาติ” ซอรีนขัดขึ้นเรียบๆ “เธอกับลูกไม่มีวันจะลงเอยกันได้หรอก”

“ได้สิครับ ถ้ามีคนรับฟังเหตุและผล ทำไมต้องรังเกียจที่เธอไม่ใช่ชาวทะเลทราย ถ้าอย่างนั้นทุกคนก็ต้องชื่นชมฮาดีนหรือดาร่าเพียงพราะพวกเขาเป็นชาวทะเลทรายงั้นเหรอ มันไม่มีเหตุผลเลย”

“เรื่องบางอย่างก็ใช้คำว่าเหตุผลไม่ได้นะซามาล นี่อาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าลูกเป็นประชาชนธรรมดา แต่ลูกคือใคร ลูกคืออับดุลอาซิส....”

“ถ้าผมไม่ใช่ล่ะ” ซามาลมองหน้ามารดา อีกฝ่ายจึงยกมือขึ้นปิดปากก่อนแค่นเสียงอย่างเสียใจ

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าลูกจะพูดแบบนี้ ลูกจะทิ้งประชาชนทุกคนเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวงั้นเหรอ...”

อัยรดาฟังได้เท่านั้นก็รีบเดินกลับไปที่ห้องของตน เธอไม่รู้ว่าซามาลตอบมารดาว่าอย่างไร แต่ในหัวสมองของเธอมีแต่เพียงถ้อยคำพวกนี้ดังซ้ำๆ กลับไปกลับมา และก็เป็นอย่างที่คาดคิดเมื่อซอรีนมาหาเธอในวันต่อขึ้น

“ฉันจะให้คนไปส่งเธอที่โซมานห์และขึ้นเครื่องส่วนตัวเพื่อกลับบ้าน” ซอรีนบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ทำให้อัยรดาถามขึ้นมาทันที

“แล้วซามาลล่ะคะ”

“ซามาลกับอามาลไปอิมิเรสต์หลายวัน...อัยรดา...ฉันขอถามอะไรเธอสักอย่าง” ซอรีนก็เงียบไปครู่หนึ่ง นางมองหญิงสาวซึ่งพยักหน้าลงก่อนพูดขึ้น

“เธอรักซามาลหรือเปล่า” ตลอดเวลาที่ถามนั้นดวงตาสีน้ำตาลคมจ้องสาวชาวไทยไม่วางตา แต่สิ่งที่อัยรดาตอบเธอก็มั่นใจเช่นกัน

“รักค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น...ปล่อยเขาไปได้ไหม” เสียงเรียบๆ นั้นเด็ดเดี่ยวไม่แพ้คนเป็นลูกชาย แม้อัยรดาจะเตรียมใจมาบ้างแล้วแต่พอได้ยินชัดๆ หญิงสาวก็รู้สึกราวกับกำลังร่วงลงมาจากปากเหว ริมฝีปากสีชมพูนั้นเม้มลงแน่นในขณะที่อีกฝ่ายพูดต่อ

“เธอก็รู้ว่าซามาลคืออับดุลอาซิส...แล้วตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่ เธอคิดว่าประชาชนคิดยังไงกับอับดุลอาซิสของเขา”

อัยรดาไม่ตอบเธอมองอีกฝ่ายนิ่ง นี่คือสิ่งที่ซอรีนต้องการหรือไง หลอกลวงให้เธอตายใจแล้วก็ผลักเธอตกลงมาจากปากเหวแบบนี้หรือ!

“เธอจะโกรธฉันก็ได้” ซอรีนเป็นฝ่ายหลบตาแต่ก็ยังพูดต่อ “แต่ถ้าสิ่งที่เธอเห็นก็คือความภักดีที่ประชาชนมีให้แก่อับดุลอาซิส เธอจะกล้าทำให้สิ่งนั้นสั่นคลอนโดยการแต่งงานกับเขางั้นเหรอ...”

“ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำให้สถานะภาพของเขาสั่นคลอน ฉันแค่อยากให้เขามีความสุข” อัยรดาแค่นเสียงตอบอีกฝ่าย ซอรีนจึงเหยียดมุมปาก

“เธอไม่เข้าใจอัยรดา...นับตั้งแต่วันที่ซามาลได้รับตำแหน่งนี้ต่อจากพ่อ ชีวิตของเขาก็ไม่เคยเป็นของเขาอีกต่อไป เขาคืออับดุลอาซิส เขาจะต้องอยู่เพื่อชาวอากัสย่า สิ่งที่เขากระทำจะมีผลต่อคนที่นี่ทั้งหมด...พวกเราต่อต้านชาวต่างชาติ แล้วจะเป็นยังไงถ้าอับดุลอาซิสแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติซะเอง จะต้องมีสักคนที่ระแวง อีกกี่คนที่รู้สึกต่อต้าน ความไว้ใจก็จะกลายเป็นความแปลกแยก อากัสย่าจะไม่สงบสุขอีกต่อไป”

“...แล้ว...คุณคิดว่าฉันควรจะทำยังไง”

“กลับไปซะ ปล่อยให้เขาได้เป็นอับดุลอาซิสคนเดิมของชาวอากัสย่า ฉันมีเวลาให้เธอคิดถึงเช้าวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าเธอไม่ยอมไปดีๆ ฉันก็อาจต้องบังคับ”

อัยรดากัดริมฝีปากแน่น ไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่เธอได้ยินจากปากซอรีนนั้นคือเสียงของนางจริงๆ ทว่าเมื่อเธอนิ่งและทบทวน ถ้อยคำที่มารดาของซามาลพูดนั้นก็เป็นเรื่องจริง ดวงตาของหญิงสาวไหวระริก เต็มไปด้วยความปวดร้าว ริมฝีปากสีชมพูสั่นน้อยๆ เมื่อแค่นเสียงออกมา

“คุณน่าจะส่งฉันกลับไปตั้งแต่วันแรก ฉันไม่น่าลืมตาตื่นขึ้นมาในอากัสย่าเลย”

และนั่นก็คือวันสุดท้ายที่เธออยู่ในอากัสย่า...ช่างเหมือนกับความฝัน เธอไม่เจอซามาล ไม่พบแม้กระทั่งเอมม่าหรืออามาล การเดินทางเกิดขึ้นเงียบๆ มีเพียงทหารซึ่งซอรีนสั่งให้ตามมาส่งและหญิงรับใช้อีกคน แม้ว่าอัยรดาจะเข้าใจเรื่องทั้งหมดแต่เธอก็ยังอดหวังไม่ได้ว่าอาจจะเห็นซามาลเดินอยู่ที่ไหนสักแห่งในโซมานห์

เพราะเมื่ออยู่ที่นั่น...เขาจะเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มผู้เป็นตัวแทนของอับดุลอาซิสเหมือนกับวันแรกที่เจอกัน เธอคงมีสิทธิ์จะกอดเขาและบอกลาสักคำ...แต่สิ่งนั้นก็เป็นแค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้นเอง

นับจากก้าวขึ้นเครื่องบิน อีกหลายชั่วโมงต่อจากนั้นเธอก็ได้เหยียบเท้าลงที่แผ่นดินเกิด และเห็นน้านีมารออยู่ที่สนามบินรวมทั้งแม่กับพี่เอกด้วย ‘นี่ต่างหากชีวิตจริง’ อัยรดาบอกตัวเองและพยายามลืมชีวิตที่ดินแดนทะลทราย ชีวิตดั่งนิยายที่ตนเองได้พบเจอ

อัยรดาในปัจจุบันเดินลงจากสถานีรถไฟฟ้า ริมฝีปากสีชมพูเม้มลงน้อยๆ ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา เธอพยายามทำงานมากๆ เพื่อจะไม่ต้องคิดถึงเขา แต่จริงๆ แล้วก็คือเธอไม่เคยได้รับข่าวสารจากอีกฝ่ายเลย ซามาลไม่เคยตามมา...เขาคงมีงานยุ่งมากเกินกว่าจะทำแบบนั้นและหญิงสาวเองก็ไม่ปรารถนาจะได้ยินชื่อของเขาอีก แม้แต่อามาล หรือว่า เอมม่า ทุกสิ่งค่อยๆ เลือนหายไปจากชีวิตจริง และกลายเป็นแค่ตัวหนังสือให้เธอบันทึกความทรงจำที่ยังเหลืออยู่



**********************************************************



แพรพริมา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ส.ค. 2557, 17:00:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ส.ค. 2557, 17:00:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1633





<< 17   19 บทจบ...อัยด้าของซามาล >>
ตามหาฝัน 3 ส.ค. 2557, 21:07:38 น.
เศร้าจัง


แว่นใส 3 ส.ค. 2557, 22:58:40 น.
ช่างกีดกันนะ


Zephyr 3 ส.ค. 2557, 23:49:04 น.
คุณแม่ต้องทำให้ซามาลเข้าใจอัยผิดๆแน่เลย
อัยน่าจะท้องนะ อิอิ จะได้มีข้ออ้างบ้าง โฮะๆๆ


Siang 4 ส.ค. 2557, 08:53:40 น.
ทำไมขุ่นแม่ ถึงทำอย่างนี้หล่ะคะ


ผักหวาน 13 ส.ค. 2557, 19:40:57 น.
ความรักของคนคู่นี้ถูกกั้นด้วยม่านประเพณี


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account