ตั้งแต่วันที่ฉันตามหาเธอ
หญิงสาวจากเมืองกรุง ย้ายมาจังหวัดเชียงรายเพื่อทำงานที่เธอชอบ แม้ชีวิตเธอจะน่าเบื่อในบางช่วง แต่เธอยังมีร้านหนังสือของลุงรัญที่คอยทำให้เธอหายเหงา หนังสือหลายเล่มมีเรื่องราวความเป็นมา ชีวิตของเธอเดินทางตามตัวหนังสือจนเธอได้อ่านหนังสือของ ริชาร์ด บาค เรื่อง
"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" หนังสือเล่มเล็กๆทำให้เธอได้พบกับบทกวีที่เขียนในเศษกระดาษ สอดไว้อย่างเรียบร้อย และบทกวีบทนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
"โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล" หนังสือเล่มเล็กๆทำให้เธอได้พบกับบทกวีที่เขียนในเศษกระดาษ สอดไว้อย่างเรียบร้อย และบทกวีบทนั้นทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป
Tags: ตามหาความรัก บทกวี
ตอน: ๒
“ในที่สุดก็มาสักที”
เจนฤทัยยิ้มให้คนทักทันทีที่เดินเข้าไปในร้านเดอะแคท ลุงวีหรือ“อังเคิลวี”พาเธอกับไทล่าเดินผ่านลูกค้าและโต๊ะพูลทะลุไปยังสนามหญ้าที่อยู่หลังร้าน เพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่สนุกสนานกันอยู่ที่นั่น พอเจนกับไทล่าไปถึง พวกนั้นโห่ฮากันลั่น บางคนบ่นใส่คนมาช้ากันยกใหญ่พร้อมรอยยิ้ม นั่นทำให้เธอทั้งสองงงไม่ใช่น้อย
“มีอะไรกันหรอ แค่มาช้าเองนะ”เจนฤทัยถามสจ๊วตที่พาร่างสูงโย่งเข้ามาหาเป็นคนแรกพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม สจ๊วตหัวเราะนิดหนึ่งก่อนจะมาตบไหล่ของเธอกับไทล่า
“เราพนันกันไว้ว่าไทล่าจะพาเธอมาที่ได้หรือเปล่า และฉันกับเจคพนันว่าเธอจะมา ส่วนพวกนั้น”สจ๊วตชี้ไปที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ทุกคนยืนออกันอยู่รอบโต๊ะกลมที่วางเบียร์กับบาร์บีคิวตรงกลางสนาม “พวกนั้นพนันไว้ว่าเธอจะกลับไปเลี้ยงแมวที่บ้าน ใครแพ้ต้องเลี้ยงเบียร์ทุกคน ใช่ไหมเจค” สจ๊วตตะโกนถามเจคที่ยืนอยู่กับแก๊บหรือแก๊บบี้ แฟนที่คบกันมาหลายปี ทั้งสองตะโกนขอบคุณพวกเธอ
เจนหันมามองไทล่าก่อนจะมองลุงวีที่ยืนยิ้มอยู่ไม่ห่างนัก “ไทล่า นี่เธอรู้หรือเปล่าว่าพวกเขาพนันกัน”
“ฉันก็พึ่งรู้นี่แหละ”
“ลุงวี...”
อังเคิลวีหัวเราะ “พวกเขาพึ่งมาพนันกันที่นี่แหละ พอดีลุงถามหาหนูเจนเพราะไม่เห็น พวกนั้นเลยพนันกัน มาเถอะ ลุงจะพาหนูสองคนไปรู้จักใครบางคน”
พอลุงเจ้าของบาร์เดอะแคทเดินนำไป เจนกับไทล่าถึงมีโอกาสได้เห็นว่ารอบสนามหญ้ามีใครบ้างนอกจากเพื่อนร่วมงานของพวกเธอ ตรงม้านั่งยาวเยื้องจากที่เจคอบกับแก๊บกำลังยืนคุยกันมี ผู้ชายสองคนกำลังนั่งคุยกันอีกทาง ตรงเตาย่างบาร์บีคิวมีฝรั่งคนหนึ่งที่พวกเธอไม่รู้จักกำลังย่างบาร์บีคิวแทนลุงวี ลุงวีพาพวกเธอเดินผ่านกลุ่มเพื่อร่วมงานในสำนักงานไป หาคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก ผู้ชายสองคนยืนหันหลังมาทางพวกเธอ ทั้งคู่กำลังยืนคุยกับคู่ชายหญิงที่หันหน้ามาทางพวกเธอพอดี ผู้หญิงมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับไทล่า ส่วนผู้ชายดูแล้วคงมีอายุน้อยกว่าไม่มาก
“หนูแก้ว มาหาลุงหน่อย”
การสนทนาของทั้งสีคนหยุดลง ผู้หญิงที่ชื่อแก้วเดินเข้ามาทันที
“หนูเจน ไทล่า นี่แก้ว หลานสาวลุง ทำความรู้จักกันไว้นะ แก้วพึ่งย้ายมาจากเชียงใหม่ ยังไม่รู้จักใคร ยังไงก็ฝากด้วย”
“ได้ค่ะอังเคิลวี”ไทล่ารีบรับคำ เจ้าของบาร์เดอะแคทหัวเราะก่อนจะเดินไปยังคุยกับฝรั่งที่ย่างบาร์บีคิวอยู่ แก้วเลยถือโอกาสชวนเจนกับไทล่าเข้าไปร่วมสนทนากับสามคนที่ยืนมองอยู่ ตอนนี้เองที่เจนฤทัยเห็นว่าหนึ่งในนั้นมีโอ ลูกค้าประจำร้านของเช่าหนังสือร้านเดียวกับเธออยู่ที่นั่นด้วย เขากำลังส่งยิ้มมาให้พวกเธอที่กำลังเดินเข้าไป
โอแนะนำเพื่อนที่ยืนอยู่ด้วยกันพร้อมรอยยิ้มให้พวกเธอทันทีที่แก้วพาเข้าไปร่วมวงสนทนา โอเป็นผู้ชายรูปร่างสันทัด ท่าทางสบายและยิ้มง่าย ไว้ผมยาวเคลียไหล่และไว้เครานิดหน่อย หนึ่งในคนที่ลุงรัญพูดถึงบ่อยๆคนนี้อายุอานามคงมากกว่าไทล่าไม่กี่ปี เป็นคนคุยสนุก ในขณะเดียวกันก็มีความรู้รอบด้านและมีความคิดที่น่าสนใจ การสนทนากำลังขับเคลื่อนไปอย่างออกรสเพราะเขา
เจนฤทัยยืนอยู่ในวงสนทนาอยู่พักใหญ่ก่อนจะขอตัวออกมา เธอรู้สึกว่าตัวเองอายุมากเกินไปสำหรับวงสนทนานั้น สิ่งที่ทุกคนคุยกันยังหนีไม่ค่อยพ้นเรื่องหลังจบมหาลัย การหางานทำและชีวิตผาดโผนช่วงวัยเรียน ซึ่งเธอพูดคุยมันจนเบื่อแล้ว เจนเดินเข้าไปหาสจ๊วตกับเจคที่ยังนั่งดื่มเบียร์กันอยู่ ยังไงซะ การคุยกับเพื่อนที่มีอายุใกล้ๆกันยังมีความสบายใจมากกว่าสำหรับเธอ แม้จะมีเรื่องความต่างของภาษาที่เป็นอุปสรรคเล็กน้อยก็เถอะ
“ไง ช่วงนี้กลับไปเป็นเด็กเหรอ”
แม้สจ๊วตจะพยายามพูดให้ช้าลง แต่ภาษาอังกฤษของสจ๊วตยังฟังยากอยู่ดีสำหรับเธอ เจนยิ้มแทนคำตอบแล้วนั่งลงข้างแก๊บที่ขยับที่นั่งให้ เอาล่ะ...ยังดีอยู่บ้างที่แก๊บพูดภาษาไทยได้ดีกว่าแฟนของเธอและสจ๊วต
“เป็น...ยัง...งาย...บ้าง”เจคพยายามถามภาษาไทยที่พึ่งหัดได้เล็กน้อยของเขา
“สบายดี ง่วงๆนิดหน่อย”
สจ๊วตส่งเบียร์ให้ในขณะที่แก๊บบี้แปลคำพูดของเธอให้เพื่อนฟัง
“เมื่อคืนเธอทำอะไรอยู่รึเจน ทำไมถึงนอนดึกนัก อย่าบอกนะว่าอ่านหนังสืออีกแล้ว”สจ๊วตหันมาถาม
“ใช่ เมื่อคืนอ่านหนังสือดีๆเล่มนึง”
“ฉันว่าแล้วเชียว”
“เธออ่านอะไรหรือเจน”แก๊บถาม เจคที่ยืนกอดคอแฟนสาวมองมาอีกคนด้วยความอยากรู้
“โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล”
“Good book, I love it”สจ๊วตเอ่ยเสียงดังลั่น
“ใช่ นักเขียนคนนี้เขียนเก่งมาก”เจนยกขวดเบียร์ในมือเพื่อชนกับทุกคน
เจคชี้ไปทางกลุ่มของไทล่า แก้วและโอ ที่ยังยืนคุยกันอยู่ที่เดิม “ผู้ชายผมยาวที่ยืนข้างหลานอังเคิลวีคนนั้นเป็นนักเขียน มาสอนเด็กๆที่โรงเรียนของแก๊บสองครั้งแล้ว เธอเคยอ่านหนังสือเขาไหม”
เจนหันไปมองก่อนจะหันมาทางแก๊บที่มองตามเหมือนกัน “จริงหรอแก๊บบี้”
“ใช่ คงจะไปสอนอีกสักสองสามครั้ง”
“เจค ฉันก็พึ่งรู้นี่แหละว่าโอเป็นนักเขียน”
เจคมีท่าทีตกใจเล็กน้อยกับคำตอบ “นึกว่าเธอรู้จักเสียอีก”
“เปล่า แต่เคยเห็นในร้านหนังสือเช่า ไม่รู้ว่าเป็นนักเขียนด้วย”เจนชูขวดไปข้างหน้า “มา ช่างเขาเถอะ ชนหน่อย นานๆทีจะได้นั่งคุยกันแบบนี้”
เสียงขวดเบียร์ชนกันดังกริ๊ง ตามมาด้วยการยิงมุกตลกของเจคและเสียงหัวเราะของทั้งสี่คน
มีใครอีกหลายคนตามมาสมทบที่สนามหลังบ้าน เจนมองคนพวกนั้นเพียงผ่านๆ เธอเห็นลุงวีเดินนำคนเหล่านั้นมาพร้อมรอยยิ้มและทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำตอนที่พาเธอกับไทล่าเข้ามา ลุงวีพูดคุยกับคนเหล่านั้นและแนะนำหลานสาวให้ทุกคนรู้จักก่อนจะกลับไปดูเตาย่างเหมือนทุกครั้งเป๊ะ ที่ผิดไปจากเดิมก็คือหนุ่มฝรั่งคนเฝ้าเตาได้เริ่มละเลยหน้าที่เสียแล้ว
พอถึงตอนนี้ เจนเลิกสนใจว่ามีใครเข้ามาบ้างหรือที่สนามมีคนอยู่กี่คน เพราะยากเหลือเกินที่จะจดจำหรือนับจำนวนทั้งหมด อีกอย่างไฟกิ่งสีส้มตรงสนามที่ลุงวีเปิดเมื่อฟ้าเริ่มมืดก็ไม่ได้ส่องไปทั่วถึงทุกมุมนัก มันเลยทำให้ใครหลายคนหายไปในความมืด
เบียร์ขวดที่สองพร่องไปแล้ว เวลาและทุกชีวิตรอบตัวเดินเร็วขึ้นเหมือนติดเครื่องเร่งเวลา ใครหลายคนเข้ามาร่วมวงสนทนากับเธอและเพื่อนชาวต่างชาติทั้งสามคนก่อนจะลุกไป
“ขี้เกียจไปทำงานแฮะ”เจคบ่นพร้อมกับบิดขี้เกียจ แก๊บบี้บ่นใส่แฟนหนุ่มของเธอ เจคก็เลยโอบเธอไว้แล้วมองไปที่สจ๊วต เจ้าคนสูงโย่งจอมกวนหัวเราะในคอแล้วบ่นใส่เพื่อน
“แล้วแฟนเธอไปไหนล่ะสจ๊วต”แก๊บถามหลังจากรอให้สจ๊วตกับเจคคุยกันเสร็จ
“อรเขาไปเชียงใหม่น่ะ ไปประชุมอะไรสักอย่างของโรงเรียน”
เจนจำได้ว่าเธอเคยเจอแฟนของสจ๊วตแล้วครั้งหนึ่ง แต่เป็นการเจอกันโดยบังเอิญ วันนั้นเธอไปตลาดคนเดียวและกำลังจะกลับ สจ๊วตเองก็มาตลาดกับแฟนสาวชาวไทย เธอเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่โรงเรียนนานาชาติชื่อดังของจังหวัด
“นายก็อยู่บ้านเลี้ยงแมวไปเถอะสจ๊วต ไม่เหงาหรอกน่า”เธอหยอกเพื่อนร่างโย่ง หมอนั่นหัวเราะฮ่าๆพลางรับคำ
“ฉันว่าคนชื่อโอนั่นแอบมองเธอหลายครั้งแล้วนะเจน”แก๊บบี้สะกิดเมื่อเธอเบาๆ เจนยิ้มให้เพื่อนสาว ยักไหล่แล้วดื่มเบียร์อีกอึก
“ช่างเขาเถอะน่า ฉันไม่ได้สวยน่ารักพอให้หนุ่มๆแอบมองหรอกน่า”
“อย่าบ้าน่าเจน เธอเป็นคนสวยนะ ไม่เชื่อวันหลังไปหาฉันที่บ้านซิ จะจับแต่งหน้าให้ดู”
“ใช่ๆ เธอควรจะให้แก๊บลองแต่งหน้าเธอดูนะเจน”เจคสนับสนุน นั่นเรียกรอยยิ้มและความมั่นใจในเรื่องนี้ของแก๊บบี้ได้อีกมาก
“ฉันว่าปล่อยให้เจนเป็นแบบนี้แหละ ดีที่สุด”สจ๊วตโพล่งก่อนจะขยับหนีมือของเจน
การหยอกล้อผสมโรงกับเรื่องอำขำขันในที่ทำงานของเจน เจคและสจ๊วตที่กำลังออกรสออกชาติหยุดลงกะทันหันเมื่อใครคนหนึ่งกระแอมจากนอกวง
“ว่าไงยายหนูไทล่า ออกจากแก๊งเด็กนักเรียนมาได้แล้วเหรอ?”
“บ้าน่าเจค”ไทล่าหัวเราะ หย่อนก้นลงนั่งข้างๆเจน
เจนสังเกตใบหน้าขาวของไทล่าที่เริ่มมีสีแดงเจือในขณะที่คนเป็นเป้าสังเกตยังคงหัวเราะสนุกสนาน เธอไม่เคยเห็นไทล่าเป็นแบบนี้มานานแล้ว ครั้งหลังสุดที่ไทล่าเป็นแบบนี้ เธอกับเพื่อนที่ทำงานต้องแบกไทล่ากลับบ้านแล้วไม่วายโดนหัวหน้าดุในตอนเช้าข้อหาไม่ดูแลลูกสาวของเขาให้ดี ย้อนนึกถึงหัวหน้าแล้ว บางทีเขาก็ไร้สาระสิ้นดี ทั้งๆที่ส่วนใหญ่แล้วเขาเป็นคนใจดีและน่านับถือ สิ่งที่ทำให้หัวหน้าเม้งแตกมีอยู่ไม่กี่อย่าง ลูกสาวเมาเละคือหนึ่งในนั้น
“ไทล่า เธอดื่มเหล้าเข้าไปเยอะแค่ไหนเนี่ย”ในที่สุดเจนก็อดไม่ได้ที่จะต้องถาม ไทล่ายิ้มแห้งแล้วส่ายหน้าตอบก่อนจะหันกลับไปทำท่านึก
“พวกนั้นเอาน้ำหวานผสมกับเหล้าจินให้ฉัน มันหวานดี”
“ไทล่า!”
สาวน้อยหัวเราะเอิ๊ก ในขณะที่ทุกคนนิ่งมองเธอ
“เจนพาไทล่าไปนอนบ้านเธอก่อน เดี๋ยวฉันจะโทรไปบอกหัวหน้าเอง ขืนให้ไทล่าโทรไปตอนนี้ มีสิทธิ์โดนสั่งงดเที่ยวกันอีกนานแน่” เจคหันไปหยิบโทรศัพท์มาจากแฟนสาวของเขา
“เดี๋ยวฉันเดินไปส่งที่รถ”
“ขอบคุณมากสจ๊วต”
เพื่อนร่างโย่งเข้ามาพยุงไทล่าลุกขึ้น ทั้งสองพาสาวน้อยที่ยังทำหน้างงเดินออกมาจากสนามหลังบ้าน ข้างหลังพวกเขา เจคกับแก๊บบี้กำลังเดินตามมาติดๆ
“จะไปไหนกันน่ะ”เสียทักถามนั้นหยุดทุกคนไว้
“ไทล่าเริ่มเมาแล้ว เราต้องพากลับก่อนน่ะค่ะลุงวี”
“ยังไม่สี่ทุ่มดีเลย เมาแล้วเรอะ โถ่แม่หนูน้อยไทล่า”
เจนทำหน้าถอนใจ มองเจ้าของปาร์ตี้ที่ยืนมองด้วยสายตากึ่งรู้สึกผิด “คงดื่มจินพั๊นซ์ไปหลายแก้วน่ะค่ะ ถ้าปล่อยให้กินต่อมีหวังได้หามแน่ แค่นี้ก็หัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนคนเมากัญชาแล้วค่ะ”
“งั้นก็รีบไปเถอะหนูเจน เฮ้เจค สจ๊วต เธอก็อยู่ต่อกับไอก่อนนะ ยังมีอะไรให้กินอีกแยะเชียว”
สจ๊วตมองหน้าเจค เจคหันไปมองแก๊บบี้ พอแก๊บบี้ไม่ว่าอะไร เจคก็หันไปตอบรับคำเชิญของลุงเจ้าของร้าน
“ป่ะไทล่า...กลับบ้าน”
พอหันเจนพยุงไทล่าหันไปยังทางออก เธอก็เดินไปชนกับใครคนหนึ่ง ไทล่าที่ยืนมึนอยู่ในอ้อมแขนเซผงะตามเธอก็จะหงายหลัง ยังดีที่สจ๊วตเข้ามาพยุงไว้ทัน เจนตั้งหลักได้ก็หันไปมองหน้าผู้ชายที่เธอชน เขายืนทื่อมองอยู่ตรงนั้น
“โทษที”ผู้ชายคนนั้นเอ่ยก่อนจะเดินสวนเข้าไปสวนหลังบ้าน
เจนสุดจะฉุน คำขอโทษเท่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับเธอในสถานการณ์แบบนี้ แต่เหล่าเพื่อนร่วมงานของเธอคงอ่านเธออก ทุกคนรีบดันหลังให้เธออกไปจากร้านจนได้
“ในที่สุดก็พาเธออกมาได้”
เจนที่ยังฉุนไม่หายคว้าหมวกกันน๊อกมาส่งให้ไทล่า ทุกคนยืนนิ่งไปชั่วครู่ เจนเดินเข้าไปกอดแก๊บบี้ที่นานๆจะได้เจอกันสักที จากนั้นเธอโบกมือให้เพื่อนร่วมงานทั้งสองคนก่อนจะขึ้นคร่อมรถ
“ขับดีๆล่ะ”สจ๊วตเตือน
“ตอนนี้ ฉันคงไม่รับปาก”
เจนยิ้มมุมปาก ชายตามองเข้าไปข้างในร้านนิดหนึ่งก่อนจะสตาร์ทรถ
สันติภาพวัฒนะ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ส.ค. 2557, 01:32:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2557, 17:05:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 815
<< บทกวีคั่น ๒ | บทกวีคั่น ๓ >> |