มายารักสีเพลิง โดย เฟื่องนรี
เราทุกคนล้วนต่างมีมายา
Tags: 18+ ,แซ่บ,แสบ,

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1


ประตูห้องจัดเลี้ยงงานแต่งงานงานหนึ่งภายในโรงแรมห้าดาวถูกผลักเข้ามาแรงๆ ประตูไม้หนาหนักชนเข้ากับผนังห้องเสียงดังปัง! ส่งผลให้เกือบทุกคนหันมามองต้นเหตุของเสียงโดยพร้อมเพรียง และนั่นก็ทำให้คู่บ่าวสาว 'วัยกลางคน' ที่กำลังกุมมือกันจับด้ามมีดปลายยาวสำหรับตัดเค้กต้องชะงักและหันมามองด้วย

ภาพที่เห็นคือ หญิงสาวร่างโปร่งในชุดราตรีสีดำสนิทยาวระพื้น แต่งหน้าเข้มจัด ปล่อยผมยาวสลวยสีดำสนิทลงเต็มแผ่นหลัง ดวงตาที่เป็นประกายกล้าด้วยความโกรธเกรี้ยวนั้นจับจ้องที่เจ้าบ่าวไม่ละสายตา

หลังจากหายตกใจ เสียงซุบซิบก็ดังขึ้นในทำนองว่า หญิงสาวผู้นี้เป็นใคร ทำไมแต่งตัวไม่ให้เกียรติเจ้าบ่าวเจ้าสาวเอาเสียเลย ขณะที่บางคนฟันธงไปเรียบร้อยว่าเป็น ‘ผู้หญิงอีกคน’ ของเจ้าบ่าว

“ก็รู้ๆกันอยู่ว่าเจ้าบ่าวน่ะ ไม่ธรรมดา พอเมียตายก็ควงผู้หญิง มีปัญหาเรื่องผู้หญิงให้ลูกๆได้อับอายขายหน้าไม่เว้นแต่ละวัน นี่ก็คงเป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละ แหม แต่ถ้าฉันเป็นอีหนูนี่ ฉันก็ต้องมาเปิดตัวเหมือนกัน ทั้งสาวทั้งสวยกว่าขนาดนี้ เจ้าสาวจะได้รู้ว่าตัวเองก็แค่เป็นหุ่นเชิดเท่านั้น ว่าก็ว่าเถอะ คืนนี้คุณเมศจะเข้าหอกับเจ้าสาวหรือเปล่าไม่รู้”

“แล้วตกลงเจ้าสาวเป็นใครมาจากไหนกันน่ะ เธอ ฉันไม่เคยเห็นชื่อเห็นหน้าในแวดวงพวกเราเลย” อีกคนถามต่ออย่างอยากรู้เต็มพิกัด

“ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปหรอกจ้ะ เธอ ฉันได้ยินคนพูดว่า อยู่ดีๆ คุณเมศก็พาผู้หญิงคนนี้เข้าบ้านแล้วก็ประกาศกับทุกคนว่าจะแต่งงาน...ไม่รู้ไปคว้าผู้หญิงจากไหนมาเหมือนกัน...”

หญิงสาวชุดดำผู้กลายเป็นจุดสนใจได้ยินคำพูดนี้เต็มสองหู เนื่องจากคนพูดอยู่ระหว่างทางที่หล่อนเดินผ่านพอดี ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยสีคล้ำเม้มเข้าหากันแน่น

“ใครก็ได้ มาลากผู้หญิงคนนี้ออกจากงานที” เสียงห้าวทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของเสียงจะพาร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทย ใบหน้าคมเข้มแบบลูกครึ่งไทยกับตะวันออกกลางก้าวออกจากกลุ่มคนมาเผชิญหน้าหญิงสาวชุดดำ พร้อมกับที่บอดี้การ์ดสองนายกรากเข้ามาเพื่อจะทำตามคำสั่งนาย หากแต่ต้องชะงักไปเมื่อหญิงสาวปรายตามองอย่างเอาเรื่อง

“หลีกทางให้ฉัน คุณภีม” หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อน ตาจ้องเขาอย่างเกลียดชัง

“คุณนั่นแหละกลับไปดีกว่า ดาหลา”

“ฉันเพิ่งมาถึง น้ำสักแก้วก็ยังไม่ได้ดื่ม จะไล่กลับแล้วเหรอคะ” ดาหลาย้อนเสียงกลั้วหัวเราะ แต่แววตาตรงข้าม “ที่สำคัญ คุณคงลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร สำคัญกับงานนี้แค่ไหน”

ภีมเหยียดยิ้ม มองหล่อนอย่างสมเพช “ก่อนนี้ ทุกคนพยายามให้ความสำคัญกับคุณ แต่คุณเป็นคนโยนมันทิ้ง แล้วตอนนี้จะมาเรียกร้องงั้นหรือ”

“ฉันมีสิทธิ์ทุกเวลาเท่าที่ฉันต้องการ” ดาหลาเน้นช้าชัดทุกถ้อยทุกคำ

“ดาหลา...” ขณะนั้นเอง เจ้าสาวที่ตัดสินใจทิ้งมีดตักเค้กก็ก้าวมาถึง โดยมีเจ้าบ่าวเดินตามหลังมาช้าๆ ดาหลาหันไปยิ้มเยาะใส่ตาภีม เห็นหรือยังว่าคนอย่างดาหลาสำคัญเสมอ “ทำไมแต่งตัวแบบนี้ หน้าด้วย ทำไมแต่งแบบนี้ ลูก”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกรอบ

“สมัยนี้เขาไม่ถือเรื่องสีชุดแล้วล่ะค่ะ แม่” หล่อนตอบเสียงเยาะๆ กวาดตามองไปรอบๆงานด้วยสีหน้าสะใจเมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นจากบรรดาแขกเหรื่อ

“คุณก็เป็นคนสมัยนี้ ก็เลยไม่ถือ ไม่ใส่ใจแม้แต่เรื่องมารยาท” ภีมเอ่ยขึ้นอีก ก่อนหันไปทางเจ้าสาว “กลับขึ้นเวทีเถอะครับ น้าสร้อย...เชิญครับพ่อ เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”

ยังไม่ทันที่ใครจะขยับตัว ร่างอรชรอ้อนแอ้นของหญิงสาวคนหนึ่งในชุดแสคสั้นสีหวานก็เดินแกมวิ่งหน้าตาตื่นเข้าประตูมาอีกคน

“พี่ดาหลา...แม่”

“บัว...” เจ้าสาวเอ่ยชื่อนั้นอย่างยินดี “แม่นึกว่าบัวจะไม่มาเสียอีก”

“งานสำคัญของแม่ทั้งที ยังไงบัวก็ต้องมาค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงอ่อนปนหอบ มองไปทางหญิงสาวในชุดดำด้วยสีหน้าเชิงอ้อนวอน

“หนูบัว หนูดาหลา” เจ้าบ่าวทักทายทั้งสองสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เอื้อเอ็นดู “ขอบคุณนะที่ให้เกียรติลุงกับแม่ของหนู”

“ก็ไม่ได้อยากมานักหรอกค่ะ” ดาหลาชิงตอบ แววตาที่ทอดมองเขามีแต่ความเกลียดชังและโกรธแค้นรุนแรง “แต่งานสำคัญแบบนี้ถ้าพลาดไปก็เสียดายแย่สิ ใช่ไหมคะ”

“ลุงก็ไม่อยากให้หนูพลาด เพราะหนูทั้งสองคนมีความสำคัญกับคุณสร้อยมาก” เจ้าบ่าวตอบกลับด้วยท่าทีใจเย็น สุขุม

“ไม่จริงหรอกค่ะ ถ้าพวกเราสำคัญจริง แม่ต้องไม่แต่งงานกับผู้ชายที่ฆ่าพ่อเด็ดขาด!” ดาหลาเอ่ยเสียงกร้าว จงใจให้ได้ยินกันถ้วนทั่ว

คราวนี้เรียกเสียงฮือฮาได้ครั้งใหญ่ ตามมาด้วยเสียงซุบซิบกันระงม

“ฟังนะคะทุกคน ผู้ชายคนนี้เบื้องหลังเขาคือพ่อค้ายาเสพติด และเขาก็ฆ่าพ่อฉันที่เป็นตำรวจเจ้าของคดีนี้ตาย...”

“พอเถอะ ดาหลา” สร้อยระย้าร้องปราม ทั้งโกรธ ทั้งอับอายขายหน้า “กลับบ้านได้แล้ว ถ้าไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา แม่ไม่ว่าอะไร”

“จะรีบไล่หนูกลับทำไมคะ คุณแม่” ดาหลาปัดมือผู้ให้กำเนิดออก “งานเลี้ยงเพิ่งเริ่มไม่ใช่เหรอคะ หนูมีเวลาสนุกอีกเหลือเฟือ”

“พี่ดาหลา อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ” บัวหรือบัวสวรรค์อ้อนวอนอีกแรง ใบหน้าอ่อนหวานนั้นซีดเผือด ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น หวั่นว่างานจะล่ม กลัวแม่กับพี่สาวจะทะเลาะกันอีก หล่อนไม่ชอบสถานการณ์ขัดแย้งที่จะนำพาไปสู่ความรุนแรง “ยังไงขอให้งานผ่านไปก่อนก็ยังดีนะคะ”

“เรานั่นละ อย่ามาห้ามพี่” ดาหลาดุน้องหน้าตาขึงขัง “เรามันไม่ได้เรื่อง หัวอ่อน ใจอ่อนปวกเปียก ใครทำดีเข้าหน่อยก็ดีกับเขาแล้ว...เขาฆ่าพ่อเราเลยนะ”

“พูดจาหมิ่นประมาทขาดสติขนาดนี้ คงต้องไปคุยที่โรงพักแล้วมั้ง” ภีมเอ่ยขึ้นอีกด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

“ก็เก๋ไม่เบานะคะ จับลูกเจ้าสาวในคืนแต่งงาน จะได้ดังไปทั่วโลก” ดาหลายิ้มท้าทายเขา

“คุณภีม...น้าขอร้อง อย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ” เจ้าสาวเอ่ยกับภีมด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

“ขอร้องเขาทำไมคะแม่ ดีเสียอีก เวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ หนูจะได้กระตุ้นเรื่องคดีฆ่าพ่อด้วย เพราะมันเงียบมานานแล้ว!” ดาหลาเอ่ยขัดขึ้น

“พี่ดาหลาคะ” บัวสวรรค์เอื้อมมือไปแตะแขนพี่สาว น้ำตาปริ่มๆจะไหลออกมาจากดวงตาคู่งาม “พอก่อนเถอะนะคะ แค่นี้เรื่องก็ดังแล้ว”

“ไม่ต้องมาห้ามพี่ ยายบัว ถ้าไม่คิดจะอยู่ข้างกันก็อยู่เฉยๆแล้วกัน” พูดจบดาหลาก็ผลักน้องสาวออก แต่อาจเพราะกำลังโกรธ โมโห หล่อนจึงเผลอออกแรงมากกว่าที่ควรจะเป็น ผลก็คือร่างอ้อนแอ้นของบัวสวรรค์เซไปด้านหลังและคงจะล้มลง ถ้าหากว่าภีมจะไม่ถลามาช่วยรับเอาไว้และตวัดร่างนั้นมาแนบอกโดยอัตโนมัติเพราะความตกใจและเป็นห่วง

ส่วนคนต้นเหตุนั้นเดินยิ้มด้วยความสะใจออกประตูไปแล้ว และไม่ได้หันมามองอีกเลยว่าใครจะเป็นอย่างไร




อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา บัวสวรรค์ก็เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงด้วยท่าทีเหนื่อยล้าปนหงอย

หลังจากดาหลากลับไป พิธีการบนเวทีก็กลับไปเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แม้จะยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงระเบิดที่ดาหลาตั้งใจมาทิ้งไว้ให้อย่างหนาหู แต่หล่อนกับภีมก็ช่วยกันประคับประคองและอยู่ข้างๆเจ้าบ่าวเจ้าสาวจนพิธีการเสร็จสิ้น

‘ขอบใจลูกมาก บัว ขอบใจมากลูก’ แม่กอดหล่อนและร้องไห้ออกมา ขณะที่ปารเมศเองก็บีบมือหล่อนกับลูกชายของตนด้วยความซาบซึ้งใจ

‘แต่บัวขอโทษนะคะที่ทำให้พี่ดาหลาอยู่ร่วมงานไม่ได้’

‘บัวทำดีที่สุดแล้วล่ะจ้ะ อย่าคิดมากเลยลูก’

‘พ่อเองก็ต้องขอบใจภีมกับหนูบัวเหมือนกัน พ่อจะไม่ลืมวันนี้เลย ขอบใจทั้งสองคนมาก’

บัวสวรรค์ถอนหายใจยาวๆเมื่อนึกถึงความยุ่งยากที่จะตามมาหลังจากนี้ ไหนจะข่าวที่จะแพร่ออกไป ไหนจะการต่อต้านจากดาหลาที่หล่อนมั่นใจว่าจะรุนแรงยิ่งขึ้นอีกล่ะ

ดาหลาสนิทกับพ่อมากกว่าที่สนิทกับแม่ เมื่อเสียพ่อไปด้วย ‘อุบัติเหตุ’ รถชนเมื่อสองปีก่อน ดาหลาก็แทบไม่เป็นผู้เป็นคน หล่อนแค้นปารเมศที่ตอนนั้นมีข่าวพัวพันกับเรื่องนี้จนแทบจะถลาไปฆ่าเขาให้ตายตามพ่อ แม้ปารเมศจะปฏิเสธ แม้จะมีหลักฐานชัดเจนว่าเขาไม่ได้เป็นคนทำ แต่ดาหลาก็ไม่เชื่อ พี่สาวหล่อนปักใจเชื่อเต็มหัวใจว่าทั้งหมดเป็นฝีมือปารเมศ แต่เพราะเขามีอิทธิพล เรื่องจึงเงียบลงเหมือนเป่าสาก ดังนั้นเองเมื่อแม่ให้ความสนิทสนมกับปารเมศ ดาหลาจึงออกโรงต่อต้านเต็มที่ และยิ่งอาละวาดหนักเมื่อแม่บอกว่าจะแต่งงานกับปารเมศ

“บัว” เสียงเรียกของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นเบื้องหลัง

“คุณภีม” บัวสวรรค์ยิ้มอ่อนๆ “มีอะไรเหรอคะ”

“จะกลับแล้วเหรอ”

“ค่ะ” หล่อนตอบสั้นๆ ท่าทางไว้ตัว

หล่อนกับภีมแม้จะไม่เคยทะเลาะกัน จิกกัดกันเหมือนเขากับพี่สาวหล่อน แต่หล่อนก็ไม่ได้สนิทกับเขา แม้ว่าปารเมศกับแม่จะพยายามให้สองครอบครัวได้พบกันบ่อยๆเพื่อสร้างสายสัมพันธ์อันดีงามก็ตาม ในที่สุดตอนหลังทั้งพ่อเขาและแม่หล่อนก็เลิกพยายามเมื่อเห็นว่าลูกๆไม่มีท่าทีว่าจะลงรอยกันได้ เพราะไม่เพียงแต่กับภีมเท่านั้น กับภูมิและภรณี ลูกชายคนรองและลูกสาวคนเล็กของปารเมศ ดาหลาก็มีเรื่องทะเลาะทุกครั้งที่เจอกัน ทางฝ่ายนั้นก็เกลียดแม่ เกลียดดาหลาและหล่อนเช่นกัน งานแต่งวันนี้ภูมิกับภรณีจึงไม่ได้มา มีแค่ภีมคนเดียว เพราะเขาเข้าใจและเห็นใจพ่อมากกว่าใคร

“แล้วนี่จะกลับยังไง เดี๋ยวผมให้รถไปส่งให้เอาไหม” ภีมหยิบยื่นน้ำใจด้วยความจริงใจ เขามองคนที่ต่อไปนี้คือน้องสาวคนหนึ่งด้วยแววตาชื่นชมในสปิริตของหล่อนที่อยู่ช่วยงานเขาจนลุล่วง

“ไม่เป็นไรค่ะ บัวกลับเองได้”

“คิดว่าผมจะยอมปล่อยให้น้องสาวตัวเองกลับบ้านคนเดียวดึกๆดื่นๆแบบนี้เหรอไง” น้ำเสียงของภีมเข้มขึ้น
“อ้อ ทางที่ดี ผมว่าคุณกับดาหลาควรจะย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับพวกเราได้แล้วนะ”

บัวสวรรค์มองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อหู ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆอย่างเห็นขัน

“แค่งานวันนี้วันเดียว พี่ดาหลาก็อาละวาดจนใหญ่โต ถ้าย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น จะไม่ยิ่งแย่เหรอคะ”

“ผมเชื่อว่า ถ้าดาหลาได้รู้จักพ่อผมจริงๆ เขาจะเปลี่ยนอคติในใจเขา”

บัวสวรรค์ยิ้มพราย มองเขาเหมือนมองเด็กชายตัวเล็กๆแสนเจ้าเล่ห์ “ให้ความใกล้ชิดละลายพฤติกรรมเหรอคะ”

“ให้รู้จักและให้ได้รู้ความจริงมากกว่า”

หญิงสาวนิ่งไปอย่างใช้ความคิด และความเงียบก็ทำให้เสียงบางเสียงชัดเจนยิ่งขึ้น

จ๊อก จ๊อก

เสียงท้องของหล่อนนั่นเอง อันทำให้บัวสวรรค์นึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทานอาหารมาทั้งวัน หญิงสาวเผลอเอามือแตะท้องก่อนจะเงยหน้ามองภีมแบบอายๆ

“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมไปส่งคุณเองดีกว่า” ภีมเอ่ยยิ้มๆ

“กลัวบัวหิวจนเป็นลมกลางทางเหรอคะ...”

“เปล่า เพราะผมเองก็ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวันแล้วเหมือนกัน และตอนนี้ก็หิวมากด้วย” พูดจบเขาก็เดินนำหล่อนออกจากบริเวณนั้น อันเป็นการบังคับให้หล่อนทำตามคำสั่งเขากลายๆ

บัวสวรรค์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจก้าวตามเขาไป




“อะไรนะ นี่แกตัดสินใจย้ายเข้าบ้านนั้นงั้นเหรอ!” ดาหลาอุทานจนเกือบเป็นตะโกนในเช้าวันต่อมา เมื่อทั้งสองพบกันในโต๊ะอาหารภายในทาวน์เฮาส์หลังเล็ก ทาวน์เฮาส์ซึ่งเคยอยู่กันพร้อมหน้า พ่อ แม่ และลูก แต่ตอนนี้เหลือเพียงสองพี่น้องเท่านั้น สร้อยระย้าย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านของปารเมศตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วแล้ว ตามคำขอร้องของเขา แต่ดาหลากับบัวสวรรค์ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย

“บัวคิดถึงแม่น่ะ พี่” บัวสวรรค์ตอบพลางก้มหน้ามองแค่น้ำกาแฟสีน้ำตาลตรงหน้า “แล้วบัวก็เป็นห่วงด้วยที่แม่ต้องไปอยู่กับครอบครัวนั้น บัวไม่อยากให้พวกเขาจิกทึ้งแม่ได้ตามอำเภอใจน่ะ”

“แล้วคนหัวอ่อน แถมนุ่มนิ่มอย่างแกจะไปสู้อะไรคนพวกนั้นได้” ดาหลาว่าก่อนยกถ้วยกาแฟของตนขึ้นจิบด้วยท่าทีครุ่นคิด

“แต่ก็ดีกว่าปล่อยแม่ไว้คนเดียวนะคะ”

“ถามจริงๆ เถอะ แกมีแผนอะไรในใจหรือเปล่า” คนพี่ถามออกมาตรงๆพลางจ้องหน้าคนน้องเขม็งอย่างจับผิด

“แผน แผนอะไรคะ” บัวสวรรค์เงยหน้าถามเสียงตระหนก ก่อนจะรีบหลบตาลงมองกาแฟอย่างเดิม

“ฉันเห็นนะ เมื่อคืนนายภีมมาส่งแก และฉันก็เห็นว่าเขาเอาอกเอาใจแกน่าดู ทำท่าเหมือนจะอุ้มแกลงจากรถยังไงยังงั้น...”

“พี่ดาหลาพูดอะไรอย่างนั้นคะ น่าเกลียดจังเลย พี่ภีมเขาก็แค่ทำตามหน้าที่สุภาพบุรุษแค่นั้นเอง”

“พี่ภีม?โอ๊ย นี่แกลดตัวลงไปเรียกนายนั่นว่าพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่” ดาหลากรีดเสียงขึ้นด้วยความหงุดหงิด “แกมีพี่คนเดียวคือพี่ คนอื่นไม่มีสิทธิ์!”

“โธ่ พี่ดาหลา” บัวสวรรค์ครางเสียงอ่อย “พี่ภีมน่ะ เขาแก่กว่าพี่อีกนะ ยังไงบัวก็ต้องเรียกเขาพี่อยู่ดี”

“ยายบัว!” ดาหลากรีดเสียงดังลั่นบ้านอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดที่ทบทวี “นี่แกไม่เข้าใจที่พี่พยายามจะบอกเหรอ ต่อให้นายนั่นจะแก่กว่าฉันกี่ปี แกก็ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกเขาแบบนั้น เข้าใจไหม”

บัวสวรรค์ทำหน้ามุ่ยที่ถูกขัดใจ แต่ด้วยนิสัยที่เป็นคนยอมคนมาแต่ไหนแต่ไร หล่อนจึงเงียบ ไม่เถียงออกมาอีก แต่ดูเหมือนคนพี่จะไม่ยอม หลังจากเขม้นมองน้องสาวอยู่อึดใจ ดาหลาก็เอะอะขึ้น

“นี่ อย่าบอกนะว่าที่แกจะเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นก็เพราะหลงเสน่ห์นายนั่นเข้าให้แล้วน่ะ”

“โอ๊ย พี่ดาหลา ไปกันใหญ่แล้ว” คราวนี้บัวสวรรค์เงยหน้ามามองคนพี่ด้วยความตกใจครั้งใหญ่ “หลงเสน่ห์อะไรกันคะ ก็บัวบอกแล้วว่าเป็นห่วงแม่”

ดาหลานิ่งเงียบไปอีกครั้ง ก่อนโพล่งออกมา

“ถ้างั้น ฉันไปด้วย ลำพังแค่แม่กับแก ต่อสู้กับพวกเสือสิงห์กระทิงแรดอย่างครอบครัวนั้นไม่ได้หรอก มันต้องคนอย่างฉันนี่!”

บัวสวรรค์ยิ้มพอใจ วูบหนึ่งใบหน้าคมเข้มของภีมก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิดก่อนจางหายไป




เฟื่องกันยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2557, 13:17:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2557, 13:21:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 734





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account