ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: เมื่อแรกพบ
เมื่อแรกพบ
ร่างของเด็กชายวัยสิบสองปีที่ดูสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดตึกใหญ่ดวงตาคมเข้มที่ซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นสีดำมองผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปด้านในด้วยความสงสัยว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงอะไร
“หยุดทำไมพี่ปริตรรีบๆเดินสิพวกผมหิวแล้ว”
เมฆาบ่นก่อนจะวิ่งแซงขึ้นไปพร้อมๆกับปราชญ์และปกรณ์ลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกัน ปริตรมองตามน้องๆที่วิ่งเลี้ยวไปทางห้องครัวแต่เด็กชายเลือกที่จะเดินเลี้ยวไปตามเสียงที่ได้ยิน
เขาหยุดอยู่ข้างตู้โชว์สูงจรดเพดานเมื่อเห็นผู้ใหญ่หลายคนกำลังนั่งอยู่กับพื้นล้อมรอบกองผ้าสีชมพูโดยไม่มีใครรับรู้ด้วยซ้ำว่าหลานชายคนโตกลับมาถึงบ้านแล้ว
“ดูอะไรพี่ปริตร”
ปราชญ์เดินเข้ามาสะกิดพี่ชายเขาคาบขนมปังเอาไว้มือข้างหนึ่งถือแก้วเปล่าส่วนอีกข้างถือนมเหยือกใหญ่ กับเมฆาที่กำลังประคองจานไส้กรอกและปกรณ์ที่ถือขวดซอสตามมาติดๆ
“ปู่กับย่ากำลังทำอะไรไม่รู้คนเต็มบ้านเลย”
ปริตรตอบแต่เด็กทั้งสามคนไม่ได้ฟังเพราะเดินเข้าไปด้านในก่อนแล้ว เขาเดินตามเข้าไปแล้วมองสิ่งที่อยู่บนกองผ้าหนาราวกับไปพบเห็นสิ่งประหลาดร่างทารกน้อยเล็กกระจ้อยร้อยกำลังแกว่งแขนแกว่งขายิ้มกว้างอวดเหงือกสีชมพูดวงตากลมโตมองพี่ๆที่ทิ้งของทุกอย่างแล้วเข้าไปรุมล้อมพลางส่งเสียงเหมือนพยายามจะทักทาย
“อย่าจับน้องนะลูกพวกเราไปโรงเรียนมามีแต่กลิ่นเหงื่อ”
คุณย่าน้อมเงยหน้าขึ้นมาดุเด็กๆเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังยื่นมือออกมาทำท่าจะจับแก้มของทารกน้อย
“โธ่ย่าพวกผมล้างมือแล้วนะ ไม่งั้นพี่ตาจะให้เอาของกินมาเหรอ”
เมฆาประท้วงเสียงงอนๆก่อนจะลุกขึ้นไปคว้าขนมปังกับไส้กรอกมากิน เลิกให้ความสนใจทารกน้อยไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอาวิไม่คิดมากหรอก เลี้ยงอนามัยไปจะไม่แข็งแรงนะคะ”
วิภาิ สกุลพาณิชย์ เจ้าของบ้านหลังใหญ่รั้วติดกันบอกยิ้มๆแล้วหันมามองหาหลานชายคนโตของคุณย่าน้อมที่เดินหายไปแล้ว
“เอ๊ะเมื่อกี้วิว่าเห็นปริตรนะคะ”
“คงกลับบ้านไปแล้วล่ะว่าแต่ยายศาเขาเห็นน้องแล้วว่ายังไง ไม่ดีใจแย่เหรอ”
คุณย่าน้อมถามถึงวรรณณิศาลูกสาวคนโตวัยสิบเจ็ดปีของวิภาที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“เขาก็ดีใจค่ะแต่บ่นเสียดายที่ไม่ได้ช่วยอยู่ดูแลน้อง วิว่ากว่ายายศาจะกลับมาปูนแป้งคงโตพอดี”
พวกผู้ใหญ่เริ่มคุยกันต่อโดยมีสายตาของทารกน้อยมองหน้าคนนู้นทีคนนี้ทีแล้วส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนกำลังคุยกัน
ส่วนเด็กผู้ชายต่างลุกไปนั่งล้อมวงกินอาหารว่างโดยมีกนกเข้ามาร่วมวงเป็นคนสุดท้ายไม่นานนักปริตรก็กลับมาในชุดอยู่บ้านตัวหอมกรุ่นด้วยกลิ่นสบู่แต่วันนี้เขาไม่ได้ทาแป้งมาเหมือนที่เคยทำร่างสูงก้าวเข้ามานั่งข้างๆคุณย่าน้อมเขายกมือไหว้ทุกคนแล้วก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนอยู่กลางวง
“น้องชื่ออะไรครับ”
“ปูนแป้งจ้ะวนรรษนันท์ เพราะไหมปริตร”
วิภาถามแต่เด็กชายได้แค่พยักหน้าแล้วยกมือขึ้นจับมือน้อยที่ซ่อนอยู่ในถุงมือลายการ์ตูนเขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาซึ่งทำให้ทุกคนในห้องหันมามองด้วยความประหลาดใจ
“พี่ปริตรยิ้มเป็นไปได้ยังไง”
เมฆามองรอยยิ้มที่เผยออกมาเพียงนิดเดียวก่อนจะหายไปเขาสะกิดให้ปกรณ์มองตามแต่อีกฝ่ายกลับสนใจดูโทรทัศน์มากกว่าที่จะดูรอยยิ้มของญาติตัวเองผิดกับปราชญ์ที่ลุกไปนั่งข้างๆพี่ชายแล้วมองหน้าเด็กน้อยด้วยความสนใจ
“ยิ้มอะไรพี่”
“เปล่าแค่เห็นน้องยิ้มก็เลยยิ้มตาม”
ปริตรตอบสั้นๆแต่นายบัญญัติกลับสังเกตเห็นว่าหลายชายคนโตไม่ได้ลุกไปร่วมวงกับน้องๆเอาแต่นั่งให้น้องตัวน้อยกำนิ้วของตัวเองแล้วทำท่าจะดึงใส่ปากบ้าง ทำเสียงตอบรับยามที่ทารกน้อยส่งเสียงอืออาเหมือนจะคุยด้วยบ้างจนกระทั้งสามีของวิภาขับรถมารับกลับบ้าน
ปริตรเป็นหลานคนเดียวที่เดินมาส่งวิภากับปูนแป้งที่หน้าตึกพร้อมกับปู่ย่าสายตาของเด็กชายวัยสิบสองไม่มีใครอ่านออกว่าคิดอะไรแต่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงออกว่าสนใจสิ่งอื่นมากกว่ากองหนังสือมากมายในห้องตัวเอง
“ปริตรคงอยากมีน้องผู้หญิงนะคะ”
คุณย่าน้อมหันมาคุยกับสามีตอนที่เดินกลับเข้าไปในบ้านนางมองเด็กๆที่นั่งประจำที่รอทานอาหารเย็นพร้อมกับพ่อแม่แล้วหันกลับมาทางหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงพลเทพกับสุพัตตราแม่เลี้ยงของเมฆาเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวกลับจากเกาะมุกเมื่อไหร่”
คุณย่าน้อมถามพร้อมกับยกมือรับไหว้จากทั้งสองคน
“เมื่อเช้าครับพอดีผมไปเก็บค่ามุกมา แล้วเด็กๆล่ะครับแม่”
“นู่นตาเมฆ ตามัค ตาศร นั่งอยู่ในห้องรอกินข้าว เด็กๆคงดีใจที่เห็นพ่อแม่มา”
นายบัญญัติเป็นคนตอบแต่เขาคิดผิดเพราะมฆวันกับมหิศรนั้นแสดงอาการดีใจแต่เมฆากลับนั่งนิ่งทั้งๆที่เมื่อครู่ยังแหย่พี่น้องคนอื่นอยู่เลยคุณย่าน้อมมองหลานชายแล้วลอบถอนใจไม่ว่านานแค่ไหนหลานชายยังคงต่อต้านแม่เลี้ยงอยู่เหมือนเดิม
ตัวสุพัตตราเองก็รู้เธอรักเมฆาเหมือนลูกเพราะเลี้ยงมากับมือแต่ระยะห่างก็ยังคงอยู่ และเธอหวังเพียงสักวันจะได้รับความรักตอบกลับมาบ้างไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม
เสียงสายฝนที่ตกกระทบหน้าต่างทำให้เด็กชายที่กำลังทบทวนบทเรียนล่วงหน้าละสายตาจากตัวหนังสือถอดแว่นออกแล้วมองออกไปด้านนอก
ปริตรยกมือขึ้นมาดูนึกถึงมือน้องตัวน้อยเมื่อเย็นที่วางอยู่ในมือของตนแล้วยิ้มมือเล็กๆที่บอบบางน่าปกป้อง ต่างจากบรรดาน้องๆผู้ชายที่ตนมีเหล่าทโมนทั้งแปดคนที่ซนเหลือรับจนบางครั้งเขายังนึกสงสัยว่าทำไมบ้านอัครมนตรีถึงมีแต่หลานผู้ชาย
“ปูนแป้งน้องแป้ง”
ปริตรพึมพำเขาเก็บหนังสือเรียน ปิดไฟโคมแล้วเดินมานอนบนเตียง คืนนั้นเขาฝันว่าตนเองเป็นอัศวินถือดาบและโล่คอยปกป้องน้องแป้งจากมังกรทั้งหลายสำหรับเด็กอายุสิบสองอาจเป็นเรื่องเพ้อฝันแต่มันคือความสุขที่ปริตรคิดว่าต่อให้ฝันแบบนี้ทุกๆคืนเขาก็ยินดี
ห้าปีต่อมา
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งไล่กับลูกหมาตัวน้อยในสนามหญ้าทำให้หนุ่มๆที่กำลังก้าวลงจากรถหันไปมองทุกคนต่างยิ้มแล้วโบกมือตอบรับปูนแป้งก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านมีเพียงปราชญ์ที่เดินเข้าไปอุ้มน้องตัวน้อยขึ้นมาหอมแก้มแล้วหัวเราะเมื่อเด็กน้อยจูบแก้มเขากลับจนเปียก
“เบาๆหน่อยน้องแป้งพี่ปราชญ์เลอะแล้วค่ะ”
พี่ตาคนงานประจำบ้านใหญ่วันนี้ออกมารับหน้าที่ดูแลปูนแป้งที่สนามหญ้ารีบรับหนูน้อยกลับมาแล้ววางลงบนสนามหญ้าปราชญ์ย่อตัวลงแล้วดึงแก้มนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู
“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับน้องแป้งอย่าดื้อกับพี่ตานะ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังทำท่าจะเดินเข้าบ้านใหญ่แต่ปูนแป้งกลับไม่ยอมแล้วส่งเสียงงอแงทำจับชายเสื้อเด็กหนุ่มยื้อไว้
“ปูนแป้งร้องไห้ทำไม”
เสียงดุๆที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังร้องงอแงเงยหน้าขึ้นปากที่เบะออกหุบเม้มแน่น เสียงร้องไห้หยุดลงราวปิดสวิทซ์
“พี่ปริตรน้องแป้งแค่ร้องตามผม”
ปราชญ์ก้มลงจะอุ้มปูนแป้งขึ้นแต่ถูกปริตรแย่งไปเสียก่อนเขาจ้องหน้าเด็กน้อยซึ่งพอเห็นหน้าจ๋อยๆก็ออกจะสงสารอยู่เหมือนกัน
“นายไปอาบน้ำเถอะปราชญ์เดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เองพี่ตาจะเข้าไปช่วยป้าพรจัดโต๊ะอาหารก็ไปเถอะครับทางนี้ผมจัดการได้”
“น้องแป้งจะอยู่กับพี่ปราชญ์”
ปูนแป้งพูดเสียงอ่อยๆแม้อยากจะร้องงอแงก็ไม่กล้าเพราะกลัวพี่ปริตร
“ไม่ได้พี่ปราชญ์ต้องไปอาบน้ำเพราะเตะบอลมา เราน่ะอย่าดื้อไม่อย่างนั้นพี่จะจับถ่วงน้ำ”
คำขู่ของปริตรได้ผลดีเกินคาดเพราะน้องจากปูนแป้งจะไม่ร้องไห้แล้วยังนั่งเล่นอยู่ข้างๆชายหนุ่มด้วยอาการเรียบร้อยจนผิดปกตินิสัยจนกระทั่งคุณวิภามารับหนูน้อยถึงลุกขึ้นวิ่งจะไปหาแม่ที่กำลังก้าวลงจากรถทำให้ปริตรลุกขึ้นไม่ทัน
ปูนแป้งวิ่งถลาจนล้มหน้าทิ่มลงกับพื้นเสียงร้องไห้ดังลั่นยามเมื่อร่างสูงก้าวยาวๆมาอุ้มขึ้นแล้วทำเสียงดุซ้ำที่ไม่ฟังคำห้ามเขาดูว่าเด็กน้อยมีแผลที่ไหนบ้างพอเห็นว่าไม่มีก็เลยกดศีรษะทุยแนบกับบ่าแล้วปลอบน้องตัวน้อยเบาๆให้หายตกใจ
“พี่ปิดดุน้องแป้งทำไม”
เสียงถามปนสะอื้นเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มให้เผยออกมานี่กระมั่งที่ทำให้เขาทิ้งน้องตัวน้อยไปเรียนต่างประเทศไม่ได้จึงเลือกที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยแล้วค่อยไปต่อโทเมืองนอก
“พี่ปริตรดุเพราะจะให้น้องแป้งรู้จักระวังไหนบอกว่าจะเป็นเจ้าสาวใส่ชุดสวยๆ ถ้ามีแผลเป็นแล้วจะสวยได้ยังไง”
ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มแต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องเลือนหายไปเมื่อเด็กน้อยดันตัวออกแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
“น้องแป้งจะเป็นเจ้าสาวของพี่ปาดพี่ปาดใจดี”
แต่คนที่ยิ้มไม่ออกกลับเป็นตัวปริตรเองเพราะไม่คิดว่าหนูน้อยจะคิดไปถึงขั้นอยากเป็นเจ้าสาวให้ใคร
“แล้วพี่ปิดก็เป็นอัดซาวินให้น้องแป้งนะคะ”
คราวนี้ชายหนุ่มถึงยิ้มออกมาได้เขาหอมแก้มเปียกชื้นแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้
“งั้นพี่ปริตรจะคอยดูแลไม่ให้พี่ปราชญ์มีแฟนดีไหม”
ปูนแป้งรีบพยักหน้ารับทันทีน้องน้อยโอบแขนไปรอบลำคอหนาซบหน้ากับบ่ากว้างก่อนจะพูดเบาๆ
“พี่ปิดอย่าดุน้องแป้งอีกนะคะ น้องแป้งกลัว”
“พี่ไม่สัญญาหรอกว่าจะไม่ดุแต่พี่ให้สัญญาว่าจะคอยดูแลน้องแป้งตลอดไป”
ปริตรกอดปูนแป้งเอาไว้เขารักน้องสาวคนนี้จนคิดว่าหากเด็กน้อยโตขึ้นเขานี่ล่ะจะเป็นคนเลือกเจ้าบ่าวที่ดีที่สุดให้กับเธอและจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนมาทำให้น้องสาวของเขาเสียใจเด็ดขาด
“สัญญานะคะ”
นิ้วก้อยเล็กๆยื่นออกมาเมื่อถูกวางลงบนพื้นปูนแป้งรอให้พี่ปริตรยื่นมือออกมาเกี่ยวก้อยด้วยถึงยอมขึ้นรถกลับบ้านโดยมีสายตาคมเข้มมองตามไปจนรถของวิภาแล่นออกพ้นประตูรั้วถึงหันหลังเดินกลับไปบ้านของตน
ร่างของเด็กชายวัยสิบสองปีที่ดูสูงใหญ่กว่าเด็กรุ่นเดียวกันชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันไดตึกใหญ่ดวงตาคมเข้มที่ซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นสีดำมองผ่านประตูบานใหญ่เข้าไปด้านในด้วยความสงสัยว่าเสียงที่ได้ยินนั้นคือเสียงอะไร
“หยุดทำไมพี่ปริตรรีบๆเดินสิพวกผมหิวแล้ว”
เมฆาบ่นก่อนจะวิ่งแซงขึ้นไปพร้อมๆกับปราชญ์และปกรณ์ลูกพี่ลูกน้องวัยเดียวกัน ปริตรมองตามน้องๆที่วิ่งเลี้ยวไปทางห้องครัวแต่เด็กชายเลือกที่จะเดินเลี้ยวไปตามเสียงที่ได้ยิน
เขาหยุดอยู่ข้างตู้โชว์สูงจรดเพดานเมื่อเห็นผู้ใหญ่หลายคนกำลังนั่งอยู่กับพื้นล้อมรอบกองผ้าสีชมพูโดยไม่มีใครรับรู้ด้วยซ้ำว่าหลานชายคนโตกลับมาถึงบ้านแล้ว
“ดูอะไรพี่ปริตร”
ปราชญ์เดินเข้ามาสะกิดพี่ชายเขาคาบขนมปังเอาไว้มือข้างหนึ่งถือแก้วเปล่าส่วนอีกข้างถือนมเหยือกใหญ่ กับเมฆาที่กำลังประคองจานไส้กรอกและปกรณ์ที่ถือขวดซอสตามมาติดๆ
“ปู่กับย่ากำลังทำอะไรไม่รู้คนเต็มบ้านเลย”
ปริตรตอบแต่เด็กทั้งสามคนไม่ได้ฟังเพราะเดินเข้าไปด้านในก่อนแล้ว เขาเดินตามเข้าไปแล้วมองสิ่งที่อยู่บนกองผ้าหนาราวกับไปพบเห็นสิ่งประหลาดร่างทารกน้อยเล็กกระจ้อยร้อยกำลังแกว่งแขนแกว่งขายิ้มกว้างอวดเหงือกสีชมพูดวงตากลมโตมองพี่ๆที่ทิ้งของทุกอย่างแล้วเข้าไปรุมล้อมพลางส่งเสียงเหมือนพยายามจะทักทาย
“อย่าจับน้องนะลูกพวกเราไปโรงเรียนมามีแต่กลิ่นเหงื่อ”
คุณย่าน้อมเงยหน้าขึ้นมาดุเด็กๆเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังยื่นมือออกมาทำท่าจะจับแก้มของทารกน้อย
“โธ่ย่าพวกผมล้างมือแล้วนะ ไม่งั้นพี่ตาจะให้เอาของกินมาเหรอ”
เมฆาประท้วงเสียงงอนๆก่อนจะลุกขึ้นไปคว้าขนมปังกับไส้กรอกมากิน เลิกให้ความสนใจทารกน้อยไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณอาวิไม่คิดมากหรอก เลี้ยงอนามัยไปจะไม่แข็งแรงนะคะ”
วิภาิ สกุลพาณิชย์ เจ้าของบ้านหลังใหญ่รั้วติดกันบอกยิ้มๆแล้วหันมามองหาหลานชายคนโตของคุณย่าน้อมที่เดินหายไปแล้ว
“เอ๊ะเมื่อกี้วิว่าเห็นปริตรนะคะ”
“คงกลับบ้านไปแล้วล่ะว่าแต่ยายศาเขาเห็นน้องแล้วว่ายังไง ไม่ดีใจแย่เหรอ”
คุณย่าน้อมถามถึงวรรณณิศาลูกสาวคนโตวัยสิบเจ็ดปีของวิภาที่กำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
“เขาก็ดีใจค่ะแต่บ่นเสียดายที่ไม่ได้ช่วยอยู่ดูแลน้อง วิว่ากว่ายายศาจะกลับมาปูนแป้งคงโตพอดี”
พวกผู้ใหญ่เริ่มคุยกันต่อโดยมีสายตาของทารกน้อยมองหน้าคนนู้นทีคนนี้ทีแล้วส่งเสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากเหมือนเข้าใจในสิ่งที่ทุกคนกำลังคุยกัน
ส่วนเด็กผู้ชายต่างลุกไปนั่งล้อมวงกินอาหารว่างโดยมีกนกเข้ามาร่วมวงเป็นคนสุดท้ายไม่นานนักปริตรก็กลับมาในชุดอยู่บ้านตัวหอมกรุ่นด้วยกลิ่นสบู่แต่วันนี้เขาไม่ได้ทาแป้งมาเหมือนที่เคยทำร่างสูงก้าวเข้ามานั่งข้างๆคุณย่าน้อมเขายกมือไหว้ทุกคนแล้วก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนอยู่กลางวง
“น้องชื่ออะไรครับ”
“ปูนแป้งจ้ะวนรรษนันท์ เพราะไหมปริตร”
วิภาถามแต่เด็กชายได้แค่พยักหน้าแล้วยกมือขึ้นจับมือน้อยที่ซ่อนอยู่ในถุงมือลายการ์ตูนเขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มออกมาซึ่งทำให้ทุกคนในห้องหันมามองด้วยความประหลาดใจ
“พี่ปริตรยิ้มเป็นไปได้ยังไง”
เมฆามองรอยยิ้มที่เผยออกมาเพียงนิดเดียวก่อนจะหายไปเขาสะกิดให้ปกรณ์มองตามแต่อีกฝ่ายกลับสนใจดูโทรทัศน์มากกว่าที่จะดูรอยยิ้มของญาติตัวเองผิดกับปราชญ์ที่ลุกไปนั่งข้างๆพี่ชายแล้วมองหน้าเด็กน้อยด้วยความสนใจ
“ยิ้มอะไรพี่”
“เปล่าแค่เห็นน้องยิ้มก็เลยยิ้มตาม”
ปริตรตอบสั้นๆแต่นายบัญญัติกลับสังเกตเห็นว่าหลายชายคนโตไม่ได้ลุกไปร่วมวงกับน้องๆเอาแต่นั่งให้น้องตัวน้อยกำนิ้วของตัวเองแล้วทำท่าจะดึงใส่ปากบ้าง ทำเสียงตอบรับยามที่ทารกน้อยส่งเสียงอืออาเหมือนจะคุยด้วยบ้างจนกระทั้งสามีของวิภาขับรถมารับกลับบ้าน
ปริตรเป็นหลานคนเดียวที่เดินมาส่งวิภากับปูนแป้งที่หน้าตึกพร้อมกับปู่ย่าสายตาของเด็กชายวัยสิบสองไม่มีใครอ่านออกว่าคิดอะไรแต่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงออกว่าสนใจสิ่งอื่นมากกว่ากองหนังสือมากมายในห้องตัวเอง
“ปริตรคงอยากมีน้องผู้หญิงนะคะ”
คุณย่าน้อมหันมาคุยกับสามีตอนที่เดินกลับเข้าไปในบ้านนางมองเด็กๆที่นั่งประจำที่รอทานอาหารเย็นพร้อมกับพ่อแม่แล้วหันกลับมาทางหน้าบ้านเพราะได้ยินเสียงพลเทพกับสุพัตตราแม่เลี้ยงของเมฆาเดินเข้ามาพอดี
“อ้าวกลับจากเกาะมุกเมื่อไหร่”
คุณย่าน้อมถามพร้อมกับยกมือรับไหว้จากทั้งสองคน
“เมื่อเช้าครับพอดีผมไปเก็บค่ามุกมา แล้วเด็กๆล่ะครับแม่”
“นู่นตาเมฆ ตามัค ตาศร นั่งอยู่ในห้องรอกินข้าว เด็กๆคงดีใจที่เห็นพ่อแม่มา”
นายบัญญัติเป็นคนตอบแต่เขาคิดผิดเพราะมฆวันกับมหิศรนั้นแสดงอาการดีใจแต่เมฆากลับนั่งนิ่งทั้งๆที่เมื่อครู่ยังแหย่พี่น้องคนอื่นอยู่เลยคุณย่าน้อมมองหลานชายแล้วลอบถอนใจไม่ว่านานแค่ไหนหลานชายยังคงต่อต้านแม่เลี้ยงอยู่เหมือนเดิม
ตัวสุพัตตราเองก็รู้เธอรักเมฆาเหมือนลูกเพราะเลี้ยงมากับมือแต่ระยะห่างก็ยังคงอยู่ และเธอหวังเพียงสักวันจะได้รับความรักตอบกลับมาบ้างไม่ว่าจะมากหรือน้อยแค่ไหนก็ตาม
เสียงสายฝนที่ตกกระทบหน้าต่างทำให้เด็กชายที่กำลังทบทวนบทเรียนล่วงหน้าละสายตาจากตัวหนังสือถอดแว่นออกแล้วมองออกไปด้านนอก
ปริตรยกมือขึ้นมาดูนึกถึงมือน้องตัวน้อยเมื่อเย็นที่วางอยู่ในมือของตนแล้วยิ้มมือเล็กๆที่บอบบางน่าปกป้อง ต่างจากบรรดาน้องๆผู้ชายที่ตนมีเหล่าทโมนทั้งแปดคนที่ซนเหลือรับจนบางครั้งเขายังนึกสงสัยว่าทำไมบ้านอัครมนตรีถึงมีแต่หลานผู้ชาย
“ปูนแป้งน้องแป้ง”
ปริตรพึมพำเขาเก็บหนังสือเรียน ปิดไฟโคมแล้วเดินมานอนบนเตียง คืนนั้นเขาฝันว่าตนเองเป็นอัศวินถือดาบและโล่คอยปกป้องน้องแป้งจากมังกรทั้งหลายสำหรับเด็กอายุสิบสองอาจเป็นเรื่องเพ้อฝันแต่มันคือความสุขที่ปริตรคิดว่าต่อให้ฝันแบบนี้ทุกๆคืนเขาก็ยินดี
ห้าปีต่อมา
เสียงหัวเราะของเด็กน้อยวัยห้าขวบที่กำลังวิ่งไล่กับลูกหมาตัวน้อยในสนามหญ้าทำให้หนุ่มๆที่กำลังก้าวลงจากรถหันไปมองทุกคนต่างยิ้มแล้วโบกมือตอบรับปูนแป้งก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านมีเพียงปราชญ์ที่เดินเข้าไปอุ้มน้องตัวน้อยขึ้นมาหอมแก้มแล้วหัวเราะเมื่อเด็กน้อยจูบแก้มเขากลับจนเปียก
“เบาๆหน่อยน้องแป้งพี่ปราชญ์เลอะแล้วค่ะ”
พี่ตาคนงานประจำบ้านใหญ่วันนี้ออกมารับหน้าที่ดูแลปูนแป้งที่สนามหญ้ารีบรับหนูน้อยกลับมาแล้ววางลงบนสนามหญ้าปราชญ์ย่อตัวลงแล้วดึงแก้มนุ่มเบาๆด้วยความเอ็นดู
“พี่ไปอาบน้ำก่อนนะครับน้องแป้งอย่าดื้อกับพี่ตานะ”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังทำท่าจะเดินเข้าบ้านใหญ่แต่ปูนแป้งกลับไม่ยอมแล้วส่งเสียงงอแงทำจับชายเสื้อเด็กหนุ่มยื้อไว้
“ปูนแป้งร้องไห้ทำไม”
เสียงดุๆที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังร้องงอแงเงยหน้าขึ้นปากที่เบะออกหุบเม้มแน่น เสียงร้องไห้หยุดลงราวปิดสวิทซ์
“พี่ปริตรน้องแป้งแค่ร้องตามผม”
ปราชญ์ก้มลงจะอุ้มปูนแป้งขึ้นแต่ถูกปริตรแย่งไปเสียก่อนเขาจ้องหน้าเด็กน้อยซึ่งพอเห็นหน้าจ๋อยๆก็ออกจะสงสารอยู่เหมือนกัน
“นายไปอาบน้ำเถอะปราชญ์เดี๋ยวพี่จัดการทางนี้เองพี่ตาจะเข้าไปช่วยป้าพรจัดโต๊ะอาหารก็ไปเถอะครับทางนี้ผมจัดการได้”
“น้องแป้งจะอยู่กับพี่ปราชญ์”
ปูนแป้งพูดเสียงอ่อยๆแม้อยากจะร้องงอแงก็ไม่กล้าเพราะกลัวพี่ปริตร
“ไม่ได้พี่ปราชญ์ต้องไปอาบน้ำเพราะเตะบอลมา เราน่ะอย่าดื้อไม่อย่างนั้นพี่จะจับถ่วงน้ำ”
คำขู่ของปริตรได้ผลดีเกินคาดเพราะน้องจากปูนแป้งจะไม่ร้องไห้แล้วยังนั่งเล่นอยู่ข้างๆชายหนุ่มด้วยอาการเรียบร้อยจนผิดปกตินิสัยจนกระทั่งคุณวิภามารับหนูน้อยถึงลุกขึ้นวิ่งจะไปหาแม่ที่กำลังก้าวลงจากรถทำให้ปริตรลุกขึ้นไม่ทัน
ปูนแป้งวิ่งถลาจนล้มหน้าทิ่มลงกับพื้นเสียงร้องไห้ดังลั่นยามเมื่อร่างสูงก้าวยาวๆมาอุ้มขึ้นแล้วทำเสียงดุซ้ำที่ไม่ฟังคำห้ามเขาดูว่าเด็กน้อยมีแผลที่ไหนบ้างพอเห็นว่าไม่มีก็เลยกดศีรษะทุยแนบกับบ่าแล้วปลอบน้องตัวน้อยเบาๆให้หายตกใจ
“พี่ปิดดุน้องแป้งทำไม”
เสียงถามปนสะอื้นเรียกรอยยิ้มจากชายหนุ่มให้เผยออกมานี่กระมั่งที่ทำให้เขาทิ้งน้องตัวน้อยไปเรียนต่างประเทศไม่ได้จึงเลือกที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยแล้วค่อยไปต่อโทเมืองนอก
“พี่ปริตรดุเพราะจะให้น้องแป้งรู้จักระวังไหนบอกว่าจะเป็นเจ้าสาวใส่ชุดสวยๆ ถ้ามีแผลเป็นแล้วจะสวยได้ยังไง”
ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่มแต่แล้วรอยยิ้มก็ต้องเลือนหายไปเมื่อเด็กน้อยดันตัวออกแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
“น้องแป้งจะเป็นเจ้าสาวของพี่ปาดพี่ปาดใจดี”
แต่คนที่ยิ้มไม่ออกกลับเป็นตัวปริตรเองเพราะไม่คิดว่าหนูน้อยจะคิดไปถึงขั้นอยากเป็นเจ้าสาวให้ใคร
“แล้วพี่ปิดก็เป็นอัดซาวินให้น้องแป้งนะคะ”
คราวนี้ชายหนุ่มถึงยิ้มออกมาได้เขาหอมแก้มเปียกชื้นแล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาให้
“งั้นพี่ปริตรจะคอยดูแลไม่ให้พี่ปราชญ์มีแฟนดีไหม”
ปูนแป้งรีบพยักหน้ารับทันทีน้องน้อยโอบแขนไปรอบลำคอหนาซบหน้ากับบ่ากว้างก่อนจะพูดเบาๆ
“พี่ปิดอย่าดุน้องแป้งอีกนะคะ น้องแป้งกลัว”
“พี่ไม่สัญญาหรอกว่าจะไม่ดุแต่พี่ให้สัญญาว่าจะคอยดูแลน้องแป้งตลอดไป”
ปริตรกอดปูนแป้งเอาไว้เขารักน้องสาวคนนี้จนคิดว่าหากเด็กน้อยโตขึ้นเขานี่ล่ะจะเป็นคนเลือกเจ้าบ่าวที่ดีที่สุดให้กับเธอและจะไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนมาทำให้น้องสาวของเขาเสียใจเด็ดขาด
“สัญญานะคะ”
นิ้วก้อยเล็กๆยื่นออกมาเมื่อถูกวางลงบนพื้นปูนแป้งรอให้พี่ปริตรยื่นมือออกมาเกี่ยวก้อยด้วยถึงยอมขึ้นรถกลับบ้านโดยมีสายตาคมเข้มมองตามไปจนรถของวิภาแล่นออกพ้นประตูรั้วถึงหันหลังเดินกลับไปบ้านของตน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2557, 12:33:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2557, 12:33:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1946
หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๑ >> |

แว่นใส 16 ก.ย. 2557, 17:41:20 น.
คำสัญญาค่ำคอแน่พี่ปิด 55555
คำสัญญาค่ำคอแน่พี่ปิด 55555


ใบบัวน่ารัก 16 ก.ย. 2557, 19:23:01 น.
รอคอยมานาน
นานมากจนนึกว่าจะไม่มาลงเว็บนี้ อีกซะแล้ว
ฮือๆๆๆๆๆดีจาย
รอคอยมานาน
นานมากจนนึกว่าจะไม่มาลงเว็บนี้ อีกซะแล้ว
ฮือๆๆๆๆๆดีจาย

Zephyr 20 ก.ย. 2557, 21:09:43 น.
อัยยะ
ตัว้องน่ะหละจะเลือกใครได้เร้ออออ
ผลสุดท้ายเขมือบเองป่ะนะ หุหุ พี่ปิด พี่ปาด ชื่อน่ากั้วววว
อัยยะ
ตัว้องน่ะหละจะเลือกใครได้เร้ออออ
ผลสุดท้ายเขมือบเองป่ะนะ หุหุ พี่ปิด พี่ปาด ชื่อน่ากั้วววว