Project I
อย่าอ่าน! หากคุณใจไม่เข้มแข็งพอ
Tags: ตบจูบ
ตอน: ฉากจบของ RayMink
หลังจากวางสายของคนรัก ชายหนุ่มก็หันกลับไปมองรุ่นน้องร่างบางที่กำลังดูทีวีอยู่
“พี่กลับก่อนนะนุ๊ก” ชายหนุ่มบอกลา
“อ้าว ไหนพี่เรย์โกหกอีพี่มิ้งค์ว่าจะค้างห้องพี่เมย์ไง แล้วจะรีบกลับไปไหนอ่ะ” นุ๊กทักท้วงและคว้าแขนของเรย์ไม่ให้ลุกไป
“เราตกลงกันแล้วนะว่า ‘เสร็จ’ แล้วก็จะแยกย้ายกัน”
“นุ๊กไม่สน! พี่เรย์จะกลับไปหาพี่มิ้งค์ใช่ป่ะ พี่เรย์ห้ามไปไหนทั้งนั้นอ่ะ”
“อย่างี่เง่านุ๊ก มิ้งค์เมียพี่ พี่จะกลับไปหาเมียพี่” เรย์เริ่มขึ้นเสียงและสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของร่างบาง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องและเสียงอีกคนที่ตอบมาทำให้ขาที่ก้าวชะงัก
“นุ๊กก็เมียพี่นะ!! พี่จะทิ้งนุ๊กหรอ??” นุ๊กวิ่งตามมาคว้าแขนและตะโกนออกมาเสียงดัง จนเสียงได้ยินไปทั้งชั้น เพราะเรย์เปิดประตูค้างไว้
“นุ๊กก็รู้ว่าพี่ทำแค่อยากสนุก พอเหอะ น่ารำคาญ” ร่างสูงที่ยินหน้าประตูพูดทั้งที่ยังหันหลังให้คนฟัง พอพูดจบก็รีบเดินที่ลิฟต์ก่อนจะลงจากคอนโดฯ และรีบขับขึ้นรถออกไป ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่อีกที่ยืนตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธและความอาย
“พี่เรย์! เรื่องนี้ไม่จบแน่ แล้วเราจะเห็นดีกัน” นุ๊กพูดเสียงเคียดแค้นและเดินกระทืบเท้าเข้าไปในห้อง
หลังจากที่เรย์ขับรถออกมาจากคอนโดฯ ของนุ๊กแล้วก็ขับรถตรงไปที่บ้านพักของตนกับแฟนสุดที่รัก ระหว่างทางกลับเรย์ติดไฟแดง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ แล้ว แต่เรย์เห็นเด็กคนนึงเดินถือพวงมาลัยไว้ในมือ และมันเหลือแค่พวงเดียว ด้วยความใจดีเรย์จึงลดกระจกและตะโกนเรียกเด็กคนนั้นหวังจะซื้อพวงมาลัยมาติดรถ
“น้องครับ พวงมาลัยครับ” เรย์ตะโกนเรียกจนเด็กคนนั้นหันมายิ้ม เด็กคนนั้นรีบวิ่งมาที่รถของเรย์ พอเด็กขายพวงมาลัยมาใกล้คนในรถขมวดคิ้วแปลกใจ ‘หน้าตาน่ารักดีแฮะ’ เรย์คิดในใจ
“เท่าไรครับ” เรย์ถามและก้มหากระเป๋าเงิน
“25 บาทครับพี่ แต่มันเหลือพวงสุดท้ายแล้ว ดอกมันเลยช้ำๆ ผมคิดพี่แค่ 15 บาทก็พอครับ” เด็กขายพวงมาลัยตอบด้วยความซื่อสัตย์ เมื่อเรย์เห็นดังนั้นจึงควักแบงก์ร้อยและยื่นให้กับเด็กคนนั้น
“ไม่ต้องทอนนะ พี่ชอบคนแบบน้องอ่ะ” เรย์ยื่นเงินให้และจ้องมองใบหน้านั้นตรงๆ เด็กคนนั้นรับเงินและยิ้มจนเห็นฟันแทบครบทุกปี พวงแก้มที่ขึ้นสีนิดๆ ยิ่งทำให้เด็กคนนั้นดูน่ารักไม่หยอก เด็กหนุ่มเอาเงินเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เรย์ที่มองการกระทำของเด็กก็สะดุดตากับป้ายชื่อบนกระเป๋าเสื้อของเด็ก
“ปรัชญา... ชื่อน้องหรอ” เรย์อ่านชื่อนั่นและถาม เด็กที่ชื่อปรัชญาสะดุ้งเบาๆ และตอบ
“ครับ เรียกผมเบสส์ก็ได้ครับพอดีพึ่งทำงานพิเศษมาน่ะครับเลยติดป้ายชื่อ ผมไปก่อนนะครับ จะไฟเขียวแล้ว” เด็กหนุ่มพูดรัวและบอกลาเรย์ก่อนจะวิ่งขึ้นฟุตบาทแล้วหายไป
“จะรีบไปไหนของเค้านะ” เรย์ที่มองการกระทำของเด็กคนนั้นก็เกาหัวตัวเอง เพราะไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นจะรีบไปไหน แล้วทำไมงานพิเศษที่เด็กชื่อเบสส์บอกมันเขียนตำแหน่งว่า 'รองประธานกรรมการบริษัท' เรย์รีบสะบัดศีรษะไล่ความสงสัยออกไป เพราะตอนนี้สัญญาณไฟจารจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว เรย์ขับรถออกมาด้วยความใจเย็น โดยที่จุดหมายที่กำลังจะไปก็ห่างกันอีกเพียงไม่ไกลแล้ว...
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภายในห้องนอนของบ้านหลังหนึ่งมีร่างของชายหนุ่มสองคนกำลังนอนหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน โดยที่ทั้งสองปลดเปลื้องเสื้อผ้าไปหมดแล้วทุกชิ้น
“หิวว่ะ” นาวพูด
“โทรสั่งพิซซ่าดิ กูไม่อยากทำเอง ไม่มีแรงว่ะ” อีกคนตอบและลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างตัวเองไว้
“เออๆ แล้วมึงจะรีบแต่งตัวไปไหน เดี๋ยวก็ต้องถอดอีก” นาวพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก
“กูขอไปล้างก่อนดิ กูบอกแล้วว่าอย่าแตกใน ฟาย” ร่างบางด่าอีกคนก่อนจะวิ่งหายไปในห้องน้ำ
“แน่จริงอย่าหนีดิสัส” นาวตะโกนตอบคนในห้องน้ำและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาโทรสั่งพิซซ่า
เมื่อสั่งพิซซ่าเสร็จเรียบร้อย คนที่อยู่ในห้องนอนก็พาร่างกายอันเปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำนาวก็ต้องใช้ฝ่ามือกุมไปที่แท่งร้อนของตน 'คนเหี้ยไร แค่มองก็แข็งละ’ นาวคิดในใจ
“มองเหี้ยไร จะอาบป่ะน้ำอ่ะ” คนที่เข้ามาอาบน้ำก่อนหันหน้าไปถาม และใช้นิ้วเรียวขาวถูไปตามร่องข้างหลัง และใช้อีกมือจับแก่นกายสีหวานของตนค่อยๆ ทำความสะอาด
“มิ้งค์ เดี๋ยวกูช่วยล้าง” คนโตกว่าพูดและเดินเข้ามาหาอีกคน ก่อนจะค่อยๆ ย่อเข่าลงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า
“ทะ...ทำเหี้ยอะไรของมึงไอ้นะ...นาว” ร่างบางที่ยืนอยู่ตัวแข็งทื่อ พูดถามตะกุกตะกัก เพราะคิดไม่ถึงว่าตรงหน้าจะทำแบบนี้
“ก็มึงทำให้กูแล้ว กูก็จะทำให้มึงบ้างไง” คนที่นั่งอยู่ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น แต่มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แท่งร้อนสีหวานค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น นาวใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมแท่งร้อนนั้นไว้และเลื่อนหน้าไปใกล้
“ไอ้เหี้ยนาว... มึงจะทำจริงหรอวะ” ร่างบางถามเสียวแผ่ว ใจนึงก็ไม่อยากให้นาวทำ แต่อีกใจตนก็อยากทำ เพราะตอนนี้จิตใจมันเตลิดไปแล้ว
“เออ” นาวตอบและใช้ปากเข้าครอบท่องร้อนนั่นไว้
“อื้ออ...นา...ว” คนที่ยืนอยู่ใช้นิ้วสอดเข้าไปใต้ไรผมของคนที่นั่งอยู่และขยำเบาๆ มิ้งค์ได้แต่คิดว่าขนาดเรย์ คนที่ตัวเองเรียกว่าแฟนยังไม่เคยทำแบบนี้ให้ แล้วทำไมนาวถึงทำแบบนี้ให้ตน เมื่อคิดแบบนั้นมิ้งค์ก็แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ(ระเรื่อประกายมุก) //ตบไรท์เตอร์//
“อึงอ่าเอ็งอิ” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากลำคอของคนที่ปากไม่ว่าง
“อื้ออ...อ๊ะ...อ...ะไร” มิ้งค์ตอบกลับแบบเสียงตะกุกตะกักและเงยหน้าระบายความเสียวซ่านที่นาวมอบให้
“กูบอกว่าอย่าเกร็งดิ” นาวถอนปากออกและและใช้ปากอมแท่งร้อนใหม่อีกรอบ
“อะ...อื้ออ” มิ้งค์ตอบรับเสียงกระเส่า
นาวที่ชำนาญกับเรื่องแบบนี้ก็ใช้ปากผลุบโผล่เข้าออกช้าๆ ใช้ลิ้นเลียตวัดไปรอบหัวแท่งร้อนสีหวาน แท่งร้อนของมิ้งค์ผงกหัวตอบรับเล็กน้อย นาวยิ้มและใช้ลิ้นเลียลากขึ้นลงแท่งร้อนที่ฉ่ำไปด้วยน้ำลายและน้ำของมิ้งค์ นาวดูดแท่งร้อนและใช้ฟันขบไปที่ทางเอ็นร้อนเบาๆ นาวเร่งจังหวะการดูดและเลียเพิ่มขึ้นเพราะตอนนี้คนยืนอยู่เริ่มจิกหัวเขาและร้องเร่งนาวให้ทำเร็วอีก
“อื้ออ...น...าว...เร็วอี...กนะ” เสียงพูดขาดห้วงฟังแทบไม่ได้ศัพท์ มือก็ขยำเส้นผมอีกคนด้วยเพราะตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที่แล้ว
นาวเร่งจังหวะเร็วขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างกอบกุมแก่นกายของตัวเองที่ขยายใหญ่จนเต็มที่แล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะที่ปากตนเองที่ขยับอยู่
“อื้ออ...อ๊าา...า...กูใกล้แล้ว...มึง...อ๊ะๆๆ...อ๊าาาาา” มิ้งค์ครางเสียงหวานก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักของตนเอาปากอีกคน ท่องร้อนของมิ้งค์กระตุกและพ่นน้ำเข้าปากนาวจนเต็มปาก นาวกลืนจนหมดก่อนจะถอนปากออกไป และใช้มือรูดแก่นกายตัวเองบ้าง มิ้งที่เห็นดังนั้นเลยอยากช่วยนาวบ้าง เลยก้มตัวลงจนอยู่ในระดับเดียวกับนาวและใช้ลิ้นเลียไปรอบๆ ส่วนบนสุดของท่องร้อน น้ำใสๆ ไหลเข้าปากมิ้งค์ด้วยความเสียวซ่าน นาวรูดขึ้นเร็วอีก จนได้ยินเสียงเสียงเนื้อกระทบกันดังทั่วห้องน้ำ
พั่บ พั่บ พั่บ
เสียงเนื้อกระทบกันดังอย่างต่อเนื่องไม่นานก็หยุดลงพร้อมด้วยเสียงครางเสียงสุดท้าย แท่งร้อนของนาวพ่นน้ำเหนียวข้นเข้าเต็มปากมิ้งค์ มิ้งค์ดูดกลืนด้วยความเต็มใจและใช้เลียตวัดไปรอบๆ เพื่อทำความสะอาด เมื่อแน่ใจว่าดูดเลียน้ำของคนตรงหน้าจนหมดก็ถอนปากออก และเงยหน้ามองนาว
“มึงทำให้มันบ่อยหรอวะ ทำไมเก่งจัง” นาวถามเสียงเรียบและใช้มือขยี้ผมมิ้งค์
“ไม่หรอก ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้มีอะไรกับมันด้วยซ้ำ” มิ้งค์ตอบตามความจริงและมองหน้านาว
“นานแล้วนะมิ้งค์” จู่ๆ นาวก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“นานอะไรของมึงนาว” มิ้งค์ขมวดคิ้วถาม
“ที่กูต้องรักแบบนี้ไง นานแล้วนะ” นาวพูดออกมาด้วยเสียงเศร้าและก้มหน้าลง
“นาว... กู เอ่อ กูขอโทษ” มิ้งที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเพราะท่าทางของนาวที่เปลี่ยนไป
“มึงไม่ผิดหรอก กูผิดเองแหละที่เลือกแบบนี้ กูต้องขอบใจมึงด้วยซ้ำที่ยังพูดคุยกับกู เพราะถ้าไม่ใช่มึง ถ้ากูไม่มีมึง กูคงไม่มีใคร” นาวพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาของร่างบางที่ตอนนี้แก้มสองข้างอาบไปด้วยน้ำตาแล้ว
“ฮึก!...กูเอง...ฮึก...กูผิดเอง...ฮือออ” มิ้งค์ที่ทนไม่ไหวปล่อยโฮออกมาต่อหน้านาว
“จำคำสัญญาของกูได้ไหม” นาวถามมิ้ง มิ้งค์พยักหน้ารัวทั้งที่กำลังร้องไห้อยู่ นาวโน้มตัวกอดศีรษะของมิ้งค์และลูบผมมิ้งค์ นาวเอ่ยปากกระซิบที่ข้างหูของมิ้งค์
“คำสัญญาที่บอกวะ...” นาวพูดแค่นั้นก็หยุดพูดลงเพราะโดนขัดจังหวะซะก่อน
...อ๊อดดดดดดดดด…
เสียงกริ๊งหน้าบ้านดังขึ้นจนนาวสบถคำหยาบออกมา
“เหี้ยเอ้ย พิซซ่าจะมาส่งอะไรตอนนี้วะ” นาวบ่น
“ฮ่าๆ เดี๋ยวกูลงไปเอาเอง” มิ้งค์ที่เข้าใจคำที่นาวบ่นออกมาก็หัวเราะร่าและเสนอว่าจะลงไปเอาพิซซ่าเอง เพราะตนเองมีลางสังหรณ์ในใจแปลกๆ
“ไม่เอา ไปด้วยกัน ...เดี๋ยวไอ้เด็กส่งพิซซ่าจีบมึง” นาวไม่ยอมและบอกจะลงไปด้วย แต่ประโยคหลังนาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เบาจนมิ้งค์แทบไม่ได้ยิน
“เออครับ ใส่กางเกงก่อนเร็ว” มิ้งค์พูดและชวนนาวไปหากางเกงใส่ ตอนแรกมิ้งค์จะลงไปเอาพิซซ่าทั้งที่ใส่กางเกงแค่ตัวเดียว แต่โดนนาวด่าไว้ มิ้งค์เลยต้องจำใจเดินไปหาเสื้อยืดมาใส่ //ตอนแรกใส่เสื้อกล้ามแล้วพี่นาวไม่ยอม หวง! เมียนมออก//
ทั้งคู่แต่งตัวด้วยความเร็วแสง //เว่ออออ// มิ้งค์ก็หันไปหยิบเงินและเปิดประตูห้องออก นาวเดินออกมากอดคอมิ้งค์จนแน่นก่อนจะเดินลงบันไดไปด้วยกัน เพราะคิดว่าเด็กส่งพิซซ่าคงรอนานแล้ว เพราะเห็นกดกริ่งย้ำอยู่ 2-3 รอบ ทั้งคู่เดินลงไปด้วยรอยยิ้ม ..แต่หารู้ไม่ว่าถ้าหากพวกเขาเปิดประตูออกไปจะต้องเจอกับนรกที่จะเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นรอยบาปที่ทั้งคู่ไม่อาจลืมได้ลงแทน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เรย์ที่ขับรถมาถึงหน้าบ้านก็จอดรถและทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถเลยเดินกลับมาเอา และเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเด็กส่งพิซซ่ามาส่งพอดี เรย์รีบหยิบของที่ลืมและเดินไปหาเด็กส่งพิซซ่า
“อ้าว เบสส์นี่นา” นาวทักเด็กส่งพิซซ่าที่หน้าคล้ายเด็กขายพวงมาลัย
“เอ่อ ผมว่าพี่จำผิดคนแล้วครับ ผมชื่อบาส เป็นแฝดพี่ของเบสส์ครับ” เด็กพิซซ่าแนะนำตัว
“อ้าวหรอ โทษที พิซซ่ามาส่งบ้านนี้ใช่ป่ะ เดี๋ยวพี่รับเอง พี่กำลังจะเข้าบ้าน”
“โอเคครับพี่ ทั้งหมด 780 บาทรวมค่าส่งครับ” เด็กที่ชื่อบาสรีบกุลีกุจอส่งบิลด์ให้เรย์ดู เรย์ขมวดคิ้วนิดหน่อย
“ทำไมมิ้งค์มันสั่งมาเยอะจังวะ” เรย์บ่นกับตัวเองเบาๆ และหยิบเงินออกมาจ่ายค่าพิซซ่า
“ขอบคุณครับ นี่ครับพิซซ่า ขอให้ทานให้อร่อยนะครับ” เด็กชื่อบาสรีบพูดและยื่นพิซซ่ามาให้เรย์ ก่อนจะรีบขี่รถจากไป
“รีบมารีบไปเหมือนเบสส์เลยแหะ” เรย์บ่นเรื่องเด็กที่พึ่งขี่รถออกไป และเดินไปที่หน้าบ้าน
ร่างสูงที่ถือพิซซ่าอยู่ทำท่าจะไขกุญแจเข้าบ้าน แต่ก็นึกสนุกอะไรขึ้นมาได้ เลยกดกริ่งบ้านตัวเอง หวังจะเซอร์ไพร์สมิ้งค์แกล้งเป็นเด็กส่งพิซซ่า ... แต่หารู้ไม่ถ้าประตูบานตรงหน้าเขาเปิดออกมา จะเป็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเซอร์ไพร์สซะเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ทันทีที่ประตูหน้าบ้านเปิดออก หัวใจทั้งสองดวงที่อยู่ใกล้ชิดกันก็พลันเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกผิดจนแทบจะทะลุจากออก แต่หัวใจที่เต้นแรงไม่ใช่มีแค่เขาสองคน ร่างสูงที่ยืนถือกล่องพิซซ่าอยู่หน้าบ้านก็คงเต้นแรงไม่แพ้กัน แต่คงไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวหรือรู้สึกผิด ความรู้สึกและความคิดมากมายถาโถมเข้าหาชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนประจันหน้ากัน
ตุ้บ!
เสียงกล่องพิซซ่าตกจากมือของคนถือ เสียงนั้นเรียกสติของทั้งสามให้กลับมาจากห้วงความคิดอันเลวร้าย
“ระ...เรย์ ฟังกูก่อน” ร่างบางที่ถูกกอดเค้นคำพูดออกมาจากคอ แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เมื่อหมัดขวาของคนยืนรอหน้าประตูถูกปล่อยออกไปแล้ว
ผลั่ว!
เสียงของกระดูกที่นิ้วกระทบกับแก้มข้างซ้ายของคนโดน นาวที่ตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีสิทธิ์หลบเลย คนโดนต่อยล้มลงไปบนพื้นโดยที่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก
“ไอ้เหี้ย! ถ้ากูไม่กลับมา กูคงไม่เห็นความร่านของมึงใช่ไหมอีมิ้งค์” คนที่ปล่อยหมัดขวาออกไปหันไปด่าว่าร่างบางที่ยืนตัวสั่นเพราะเหตุการณ์ตรงหน้า เหตุการณ์ที่เขาคิดว่าซักวันคงมาถึง แต่มันไม่ใช่วันนี้ วันที่เข้ายังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ
“ฮรึ่ก...เรย์...ฟังกูก่อน กะ...กูไม่ได้ตั้งใจ ฮึก” มิ้งค์ได้แต่สะอื้นร่ำไห้และอ้อนวอนร่างสูงที่ตอนนี้รอบตัวเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“เลิกแสร้งบีบน้ำตาตอแหลของมึงซะทีอีร่าน” เรย์แทบรับกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ไหว เรย์ยั้งมือไม่อยู่ ฝ่ามือใหญ่ง้างขึ้นและกระทบกับใบหน้าขาวซีดเต็มแรง
เพี๊ยะ!! //ความแรงขั้นแม็กซ์//
เสียงนั้นกระตุ้นสติของคนที่ลงไปกองกับพื้นคนแรก นาวเงยหน้ามองร่างของคนที่ตนรัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ไอ้เหี้ยเรย์!!!! มึงตบมิ้งค์หรอ” นาวลุกขึ้นยืนได้ก็ตะโกนด่าเรย์และปล่อยหมัดข้างถนัดของตัวเองออกไปบ้าง
“แค่ตบมันยังน้อยไปกับความร่านของมันและความเลวของมึงไอ้เหี้ยนาว” เรย์ด่าสวนกลับแบบแทบไม่ต้องคิด ก่อนจะปล่อยหมัดขวาข้างเดิมสวนกลับไป
เรย์ที่ตัวโตกว่าขึ้นคล่อมนาว //คล่อมด้วยอ่ะ กรี๊ด// และปล่อยหมัดกระทบแก้มข้างซ้ายของนาวจนบวมเป่ง มุมปากของคนนอนอยู่มีเลือดสีแดงฉานไหลลงมาจนน่ากลัว มิ้งค์ที่ได้สติจากแรงตบของนาว มองไปที่ผู้ชายทั้งสองคน มิ้งค์ตกใจรีบคลานเข้าไปดึงเรย์ออกมา ในใจมิ้งแทนที่จะรู้สึกผิดกับเรย์ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้น ...ความรู้สึกที่ส่งผ่านยังคนที่เสียเปรียบ ความรู้สึกเป็นห่วง กระวนกระวายใจ เพียงเพราะกลัวคนที่โดนกระหน่ำต่อยจะเป็นอะไร
“อย่าเรย์ อย่าทำนาว” มิ้งค์ร้องห้ามเสียงเบา
“รักกันมากหรอมึง?” เรย์หันไปมองหน้ามิ้งค์ แวบหนึ่งที่ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด เจ็บปวดเหลือเกินที่โดนทำร้าย หักหลังแบบนี้ แต่มิ้งค์แทบมองไม่ทัน แววตานั้นก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า
เรย์ไม่ได้ถามเอาคำตอบแต่กลับปล่อยหมัดต่อยคนใต้ร่างตนที่คนโดนต่อยแทบจะสติหลุดลอยอยู่หรอมร่อ มิ้งค์รีบคลานไปคว้าแขนของเรย์ข้างที่กำลังง้างแขนต่อยซ้ำนาวอีก เรย์สะบัดแขนจนศอกไปกระแทกหน้าคนที่เข้ามาห้าม มิ้งค์หน้าหันเมื่อโดนศอกอีกคน เรย์หันไปมอง วูบหนึ่งในใจเป็นห่วงขึ้นมา แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขานึกได้ว่าตัวเองถูกทำร้ายไปมากแค่ไหน เรย์ลุกออกจากร่างของนาวที่ตอนนี้หน้าเลอะไปด้วยเลือด ร่างสูงลุกไปคว้าเสื้อของมิ้งค์ที่เสียหลักเพราะศอกตนก่อนจะกระชากให้ลุกขึ้นยืนตามตนเอง
“รักมันมากใช่ไหม ได้มิ้งค์ กูจะทำให้มึงรู้ว่านรกบนดินน่ะมันมีจริง” เรย์พูดจบก็ลากมิ้งค์ให้ตามตนขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ไปชั้นที่มีเพียงห้องนอนและห้องน้ำ
ร่างสูงออกแรงลากมิ้งค์ที่ทั้งตัวสั่นและร้องไห้ไปด้วยไปจนถึงหน้าห้องหนึ่ง แต่ที่มิ้งค์คิดไว้ว่าคงเป็นห้องนอนนั้นผิดไปถนัด เพราะตอนนี้มิ้งค์เข้ามายืนในห้องน้ำกับอีกคนแล้ว
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรในห้องน้ำบ้านกู!!” เรย์มองร่องรอยของเหตุการณ์ในห้องน้ำก่อนหน้าที่ตนจะขึ้นมา คราบน้ำสีขาวข้นเลอะบนพื้นในห้องน้ำ
“ระ...เรย์ คือกู อื้ออ” มิ้งค์ยังพูดไม่จบก็โดนคว้าคอเข้าไปหาอีกคน ปากของมิ้งค์โดนประกบด้วยความหนักหน่วง มิ้งค์พยายามขัดขืนและสะบัดร่างกายตัวเอง
“ตอนนี้ทำเป็นรังเกียจกูนะมิ้งค์” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังมีแต่ความรู้สึกผิด น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรังเกียจ ผิดหวัง เสียใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด สีหน้าที่พูดออกมามันขยะแขยงคนฟังจนมิ้งค์ต้องปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“เรย์...ฮึก กูขอโทษ” มิ้งค์พร่ำคำว่าขอโทษออกมา
“พูดไม่เบื่อหรอวะไอ้คำขอโทษเหี้ยๆ ขอมึงเนี่ย” เรย์พ่นคำด่าไปอีก
มิ้งค์นิ่งเงียบเงยหน้ามองเรย์ช้าๆ ใบหน้าขาวใสรอบดวงตาช้ำเป็นสีแดง น้ำตาไหลอาบแก้มขาวเนียน เรย์ได้แต่มองคนรักของตนด้วยความผิดหวัง ทั้งคู่สบตากัน สายตาของมิ้งค์จ้องมองมาที่เรย์จนเรย์กำหมัดแน่น
“หึ เป็นห่วงมันจนออกนอกหน้าเลยนะ มันยังไม่จบแค่นี้หรอก” เรย์พูดจบก็ลากมิ้งค์เข้าไปในห้องนอน
“ปล่อยกูเรย์ กูเจ็บ” มิ้งค์สะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
“มึงคิดว่ากูไม่เจ็บหรอไง!!” เรย์หันมาตะคอกใส่มิ้งค์จนมิ้งค์ยืนตัวแข็งทื่อ
“ระ...เรย์” มิ้งค์เรียกคนรัก(?)ของตนด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เรย์ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น ความโกรธความเสียใจปะทุอยู่ในใจเรย์ จนเรย์ต้องระบายด้วยการเหวี่ยงมิ้งค์ลงบนเตียงแรงๆ ‘โอ้ย’ มิ้งค์ร้อง เรย์ถอดเสื้อของตัวเองออกและฉีกกระชากเสื้อยืดตัวบางของอีกคนออก
“ยะ...อย่าเรย์ อย่าทำกะ! อื้ออ” เสียงร้องอู้อี้ดังมาจากลำคอขาวสวยของคนใต้ร่าง
เรย์ไม่รอช้าหลังปลดเปลื้องพันธนาการออกหมดแล้ว เรย์รีบปิดปากร่างบางที่ขึ้นว่า ‘เมีย’ ด้วยปากตัวเองทันที ไม่เพียงแค่ลิ้นร้อนจะตวัดเกี่ยวไปมาในโพรงปากเล็ก แต่ฟันขาวของเรย์จะขบเม้มที่ริมฝีปากอีกคนจนเลือดไหลออกมาเต็มคอมิ้งค์ไปไหม
“อะ...อื้ออ” มิ้งค์พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักเรย์ออกไป แต่มันแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลย แถมยังทำให้เรย์ดูเหมือนจะทำร้ายหนักกว่าเดิม แต่แล้วเหมือนโชคช่วยหรือสวรรค์เข้าข้างเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเรย์ดังขึ้นขัดจังหวะ
“สัสเอ้ย! โทรมาทำห่าไรวะ” เรย์สบถคำหยาบออกมาจนแทบทีจะทันหลังจากผละปากออก
‘NOOK’
แต่ชื่อที่โทรเข้ามากลับทำให้เรย์ยกยิ้มที่มุมปากเหมือนคิดอะไรได้ รอยยิ้มนั้นน่ากลัวจนมิ้งค์ที่ได้โอกาสรีบร่นตัวจนติดหัวเตียง
“ฮัลโหลครับ” เรย์รับสายเสียงนุ่ม
(เอ๊ะ! พี่เรย์หรือเปล่าอ่ะ ทำไมแปลกไป) ปลายสายที่ทำท่าจะเหวี่ยงก็รีบเปลี่ยนเสียงถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ น้องนุ๊กโทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ เราพึ่งแยกกันเมื่อกี้เองไม่ใช่หรอครับ” เรย์พูดหยอดใส่อีกคน แต่คำพูดของเรย์กลับทำให้มิ้งค์ที่หวาดกลัวตอนแรกเปลี่ยนท่าทีมาเป็นตกใจ เบิงตาโตอย่างรวดเร็ว
“มะ...มึงนอกใจกู” เสียงสั่นๆ ของมิ้งค์ดังแทรกขึ้นมา
(เกิดอะไรขึ้นหรอครับพี่เรย์ นั่นเสียงใครอ่ะ)
“ไม่มีไรหรอกครับ เสียงแรดแถวนี้แหละ”
(งะ...งั้นหรอครับ นุ๊กแค่จะบอกว่านุ๊กขอโทษที่วีนพี่ไปก่อนหน้านี้นะครับ) ปลายสายเริ่มพูดเสียงหวานเมื่อคนทางนี้พูดดีก่อน
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับนุ๊กพี่พร้อมให้อภัยทุกอย่าง แค่นี้ก่อนนะเด็กดี พี่ติดธุระอ่ะ บาย รักนะครับ” เรย์พูดยาวก่อนจะยิ้มและกดวางสายไป
“อย่ามาทำสำออยตกใจ! มันไม่ถึงครึ่งที่กูรู้สึกด้วยมิ้งค์” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดแทบขาดใจ ก่อนจะตวัดสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นมองมาที่ร่างบางบนเตียง ด้วยสายตาที่สะกดคนบนเตียงนั้นทำให้มิ้งค์แทบไม่กล้าขยับตัว แม้จะหายใจยังแทบไม่ได้ เรย์เอื้อมมือไปบีบคางมิ้งค์
“อีร่าน” เรย์ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็ลุกเดินหายไปเข้าไปในห้องน้ำ
มิ้งค์ช็อคกับกิริยาของเรย์ที่ไม่เคยเป็นขนาดนี้ แต่มิ้งค์ก็ไม่ปล่อยจังหวะนี้ให้ผ่านไป มิ้งค์พยายามลุกขึ้นเพื่อเดินลงไปดูอีกคนที่นอนเจ็บอยู่ข้างล่าง เมื่อลงมาถึงข้างล่างภาพที่เห็นกลับทำให้มิ้งค์แทบหยุดหายใจ ‘เลือด’ ภาพที่มิ้งค์มองเห็นตอนนี้มีแต่เลือด ทั้งที่บนพื้นและบนตัวของอีกคนที่นอนเจ็บอยู่
“มะ...มิ้งค์หรอ” เสียงแหบพร่าพยายามพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้า ความจริงนาวได้ยินฝีเท้าลงมานานแล้ว เขาได้แต่หลับตารอรับชะตากรรมของเขาเพราะคิดว่าเรย์ลงมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปซักพักกลับเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นาวรู้ได้ทันทีว่าคนที่ลงมาไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนที่เขารักนั่นเอง
“นาว ฮรึ่กกก... กูขอโทษนะ ฮืออ” เสียงสะอื้นดังขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความเงียบของคนสองคน
ร่างบางที่ร่างกายสั่นเทิ้มตามแรงสะอื้นค่อยๆ ย่อตัวลงมาหาอีกคนที่นอนอยู่ที่พื้น และก้มลงไปลูบหัวอีกคน นาวที่รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาก็พยายามเอามือขึ้นมาจับมืออีกคน
“ปะ...ไป!”
“ไปไหน ฮรึ่ก มึงจะให้กูไปไหนนาว” มิ้งถามนาวด้วยความไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายออกปากไล่
“หนีไป! ไป มึงต้องไป” นาวพูดและหลับตาลง เขาพยายามแล้ว พยายามจะปกป้องร่างบางตรงหน้า แต่เขาทำได้ดีที่สุดได้เพียงเท่านี้ เขาอาจจะตามไปปกป้องอีกคนไม่ได้ตลอดชีวิต แต่สำหรับนาวเขายอมใช้ทั้งชีวิตเพื่อแลกให้คนรักอยู่รอดต่อไป
“กูไม่ไป ฮืออ กูไม่ทิ้งมึงหรอกนาว” มิ้งค์ปล่อยโฮออกและโผเข้ากอดนาวเต็มรักจนไม่สนว่าอีกคนจะเจ็บไหม
“อึกก! จะ...เจ็บ” นาวพูดแค่นั้นมิ้งก็พร่ำบอกขอโทษและก็ปล่อยนาวออก
“มันไม่ง่ายแบบนั้นมั้งพวกเหี้ย!!!” เสียงดังกัมปนาทลงมาจากบันไดขั้นบนสุด “เพราะมันจะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ!”
ปัง! เพล้ง!
สิ้นเสียงนั้นร่างทั้งสองที่กอดกันอยู่ที่พื้นสะดุ้งขึ้นพร้อมๆ กัน และโผเข้ากอดกันจนลืมความเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น เสียงปืนที่ตั้งใจยิงใส่แจกัน เฉียดตัวพวกเขาไปนิดเดียว
“สนุกมากไหม! ตลกมากไหม! มีความสุขมากไหม! รักกันมากไหม!!! ถ้าพวกมึงรักกันมากนักล่ะก็ พวกมึงก็ไปมีความสุขกันในนรกต่อเหอะ”
ปัง!!!!
เสียงปืนดังลั่นเข้ามาในโสตประสาทของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ‘รักกันในนรก’ คำคำเดียวที่นาวรับฟังเข้ามาในหัวใจ เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเนิ่นนานสำหรับคนทั้งคู่ นาวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่มีบาดแผลทางกายที่ไหนเลยนอกจากแผลที่โดนต่อยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ใช่เขาที่จากไป เมื่อคิดได้แบบนั้นนาวรีบคว้าตัวร่างบางที่ยังหลับตาสนิทขึ้นมาดู กลับพบแต่ความว่างเปล่า และรอยฟกช้ำดำเขียวเพียงแค่นั้น
“ไป!” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากปากของคนลั่นไก
“พวกมึงทั้งคู่! ออกไปจากบ้านกู! แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก”
เพียงแค่สิ้นเสียงนั้น เรี่ยวแรงที่หายไปของนาวกกลับมาพร้อมแรงมากมาย พอที่จะลากอีกคนให้ออกจากบ้านไป ก่อนออกจากบ้านนาวไม่ลืมที่จากหันไปมองบุคคลที่เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนทั้งมัจจุราชของชีวิตเขา ‘กูขอโทษ’ ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากปากนาว มีเพียงปากที่เลอะคาบเลือดขยับเป็นคำพอที่จะให้คนที่มองจากชั้นสองมองออก ส่วนอีกคนแทบจะไม่ได้หันไปมองคนรัก(เก่า)ของตัวเอง ไม่รู้เป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา หรือเพราะเค้าไม่อาจหน้าด้านหันไปมอง แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนจะจากบ้านหลังนี้ไป มิ้งค์หันหน้ากลับไปมองที่ตนเองจากมา คนที่เอ่ยปากไล่พวกเขากำลังเอ่ยปากไล่เขาอีกครั้ง เป็นคำไล่ที่เจ็บปวดที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา เป็นคำไล่ที่เค้าเคยแต่วิ่งเข้าหา แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว เขาจะต้องเดินออกมาแล้ว คำไล่ที่เรย์บอกกับมิ้งค์เป็นครั้งสุดท้าย “รักมึง”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\\Writer Talk//
ยิปปปปปปปปปปปปปปปปปปี้ ในทีสุดข้าพเจ้าก็ปั่นมันจบ ชนิดที่เรียกว่าห่างหายจากการแต่งไป 30 ปี //มึงยังไม่เกิดแท็ต// ภาษามันอาจกากๆ ไปบ้าง สรรพนามซ้ำบ้าง แต่ก็นะ แค่อยากแต่งให้จบ //ซึ่งมันก็ค้างอยู่ดี// ไว้ว่างๆ จะมารีไรท์ตอนนี้ใหม่หมดเบยยยย เอาแบบให้สละสลวยเลย เคปุ๊? แต่ว่าตอนต่อจากนี้ก็เป็น #RayBass #RayBas นะ ทิ้งตัวละครไว้ตู้มมม ใหญ่ๆ อย่าลืมมาทวงบ่อยๆ นะ มาติชม มาดุ มาด่า กันได้ คนแต่งจะได้ปรับปรุงแก้ไข
PS.ถ้าคนมาอ่านใหม่อาจงงว่า เห้ยยย ทำไมจู่ๆ มาโผล่ที่ #RayNook เย้กันเสร็จแล้ว คือความจริงมันมีตอนก่อนหน้านี้ที่ลงไว้ในกลุ่มลับแห่งหนึ่ง กิกิ
PS2. ระหว่าง เรย์ กับ นาว ใครน่าสงสารกว่ากันง่ะ ฮุฮุ
“พี่กลับก่อนนะนุ๊ก” ชายหนุ่มบอกลา
“อ้าว ไหนพี่เรย์โกหกอีพี่มิ้งค์ว่าจะค้างห้องพี่เมย์ไง แล้วจะรีบกลับไปไหนอ่ะ” นุ๊กทักท้วงและคว้าแขนของเรย์ไม่ให้ลุกไป
“เราตกลงกันแล้วนะว่า ‘เสร็จ’ แล้วก็จะแยกย้ายกัน”
“นุ๊กไม่สน! พี่เรย์จะกลับไปหาพี่มิ้งค์ใช่ป่ะ พี่เรย์ห้ามไปไหนทั้งนั้นอ่ะ”
“อย่างี่เง่านุ๊ก มิ้งค์เมียพี่ พี่จะกลับไปหาเมียพี่” เรย์เริ่มขึ้นเสียงและสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของร่างบาง ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องและเสียงอีกคนที่ตอบมาทำให้ขาที่ก้าวชะงัก
“นุ๊กก็เมียพี่นะ!! พี่จะทิ้งนุ๊กหรอ??” นุ๊กวิ่งตามมาคว้าแขนและตะโกนออกมาเสียงดัง จนเสียงได้ยินไปทั้งชั้น เพราะเรย์เปิดประตูค้างไว้
“นุ๊กก็รู้ว่าพี่ทำแค่อยากสนุก พอเหอะ น่ารำคาญ” ร่างสูงที่ยินหน้าประตูพูดทั้งที่ยังหันหลังให้คนฟัง พอพูดจบก็รีบเดินที่ลิฟต์ก่อนจะลงจากคอนโดฯ และรีบขับขึ้นรถออกไป ทิ้งไว้เพียงชายหนุ่มที่อีกที่ยืนตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธและความอาย
“พี่เรย์! เรื่องนี้ไม่จบแน่ แล้วเราจะเห็นดีกัน” นุ๊กพูดเสียงเคียดแค้นและเดินกระทืบเท้าเข้าไปในห้อง
หลังจากที่เรย์ขับรถออกมาจากคอนโดฯ ของนุ๊กแล้วก็ขับรถตรงไปที่บ้านพักของตนกับแฟนสุดที่รัก ระหว่างทางกลับเรย์ติดไฟแดง ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ แล้ว แต่เรย์เห็นเด็กคนนึงเดินถือพวงมาลัยไว้ในมือ และมันเหลือแค่พวงเดียว ด้วยความใจดีเรย์จึงลดกระจกและตะโกนเรียกเด็กคนนั้นหวังจะซื้อพวงมาลัยมาติดรถ
“น้องครับ พวงมาลัยครับ” เรย์ตะโกนเรียกจนเด็กคนนั้นหันมายิ้ม เด็กคนนั้นรีบวิ่งมาที่รถของเรย์ พอเด็กขายพวงมาลัยมาใกล้คนในรถขมวดคิ้วแปลกใจ ‘หน้าตาน่ารักดีแฮะ’ เรย์คิดในใจ
“เท่าไรครับ” เรย์ถามและก้มหากระเป๋าเงิน
“25 บาทครับพี่ แต่มันเหลือพวงสุดท้ายแล้ว ดอกมันเลยช้ำๆ ผมคิดพี่แค่ 15 บาทก็พอครับ” เด็กขายพวงมาลัยตอบด้วยความซื่อสัตย์ เมื่อเรย์เห็นดังนั้นจึงควักแบงก์ร้อยและยื่นให้กับเด็กคนนั้น
“ไม่ต้องทอนนะ พี่ชอบคนแบบน้องอ่ะ” เรย์ยื่นเงินให้และจ้องมองใบหน้านั้นตรงๆ เด็กคนนั้นรับเงินและยิ้มจนเห็นฟันแทบครบทุกปี พวงแก้มที่ขึ้นสีนิดๆ ยิ่งทำให้เด็กคนนั้นดูน่ารักไม่หยอก เด็กหนุ่มเอาเงินเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ เรย์ที่มองการกระทำของเด็กก็สะดุดตากับป้ายชื่อบนกระเป๋าเสื้อของเด็ก
“ปรัชญา... ชื่อน้องหรอ” เรย์อ่านชื่อนั่นและถาม เด็กที่ชื่อปรัชญาสะดุ้งเบาๆ และตอบ
“ครับ เรียกผมเบสส์ก็ได้ครับพอดีพึ่งทำงานพิเศษมาน่ะครับเลยติดป้ายชื่อ ผมไปก่อนนะครับ จะไฟเขียวแล้ว” เด็กหนุ่มพูดรัวและบอกลาเรย์ก่อนจะวิ่งขึ้นฟุตบาทแล้วหายไป
“จะรีบไปไหนของเค้านะ” เรย์ที่มองการกระทำของเด็กคนนั้นก็เกาหัวตัวเอง เพราะไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นจะรีบไปไหน แล้วทำไมงานพิเศษที่เด็กชื่อเบสส์บอกมันเขียนตำแหน่งว่า 'รองประธานกรรมการบริษัท' เรย์รีบสะบัดศีรษะไล่ความสงสัยออกไป เพราะตอนนี้สัญญาณไฟจารจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว เรย์ขับรถออกมาด้วยความใจเย็น โดยที่จุดหมายที่กำลังจะไปก็ห่างกันอีกเพียงไม่ไกลแล้ว...
……………………………………………………………………………………………………………………………………………
ภายในห้องนอนของบ้านหลังหนึ่งมีร่างของชายหนุ่มสองคนกำลังนอนหยอกเย้ากันอย่างสนุกสนาน โดยที่ทั้งสองปลดเปลื้องเสื้อผ้าไปหมดแล้วทุกชิ้น
“หิวว่ะ” นาวพูด
“โทรสั่งพิซซ่าดิ กูไม่อยากทำเอง ไม่มีแรงว่ะ” อีกคนตอบและลุกไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างตัวเองไว้
“เออๆ แล้วมึงจะรีบแต่งตัวไปไหน เดี๋ยวก็ต้องถอดอีก” นาวพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มุมปาก
“กูขอไปล้างก่อนดิ กูบอกแล้วว่าอย่าแตกใน ฟาย” ร่างบางด่าอีกคนก่อนจะวิ่งหายไปในห้องน้ำ
“แน่จริงอย่าหนีดิสัส” นาวตะโกนตอบคนในห้องน้ำและหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมาโทรสั่งพิซซ่า
เมื่อสั่งพิซซ่าเสร็จเรียบร้อย คนที่อยู่ในห้องนอนก็พาร่างกายอันเปลือยเปล่าเข้าไปในห้องน้ำ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำนาวก็ต้องใช้ฝ่ามือกุมไปที่แท่งร้อนของตน 'คนเหี้ยไร แค่มองก็แข็งละ’ นาวคิดในใจ
“มองเหี้ยไร จะอาบป่ะน้ำอ่ะ” คนที่เข้ามาอาบน้ำก่อนหันหน้าไปถาม และใช้นิ้วเรียวขาวถูไปตามร่องข้างหลัง และใช้อีกมือจับแก่นกายสีหวานของตนค่อยๆ ทำความสะอาด
“มิ้งค์ เดี๋ยวกูช่วยล้าง” คนโตกว่าพูดและเดินเข้ามาหาอีกคน ก่อนจะค่อยๆ ย่อเข่าลงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้า
“ทะ...ทำเหี้ยอะไรของมึงไอ้นะ...นาว” ร่างบางที่ยืนอยู่ตัวแข็งทื่อ พูดถามตะกุกตะกัก เพราะคิดไม่ถึงว่าตรงหน้าจะทำแบบนี้
“ก็มึงทำให้กูแล้ว กูก็จะทำให้มึงบ้างไง” คนที่นั่งอยู่ตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้น แต่มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แท่งร้อนสีหวานค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น นาวใช้ฝ่ามือใหญ่กอบกุมแท่งร้อนนั้นไว้และเลื่อนหน้าไปใกล้
“ไอ้เหี้ยนาว... มึงจะทำจริงหรอวะ” ร่างบางถามเสียวแผ่ว ใจนึงก็ไม่อยากให้นาวทำ แต่อีกใจตนก็อยากทำ เพราะตอนนี้จิตใจมันเตลิดไปแล้ว
“เออ” นาวตอบและใช้ปากเข้าครอบท่องร้อนนั่นไว้
“อื้ออ...นา...ว” คนที่ยืนอยู่ใช้นิ้วสอดเข้าไปใต้ไรผมของคนที่นั่งอยู่และขยำเบาๆ มิ้งค์ได้แต่คิดว่าขนาดเรย์ คนที่ตัวเองเรียกว่าแฟนยังไม่เคยทำแบบนี้ให้ แล้วทำไมนาวถึงทำแบบนี้ให้ตน เมื่อคิดแบบนั้นมิ้งค์ก็แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ(ระเรื่อประกายมุก) //ตบไรท์เตอร์//
“อึงอ่าเอ็งอิ” เสียงอู้อี้ดังออกมาจากลำคอของคนที่ปากไม่ว่าง
“อื้ออ...อ๊ะ...อ...ะไร” มิ้งค์ตอบกลับแบบเสียงตะกุกตะกักและเงยหน้าระบายความเสียวซ่านที่นาวมอบให้
“กูบอกว่าอย่าเกร็งดิ” นาวถอนปากออกและและใช้ปากอมแท่งร้อนใหม่อีกรอบ
“อะ...อื้ออ” มิ้งค์ตอบรับเสียงกระเส่า
นาวที่ชำนาญกับเรื่องแบบนี้ก็ใช้ปากผลุบโผล่เข้าออกช้าๆ ใช้ลิ้นเลียตวัดไปรอบหัวแท่งร้อนสีหวาน แท่งร้อนของมิ้งค์ผงกหัวตอบรับเล็กน้อย นาวยิ้มและใช้ลิ้นเลียลากขึ้นลงแท่งร้อนที่ฉ่ำไปด้วยน้ำลายและน้ำของมิ้งค์ นาวดูดแท่งร้อนและใช้ฟันขบไปที่ทางเอ็นร้อนเบาๆ นาวเร่งจังหวะการดูดและเลียเพิ่มขึ้นเพราะตอนนี้คนยืนอยู่เริ่มจิกหัวเขาและร้องเร่งนาวให้ทำเร็วอีก
“อื้ออ...น...าว...เร็วอี...กนะ” เสียงพูดขาดห้วงฟังแทบไม่ได้ศัพท์ มือก็ขยำเส้นผมอีกคนด้วยเพราะตัวเองใกล้จะปลดปล่อยเต็มที่แล้ว
นาวเร่งจังหวะเร็วขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างกอบกุมแก่นกายของตัวเองที่ขยายใหญ่จนเต็มที่แล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะที่ปากตนเองที่ขยับอยู่
“อื้ออ...อ๊าา...า...กูใกล้แล้ว...มึง...อ๊ะๆๆ...อ๊าาาาา” มิ้งค์ครางเสียงหวานก่อนจะปลดปล่อยน้ำรักของตนเอาปากอีกคน ท่องร้อนของมิ้งค์กระตุกและพ่นน้ำเข้าปากนาวจนเต็มปาก นาวกลืนจนหมดก่อนจะถอนปากออกไป และใช้มือรูดแก่นกายตัวเองบ้าง มิ้งที่เห็นดังนั้นเลยอยากช่วยนาวบ้าง เลยก้มตัวลงจนอยู่ในระดับเดียวกับนาวและใช้ลิ้นเลียไปรอบๆ ส่วนบนสุดของท่องร้อน น้ำใสๆ ไหลเข้าปากมิ้งค์ด้วยความเสียวซ่าน นาวรูดขึ้นเร็วอีก จนได้ยินเสียงเสียงเนื้อกระทบกันดังทั่วห้องน้ำ
พั่บ พั่บ พั่บ
เสียงเนื้อกระทบกันดังอย่างต่อเนื่องไม่นานก็หยุดลงพร้อมด้วยเสียงครางเสียงสุดท้าย แท่งร้อนของนาวพ่นน้ำเหนียวข้นเข้าเต็มปากมิ้งค์ มิ้งค์ดูดกลืนด้วยความเต็มใจและใช้เลียตวัดไปรอบๆ เพื่อทำความสะอาด เมื่อแน่ใจว่าดูดเลียน้ำของคนตรงหน้าจนหมดก็ถอนปากออก และเงยหน้ามองนาว
“มึงทำให้มันบ่อยหรอวะ ทำไมเก่งจัง” นาวถามเสียงเรียบและใช้มือขยี้ผมมิ้งค์
“ไม่หรอก ช่วงนี้กูไม่ค่อยได้มีอะไรกับมันด้วยซ้ำ” มิ้งค์ตอบตามความจริงและมองหน้านาว
“นานแล้วนะมิ้งค์” จู่ๆ นาวก็เปลี่ยนเรื่องพูด
“นานอะไรของมึงนาว” มิ้งค์ขมวดคิ้วถาม
“ที่กูต้องรักแบบนี้ไง นานแล้วนะ” นาวพูดออกมาด้วยเสียงเศร้าและก้มหน้าลง
“นาว... กู เอ่อ กูขอโทษ” มิ้งที่ทำตัวไม่ถูกเพราะเพราะท่าทางของนาวที่เปลี่ยนไป
“มึงไม่ผิดหรอก กูผิดเองแหละที่เลือกแบบนี้ กูต้องขอบใจมึงด้วยซ้ำที่ยังพูดคุยกับกู เพราะถ้าไม่ใช่มึง ถ้ากูไม่มีมึง กูคงไม่มีใคร” นาวพูดก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาของร่างบางที่ตอนนี้แก้มสองข้างอาบไปด้วยน้ำตาแล้ว
“ฮึก!...กูเอง...ฮึก...กูผิดเอง...ฮือออ” มิ้งค์ที่ทนไม่ไหวปล่อยโฮออกมาต่อหน้านาว
“จำคำสัญญาของกูได้ไหม” นาวถามมิ้ง มิ้งค์พยักหน้ารัวทั้งที่กำลังร้องไห้อยู่ นาวโน้มตัวกอดศีรษะของมิ้งค์และลูบผมมิ้งค์ นาวเอ่ยปากกระซิบที่ข้างหูของมิ้งค์
“คำสัญญาที่บอกวะ...” นาวพูดแค่นั้นก็หยุดพูดลงเพราะโดนขัดจังหวะซะก่อน
...อ๊อดดดดดดดดด…
เสียงกริ๊งหน้าบ้านดังขึ้นจนนาวสบถคำหยาบออกมา
“เหี้ยเอ้ย พิซซ่าจะมาส่งอะไรตอนนี้วะ” นาวบ่น
“ฮ่าๆ เดี๋ยวกูลงไปเอาเอง” มิ้งค์ที่เข้าใจคำที่นาวบ่นออกมาก็หัวเราะร่าและเสนอว่าจะลงไปเอาพิซซ่าเอง เพราะตนเองมีลางสังหรณ์ในใจแปลกๆ
“ไม่เอา ไปด้วยกัน ...เดี๋ยวไอ้เด็กส่งพิซซ่าจีบมึง” นาวไม่ยอมและบอกจะลงไปด้วย แต่ประโยคหลังนาวพูดด้วยเสียงแผ่วเบา เบาจนมิ้งค์แทบไม่ได้ยิน
“เออครับ ใส่กางเกงก่อนเร็ว” มิ้งค์พูดและชวนนาวไปหากางเกงใส่ ตอนแรกมิ้งค์จะลงไปเอาพิซซ่าทั้งที่ใส่กางเกงแค่ตัวเดียว แต่โดนนาวด่าไว้ มิ้งค์เลยต้องจำใจเดินไปหาเสื้อยืดมาใส่ //ตอนแรกใส่เสื้อกล้ามแล้วพี่นาวไม่ยอม หวง! เมียนมออก//
ทั้งคู่แต่งตัวด้วยความเร็วแสง //เว่ออออ// มิ้งค์ก็หันไปหยิบเงินและเปิดประตูห้องออก นาวเดินออกมากอดคอมิ้งค์จนแน่นก่อนจะเดินลงบันไดไปด้วยกัน เพราะคิดว่าเด็กส่งพิซซ่าคงรอนานแล้ว เพราะเห็นกดกริ่งย้ำอยู่ 2-3 รอบ ทั้งคู่เดินลงไปด้วยรอยยิ้ม ..แต่หารู้ไม่ว่าถ้าหากพวกเขาเปิดประตูออกไปจะต้องเจอกับนรกที่จะเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นรอยบาปที่ทั้งคู่ไม่อาจลืมได้ลงแทน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
เรย์ที่ขับรถมาถึงหน้าบ้านก็จอดรถและทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถเลยเดินกลับมาเอา และเป็นจังหวะเดียวกับที่มีเด็กส่งพิซซ่ามาส่งพอดี เรย์รีบหยิบของที่ลืมและเดินไปหาเด็กส่งพิซซ่า
“อ้าว เบสส์นี่นา” นาวทักเด็กส่งพิซซ่าที่หน้าคล้ายเด็กขายพวงมาลัย
“เอ่อ ผมว่าพี่จำผิดคนแล้วครับ ผมชื่อบาส เป็นแฝดพี่ของเบสส์ครับ” เด็กพิซซ่าแนะนำตัว
“อ้าวหรอ โทษที พิซซ่ามาส่งบ้านนี้ใช่ป่ะ เดี๋ยวพี่รับเอง พี่กำลังจะเข้าบ้าน”
“โอเคครับพี่ ทั้งหมด 780 บาทรวมค่าส่งครับ” เด็กที่ชื่อบาสรีบกุลีกุจอส่งบิลด์ให้เรย์ดู เรย์ขมวดคิ้วนิดหน่อย
“ทำไมมิ้งค์มันสั่งมาเยอะจังวะ” เรย์บ่นกับตัวเองเบาๆ และหยิบเงินออกมาจ่ายค่าพิซซ่า
“ขอบคุณครับ นี่ครับพิซซ่า ขอให้ทานให้อร่อยนะครับ” เด็กชื่อบาสรีบพูดและยื่นพิซซ่ามาให้เรย์ ก่อนจะรีบขี่รถจากไป
“รีบมารีบไปเหมือนเบสส์เลยแหะ” เรย์บ่นเรื่องเด็กที่พึ่งขี่รถออกไป และเดินไปที่หน้าบ้าน
ร่างสูงที่ถือพิซซ่าอยู่ทำท่าจะไขกุญแจเข้าบ้าน แต่ก็นึกสนุกอะไรขึ้นมาได้ เลยกดกริ่งบ้านตัวเอง หวังจะเซอร์ไพร์สมิ้งค์แกล้งเป็นเด็กส่งพิซซ่า ... แต่หารู้ไม่ถ้าประตูบานตรงหน้าเขาเปิดออกมา จะเป็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูต่างหากที่จะเป็นฝ่ายเซอร์ไพร์สซะเอง
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ทันทีที่ประตูหน้าบ้านเปิดออก หัวใจทั้งสองดวงที่อยู่ใกล้ชิดกันก็พลันเต้นแรงด้วยความหวาดกลัวและรู้สึกผิดจนแทบจะทะลุจากออก แต่หัวใจที่เต้นแรงไม่ใช่มีแค่เขาสองคน ร่างสูงที่ยืนถือกล่องพิซซ่าอยู่หน้าบ้านก็คงเต้นแรงไม่แพ้กัน แต่คงไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวหรือรู้สึกผิด ความรู้สึกและความคิดมากมายถาโถมเข้าหาชายหนุ่มทั้งสามที่ยืนประจันหน้ากัน
ตุ้บ!
เสียงกล่องพิซซ่าตกจากมือของคนถือ เสียงนั้นเรียกสติของทั้งสามให้กลับมาจากห้วงความคิดอันเลวร้าย
“ระ...เรย์ ฟังกูก่อน” ร่างบางที่ถูกกอดเค้นคำพูดออกมาจากคอ แต่ดูเหมือนจะไม่ทัน เมื่อหมัดขวาของคนยืนรอหน้าประตูถูกปล่อยออกไปแล้ว
ผลั่ว!
เสียงของกระดูกที่นิ้วกระทบกับแก้มข้างซ้ายของคนโดน นาวที่ตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีสิทธิ์หลบเลย คนโดนต่อยล้มลงไปบนพื้นโดยที่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในปาก
“ไอ้เหี้ย! ถ้ากูไม่กลับมา กูคงไม่เห็นความร่านของมึงใช่ไหมอีมิ้งค์” คนที่ปล่อยหมัดขวาออกไปหันไปด่าว่าร่างบางที่ยืนตัวสั่นเพราะเหตุการณ์ตรงหน้า เหตุการณ์ที่เขาคิดว่าซักวันคงมาถึง แต่มันไม่ใช่วันนี้ วันที่เข้ายังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ
“ฮรึ่ก...เรย์...ฟังกูก่อน กะ...กูไม่ได้ตั้งใจ ฮึก” มิ้งค์ได้แต่สะอื้นร่ำไห้และอ้อนวอนร่างสูงที่ตอนนี้รอบตัวเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต
“เลิกแสร้งบีบน้ำตาตอแหลของมึงซะทีอีร่าน” เรย์แทบรับกับเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ไหว เรย์ยั้งมือไม่อยู่ ฝ่ามือใหญ่ง้างขึ้นและกระทบกับใบหน้าขาวซีดเต็มแรง
เพี๊ยะ!! //ความแรงขั้นแม็กซ์//
เสียงนั้นกระตุ้นสติของคนที่ลงไปกองกับพื้นคนแรก นาวเงยหน้ามองร่างของคนที่ตนรัก ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ไอ้เหี้ยเรย์!!!! มึงตบมิ้งค์หรอ” นาวลุกขึ้นยืนได้ก็ตะโกนด่าเรย์และปล่อยหมัดข้างถนัดของตัวเองออกไปบ้าง
“แค่ตบมันยังน้อยไปกับความร่านของมันและความเลวของมึงไอ้เหี้ยนาว” เรย์ด่าสวนกลับแบบแทบไม่ต้องคิด ก่อนจะปล่อยหมัดขวาข้างเดิมสวนกลับไป
เรย์ที่ตัวโตกว่าขึ้นคล่อมนาว //คล่อมด้วยอ่ะ กรี๊ด// และปล่อยหมัดกระทบแก้มข้างซ้ายของนาวจนบวมเป่ง มุมปากของคนนอนอยู่มีเลือดสีแดงฉานไหลลงมาจนน่ากลัว มิ้งค์ที่ได้สติจากแรงตบของนาว มองไปที่ผู้ชายทั้งสองคน มิ้งค์ตกใจรีบคลานเข้าไปดึงเรย์ออกมา ในใจมิ้งแทนที่จะรู้สึกผิดกับเรย์ แต่ความรู้สึกตอนนี้มันเหลือแค่อย่างเดียวเท่านั้น ...ความรู้สึกที่ส่งผ่านยังคนที่เสียเปรียบ ความรู้สึกเป็นห่วง กระวนกระวายใจ เพียงเพราะกลัวคนที่โดนกระหน่ำต่อยจะเป็นอะไร
“อย่าเรย์ อย่าทำนาว” มิ้งค์ร้องห้ามเสียงเบา
“รักกันมากหรอมึง?” เรย์หันไปมองหน้ามิ้งค์ แวบหนึ่งที่ดวงตาแข็งกร้าวเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด เจ็บปวดเหลือเกินที่โดนทำร้าย หักหลังแบบนี้ แต่มิ้งค์แทบมองไม่ทัน แววตานั้นก็เปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว ดุร้ายราวกับสัตว์ป่า
เรย์ไม่ได้ถามเอาคำตอบแต่กลับปล่อยหมัดต่อยคนใต้ร่างตนที่คนโดนต่อยแทบจะสติหลุดลอยอยู่หรอมร่อ มิ้งค์รีบคลานไปคว้าแขนของเรย์ข้างที่กำลังง้างแขนต่อยซ้ำนาวอีก เรย์สะบัดแขนจนศอกไปกระแทกหน้าคนที่เข้ามาห้าม มิ้งค์หน้าหันเมื่อโดนศอกอีกคน เรย์หันไปมอง วูบหนึ่งในใจเป็นห่วงขึ้นมา แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขานึกได้ว่าตัวเองถูกทำร้ายไปมากแค่ไหน เรย์ลุกออกจากร่างของนาวที่ตอนนี้หน้าเลอะไปด้วยเลือด ร่างสูงลุกไปคว้าเสื้อของมิ้งค์ที่เสียหลักเพราะศอกตนก่อนจะกระชากให้ลุกขึ้นยืนตามตนเอง
“รักมันมากใช่ไหม ได้มิ้งค์ กูจะทำให้มึงรู้ว่านรกบนดินน่ะมันมีจริง” เรย์พูดจบก็ลากมิ้งค์ให้ตามตนขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ไปชั้นที่มีเพียงห้องนอนและห้องน้ำ
ร่างสูงออกแรงลากมิ้งค์ที่ทั้งตัวสั่นและร้องไห้ไปด้วยไปจนถึงหน้าห้องหนึ่ง แต่ที่มิ้งค์คิดไว้ว่าคงเป็นห้องนอนนั้นผิดไปถนัด เพราะตอนนี้มิ้งค์เข้ามายืนในห้องน้ำกับอีกคนแล้ว
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรในห้องน้ำบ้านกู!!” เรย์มองร่องรอยของเหตุการณ์ในห้องน้ำก่อนหน้าที่ตนจะขึ้นมา คราบน้ำสีขาวข้นเลอะบนพื้นในห้องน้ำ
“ระ...เรย์ คือกู อื้ออ” มิ้งค์ยังพูดไม่จบก็โดนคว้าคอเข้าไปหาอีกคน ปากของมิ้งค์โดนประกบด้วยความหนักหน่วง มิ้งค์พยายามขัดขืนและสะบัดร่างกายตัวเอง
“ตอนนี้ทำเป็นรังเกียจกูนะมิ้งค์” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังมีแต่ความรู้สึกผิด น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรังเกียจ ผิดหวัง เสียใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใด สีหน้าที่พูดออกมามันขยะแขยงคนฟังจนมิ้งค์ต้องปล่อยโฮออกมาอีกรอบ
“เรย์...ฮึก กูขอโทษ” มิ้งค์พร่ำคำว่าขอโทษออกมา
“พูดไม่เบื่อหรอวะไอ้คำขอโทษเหี้ยๆ ขอมึงเนี่ย” เรย์พ่นคำด่าไปอีก
มิ้งค์นิ่งเงียบเงยหน้ามองเรย์ช้าๆ ใบหน้าขาวใสรอบดวงตาช้ำเป็นสีแดง น้ำตาไหลอาบแก้มขาวเนียน เรย์ได้แต่มองคนรักของตนด้วยความผิดหวัง ทั้งคู่สบตากัน สายตาของมิ้งค์จ้องมองมาที่เรย์จนเรย์กำหมัดแน่น
“หึ เป็นห่วงมันจนออกนอกหน้าเลยนะ มันยังไม่จบแค่นี้หรอก” เรย์พูดจบก็ลากมิ้งค์เข้าไปในห้องนอน
“ปล่อยกูเรย์ กูเจ็บ” มิ้งค์สะบัดข้อมือจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย
“มึงคิดว่ากูไม่เจ็บหรอไง!!” เรย์หันมาตะคอกใส่มิ้งค์จนมิ้งค์ยืนตัวแข็งทื่อ
“ระ...เรย์” มิ้งค์เรียกคนรัก(?)ของตนด้วยเสียงอันแผ่วเบา
เรย์ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหนทั้งนั้น ความโกรธความเสียใจปะทุอยู่ในใจเรย์ จนเรย์ต้องระบายด้วยการเหวี่ยงมิ้งค์ลงบนเตียงแรงๆ ‘โอ้ย’ มิ้งค์ร้อง เรย์ถอดเสื้อของตัวเองออกและฉีกกระชากเสื้อยืดตัวบางของอีกคนออก
“ยะ...อย่าเรย์ อย่าทำกะ! อื้ออ” เสียงร้องอู้อี้ดังมาจากลำคอขาวสวยของคนใต้ร่าง
เรย์ไม่รอช้าหลังปลดเปลื้องพันธนาการออกหมดแล้ว เรย์รีบปิดปากร่างบางที่ขึ้นว่า ‘เมีย’ ด้วยปากตัวเองทันที ไม่เพียงแค่ลิ้นร้อนจะตวัดเกี่ยวไปมาในโพรงปากเล็ก แต่ฟันขาวของเรย์จะขบเม้มที่ริมฝีปากอีกคนจนเลือดไหลออกมาเต็มคอมิ้งค์ไปไหม
“อะ...อื้ออ” มิ้งค์พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายผลักเรย์ออกไป แต่มันแทบไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นเลย แถมยังทำให้เรย์ดูเหมือนจะทำร้ายหนักกว่าเดิม แต่แล้วเหมือนโชคช่วยหรือสวรรค์เข้าข้างเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเรย์ดังขึ้นขัดจังหวะ
“สัสเอ้ย! โทรมาทำห่าไรวะ” เรย์สบถคำหยาบออกมาจนแทบทีจะทันหลังจากผละปากออก
‘NOOK’
แต่ชื่อที่โทรเข้ามากลับทำให้เรย์ยกยิ้มที่มุมปากเหมือนคิดอะไรได้ รอยยิ้มนั้นน่ากลัวจนมิ้งค์ที่ได้โอกาสรีบร่นตัวจนติดหัวเตียง
“ฮัลโหลครับ” เรย์รับสายเสียงนุ่ม
(เอ๊ะ! พี่เรย์หรือเปล่าอ่ะ ทำไมแปลกไป) ปลายสายที่ทำท่าจะเหวี่ยงก็รีบเปลี่ยนเสียงถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ น้องนุ๊กโทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่าครับ เราพึ่งแยกกันเมื่อกี้เองไม่ใช่หรอครับ” เรย์พูดหยอดใส่อีกคน แต่คำพูดของเรย์กลับทำให้มิ้งค์ที่หวาดกลัวตอนแรกเปลี่ยนท่าทีมาเป็นตกใจ เบิงตาโตอย่างรวดเร็ว
“มะ...มึงนอกใจกู” เสียงสั่นๆ ของมิ้งค์ดังแทรกขึ้นมา
(เกิดอะไรขึ้นหรอครับพี่เรย์ นั่นเสียงใครอ่ะ)
“ไม่มีไรหรอกครับ เสียงแรดแถวนี้แหละ”
(งะ...งั้นหรอครับ นุ๊กแค่จะบอกว่านุ๊กขอโทษที่วีนพี่ไปก่อนหน้านี้นะครับ) ปลายสายเริ่มพูดเสียงหวานเมื่อคนทางนี้พูดดีก่อน
“ไม่เป็นไรครับ สำหรับนุ๊กพี่พร้อมให้อภัยทุกอย่าง แค่นี้ก่อนนะเด็กดี พี่ติดธุระอ่ะ บาย รักนะครับ” เรย์พูดยาวก่อนจะยิ้มและกดวางสายไป
“อย่ามาทำสำออยตกใจ! มันไม่ถึงครึ่งที่กูรู้สึกด้วยมิ้งค์” เรย์พูดด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดแทบขาดใจ ก่อนจะตวัดสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแค้นมองมาที่ร่างบางบนเตียง ด้วยสายตาที่สะกดคนบนเตียงนั้นทำให้มิ้งค์แทบไม่กล้าขยับตัว แม้จะหายใจยังแทบไม่ได้ เรย์เอื้อมมือไปบีบคางมิ้งค์
“อีร่าน” เรย์ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้วก็ลุกเดินหายไปเข้าไปในห้องน้ำ
มิ้งค์ช็อคกับกิริยาของเรย์ที่ไม่เคยเป็นขนาดนี้ แต่มิ้งค์ก็ไม่ปล่อยจังหวะนี้ให้ผ่านไป มิ้งค์พยายามลุกขึ้นเพื่อเดินลงไปดูอีกคนที่นอนเจ็บอยู่ข้างล่าง เมื่อลงมาถึงข้างล่างภาพที่เห็นกลับทำให้มิ้งค์แทบหยุดหายใจ ‘เลือด’ ภาพที่มิ้งค์มองเห็นตอนนี้มีแต่เลือด ทั้งที่บนพื้นและบนตัวของอีกคนที่นอนเจ็บอยู่
“มะ...มิ้งค์หรอ” เสียงแหบพร่าพยายามพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองคนตรงหน้า ความจริงนาวได้ยินฝีเท้าลงมานานแล้ว เขาได้แต่หลับตารอรับชะตากรรมของเขาเพราะคิดว่าเรย์ลงมา แต่เมื่อเวลาผ่านไปซักพักกลับเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นาวรู้ได้ทันทีว่าคนที่ลงมาไม่ใช่ใคร แต่เป็นคนที่เขารักนั่นเอง
“นาว ฮรึ่กกก... กูขอโทษนะ ฮืออ” เสียงสะอื้นดังขึ้นมาอีกครั้งท่ามกลางความเงียบของคนสองคน
ร่างบางที่ร่างกายสั่นเทิ้มตามแรงสะอื้นค่อยๆ ย่อตัวลงมาหาอีกคนที่นอนอยู่ที่พื้น และก้มลงไปลูบหัวอีกคน นาวที่รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาก็พยายามเอามือขึ้นมาจับมืออีกคน
“ปะ...ไป!”
“ไปไหน ฮรึ่ก มึงจะให้กูไปไหนนาว” มิ้งถามนาวด้วยความไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายออกปากไล่
“หนีไป! ไป มึงต้องไป” นาวพูดและหลับตาลง เขาพยายามแล้ว พยายามจะปกป้องร่างบางตรงหน้า แต่เขาทำได้ดีที่สุดได้เพียงเท่านี้ เขาอาจจะตามไปปกป้องอีกคนไม่ได้ตลอดชีวิต แต่สำหรับนาวเขายอมใช้ทั้งชีวิตเพื่อแลกให้คนรักอยู่รอดต่อไป
“กูไม่ไป ฮืออ กูไม่ทิ้งมึงหรอกนาว” มิ้งค์ปล่อยโฮออกและโผเข้ากอดนาวเต็มรักจนไม่สนว่าอีกคนจะเจ็บไหม
“อึกก! จะ...เจ็บ” นาวพูดแค่นั้นมิ้งก็พร่ำบอกขอโทษและก็ปล่อยนาวออก
“มันไม่ง่ายแบบนั้นมั้งพวกเหี้ย!!!” เสียงดังกัมปนาทลงมาจากบันไดขั้นบนสุด “เพราะมันจะไม่มีใครได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ!”
ปัง! เพล้ง!
สิ้นเสียงนั้นร่างทั้งสองที่กอดกันอยู่ที่พื้นสะดุ้งขึ้นพร้อมๆ กัน และโผเข้ากอดกันจนลืมความเจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น เสียงปืนที่ตั้งใจยิงใส่แจกัน เฉียดตัวพวกเขาไปนิดเดียว
“สนุกมากไหม! ตลกมากไหม! มีความสุขมากไหม! รักกันมากไหม!!! ถ้าพวกมึงรักกันมากนักล่ะก็ พวกมึงก็ไปมีความสุขกันในนรกต่อเหอะ”
ปัง!!!!
เสียงปืนดังลั่นเข้ามาในโสตประสาทของทั้งสองคนอย่างชัดเจน ‘รักกันในนรก’ คำคำเดียวที่นาวรับฟังเข้ามาในหัวใจ เวลาดูเหมือนจะผ่านไปเนิ่นนานสำหรับคนทั้งคู่ นาวค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาพบว่าตัวเองไม่มีบาดแผลทางกายที่ไหนเลยนอกจากแผลที่โดนต่อยไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ใช่เขาที่จากไป เมื่อคิดได้แบบนั้นนาวรีบคว้าตัวร่างบางที่ยังหลับตาสนิทขึ้นมาดู กลับพบแต่ความว่างเปล่า และรอยฟกช้ำดำเขียวเพียงแค่นั้น
“ไป!” เสียงตะโกนดังขึ้นมาจากปากของคนลั่นไก
“พวกมึงทั้งคู่! ออกไปจากบ้านกู! แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก”
เพียงแค่สิ้นเสียงนั้น เรี่ยวแรงที่หายไปของนาวกกลับมาพร้อมแรงมากมาย พอที่จะลากอีกคนให้ออกจากบ้านไป ก่อนออกจากบ้านนาวไม่ลืมที่จากหันไปมองบุคคลที่เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนทั้งมัจจุราชของชีวิตเขา ‘กูขอโทษ’ ไม่มีเสียงใดเล็ดรอดออกมาจากปากนาว มีเพียงปากที่เลอะคาบเลือดขยับเป็นคำพอที่จะให้คนที่มองจากชั้นสองมองออก ส่วนอีกคนแทบจะไม่ได้หันไปมองคนรัก(เก่า)ของตัวเอง ไม่รู้เป็นเพราะความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา หรือเพราะเค้าไม่อาจหน้าด้านหันไปมอง แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวก่อนจะจากบ้านหลังนี้ไป มิ้งค์หันหน้ากลับไปมองที่ตนเองจากมา คนที่เอ่ยปากไล่พวกเขากำลังเอ่ยปากไล่เขาอีกครั้ง เป็นคำไล่ที่เจ็บปวดที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา เป็นคำไล่ที่เค้าเคยแต่วิ่งเข้าหา แต่ตอนนี้ไม่อีกแล้ว เขาจะต้องเดินออกมาแล้ว คำไล่ที่เรย์บอกกับมิ้งค์เป็นครั้งสุดท้าย “รักมึง”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
\\Writer Talk//
ยิปปปปปปปปปปปปปปปปปปี้ ในทีสุดข้าพเจ้าก็ปั่นมันจบ ชนิดที่เรียกว่าห่างหายจากการแต่งไป 30 ปี //มึงยังไม่เกิดแท็ต// ภาษามันอาจกากๆ ไปบ้าง สรรพนามซ้ำบ้าง แต่ก็นะ แค่อยากแต่งให้จบ //ซึ่งมันก็ค้างอยู่ดี// ไว้ว่างๆ จะมารีไรท์ตอนนี้ใหม่หมดเบยยยย เอาแบบให้สละสลวยเลย เคปุ๊? แต่ว่าตอนต่อจากนี้ก็เป็น #RayBass #RayBas นะ ทิ้งตัวละครไว้ตู้มมม ใหญ่ๆ อย่าลืมมาทวงบ่อยๆ นะ มาติชม มาดุ มาด่า กันได้ คนแต่งจะได้ปรับปรุงแก้ไข
PS.ถ้าคนมาอ่านใหม่อาจงงว่า เห้ยยย ทำไมจู่ๆ มาโผล่ที่ #RayNook เย้กันเสร็จแล้ว คือความจริงมันมีตอนก่อนหน้านี้ที่ลงไว้ในกลุ่มลับแห่งหนึ่ง กิกิ
PS2. ระหว่าง เรย์ กับ นาว ใครน่าสงสารกว่ากันง่ะ ฮุฮุ
แท่แด๊ด
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ม.ค. 2558, 19:17:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ม.ค. 2558, 19:17:43 น.