+ + + + มายารักเร่ + + + +
เด็กสาวสิบเก้า ลูกครึ่งหนุ่มหล่อ วิญญาณสาวสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เรือนไทยประยุกต์ และหมอผีไสยดำ

ฝากอีบุ๊คส์ของเค้าด้วยนะคะ

ทาสเสน่หาข้ามภพ โหลดได้ที่เมพค่ะ

https://www.mebmarket.com/ebook-25233-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%9E
Tags: พาขวัญ,ศักดิ์ศิวา,รักเร่,วิญญาณ,มายา

ตอน: บทที่ ๑

คืนนี้เดือนมืด มองเห็นชัดเพียงดาวเหนือ ส่วนดาวเล็กดาวน้อยถูกแสงไฟจากพื้นโลกแย่งความสว่างไปจนหมด ท้องฟ้าเวลานี้จึงเหมือนใครนำผ้าสีเทาขมุกขมัวไปขึงเอาไว้ บรรยากาศภายในซอยแห่งนี้เงียบสงัด บ้านทุกหลังปิดไฟมืด นานๆ จะได้ยินเสียงสุนัขเห่ามาจากที่ไกลๆ อากาศร้อนอบอ้าว ใบไม้สักใบไม่ไหวติง

ชายร่างสันทัด หน้าเสี้ยมคนหนึ่งก้าวออกจากที่ซ่อนหลังอดทนรอมาเกือบสองชั่วโมง แววตาเต็มไปด้วยความหมายมาดบางอย่าง

อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า มันจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งที่ยังอยู่บนโลก!

อา...มันส่งเสียงครางในอกด้วยความลิงโลด และพลันที่คิดแบบนั้น ภาพของเด็กสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในห้วงคิด

...ร่างระหง ใบหน้าสวยเก๋ชวนมอง ผิวน้ำผึ้งผุดผาดที่เพียงแค่เห็นก็รู้แล้วว่ายามสัมผัสจะลื่นมือสักเพียงไหน
ไหนจะกลิ่นเนื้อสาววัยแรกแย้มที่ยั่วเย้าสัญชาตญาณดิบในตัวมันให้โลดเร่าอีกเล่า...

ชายหน้าเสี้ยมปีนรั้วไม้ระแนงเตี้ยๆ นั้นเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว กระหยิ่มยิ้มย่อง แต่ทันทีที่เท้าแตะพื้นหญ้า มันกลับขนลุกซู่โดยไม่มีสาเหตุ จนต้องยกมือขึ้นลูบแขนไปมา ความรู้สึกเหมือนถูกจับตามองจากที่ไหนสักแห่งทำให้มันหันมองซ้ายขวา แถมอากาศเพียงรั้วกั้นกลับต่างกันลิบลับ ภายนอกร้อนจนเหงื่อซ่ก แต่ภายในเย็นยะเยือกจนรู้สึกอึดอัดและพรั่นพรึงบอกไม่ถูก ตัวบ้านสองชั้นที่กลืนไปกับความมืดเป็นเงาตะคุ่มดูเหมือนอสุรกาย ต้นไม้สูงรอบบ้านสะบัดใบตามแรงลมคล้ายการร่ายรำของปีศาจ แมลงกลางคืนพลันกรีดเสียงร้องคล้ายเสียงของเหล่าสัมภเวสีอย่างไรอย่างนั้น

สัมภเวสี...ผี

มันชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อนึกถึงคำนี้ เพราะเป็นคำที่ตีคู่มากับบ้านโบราณหลังนี้และเด็กสาวผู้เป็นเจ้าของ

เพื่อนของมันเล่าให้ฟังว่า แต่เดิมเรือนไทยผสมสถาปัตยกรรมตะวันตกสีเขียวน้ำทะเลแห่งนี้ เป็นตำหนักทรงของหมอดูและหมอผีที่ชื่อมั่นคง ตอนหลังเมื่อพ่อหมอเสียชีวิตลง ลูกสาววัยรุ่นของแกก็อยู่คนเดียว และอยู่แบบรอดปลอดภัยภายในบ้าน ทั้งที่มีขโมยขโจรแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเยียนไม่ขาด จึงมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า เด็กสาวเลี้ยงผี!

‘มีคนยืนยันว่าเคยเห็นนังย่าหยาคุยแล้วก็หัวเราะทั้งที่ตอนนั้นมันอยู่คนเดียว พอมีคนทำใจกล้าไปถามมันว่าเลี้ยงผีจริงมั้ย สักพักไอ้คนถามก็วิ่งแจ้นออกมา หัวตั้ง ตาเหลือก พูดไม่เป็นภาษาคน คนก็เลยเชื่อว่าเด็กนั่นมีผีคอยดูแล ก็คงผีที่พ่อหมอแกทิ้งไว้’

‘พอเรื่องนี้แพร่ออกไป ทีนี้ละมึงเอ๊ย มีพวกที่อยากลองดีเข้าไปพิสูจน์เพียบ บางคนก็หวังจะปล้ำนังหย่าหยามันด้วย บางรายก็เข้าไปเพื่อขโมยของมากกว่า บ้านโบราณแบบนั้น ต้องมีของมีค่าให้กวาดเยอะแน่’ เพื่อนอีกคนรับช่วงเล่าต่อ

‘แล้วเป็นไงวะ สำเร็จหรือเปล่า แล้วได้ของมาเยอะมั้ย’ มันถามด้วยความอยากรู้

‘ได้กับแป๊ะอะไรล่ะ แค่ถึงหน้าบ้านก็สยองแล้วมึง บรรยากาศเหมือนอป่าช้ายังไงยังงั้น...’ คนพูดทำท่าขนลุกขนพอง อันแสดงว่าเจ้าตัวเป็นหนึ่งในคนที่ลองดีมาแล้ว ‘แต่บางคนก็ใจกล้าเดินเข้าไปถึงข้างในตัวบ้าน ไม่ถึงห้านาทีเลยมึง วิ่งป่าราบออกมา อาการเหมือนไอ้คนที่ถามนังย่าหยาเด๊ะ’

‘สวยมั้ยวะ ย่าหยาคนนี้’ มันถามอีกด้วยแววตาเป็นประกาย สัญชาตญาณดิบในตัวตื่นขึ้น

‘สวยดิวะ สวยที่สุดในซอยแล้วมั้ง ถามทำไมวะ นี่มึงอย่าบอกนะว่าคิดจะปล้ำมันน่ะ’ เพื่อนคนแรกชี้หน้ามันเชิงปรามอยู่ในที ‘นี่มึงเพิ่งออกจากคุกเพราะคดีข่มขืน อย่าหาเรื่องกลับเข้าไปเลยว่ะ ที่สำคัญ กูว่ามึงอย่าไปยุ่งกับบ้านหลังนั้นจะดีกว่า กูเตือนด้วยความหวังดี’

กูไม่ป๊อดเหมือนมึงหรอก มันนึกเยาะเพื่อนในใจ และหลังจากนั้น มันก็แอบตามดู ‘ย่าหยา’ ถึงสองวันเต็ม พอได้รู้ว่าเด็กสาวทำงานที่มินิมาร์ทปากซอยใหญ่ มันจึงไปซื้อของที่นั่น ได้มองใบหน้าสวยเก๋นั้นเต็มตา เคยกระทั่งได้ใกล้ชิดขนาดได้กลิ่นกายสาวตอนที่มันให้เด็กสาวหยิบไส้กรอกใส่ถุงให้...

ความคิดของมันถูกขัดจังหวะด้วยเสียงสวบสาบคล้ายเสียงฝีเท้าดังจากด้านหลัง จึงหันขวับไปมอง...แต่ไม่พบใคร!

แต่พอหันหลังกลับ เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีก หันไปอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม...ว่างเปล่า!

ความกล้าในตัวลดลงมานิดหน่อย แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือก้าวเท้าต่อ ถึงกระนั้นมันก็ยังรู้สึกว่ามีคนจ้องอยู่

“ใครวะ” มันร้องถามด้วยความหงุดหงิด กวาดตาไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง “แน่จริงก็ออกมาสิ”

ตอนที่พูด มือหยาบกร้านล้วงหยิบพระเครื่องที่ห้อยอยู่กับสร้อยออกมาข้างนอกเพื่อความอุ่นใจ จังหวะนั้นเองแมวดำตัวหนึ่งกระโจนผ่านหน้ามันพร้อมเสียงร้องแหลม แล้วเผ่นแผล็วไปในความมืด

“เฮ้ย!” มันร้องลั่น ใจหายแวบ และเสียหลักล้มลงก้นจ้ำเบ้า สร้อยที่แขวนพระขาดตกลงพื้น “ไอ้แมวบ้าเอ๊ย ตกใจหมด”

พอหายตกใจก็ใช้มือยันพื้นเพื่อจะลุกขึ้น แต่ต้องชะงักงันเมื่อมือสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่างเสียก่อน มันลื่นและเคลื่อนไหวได้ เมื่อมันค่อยๆ ก้มลงมอง ก็ต้องตะลึงกับงูตัวใหญ่สีดำมะเมื่อมที่กำลังเลื้อยช้าๆ ผ่านหน้าไป ชายหนุ่มนิ่งขึง ตัวเกร็ง หายใจไม่ทั่วท้อง แต่ดูแล้วเจ้างูไม่สนใจมันนัก อาจเพราะกำลังอิ่ม สังเกตจากบริเวณกลางลำตัวที่ป่องออกมา แต่ขึ้นชื่อว่าอสรพิษแล้วไม่อาจไว้ใจได้ ชายหน้าเสี้ยมจึงค่อยๆ ขยับตัวหนีไปทางด้านหลังช้าๆ ก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อชนเข้ากับบางสิ่งเข้าอย่างจัง

“เจออะไรอีกวะเนี่ยกู” มันบ่นพลางหันไปมอง เห็นเป็นขาของใครสักคน และน่าจะเป็นผู้หญิง เพราะเท้าเล็กและเรียว มันมองไล่จากข้อเท้า ผ้าถุงสีมอๆ ยาวครึ่งแข้ง ขึ้นไปที่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสั้นแบบพอดีตัว

มันรีบผุดลุกขึ้นด้วยตอนแรกนึกว่าเป็นเด็กสาวผู้เป็นจุดหมาย แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ แสงไฟจากรั้วเผยให้เห็นหญิงสาววัยประมาณยี่สิบปลายๆ ร่างอวบอัด หน้าตาสะสวยคมคาย ผิวน้ำผึ้งแลดูผุดผาดแม้อยู่ในความสลัว

“แกเป็นใคร” มันยิงคำถามใส่ทันที

หญิงสาวเงียบ ตายังมองมันนิ่ง

“อย่าบอกนะว่าเข้ามาขโมยของเหมือนกัน” ทั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดที่ไม่ได้เหมาะกับการปฏิบัติการดังกล่าว แต่เนื่องจากบ้านหลังนี้มีเด็กสาวอาศัยอยู่คนเดียว ซ้ำขโมยก็ชุมยิ่งกว่ายุงหน้าร้อน มันจึงมองไม่เห็นเหตุผลอื่น

“เปล่าดอกค่ะ” เสียงของคนตรงหน้าทั้งหวานทั้งเสนาะหู แต่ใช้ภาษาชวนสะดุดใจ

“ถ้าไม่ใช่ขโมย แล้วจะเข้ามาทำไมวะ นี่อย่าบอกนะว่าแกเป็น...” มันเว้นช่วงเพื่อยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ทำให้เห็นว่าเธอมองมันอย่างลุ้นๆ “เป็น...ผีน่ะ” มันจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะขัน

หญิงสาวเบิกตาโตครู่หนึ่งก็หัวเราะตาม “มีมุกด้วย แบบนี้ดิฉันชอบนัก”

“นี่ไม่กลัวเหรอ บ้านนี้ผีดุนะเว้ย ได้ยินว่าเจ้าของบ้านเลี้ยงผีนี่”

“แล้วพี่เล่า ไม่กลัวดอกหรือ” เธอย้อนถามด้วยสำเนียงแปร่งๆ นั้น

“ถ้ากลัวจะมาเหรอ...ไป ถ้างั้นก็แยกย้ายกัน แกจะเข้าไปหยิบอะไรก็ไป ฉันจะขึ้นไปหาอีหนูคนนั้นเสียที” พูดแล้วเลือดหนุ่มก็ให้ฉีดพล่านอีกครั้ง มันเผลอแลบลิ้นเลียริมฝีปากแห้งผากด้วยแรงหื่น

“กับเด็กคนนั้นน่ะ ดิฉันว่าเด็กไปนะ ผอมก็ผอม ดำก็ดำ พี่จะมีอารมณ์รึ” ตอนท้ายเจ้าหล่อนทำเสียงยั่ว ตาหวานเยิ้มจ้องเขานิ่ง

“ที่แท้ก็อีตัว” มันพึมพำอย่างเข้าใจอะไรได้มากขึ้น “เข้ามาหากินในนี้จะได้แขกเรอะ ทำไมไม่ออกไปแถวปากซอยโน่นล่ะ”

“ตรงนั้นไม่ใช่ที่คุ้นชินของดิฉัน ตำรวจก็มาก นักเลงเจ้าถิ่นก็แยะ มีหวังดิฉันเยินก่อนได้ทำงานแน่ อีกอย่างดิฉันชอบเงียบๆ มากกว่า และที่นี่ก็เงียบดี” หญิงสาวยิ้มยั่วยวนเชิญชวนเต็มที่

“ฉันไม่เอาหรอก ไม่มีเงิน” พูดจบมันก็ทำท่าจะผละจากมา “หาของฟรีดีกว่า”

“แต่ดิฉันไม่ได้ต้องการเงินนี่คะ”

“อ้าว งั้นแกจะเอาอะไร”

แทนคำตอบ อีกฝ่ายเอื้อมมาลูบไล้หน้าอกมันแผ่วเบา ก่อนหมุนตัวแล้วเดินทิ้งสะโพกไปทางหนึ่ง ครู่ต่อมา มันก็ตัดสินใจก้าวตามด้วยอาการลิงโลด

โชคสองชั้นชัดๆ เลยว่ะเรา เสร็จจากอีตัวนี่ก็ขึ้นไปหาอีหนูนั่นต่อ หึๆ สมน้ำหน้าพวกไอ้ป๊อด ชวนแล้วไม่ยอมมา มันนึกเยาะเพื่อน ป๊อดดีนัก เลยอดสนุกเลยพวกมึง ฮ่ะๆ ๆ

หญิงสาวหยุดเดินเมื่อถึงพุ่มไม้ใบหนาด้านข้างบ้าน ชายหน้าเสี้ยมไม่รอช้า เข้าตระกองกอดจากด้านหลัง แล้วก็ชะงักไปเล็กน้อยกับความเย็นชืดของเนื้อนวลเต่งตึงนั่น แต่ความหอมกรุ่นจากเรือนกายก็ทำให้ลืมสิ้นทุกอย่าง มือหยาบกร้านตะโบมบีบเค้นปทุมถันอวบอัดตามแรงอารมณ์ที่พลุ่งขึ้น ครู่ต่อมาหญิงสาวก็หันหน้ามาหา สองมือเรียวโอบรอบลำคอมันแล้วโน้มศีรษะลง ปากเจอปากก็เหมือนแมลงผู้หิวกระหายเจอเกสรดอกไม้หอมหวาน จึงดูดกินอย่างตะกรุมตะกราม

ไม่นาน ร่างของหญิงสาวก็ถูกผลักเบาๆ ให้นอนลงบนพื้นหญ้า มีร่างกำยำเปลือยท่อนบนตามติด มันก้มลงไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ขณะที่เธอก็ลูบไล้แผ่นหลังมันด้วยสัมผัสหนักหน่วง

สูดไล้ไอหอมจากคอระหงจนพอใจ มันก็เงยหน้ามาถอดเสื้อเชิ้ตเนื้อบางของเธอออก กระดุมที่มีอยู่หลายเม็ดทำให้ไม่สบอารมณ์นัก นึกอยากกระชากมันให้ขาดรู้แล้วรู้รอด ส่วนเธอก็จัดการกับกางเกงของมันอย่างคนเป็นงาน จากนั้นก็กอบกุมแก่นกายของมันไว้และเริ่มต้นขยับมือ โจรหนุ่มครางฮือ กล้ามเนื้อมัดใหญ่มัดเล็กเต้นระริกเหมือนจะระเบิด มันแหงนหน้าขึ้นและสูดปากด้วยความเสียวซ่าน ก่อนจะก้มลงครอบครองยอดปทุมหนั่นแน่นอย่างหิวกระหาย

บทรักร้อนแรงดำเนินต่อไปท่ามกลางความมืดและเงียบเชียบ ยามนี้หญ้าสากระคายไม่ต่างจากพรมชั้นดี เสียงแมลงคือเสียงทิพยดนตรีขับกล่อมแสนเริงใจ


โคถึกกระโจนลงพงหญ้ากว้าง
เลาะเล็มบ้างหยอกเย้าบ้างอย่างหฤหรรษ์
หญ้าส่ายเอนเต้นระบำไปตามกัน
โคพัลวันละเลงลิ้มชิมสากคาย
ลมพัดโบกโยกไกวใบไม้สั่น
โคกระสันเข้าประชิดจิตมาดหมาย
ขยับย้ำย้ำทำหญ้ากลีบขจาย
ก่อนตะกายดวงดาราคราเดียวกัน

ชายผู้โชคดีที่กำลังอิ่มเอมในรสเสน่หาพลิกตัวลงจากร่างอ่อนนุ่ม หายใจหอบระรัวประสานกับเสียงหอบหายใจแห่งความสุขสมของหญิงสาว

“สวรรค์ชัดๆ ฮ่ะๆ ๆ ” มันหัวเราะออกมาอย่างสุขใจ ลืมเด็กสาวผู้เป็นเป้าหมายแรกเสียสนิท “ลีลาเด็ดถึงใจขนาดนี้ ไปอยู่ด้วยกันมั้ย”

“พูดจริงหรือพูดจริงคะ” เธอเล่นมุกกลับมาด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแผ่วพลิ้ว

“จริงสิ ถ้าแกยังไม่มีผัวน่ะนะ”

คราวนี้หญิงสาวเงียบ ชายหนุ่มจึงเอี้ยวตัวมาหมายจะกอด แต่ก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสว่าเนื้อเนียนเต่งตึงก่อนหน้าได้แปรสภาพเป็นเนื้อเละเฟะไปทั้งร่าง กลิ่นก็เหม็นเน่าจนแทบสำลัก!

“เฮ้ย!” มันตะโกนลั่น รีบปล่อยมือ กระเด้งตัวออกห่าง แต่ทำไม่ถนัดด้วยอีกฝ่ายกอดแขนเอาไว้แน่น น้ำเหลืองเหนียวๆ ไหลย้อยลงบนแขนมันชวนสะอิดสะเอียน

“ตกลงค่ะ น้องจะไปอยู่เป็นเมียพี่” เสียงนั้นยังคงหวาน แต่ยามนี้ฟังดูน่าสยดสยองเป็นที่สุด

“อ๊าก-ก-ก ช่วยด้วย ผีหลอก...” มันร้องเสียงดังด้วยความกลัวแทบสิ้นสติ

“อย่าเรียกผีได้ไหม ดิฉันกลัว” เจ้าหล่อนยังมีแก่ใจยั่วแหย่ “เรียกเมียสิจ๊ะ ผัวจ๋า”

“ปล่อยกู กูกลัวแล้ว ปล๊อย กูไม่เอาเมียผี”

“โอ๊ย ก็บอกว่าอย่าเรียกผี พูดไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร” ไม่พูดเปล่า เธอผุดลุกขึ้นพร้อมหิ้วแขนมันติดมาด้วย ก่อนใช้มืออีกข้างเลื่อนมาที่ลำคอของมัน นาทีนี้นิ้วที่มีเนื้อเละๆ หุ้มอยู่นั้นแข็งราวคีมเหล็ก

“อ๊อก...อ๊อก” ชายที่เพิ่งโชคดีก่อนหน้า บัดนี้ตาเหลือก มองเห็นยมทูตโบกมือเรียกอยู่ไหวๆ

“อะไรนะ ดีใจมากที่จะได้อยู่กับเมียจนพูดไม่ออกรึ อุ๊ยตาย ซึ้งใจดิฉันนัก ขอเมียจุ๊บหน่อยนะจ๊ะ” ว่าพลางก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ให้อีกฝ่ายยิ่งตาเหลือก แล้วน็อกคอพับไปในบัดดล “อ้าว ขาดอากาศหายใจไปเสียแล้ว ว้า น่าสงสารจัง ถ้างั้นเดี๋ยวน้องจะให้พี่สูดอากาศเยอะๆ นะจ๊ะ” พูดจบก็เหวี่ยงร่างล่ำสันนั้นลอยหวือไปในอากาศ “กินลมให้อิ่มนะจ๊ะ ผัวจ๋า”

พอร่างนั้นกระเด็นออกไปนอกรั้วเรียบร้อย วิญญาณสาวก็กลายร่างเป็นหญิงสาวคนเดิม จากนั้นจึงลอยทะลุเข้าไปมายังตัวบ้าน ผ่านประตูบานเฟี้ยม ขึ้นชั้นบน และมุ่งตรงไปยังห้องตรงกลางจากสามห้องที่มี

ระหว่างนั้นเอง ประตูห้องซ้ายมือสุดก็เปิดออก เด็กสาวร่างสูงระหง ผิวสีน้ำผึ้ง ใบหน้าเก๋ชวนมอง ก้าวออกมา เธออยู่ในชุดนอนแบบกางเกงขาก๊วยทำจากผ้าฝ้าย เสื้อกล้ามพอดีตัวสีขาว ปล่อยผมยาวสยาย ที่ข้อมือสวมสร้อยทำจากหินสีสวยแปลกตา ช่วยส่งบุคลิกให้ดูเซอร์ๆ

“พี่รักเร่...แอบไปทำ...อะไรๆ อีกแล้วใช่มั้ย” เธอเอ่ยทักขึ้นก่อน ตาจ้องวิญญาณสาวอย่างคาดคั้นกลายๆ

“สาบานได้ว่าไม่ได้แอบเลยค่ะ ที่โล่งแจ้ง มีฟ้ามีดาวเป็นพยาน” เจ้าตัวตอบพลางยิ้มกรุ้มกริ่มอิ่มเอม

“พี่รักเร่คะ!” เด็กสาวทั้งเขินทั้งไม่ชอบใจ ด้วยเข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี “เมื่อไหร่จะเลิกทำแบบนี้สักทีคะ”
“พี่ไม่ถนัดทำแบบอื่นนี่นา...นี่ พี่จะบอกไว้เลยนะ มารยาของผู้หญิงเราเนี่ย อย่าว่าแต่จัดการเจ้าหัวขโมยเลย โลกทั้งโลก ผู้หญิงเราก็เปลี่ยนได้” ท่าทางเจ้าหล่อนดูภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำมาก

“เขาแพ้เรา หรือแพ้ตัณหาในตัวเขากันแน่คะ” เด็กสาวแย้งเสียงอ่อน

“ก็อาจจะทั้งสองอย่าง...และนี่แหละคือจุดอ่อนของผู้ชาย รายไหนรายนั้น ถ้าใช้วิธีนี้ละก็ ไม่มีพลาด” น้ำเสียงมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

“แต่กับบางคน ไม่เห็นต้องใช้วิธีนี้เลยนี่นา แค่พี่ลอยผ่านหน้าเขาไปมา เขาก็กลัวแล้ว”

“แหม ก็บางคนมันน่าทำอย่างอื่นมากกว่าแค่หลอกแล้วก็ปล่อยให้จากไปนี่คะ ยิ่งคนเมื่อกี้นะ โอ๊ย คึกเหมือนวัวเหมือนควาย...อุ๊ย ขอประทานอภัยค่ะ” ตอนท้ายทำท่าคิดได้ว่าตนชักพูดเยอะไปหน่อย

“ตกลงเมื่อกี้ นอกจาก...เรื่องนั้นแล้ว พี่รักเร่ทำอะไรเขาคะ”

“ก็แค่เหวี่ยงออกจากบ้านน่ะค่ะ...เห็นว่าเขาขาดอากาศหายใจ” พูดพลางเจ้าตัวก็หัวเราะคิก “เอ่อ พี่ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ เพลี้ยเพลีย” ตอนท้ายยังไม่วายทำท่าเขินๆ ทว่าก็อิ่มเอมและพึงพอใจ จากนั้นจึงเดินทะลุประตูเข้าไปในห้องกลาง

เด็กสาวถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าหนักใจ ก่อนผลุบเข้าห้องของตนเช่นกัน

+ + + + + + + + +

พาขวัญเดินไปหยุดหน้าภาพถ่ายชายวัยกลางคนที่อยู่ในกรอบรูปและที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือริมหน้าต่าง เป็นชายซึ่งมีเค้าหน้าแบบเดียวกับเธอ แววตานิ่งสงบ และท่าทางสุขุม

“ผีมีเยอะแยะ ทำไมถึงส่งผีนางโคมเขียวมาให้หยาเนี่ย พ่อ...” เธอถามชายในรูปเชิงตัดพ้อ “โอเคละ หยายอมรับว่าพี่รักเร่เป็นคน เอ๊ย เป็นผีที่ดี คอยปกป้อง เป็นเพื่อนคุย เป็นที่ปรึกษาให้หยาได้ แต่เรื่องที่พี่เขา...ทำอยู่บ่อยๆ ไม่ถูกจริตกับหยาเลย...ตกลงในอดีตพี่เขาเคยโดนบังคับให้ขายตัวจริงเหรอเนี่ย”

พูดมาถึงตรงนี้ พาขวัญก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่เดือนก่อนไม่ได้

...หลังพิธีศพพ่อเสร็จสิ้น กลับมาถึงบ้าน เธอพบว่าข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย จึงเตรียมวิ่งไปตามเพื่อนบ้านเพราะคิดว่าเป็นโจร แต่ยังไม่ทันจะก้าวขา จู่ๆ ไม้กวาดก็กวาดบ้านเองเข้าเสียก่อน เลยได้แต่ยืนอึ้งตะลึงงันอยู่ตรงนั้น แล้วร่างของรักเร่ในชุดผ้าถุงเสื้อแขนกุดพอดีตัว ผมสลวยสั้นแค่คอ ก็ปรากฏตัวขึ้น

‘แหะๆ พี่พยายามจะทำความสะอาดบ้านน่ะจ้ะ แต่อะไรๆ มันชวนงงไปหมด มันก็เลยเละเทะอย่างที่เห็นนี่แหละ’ ฝ่ายนั้นยิ้มแห้งๆ อย่างขอลุแก่โทษ

‘พะ...พี่เป็นใครคะ แล้ว...เข้ามาอยู่ในบ้านหนูได้ยังไง’ แม้จะรู้ว่านอกจากเป็นหมอดูแล้ว พ่อยังเป็นหมอผีด้วย แต่เธอก็ไม่เคยเห็นผีหรือวิญญาณแบบตัวเป็นๆ มาก่อน พอมาเจอจังๆ แบบนี้ก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน

‘พี่ชื่อรักเร่ มาจากหม้อของไอ้หมอผีเลวๆ ที่ชื่อดำเกิง แต่พ่อมั่นคงช่วยพาหนีออกมาได้ พ่อมั่นคงขอร้องให้พี่ช่วยดูแลหนู แต่ถึงพ่อไม่ขอร้อง พี่ก็ตั้งใจอยู่แล้วละว่าต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ’

‘จะให้หนูอยู่กับผีเนี่ยนะ ไม่ไหวมังคะ’

‘กลัวตอนนี้จะสายไปหน่อยหรือเปล่าคะ เมื่อก่อนบ้านหลังนี้ก็มีผีเพ่นพ่านไปหมด แม้แต่ตอนนี้ก็ยังมีอยู่’ ตอนที่พูด รักเร่มองไปทางนั้นทีทางนี้ที ทำเอาเธอยิ่งกลัว

‘พี่ก็อย่าขู่นักสิคะ หนูพอจะรู้ว่าพ่อเลี้ยงผีด้วย แต่พ่อไม่เคยให้พวกเขามารบกวนหนู’

‘แต่ตอนนี้พี่ว่าหนูต้องรบกวนพี่แล้วละ เพราะลูกผู้หญิงตัวคนเดียวน่ะอันตรายนัก หนูจำเป็นต้องมีคนดูแล พี่สัญญาว่าจะพยายามมาแบบตัวเป็นๆ ทุกครั้ง...เอาอย่างนี้ จะปรากฏตัวให้หนูเห็นตลอดเวลาเลย หนูจะได้ชินเร็วๆ ’ อีกฝ่ายใจป้ำเมื่อเห็นว่าเธอยังกลัว

ไม่มีทางเลี่ยงหลีกอีกแล้ว แม้จะไล่ วิญญาณสาวแปลกหน้าก็ไม่ไป หน้าที่ของเธอจึงต้องคือการทำใจยอมรับความเป็นจริงว่า ตนมีเพื่อนร่วมบ้านเป็นผี

‘พี่เป็นหญิงโคมเขียวค่ะ...’ แล้ววันหนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างเริ่มชินกับการอยู่ร่วมบ้าน ผีสาวก็เล่าเรื่องของตนให้ฟัง ‘หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ครอบครัวพี่บ้านแตกสาแหรกขาด พี่โดนแม่เล้าชื่อบุษบาบังคับให้ขายตัว...พี่ต้องทนทุกข์ทรมานกับผู้ชายไม่ซ้ำหน้า มีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่มีสิทธิ์จะคิดฝันอะไร แต่แล้ววันหนึ่ง พี่ก็ได้เจอผู้ชายคนหนึ่ง เขาทำให้พี่รู้จักความรักอีกครั้ง หลังจากพี่เลิกคิดถึงคำนี้ไปแล้ว เขารักและไม่รังเกียจพี่เลย เขาบอกว่าจะหาเงินมาไถ่ตัวพี่ด้วยละ’ ตอนท้ายแววตาของคนเล่าเป็นประกายระยับ เห็นชัดถึงความสุขที่เอ่อล้น

‘ยินดีด้วยนะคะ พี่รักเร่โชคดี และคนรักของพี่ก็เป็นคนที่น่านับถือมาก’

‘อย่าเพิ่งยินดีค่ะ เรื่องมันไม่ได้จบสวยหรูอย่างที่หนูหรือแม้แต่พี่คิดไว้’ เสียงหญิงโคมเขียวเศร้าไปถนัดใจตา แววตาหม่นลง

‘อ้าว’ เธอเหวอด้วยความตกใจ ‘เกิดอะไรขึ้นคะ’

‘พี่รอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นเขามารับตามสัญญา ไอ้ดำ ผัวนังบุษบาบอกว่าเขาหนีไปแล้วเพราะไม่ได้รักพี่จริง แต่พี่ไม่เชื่อ เลยเถียงมัน ด่ามัน มันโกรธก็เลยพลั้งมือฆ่าพี่ตาย แล้วจับพี่ยัดใส่หม้อนี่แหละ’

‘โธ่ พี่รักเร่’ เธอครางด้วยความเห็นใจในโชคชะตาผู้หญิงด้วยกันอย่างสุดซึ้ง

‘แล้วหม้อนั้นก็ถูกส่งต่อมาถึงมือไอ้ดำเกิงหลานของมัน ไอ้ดำเกิงก็เลวเหมือนปู่ของมัน มันใช้คาถาอาคมบังคับให้พี่ทำเรื่องชั่วร้ายสารพัด จนพ่อของหนูช่วยออกมาได้’

‘แล้วพ่อรู้ได้ยังไงคะว่าพี่ถูกขังอยู่ในนั้น’

‘ไอ้ดำเกิงมันเคยมีเรื่องกับพ่อของหนู มันเกลียดพ่อหนูมาก ตั้งตัวเป็นศัตรูมาตลอด มันเลยส่งพี่มายั่ว เพื่อให้พ่อหนูตบะแตก’

‘จริงเหรอคะเนี่ย’

‘ไม่จริงค่ะ’ ผีสาวเล่นมุก แถมตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะสนุก

‘พี่รักเร่อะ’

‘แค่ส่งมาทำลายวิชาอาคมให้หมดความขลังค่ะ แล้วมันก็จะให้พี่ฆ่าพ่อของหนูเสีย แต่พี่ดูแล้วพ่อหมอมั่นเป็นคนดี สอบถามจากผีตนอื่นๆ ที่เขาเลี้ยงไว้ก็บอกว่าพ่อหมอเป็นคนดีมีเมตตา พี่เลยตัดสินใจบอกเขาไปตามตรง และอ้อนวอนให้เขาช่วยพาหนีจากไอ้ดำเกิง ซึ่งเขาก็ยินดีช่วย จนเป็นเหตุให้ต้องตายเพราะสู้กับมันนี่ไงล่ะ...พ่อของหนูมีบุญคุณกับพี่มาก ย่าหยา พี่ถึงตั้งใจจะดูแลหนูให้ดีที่สุด’

‘หนูเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับพี่ด้วยนะคะ’

‘ขอบคุณค่ะ...แต่เอาจริงๆ ตอนนี้พี่ก็ไม่เสียใจ ไม่คิดแค้นอะไรแล้วค่ะ แค้นไปก็ทุกข์ใจเปล่าๆ ’ รักเร่พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แววตาจริงใจ อันทำให้เธอนึกชื่นชมนักที่ฝ่ายนั้นทำใจปล่อยวางได้ ‘อีกอย่างพี่มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าต้องคิดและทำ’

‘เรื่องอะไรเหรอคะ’

‘คนรักของพี่ พี่อยากรู้ว่าเขาหายไปไหน เขาไม่รักพี่จริงอย่างไอ้ดำว่า หรือเพราะเหตุใดกันแน่ พี่จะตามหาเขาให้เจอ พี่ต้องรู้คำตอบให้ได้’

‘ตอนนั้นเขาอายุเท่าไหร่คะ’

‘ยี่สิบกว่าๆ แล้วละ รูปงาม เป็นลูกครึ่งที่งามมาก’

‘ถ้ายังมีชีวิตอยู่ เขาก็มีอายุประมาณร้อยกว่าปี’

‘จะกี่ปีก็ช่าง พี่จะต้องหาเขาให้เจอ!’

‘เจอแล้วจะทำยังไงคะ’ เธอถามอย่างอยากรู้

‘ถ้าแก่แล้วก็แค่จะถามเหตุผล แต่ถ้าตายแล้วมาเกิดใหม่เป็นหนุ่ม พี่ก็จะอยู่กับเขา ใช้ชีวิตร่วมกับเขาทดแทนที่ชาติที่แล้วเราไม่ได้ครองคู่กัน’

‘อ้าว นึกว่าแม้เขาแก่ก็จะอยู่กับเขา’ เธอแปลกใจ

‘อุ๊ย แก่ขนาดนั้น ก็คงมีลูกมีหลานคอยดูแลอยู่บ้างกระมัง อย่าไปแย่งหน้าที่กันเลยค่ะ’
เป็นงั้นไป!





วิรัตต์ยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2558, 21:55:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 มิ.ย. 2558, 20:59:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2452





ดังปัณณ์ 20 เม.ย. 2558, 21:58:42 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด มาแล้ววววววววววววววว ชูป้ายไฟรัวๆๆๆๆ


วิรัตต์ยา 20 เม.ย. 2558, 22:03:32 น.
จัดหน้าไม่ค่อยเป็นแล้วอ่ะ ทำไมมันแปลกๆแบบนั้นอ่ะ เธ๊อ


ดังปัณณ์ 20 เม.ย. 2558, 22:17:57 น.
มันแปลกตรงไหนอ่ะพี่แก้ว หนูว่าปกตินะ เนี่ยอ่านง่ายสบายตา 555+


ดังปัณณ์ 20 เม.ย. 2558, 22:21:00 น.
หญ้ากลีบกระจาย....พี่แก้วขาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา (ยาวมาก) มันคือ....ทำตาปริบๆ ไรอ่ะ หนูไม่รู้เรื่องเบย (น้ำหมากกระจาย) >/////<


Pat 20 เม.ย. 2558, 22:43:21 น.
เรื่องใหม่


บุลินทร 21 เม.ย. 2558, 00:43:45 น.
พี่แก้วกลับมาลงนิยายแล้วววว


ตุ๊งแช่ 21 เม.ย. 2558, 09:04:42 น.


ผักหวาน 22 เม.ย. 2558, 20:51:13 น.
อุ้ยชอบๆ ค่ะ ผีกับคนน่ารักพอกันเลย


Zephyr 24 เม.ย. 2558, 20:51:23 น.
ว้าว ดูผีขโมยซีนนะคะ


พันธุ์แตงกวา 25 เม.ย. 2558, 19:29:38 น.
ก๊ากกกกกกกก สาบานว่าถูกบังคับให้ขายตัวจริงๆ แม่รักเร่ ไม่ได้แอบเลยชิมิ มีฟ้ามีดาวเป็นพยาน^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account