ยอดรักจอมเผด็จการ
“ผมไม่เคยใส่เสื้อผ้านอนมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
เมื่อ ‘ลาโคลอฟ พาวิลเชนโก’ รัฐมนตรีหนุ่มมหาเศรษฐีผู้หล่อเหลาแห่งแอลเมเรีย
เชื้อเชิญให้หญิงสาวกำพร้าผู้มีชีวิตแสนธรรมดาอย่าง ‘ปานชีวา’ เต้นรำที่งานเลี้ยงอันหรูหรา หญิงสาวก็
วาดฝันว่า... ตนเองจะได้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าและใช้ค่ำคืนที่มีมนตร์ขลังนั้นร่วมกันกับเขา
ทว่าเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน เธอกลับไม่ได้วิ่งหนี หากยังคงอยู่ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา
จนกระทั่งเธอตระหนักได้ว่าเพลย์บอยหนุ่มผู้อื้อฉาวร้ายกาจอย่างลาโคลอฟคือผู้ชายประเภทสุดท้ายที่เธอ
ต้องการให้เป็น ‘พ่อของลูก’ ...ก่อนที่เขาจะทอดทิ้งเธอเช่นเดียวกับผู้หญิงอื่นๆ!
มหาเศรษฐีหนุ่มรู้สึกได้ว่าผู้หญิงเบื้องหน้าเขาคือคนคนเดียว
ที่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา มันคือครั้งแรกในชีวิตที่หนุ่มโสดทรงเสน่ห์อย่างเขาคิดถึง
เสียงระฆังแต่งงาน แต่การจะทำให้เธอเชื่อมั่นในความรัก รวมไปถึงครอบครัวที่ร่ำรวยและเอาแต่ใจ
ของเขาดูเหมือนจะต้องใช้มากกว่าการฉวยรองเท้าแก้วเอาไว้แค่ข้างเดียว เพราะมันต้องใช้ความทุ่มเท
และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี... รวมถึงพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า ‘ทายาทในครรภ์’ ของเธอ... เขาจะสามารถ
เป็นพ่อที่ดีได้อย่างไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องด้วย!
“อย่าต่อต้าน คุณต้องรู้จักกับมัน แล้วจะเข้าใจว่าผมอดทนรอด้วยความทรมานชนิดไหน”
“ซินเดอเรลล่าจอมพยศกับเพลย์บอยมหาเศรษฐี นี่คือธีมสุดพิเศษของวรรณกรรมชุดนี้ค่ะ
พบกับเพลย์บอยรูปหล่อที่ถึงเวลาจะต้องเลือกระหว่าง ชีวิตโสดที่แสนสนุกและหวงแหนกับผู้หญิง
นอกสายตาที่เขาคิดว่าจะขึ้นเตียงแค่เพียงชั่วคราว
แต่กลับกลายเป็นผู้ที่สามารถยึดหัวใจของเขาได้ทั้งดวง เงินในธนาคารถูกทุ่มไปอย่างไม่อั้น
รถยนต์อันแพงระยับ คฤหาสน์บนผืนดินอันกว้างใหญ่ และทายาทที่เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีได้...
คุณศิริพารา เธอจัดเต็มไม่ให้ผิดหวังตั้งแต่หน้าแรก!”
รองสนิท ณ สงขลา บรรณาธิการที่ปรึกษา
เมื่อ ‘ลาโคลอฟ พาวิลเชนโก’ รัฐมนตรีหนุ่มมหาเศรษฐีผู้หล่อเหลาแห่งแอลเมเรีย
เชื้อเชิญให้หญิงสาวกำพร้าผู้มีชีวิตแสนธรรมดาอย่าง ‘ปานชีวา’ เต้นรำที่งานเลี้ยงอันหรูหรา หญิงสาวก็
วาดฝันว่า... ตนเองจะได้รู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงซินเดอเรลล่าและใช้ค่ำคืนที่มีมนตร์ขลังนั้นร่วมกันกับเขา
ทว่าเมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน เธอกลับไม่ได้วิ่งหนี หากยังคงอยู่ในอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของเขา
จนกระทั่งเธอตระหนักได้ว่าเพลย์บอยหนุ่มผู้อื้อฉาวร้ายกาจอย่างลาโคลอฟคือผู้ชายประเภทสุดท้ายที่เธอ
ต้องการให้เป็น ‘พ่อของลูก’ ...ก่อนที่เขาจะทอดทิ้งเธอเช่นเดียวกับผู้หญิงอื่นๆ!
มหาเศรษฐีหนุ่มรู้สึกได้ว่าผู้หญิงเบื้องหน้าเขาคือคนคนเดียว
ที่สามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา มันคือครั้งแรกในชีวิตที่หนุ่มโสดทรงเสน่ห์อย่างเขาคิดถึง
เสียงระฆังแต่งงาน แต่การจะทำให้เธอเชื่อมั่นในความรัก รวมไปถึงครอบครัวที่ร่ำรวยและเอาแต่ใจ
ของเขาดูเหมือนจะต้องใช้มากกว่าการฉวยรองเท้าแก้วเอาไว้แค่ข้างเดียว เพราะมันต้องใช้ความทุ่มเท
และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามี... รวมถึงพิสูจน์ให้เธอเห็นว่า ‘ทายาทในครรภ์’ ของเธอ... เขาจะสามารถ
เป็นพ่อที่ดีได้อย่างไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องด้วย!
“อย่าต่อต้าน คุณต้องรู้จักกับมัน แล้วจะเข้าใจว่าผมอดทนรอด้วยความทรมานชนิดไหน”
“ซินเดอเรลล่าจอมพยศกับเพลย์บอยมหาเศรษฐี นี่คือธีมสุดพิเศษของวรรณกรรมชุดนี้ค่ะ
พบกับเพลย์บอยรูปหล่อที่ถึงเวลาจะต้องเลือกระหว่าง ชีวิตโสดที่แสนสนุกและหวงแหนกับผู้หญิง
นอกสายตาที่เขาคิดว่าจะขึ้นเตียงแค่เพียงชั่วคราว
แต่กลับกลายเป็นผู้ที่สามารถยึดหัวใจของเขาได้ทั้งดวง เงินในธนาคารถูกทุ่มไปอย่างไม่อั้น
รถยนต์อันแพงระยับ คฤหาสน์บนผืนดินอันกว้างใหญ่ และทายาทที่เขาไม่คิดว่าตนเองจะมีได้...
คุณศิริพารา เธอจัดเต็มไม่ให้ผิดหวังตั้งแต่หน้าแรก!”
รองสนิท ณ สงขลา บรรณาธิการที่ปรึกษา
Tags: ลาโคลอฟ ปานชีวา
ตอน: ตอนที่ 8 100%
“มารัตไปดูที่หม้อแปลงไฟฟ้า” ลาโคลอฟสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม ความจริงเขาไม่รู้หรอกว่าคนสนิททั้งสองจะอยู่ส่วนไหนของงานเลี้ยง แต่โดยปกติทั้งคู่จะไม่ห่างกายเขา “อลัน มีไฟฉายบ้างไหม”
ดูเหมือนว่าอลันจะไม่มีในสิ่งที่เจ้านายเรียกหา บอดี้การ์ดหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาพร้อมกดปุ่มไฟฉายที่ให้ความสว่างเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น
ลาโคลอฟรับโทรศัพท์ของคนสนิทแล้วส่องแสงไฟเพียงน้อยนั้นไปยังต้นกำเนิดของเสียง เพียงแค่เห็นผ้าสีแดงที่กองอยู่บนพื้นก็รู้ได้ว่านั่นคือตาทาเนีย หากแปลกใจว่าทำไมเสียงที่กรีดร้องขึ้นนั้นทำไมถึงไม่เหมือนเสียงของตาทาเนีย ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างวาบขึ้นทั่วทั้งงาน เพียงเท่านั้นลาโคลอฟก็รู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น!
“ตาเนีย เป็นอะไรไป?” อิกอร์ ซียานอฟ ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อแสงไฟที่สว่างจ้าขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้เห็นว่าลูกสาวของตัวเองกองอยู่กับพื้น ใบหน้าซีดเซียว
คนสนิทของอิกอร์เข้ามาประคองลูกสาวของเจ้านายให้ลุกขึ้น เมื่ออิกอร์เดินเข้าไปถึงตัวลูกสาวก็รับร่างเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม ในขณะที่ภรรยาของนักการเมืองคนหนึ่งล้มหัวโขกกับเสาอย่างแรงจนทำให้ศีรษะแตก
อารยาเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมสั่งให้เด็กรับใช้ภายในบ้านหาอุปกรณ์มาปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสียก่อน ปานชีวาได้โอกาสดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของลาโคลอฟ พร้อมเดินไปหาผู้เป็นอา ซึ่งอารยาก็โล่งอกเมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองปลอดภัยดี
“พ่อ ชะ...ช่วย ด้วย” ตาทาเนียพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
ลาโคลอฟก้าวมารับร่างไร้เรี่ยวแรงของตาทาเนียไว้และพาเธอมานั่งยังเก้าอี้ที่วางอยู่มุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก กระโปรงชุดราตรีที่เปียกชื้นของเธอทำให้ลาโคลอฟมั่นใจว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นเป็นแน่!
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เรากำลังมีสถานการณ์ผิดปกติบางอย่าง” จบคำประกาศกร้าวของรัฐมนตรีหนุ่ม ประตูทางเข้าออกทุกทางก็ปิดสนิทลง เขาจึงก้มลงถามตาทาเนียที่ยังอยู่ในอาการมึนงง ไร้เรี่ยวแรง ทว่าของเสียที่เธอปล่อยออกมาจนกระโปรงเปียกชื้นอย่างควบคุมตัวไม่ได้ ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด “คุณถูกซ็อตด้วยเครื่องซ็อตไฟฟ้าใช่ไหม ตาเนีย?”
ตาทาเนียพยักหน้ารับ ในขณะที่รู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองผิดปกติ!
“เห็นหน้าพวกมันไหม?” ลาโคลอฟถามต่อ พลางกวาดสายตามองรอบห้องโถงที่ไม่พบความผิดปกติใด
การปฏิเสธของตาทาเนียนั้นทำได้ไม่สมบูรณ์นักเพราะดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อของเธอจะกระตุก ทันใดนั้นคนสนิทของลาโคลอฟก็เข้ามารายงานความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“ท่านครับ หม้อแปลงไฟฟ้าไม่ได้ระเบิด ดูเหมือนว่าฟิวส์จะขาดเพราะเกิดไฟฟ้าสปาร์กขึ้นเท่านั้น” มารัตรายงาน
“ไปพาตัวพ่อบ้านมาหาฉัน” เวลานี้คนน่าสงสัยที่สุดก็คือพ่อบ้าน เพราะเขาเป็นคนเข้ามาแจ้งให้ทราบว่าหม้อแปลงระเบิด จากนั้นลาโคลอฟจึงหันไปบอกกับอิกอร์ “ผมว่าควรจะพาตาเนียไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล”
อิกอร์พยักหน้าให้คนสนิทของตนเข้ามาประคองลูกสาวแต่เธอกลับจับมือของลาโคลอฟแน่น ทั้งยังมองด้วยสายตาอ้อนวอนราวกับว่าเขาคือคนที่ให้ความคุ้มครองเธอได้ดีที่สุด ลาโคลอฟจึงก้มลงจูบกระหม่อมของเธออย่างให้กำลังใจ
“จัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วผมจะไปเยี่ยม” รัฐมนตรีหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เป็นฝ่ายแกะมือเธอออกอย่างนุ่มนวล ตาทาเนียถูกพาออกไปจากงานเลี้ยงในเวลาไล่เลี่ยกับภริยาของนักการเมืองที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ในขณะที่สายตาของปานชีวาไปกระทบกับกระดุมเม็ดหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น จึงรีบก้มลงหยิบขึ้นมาดูและจำได้ว่ามันคือกระดุมที่เธอเพิ่งมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของอาเขย แต่เมื่อกวาดสายตามองรอบๆแล้วกลับไม่พบเจ้าของกระดุมเม็ดนี้เลย “อีวานล่ะคะ อีวานหายไปไหน?”
เสียงหวานของปานชีวาที่ถามขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้ลาโคลอฟและคนสนิทของเขากวาดสายตามองภายในห้องโถง ผู้คนในงานต่างโจษจันถึงเจ้าของวันเกิดแต่กลับไม่พบร่างของอีวานแม้เพียงเงา ทว่าคนที่ตกใจที่สุดคงเป็นภรรยาของเขาที่ยืนจับมือหลานสาวไว้แน่น ความกลัวเข้าอย่างเฉียบพลัน
“กันผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด” น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจของลาโคลอฟสั่งการ เพียงเท่านั้นแขกที่มาร่วมงานต่างก็เงียบเสียง อยู่ในความสงบราวกับรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวเช่นไรเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน
ในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจร่างกายของคนที่มาร่วมงาน เมื่อไม่พบความผิดปกติจึงทยอยปล่อยแขกเหรื่อออกจากงาน มารัตและอลันแบ่งหน้าที่กันทำอย่างรู้งาน มารัตเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของแขกที่กำลังต่อแถวตรวจร่างกายเพื่อออกจากงาน
ลาโคลอฟกันปานชีวาและอารยาออกจากผู้คน โดยเลือกใช้ห้องทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงนัก ไม่กี่นาทีต่อมา... มารัตก็พาพ่อบ้านเข้ามาพบกับเจ้านาย
“ผะ...ผมไม่รู้เรื่องอะไร นะครับ คุณผู้หญิง” รุสซาละล่ำละลักบอกด้วยความกลัว
“นั่นฉันจะตัดสินเอง” ลาโคลอฟตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นจึงสั่งการให้คนสนิทออกค้นหาให้ทั่วบริเวณ “หาให้ทั่ว พบความผิดปกติแม้แต่น้อยก็อย่ามองข้าม”
“ครับท่าน” อลันรับคำเจ้านายอย่างขันแข็งแล้วถอยหลังออกไปจากห้องทันที
สิ้นเสียงของอลัน พ่อบ้านร่างท้วมก็คุกเข่า ขอร้องนายหญิงด้วยแววตาน่าสงสาร “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ”
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากจะถามว่าทำไมถึงได้บอกว่าหม้อแปลงระเบิดทั้งที่ความจริงแล้วแค่ฟิวส์ขาด” ลาโคลอฟถามทั้งยังเดินเข้าไปหาร่างท้วมด้วยท่าทีข่มขู่ ทำให้อารยาและปานชีวาเงียบกริบ
“อะ...เอ่อ ผมไม่ทราบ คือ ผมหมายถึงว่าตอนเหตุการณ์ชุลมุนมาก มีใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาหลังเสียงระเบิดว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ผมจึงรีบเข้ามารายงานเพราะกลัวว่าแขกจะตกใจ” รุสซาอธิบายเหตุการณ์ตามที่สมองประมวลผลได้
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อทุกคนเข้าใจว่าหม้อแปลงระเบิดแล้วทำไมตอนหลังถึงมารู้ว่าเป็นเพราะฟิวส์ขาดเร็วนัก” ลาโคลอฟซักต่อ
“ผมก็ไม่ทราบครับ หลังจากที่ผมเข้ามารายงานว่าหม้อแปลระเบิดแล้วจึงรีบเดินออกไปยังบริเวณแผงควบคุมไฟฟ้าของบ้าน คนสวนก็มาบอกว่าแท้จริงเป็นเพราะสายสายลำโพงเกิดการสปาร์กเลยทำให้ฟิวส์ขาดครับ”
ปานชีวามองท่าทางของลาโคลอฟที่จ้องตาพ่อบ้านเขม็งจับพิรุธ แน่ล่ะว่าเขากำลังใช้หลักจิตวิทยาง่ายๆเพื่อข่มขวัญพ่อบ้านให้เกิดความหวาดกลัว และเขาทำมันได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อท่าทางของพ่อบ้านนั้นลนลาน ไม่กล้าสบสายตาตรงๆ
“แล้วเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นมันมาจากไหน?”
“ผะ...ผมไม่ทราบ ครับท่าน” รุสซาตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เหลวไหล! เป็นถึงพ่อบ้านใหญ่แต่ตอบคำถามอย่างนี้ได้ยังไง?” เสียงตวาดที่โต้กลับมานั้นยิ่งทำให้พ่อบ้านร่างท้วมไม่มีแรงแม้กระทั่งคุกเข่า ล้มลงนั่งกับพื้นในทันที “ใครอยู่ข้างนอก ไปตามคนสวนคนนั้นมาเดี๋ยวนี้”
“รุสซา... เธอทำงานกับฉันมาหลายปี มีอะไรพูดออกมาตรงๆ” อารยาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรน ตอนนี้เป็นห่วงสามีจนไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้ เมื่อได้ยินสิ่งที่ลาโคลอฟตั้งคำถามและพ่อบ้านก็ตอบคำถามได้อย่างน่าสงสัย
“โธ่! คุณผู้หญิงครับ น้ำหน้าอย่างผมนี่จะคิดร้ายต่อคุณผู้ชายได้ยังไง ถ้าไม่ได้ความเมตตาของท่าน ป่านนี้ผมคงต้องตายให้กับอุดมการณ์บ้าๆ อุทิศชีวิตให้กับพวกหัวรุนแรงที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในชีวิตของใคร” รุสซาอ้อนวอนแต่ต้องเงียบเสียงเมื่อมีเสียงเคาะประตูหนักๆ
“เข้ามา” ลาโคลอฟเอ่ยอนุญาตพลางคิดในใจว่า หากพ่อบ้านคนนี้ไม่มีปูมหลังเป็นพวกกบฏแบ่งแยกดินแดน เขาก็คงจะตัดออกไปจากความน่าสงสัย
“ท่านครับ แขกทุกคนเดินทางกลับหมดแล้วและผมไม่พบความผิดปกติใด” มารัตรายงาน “เมื่อสักครู่ คนของอิกอร์รายงานเข้ามาว่า คุณตาทาเนียถูกช็อตเข้าที่สีข้างด้านซ้ายสองจุด ตอนนี้ปลอดภัยแล้วแต่ยังตกใจอยู่ครับ”
ระหว่างที่มารัตกำลังรายงาน อลันก็เข้ามาสมทบพร้อมพาชายคนหนึ่งเข้ามาด้วย “ผมพบกระดุมเม็ดหนึ่งก่อนถึงประตูรั้วด้านหลัง รอบๆบริเวณไม่พบความผิดปกติใดๆ และนี่เป็นคนสวนที่มาบอกกับพ่อบ้านว่าฟิวส์ขาดครับ”
อารยาแทบสิ้นสติเมื่อทุกประโยคบอกได้เป็นอย่างดีว่าเกิดเรื่องร้ายภายในบ้านของเธอ ซึ่งนั่นก็แปลว่า ผู้เป็นสามีกำลังตกอยู่ในอันตราย!
“อีวาน...” อารยาเรียกสามีด้วยน้ำเสียงเบาโหวงจนปลายเสียงแทบหายเข้าไปในลำคอ ความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นในทันทีจนบีบมือหลานสาวแน่น
“ทำใจดีๆก่อนนะคะ อีวานต้องไม่เป็นไร” ปานชีวาบีบมือของผู้เป็นอา บอกอย่างให้กำลังใจพลางหันไปสบสายตากับลาโคลอฟที่รับเอากระดุมอีกเม็ดหนึ่งขึ้นมาเทียบกับกระดุมเม็ดที่เธอเก็บได้เมื่อสักครู่ มันคือกระดุมเสื้อที่มีขนาด รุ่น ยี่ห้อเดียวกัน “ของอีวานค่ะ ดิฉันเพิ่งให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อตอนบ่ายนี้เอง”
ลาโคลอฟพยักหน้ารับพลางหย่อนกระดุมเสื้อสองเม็ดลงในกระเป๋าเสื้อสูท แล้วหันไปจ้องตาคนสวนร่างสูง “นายใช่ไหมที่เป็นคนบอกกับพ่อบ้านว่าฟิวส์ขาด”
“คะ...ครับท่าน” รับคำหากแต่ไม่กล้าสบสายตา
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฟิวส์ขาด”
“ผมไม่คิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิดครับ เพราะในบ้านมีระบบตัดไฟ หากเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นตัวเซฟตี้น่าจะทำงานก่อน จึงได้รีบเข้าไปดูแผงควบคุมไฟฟ้าของบ้านกับยูเลีย พอยูเลียบอกว่าแค่ฟิวส์ขาดและจะทำการเปลี่ยนฟิวส์เอง ผมก็เลยออกมาแจ้งให้พ่อบ้านทราบครับ”
“ยูเลียเป็นใคร?” ลาโคลอฟถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หนักแน่น
“เป็นคนขับรถของดิฉันเองค่ะ” อารยาตอบ
ได้ยินดังนั้นลาโคลอฟก็หันไปพยักหน้าให้กับคนสนิท เป็นเชิงสั่งให้ไปนำตัวคนขับรถเข้ามาพบแล้วหันไปซักถามหนุ่มคนสวน “ชื่ออะไร”
“โบริสครับ” คนทำสวนตอบ
“โบริส แล้วนายคิดว่าเสียงระเบิดมันมาจากไหน?” ลาโคลอฟถาม
“ไม่ทราบครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ข้างในตกใจเท่าไหร่ข้างหลังก็ยิ่งโกลาหลเพราะต้องช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว พอใครนึกอะไรขึ้นได้ก็ทำตามไว้ก่อน ตอนที่มีคนพูดขึ้นว่าหรือจะเป็นเพราะฟิวส์ขาด ผมกับยูเลียก็ตรงไปที่แผงควบคุมทันทีโดยไม่ได้สนใจว่าใครพูดครับ” โบริสตอบตามความจริง
ลาโคลอฟพยักหน้ารับมองรุสซาและโบริส แล้วคิดในใจว่าตอนนี้ที่ยังไม่มีความคืบหน้าหรือหลักฐานใดๆบ่งชัด เขาคงต้องสงสัยทั้งคู่เท่าๆกัน แล้วยังมียูเลีย คนขับรถอีกคน หากไม่ทันได้คิดต่อมารัตก็เข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงไม่เป็นปกติ
“ท่านครับ เราพบศพของชายคนหนึ่งซุกไว้หลังพุ่มไม้ ตรงทางเดินหลังห้องควบคุมแผงไฟฟ้า คนในบ้านต่างยืนยันว่าเขาคือยูเลีย คนขับรถของคุณผู้หญิง” มารัตรายงานพร้อมเปิดประตูออกกว้างให้ทั้งหมดในห้องได้เห็นว่า ศพของคนขับรถถูกหามเข้ามาวางไว้บริเวณห้องโถงแล้ว
“อายาอยู่ในนี้นะคะ เดี๋ยวปัดจะออกไปดูว่าใช่ยูเลียจริงไหม” ปานชีวาบอกพร้อมลุกขึ้น เดินตามคนในห้องที่กรูออกไปดูร่างไร้วิญญาณของยูเลีย แต่ยังไม่ทันได้พ้นประตู แรงรั้งที่ต้นแขนก็ทำให้ปานชีวาชะงักการก้าวเดิน
“อย่าดูเลย เดี๋ยวภาพจะติดตา” ลาโคลอฟบอกพลางส่ายหน้าห้าม ภาพอันไม่น่าดูของศพที่ไม่รู้สาเหตุของการตาย อาจทำให้เธอเสียสุขภาพจิตและเขาก็ไม่หวังให้เป็นเช่นนั้น หากแต่หญิงสาวกลับขอร้องเขาด้วยแววตาและคำพูดที่ทำให้เขาคิดได้ว่าเธอเป็นนิติกรสาวที่พบเจอกับเรื่องเช่นนี้มาเสียชินตา
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนขวัญอ่อน”
ลาโคลอฟเบ้ปาก แม้ไม่เห็นด้วยกับความต้องการของเธอนัก แต่ก็ยอมให้เดินไปดูใกล้ๆโดยที่ยังจับต้นแขนกลมกลึงเอาไว้ เดินตามไปด้วยกัน
“ยูเลียจริงๆค่ะ” ปานชีวาหันมาบอกกับร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
จากนั้นเขาก็รั้งเธอให้หลบไปยืนด้านหลัง แล้วโน้มตัวมองร่างอันแน่นิ่งของยูเลีย ในขณะที่คนสนิททั้งสองและเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังใส่ถุงมือเพื่อตรวจสภาพศพเบื้องต้น นั่งอยู่ใกล้ๆกับศพ
“ถูกแทงด้วยอาวุธแหลมคมที่คอหอยครับ” แพทย์ตำรวจที่ตรวจสภาพศพเบื้องต้นรายงาน และจับศีรษะของยูเลียให้ตั้งตรง เพื่อเปิดแผลที่ลำคอให้ลาโคลอฟได้เห็น
“ฝีมือกลุ่มLONA” ลาโคลอฟเอ่ยถึงขบวนการปลดปล่อยแห่งแอลเมเรียเหนือ (Liberation of North Almeria หรือ LONA) เมื่อเห็นบาดแผลบริเวณลำคอ ซึ่งกลุ่มโลนาสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมด้วยอาวุธที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ปลายแหลมคม ซ้ำร้ายในกระบอกนั้นยังบรรจุสารเคมีที่ทำให้หัวใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลัน!
“ครับ จากบาดแผลแล้วคงจะเป็นกลุ่มอื่นไปไม่ได้” แพทย์ตำรวจกล่าวเสริม เพราะบาดแผลเช่นนี้พบเห็นได้บ่อยในทางบริเวณตอนเหนือของประเทศ กลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้มักเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เพื่อต้องการตอบโต้รัฐบาลของแอลเมเรีย นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามา
“ผมต้องการผลชันสูตรเร็วที่สุด พรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยง”
“ครับท่าน” แพทย์ตำรวจรับคำอย่างขันแข็ง แม้ว่าคำสั่งนี้จะดูข้ามหน่วยงานก็ตามที แต่เวลานี้มีใครกล้างัดข้อกับรัฐมนตรีหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่ามีจิตใจโหด จัดการกับศัตรูได้อย่างเฉียบขาด ดูตัวอย่างของผู้บัญชาการตำรวจที่ก้มหน้ารับคำสั่งของเขาอย่างไม่อิดออด
“กระจายกำลังตรวจค้นทุกซอกทุกมุมอีกครั้ง แล้วจัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราประตูเข้าออกอย่างเข้มงวด” สิ้นคำสั่งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รีบปฏิบัติตามคำสั่ง จากนั้นลาโคลอฟจึงหันมาสั่งพ่อบ้าน “เรียกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มารวมกันในห้องโถง ฉันขอชื่อและประวัติของทุกคนอย่างละเอียด อ้อ... ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในบ้านด้วย”
พูดจบลาโคลอฟก็ดันแผ่นหลังบางของปานชีวาให้เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง โดยที่คนสนิททั้งสองต่างควบคุมให้ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอีกทอดหนึ่ง
ดูเหมือนว่าอลันจะไม่มีในสิ่งที่เจ้านายเรียกหา บอดี้การ์ดหนุ่มจึงหยิบโทรศัพท์ของตนขึ้นมาพร้อมกดปุ่มไฟฉายที่ให้ความสว่างเพียงจุดเล็กๆเท่านั้น
ลาโคลอฟรับโทรศัพท์ของคนสนิทแล้วส่องแสงไฟเพียงน้อยนั้นไปยังต้นกำเนิดของเสียง เพียงแค่เห็นผ้าสีแดงที่กองอยู่บนพื้นก็รู้ได้ว่านั่นคือตาทาเนีย หากแปลกใจว่าทำไมเสียงที่กรีดร้องขึ้นนั้นทำไมถึงไม่เหมือนเสียงของตาทาเนีย ทันใดนั้นแสงไฟก็สว่างวาบขึ้นทั่วทั้งงาน เพียงเท่านั้นลาโคลอฟก็รู้ได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น!
“ตาเนีย เป็นอะไรไป?” อิกอร์ ซียานอฟ ถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อแสงไฟที่สว่างจ้าขึ้นมาอย่างฉับพลันทำให้เห็นว่าลูกสาวของตัวเองกองอยู่กับพื้น ใบหน้าซีดเซียว
คนสนิทของอิกอร์เข้ามาประคองลูกสาวของเจ้านายให้ลุกขึ้น เมื่ออิกอร์เดินเข้าไปถึงตัวลูกสาวก็รับร่างเข้ามากอดอย่างปลอบประโลม ในขณะที่ภรรยาของนักการเมืองคนหนึ่งล้มหัวโขกกับเสาอย่างแรงจนทำให้ศีรษะแตก
อารยาเห็นดังนั้นจึงรีบเดินเข้าไปหาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมสั่งให้เด็กรับใช้ภายในบ้านหาอุปกรณ์มาปฐมพยาบาลเบื้องต้นเสียก่อน ปานชีวาได้โอกาสดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของลาโคลอฟ พร้อมเดินไปหาผู้เป็นอา ซึ่งอารยาก็โล่งอกเมื่อเห็นว่าหลานสาวของตัวเองปลอดภัยดี
“พ่อ ชะ...ช่วย ด้วย” ตาทาเนียพูดด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น
ลาโคลอฟก้าวมารับร่างไร้เรี่ยวแรงของตาทาเนียไว้และพาเธอมานั่งยังเก้าอี้ที่วางอยู่มุมหนึ่งซึ่งไม่ไกลจากฟลอร์เต้นรำนัก กระโปรงชุดราตรีที่เปียกชื้นของเธอทำให้ลาโคลอฟมั่นใจว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นเป็นแน่!
“ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เรากำลังมีสถานการณ์ผิดปกติบางอย่าง” จบคำประกาศกร้าวของรัฐมนตรีหนุ่ม ประตูทางเข้าออกทุกทางก็ปิดสนิทลง เขาจึงก้มลงถามตาทาเนียที่ยังอยู่ในอาการมึนงง ไร้เรี่ยวแรง ทว่าของเสียที่เธอปล่อยออกมาจนกระโปรงเปียกชื้นอย่างควบคุมตัวไม่ได้ ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด “คุณถูกซ็อตด้วยเครื่องซ็อตไฟฟ้าใช่ไหม ตาเนีย?”
ตาทาเนียพยักหน้ารับ ในขณะที่รู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองผิดปกติ!
“เห็นหน้าพวกมันไหม?” ลาโคลอฟถามต่อ พลางกวาดสายตามองรอบห้องโถงที่ไม่พบความผิดปกติใด
การปฏิเสธของตาทาเนียนั้นทำได้ไม่สมบูรณ์นักเพราะดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อของเธอจะกระตุก ทันใดนั้นคนสนิทของลาโคลอฟก็เข้ามารายงานความผิดปกติที่เกิดขึ้น
“ท่านครับ หม้อแปลงไฟฟ้าไม่ได้ระเบิด ดูเหมือนว่าฟิวส์จะขาดเพราะเกิดไฟฟ้าสปาร์กขึ้นเท่านั้น” มารัตรายงาน
“ไปพาตัวพ่อบ้านมาหาฉัน” เวลานี้คนน่าสงสัยที่สุดก็คือพ่อบ้าน เพราะเขาเป็นคนเข้ามาแจ้งให้ทราบว่าหม้อแปลงระเบิด จากนั้นลาโคลอฟจึงหันไปบอกกับอิกอร์ “ผมว่าควรจะพาตาเนียไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล”
อิกอร์พยักหน้าให้คนสนิทของตนเข้ามาประคองลูกสาวแต่เธอกลับจับมือของลาโคลอฟแน่น ทั้งยังมองด้วยสายตาอ้อนวอนราวกับว่าเขาคือคนที่ให้ความคุ้มครองเธอได้ดีที่สุด ลาโคลอฟจึงก้มลงจูบกระหม่อมของเธออย่างให้กำลังใจ
“จัดการเรื่องทางนี้เสร็จแล้วผมจะไปเยี่ยม” รัฐมนตรีหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เป็นฝ่ายแกะมือเธอออกอย่างนุ่มนวล ตาทาเนียถูกพาออกไปจากงานเลี้ยงในเวลาไล่เลี่ยกับภริยาของนักการเมืองที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
ในขณะที่สายตาของปานชีวาไปกระทบกับกระดุมเม็ดหนึ่งที่ตกอยู่บนพื้น จึงรีบก้มลงหยิบขึ้นมาดูและจำได้ว่ามันคือกระดุมที่เธอเพิ่งมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดของอาเขย แต่เมื่อกวาดสายตามองรอบๆแล้วกลับไม่พบเจ้าของกระดุมเม็ดนี้เลย “อีวานล่ะคะ อีวานหายไปไหน?”
เสียงหวานของปานชีวาที่ถามขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้ลาโคลอฟและคนสนิทของเขากวาดสายตามองภายในห้องโถง ผู้คนในงานต่างโจษจันถึงเจ้าของวันเกิดแต่กลับไม่พบร่างของอีวานแม้เพียงเงา ทว่าคนที่ตกใจที่สุดคงเป็นภรรยาของเขาที่ยืนจับมือหลานสาวไว้แน่น ความกลัวเข้าอย่างเฉียบพลัน
“กันผู้คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด” น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจของลาโคลอฟสั่งการ เพียงเท่านั้นแขกที่มาร่วมงานต่างก็เงียบเสียง อยู่ในความสงบราวกับรู้ว่าต้องปฏิบัติตัวเช่นไรเมื่อเกิดสถานการณ์คับขัน
ในระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจร่างกายของคนที่มาร่วมงาน เมื่อไม่พบความผิดปกติจึงทยอยปล่อยแขกเหรื่อออกจากงาน มารัตและอลันแบ่งหน้าที่กันทำอย่างรู้งาน มารัตเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของแขกที่กำลังต่อแถวตรวจร่างกายเพื่อออกจากงาน
ลาโคลอฟกันปานชีวาและอารยาออกจากผู้คน โดยเลือกใช้ห้องทำงานซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องโถงที่จัดงานเลี้ยงนัก ไม่กี่นาทีต่อมา... มารัตก็พาพ่อบ้านเข้ามาพบกับเจ้านาย
“ผะ...ผมไม่รู้เรื่องอะไร นะครับ คุณผู้หญิง” รุสซาละล่ำละลักบอกด้วยความกลัว
“นั่นฉันจะตัดสินเอง” ลาโคลอฟตอบด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด จากนั้นจึงสั่งการให้คนสนิทออกค้นหาให้ทั่วบริเวณ “หาให้ทั่ว พบความผิดปกติแม้แต่น้อยก็อย่ามองข้าม”
“ครับท่าน” อลันรับคำเจ้านายอย่างขันแข็งแล้วถอยหลังออกไปจากห้องทันที
สิ้นเสียงของอลัน พ่อบ้านร่างท้วมก็คุกเข่า ขอร้องนายหญิงด้วยแววตาน่าสงสาร “ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ”
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากจะถามว่าทำไมถึงได้บอกว่าหม้อแปลงระเบิดทั้งที่ความจริงแล้วแค่ฟิวส์ขาด” ลาโคลอฟถามทั้งยังเดินเข้าไปหาร่างท้วมด้วยท่าทีข่มขู่ ทำให้อารยาและปานชีวาเงียบกริบ
“อะ...เอ่อ ผมไม่ทราบ คือ ผมหมายถึงว่าตอนเหตุการณ์ชุลมุนมาก มีใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาหลังเสียงระเบิดว่าหม้อแปลงไฟฟ้าระเบิด ผมจึงรีบเข้ามารายงานเพราะกลัวว่าแขกจะตกใจ” รุสซาอธิบายเหตุการณ์ตามที่สมองประมวลผลได้
“ถ้าอย่างนั้นเมื่อทุกคนเข้าใจว่าหม้อแปลงระเบิดแล้วทำไมตอนหลังถึงมารู้ว่าเป็นเพราะฟิวส์ขาดเร็วนัก” ลาโคลอฟซักต่อ
“ผมก็ไม่ทราบครับ หลังจากที่ผมเข้ามารายงานว่าหม้อแปลระเบิดแล้วจึงรีบเดินออกไปยังบริเวณแผงควบคุมไฟฟ้าของบ้าน คนสวนก็มาบอกว่าแท้จริงเป็นเพราะสายสายลำโพงเกิดการสปาร์กเลยทำให้ฟิวส์ขาดครับ”
ปานชีวามองท่าทางของลาโคลอฟที่จ้องตาพ่อบ้านเขม็งจับพิรุธ แน่ล่ะว่าเขากำลังใช้หลักจิตวิทยาง่ายๆเพื่อข่มขวัญพ่อบ้านให้เกิดความหวาดกลัว และเขาทำมันได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อท่าทางของพ่อบ้านนั้นลนลาน ไม่กล้าสบสายตาตรงๆ
“แล้วเสียงระเบิดที่เกิดขึ้นมันมาจากไหน?”
“ผะ...ผมไม่ทราบ ครับท่าน” รุสซาตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เหลวไหล! เป็นถึงพ่อบ้านใหญ่แต่ตอบคำถามอย่างนี้ได้ยังไง?” เสียงตวาดที่โต้กลับมานั้นยิ่งทำให้พ่อบ้านร่างท้วมไม่มีแรงแม้กระทั่งคุกเข่า ล้มลงนั่งกับพื้นในทันที “ใครอยู่ข้างนอก ไปตามคนสวนคนนั้นมาเดี๋ยวนี้”
“รุสซา... เธอทำงานกับฉันมาหลายปี มีอะไรพูดออกมาตรงๆ” อารยาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าร้อนรน ตอนนี้เป็นห่วงสามีจนไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้ เมื่อได้ยินสิ่งที่ลาโคลอฟตั้งคำถามและพ่อบ้านก็ตอบคำถามได้อย่างน่าสงสัย
“โธ่! คุณผู้หญิงครับ น้ำหน้าอย่างผมนี่จะคิดร้ายต่อคุณผู้ชายได้ยังไง ถ้าไม่ได้ความเมตตาของท่าน ป่านนี้ผมคงต้องตายให้กับอุดมการณ์บ้าๆ อุทิศชีวิตให้กับพวกหัวรุนแรงที่ไม่เคยเห็นคุณค่าในชีวิตของใคร” รุสซาอ้อนวอนแต่ต้องเงียบเสียงเมื่อมีเสียงเคาะประตูหนักๆ
“เข้ามา” ลาโคลอฟเอ่ยอนุญาตพลางคิดในใจว่า หากพ่อบ้านคนนี้ไม่มีปูมหลังเป็นพวกกบฏแบ่งแยกดินแดน เขาก็คงจะตัดออกไปจากความน่าสงสัย
“ท่านครับ แขกทุกคนเดินทางกลับหมดแล้วและผมไม่พบความผิดปกติใด” มารัตรายงาน “เมื่อสักครู่ คนของอิกอร์รายงานเข้ามาว่า คุณตาทาเนียถูกช็อตเข้าที่สีข้างด้านซ้ายสองจุด ตอนนี้ปลอดภัยแล้วแต่ยังตกใจอยู่ครับ”
ระหว่างที่มารัตกำลังรายงาน อลันก็เข้ามาสมทบพร้อมพาชายคนหนึ่งเข้ามาด้วย “ผมพบกระดุมเม็ดหนึ่งก่อนถึงประตูรั้วด้านหลัง รอบๆบริเวณไม่พบความผิดปกติใดๆ และนี่เป็นคนสวนที่มาบอกกับพ่อบ้านว่าฟิวส์ขาดครับ”
อารยาแทบสิ้นสติเมื่อทุกประโยคบอกได้เป็นอย่างดีว่าเกิดเรื่องร้ายภายในบ้านของเธอ ซึ่งนั่นก็แปลว่า ผู้เป็นสามีกำลังตกอยู่ในอันตราย!
“อีวาน...” อารยาเรียกสามีด้วยน้ำเสียงเบาโหวงจนปลายเสียงแทบหายเข้าไปในลำคอ ความว้าวุ่นใจเกิดขึ้นในทันทีจนบีบมือหลานสาวแน่น
“ทำใจดีๆก่อนนะคะ อีวานต้องไม่เป็นไร” ปานชีวาบีบมือของผู้เป็นอา บอกอย่างให้กำลังใจพลางหันไปสบสายตากับลาโคลอฟที่รับเอากระดุมอีกเม็ดหนึ่งขึ้นมาเทียบกับกระดุมเม็ดที่เธอเก็บได้เมื่อสักครู่ มันคือกระดุมเสื้อที่มีขนาด รุ่น ยี่ห้อเดียวกัน “ของอีวานค่ะ ดิฉันเพิ่งให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อตอนบ่ายนี้เอง”
ลาโคลอฟพยักหน้ารับพลางหย่อนกระดุมเสื้อสองเม็ดลงในกระเป๋าเสื้อสูท แล้วหันไปจ้องตาคนสวนร่างสูง “นายใช่ไหมที่เป็นคนบอกกับพ่อบ้านว่าฟิวส์ขาด”
“คะ...ครับท่าน” รับคำหากแต่ไม่กล้าสบสายตา
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าฟิวส์ขาด”
“ผมไม่คิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิดครับ เพราะในบ้านมีระบบตัดไฟ หากเกิดไฟฟ้าลัดวงจรขึ้นตัวเซฟตี้น่าจะทำงานก่อน จึงได้รีบเข้าไปดูแผงควบคุมไฟฟ้าของบ้านกับยูเลีย พอยูเลียบอกว่าแค่ฟิวส์ขาดและจะทำการเปลี่ยนฟิวส์เอง ผมก็เลยออกมาแจ้งให้พ่อบ้านทราบครับ”
“ยูเลียเป็นใคร?” ลาโคลอฟถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หนักแน่น
“เป็นคนขับรถของดิฉันเองค่ะ” อารยาตอบ
ได้ยินดังนั้นลาโคลอฟก็หันไปพยักหน้าให้กับคนสนิท เป็นเชิงสั่งให้ไปนำตัวคนขับรถเข้ามาพบแล้วหันไปซักถามหนุ่มคนสวน “ชื่ออะไร”
“โบริสครับ” คนทำสวนตอบ
“โบริส แล้วนายคิดว่าเสียงระเบิดมันมาจากไหน?” ลาโคลอฟถาม
“ไม่ทราบครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก ข้างในตกใจเท่าไหร่ข้างหลังก็ยิ่งโกลาหลเพราะต้องช่วยกันแก้ไขสถานการณ์ให้ได้โดยเร็ว พอใครนึกอะไรขึ้นได้ก็ทำตามไว้ก่อน ตอนที่มีคนพูดขึ้นว่าหรือจะเป็นเพราะฟิวส์ขาด ผมกับยูเลียก็ตรงไปที่แผงควบคุมทันทีโดยไม่ได้สนใจว่าใครพูดครับ” โบริสตอบตามความจริง
ลาโคลอฟพยักหน้ารับมองรุสซาและโบริส แล้วคิดในใจว่าตอนนี้ที่ยังไม่มีความคืบหน้าหรือหลักฐานใดๆบ่งชัด เขาคงต้องสงสัยทั้งคู่เท่าๆกัน แล้วยังมียูเลีย คนขับรถอีกคน หากไม่ทันได้คิดต่อมารัตก็เข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงไม่เป็นปกติ
“ท่านครับ เราพบศพของชายคนหนึ่งซุกไว้หลังพุ่มไม้ ตรงทางเดินหลังห้องควบคุมแผงไฟฟ้า คนในบ้านต่างยืนยันว่าเขาคือยูเลีย คนขับรถของคุณผู้หญิง” มารัตรายงานพร้อมเปิดประตูออกกว้างให้ทั้งหมดในห้องได้เห็นว่า ศพของคนขับรถถูกหามเข้ามาวางไว้บริเวณห้องโถงแล้ว
“อายาอยู่ในนี้นะคะ เดี๋ยวปัดจะออกไปดูว่าใช่ยูเลียจริงไหม” ปานชีวาบอกพร้อมลุกขึ้น เดินตามคนในห้องที่กรูออกไปดูร่างไร้วิญญาณของยูเลีย แต่ยังไม่ทันได้พ้นประตู แรงรั้งที่ต้นแขนก็ทำให้ปานชีวาชะงักการก้าวเดิน
“อย่าดูเลย เดี๋ยวภาพจะติดตา” ลาโคลอฟบอกพลางส่ายหน้าห้าม ภาพอันไม่น่าดูของศพที่ไม่รู้สาเหตุของการตาย อาจทำให้เธอเสียสุขภาพจิตและเขาก็ไม่หวังให้เป็นเช่นนั้น หากแต่หญิงสาวกลับขอร้องเขาด้วยแววตาและคำพูดที่ทำให้เขาคิดได้ว่าเธอเป็นนิติกรสาวที่พบเจอกับเรื่องเช่นนี้มาเสียชินตา
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนขวัญอ่อน”
ลาโคลอฟเบ้ปาก แม้ไม่เห็นด้วยกับความต้องการของเธอนัก แต่ก็ยอมให้เดินไปดูใกล้ๆโดยที่ยังจับต้นแขนกลมกลึงเอาไว้ เดินตามไปด้วยกัน
“ยูเลียจริงๆค่ะ” ปานชีวาหันมาบอกกับร่างสูงที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง
จากนั้นเขาก็รั้งเธอให้หลบไปยืนด้านหลัง แล้วโน้มตัวมองร่างอันแน่นิ่งของยูเลีย ในขณะที่คนสนิททั้งสองและเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งกำลังใส่ถุงมือเพื่อตรวจสภาพศพเบื้องต้น นั่งอยู่ใกล้ๆกับศพ
“ถูกแทงด้วยอาวุธแหลมคมที่คอหอยครับ” แพทย์ตำรวจที่ตรวจสภาพศพเบื้องต้นรายงาน และจับศีรษะของยูเลียให้ตั้งตรง เพื่อเปิดแผลที่ลำคอให้ลาโคลอฟได้เห็น
“ฝีมือกลุ่มLONA” ลาโคลอฟเอ่ยถึงขบวนการปลดปล่อยแห่งแอลเมเรียเหนือ (Liberation of North Almeria หรือ LONA) เมื่อเห็นบาดแผลบริเวณลำคอ ซึ่งกลุ่มโลนาสังหารคนอย่างโหดเหี้ยมด้วยอาวุธที่มีลักษณะเป็นแท่งทรงกระบอก ปลายแหลมคม ซ้ำร้ายในกระบอกนั้นยังบรรจุสารเคมีที่ทำให้หัวใจล้มเหลวอย่างเฉียบพลัน!
“ครับ จากบาดแผลแล้วคงจะเป็นกลุ่มอื่นไปไม่ได้” แพทย์ตำรวจกล่าวเสริม เพราะบาดแผลเช่นนี้พบเห็นได้บ่อยในทางบริเวณตอนเหนือของประเทศ กลุ่มหัวรุนแรงพวกนี้มักเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์เพื่อต้องการตอบโต้รัฐบาลของแอลเมเรีย นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามา
“ผมต้องการผลชันสูตรเร็วที่สุด พรุ่งนี้ไม่เกินเที่ยง”
“ครับท่าน” แพทย์ตำรวจรับคำอย่างขันแข็ง แม้ว่าคำสั่งนี้จะดูข้ามหน่วยงานก็ตามที แต่เวลานี้มีใครกล้างัดข้อกับรัฐมนตรีหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่ามีจิตใจโหด จัดการกับศัตรูได้อย่างเฉียบขาด ดูตัวอย่างของผู้บัญชาการตำรวจที่ก้มหน้ารับคำสั่งของเขาอย่างไม่อิดออด
“กระจายกำลังตรวจค้นทุกซอกทุกมุมอีกครั้ง แล้วจัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราประตูเข้าออกอย่างเข้มงวด” สิ้นคำสั่งทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รีบปฏิบัติตามคำสั่ง จากนั้นลาโคลอฟจึงหันมาสั่งพ่อบ้าน “เรียกคนที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้มารวมกันในห้องโถง ฉันขอชื่อและประวัติของทุกคนอย่างละเอียด อ้อ... ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในบ้านด้วย”
พูดจบลาโคลอฟก็ดันแผ่นหลังบางของปานชีวาให้เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง โดยที่คนสนิททั้งสองต่างควบคุมให้ทุกคนปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอีกทอดหนึ่ง
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2558, 13:27:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2558, 13:27:01 น.
จำนวนการเข้าชม : 1042
<< ตอนที่ 7 100% | ตอนที่ 9 100% >> |