เจ้าหัวใจมาเฟีย
ขอเพียงถูกตาต้องใจ ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาก็พร้อมที่จะ ‘ลาก’ ขึ้นเตียงทันที

เพียง ‘เฟร์นานโด อาเชอร์ แมคคาร์ทนี่ย์’ มาเฟียหนุ่มลูกครึ่งอิตาเลียน-สแปนิช ได้สบตากับหญิงสาวในงานเลี้ยงคืนนั้น 

เขาก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้อง ‘หิ้วเธอ’ กลับห้องให้ได้ 

และเมื่ออาเชอร์คิดจะ ‘หิ้ว’ ใคร... สิ่งที่เขาทำก็แค่เดินเข้าไปหาเธอ แล้ว ‘หิ้ว’ ไป ‘ขยำ’ และ ‘ขยี้ี’  

แน่ล่ะสิ... ก็คนอย่างเขาทั้งหล่อ เสน่ห์เหลือร้าย อารมณ์เร่าร้อนรุนแรง แถมยังรวยจนเรียกว่าจะครองโลกทั้งโลกได้อยู่แล้ว 

แล้วจะมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าปฏิเสธ แต่ที่ไหนได้... ชายหนุ่มกลับรู้สึกเหมือนถูก ‘ถ่มน้ำลายใส่’ ก่อนจะ ‘ตบจนหน้าหัน’ 

เพราะไม่เพียงแต่เธอจะ ‘ไม่ดีใจ’ หรือพยายามเรียกร้องให้เขา ‘รับผิดชอบ’ ทว่าหญิงสาวยังวิ่งหนีไปเสียดื้อๆด้วย

แล้วจะให้คนอย่างเขาไล่ตามง้องอน ‘หมอนวด’ อย่างเธอนี่น่ะหรือ มันจะมากไปหน่อยแล้ว! 

มีอย่างที่ไหน... ‘เป็นผัวเป็นเมีย’ กันแล้ว ยังจะให้เขาไปตามจีบตามตื๊อ ‘เมียตัวเอง’ เหมือนคู่รักวัยตื่นเพศ ตื่นฮอร์โมนอีก 

เธอคงลืมไปแล้วกระมังว่าเขาเป็นมาเฟียใจโหด... 

แล้วสิ่งเดียวที่เขาจะทำกับผู้หญิงที่ทั้งดื้อด้านและน่ารำคาญ นั่นก็คือการ ‘ลาก’ ตัวเธอมา ‘ตอก’ และ ‘ย้ำ’ อีกสักที 

ให้เธอได้รู้จักความหมายของคำว่า ‘วัวเคยขา ม้าเคยขี่’ ให้มันลึกซึ้งจนถึงแก่นหัวใจ 

 

เขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหน เธอไม่สน แต่ถ้าคิดจะ ‘คั่ว’ เธอ มันต้องตาม ‘ขั้นตอน’  

เหตุการณ์อัปยศที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัวกับ ‘แพรวา’ นักกายภาพบำบัดสาว

ทำให้คนที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาศึกษาต่อเป็นระยะทางถึงครึ่งโลกต้อง ‘ช็อก’ อย่างหนัก... 

แม้จะเกลียดจนอยากจะฆ่าเขาให้ตาย แต่เธอจะไปทำอะไรผู้ชายหน้าด้าน หลงตัวเอง ที่มีอิทธิพลล้นประเทศอย่างนั้นได้

ทว่าเรื่องที่คาดไม่ถึงอย่างที่สุดก็คือ... เขากลับเป็นฝ่ายตามหา และยังปรารถนาที่จะ ‘ลิ้มรสหวาน’ จากร่างกายของเธออีก

ฝันไปเถอะ! อย่าหวังเลยว่าเขาจะทำ ‘ข้ามขั้นตอน’ เหมือนเมื่อคืนก่อนได้อีก

ถ้าคิดจะให้เธอ ‘ยอม’... คราวนี้ชายหนุ่มก็จะต้อง ‘ทำ’ ตาม ‘ข้อแม้’ ของการเป็น ‘แฟน’

ไม่อย่างนั้นก็เชิญเขาไปดักฉุดดักปล้ำผู้หญิงคนอื่นเอาป้ายหน้า... สำหรับเธอ ขอลาขาด!

ส่วนไอ้ที่เสียๆไปแล้วน่ะ เธอจะทำใจนึกเสียว่าโยนให้สุนัขมันรับประทาน...

 

“คุณจะให้ผมถอดดีๆ หรือต้องให้มัดมือมัดเท้าก่อนแล้วค่อยถอดล่ะจ๊ะ??” เขาถามหน้าตาย

“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต!! ปล่อยฉัน!!! ฉันจะแจ้งตำรวจ!!!”

“ก็เข้าใจหรอกนะว่าอยากให้ผมตื่นเต้น แต่ผมชอบเร็วๆ จะได้สนุกหลายๆรอบ” เขาทำหน้าหื่นกระหายจนเธออยากจะร้องไห้!!

“ไม่เอานะ... คุณอย่าทำอะไรฉันเลย มันไม่สนุกหรอก ฉันไม่เต็มใจ!!!” เสียงเธอสั่นเครือ หยดน้ำตาเริ่มไหลลงจากขอบตา 

หากเขาไม่สนใจ ยังซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น พลางรูดซิป ลอกชุดสีสวยออกจากร่างบาง

“คุณสวยจนผมแทบลืมหายใจ...” อาเชอร์เกี่ยวแพนตี้ตัวบางออกจากสะโพกผาย 

หญิงสาวไม่เคยอับอายและอดสูใจเช่นนี้มาก่อน ได้แต่หนีบขาไว้เพื่อปิดบังร่างกาย

“คุณต้องเสียใจที่ทำกับฉันแบบนี้!!” เธอพูดขึ้นเสียงขื่น 

“ไม่ต้องห่วงน่า ไว้ผมจะชดใช้ให้คุณทีหลัง...” 

พูดจบเขาก็ก้มลงจูบริมฝีปากอิ่มอย่างดูดดื่ม ส่วนมือก็เคล้นคลึงทรวงอกเต็มแรง 

คอยดูสิ... เขาจะทำให้เธอลืมทุกคนที่เคยผ่านมาเลยทีเดียว
Tags: อาเชอร์ - แพรวา ,เบนเซม่า - เอมิเลีย

ตอน: ตอนที่ 7 100%

เช้าวันรุ่งขึ้นเอมิเลียเดินเข้าสโมสรฯ ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นหลายคนมองมายังตนเองเป็นสายตาเดียวกัน และซุบซิบบางอย่างเมื่อเดินสวนไป ไม่เว้นแม้กระทั่งแม่บ้านที่ทำความสะอาดตรงทางเดินที่เจอกันอยู่ทุกวัน เอมิเลียเดินแบบมึนๆ เข้ามาทรุดลงนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ถอนใจดังเฮือกใหญ่จนวิกทอเรียเพื่อนสาวที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะข้างๆ หันมามอง

“เป็นอะไรเอมี่ถอนหายใจดังเฮือกๆ เชียว?” วิกทอเรียเงยหน้าขึ้นมองเอมี่อย่างขำๆ

“วันนี้เป็นอะไรไม่รู้ ตั้งแต่เดินเข้ามาในสโมสรฯ มีแต่คนมองฉันจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาด” เอมิเลียหันไปเล่าให้เพื่อนร่วมงานฟัง

“นี่แสดงว่ายังไม่เห็นข่าวใช่มั้ย... ถึงไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนดังไปซะแล้ว” วิกทอเรียวางหนังสือพิมพ์รายวันชื่อดังของสเปนฉบับหนึ่งลง

“เป็นแฟนกันก็ไม่บอกปิดเงียบเชียว... ถ้าเป็นฉันนะเอมี่จะประกาศให้คนทั้งโลกรู้เลยมีแฟนหล่อ รวยแถมยังเล่นบอลเก่งครบสูตรแบบนี้” พูดจบก็เดินไปชงกาแฟตรงมุมห้องทิ้งให้เอมิเลียงงเข้าไปใหญ่

‘หลังเลิกรากับนางแบบสาวได้ไม่นาน นักเตะหล่อสุดเจ้าชู้แห่งเรอัล มาดริด ก็เปลี่ยนแนวไปคว้าสาวสวยลูกครึ่งเอเชียร่างอ้อนแอ้นไปกกที่คอนโดหรู หลังจากที่ทั้งคู่พากันมาเก็บของที่ห้องพักของฝ่ายหญิง แล้วจูงมือกันไปทำสวีตที่ร้านอาหารอิตาเลียนเป็นนานสองนาน’
เอมิเลียไล่เลียตามทุกตัวอักษรเหมือนกลัวตกหล่น ด้านบนมีภาพของเธอและเบนเซม่ากำลังนั่งจับมือกันอยู่ในร้านอาหารอิตาเลียน อีกภาพเป็นภาพที่เธอขับรถเข้าไปจอดที่หน้าคอนโดของเบนเซม่า ทั้งสองภาพโชว์หราอยู่เกือบครึ่งหน้าหนังสือพิมพ์

เอมิเลียลนลานคว้าโทรศัพท์มือถือแล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปตรงประตูฉุกเฉินหน้าบันไดทางหนีไฟ มือเล็กๆ กดโทรศัพท์ต่อสายหาชายที่เธอเป็นข่าวด้วยทันทีไม่นานเกินรอเสียงห้าวก็ดังขึ้นที่ปลายสาย

“เบนซ์! คุณเห็นข่าวรึยัง!?” เอมิเลียถามน้ำเสียงร้อนรน

“อืม... เห็นแล้ว มาร์โก้ซื้อมาให้ทุกฉบับเลย”

“อะไรนะ! หมายความว่ามีอีกหลายฉบับที่ลงข่าวบ้าๆ นี่น่ะเหรอ ตายแล้ว... ฉันจะทำยังไงดี มิน่าเมื่อเช้าฉันเดินเข้ามาคนทั้งสโมสรมองฉันอย่างกับเป็นตัวประหลาด” สาวน้อยโอดครวญ

“ใจเย็นๆ ก่อนนะเอมี่ ผมกำลังปรึกษากับมาร์โก้อยู่ คุณไม่ต้องห่วง... ไปทำงานให้สบายใจเถอะ”

เบนเซม่าวางสายไปพักใหญ่แล้ว สาวน้อยทรุดตัวนั่ลงบนขั้นบันไดอย่างหมดแรง เกิดเรื่องฉาวแบบนี้จะให้ไปทำงานอย่างสบายใจได้ยังไง ไอ้ตัวปัญหา!! เอมิเลียคิดอย่างเข่นเขี้ยวใจ... เมื่อสงบอารมณ์ได้ครู่ใหญ่แล้วสาวน้อยจึงเดินออกไปทำงานต่อ


สัปดาห์ต่อมามาร์โก้เดินหน้าตื่นเข้ามาในห้องออกกำลังกายภายในคอนโดหรูของเบนเซม่าในช่วงบ่าย ชายหนุ่มกำลังนอนตะแคงยกขาข้างหนึ่งขึ้น ลงตามท่าทางในการออกกำลังกายกล้ามเนื้อสะโพก โดยมีเอมิเลียนั่งดูอยู่ใกล้ๆ

“งาย... ทำหน้าตื่นเหมือนหนีปีศาจมาเลย” เบนเซม่าเอ่ยทักเมื่อเห็นผู้จัดการส่วนตัววิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“หึ... อยากจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว ตอนนี้” ร่างกำยำของมาร์โก้นั่งลงบนส้นเท้าตัวเองแล้วยื่นหนังสือพิมพ์ให้เบเซม่า
ชายหนุ่มรับหนังสือพิมพ์พลางทรงตัวให้ลุกขึ้นนั่ง

“มีอะไรอีกล่ะคราวนี้” ชายหนุ่มกวาดตามองตามนิ้วของมาร์โก้ที่ชี้ให้ดู

“เดี๋ยวจะไปเอาน้ำมาให้นะคะ” เอมิเลียเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นเดินออกมาเพราะรู้ว่าทั้งสองคงมีเรื่องสำคัญคุยกัน

ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา... เธอกลายเป็นหัวข้อสนทนาของคนในสังคมไปแล้ว บ้างก็ยินดีที่เธอมีแฟนเก่ง หล่อ รวย บ้างก็ว่าเธอโชคดีกว่าถูกลอตเตอร์รี่รางวัลเสียอีก... หรือไม่ก็เป็นซินเดอเรลล่าบ้างล่ะ มีทั้งดีและไม่ดีจนไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี แต่ที่แน่ๆ เธออยากให้ข่าวพวกนี้เงียบหายไปจากชีวิตสักที


เบนเซม่าอ่านหนังสือพิมพ์ที่วันนี้นักข่าวไปขุดค้นประวัติของเอมิเลียมา และภาพอีกหลายภาพที่มีทั้ง เอมิเลียคนเดียว และบางภาพก็มีตัวเขาเองอยู่ในภาพด้วย

‘สาวๆ คงต้องรอดูกันไปว่าสาวน้อยเอมิเลียจะมีเสน่ห์มัดใจนักเตะดังไปได้อีกนานเท่าไหร่ และสาวน้อยผู้นี้คงจะดังเป็นพลุแตกอีกครั้งเมื่อวันที่เธอต้องเลิกรากับนักเตะชื่อดังมาถึง หนุ่มๆ ที่อยากควงสาวของคนดังคงต้องเตรียมจ้องเธอไว้ให้ดีๆ เพราะลีลาเธอคงไม่เบาแน่ถึงมัดใจเบนเซม่าไว้ได้หลายสัปดาห์แล้ว’

มือใหญ่ของชายหนุ่มขยุ้มหนังสือพิมพ์ในมือจนยับยู่ยี่ หน้าเถื่อนดิบดูโหดขึ้นมาอีกเมื่อความโกรธแผ่ซึมครอบคลุมไปทั่วร่างแกร่ง
“มาร์โก้... ให้ทนายส่งโนติสยื่นฟ้องตัวบรรณาธิการแล้วก็หนังสือพิมพ์ด้วย แล้วก็จ้างนักสืบๆ ว่าใครเป็นคนค้นประวัติเอมี่ด้วย นี่มันต้องการให้เสียชื่อเสียงมากว่าที่จะมองว่าเป็นการหาข่าวธรรมดาแล้ว” ชายหนุ่มสั่งผู้จัดการส่วนตัวเสียงเครียด นี่มันล้ำเส้นมามากเกินไปแล้ว มันมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกแฟนของเขา! ไอ้หมาลอบกัด


“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เอมิเลียยืนนิ่งเมื่อได้ยินประโยคที่ชายหนุ่มพูดไปเมื่อครู่
สองหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองสาวน้อยหน้าใสที่ต้องมาตกเป็นเหยื่ออย่างเห็นใจ เอมิเลียเดินไปยื่นขวดน้ำให้มาร์โก้ แล้วหันมาดึงกระดาษที่ยับยู่อยู่ในมือของเบนเซม่าคลี่ออกดู ส่วนมาร์โก้ลุกขึ้นตบมือที่ไหล่บอบบางอย่างให้กำลังใจแล้วเดินออกไปจัดการเรื่องที่เบนเซม่าสั่ง

เอมิเลียลดหนังสือพิมพ์ลงจากหน้าก็พบว่าร่างสูงใหญ่ของเบนเซม่ายืนใกล้อยู่ตรงหน้าแล้ว

“ผมขอโทษ” ชายหนุ่มรวบร่างที่กำลังอ่อนแอเข้ามากอดไว้ในวงแขนอย่างอ่อนโยน “ผมไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต...
ทำให้เอมี่ต้องเสียหาย แต่ผมสัญญาว่าเอมี่ต้องได้รับคำขอโทษและการชดใช้ที่เพียงพอกับความเสียใจที่ได้รับ” มือใหญ่ยังลูบศรีษะที่ซบอยู่ตรงหน้าอกของตนเองอย่างปลอบโยน

ความอบอุ่นที่โหยหามาตลอดตั้งแต่ขาดมารดาไปบัดนี้มันอุ่นซ่านแผ่เต็มหัวใจดวงน้อยแล้ว เพียงแค่การแสดงออกเล็กน้อยของผู้ชายที่นับวันกำแพงที่เธอส้างขึ้นปกป้องตนเองจากเขามันกำลังจะทลายลงทุกที น้ำตาอุ่นที่ไหลลงเปียกตรงหน้าอกแกร่งทำให้ชายหนุ่มยิ่งรัดร่างในอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก เขาต้องควานหาคนที่มันทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียน้ำตามาคุกเข่าต่อหน้าเธอให้ได้

อาเชอร์มองร่างบอบบางที่เขาเองรู้ว่าเธอซ่อนรูปเพียงใดเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องทำงานของเขา เมื่อหญิงสาวกำลังโทรฯ หาใครบางคนที่ไม่ยอมรับสายแล้วเธอก็ไปยืนนิ่งมองดูวิวมุมสุงของกรุงมาดริดริมกระจกบานใหญ่ ดอนหนุ่มเพิ่งจะออกไปรับเธอจากมหาวิทยาลัยด้วยตัวเองเมื่อตอนบ่าย แต่เขายังมีงานค้างอยู่จึงต้องหิ้วเธอกลับเข้ามาที่บริษัทฯ อีกครั้ง

“โทรหาใครจ๊ะ... เขาสำคัญขนาดทำให้คุณกระวนกระวายแบบนี้เชียว ผมหึงเป็นเหมือนกันนะ!!” สองแขนแกร่วสอดเข้ามาโอบเอวคอดไว้จากด้านหลัง

“หึงอะไรกันล่ะคะ ฉันโทรหาเพื่อนที่เคยทำงานด้วยกันที่สโมสรฯ น่ะค่ะ คนที่มีข่าวกับเบนเซม่าไง... ฉันอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อเช้าแล้วรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แต่ที่รู้จักกันมาแกเป็นเด็กดีมากนะคะ ก็เลยว่าจะโทรหาซักหน่อยแต่แกปิดเครื่อง...” แพรวาวางมือนิ่มของตัวเองทับมือใหญ่ที่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบของเธออยู่

แพรวาเงยหน้ามองเห็นแค่ปลายคางของคนรัก

“งานเสร็จแล้วเหรอคะ? ถึงได้มาทำมือเป็นหนวดปลาหมึกแถวนี้...” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ เมื่อมือใหญ่เริ่มหยอกเย้าอยู่แถวเอวคอด

อาเชอร์กดจมูกโด่งหอมแก้มเนียนนุ่มของสาวในอ้อมแขน สูดเอากลิ่นหอมเฉพาะตัวของเธอเข้าเต็มปอด “รักคุณที่สุดเลย สวีตตี้”
หญิงสาวหมุนตัวเองเข้าหาร่างใหญ่สอดมือทั้งสองข้างกอดเอวสอบไว้หลวมๆ แล้วซบแก้มลงบนหน้าอกกว้าง “มีความสุขจังเลยค่ะ เวลาคุณบอกว่ารักฉัน ตัวฉันเบาเหมือนลอยได้เลย”

มาเฟียที่คนกล่าวขานว่าใจแข็ง แทบละลายกับท่าทางออดอ้อนน่ารักของเธอ ไหนจะคำพูดที่บอกว่าเธอมีความสุขเหลือเกิน ไวเท่าความคิด

“แต่ผมสิแย่... ชีวิตนี้ยังไม่มีโอกาสรู้สึกแบบคุณเลย แพรยังไม่เคยบอกรักผมเลยนะที่รัก”

หญิงสาวดึงตัวเองออกมาจากอกแกร่ง ยกมือบางทั้งสองข้างสอดเข้าใต้ท้ายทอยของผู้ชายขี้ใจน้อยแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มคร้ามสองข้าง ตามด้วยหน้าผากกว้างแล้วก็คางอีกทีเหมือนทุกครั้งที่ต้องการออดอ้อนให้ดอนหนุ่มใจอ่อนยอมเธอง่ายๆ

“พอจะถือว่าเป็นคำปลอบใจได้ไหมคะ”

อาเชอร์รัดร่างเธอขึ้นจนเท้าลอยเดินไปนั้งลงบนเก้าอี้ทำงานของตนเอง “ก็พอได้... แต่ก็ยังอยากฟังคุณพูดมันออกมามากกว่า” ดอนหนุ่มรั้งร่างบางให้นั่งซ้อนบนตักเขาอีกที “ผมจะรอจนกว่าแพรจะบอกก็แล้วกัน ไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวผมทำงานไม่เสร็จกันพอดี คุณทำให้ผมทำงานได้ช้าลง”

เขาโยนความผิดให้เธออีกแล้ว “ก็ปล่อยสิคะ ฉันจะไปนั่งตรงโน้น"

แต่อาเชอร์ก็ไม่ได้ปล่อยให้หญิงสาวไปนั่งที่ไหน แม้กระทั่งตอนที่เลขาถือเอาแฟ้มเอกสารเข้ามาให้เขาเซ็นหรือหัวหน้าฝ่ายการเงินเดินเอาเอกสารสำคัญเข้ามาเสนอให้เขาเซ็น เขาก็ยังนิ่งไม่ปล่อยเธอลงถึงแม้จะดิ้นจนเหนื่อยแล้วหยุดไปเอง

“ต่อไปฉันไม่มาที่ทำงานกับคุณอีกแล้วนะ ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนแล้ว” แพรวาบอกหลังจากที่เขาทำงานเสร็จและยอมปล่อยให้เธอลงจากตักแกร่ง

“อายทำไม!? คนอื่นเขาเห็นเขาก็ต้องอิจฉาที่เรารักกันมากขนาดปล่อยมือจากกันไม่ได้... ผมหล่อเร้าใจ มีพลังเหลือเฟือออกขนาดนี้ มีแต่เขาจะอิจฉาคุณนะสิไม่ว่า...”

ร่างสูงเดินไปหยิบเสื้อสูทมาใส่แล้วจูงมือกันเดินออกมาจากห้อง ชายหนุ่มมองแก้มที่กำลังใสที่แดงระเรื่อขึ้นมาทันที จนรู้ความคิดว่าเธอกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่

“รู้นะว่าคิดอะไรอยู่ รีบกลับกันเถอะ แพรคิด... ผมก็คิดเหมือนกัน... แล้วนี่มันก็นานตั้งแต่วันอาทิตย์ที่แล้วเชียว” ตาเขียวอมเทาขยิบใส่ตาเธออย่างเจ้าชู้

“อย่ามาลามกนะ! ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลย คุณมันบ้า! คิดอยู่ได้แต่เรื่องเดียว” แพรวาใช้มืออีกข้างบิดเข้าที่หลังมือใหญ่แรงๆ เจ็บๆ
อาเชอร์สูดปากบางเฉียบเหมือนเจ็บสุดๆ แต่กลับหันมายิ้มทะเล้นใส่หน้าหญิงสาว

“แรงเท่ามด”

แพรวาได้ยินดังนั้นจึงบิดลงไปที่เดิมอีกครั้ง เลขาส่วนตัวของดอนอาเชอร์มองจนทั้งคู่ลงลิฟต์ไปจนลับตา เธอยังอ้าปากหวอตาค้าง ไม่เชื่อตา เชื่อหูตัวเองตั้งแต่ได้ยินหญิงสาวร่างอ้อนแอ้นผู้นี้ขึ้นเสียงดุดอนอาเชอร์ แล้วยังกล้าดีทำร้ายร่างกายดอนของเธออีก แต่ดอนกลับหัวเราะเหมือนเธอกำลังหยอกเย้าซะมากกว่า สงสัยดอนอาเชอร์จะถอดเขี้ยวเล็บวางหัวใจไว้ในมือหญิงสาวผู้โชคดีคนนี้เป็นแน่


เช้าวันต่อมาอาเชอร์มองร่างนุ่มนิ่มที่กำลังขยุกขยิกอยู่บนเตียงกว้างผ่านกระจกบานใหญ่ขณะที่กำลังแต่งตัวอยู่ หญิงสาวกำลังตะกายออกจากผ้าห่มผืนใหญ่และหมอนใบนุ่มฟูอย่างงัวเงีย

“ทำไมตื่นเร็วจัง แพรนอนพอแล้วเหรอ” ดอนหนุ่มเดินถือเน็กไทสีเข้มไปวางไว้ในมือของหญิงสาวที่นั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง แล้วมือใหญ่ทั้งสองข้างก็จับบั้นเอวบางยกให้ลุกขึ้นยืนบนเตียงเพื่อที่จะผูกเน็คไทให้เขาซึ่งเป็นหน้าที่ๆ เธอต้องทำเป็นประจำเมื่ออยู่ด้วยกัน

“หิวข้าวน่ะสิคะ... แล้วคุณจะทานอาหารเช้าก่อนไปทำงานรึเปล่า”

“ไม่จ๊ะ วันนี้คุณทำผมสายอีกตามเคย” อาเชอร์มองตาที่ค้อนเขาวงใหญ่ได้อย่างน่ารัก

“ทานข้าวแล้วแพรเข้ามานอนต่อสักพักนะ... ผมนัดช่างทำผมแต่งหน้ามาตอนบ่ายสามครึ่ง”

แพรวาโอบแขนเรียวรอบคอแกร่งที่ตอนนี้ใบหน้าคร้ามคมอยู่บริเวณหน้าอกนุ่มเพราะเธอยืนอยู่บนเตียงกอดเขาไว้กับอก
อาเชอร์ฝังทั้งใบหน้าลงกลางอกสาว

“จะติดสินบนผมหรือไง สวีตตี้ ไม่เอาน่า... คุณทำแบบนี้ผมยิ่งไม่อยากไปทำงาน” อาเชอร์ครางยาวๆ ในลำคอ แค่เธอเริ่มนิดๆ หน่อยๆ เขาก็ปวดร้าวขึ้นมาอีกแล้วทั้งที่เมื่อคืนนี้เขาตักตวงเอาความสุขจากเธอจนแทบจะสำลักความสุขตาย แต่ต้องหักห้ามใจตัวเองจึงช้อนร่างนุ่มนิ่มขึ้นมาในวงแขน

“เดี๋ยวเสื้อยับนะคะ”

อาเชอร์วางร่างบางลงบนเคาร์เตอร์ในห้องน้ำกว้าง “ให้เกียรติเป็นคู่ควงผมคืนนี้นะที่รัก คุณไม่ต้องกังวลใจอะไรทั้งนั้น เพราะยังมีผมอยู่ข้างๆ นะที่รัก” ยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป

แพรวานอนแช่อยู่ในอ่างน้ำวนนานจนรู้สึกว่าตนเองสดชื่นขึ้นบ้างแล้ว จึงแต่งตัวเดินออกมานอกห้อง และยิ้มให้อย่างแปลกใจเมื่อเห็นร่างของแม่บ้านวัยกลางคนที่เคยพบหน้ากันแล้วที่คฤหาสน์ของคุณตารอส์ด

“สวัสดีค่ะคุณนายน้อย” นานายิ้มให้และกำลังจัดอาหารเช้าอยู่ตรงโต๊ะอาหาร “เชิญรับประทานอาหารเช้าค่ะ คุณนายน้อยจะรับกาแฟ โก้โก้ หรือชาดีคะ” นานาเลื่อนเก้าอี้ออกรอให้คุณนายน้อยไปนั่ง

แพรวาเดินไปนั่งลงแล้วยิ้มให้อย่างเขินๆ กับสรรพนามที่แม่บ้านเรียกตนเองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าต้องเป็นคำสั่งของอาเชอร์แน่ๆ

“กาแฟดีกว่าค่ะ แล้วทำไมนานาถึงมาอยู่ที่นี่ได้”

“ดอนอาเชอร์ให้คนไปรับดิฉันมาคอยดูแลตอนที่คุณนายน้อยมาค้างอยู่ที่นี่ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปชงกาแฟให้นะคะ” นานากล่าวพร้อมยิ้มให้อย่างนอบน้อม

แพรวาเปิดหนังสือพิมพ์รายวันที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นดูไปเรื่อยๆ จนไปพบกับภาพข่าวของเอมิเลียที่ช่วงนี้มีข่างดังไม่เว้นวัน หญิงสาวอ่านคอลัมข่างของสาวน้อยที่เขียนถึงเธอในทางที่ไม่ดีอย่างเห็นใจสาวน้อย แพรวารีบจัดการกับอาหารเช้าแล้วลงมือต่อสายหาเอมิเลียทันที

“หวัดดีจ๊ะเอมี่... นี่พี่แพรนะจ๊ะ พี่โทรหาเอมี่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่สงสัยเอมี่ปิดเครื่อง” แพรวากรอกเสียงลงไปเมื่อได้ยินปลายสายเอ่ยทักทาย

“ค่ะ... เอมี่ไม่อยากรับโทรศัพท์นักข่าว ไม่รู้ว่าเขาไปได้เบอร์โทรมาได้ไง! แล้วนี่พี่แพรสบายดีไหมคะ? ไม่เจอกันตั้งนานเอมี่คิดถึงจัง...” เอมิเลียกลายเป็นสาวย้อยขี้อ้อนเสมอเมื่อได้พูดคุยกับแพรวา

“สบายดีจ๊ะ... พี่เห็นข่าวแล้วไม่สบายใจเลย นับวันก็ดูแรงขึ้นไปใหญ่!”

“ภาพมันก็จริงแหละค่ะ... แต่เอมี่แค่ไปนั่งทานอาหารกัน แล้วก็กลับมาคอนโดแต่นักข่าวก็เล่นเขียนไปอีกอย่าง ข่าวนี่ก็แรงขึ้นทุกวันเหมือนพี่แพรว่า ตอนแรกเอมี่ก็คิดว่าปล่อยไปก่อนไม่นานก็มีเรื่องใหม่มาให้คนได้สนใจกัน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคงคิดผิดแล้ว ทวิสเตอร์ เฟสบุ๊คนี่แสดงความคิดกันให้สนุกไปเลย แล้วก็เป็นสื่อที่ขยายวงกว้างแบบรวดเร็ว ห้ามลำบากด้วยสิคะ” เอมิเลียระบายความในในออกมาให้แพรวาฟัง

“พี่ว่าช่วงนี้เอมี่ก็อย่าไปรับข่าวสารพวกนี้นักเลย มันบั่นทอนกำลังใจเรามากกว่า พยายามตั้งสติถึงจะแก้ปัญหาได้ อ้อ... แล้วเบนซ์ว่าไงจ๊ะ!”

“เขาก็เข้าใจเอมี่ดีหรอกค่ะ... เอมี่เองก็เข้าใจว่าเขาก็คงไม่ได้อยากที่จะมาเป็นข่าวเรื่องแบบนี้กับเอมี่ เพราะตอนนี้ยังต้องพักรักษาตัวอีก มีข่าวแบบนี้มีแต่เสียกับเสีย นี่มาร์โก้ก็กำลังให้ทนายยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นอยู่”

“พี่ว่าเอมี่อดทนอีกไม่นาน เรื่องทุกอย่างคงคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น ตอนนี้คนอาจจะยังพูดกันอยู่มากเพราะเบนซ์เองก็เป็นคนดัง นักข่าวก็ขายข่าวได้ ส่วนเอมี่ก็อย่าไปคิดมากนะ ถ้าเหงา ไม่สบายใจก็ให้โทรหาพี่ได้ทันที ว่างๆ ก็นัดทานข้าวกันสักมื้อนะพี่เป็นห่วงเรานะน้องสาว” แพรวาที่รู้สึกว่าเอมิเลียเป็นเหมือนน้องสาวของตนเองเพราะบิดาและมารดาจากไปเร็วเหลือเกิน แต่เธอเองยังโชคดีที่มีคุณลุงคุณป้าคอยดูแลต่างกับเอมิเลียที่ต้องเข้าไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

“ขอบคุณมากนะคะพี่แพร เอมี่จะพยายามไม่คิดมากค่ะ แล้วว่างๆ อย่าลืมหาเวลานัดเอมี่ออกไปทานข้าวบ้างนะคะ... สวัสดีค่ะ” เอมิเลียรู้สึกว่าแพรวาเป็นอีกคนที่หวังดีและห่วงใยเธอจริงๆ เอมิเลียวางสายโทรศัพท์ลงพร้อมๆ กับที่มาร์โก้เปิดประตูห้องเข้ามา

“เรารู้ตัวนักข่าวมือบอนแล้ว ฉันแจ้งความให้ตำรวจจับหมอนั่นไปแล้ว ส่วนหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเห็นทนายของเราบอกว่า

บรรณาธิการข่าวขอเจรจายอมความ เรื่องค่าเสียหาย จะให้ทางสำนักพิมพ์แถลงข่าวขอโทษหรือว่าลงข้อความชี้แจงข้อเท็จจริง อันนี้ฉันคิดว่าสำนักพิมพ์คงทำตามที่เราต้องการ ไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่ที่มันแย่แล้วก็ห้ามไม่ได้นี่สิ จะทำยังไงดี”

ทุกคนในห้องต่างก็รู้ว่าโลกของการแสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์นั้นรวดเร็ว แพร่กระจายได้เร็วไปทั่วโลก คนที่เสียหายคือเอมิเลียที่กลายเหยื่อให้นักข่าวมือดีตักตวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองโดยไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่ตามมา แล้วยังทำให้สาวน้อยกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปต่างๆ นานาๆ ในโลกออนไลน์ที่ได้รับข่าวสารมาผิดๆ ทั้งที่คนพวกนั้นไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ... ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวคนก็เลิกสนใจกันไปเอง...” เอมิเลียพูดขึ้น

“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็ดีสิครับ” มาร์โก้พูดขึ้นบ้าง “ตอนนี้โต๊ะพนันถึงขั้นเปิดรับแทงพนันว่าเบนซ์กับเอมี่จะคบกันได้นานกี่เดือนแล้ว... ผมว่าคงไม่จบง่ายๆ หรอก เพราะเบนซ์เป็นคนดังที่อยู่ในความสนใจของคนส่วนมากอยู่ แล้วตอนนี้มันก็เป็นกระแสไปแล้วใครก็ต้องพูดถึงเรื่องของพวกคุณ จะเรื่องดีหรือเรื่องเสียเท่านั้นเอง”

“ใครจะพูดอะไรก็ช่างมัน... เราห้ามความคิดห้ามปากเขาไม่ได้หรอก... พรุ่งนี้ผมจะแถลงข่าวเอง” ชายหนุ่มบอกกับเอมิลียที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ริมกระจกที่มองออกไปเห็นท้องฟ้ากว้างๆ “มาร์โก้พรุ่งนี้เชิญนักข่าวมาด้วยนะ”

“แต่พรุ่งนี้ตอนบ่ายสโมสรฯ จัดแถลงข่าวความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของนายนะ” มาร์โก้บอกเพราะนักเตะหนุ่มต้องเข้าร่วมแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย

“ดี... งั้นก็จัดแถลงข่าวต่อกันไปเลย... นายจัดการให้ด้วยแล้วกัน” นักเตะหนุ่มบอกกับผู้จัดการส่วนตัวซึ่งตอนนี้เขาออกไปจากห้องแล้วเพราะต้องรีบไปจัดการสิ่ที่นักเตะหนุ่มสั่งให้เรียบร้อย


ตลอดหลายอาทิตย์ที่ผ่านมาอาการของเบนเซม่าดีขึ้นรวดเร็วเกินความคาดหมายของทีมแพทย์ อาจจะเป็นเพราะการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เข้าช่วย ไม่ว่าจะเป็นการเดินในอ่างน้ำ การเดินหรือวิ่งบนลู่ที่เสมือนไร้แรงดึงดูด เครืองประเมิณการเคลื่อนไหวเพื่อปรับสมดุลการเคลื่อนไหวให้มีประสิทธิภาพ การฝังเข็มตลอดไปจนถึงการโภชนาการ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือวินัยและสภาพจิตใจของนักกีฬาที่ต้องมุ่งมั่น แข็งแกร่ง ที่จะเอาชนะอุปสรรค์เหล่านี้เพื่อจะได้กลับไปลงสนามได้ดังเดิม สิ่งเหล่านี้นักเตะหนุ่มมีสาวน้อยหน้าใสคอยดูแลเอาใจใส่ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนนักเตะหนุ่มสามารถผ่านการตวรจความฟิตได้เมื่อสองวันที่แล้ว

เอมิเลียเดินมานั่งลงบนโซฟาตรงกันข้ามกับเบนเซม่าที่นั่งดูทีวีอยู่

“คุณจะแถลงข่าวว่ายังไงคะ?”

“ก็ต้องพูดความจริงสิ อย่ากังวลไปเลยน่า หัดเชื่อใจผมบ้างก็ดีนะ จำไว้แค่เพียงว่าทุกอย่างที่ผมจะพูดพรุ่งนี้เป็นความจริงที่สุดแล้ว” ตาคมมองหน้าสาวน้อยที่พยักหน้าติดกันหลายๆ ทีอย่างเอ็นดู “แล้วตอนนี้เอมี่ควรไปทำอาหารเย็นของเราสองคนได้แล้ว”

เอมิเลียทำตาโตเมื่อได้ยินดังนั้น ร่างสมส่วนดีดตัวเองลุกขึ้นจากโซฟาตัวนุ่มเดินลิ่วๆ เข้าไปเตรียมทำอาหารเย็นเบนเซม่ามองสาวน้อยที่เมื่อยิ่งได้ใกล้ชิด ได้มีเวลาอยู่ร่วมกันเพียงแค่ไม่นาน ความผูกพันก็แผ่กิ่งก้านสาขาเกี่ยวเอาหัวใจสองดวงเข้าไว้ด้วยกันทีละนิด เขาอยากปกป้องให้เธอผ่านพ้นจากเรื่องคาวฉาวนี้ทั้งที่เมื่อก่อน ตัวเขาเองไม่เคยได้แยแสใส่ใจกับเรื่องราวทำนองนี้ของคู่ควงเท่าไหร่ เพราะดูพวกเธอจะชอบซะมากกว่าที่ได้เป็นข่าวดังบนหน้าหนังสือพิมพ์ แต่กับผู้หญิงคนนี้เขากลับมองเห็นความเสียใจลึกลงไปในแววตาหวานคมของเธอ และอยากจะปัดเป่าเรื่องราวที่ทำให้เธอเศร้าหมองออกไป เพียงเพื่อปราถนาที่จะได้เห็นแววตาสดใสที่เป็นประกายระริกในดวงตาเธอ


อาเชอร์กลับมาถึงเพนท์เฮ้าส์เมื่อครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา ตอนนี้ดอนหนุ่มอยู่ในชุดทักซิโด้โก้หรู สีดำสนิท ผมเผ้าจัดทรงเนี้ยบ ส่งผลให้ใบหน้าหล่อเหลายิ่งหล่อร้ายเหลือเชื่อเข้าไป ชายหนุ่มยืนพิงสะโพกเข้ากับเคาเตอร์บาร์ ตาเขียวอมเทากำลังมองบานประตูที่ข้างในมีผู้หญิงที่รักอยู่ในนั้นและเขากำลังรอเธออยู่ สักพักการรอคอยของดอนอาเชอร์ก็สิ้นสุดลง เมื่อแม่บ้านเปิดประตูออก ร่างอ้อนแอ้นที่อยู่ในความคิดก็เดินออกมาปรากฎให้เห็นตรงหน้า

“คุณนายน้อยมาแล้วค่ะ” นานาส่งมือบางของแพรวาให้กับอาเชอร์ที่ยื่นมือแกร่งรอไว้อยู่แล้ว

อาเชอร์มองร่างที่อยู่ใขชุดผ้าลูกไม้ฝรั่งเศสสีครีม เกาะอกโชว์ผิวขาวลออราวครีมสด แล้วรัดรูปลงมาตลอดจนถึงเข่าแล้วปล่อยชายเป็นหางปลาไม่ยาวนักของดีไชน์เนอร์ชื่อก้องโลก ที่เขาเป็นคนเลือกชุดนี้ให้เธอเอง หน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางเพียงบางเบาส่งผลให้ดูหวานละมุนละไมน่าทะนุมถนอม เหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบราคาแพง

อาเชอร์ยกมือบางขึ้นจรดริมฝีปากลงที่กลางหลังมือของเธอ แล้วแตะบั้นเอวคอดให้หญิงสาวเดินไปที่กระจกเงาบานใหญ่ที่มีดอนหนุ่มยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง อาเชอร์หยิบสร้อยเพชรที่ประกอบไปด้วยเพรชเม็ดใหญ่มหึมาตรงกลางแล้วไล่เรียงขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ จนสุดความยาวของสร้อยคอขึ้นมาจากกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้มที่แม่บ้านเปิดรอไว้อยู่ขึ้นทาบกับลำคอระหง ตามด้วยต่างหูเพรชเม็ดใหญ่ที่หญิงสาวดูแล้วเม็ดเพชรมันใหญ่กว่าเม็ดกลางของสร้อยคอซะอีก และกำไลข้อมือเข้าชุดกัน สุดท้ายดอนหนุ่มโอบแขนมาดึงมือข้างซ้ายของเธอขึ้นแล้วบรรจงสวมแหวนเพชรที่เม็ดไม่ได้ใหญ่เหมือนเดิมแต่มันเต็มไปด้วยเพชรหลายๆ เม็ดเรียงตัวกันอัดแน่นจนเต็มนิ้วชี้ของเธอ

“คุณสวย... จนผมอยากเก็บไว้ดูคนเดียว... สวีตตี้” อาเชอร์มองหญิงสาวที่สะท้อนในกระจกด้วยสายตาเสน่หาไม่ปิดปัง
แพรวาขมวดคิ้วบางมองตนเองเหมือนกับเจอปัญหาบางอย่างเข้า

“อาเชอร์! หูฉันจะขาดก่อนงานเลี้ยงเลิกรึเปล่า!? มันหนักมาก!...”

ดอนหนุ่มมองหญิงสาวที่เหมือนได้ยินเธอพูดภาษาต่างดาว แล้วเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “โธ่ ที่รัก คุณต้องจูบให้รางวัลผมที่ซื้อเครื่องเพชรชุดใหญ่ใหม่ล่าสุดของบุลการิให้ แล้วผมก็ยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนหูขาดเพราะใส่เพชรเม็ดใหญ่เกินไปนะ... สวีตตี้”

ดวงตาเขียวอมเทายังมองหญิงสาวที่เอียงหน้าซ้ายที ขวาที ดูหูตัวเองในกระจกอยู่อย่างขำๆ

“ไม่ขาดหรอกน่า...รับรอง... ไปได้แล้วเดี๋ยวสายนะ” อาเชอร์โอบเข้าที่ไหล่เปลือยรั้งให้หญิงสาวเดินไปพร้อมกับเขา


อาเชอร์นั่งกุมมือบางไว้ตลอดทางที่ออกจากเพนท์เฮ้าส์จนมาถึงบริเวณด้านหน้าของงานเลี้ยง แพรวาส่งมือให้อาเชอร์ที่ก้าวลงจากรถไปก่อนด้วยความรู้สึกประหม่าที่สุด ตากลมโตมองพรมสีแดงที่ปูตั้งแต่จุดที่รถจอดยาวไปจนถึงขั้นบันไดข้างหน้า ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยแสงไฟ แสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวจำนวนมากที่ออกันอยู่สองฝั่งระหว่างทางเดิน อาเชอร์จับมือของหญิงสาวคล้องเข้าที่แขนข้างซ้ายของตนเองแล้วมือใหญ่ก็ยังวางทับไว้อยู่อย่างเดิมเดินเข้าไปด้านในอย่างสง่างาม

“ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ!?” แพรวากระซิบถามเบาๆ พอให้ได้ยินกันสองคน เมื่อได้ยินเสียงนักข่าวที่ตะโกนเข้ามาบอกให้เธอหันมาโพสต์ท่ายิ้มใส่กล้องนั้นบ้าง กล้องนี้บ้างจนวุ่นวายไปหมด

ตาคมแผ่รังสีอำมหิตของอาเชอร์ตวัดไปมองต้นตอของเสียงนั้นอย่างไม่พอใจ แล้วหญิงสาวก็ไม่ได้ยินใครกล้าพูดอะไรอีกเลย มีเพียงแสงแฟลชเท่านั้นที่ยังสว่างพึ่บพั่บเหมือนเดิม เพราะใครๆ ก็อยากได้ภาพที่ดอนอาเชอร์ทำตัวปกป้องสาวผู้นี้เหมือนไข่ในหิน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน

“ทำตัวตามสบาย ไม่ต้องเกร็ง คุณเป็นแฟนดอนอาเชอร์จำได้ไหม” อาเชอร์โอบเอวหญิงสาวพร้อมวางมืออุ่นใหญ่ทับมือเย็นเฉียบของหญิงสาวในอ้อมแขนอย่างให้กำลังใจ


เมื่อทั้งคู่เดินเข้ามาด้านในของงานเลี้ยง ร่างหญิงวัยกลางคนที่ยังรักษารูปร่างได้อย่างดีเยี่ยมของคุณนายเรเนียก็เดินเข้ามาหาลูกชายที่ยังโอบเอวผู้หญิงชั้นต่ำคนนั้นไม่วางมือ

“แม่คิดว่าลูกจะไม่มาแล้วซะอีก นี่ มิคาเอล ว่าที่สามีใหม่ของแม่ แล้วก็หนูอนาตาเซียลูกสาวบุญธรรมของมิคาเอล หนูแอนนาเพ่งเรียนจบแฟชั่นดีไชน์จากฝรั่งเศสมาหมาดๆ มีพร้อมทั้งฐานะ ชาติตระกูลเหมาะสมกับลูกทุกอย่าง” พูดจบก็มองเหยียดหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของลูกชายตนเองอย่างไม่ปิดปัง

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” อาเชอร์ยื่นมือไปจับกับมิคาเอลอดีตรัฐมนตรีกลาโหม หนุ่มใหญ่มาดภูมิฐานที่จะเข้ามาเป็นสามีใหม่ของแม่ตนเองเร็วๆ นี้ ทั้งยังยื่นมือไปสัมผัสกับสาวสวยอีกคนที่อยู่ข้างๆ ด้วย

“ยินดีที่ได้พบคุณค่ะอาเชอร์” อนาตาเชียหญิงผมบลอนด์ที่หน้าอกและสะโพกใหญ่สะบึ้มพอๆ กัน อยู่ในชุดราตรียาวสีดำผ่าร่องอกลึกยาวไปถึงไหนๆ จนน่าหวาดเสียว ยื่นมือที่เคลือบเล็บยาวด้วยสีแดงให้อาเชอร์

“เช่นกันครับ” อาเชอร์ยิ้มให้อย่างสุภาพ

อนาตาเชียถึงกับตกตะลึงในความหล่อเหลาของบุรุษที่มีบุคลิกน่าเกรงขามตรงหน้าทันที แต่ติดตรงที่อีกมือหนึ่งของดอนหนุ่มยังคงเกี่ยวเอวบางของยัยหน้าจืดไว้ตลอดเวลา อนาตาเซียปรับแววตาให้ดูเป็นปกติพลางยิ้มให้ผู้หญิงในอ้อมแขนของดอนหนุ่ม

“ไม่คิดจะแนะนำสาวที่ควงมาให้แอนนารู้จัดบ้างเหรอคะ?” อนาตาเซียเอ่ยถามออกไปเพราะในใจอยากรู้เต็มทีว่านังหน้าจืดนี่มีความสัมพันธ์กับอาเชอร์อย่างไร

“นี่แพรวา เธอเป็นแฟนสาวของผมครับ” ดอนหนุ่มเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้สนใจกับสีหน้าท่าทีโกรธเคืองของมารดา

“โอ๊ะ... หลานชายมีแฟนแล้วเหรอนี่!??” มิคาเอลกล่าวออกมาอย่างตกใจเล็กน้อยเพราะเขาที่หมายมั่นปั้นมือให้อนาตาเซียลงเอยกับอาเชอร์

“ก็แค่ความรู้สึกของหนุ่มสาว มันยังต้องดูกันไปอีกนาน อย่างไปถือว่าเป็นจริงจังเลยค่ะ ที่รัก... ฉันว่าเรามาคุยกันเรื่องโกดังสินค้าของเราดีกว่า” เรเนียพูดตัดรอนอย่างชัดเจนพร้อมทั้งยังทำน้ำเสียงรำคาญสร้างความอึดอัดใจให้แพรวาเป็นอย่างมาก

“อ้อ... คือลุงว่าจะเขาซื้อที่ดินของหลานชายที่อยู่แถวชานเมืองหน่อยน่ะ พอดีลุงลงทุนทำโกดังเก็บสินค้านิดๆ หน่อยๆ เอาไว้เลี้ยงตัวเองไปหลังลาออกจากราชการ” มิคาเอลพูดอย่างถ่อมตัว

“ผมคงต้องปรึกษากับคุณตาดูก่อนนะครับ เพราะที่ดินผืนนี้ยังอยู่ในแผนการทำธุรกิจของเราอยู่” ดอนหนุ่มตอบเลี่ยงๆ

“แต่แม่เห็นว่าเราน่าจะขายให้มิคาเอลไปนะอาเชอร์ ที่ดินของเรายังมีอีกตั้งหลายแห่ง ที่สำคัญโกดังเช่าตัวนี้แม่กับมิคาเอลลงทุนร่วมกันนะ” คุณนายเรเนียบอกลูกชาย ทั้งยังเป็นธุรกิจแรกที่เธอคิดอยากจะทำ

อาเชอร์แปลกใจเป็นอย่างมากที่มิคาเอลทำให้แม่ของเขาคิดอยากทำธุรกิจที่ไม่เคยสนใจเลยขึ้นมาทำบ้าง แต่ทำไมแม่ถึงไม่เคยพูดเรื่องนี้กับตาของเขาเลย

“เรเนีย คุณก็อย่าทำให้อาเชอร์ลำบากใจสิ ให้เอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับท่านประธานรอส์ดดูก่อนดีกว่านะ” มิคาเอลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอาเชอร์ยังคงเงียบอยู่

“ก็มันจริงนี่คะ เมื่อก่อนพ่อก็หาว่าฉันไม่เอาไหนเรื่องทำงาน แต่พอฉันเกิดอยากจะลงทุนทำอะไรขึ้นมาบ้างก็ไม่มีใครเห็นด้วย” คุณนายเรเนียตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจ เธออยากทำให้ทุกคนรู้ว่าเธอเองก็มีความสามารถเหมือนกัน ไม่ใช่แต่เดินช็อปปิ้งไปวันๆ เหมือนที่พ่อของตนเองและอดีตสามีของเธอเคยพูดเอาไว้...

“ก็ถ้าแม่อยากทำอย่างนั้นก็ทำเถอะครับ... แต่ผมอยากรู้จังเลย คุณมิคาเอลพูดยังไงถึงได้ทำให้แม่อยากลงทุนทำธุรกิจนี้ได้!??” อาเชอร์ถามอย่างไม่อยากเชื่อ

“ก็คิดว่าเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงน้อย ถึงแม้ว่าผลตอบแทนจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็พอให้ลุงหาเลี้ยงเรเนียได้อย่างสบายเชียวล่ะ” มิคาเอลเข้าใจตอบคำถาม ทั้งยังทำให้เรเนียมองหน้าเขาอย่างซาบซึ้งมากขึ้นอีก...

“ดอนครับ ท่านนายกรัฐมนตรีรออยู่มุมโน้นครับ” ไมค์ลูกน้องมือขวาก้าวเข้ามาบอกเจ้านายเบาๆ เมื่อคนสนิทของท่านนายกฯ เดินเข้ามาแจ้งกับไมค์ว่าท่านมีเรื่องจะคุยกับดอนอาเชอร์

อาเชอร์พยักหน้ารับ “ผมคงต้องขอตัวสักครู่นะครับ”

อนาตาเซียมองดูดอนหนุ่มก้าวเดินจากไปพร้อมกับร่างบางที่โอบเอวของมันไว้ไม่ยอมปล่อยตลอดเวลาอย่างริษยา

“แอนนาอย่างไปสนใจเลย อาเชอร์เขาก็หลงมันแค่ชั่วคราว ยังไงตำแหน่งคุณนายน้อยของอาเชอร์ก็ต้องเป็นแอนนาอยู่แล้ว” เรเนียพูดออกมาอย่างชัดเจนพลางยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม โดยไม่มีโอกาสได้เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของพ่อกับลูกเลี้ยงที่สบตากันอย่างพอใจ

แผนการขั้นแรกสำเร็จไปอย่างสวยงาม มิคาเอลได้ที่ดินที่จะใช้เป็นคลังอาวุธสงครามมาอย่างไม่ต้องเสียเงินซื้อแม้แต่บาทเดียว ทั้งยังสามารถรีดเงินจากกระเป๋าของเรเนียได้อีกหลายสิบล้านยูโร แบบนี้ความหวังของการขึ้นนั่งเป็นประธานาธิบดีของเขาคงจะสำเร็จอีกไม่นานนี้แน่ มิคาเอลคิดในใจ


ในขณะที่แพรวาขอตัวออกมาสูดอากาศริมระเบียงห้องจัดเลี้ยง เมื่ออาเชอร์คุยเรื่องการเมืองอย่างออกรสอยู่กับท่านายกรัฐมนตรี โดยมีสองบอดี้การ์ดที่ยืนห่างออกไปเพียงเล็กอยู่ด้านหลัง

“อึดอัด... หรือไง ที่ต้องฝืนอยู่ในสังคมชั้นสูง ที่คนชั้นต่ำอย่างเธอไม่เคยสัมผัสมันใช่มั้ยล่ะ ฉันเท่านั้นล่ะที่เหมาะกับตำแหน่งคุณนายน้อยของแมคคาร์ทนี่ย์ ถอยออกไปให้ห่างจากอาเชอร์ ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน ยัยเอเชียชั้นต่ำ” อนาตาเซียพูดชัดถ้อยชัดคำอยู่ตรงหน้าแพรวา

แพรวาจ้องหน้าผู้หญิงปากจัดตรงหน้าไม่วางตา ตอนแรกเธอกะว่าจะเงียบปล่อยให้เธอพูดไป แต่เมื่อได้ยินคำที่อนาตาเซียเรียกตัวเองแบบดูถูกแล้ว เธอคงต้องตอบโต้ไปบ้างแล้ว วงหน้ามนงามเชิดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว ใช้สายตาดูแคลนที่ไม่เคยได้ใช้มาก่อน พร้อมกับยกมือห้ามไม่ให้บอดี้การ์ดที่กำลังจะก้าวเข้ามาหยุดอยู่ตรงนั้น

“ฉันจำเป็นต้องทำตามที่เธอบอกด้วยงั้นเหรอ ยัยบาร์บี้ผมบลอนด์”

บาร์บี้ผมบลอนด์โกรธหน้าดำหน้าแดงไม่คิดว่าท่าทางเงียบๆ ที่เห็นภายนอกจะมายืนต่อปากต่อคำกับเธออย่างไม่เกรงกลัว
“คุณอนาตาเซียเข้าไปข้างในเถอะครับ คุณนายเรเนียมองหาใหญ่แล้ว” บิลก้าวเข้ามาบอกตัดบท ก่อนที่อนาตาเซียจะได้พูดอะไรที่ไม่เข้าท่ามากไปกว่านี้

“ฝากไว้ก่อนเถอะ” อนาตาเซียพูดพร้อมกับรีบเดินเข้ามาในงานอีกครั้งหนึ่ง


...แพรวาหันไปมองร่างของอาเชอร์และอนาตาเซียที่เต้นรำกันอยู่กลางฟลอร์ ทั้งคู่ยังพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ดูแล้วก็เหมาะสมกันดี รู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนอย่างที่อนาตาเซียพูดรึเปล่า ความจริงเธอไม่น่ารับปากมางานนี้กับเขาเลย แพรวาคิดอย่างสะท้อนใจ... พลางเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างเนือยๆ หญิงสาวใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร แล้วเดินออกมามองตัวเองในกระจกเงาบานใส

‘คุณสวย... จนผมอยากเก็บไว้ดูคนเดียว... สวิตตี้’

หึๆ จริงสินะ คุณอยากเก็บฉันไว้ในห้อง เอาไว้บนเตียง อยากได้ความสุขเมื่อไหร่ก็ค่อยมาหา... แพรวายังชั่งใจระหว่างคำบอกรักและความเหมาะสมของตัวเองกับอาเชอร์ไม่ได้ว่าอย่างไหนที่เธอสมควรจะใช้มันเป็นเครื่องนำทางในการตัดสินใจ และปฏิบัติดี แพรวาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง เมื่อต้องออกไปเผชิญกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่แล้วอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง


“เห็นรึยังล่ะว่าฉันกับอาเชอร์น่ะเหมาะสมกันแค่ไหน ถ้าไม่อยากน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็ถอยไปดีกว่านะ นี่ฉันเห็นว่าเป็นผู้หญิงด้วยกันหรอกถึงได้เตือนด้วยความหวังดี” อนาตาเซียที่ดักรอแพรวาอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำพูดอย่างเยาะเย้ย

แพรวาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วย จึงกะว่าจะเดินเลี่ยงออกมา แต่อนาตาเซียก็ยังคงขวางไว้อยู่...

“ขอทางด้วยค่ะ” แพรวาบอกพร้อมถอนหายใจ เดินหนีออกมาจากหน้าของอนาตาเซียได้ แต่ก็ต้องหันขวับกลับไปมอง เมื่อได้ยินประโยคดูถูกคนอื่นจากปากคนที่ตะโกนปาวๆ ว่าตนเองเป็นผู้ดีจากประเทศที่พัฒนาแล้ว

“ฉันเตือนเธอดีๆ แล้วนะยัยเอเชียหน้าจืด! ถ้าพูดกันดีๆ ไม่ฟังก็อย่ามาหาว่าฉันใจร้ายนะ ถ้าเกิดฉันทำอะไรรุนแรงลงไป แล้วเก็บของกลับประเทศด้อยพัฒนาของแกไม่ทันแล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน” อนาตาเชียขู่อย่างไม่เก็บอารมณ์ไว้แม้แต่น้อย

“ฉันกลัวจนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว บาร์บี้... จะทำอะไรก็รีบทำเข้าเถอะ อย่ามามัวแต่ขู่ฟ่อๆ เป็นหมาบ้าไปหน่อยเลย... ถ้าอยากจะเป็นคุณนายน้อยของอาเชอร์นักล่ะก็... มาแย่งเขาไปให้ได้สิ เสน่ห์น่ะมีไหม? หรือรู้จักใช้แต่กำลังขู่คนนั้นทีคนนี้ที อ้อ... แล้วถ้าเธอยังดูถูกบ้านเกิดเมืองนอนฉันอีกแม้แต่คำเดียว ฉันจะให้คนของฉันตัดลิ้นเธอแล้วโยนให้เป็ดกินซะ ไม่เชื่อก็ลองดู” แพรวาโต้กลับอย่างไม่ไว้หน้าเพราะเธอเองก็อดทนให้หล่อนว่าบ้านเกิดเมืองนอนมาแล้วหลายครั้ง ทั้งยังขู่แบบมาเฟียออกไปสำทับอีก เมื่อเห็นบิลเดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลัง

“ฉันจะบอกคุณป้า! บอกอาเชอร์ว่าแกขู่ตัดลิ้นฉัน!!!...” อนาตาเชียยกมือชี้หน้าแพรวา

“ลองดูสิ อาเชอร์จะเชื่อใคร...” แพรวาเอี้ยวตัวไปถามบอดี้การ์ดที่อยู่ข้างหลัง “บิล... คุณได้ยินฉันขู่ตัดลิ้นอนาตาเชียรึเปล่า”

“เปล่าเลยครับ... ผมได้ยินเพียงแต่คุณอนาตาเชียขู่จะทำร้ายคุณนายน้อยแพรวา” บิลพูดจบแล้วก้มหน้าลงเหมือนเดิม

อนาตาเชียที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับการโต้ตอบแบบนี้จึงเดินสะบัดหน้าเข้าห้องน้ำไป

บิลมองเจ้านายสาวที่พูดได้ไม่ติดขัดขาดตอนสมกับเป็นแฟนมาเฟียจริงๆ สงสัยนิสัยเลือดเย็นของดอนคงซึมเข้าร่างของนายสาวแล้ว บิลหันมายกสองนิ้วโป้งให้คุณนายน้อยตัวจริงอย่างทึ่งๆ



อาเชอร์มองอนาตาเซียที่หน้าตาเหมือนโกรธจัดเดินเข้ามาในงานเลี้ยงอีกครั้ง อย่างประเมิณการ ดอนหนุ่มหันไปมองร่างบางที่กลับมายืนที่ระเบียงเหมือนเดิมจึงขอตัวออกมาจากวงสนทนาสักครู่... ดอนหนุ่มถือบรั่นดีในมือข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งถือพั้นซ์สีสวยยื่นให้หญิงสาวที่ยืนรับลมเย็นๆ อยู่ที่เดิม

“เบื่อรึเปล่า? ออกมายืนนานแล้วนะ...” อาเชอร์ถามอย่างห่วงใยและมองอย่างเอ็นดูเมื่อหญิงสาวดื่มน้ำพั้นซ์รวดเดียวหมดแก้ว
“คอแห้งเหรอจ๊ะ เอาอีกไหม?”

แพรวาส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่แล้วค่ะ คุณคุยธุระเสร็จแล้วเหรอถึงออกมาข้างนอกได้”

“ไม่สำคัญอะไร คุณเต้นรำกับผมสักเพลงนะ สวีตตี้” ดอนหนุ่มพาร่างอ้อนแอ้นที่เป็นจุดสนใจของคนทั้งงานเดินสู่ฟลอร์เต้นรำ

“วันนี้เขาถามผมกันใหญ่เลยว่าพาคุณนายน้อยมาเปิดตัวรึเปล่า”

“แล้วคุณตอบว่าไงคะ” หญิงสาวก้าวตามชายหนุ่มที่พาเธอเต้นไปตามจังหวะเพลง

“ตอบเขาไปแล้ว”

แพรวาเองก็ไม่ได้คิดจะซักไซ้อะไรเขาต่อว่าคำที่เขาตอบไปนั้นมีใจความว่าอย่างไร เธอเลือกที่จะไม่รับรู้กับความจริงนั้นมากกว่า ยอมรับได้ว่าตนเองมีความสุขกับการมีผู้ชายคนนี้อยู่ข้างๆ มากเพียงใด ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจว่าคำบอกรักที่เขาพูดกับเธอนั้นมันออกมาจากหัวใจหรือเป็นแค่เพียงลมปากของผู้ชายที่ต้องการให้ผู้หญิงสักคนมอบหัวใจและร่างกายให้โดยไม่รู้สึกผิด!

“จะไปไหนคะ!?” แพรวาเงยหน้าขึ้นถามชายหนุ่มที่รั้งเอวของตนเองให้เดินเข้ามาในงานเลี้ยงอีกครั้ง

“ก็เต้นรำกันไงจ๊ะ”

“แต่ฉันเต้นรำไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่นะ”

อาเชอร์ก้มหน้าลงมายิ้มละมุนให้กับร่างแน่งน้อยในอ้อมแขนอย่างให้กำลังใจ พร้อมกับตวัดร่างอ้อนแอ้นให้หมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงกลางฟลอร์เต้นรำ

“ไม่เห็นเป็นไรเลย เราไม่ได้มาแข่งลีลาศกันซักหน่อย หรือคุณจะเหยียบบนเท้าผมเลยก็ได้นะสวีตตี้ คุณตัวเบานิดเดียวผมไม่เจ็บหรอก” อาเชอร์พูดพร้อมกับพาร่างในอ้อมแขนของตนเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเพลง

โอ... ก็เพราะคุณพูดแบบนี้นี่ไง ฉันถึงเผลอตัวไปกับคุณทุกที อาเชอร์!! แพรวายังตาพร่ากับรอยยิ้มหล่อเหลาเหลือร้ายของเขา ตอนนี้ตัวเองก็ยังเหมือนกับปลิวไปตามแรงที่เขาพาเคลื่อนไหวไปอย่างพลิ้วไหว ความรู้สึกรักใคร่เกิดขึ้นมาอย่างท่วมท้น แต่ยังไม่กล้าที่จะปริปากพูดออกไป

“บอกรักผัว เฮ้ย... สามีตัวเองมันยากนักหรือไง” อาเชอร์ถามเหมือนอ่านใจหญิงสาวได้ตรงเผ็ง แต่ก็ยังอุตส่าห์แก้จากผัวมาเป็นสามีเพราะขี้เกียจฟังเธอบ่นอีก

แพรวาช้อนตาขึ้นมองอาเชอร์อย่างตำหนิพร้อมจิกเล็บลงบนหัวไหล่หนาหนักๆ เรียกเสียงสูดปากจากพ่อตัวดีได้ไม่ยาก หญิงสาวยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจเมื่อได้ลงโทษเขาเล็กๆ น้อยๆ บ้าง... หลังจากเพลงจบลง ทั้งคู่ก็เดินออกจากงานโดยที่ไม่ได้ร่ำลาใคร มีเพียงเสียงพูดใกล้ๆ หูบางเบาๆ ให้พอได้ยินกันสองคน

“ผมจะทำให้คุณบอกรักผมก่อนแต่งงานให้ได้ ตอนแรกคิดว่าจะทำให้คุณพูดก่อนที่ลูกคนแรกของเราจะเกิด แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเขาอยู่ในท้องคุณรึเปล่า??” พูดจบอาเชอร์ก็กวาดตามองรูปร่างของแฟนสาวตั้งแต่หัวจดเท้าอย่างวิเคราะห์

“ผมว่าคุณดูมีน้ำมีนวลเหมือน... เหมือนคนท้องเลย”

แพรวามองหน้าคร้ามคมของอาเชอร์แล้วพูดไม่ออกจนทั้วคู่เดินมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าออกมาแล้ว หญิงสาวยังคงคิดว่าเธอไม่ได้มีรอบเดือนมานานเท่าไหร่แล้ว หน้านวลเริ่มซีดเซียวขึ้นเมื่อสำนึกได้ว่าทุกครั้งที่เธอกับเขามีสัมพันธ์กันอาเชอร์ไม่เคยป้องกันตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว แล้วตัวเองก็ไม่เคยคิดที่จะป้องกันเหมือนเช่นเมื่อหลายเดือนก่อนที่มีความสัมพันธ์กันในครั้งแรก!!
อนาตาเชียมองแพรวาอย่างอิจฉา ตอนที่ดอนอาเชอร์พานังหน้าจืดนั่นเต้นรำไปตามจังหวะเพลงดูเหมือนเขาตกอยู่ในห้วงรักกับนังนั่น! คนทั้งงานพากันพูดเป็นเสียงเดียวว่าดอนอาเชอร์ กำลังจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้แน่เพราะดูจากอาการที่เขาประคบประหงบ หญิงสาวผู้โชคดีคนนี้แล้ว เธอคงต้องมานั่งตำแหน่งคุณนายน้อยแห่งแมคคาร์ทนี่ย์เป็นแน่ อนาตาเชียฟังเสียงนกเสียงกาพวกนี้แล้วยิ่งขุ่นเคืองใจนัก แต่ยังไงเธอก็ยังมีเรเนียที่คอยเป็นแรงหนุนอย่างดีอยู่ ทั้งเรเนียเองก็ยังรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าถ้าเธอไม่เห็นด้วยแล้วยังไงซะ นังหน้าจืดนั่น ก็ไม่มีทางได้ขึ้นมานั่งตำแหน่งคุณนายน้อยแน่ๆ


“แกเตรียมคนที่จะทำงานของเราพร้อมแล้วใช่ไหม?” มิคาเอลซุ่มในมุมมืดตรงสวนหย่อมด้านล่างของอาคารจัดเลี้ยงกำลังสั่งงานลูกน้องคนสนิทอยู่

“พร้อมแล้วครับท่าน”

“อืม... ถ้าอย่างนั้นก็รีบย้ายของมาเก็บที่โกดังให้เร็วที่สุด จัดการให้ดีนะ อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าของในโกดังคืออะไร!! เดี๋ยวจะเสียงานใหญ่” มิคาเอลกำชับโพวาลนายทหารคนรับใช้คนสนิทที่ไว้ใจที่สุด

“ครับท่าน... แล้วพวกพี่น้องของเราที่หลบตามเมืองต่างๆ อยู่จะเรียกให้มารวมตัวกันที่โกดังเลยไหมครับ?”

โพวาลกำลังพูดถึงทหารฝึกพิเศษในค่ายคอมมิวนิสต์ก่อนที่จะถูกกวาดล้างโดยรัฐบาลของรัสเซีย เมื่อประเทศเข้าสู่ยุคของการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่พี่น้องที่อยู่ในค่ายทหารหลายร้อยชีวิตยังพอใจกับการที่มีมิคาเอลเป็นผู้นำอยู่ ทั้งหมดยังเป็นแรงผลุกดันให้มิคาเอลชนะการเลือกตั้งในตำแหน่งสมาชิกของพรรคการเมืองฝ่ายซ้าย เป็นผลให้มิคาเอลขึ้นดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างเช่นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้หลายสมัยติดต่อกัน แต่เมื่อสมัยการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคการเมืองฝ่ายขวาที่มีผู้นำจบการศึกษาจากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่แบบในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างอังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ทำให้ได้เสียงตอบรับจากหนุ่มสาวยุคใหม่ที่มีความคิดต่างไปจากเดิม ส่งผลให้พรรคการเมืองฝ่ายขวาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ทำให้มิคาเอลและเพื่อนพ้องในค่ายต้องระหกระเหินอยู่กันคนละทิศ...

“ให้มารวมกันที่โกดังได้เลย บอกพี่น้องของพวกเราให้อดทนกันอีกสักนิด อีกไม่นานเราจะกลับไปครองรัสเซียได้เหมือนเดิมแล้ว!!” มิคาเอลกล่าวอย่างมีความหวัง

“ถ้าคุณนายเรเนียรู้เข้า... เราจะลำบากนะครับท่าน” โพรวาลเตือนเจ้านายด้วยความเป็นห่วง

“เรื่องนั้นฉันจัดการเอง... นังโง่นี่ถ้ามีเซ็กส์ร้อนๆ ให้ ยังไงซะ มันก็อยู่ในกำมือฉัน แล้วถ้าฉันเอาตำแหน่งสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของรัสเซียเข้าล่อ คนที่เห็นแก่หน้าตาแบบนังเรเนียน่ะ ยังไงก็ต้องอยากเป็นจนตัวสั่นอยู่แล้ว ส่วนไอ้อาเชอร์ มันก็ไม่สนใจกับเศษเงินเล็กน้อยที่แม่มันจะเอาไปโยนทิ้งลงน้ำหรอกน่า” เมื่อสั่งงานลูกน้องคนสนิทแล้วมิคาเอลก็กลับขึ้นไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง ในใจคิดอย่างมาดหมาย พรุ่งนี้เขาจะต้องจัดการจดทะเบียนสมรสกับเรเนียให้ได้ มิคาเอลนั้นแพ้การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่รัสเซีย ทำให้ต้องต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไปให้กับนายพลหนุ่มลาโครอฟ ผู้เป็นลูกของท่านประธานาธบดีที่ชนะการเลือกตั้งคนปัจจุบัน ด้วยความผิดร้ายแรงฐานคอรัปชั่นโกงกินประเทศชาติ ทั้งยังซ่องสุมกำลังคนที่กำลังจะโดนเปิดโปงออกมาในไม่ช้านี้ ทำให้เขาต้องหนีออกจากประเทศมา แล้วโชคดีเมื่อได้มารู้จักกับม่ายสาวใหญ่อย่างคุณนายเรเนีย

มิคาเอลจึงสานสัมพันธ์กับเธอในฐานะคนรัก เมื่อสืบทราบว่าเรเนียคือลูกสาวคนเดียวของเสือเฒ่ารอส์ดเจ้าของอู่ต่อเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่บัดนี้เสือเฒ่ารอส์ดได้วางมือจากวงการ แล้วให้ดอนอาเชอร์สานต่อธุรกิจทุกอย่างของตระกูลเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว เขาก็จะอาศัยอำนาจเงินและอิทธิพลของไอ้อาเชอร์กำจัดสองพ่อลูกนั่นได้ไม่ยาก...



ในห้องแถลงข่าว สโมสรเรอัล มาดริด

โค้ชชาวโปรตุกิสชื่อดังกำลังแถลงถึงผลงานอันยอดเยี่ยมของทีม ทำให้ทีมมีคะแนนนำเป็นจ่าฝูงในตารางลา ลีกาฤดูกาลนี้ และข่าวดีของสองนักเตะดาวดังที่มีอาการบาดเจ็บก็สามารถกลับมาลงสนามรับใช้ต้นสังกัดอีกครั้งในปลายสัปดาห์นี้

“อาการบาดเจ็บของผมถือว่าไม่รุนแรงอะไร เพราะเอ็นหัวเข่าไม่ได้ฉีกขาดเป็นเพียงแค่อาการอักเสบอย่างเฉียบพลัน ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาก็จะเรื้อรังกลายเป็นปัญหาใหญ่ภายหลัง” เบนเซม่ากล่าวถึงอาการบาดเจ็บของตนเอง

“อาการของคุณหายเป็นปกติเร็วขนาดนี้ เป็นเพราะนักกายภาพบำบัดสาวสวยที่คุณกำลังมีสัมพันธ์ด้วยรึเปล่า?” เหยี่ยวข่าวปากกล้าจากหนังสือพิมพ์กีฬาฉบับหนึ่งถามขึ้น เรียกเสียงจากคนในห้องพร้อมแสงแฟลชวูบวาบจนแสบตา

“เป็นเพราะ... ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกวิธีครับ ส่วนเรื่องที่คุณอยากรู้ ผมจะแถลงข่าวต่อจากเรื่องนี้ ตอนนี้ขอให้ถามเกี่ยวกับเรื่องงานดีกว่าครับ” นักเตะหนุ่มยังคงตอบเสียงราบเรียบมั่นคง

จากนั้นก็เป็นการซักถามเกี่ยวกับมาลงสนามอีกครั้งของทั้งเบนเซม่าและกาก้าอีกเล็กน้อย โฆษกประจำสโมสรฯ จึงกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้เกียรติมาร่วมงานในครั้งนี้ โค้ชและทีมสตาฟฟ์โค้ชจึงเดินลงจากเวที เหลือเพียงแค่เบนเซม่าและผู้จัดการส่วนตัว แต่นักข่าวนั้นยังคงนั่งอยู่เต็มเก้าอี้ที่จัดไว้ให้แล้ว ทั้งยังมีนักข่าวจากสายบันเทิงเดินเข้ามาเพิ่มอีก เพราะเบนเซม่ามีคู่ควงเป็นดารา นางแบบชื่อดังอยู่หลายคน นักข่าวทยอยกันเดินเข้ามาเพิ่มอีกจนทำให้ห้องแถลงข่าวเล็กลงไปถนัดตา

“ผมต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาร่วมฟังการแถลงข่าวครั้งนี้ กระผม... ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของเบนเซม่า ได้รับข่าวสารจากหนังสือพิมพ์บางฉบับเกี่ยวกับตัวของคุณเอมิเลีย เฟอร์ไรย์ร่า ซึ่งมีบางอย่างที่ข้อมูลบิดเบือนไม่เป็นความจริง บางฉบับก็เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล... บางฉบับรุนแรงถึงขั้นดูหมิ่นก่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียง!!! ซึ่งทางเราได้ให้ทีมทนายความยื่นฟ้องร้องไปแล้ว... และทางบรรณาธิการข่าวก็ได้มีการติดต่อผ่านผมเข้ามา ขอเจรจาขอยอมความ... ชดใช้ค่าเสียหายให้ และจะทำการลงข้อความกล่าวชี้แจงข้อเท็จจริงผ่านทางหนังสือพิมพ์ กล่าวขอโทษต่อคุณเอมิเลีย แต่ทั้งหมดนี้ยังคงหาข้อสรุปได้ไม่ลงตัว... ซึ่งที่ผมกล่าวมานี้ไม่ได้เป็นที่น่ากังวล เพราะปัญหาที่น่ากังวลแท้จริงแล้วคือสื่อสังคมออนไลน์ แล้วก็ไม่มีใครที่จะไปห้ามหรือยับยั้งได้ จึงทำให้เบนเซม่าอยากจะอธิบายกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น... เชิญครับ” มาร์โก้พูดจบก็ยื่นมือไปกดปุ่มเปิด
ไมโครโฟนตรงหน้าของเบนเซม่าทันที

“ก่อนอื่นผมคงต้องขอขอบคุณสื่อมวลชน และท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่กรุณาสละเวลามาฟังเรื่องที่ผมจะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไปนี้นะครับ... ผู้หญิงที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาๆ นั้น เธอชื่อเอมิเลีย เฟอร์ไรย์ร่าครับ... เธอเป็นเจ้าหน้าที่กายภาพบำบัดประจำสโมสรเรอัล มาดริด ผมรู้จักกับเธอตั้งแต่เธอยังเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่เธอเพิ่งจะเปลี่ยนสถานะมาเป็นคู่หมั้นของผมได้ประมาณสองเดือนมาแล้ว” นักเตะหนุ่มปดเรื่องระยะเวลาเล็กน้อยเพื่อให้ทุกคนหมดข้อกังขาไป...

เสียงอื้ออึงจากคนในห้องดังขึ้นต่างตะโกนถามแข่งกันเมื่อได้ยินว่านักเตะชื่อดังมีคู่หมั้นแล้ว

“เอ่อ... ทุกท่านครับ ผมว่าเราฟังเบนเซม่าพูดให้จบก่อนดีกว่านะครับ แล้วตอนท้ายผมจะเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้ซักถามนะครับ” มาร์โก้หยุดความวุ่นวายในครั้งนี้ลงได้

“ภาพที่เห็นในข่าวว่าเรานั่งจับมือกัน... ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกติที่คู่รักทั่วไปทำกัน ส่วนภาพที่ผมกับเธอพากันเดินเข่าไปในคอนโดของผมนั้น... คือก่อนหน้านั้นประมาณสามวัน ผมมีอาการบาดเจ็บตรงหัวเข่าอยู่แล้วเย็นวันนั้นผมเกิดลื่นล้มที่คอนโด ผมก็เลยโทรหาเธอให้มาช่วยผมหน่อย แล้วเช้าวันต่อมา ผมก็ขอร้องให้เธอย้ายเข้ามาดูแลผมที่คอนโด ขอร้องเธออยู่เป็นนานครับ กว่าเธอจะยอมตกลงแต่ก็เฉพาะตอนที่ผมยังไม่หายดีเท่านั้น เย็นวันนั้นเราไปเก็บเสื้อผ้าของเธอที่ห้อง ทานอาหารตามภาพข่าวแล้วก็กลับคอนโด” ชายหนุ่มหยุดสักพักเมื่อเล่าเรื่องที่คนส่วนมากอยากรู้จบลง

“ที่ผมจัดแถลงข่าววันนี้ ก็เพราะไม่สบายใจที่ได้ฟังคนกล่าวถึงเธอในทางเสื่อมเสีย... ผมคงขอให้เลิกกล่าวว่าร้ายเธอไม่ได้เพราะมันเป็นสื่อออนไลน์ แต่แค่เพียงอยากอธิบายให้ทุกคนได้รู้ได้เข้าใจ มันเป็นเพียงแค่ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างหญิงชายคู่หนึ่ง ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากคู่อื่น ถ้าจะผิดแปลกไปจากคู่อื่นก็คงผิดที่ผมเอง... เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากจะกล่าวว่าให้เป็นเรื่องสนุกปากก็เอาคำพูดเหล่านั้นโยนมาให้ผมเถอะครับ ผมจะรับมันไว้เองโดยไม่ตอบโต้แม้แต่น้อย” เมื่อชายหนุ่มพูดจบนักข่าวสาวคนหนึ่งจึงถามขึ้น

“คุณไม่คิดว่าเร็วไปเหรอคะ!? ที่บอกว่าเธอเป็นคู่หมั้นแสดงว่าเธอเป็นว่าที่เจ้าสาวในอนาคตของคุณรึเปล่า” นักข่าวสาวยิงคำถามตรงๆ

“ผมมีความสุขมาก... เมื่อได้อยู่ใกล้เธอ ยังเคยคิดว่าคงดีถ้าเจอเธอตั้งแต่เริ่มมีความรักเป็น คนอื่นจะไม่ได้มองว่าผมเป็นคนเจ้าชู้” ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี “แล้วถ้าเธอเซย์เยสผมคงไม่รอช้า แต่เธอเป็นพวกเจ้าสาวที่กลัวฝนซะมากกว่าครับ” ตำตอบของเบนเซม่าเรียกเสียงหัวเราะจากหลายคนในห้อง

“คุณประกาศชัดเจนแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะมีผลกระทบต่อแฟนบอลสาวๆ ที่เครซี่คุณอยู่เหรอครับ” นักข่าวฝีปากดีนายหนึ่งถาม
“ผมต้องขอบคุณแฟนบอลทุกท่านที่ชื่นชอบในผลงานของผมนะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้นเป็นการตอบแทน แต่ผมคิดว่าถ้าจะให้ผมตอบแทนความรู้สึกดีๆ ที่แฟนบอลเหล่านั้นมอบให้ ด้วยการพ่นคำโกหกหลวงลวงพวกเธอไปวันๆ ทำแบบนั้นจะเสียแฟนบอลดีๆ ไปมากกว่า” สิ้นคำของเบนเซม่า ทีมสตาฟฟ์โค้ชพร้อมทั้งเพื่อนนักเตะร่วมทีมอีกหลายคนก็ปรบมือเสียงดัง ไม่เว้นแม้แต่นักข่าวที่ลุกขึ้นปรบมือให้กับการตอบคำถามอันชาญฉลาดของนักเตะชื่อดังผู้นี้

มาร์โก้จึงได้โอกาสลุกขึ้นขอบคุณสื่อมวลชนที่มาทำข่าวในครั้งนี้ แล้วพาเบนเซม่าเดินกลับเข้าไปหลังเวที


เอมิเลียยืนอึ้งมองทีวีช่องของสโมสรเรอัล มาดริด ที่ถ่ายทอดสดการแถลงข่าวของเบนเซม่าครั้งนี้อยู่ในห้องพักของพนักงาน เพื่อนร่วมงานทั้งสาวแท้สาวเทียมเดินเข้ามาแสดงความยินดี บ้างก็เดินเข้ามาต่อว่าต่อขานอย่างไม่จริงจังนักที่เธอปิดเงียบเก็บเป็นความลับมาตั้งนาน

‘โอ้ย... ฉันอิจฉาเอมี่ ดูเบนซ์ออกโรงปกป้องเอมี่สิ เห็นแล้วอยากเกิดเป็นเอมี่จริงๆ’

‘แมนมาก... มีแฟนแบบนี้ ฉันยอมตกลงแต่งงานด้วยแบบไม่ต้องคิดเลย’

‘กรี๊ด... เบนซ์ยอมรับว่ารักเอมี่ ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม’ สาวเทียมร่างใหญ่กรี๊ดกร๊าดกระเซ้าเย้าแหย่เอมิเลียที่ยิ้มยากในหน้าแบบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี


เอมิเลียรีบเดินมายังลานจอดรถเมื่อได้เวลาเลิกงาน เธอต้องการคำอธิบายจากปากของตัวเจ้าปัญหาด่วนแล้วตอนนี้ตัวเจ้าปัญหาก็นอนฟังเพลงอยู่บนรถสปอร์ตหรูอย่างสบายอุรา

เอมิเลียเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ ยื่นมือไปกดปุ่มปิดเครื่องเสียงภายในรถ “ทำไมไปพูดแบบนั้น คุณทำให้เรื่องมันยุ่งยากเข้าไปใหญ่แล้วนะ เบนซ์!!!” เอมิเลียยังมองท่าทางไม่ทุกข์ร้อนอย่างโมโห

ร่างใหญ่ประคองตัวขึ้นแล้วประคองหน้าเรียงไว้ในอุ้งมือทั้งสองข้าง “อย่าเพิ่งโวยวาย... กลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกัน แถวนี้มีปาปารัซซี่เต็มไปหมด” ชายหนุ่มยังตรึงหน้าเรียวไว้ในมือ

“อย่าหันไปมอง ทำเป็นไม่เห็นดีกว่า ออกรถได้แล้วคู่หมั้นคนสวย”

เอมิเลียถลึงตาใส่! เมื่อได้ยินคำที่เขาใช้เรียกขานเธอ แต่ก็ยอมขับรถกลับคอนโดตามที่เขาบอกแต่โดยดี


ศิริพาราอัพเจ้าหัวใจมาเฟียตอนนี้ให้อ่านเป็นตอนสุดท้าย ครบ50% ของเนื้อเรื่องทั้งหมดแล้วนะคะ
นักอ่านที่รักสามารถหิ้วอาเชอร์สุดหื่น-เบนซ์หนุ่มมากแผนการ ไปครอบครองได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ก ร้านนายอินทร์ เว็บสำนักพิมพ์อินเลิฟ เว็บบุ๊กสไมล์ และสามารถพูดคุยกับศิริพาราได้ตามช่องทางดังนี้
1. e-mail siripara2writer@gmail.com
2. fanpage https://www.facebook.com/siripara.raya
3.facebook https://www.facebook.com/siripara.looktan
ติชมหรือแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายค่า เม้ามอยหอยขมกันได้ไม่เฉพาะเรื่องนิยาย ศิริพารายังมีเกมกติกาแสนง่ายดาย แจกของรางวัลเล็กน้อยเพื่อตอบแทนนักอ่านที่รัก อย่าลืมกดlikefanpage ศิริพารา รายาฤดีนะคะ
จบเรื่องนี้แล้ว ศิริพาราจะเอานิยายทั้งหมดมาอัพให้นักอ่านที่รักได้อ่านกันทุกเรื่อง ขอบคุณที่ติดตามและแสดงความคิดเห็นค่ะ



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 เม.ย. 2558, 12:09:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 เม.ย. 2558, 12:09:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1351





เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account