เพียงหนึ่งดวงใจ
เมื่อหกปีก่อน หล่อนกับเขาพบกันโดยบังเอิญ
เด็กสาวชาวบ้านกับโจรป่าซอมซ่อ

'หน้าตาเจ้าก็ดีนะ ไม่น่าเป็นโจรเลย...' เด็กสาวทำคอย่น ถามกลับอย่างใคร่รู้มากกว่าหวาดกลัว
'เจ้าจะจับเรากินรึเปล่า'
ก็แถวนี้...มีข่าวแว่วๆว่ามีโจรป่ากินคนอยู่นี่นา
คนคนนี้...น่าจะใช่
'อย่ากินเราเลย เนื้อเราไม่อร่อยหรอก ถ้าเจ้าหิว...'
เจ้าตัวยื่นผลชมพู่ในมือให้
'กินนี่ดีกว่า หวานหอมอร่อยกว่าเราเยอะ!'


ราวกับพระพรหมลิขิต อีกหกปีถัดมา ทั้งสองได้พบกันอีกครั้ง
ในฐานะจอมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ กับ ข้าบาทบริจาริกาผู้ปลอมตัวมาแทนพี่สาว


เมื่อได้พบกันอีกครั้ง ใครคนนั้นจำพระองค์ไม่ได้ จึงไม่ได้รู้ว่าคนที่หล่อนเคยหยิบยื่นผลชมพู่ที่เหลือครึ่งลูกให้นั้นคือคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าหล่อน และกำลังลอบพิจารณาหล่อนด้วยความดีพระทัย
ป้ายเหล็กสลักคำว่า 'เสือดำ' ที่ใครคนหนึ่งเคยมอบให้ จวบจนบัดนี้ หกปีผันผ่าน เด็กคนนั้นก็ยังสวมใส่มันไว้ราวกับเป็นของล้ำค่า
เป็นครั้งแรกที่ทรงอุ่นวาบในอุระ...เพียงแค่ป้ายเหล็กที่ไหวเอนไปมาตรงเบื้องพระพักตร์...แค่นั้นหรือที่ทำให้ดวงหทัยของพระองค์เต้นผิดแผกไปจากเดิม
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 04 : กระต่ายน้อยของข้า 2


“เราจะออกเดินทางคืนนี้เลย อีกสองวันน่าจะถึงที่นู่น”

มะตาหะรี...ดินแดนแห่งม่านหมอก

หมอกเหล่านั้นเป็นปราการคุ้มกันภัยให้ชาวมะตาหะรีเป็นอย่างดี การลอบเข้าไปในนั้นนับว่ายากยิ่ง

ไม่สิ...เป็นไปไม่ได้เลยมากกว่า ยิ่งหล่อนไม่รู้จักและไม่คุ้นเคยเส้นทางด้วยแล้ว แผนนี้คงไม่มีทางประสบผลสำเร็จ

“จะให้ข้าช่วย ย่อมได้ ข้ายินดีจะช่วยเพื่อตอบแทนที่เจ้าช่วยชีวิตข้า แต่การลอบเข้าไปในมะตาหะรีไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าไม่รู้หรือว่าทางเข้าเมืองมะตาหะรีนั้นมีหมอกหนาจัดจนมองไม่เห็นทาง เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปมีแต่หลงกับหลง หรือไม่...ถ้าพวกมันวางกับดักไว้ เราก็ไม่รอด!”

มทนาลัยเริ่มหายใจขึ้นมาได้บ้าง เพราะหลังจากที่เขาบอกความต้องการของตัวเองเสร็จสรรพ ก็ถอยห่างจากหล่อน...แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่ามีจมูกโด่งๆของเขามาคลอเคลียอยู่ใกล้หล่อน

“ข้ารู้ เราเลยต้องวางแผนกันก่อนไง ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังระหว่างที่เราเดินทาง แต่ตอนนี้เจ้าต้องพักผ่อนก่อน”

มทนาลัยไม่คิดว่าตนเองจะหลับลง...ท่ามกลางเหตุการณ์อันผิดปกติ แปลกประหลาดและน่าตื่นตระหนกนี้ หล่อนจะหลับลงได้อย่างไร ที่สำคัญไปกว่านั้นหล่อนเป็นห่วงทั้งแม่นมแสงคำและอ้ายสุ ป่านนี้พวกเขาคงตามหาหล่อนกันให้วุ่นแล้ว

“ข้าต้องกลับไปบอกแม่นมของข้า แล้วก็ไปเอาของสำคัญ”

โจรป่าเรียกลูกน้องคนเดิมให้เข้ามา ในมือของชายผู้นั้นมีกล่องไม้บรรจุเครื่องประดับของแม่หล่อนอยู่

“ใช่ของสำคัญของเจ้ารึเปล่า”

มทนาลัยรับมากอดแนบอก แล้วพยักหน้า

“ใช่ แต่...ยังมีอีกอย่างหนึ่ง”

“อะไรล่ะ?”

“ดอกไม้ของข้า” ตอนนี้ดอกไม้เหล่านั้นร่วงหล่นกระจัดกระจายไปหมดแล้ว “ข้าต้องพกมันติดตัวตลอดเวลา”

“ได้ ข้าจะให้คนไปเอามาให้”

“หืม?” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอย่างหวาดระแวงยิ่งกว่าเดิม “เจ้ารู้เหรอว่าข้าพักที่ไหน?”

“รู้สิ ก็ข้าเห็นเจ้าเดินเข้าไปพักในเรือนพักแห่งนั้นกับตา”

มทนาลัยหยุดคิดอยู่อึดใจ ก่อนเบิกตากว้าง ดีดนิ้วเปาะ

“เจ้า! เจ้าคือผู้ชายคนนั้น!”

หล่อนระลึกได้แล้วว่าเขาคือชายผู้สวมเสื้อเก่าๆ ขาดๆ นั่งอยู่ที่ร้านอาหารและหันมามองสบตาหล่อน

“เจ้าเป็นใครกันแน่?”

“เป็นโจรป่าในสายตาของเจ้าไง”

คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบทำให้หล่อนหงุดหงิด ยิ่งโมโหหนักเมื่อคนตัวโตยังกักขังหล่อนไม่ยอมปล่อย แถมยังฉวยกล่องไม้กล่องนั้นไป ส่งให้ลูกน้องของตนเองอีก

“ของสิ่งนี้คนของข้าจะเก็บไว้ให้ รับรองว่ามันจะอยู่ครบทุกชิ้น”

“แต่...”

“นอนลง”

“ห๊ะ?”

สิ้นเสียงนั้น มทนาลัยก็ถูกจับให้เอนกายนอนบนเบาะ หนุนอยู่แขนล่ำๆของเขานั่นแหละ

“กันไม่ให้เจ้าหนี เจ้าจึงต้องอยู่ในสายตาข้า...” เขาสะกิดปลายนิ้วบนปลายจมูกหล่อน...หยอกล้อหรืออยากแกล้งก็ยากจะเดา “...ตลอดเวลา”

“ไม่จำเป็น เมื่อข้ารับปากแล้ว ข้าไม่เคยผิดคำพูด”

หล่อนยืนยันเสียงแผ่ว เพราะหัวใจดวงน้อยกำลังสั่่นระรัว

...แปลกตรงไหนเล่า ด้วยวัยสิบแปดปี หล่อนรู้จักผู้ชายเพียงไม่กี่คน คนหนึ่งคือเจ้าพ่อ อีกคนคืออ้ายสุ สองคนนี้เป็นคนที่หล่อนใช้เวลาอยู่ด้วยมากที่สุด และนอกจากเจ้าพ่อแล้ว หล่อนยังไม่เคยอยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนไหนมากก่อน

...เอ๊ะ ไม่สิ...หล่อนเคยถูกกอดแล้วนี่นา เมื่อตอนอายุสิบสอง ในอ้อมกอดของเสือดำ คนที่ช่วยชีวิตหล่อน

แต่ก็นั่นแหละ โดนกอดแบบจริงๆจังๆจนหายใจไม่ออกเพียงครั้งเดียว และไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนกอดอีกเลย จวบจนกระทั่งวันนี้

“ข้าไม่หนี ข้าไม่หลบ ข้าจะไม่ไปไหนจนกว่าจะช่่วยน้องสาวเจ้าได้ ข้าสัญญา”

หล่อนกลัวที่จะอยู่ในอ้อมกอดของเขาก็จริง แต่สิ่งหนึ่งในหัวใจของหล่อนคือความเป็นห่วง

น้องสาวของเขาถูกจับตัวไป...คำว่าถูกจับ ย่อมหมายถึงว่านางตกอยู่ในอันตราย หากหล่อนไม่ยอมช่วยก็นับว่าใจร้ายใจดำเหลือเกินแล้ว ดังนั้นคำสัญญาที่ให้เขาไป ใช่แค่ตอบแทนเขา แต่เพื่อช่วยน้องสาวของเขาด้วยเช่นกัน

“เจ้าให้คำมั่นสัญญาจากใจจริง ข้าเชื่อ”

“งั้น...เจ้าจะปล่อยข้าไปใช่ไหม ข้าต้องไปบอกคนของข้าก่อน ข้าเป็นห่วงพวกเขา ป่านนี้คงออกตามหาข้ากันจ้าละหวั่นแล้ว”

บทสนทนาหยุดชะงักไปเมื่อคนของเขาเข้ามาจุดกำยาน กลิ่นหอมอ่อนๆ ติดปลายจมูก

คล้อยหลังคนผู้นั้น โจรป่าก็บอกหล่อนว่า

“ไม่จำเป็น ข้าจะส่งคนไปบอกพวกเขาเอง อ้อ...ข้าจะให้คนไปดูแลพวกเขาด้วย”

“ดูแล?”

หล่อนรู้สึกสังหรณ์ใจคำนี้อย่างไรไม่ทราบได้...ดูแลในความหมายเขาไม่น่าจะใช่ดูแลในความหมายของหล่อน

“อย่าห่วงพวกเขาเลย...นอนได้แล้วน่า”

“ไม่ได้! ข้านอนไม่ได้ ข้าต้องกลับไปหาพวกเขา ปล่อยข้าไปเถอะ ก็ไหนเจ้าบอกว่าเชื่อในคำสัญญาของข้าไง?”

โจรป่าเอนกายนอนหงาย มือคลายออก มทนาลัยจึงฉวยโอกาสนั้นผุดลุก แต่เขายังไม่ยอมปล่อยหล่อนไป แขนข้างที่หล่อนหนุนอยู่ก็ตวัดตัวหล่อนให้เอนซบลงบนอกกว้าง

“ก็เชื่อน่ะสิ แต่ถึงยังไงข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าคลาดสายตา”

หล่อนขยับตัวยุกยิก แต่สู้แรงเขาไม่ได้ ยิ่งตอนนี้เรี่ยวแรงหดหายไปหมด อีกทั้งยังง่วงงุนผิดปกติจึงจำต้องยอมแพ้อิงแอบแนบอกอยู่บนอกกว้างๆโดยดุษณี กว่าจะนึกเอะใจว่าโจรป่าใส่อะไรไว้ในกำยานหรือไม่ มทนาลัยก็ผล็อบหลับไปเสียแล้ว



มทนาลัยรู้สึกตัวเมื่อมีอะไรบางอย่างมาคลอเคลียอยู่บนแก้มของ หล่อน...หน้าผาก จมูก ริมฝีปาก ใบหู ปลายคาง แม้แต่ลำคอของหล่อนก็ถูก ‘สิ่งนั้น’ สัมผัส

อะไรหนอ? อะไรกัน?

สัมผัสอ้อยอิ่งอยู่ตรงแอ่งชีพจรของหล่อน ก่อนเลื่อนขึ้นมาที่ริมฝีปากอีกครั้ง

“ลืมตาได้แล้วสาวน้อย...” ลมร้อนๆ รินรดอยู่ข้างหูหล่อน

ใคร? เสียงใครกัน?

“ถ้าเจ้ายังไม่ตื่น ข้าอาจจะอดใจไม่ไหว ปลุกเจ้าด้วย...ริมฝีปากของข้า”

ริมฝีปาก? หมายความว่ายังไงนะ?

“กระต่ายของข้า...เจ้าอยากให้ข้าจูบเจ้างั้นหรือ? หืม?”

กลีบปากของหล่อนถูก ‘ก่อกวน‘ อย่างหนัก...อะไรบางอย่างทั้งกดย้ำ ทั้งลูบไล้ อย่างเพลิดเพลิน

มทนาลัยขมวดคิ้ว ส่งเสียงบางอย่างในลำคอด้วยความหงุดหงิด

“อื้อ” หล่อนประท้วงแล้วปัดสิ่งนั้นออก หากอะไรก็ตามที่ก่อกวนหล่อนก็ยังไม่ยอมหยุด

“ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ กระต่ายน้อย”

กระต่ายน้อย? ใครกันที่เรียกหล่อนเช่นนี้?

เพราะคำนั้น มทนาลัยจึงพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของตน

หล่อนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ภาพอันพร่ามัวจึงชัดเจนขึ้น

ดวงตาดำลึกกึ่งดุกึ่งยั่วเย้า และจมูกโด่งๆของเขา...คือสิ่งที่สะดุดตาหล่อนที่สุด มทนาลัยอุทานเบาๆในลำคอ รีบกระเถิบหนี แต่มือของเขายังตามติด...แตะริมฝีปากของหล่อน

“ข้าเกือบจูบเจ้าแล้ว”

นี่ไง! สิ่งที่ก่อกวนนิทรารมณ์อันสงบสุขของหล่อน...ปลายนิ้วร้อนจัดและแข็งแกร่งของเขานี่เอง! ยังดีหน่อยที่ไม่ใช่...ปากของเขา!

“เจ้า...เจ้า...ไม่สิทธิ์ทำแบบนั้น!”

“ข้ายังไม่ทำหรอกน่า”

ยังไม่ทำ...แสดงว่าจะทำในอนาคตน่ะสิ?!

เขาเขยิบไปนั่งปลายเท้าหล่อน ก่อนเอ่ยถาม “หลับสบายรึเปล่า”

“ข้า...” หัวคิ้วของมทนาลัยผูกเป็นปม ดวงตาสะลึมสะลือแปรเปลี่ยนเป็นตกใจ ก่อนสว่างวาบด้วยโทสะ “เมื่อคืนเจ้าวางยาข้า”

โจรป่าทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอแล้วส่ายหน้า

“เป็นคำกล่าวหาที่ร้ายแรงเกินไป”

“ไม่เกินไปหรอก! เมื่อคืนข้าหลับเป็นตายเลย ถ้าเจ้าไม่ได้วางยาข้า ข้าจะหลับลงได้ยังไง?!”

“ก็เพราะเจ้าเหนื่อยเกินไป”

“ไม่จริง!”

คนตัวโตถอนหายใจหนักๆ แล้วขยับตัวพรวดเดียว มทนาลัยก็นอนคว่ำพาดอยู่บนบ่าของเขาเสียแล้ว!

“ทำอะไรน่ะ!! ปล่อยข้านะ!”

“ข้าไม่มีเวลาเถียงกับเจ้า ต้องรีบออกเดินทางแล้วชักช้าไม่ได้”



เรื่องนี้ จะจัดส่งประมาณ 12/13/14/15 พ.ค. นะคะ

ขออภัยในความล่าช้าด้วยค่ะ _/\_

รอกันอีกนิดเนอะ >_<



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 เม.ย. 2558, 07:40:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 เม.ย. 2558, 07:40:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1146





<< บทที่ 04 : กระต่ายน้อยของข้า 1   
แว่นใส 27 เม.ย. 2558, 08:09:01 น.
รับทราบจ้า


mhengjhy 27 เม.ย. 2558, 18:01:28 น.
เจ้าค่าาาา


Zephyr 28 เม.ย. 2558, 19:10:32 น.
กระต่ายโดนปลุก น่ารักๆๆๆ
รอๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account