ดวงจิตสื่อรัก
Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ
ตอน: ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
“คุณวิว อาการคุณอาไม่ดีขึ้นเลยหรือครับ” อมรินทร์ถามพลางจ้องมองใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว
ตรงหน้าอย่างหนักใจแทน หญิงสาวผู้นี้มีปัญหาชีวิตมากมายที่บอกใครไม่ได้แต่เธอกลับเข้มแข็งยืนหยัดมีชีวิตอยู่
ได้อย่างปกติสุข อาจเพราะมีใครบางคนคอยส่งผ่านกระแสความสุขให้เธอมาตลอดจึงช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก
และเขาก็ไม่อยากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครเพราะไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยุ่ง
“แย่ลงค่ะ วิวเลยต้องมาปรึกษาหมออาม ถ้าวิวจะพามาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอพอจะช่วยแนะนำ
วิวได้ไหมคะ” นิศาชลบอกตามตรง ขณะที่หญิงสาวไร้ร่างนึกแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยินและตั้งใจฟังอย่างใคร่รู้
“คุณวิวลองเล่าอาการมาก่อน เผื่อผมจะแนะนำได้ถูก” อมรินทร์พูดกับนิศาชลไม่ใช่ระหว่างหมอกับ
คนไข้แต่ในฐานะคนรู้จักมากกว่าจนกีรกันตาเองก็แปลกใจ
‘พี่อามมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่วิว หรือว่า อย่าเชียวนะพี่อาม ข้าวเอาตายเลยถ้าคิดแย่งพี่ต้น พี่วิว
หมออามไม่น่ารักเท่าพี่ต้นหรอก พี่ต้นดีกว่าเยอะ หล่อกว่า เก่งกว่า ที่สำคัญรักและเป็นห่วงพี่วิวมากกว่า’
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
อมรินทร์หันมามองเธอทำหน้าคล้ายยิ้มขำอะไรสักอย่างก่อนหันไปสนใจนิศาชลต่อ กีรกันตาย่นจมูก
ให้อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น
“อาการคุณอาหนักขึ้นทุกวัน หวาดระแวงทุกคน คิดอยู่ตลอดเวลาว่าถูกคนนินทาว่าร้าย ถูกปองร้าย
มีแต่คนอยากแกล้ง ยาก็ไม่ยอมทาน เวลากลางคืนก็ลุกขึ้นมาด่าคนในบ้าน บางทีก็ตอนเช้า จนคนในบ้านไม่
เป็นอันสงบ ใครพูดผิดหูหน่อยก็แกล้งเขา ที่โดนหนักที่สุดเห็นทีจะเป็นคุณป้าค่ะ วิวสงสารคุณป้า กลัวท่าน
ประสาทกินเสียก่อน เด็กที่มาดูแลก็หนีกลับหมด วิวปรึกษาคุณป้าแล้วให้เอาตัวคุณอามาพักรักษาตัวที่โรง
พยาบาลดีกว่า ไว้อาการดีขึ้นค่อยรับกลับ หมออามคิดว่าจะได้ผลมั้ยคะ”
“ส่วนมากคนไข้โรคจิตจะไม่ยอมมาอยู่โรงพยาบาล ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิต ยาไม่ยอมกินจึงทำให้
อาการไม่ดีขึ้น ที่สำคัญคือถ้าคนในบ้านเหนื่อยหน่ายระอา ยิ่งแล้วไปใหญ่ แต่กรณีคุณอาคุณวิว ผมเห็นว่า
เอามารักษาตัวที่โรงพยาบาลก็ดีเหมือนกัน ไว้ผมจะติดต่อให้ แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง เอ่อ..ไม่ทราบว่า
คุณวิวพอสู้ไหวไหม ผมขอโทษที่ต้องถามตรงๆ” คำถามของอมรินทร์ทำให้คนไร้ร่างที่ยืนอยู่ข้างกายเริ่มไม่พอใจ
‘หมอหน้าเลือด แทนที่จะช่วยกลับพูดให้พี่วิวเครียด ตัวเองก็ออกเก่งน่าจะรู้ว่าพี่วิวสู้ไหวมั้ย ทำไมต้อง
พูดจาดูถูกพี่วิวด้วย’ เธอต่อว่าตรงๆ เขาหันมาปรายตาดุใส่เหมือนจะบอกว่า ‘อย่าเพิ่งจุ้น’ ได้ยินแล้วกีรกันตา
เกิดอาการหมั่นไส้เลยทำหน้าสวยเริดเชิดหยิ่ง ‘เชอะ ไม่ยุ่งก็ได้ หมอเผด็จการ’ แล้วทำตัวเป็นผู้ดูที่ดี
นิศาชลนิ่งสักพักก่อนตอบ “วิวคิดว่าพอไหวค่ะ รอให้อาการท่านดีขึ้นค่อยมารับกลับ”
“คุณวิวจะเชื่อผมหรือเปล่าถ้าผมจะบอกว่าโอกาศที่คุณอาจะหายมีห้าสิบห้าสิบ คุณวิวอาจต้องทน
แบกภาระไปอีกสองสามปีจนกว่า...” อมรินทร์หยุดพูดไปเฉยๆ เขาไม่อยากบอกต่อว่าที่ไม่หายเพราะกรรมเก่า
ที่ทำไว้ ซึ่งอธิบายไม่ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ สักวันเธอจะรู้เอง
“วิวเข้าใจค่ะ หมออาม แต่ยังดีกว่าไม่มีหวังเลยนี่คะ ยังไงท่านก็เป็นน้องสาวพ่อและเป็นญาติผู้ใหญ่คน
หนึ่งของวิว แต่ก็แปลกนะคะ วิวกลับรู้สึกว่าที่ท่านเป็นแบบนี้เพราะท่านเคยทำคนอื่นไว้ ทำให้เขาหวาดผวา กลัว
จนระแวงคนไปทั่วสุดท้ายก็เป็นบ้า วิวไม่ทราบว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น เท่าที่วิวทราบท่านเป็นคนดีแต่หลังจาก
ท่านถูกหุ้นส่วนโกงทำการค้าขาดทุน ท่านก็มีอาการหวาดกลัว ท้อแท้ ผิดหวัง จนป่วยอย่างที่เห็นและหนักขึ้น
ทุกวัน” นิศาชลเล่าด้วยน้ำเสียงท้อแท้ชอบกล
“ไว้วันหนึ่งจะมีคนบอกคุณวิวเองครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครรู้ว่าเราจะเจออะไรต่อไปในอนาคต
ขอให้มีสติอยู่กับปัจจุบันดีกว่า” แค่คำพูดเตือนสติของอมรินทร์ก็สามารถทำให้นิศาชลรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประ
หลาดจนเธอเองก็แปลกใจ แต่กีรกันตาไม่สงสัยเพราะรู้ว่าเขาแอบแผ่เมตตาให้
‘อย่างนี้ค่อยทำตัวเหมาะกับอาชีพหมอหน่อย’ พลันเธอก็ได้ยินเสียงคนเป็นหมอดังมาให้ได้ยิน
‘อ้าว ไม่ว่าหมอใจร้ายแล้วเหรอ’ เธอรีบสวนกลับว่า ‘หมอหลงตัวเอง ใครว่าข้าวชมพี่อาม’
เงียบไม่มีเสียงตอบกลับแต่เป็นนิศาชลที่พูดมาให้ได้ยินแทน
“ขอบคุณค่ะ ได้คุยกับหมออามแล้ววิวสบายใจอย่างบอกไม่ถูก”
“แต่ผมว่ามีอีกคนที่ทำให้คุณวิวสบายใจและมีความสุขมากกว่าคุยกับผมนะ จริงมั้ยครับ” อมรินทร์
ถามยิ้มๆแต่มีผลทำให้นิศาชลสะดุ้งได้
‘หมออามรู้ได้อย่างไร มันไม่ค่อยถูกต้องนักหรอก จะเรียกว่าสุขได้อย่างไรในเมื่อเธอกับเขานั้นเป็นได้
แค่....แต่ก็จริงอย่างเขาบอก ทุกครั้งได้พบความทุกข์ในใจก็จางหายไปจนไม่อยากคิดเรื่องของตัวเองกับคน
รอบตัว คนภายนอกรวมทั้งเขาคนนั้นไม่รู้ว่าเหตุที่ต้องแต่งงานกับนักธุรกิจเจ้าของห้างดังนั้นเพราะอะไร มีแต่พา
กันอิจฉา ฮึ...ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไม สำหรับเธอมันไม่มีความหมายมาตั้งแต่ต้นแล้วและนึกรังเกียจด้วยซ้ำ
ถ้าทุกคนรู้ความจริงไม่รู้ว่าจะยังอิจฉาอยู่อีกหรือไม่’
“หมออามเป็นหมอดูด้วยเหรอคะ งั้นช่วยบอกวิวหน่อย เป็นใคร วิวคิดไม่ออกค่ะ”
“ผมไม่ต้องบอกคุณวิวก็รู้แก่ใจดีว่าใครที่คุณวิวอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ขอเพียงคุณวิวอย่าปิดกั้นตัวเอง
และกล้าที่ยอมรับใจตัวเองก็พอ”
“หมออามกำลังยุให้วิวคิดมีกิ๊กเหรอคะ ไม่ดีนะคะผิดศีล วิวไปก่อนดีกว่า ไม่งั้นเกิดวิวคล้อยตามขึ้นมา
แย่เลย กลัวสามีขอหย่าฉุกเฉิน” นิศาชลจงใจกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงและอมรินทร์ก็รู้ว่าเพราะอะไร
เขาแค่อยากให้เธอสบายใจ มันคงยังไม่ถึงเวลามั้ง
“ผมล้อเล่นครับ ส่วนเรื่องคุณอาไว้ผมจะโทรไปนัดวันอีกที คุณวิวเตรียมหาคนช่วยได้เลยรับรองไม่ง่าย
ที่จะพาตัวคนไข้มาถ้าไม่มีตัวช่วย “
“ขอบคุณค่ะ หมออาม วิวลาละค่ะ ต้องไปธุระต่อ” เอ่ยจบก็รีบลุกจากไป
“พี่อาม คิดจะจีบพี่วิวหรือไง อย่านะ ข้าวขอห้าม นั่นน่ะ...” กีรกันตาเอาเรื่องเขาทันทีที่เห็นนิศาชลจากไป
“ทำไมข้าวไม่พูดต่อให้จบว่าแฟนพี่ต้นล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก คู่ใครคู่มัน ถ้าเป็นข้าวกับ...ก็ไม่แน่.” เขาแกล้ง
ยั้งไว้ต้องการยั่วเธอ สายตาคมจ้องมองเธออย่างมีความหมาย กีรกันตาทำหน้าไม่ถูก
‘เอาอีกแล้วแจกขนมจีบอีกแล้ว ไม่ได้ผลหรอก’
“หมออามขา ถ้าจะจีบข้าว บอกตรงๆก็ได้นะคะ ข้าวไม่ว่าหรอก เพราะกินขนมจีบจนบื่อแล้ว
อยากกินอย่างอื่นบ้างจะได้ไม่เซ็ง” เธอยั่วกลับ
“ข้าวเป็นโรคเซ็งเหรอ ถ้างั้นไปหาคนที่ทำให้ข้าวหายเซ็งกันเลยใกล้ถึงเวลานัดแล้ว” พอเขาบอกเธอก็
ยิ้มดีใจจนแทบเผลอเดินเข้าไปหอมแก้มเขาเหมือนเวลาแสดงความขอบคุณพี่ชายยามได้ของถูกใจแต่พอฉุกคิด
ได้ว่าไม่ใช่พี่ชายและเธอเป็นแค่คนไร้ร่างจึงระงับทันไม่อย่างนั้นอายเขาตาย
“แหมน่าเสียดายที่ข้าวเข้าร่างยังไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพี่ยินดีให้ข้าวแสดงความขอบคุณเต็มที่เลย”
เขารู้ตามเคย
“หมอเสียมารยาทแอบอ่านความคิดคนอื่นอีกแล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพิงอาศัยด้วย ข้าวอัดไม่เลี้ยงแน่ “
เธอต่อว่าอย่างไม่เกรงใจ
“ดุจังแฮะ ไม่ยั่วไม่ล้อแล้ว เราไปกันเถอะ “ เอ่ยจบก็ถอดเสื้อกราวสีขาวออกแขวนตามเดิม เก็บของเข้า
ที่เตรียมกลับบ้านจนกีรกันตางง เขายังตรวจคนไข้ไม่เสร็จนี่
“จะไปไหนคะพี่อามก็เรานัดพี่ต้นให้มาหาที่โรงพยาบาล ยังไม่ถึงเวลาเลย พี่อามยังมีคนไข้ยังรออยู่อีก
สองสามคนไม่ตรวจให้เสร็จก่อนหรือคะ ข้าวรอได้” คราวนี้เธอรู้สึกเกรงใจ
“ไม่ต้องหรอก คนไข้พวกนั้นเป็นพวกอยากลองภูมิพี่มากกว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจให้เสียเวลา พี่ต้นของ
ข้าวกำลังเดินทางมาหา พี่ไม่อยากให้มาพูดคุยกันในโรงพยาบาล พี่จะโทรไปเปลี่ยนสถานที่นัดเป็นคอนโดแทน
อีกอย่างพี่ชายข้าวอาจมีเหตุจำเป็นต้องรีบไปทำธุระต่ออีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้ก็ได้” สิ่งที่เขาบอกทำให้กีรกันตา
อดถามมีคำถามต่อไม่ได้
“รู้ได้ไง ข้าวยังไม่รู้เลย “
“เป็นการรับรู้ของจิต จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมมีพลังทำอะไรได้มากมาย ขอเพียงมีสมาธิถึงระดับหนึ่งก็พอ
พี่ชายข้าวก็ทำได้เช่นเดียวกันเพียงแต่ไม่แสดงออกเท่านั้น”
“ข้าวเพิ่งรู้นะว่ามีพี่ชายเก่งเหมือนกัน ข้าวไม่สงสัยแล้ว ทำไมพี่ต้นถึงรู้ว่าคุณปู่อยากให้ไปพบวันไหน”
“อย่างนั้นเขาเรียกว่าโทรจิต ปู่ของข้าวสื่อสารกับพี่ชายข้าวโดยใช้โทรจิต”
“โทรจิต? ฝึกยังไงคะพี่อาม ข้าวฝึกได้ไหม” ดวงตาคู่สวยมีแววสนใจขึ้นมาทันที
“อยากฝึกไว้วันหลังจะสอนให้ ตอนนี้ขอพี่โทรบอกพี่ข้าวก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน” จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์มือ
ถือบอกปฏิภาณให้ไปที่คอนโดฯของเขาแทน และบอกพยาบาลให้แจ้งคนไข้อีกสองสามรายว่าหมอติดธุระด่วน
ขอให้มาวันหลังก่อนออกไปพร้อมคนไร้ร่าง
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
นิศาชลมาเยือนบ้านหลังใหญ่ของสามีด้วยจิตใจที่เหนื่อยหน่ายนัก เธอมาเหยียบที่นี่นับครั้งได้นับจาก
วันแต่งงาน เธอคงเป็นคุณผู้หญิงที่ไม่ค่อยรักบ้านเท่าไรนักเพราะมักไปค้างบ้านป้าวันทาซึ่งเป็นพี่สาวบิดาที่เลี้ยง
ดูเธอมาตั้งแต่เล็ก มีเพียงมารดากับน้องชายที่ย้ายมาอยู่บ้านสามีตามกฎหมายของเธอเป็นการถาวรขณะที่เธอ
เปรียบเหมือนแขกผู้มาเยือนมากกว่าจะเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน วันนี้ถ้าไม่เพราะมารดาโทรตามตัวให้มา เธอคง
ไม่มาหรอก มารดาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอมากนัก หลังจากบิดาเสียชีวิตก็มีสามีใหม่และมีลูกชายด้วยกัน
คนหนึ่ง ต่อมาอีกสิบปีบิดาเลี้ยงก็เสียชีวิต
ระหว่างนั้นมารดามาเยี่ยมเธอบ้างไม่มาบ้างและทุกครั้งก็จะหอบหิ้วน้องชายต่างบิดามาด้วย บอกว่าให้
คุ้นเคยไว้และขอย้ายมาอยู่ด้วยโดยอ้างว่าอยากให้พี่น้องสนิทสนมรักใคร่กันซึ่งมันทำให้เธอพูดไม่ออก ทำไมจะ
ไม่รู้มารดาไม่รักเธอเท่าไรนัก ที่รักเห็นจะเป็นน้องชายต่างบิดามากกว่า คนในบ้านส่วนใหญ่ค้านแต่พอป้าวันทา
เอ่ยปากอนุญาตทุกคนก็ไม่กล้าขัด ท่านยอมเพราะเห็นแก่เธอซึ่งเป็นหลานสาวที่ท่านรักเหมือนลูก และหากไม่
เป็นเพราะคำสอนของคนเป็นป้าที่ว่า
‘ยังไงเสียแม่อรสาก็ได้ชื่อว่าแม่ของวิว ถ้าไม่มีแม่อรสา วิวก็ไม่ได้เกิดมาหรอก การที่เขายอมให้วิวมี
ชีวิตออกมาลืมตาดูโลกและเลี้ยงดูมาระยะหนึ่งก็นับว่ามีบุญคุณยิ่งกว่าพ่อผู้ให้กำเนิดเสียอีก เพราะวิวอยู่ใน
ท้องเขาตั้งเก้าเดือน ระหว่างนั้นถ้าแม่อรสาคิดฆ่าวิวก็ทำได้ เพียงแค่นี้วิวก็ชดใช้หนี้ชีวิตไม่หมดแล้ว คนอื่นจะ
รังเกียจชิงชังแม่อรสาอย่างไรก็ได้แต่วิวเป็นลูก ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด’
ดังนั้นเธอจึงจำต้องทนเพราะคำว่าบุญคุณที่ให้ชีวิต คิดเสมอว่าจะพยายามทดแทนให้หมดจะได้ไม่ต้อง
มาชดใช้กันอีก แต่ยิ่งยอมยิ่งดูเหมือนความต้องการของมารดาไม่มีที่สิ้นสุด ตรงข้ามกลับดูแลเอาใจใส่ประเคน
ทุกอย่างให้น้องชายตามใจปรารถนา วันนี้เรียกตัวมาคงไม่พ้นเรื่องถูกตำหนิอีก จริงดังคาดพออรสาเห็นหน้า
เธอเท่านนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจต่อว่าทันที
“ยัยวิว แม่บอกกี่ครั้งแล้วจะทำอะไรให้เห็นแก่หน้าคุณก้องเกียรติบ้าง คนในสังคมพากันซุบซิบว่าแกมี
กิ๊กถึงปล่อยให้ผัวออกงานตามลำพังบ่อยๆ ถ้าแกขืนขยันออกไปไหนมาไหนกับนายที่ปรึกษานั่นบ่อยๆสักวัน
คุณก้องเกียรติต้องเดือดร้อนเพราะแกแน่ แต่แกคงชอบใช่มั้ย”
นิศาชลพยายามระงับอารมณ์น้อยใจ ไม่พอใจไว้ภายใต้สีหน้าอันเรียบเฉย มารดาไม่เคยสนใจว่าเธอจะ
รู้สึกอย่างไรที่ต้องแต่งงานกับก้องเกียรตินักธุรกิจที่เห็นผู้หญิงเป็นฉากบังหน้าเพื่อหลอกคนในสังคมถึงความเป็น
แมนเต็มตัวของเขา และทั้งหมดที่มารดาทำก็เพื่อให้น้องชายต่างบิดามีความสุขได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักสมใจ
แล้วเธอล่ะ...ชีวิตทั้งชีวิตต้องมาด่างพร้อย หากถึงวันที่ความอดทนสิ้นสุดเธอจะถูกผู้คนมองว่าเป็นของมีตำหนิทั้ง
ที่ไม่ควรจะเป็น เวลานี้แม้แต่จะรักใครสักคนตามใจปรารถนายังทำไม่ได้เพราะคำว่าสามีตามกฏหมายได้ครอบงำ
จองจำหัวใจเธอไว้
“แม่มีเรื่องจะพูดกับวิวแค่นี้ใช่มั้ยคะ เอาเป็นว่าวิวจะพยายามไม่ให้คุณก้องเกียรติลูกเขยสุดที่รักของแม่
กับพี่เขยแสนประเสริฐของน้องอั้มเสียชื่อก็แล้วกันค่ะ แต่ถ้าวันใดวิวหมดความอดทน ทุกอย่างเป็นอันสิ้นสุด
วิวไม่อยากให้ชีวิตทั้งชีวิตต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปหรอกค่ะ” นิศาชลอึดอัดคับข้องใจกับสภาพที่เธอเป็น
อยู่ในปัจจุบันนี้เต็มทีและสักวันความอดทนของเธอคงต้องสิ้นสุดลง
อรสานั้นหาได้ใส่ใจความรู้สึกของบุตรสาวไม่ แต่เล็กจนโตนิศาชลก็เป็นลูกพ่อและยกย่องญาติฝ่ายสามี
มากกว่าฝ่ายตน มีเพียงกุมภาบุตรชายที่เกิดกับสามีใหม่เห็นตนเป็นแม่ รักแม่เอาใจออดอ้อนแม่ นางไม่สนใจ
ว่ากุมภาจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนอย่างไร เพราะบุตรชายนั้นนำพาความสุขมาให้ตลอดแถมมีคนรักเป็นถึงนักธุร
กิจดังมีหน้ามีตาในสังคม ผิดกับบุตรสาวที่หยิ่งทนง แม้จะเคยแนะนำผู้ชายรวยๆมีหน้ามีตามากี่รายๆก็ไม่สนใจ
เชื่อฟังวันทาผู้เป็นป้าหมด ยังดีที่ยอมทำเพื่อแม่ ยอมแต่งกับก้องเกียรติเพื่อน้องชาย แต่ก็เหมือนหนามยอกอก
ของคนทั้งคู่อยู่ดีเพราะนิศาชลพยายามทำตัวให้สังคมสงสัยตลอดโดยไม่ยอมมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน นี่คือสิ่งที่
อรสากลัว...กลัวว่าสักวันความจริงต้องเปิดเผยแล้วจะเสียหายถึงบุตรชายกับบุตรเขยที่ดูเอาใจใส่นางเป็นพิเศษ
“ยัยวิว ทำไมพูดอย่างนี้ คุณก้องเกียรติออกจะดีกับแก ยกย่องให้เกียรติแกเวลาออกงานสังคมด้วยกัน
น้องเสียอีกที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนตลอดอยากออกงานร่วมกันอย่างเต็มภาคภูมิก็ทำไม่ได้” คำพูดของมารดา
แต่ละคำล้วนบอกให้รู้ว่าลำเอียงเข้าข้างน้องชายตลอด แม้จะทำผิดก็เห็นเป็นถูกขณะที่คนอื่นหรือสังคมผิดเสมอ
“วิวไม่เคยอยากออกงานกับลูกเขยแม่นะ ถ้าอั้มอยากก็เชิญตามสบายเลย วิวขอตัวกลับก่อน ต้องเข้าไป
เคลียร์งานต่อ” นิศาชลไม่อยากอยู่ฟังมารดาพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป รู้สึกขยักแขยงเต็มทีกับพฤติกรรมของน้อง
ชายกับสามีตามกฏหมาย หากมีวิธีแทนคุณที่ดีกว่านี้เธอจะรีบทำทันที ยังดีกว่าต้องทนทรมานจิตใจแบบนี้
หญิงสาวอยากรีบไปให้พ้นบ้านหลังนี้เต็มทีหากสายตาไม่บังเอิญเห็นผู้ชายสองคนเดินกอดเอวกันเข้า
มาในบ้านด้วยสีหน้าสดชื่นแล้วต้องรีบขยับออกห่างก่อนยิ้มให้เธอ คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดีกว่าอีกคนซึ่ง
ดูบอบบางอ้อนแอ้นคล้ายผู้หญิงแถมมีใบหน้าสวยหวานจนสาวๆบางคนอิจฉาเสียอีกทว่ายังคงแต่งกายด้วยเสื้อ
ผ้าผู้ชายแม้ตัวเสื้อเชิ้ตและกางเกงจะค่อนข้างเน้นสัดส่วนสักหน่อยก็ตาม
“ต๊าย! พี่วิว วันนี้มาได้ไงฮะ รู้ได้ไงว่าคุณก้องมีเรื่องให้ช่วย อั้มกำลังจะโทรหาอยู่พอดี คือคุณปีเตอร์
อยากพบพี่วิว สงสัยจะแอบหลงรักพี่วิวนะฮะ” กุมภาเอ่ยทักพี่สาวต่างบิดาพร้อมบอกข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ไม่ทราบ
ให้นิศาชลรู้ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกุมภาและดูเป็นผู้ชายเต็มตัวแต่จิตใจนั้นไม่เคยนึกพิศวาสผู้หญิงสักนิด
จ้องมองเธอเหมือนชื่นชมความงดงามของเครื่องประดับราคาแพงซึ่งพวกเศรษฐีชอบหามาไว้ประดับบารมีเล่น
“ถ้าอย่างนั้น พี่คงต้องบอกว่าเสียใจที่ไม่อาจอยู่ต้อนรับคุณปีเตอร์ได้ คุณก้องเกียรติ วานคุณช่วยบอก
คู่ค้าคุณด้วยว่าฉันมีนัด ถ้าจะมาช่วยกรุณาบอกล่วงหน้าด้วย” คำตอบของนิศาชลทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันอย่าง
คาดไม่ถึง แล้วให้นึกเจ็บใจนัก ไม่เคยมีสักครั้งที่นิศาชลจะยอมเป็นหุ่นให้เชิดได้ง่ายๆ เธอมีเส้นทางดำเนินชีวิต
เป็นของตัวเองเสมอ ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของใคร
“ผมเสียดายแทนคุณวิว ปีเตอร์เป็นผู้ชายที่ดี และชอบคุณด้วย กับคนอื่นผมไม่อยากให้คุณคบเท่า
ไหร่แต่กับปีเตอร์ ถ้าคุณยอมรับเขาได้ บางทีเราอาจตกลงกันได้” ก้องเกียรติเสนอทางออกให้
นิศาชลมองหน้าสามีตามกฎหมายด้วยสายตาว่างเปล่า เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะหวังดีกับเธอ ถ้าหวัง
ดีจริงคงไม่วางแผนให้มารดาบังคับเธอให้แต่งงานด้วยเพื่อช่วยให้ตัวเองสมหวังในรักกับน้องชายโดยเอาเธอเป็น
หน้าฉากหลอกลวงผู้คนในสังคมปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าชอบเพศเดียวกัน
“เสียใจค่ะ ฉันไม่ว่าง ก็อย่างที่บอก เขามาไม่ถูกจังหวะ “ เธอปฎิเสธอย่างไม่ไยดี
อรสายืนฟังมานานเกิดทนไม่ไหวเข้าเล่นงานบุตรสาวทันที
“ยัยวิว ทำไมแกแล้งน้ำใจอย่างนี้ ไม่คิดจะช่วยคุณก้องเกียรติบ้าง คู่ค้าคนสำคัญ ถ้าทำให้พอใจ ธุรกิจ
ของเราจะได้เจริญรุดหน้า แม่ขอร้องช่วยต้อนรับคุณปีเตอร์หน่อย ถ้าแกยังเห็นแก่หน้าแม่บ้าง” คำขอร้องแกมบัง
คับของมารดาทำให้นิศาชลพูดไม่ออก มารดามักมีวิธีบีบบังคับให้เธอต้องทำตามเสมอ ไม่ยกบุญคุณท่วมหัวที่
อุ้มท้องเธอมาก็พูดในทำนองอกตัญญูให้เธอละอายใจ
ทว่าครั้งนี้นิศาชลกลับสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอก็ไม่ไว้ใจก้องเกียรติกับ
น้องชาย ทั้งคู่ต้องมีเรื่องปิดบังเธออยู่แน่ นายปีเตอร์นั่นคอยจ้องจะงาบเธอเสมอ โดยไม่สนใจว่าเธอเป็นภรรยา
ของก้องเกียรติคู่ค้าคนสำคัญหรือไม่ ที่สำคัญเวลานี้เธออยากรีบๆไปให้พ้นๆหน้าคนพวกนี้เต็มที
“เสียใจจริงๆค่ะแม่ คุณป้าไม่สบายมาก วิวต้องรีบกลับ พาท่านไปหาหมอ อีกย่างคืนนี้วิวมีนัดเลี้ยง
กับลูกค้าคนสำคัญด้วย วิวขอตัวค่ะ” ร่างบางอรชรเดินจากไปโดยไม่สนใจสีหน้าขุ่นมัวของทุกคน
“อั้ม ดูพี่สาวอั้มทำกับผมไม่เห็นแก่หน้าผมบ้างเลย” ก้องเกียรติหงุดหงิดเหลือจะกล่าว
กุมภารีบเข้าไปกอดเอวหนาไว้
“คุณก้องฮะ อย่าโกรธพี่วิวเลยนะฮะ วันนี้เราพลาดวันหน้าค่อยหาโอกาสใหม่ก็ได้ ถ้าคุณปีเตอร์ชอบ
พี่วิวจริง ก็ต้องรอได้”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ผมขอตัว” ก้องเกียรติพูดจบก็ผละออกแล้วเดินหนีขึ้นห้องไปอย่างไม่สบ
อารมณ์นัก
“อั้ม แค่พี่สาวลูกปฏิเสธอยู่ต้อนรับคุณปีเตอร์ ทำไมคุณก้องเกียรติต้องโกรธขนาดนั้นด้วย” อรสาอดสงสัย
ไม่ได้ ปกติบุตรเขยไม่เคยแสดงอารมณ์ขุ่นมัวให้เห็น
“จะไม่โกรธได้ไงฮะแม่ คุณก้องอุตส่าห์หวังดีกับพี่วิว อยากให้พี่วิวพบผู้ชายดีๆสักคน เราเล็งคุณปีเตอร์
ไว้ รู้ว่าชอบพี่วิว ถ้าพี่วิวชอบคงสบายไปทั้งชาติ คุณปีเตอร์เป็นนักธุรกิจรวยติดอันดับของฮ่องกง และถ้าพี่วิวมี
ใจด้วย เรื่องของเราสามคนจะง่ายขึ้น พี่วิวจะได้มีสามีเป็นผู้ชายจริงๆเสียที อั้มรู้นะฮะว่าทุกวันนี้พี่วิวไม่มีความ
สุขนักหรอก พี่วิวเสียสละเพื่อเรามามากแล้ว ถึงเวลาตอบแทนคืนบ้าง แต่ไม่นึกว่าพี่วิวจะมองไม่เห็นความหวัง
ดีของคุณก้องกับอั้มฮะแม่” กุมภาแสร้งทำหน้าผิดหวังเลยทำให้อรสารู้สึกไม่พอใจบุตรสาวขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องห่วงลูก แม่จะจัดการให้เอง ขึ้นไปงอนง้อคุณก้องเกียรติก่อน เดี๋ยวจะพานไม่พอใจอั้มของแม่
ไปอีกคน”
“ขอบคุณฮะแม่ รักแม่ที่สุดเลย” กุมภาหอมแก้มมารดาอย่างประจบแล้วรีบไปหาก้องเกียรติ ทุกอย่าง
เป็นไปตามแผน มีเพียงมารดาเท่านั้นที่บังคับพี่สาวต่างบิดาได้ แต่เขาลืมไปว่า ความอดทนของคนเรามีขีด
จำกัดเหมือนกัน
ชชชชชชชชชชชชชชชชชชช
อมรินทร์พาคนไร้ร่างมาถึงคอนโดฯก็พบร่างสูงใหญ่ของปฏิภาณยืนรออยู่หน้าห้อง กีรกันตาเห็นพี่ชาย
แล้วยิ้มด้วยความดีใจรีบเดินตรงรี่เข้าไปหาหวังจะกอดแต่เธอกลับเดินทะลุผ่านร่างพี่ชายไป
‘จริงสิ ลืมไปตอนนี้เราเป็นแค่จิตวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น เป็นวิญญาณที่ไม่มีร่างมนุษย์ให้อยู่ เฮ่อ!
เมื่อไหร่จะเข้าร่างได้นะ กลุ้ม’ ขณะที่เธอกำลังหมกมุ่นกับเรื่องของตัวเองอยู่นั้น เสียงเตือนแกมล้อเลียนของ
อมรินทร์ก็ดังแทรกขึ้น
“ข้าวยังไม่เข้ามาในห้องอีก เดี๋ยวพี่ปิดประตูจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนจริงๆนะจาบอกไฮ่”
“ให้มันรู้ไปสิว่าจะใจร้ายกับคนสวยๆน่ารักๆอย่างข้าวได้ลงคอ” เธอสวนกลับทันควันก่อนเดินตามเข้า
มาในห้องพร้อมเสียงหัวเราะขำของพี่ชายดังขึ้นจนเธอแปลกใจ
‘ถ้าพี่ต้นเห็นเราได้ยินเสียงเรา ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องมันน่านัก...พี่บ้า’ เธอเริ่มไม่พอใจพี่ชายขึ้นมา
ตะหงิดๆ
“ข้าว เราเป็นน้องนะ คิดทำร้ายพี่ชายที่เลี้ยงดูมามันบาป ระวังเถอะจะเข้าร่างไม่ได้จริงๆ” ปฏิภาณ
เตือนเลยทำให้เธอยิ่งงงไปใหญ่
“พี่ต้นเห็นข้าว ได้ยินที่ข้าวพูด ทำไมไม่ตกใจล่ะหรือว่ามีใครบอกพี่ต้น” เมื่อสงสัยเธอก็ถามไปตรงๆ
ปฏิภาณยิ้มเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือจะดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดแล้วเปลี่ยนใจเมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้ากอดคงกอดได้แต่อากาศธาตุ
“พี่สังหรณ์ใจตั้งแต่ก่อนไปเยอรมันแล้ว แต่ไม่แน่ใจ พี่เห็นภาพข้าวถูกรถชนระหว่างนั่งบนเครื่องบินกลับ
กรุงเทพ จากนั้นพี่ก็เห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่งพาร่างข้าวขึ้นรถ ทีแรกคิดว่าฝันไปเพราะอยู่ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น
พอกลับมาบ้านไม่เจอเข้าวพี่ก็ฉุกคิดขึ้นมาแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ จนกระทั่งหมออมรินทร์โทรมาพี่ถึงเข้าใจและมั่นใจ
ว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่พี่เห็นในนิมิตล่วงหน้า” ปฏิภาณอธิบายให้น้องสาวเข้าใจ
“คุณต้น คุณไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงมี six sense มาแต่เกิดและฝึกฝนจนชำนาญจึงสา
มารถเห็นและรู้อะไรล่วงหน้าได้ชัดมาก ปกติคนที่มี six sense ถ้าไม่ได้ฝึกสมาธิต่อเนื่องก็ไม่สามารถรู้ได้ บางที
เจ้าตัวอาจไม่รู้ด้วยซ้ำและไม่ได้ไปใส่ใจก็ได้ ผิดกับคุณที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้าตลอดเวลา” อมรินทร์ให้ความ
เห็นตามที่ได้เรียนรู้มา
ปฏิภาณมองอมรินทร์ด้วยความทึ่งในความสามารถเกินจิตแพทย์ทั่วไป
“หมอเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน สามารถเห็นน้องสาวผมได้ มองเห็นเรื่องจิตวิญญาณเป็นเรื่องธรรมดา
แสดงว่าหมอก็ฝึกฝนและเรียนรู้มามากพอสมควร ยังไงเสียผมก็ขอขอบใจที่ช่วยน้องสาวผม” สิ่งที่อมรินทร์รู้
ปฏิภาณก็รู้เช่นกัน
“พี่ต้น พี่อามอย่ามัวแต่อวยกันอยู่เลย สนใจเรื่องของข้าวดีกว่า ไหนๆก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิญญาณ
อยู่ด้วยถึงสองคนแล้ว ช่วยบอกทีว่าข้าวจะเข้าร่างได้อย่างไร ข้าวเบื่อสภาพไร้ร่างเต็มทีแล้วนะ” กีรกันตาเห็น
สองหนุ่มมัวแต่ยอกันอยู่เลยมีโวย สองหนุ่มยิ้มมองหน้ากันก่อนคนเป็นหมอจะเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่มีร่าง
ของเธอนอนอยู่บนเตียง
“แปลกมากร่างข้าวเหมือนคนกำลังนอนหลับมากกว่า ไม่เห็นมีรอยช้ำ ตัวก็ไม่เย็นจับดูยังอุ่นอยู่เลย
สงสัยจะมีอะไรเหนือคำอธิบายตามหลักทางวิทยาศาสตร์จริงมั้ยครับหมออาม หมอพอจะบอกผมได้หรือไม่
ว่าใครเป็นคนบอกหมอให้ไปช่วยน้องสาวผม” ปฏิภาณสงสัย ถ้าพูดกันตามหลักวิทยาศาสาตร์ร่างของกีรกันตา
ก็น่าจะมีรอยช้ำจากการถูกรถชนอย่างแรง และหัวใจหยุดเต้น ตัวเย็น แต่กรณีของกีรกันตากลับตรงข้าม ตัวก็
อุ่น หัวใจยังเต้นอยู่ แต่ถ้าคิดตามหลักศาสนาและกรรม กีรกันตายังไม่ถึงที่ตาย เพราะร่างกายมนุษย์นั้นประกอบ
ขึ้นด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่ง ดินก็คือส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นเนื้อหรือส่วนที่เป็นของแข็งในร่างกาย น้ำคือ ส่วน
ที่ประกอบขึ้นกันเป็นของแหลวเช่น น้ำเลือด น้ำหนอง ลมคือลมหายใจ ไฟคือความอบอุ่นหรืออุณภูมิในร่างกาย
นั่นเอง และทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมานั้นต้องมีดวงจิตมาอิงอาศัยอยู่ถึงทำงานร่วมกันเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตได้ แต่ถ้า
ดับสิ้นพลังชีวิตหมายถึงสิ้นซึ่งธาตุไฟ ตัวจะเย็นและไม่มีดวงจิตใดอาศัยอยู่อีก แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้ขณะนี้บอกได้
คำเดียวว่าเหนือคำบรรยายใดๆนอกจากกรรมซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อนเกินมนุษย์ธรรมดาอย่างเขาจะเข้าใจได้ เขา
ปล่อยใจให้คิดเรื่องที่เกิดกับน้องสาวไปเรื่อยๆและหากไม่ได้ยินเสียงใสของกีรกันตาดังขึ้นปลุกให้รู้ตัวเขาคงยืน
นิ่งเหม่อมองร่างน้องสาวอีกนานโดยไม่รู้ตัว
“ข้าวตอบแทนให้ก็ได้ คุณปู่บอกค่ะ ความจริงคุณปู่ห้ามข้าวให้ออกจากวัด แต่ข้าวดื้อเองไม่เชื่อฟังท่าน
เหมือนมีอะไรมาดลใจให้อยากกลับบ้าน แล้วข้าวก็เห็นแม่มากวักมือเรียกให้ไปหาจากนั้นก็อย่างที่เห็นค่ะพี่ต้น”
“คุณต้นผมรู้แล้ว จะช่วยน้องสาวคุณให้เข้าร่างได้อย่างไร แต่คุณต้องช่วยติดต่อคุณปู่คุณให้ผมที จากนั้น
เราจะไปหาท่านและให้ท่านชี้แนะ ผมเชื่อว่าท่านต้องรู้วิธีทำให้ข้าวเข้าร่างได้“ อมรินทร์ออกความเห็น
“พี่ต้นรีบๆ ติดต่อคุณปู่ให้ทีสิคะ ข้าวติดต่อท่านไม่ได้ รู้แต่ว่าพอคิดถึงท่านๆก็มาปรากฏให้เห็นแต่พอมา
อยู่กับพี่อามแล้ว ท่านไม่เคยมาให้ข้าวเห็นอีกเลย” กีรกันตาอ้อนพี่ชาย เธอมั่นใจพี่ชายต้องติดต่อกับท่านได้แน่
เพราะรู้ว่าพี่ชายสนิทกับปู่มาก และมักจะติดต่อท่านได้ทุกครั้งเวลาท่านไปไหนโดยไม่บอกให้ใครรู้
“ได้พี่จะช่วยติดต่อท่านให้ แต่ถ้าท่านตามหลวงพ่อออกธุดงค์ พี่คงติดต่อไม่ได้เพราะจิตของท่านจะตัด
ขาดจากทุกสิ่ง มุ่งมั่นปฏิบัติอย่างเดียว” ปฏิภาณไม่ค่อยมั่นใจนัก
“แต่เท่าที่ผมสัมผัสได้ ท่านยังเป็นห่วงหลานสาวอยู่ คุณต้นรองติดต่อท่านตอนนี้เลยดีกว่า” อมรินทร์รับ
คลื่นจิตจากชายชราในชุดขาวผู้เป็นปู่ของทั้งคู่ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมจะลองดู” ปฏิภาณพูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ กำหนดลมหายใจทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวาง
ทุกอย่างเพื่อให้จิตเข้าสู่สมาธิ พลันเขาก็รีบลืมตา
“ข้าวพี่เห็นทีต้องฝากเรื่องติดต่อคุณปู่ให้หมออามทำแทน พี่มีเรื่องด่วนต้องไปทำ ผมฝากน้องสาวด้วย
หมอช่วยติดต่อคุณปู่ผมที ผมต้องรีบไปชักช้าจะไม่ทันการ“ เอ่ยจบก็รีบไปจากห้องโดยที่น้องสาวห้ามไม่ทัน
“พี่อาม พี่ต้นเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงรีบร้อนนัก ไม่คิดจะห่วงน้องสาวเลยให้ตายสิ จะมีเรื่องอะไรสำคัญ
ยิ่งกว่าเรื่องของข้าวอีก” กีรกันตาบ่นน้อยใจ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สัมผัสได้แค่กระแสความห่วงใยและกังวลมากมายปกคลุมรอบตัวคุณต้นก่อนจาก
ไป พี่คิดว่าคงเป็นเรื่องร้ายแรงหรือมีคนที่คุณต้นต้องรีบไปช่วยและสำคัญกว่าเรื่องของข้าว” อมรินทร์บอกตามที่
จิตสัมผัสได้
กีรกันตารู้สึกน้อยใจผิดหวังมาก พี่ชายไม่รักเธอแล้ว จิตใจเธอเริ่มเศร้าหมองแต่กลับมีกระแสพลังอันอบ
อุ่นโอบล้อมรอบตัวเธอและกระแสนั้นส่งผ่านจากร่างของเธอมายังจิตเธอกับเสียงอ่อนโยนดังขึ้น
“ข้าวอย่าน้อยใจเลยนะ คงมีคนกำลังตกอยู่ในภาวะคับขันต้องการให้คุณต้นไปช่วยด่วน จึงต้องรีบไป
เชื่อพี่เถอะ พี่ต้นของข้าวรักและเป็นห่วงข้าวไม่เสื่อมคลาย เห็นข้าวอยู่กับพี่ก็เบาใจ อีกอย่างยังมีพี่ที่ห่วงและสน
ใจข้าวอยู่นะ เด็กขี้น้อยใจ” อมรินทร์ปลอบเลยทำให้กีรกันตารู้สึกอบอุ่นและดีใจที่มีคนห่วงใยเธอแทนพี่ชาย
แต่พอฟังจบ ทุกอย่างก็หายหมด
“หมอกะล่อน ร้ายนัก หลงคิดว่าเป็นคนดี ข้าวไม่เชื่อแล้ว” เสียงสะบัดงอนๆดังขึ้น
“พี่ต้นของข้าวรอดตัวจากน้ำโหของข้าว แต่พี่อามไม่รอดแน่ อย่าคิดทำร้ายพี่นะ นึกว่าเห็นแก่คนป่วย
โรคจิตอีกหลายคนที่รอคอยความช่วยเหลือจากจิตแพทย์คนเก่งและดีคนนี้อยู่นะนะข้าวนะ” เขาอ้อนวอนก็จริง
แต่แววตานี่สิคนละเรื่อง กีรกันตาอยากโกรธก็โกรธไม่ลง รู้ดีว่าเขาไม่คิดร้ายและคิดปลอบโยนเธอจริง ถึงแม้การ
ปลอบโยนของเขาจะเหมือนยั่วก็ตามแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เขาส่งผ่านมาให้จากจิต
“เพื่อเห็นแก่คนไข้โรคจิต ข้าวไม่โกรธคุณหมอแสนดีก็ได้ แต่พี่อามต้องติดต่อคุณปู่ให้ข้าวเดี๋ยวนี้และ
หาวิธีทำให้ข้าวเข้าร่างได้เร็วที่สุดด้วย” แม้เสียงไม่โกรธก็จริงแต่คำพูดนี่สิบอกว่าร้ายยิ่งกว่าโกรธอีก
“ภายในสามวันข้าวเข้าร่างได้แน่ ตอนนี้พี่เหนื่อย ขอพักก่อนดีกว่า เสียพลังไปเยอะ ขออาบน้ำนอน
ก่อนนะครับน้องข้าว” เขาไม่วายยั่วเธออีกแต่ใจกลับตั้งคำถามกับตัวเอง
‘ทำไมถึงได้มั่นใจนัก ว่าภายในสามวันกีรกันตาจะเข้าร่างได้ เพราะเหตุใดถ้าปฏิภาณอยู่ก็อยากถาม
เหมือนกันว่ารู้สึกแบบเดียวกับเขาหรือเปล่า’
&&&&&&&&&มาต่อให้แล้วค่ะ สงสัยจะไม่ค่อยมีใครชอบแนวนี้ แต่เอาเป็นว่าคนเขียนชอบก็แล้วกัน ฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
“คุณวิว อาการคุณอาไม่ดีขึ้นเลยหรือครับ” อมรินทร์ถามพลางจ้องมองใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว
ตรงหน้าอย่างหนักใจแทน หญิงสาวผู้นี้มีปัญหาชีวิตมากมายที่บอกใครไม่ได้แต่เธอกลับเข้มแข็งยืนหยัดมีชีวิตอยู่
ได้อย่างปกติสุข อาจเพราะมีใครบางคนคอยส่งผ่านกระแสความสุขให้เธอมาตลอดจึงช่วยให้ผ่อนคลายได้มาก
และเขาก็ไม่อยากรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครเพราะไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยุ่ง
“แย่ลงค่ะ วิวเลยต้องมาปรึกษาหมออาม ถ้าวิวจะพามาพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมอพอจะช่วยแนะนำ
วิวได้ไหมคะ” นิศาชลบอกตามตรง ขณะที่หญิงสาวไร้ร่างนึกแปลกใจกับเรื่องที่ได้ยินและตั้งใจฟังอย่างใคร่รู้
“คุณวิวลองเล่าอาการมาก่อน เผื่อผมจะแนะนำได้ถูก” อมรินทร์พูดกับนิศาชลไม่ใช่ระหว่างหมอกับ
คนไข้แต่ในฐานะคนรู้จักมากกว่าจนกีรกันตาเองก็แปลกใจ
‘พี่อามมีความสัมพันธ์อะไรกับพี่วิว หรือว่า อย่าเชียวนะพี่อาม ข้าวเอาตายเลยถ้าคิดแย่งพี่ต้น พี่วิว
หมออามไม่น่ารักเท่าพี่ต้นหรอก พี่ต้นดีกว่าเยอะ หล่อกว่า เก่งกว่า ที่สำคัญรักและเป็นห่วงพี่วิวมากกว่า’
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
อมรินทร์หันมามองเธอทำหน้าคล้ายยิ้มขำอะไรสักอย่างก่อนหันไปสนใจนิศาชลต่อ กีรกันตาย่นจมูก
ให้อย่างไม่รู้จะทำอะไรดีไปกว่านั้น
“อาการคุณอาหนักขึ้นทุกวัน หวาดระแวงทุกคน คิดอยู่ตลอดเวลาว่าถูกคนนินทาว่าร้าย ถูกปองร้าย
มีแต่คนอยากแกล้ง ยาก็ไม่ยอมทาน เวลากลางคืนก็ลุกขึ้นมาด่าคนในบ้าน บางทีก็ตอนเช้า จนคนในบ้านไม่
เป็นอันสงบ ใครพูดผิดหูหน่อยก็แกล้งเขา ที่โดนหนักที่สุดเห็นทีจะเป็นคุณป้าค่ะ วิวสงสารคุณป้า กลัวท่าน
ประสาทกินเสียก่อน เด็กที่มาดูแลก็หนีกลับหมด วิวปรึกษาคุณป้าแล้วให้เอาตัวคุณอามาพักรักษาตัวที่โรง
พยาบาลดีกว่า ไว้อาการดีขึ้นค่อยรับกลับ หมออามคิดว่าจะได้ผลมั้ยคะ”
“ส่วนมากคนไข้โรคจิตจะไม่ยอมมาอยู่โรงพยาบาล ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิต ยาไม่ยอมกินจึงทำให้
อาการไม่ดีขึ้น ที่สำคัญคือถ้าคนในบ้านเหนื่อยหน่ายระอา ยิ่งแล้วไปใหญ่ แต่กรณีคุณอาคุณวิว ผมเห็นว่า
เอามารักษาตัวที่โรงพยาบาลก็ดีเหมือนกัน ไว้ผมจะติดต่อให้ แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพง เอ่อ..ไม่ทราบว่า
คุณวิวพอสู้ไหวไหม ผมขอโทษที่ต้องถามตรงๆ” คำถามของอมรินทร์ทำให้คนไร้ร่างที่ยืนอยู่ข้างกายเริ่มไม่พอใจ
‘หมอหน้าเลือด แทนที่จะช่วยกลับพูดให้พี่วิวเครียด ตัวเองก็ออกเก่งน่าจะรู้ว่าพี่วิวสู้ไหวมั้ย ทำไมต้อง
พูดจาดูถูกพี่วิวด้วย’ เธอต่อว่าตรงๆ เขาหันมาปรายตาดุใส่เหมือนจะบอกว่า ‘อย่าเพิ่งจุ้น’ ได้ยินแล้วกีรกันตา
เกิดอาการหมั่นไส้เลยทำหน้าสวยเริดเชิดหยิ่ง ‘เชอะ ไม่ยุ่งก็ได้ หมอเผด็จการ’ แล้วทำตัวเป็นผู้ดูที่ดี
นิศาชลนิ่งสักพักก่อนตอบ “วิวคิดว่าพอไหวค่ะ รอให้อาการท่านดีขึ้นค่อยมารับกลับ”
“คุณวิวจะเชื่อผมหรือเปล่าถ้าผมจะบอกว่าโอกาศที่คุณอาจะหายมีห้าสิบห้าสิบ คุณวิวอาจต้องทน
แบกภาระไปอีกสองสามปีจนกว่า...” อมรินทร์หยุดพูดไปเฉยๆ เขาไม่อยากบอกต่อว่าที่ไม่หายเพราะกรรมเก่า
ที่ทำไว้ ซึ่งอธิบายไม่ได้ในเชิงวิทยาศาสตร์ สักวันเธอจะรู้เอง
“วิวเข้าใจค่ะ หมออาม แต่ยังดีกว่าไม่มีหวังเลยนี่คะ ยังไงท่านก็เป็นน้องสาวพ่อและเป็นญาติผู้ใหญ่คน
หนึ่งของวิว แต่ก็แปลกนะคะ วิวกลับรู้สึกว่าที่ท่านเป็นแบบนี้เพราะท่านเคยทำคนอื่นไว้ ทำให้เขาหวาดผวา กลัว
จนระแวงคนไปทั่วสุดท้ายก็เป็นบ้า วิวไม่ทราบว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น เท่าที่วิวทราบท่านเป็นคนดีแต่หลังจาก
ท่านถูกหุ้นส่วนโกงทำการค้าขาดทุน ท่านก็มีอาการหวาดกลัว ท้อแท้ ผิดหวัง จนป่วยอย่างที่เห็นและหนักขึ้น
ทุกวัน” นิศาชลเล่าด้วยน้ำเสียงท้อแท้ชอบกล
“ไว้วันหนึ่งจะมีคนบอกคุณวิวเองครับ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่มีใครรู้ว่าเราจะเจออะไรต่อไปในอนาคต
ขอให้มีสติอยู่กับปัจจุบันดีกว่า” แค่คำพูดเตือนสติของอมรินทร์ก็สามารถทำให้นิศาชลรู้สึกผ่อนคลายได้อย่างประ
หลาดจนเธอเองก็แปลกใจ แต่กีรกันตาไม่สงสัยเพราะรู้ว่าเขาแอบแผ่เมตตาให้
‘อย่างนี้ค่อยทำตัวเหมาะกับอาชีพหมอหน่อย’ พลันเธอก็ได้ยินเสียงคนเป็นหมอดังมาให้ได้ยิน
‘อ้าว ไม่ว่าหมอใจร้ายแล้วเหรอ’ เธอรีบสวนกลับว่า ‘หมอหลงตัวเอง ใครว่าข้าวชมพี่อาม’
เงียบไม่มีเสียงตอบกลับแต่เป็นนิศาชลที่พูดมาให้ได้ยินแทน
“ขอบคุณค่ะ ได้คุยกับหมออามแล้ววิวสบายใจอย่างบอกไม่ถูก”
“แต่ผมว่ามีอีกคนที่ทำให้คุณวิวสบายใจและมีความสุขมากกว่าคุยกับผมนะ จริงมั้ยครับ” อมรินทร์
ถามยิ้มๆแต่มีผลทำให้นิศาชลสะดุ้งได้
‘หมออามรู้ได้อย่างไร มันไม่ค่อยถูกต้องนักหรอก จะเรียกว่าสุขได้อย่างไรในเมื่อเธอกับเขานั้นเป็นได้
แค่....แต่ก็จริงอย่างเขาบอก ทุกครั้งได้พบความทุกข์ในใจก็จางหายไปจนไม่อยากคิดเรื่องของตัวเองกับคน
รอบตัว คนภายนอกรวมทั้งเขาคนนั้นไม่รู้ว่าเหตุที่ต้องแต่งงานกับนักธุรกิจเจ้าของห้างดังนั้นเพราะอะไร มีแต่พา
กันอิจฉา ฮึ...ไม่รู้จะอิจฉาไปทำไม สำหรับเธอมันไม่มีความหมายมาตั้งแต่ต้นแล้วและนึกรังเกียจด้วยซ้ำ
ถ้าทุกคนรู้ความจริงไม่รู้ว่าจะยังอิจฉาอยู่อีกหรือไม่’
“หมออามเป็นหมอดูด้วยเหรอคะ งั้นช่วยบอกวิวหน่อย เป็นใคร วิวคิดไม่ออกค่ะ”
“ผมไม่ต้องบอกคุณวิวก็รู้แก่ใจดีว่าใครที่คุณวิวอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ขอเพียงคุณวิวอย่าปิดกั้นตัวเอง
และกล้าที่ยอมรับใจตัวเองก็พอ”
“หมออามกำลังยุให้วิวคิดมีกิ๊กเหรอคะ ไม่ดีนะคะผิดศีล วิวไปก่อนดีกว่า ไม่งั้นเกิดวิวคล้อยตามขึ้นมา
แย่เลย กลัวสามีขอหย่าฉุกเฉิน” นิศาชลจงใจกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริงและอมรินทร์ก็รู้ว่าเพราะอะไร
เขาแค่อยากให้เธอสบายใจ มันคงยังไม่ถึงเวลามั้ง
“ผมล้อเล่นครับ ส่วนเรื่องคุณอาไว้ผมจะโทรไปนัดวันอีกที คุณวิวเตรียมหาคนช่วยได้เลยรับรองไม่ง่าย
ที่จะพาตัวคนไข้มาถ้าไม่มีตัวช่วย “
“ขอบคุณค่ะ หมออาม วิวลาละค่ะ ต้องไปธุระต่อ” เอ่ยจบก็รีบลุกจากไป
“พี่อาม คิดจะจีบพี่วิวหรือไง อย่านะ ข้าวขอห้าม นั่นน่ะ...” กีรกันตาเอาเรื่องเขาทันทีที่เห็นนิศาชลจากไป
“ทำไมข้าวไม่พูดต่อให้จบว่าแฟนพี่ต้นล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก คู่ใครคู่มัน ถ้าเป็นข้าวกับ...ก็ไม่แน่.” เขาแกล้ง
ยั้งไว้ต้องการยั่วเธอ สายตาคมจ้องมองเธออย่างมีความหมาย กีรกันตาทำหน้าไม่ถูก
‘เอาอีกแล้วแจกขนมจีบอีกแล้ว ไม่ได้ผลหรอก’
“หมออามขา ถ้าจะจีบข้าว บอกตรงๆก็ได้นะคะ ข้าวไม่ว่าหรอก เพราะกินขนมจีบจนบื่อแล้ว
อยากกินอย่างอื่นบ้างจะได้ไม่เซ็ง” เธอยั่วกลับ
“ข้าวเป็นโรคเซ็งเหรอ ถ้างั้นไปหาคนที่ทำให้ข้าวหายเซ็งกันเลยใกล้ถึงเวลานัดแล้ว” พอเขาบอกเธอก็
ยิ้มดีใจจนแทบเผลอเดินเข้าไปหอมแก้มเขาเหมือนเวลาแสดงความขอบคุณพี่ชายยามได้ของถูกใจแต่พอฉุกคิด
ได้ว่าไม่ใช่พี่ชายและเธอเป็นแค่คนไร้ร่างจึงระงับทันไม่อย่างนั้นอายเขาตาย
“แหมน่าเสียดายที่ข้าวเข้าร่างยังไม่ได้ ไม่อย่างนั้นพี่ยินดีให้ข้าวแสดงความขอบคุณเต็มที่เลย”
เขารู้ตามเคย
“หมอเสียมารยาทแอบอ่านความคิดคนอื่นอีกแล้ว ถ้าไม่ติดว่าต้องพึ่งพิงอาศัยด้วย ข้าวอัดไม่เลี้ยงแน่ “
เธอต่อว่าอย่างไม่เกรงใจ
“ดุจังแฮะ ไม่ยั่วไม่ล้อแล้ว เราไปกันเถอะ “ เอ่ยจบก็ถอดเสื้อกราวสีขาวออกแขวนตามเดิม เก็บของเข้า
ที่เตรียมกลับบ้านจนกีรกันตางง เขายังตรวจคนไข้ไม่เสร็จนี่
“จะไปไหนคะพี่อามก็เรานัดพี่ต้นให้มาหาที่โรงพยาบาล ยังไม่ถึงเวลาเลย พี่อามยังมีคนไข้ยังรออยู่อีก
สองสามคนไม่ตรวจให้เสร็จก่อนหรือคะ ข้าวรอได้” คราวนี้เธอรู้สึกเกรงใจ
“ไม่ต้องหรอก คนไข้พวกนั้นเป็นพวกอยากลองภูมิพี่มากกว่า ไม่จำเป็นต้องตรวจให้เสียเวลา พี่ต้นของ
ข้าวกำลังเดินทางมาหา พี่ไม่อยากให้มาพูดคุยกันในโรงพยาบาล พี่จะโทรไปเปลี่ยนสถานที่นัดเป็นคอนโดแทน
อีกอย่างพี่ชายข้าวอาจมีเหตุจำเป็นต้องรีบไปทำธุระต่ออีกสองชั่วโมงข้างหน้านี้ก็ได้” สิ่งที่เขาบอกทำให้กีรกันตา
อดถามมีคำถามต่อไม่ได้
“รู้ได้ไง ข้าวยังไม่รู้เลย “
“เป็นการรับรู้ของจิต จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมมีพลังทำอะไรได้มากมาย ขอเพียงมีสมาธิถึงระดับหนึ่งก็พอ
พี่ชายข้าวก็ทำได้เช่นเดียวกันเพียงแต่ไม่แสดงออกเท่านั้น”
“ข้าวเพิ่งรู้นะว่ามีพี่ชายเก่งเหมือนกัน ข้าวไม่สงสัยแล้ว ทำไมพี่ต้นถึงรู้ว่าคุณปู่อยากให้ไปพบวันไหน”
“อย่างนั้นเขาเรียกว่าโทรจิต ปู่ของข้าวสื่อสารกับพี่ชายข้าวโดยใช้โทรจิต”
“โทรจิต? ฝึกยังไงคะพี่อาม ข้าวฝึกได้ไหม” ดวงตาคู่สวยมีแววสนใจขึ้นมาทันที
“อยากฝึกไว้วันหลังจะสอนให้ ตอนนี้ขอพี่โทรบอกพี่ข้าวก่อน เดี๋ยวจะไม่ทัน” จากนั้นเขาก็กดโทรศัพท์มือ
ถือบอกปฏิภาณให้ไปที่คอนโดฯของเขาแทน และบอกพยาบาลให้แจ้งคนไข้อีกสองสามรายว่าหมอติดธุระด่วน
ขอให้มาวันหลังก่อนออกไปพร้อมคนไร้ร่าง
ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
นิศาชลมาเยือนบ้านหลังใหญ่ของสามีด้วยจิตใจที่เหนื่อยหน่ายนัก เธอมาเหยียบที่นี่นับครั้งได้นับจาก
วันแต่งงาน เธอคงเป็นคุณผู้หญิงที่ไม่ค่อยรักบ้านเท่าไรนักเพราะมักไปค้างบ้านป้าวันทาซึ่งเป็นพี่สาวบิดาที่เลี้ยง
ดูเธอมาตั้งแต่เล็ก มีเพียงมารดากับน้องชายที่ย้ายมาอยู่บ้านสามีตามกฎหมายของเธอเป็นการถาวรขณะที่เธอ
เปรียบเหมือนแขกผู้มาเยือนมากกว่าจะเป็นคุณผู้หญิงของบ้าน วันนี้ถ้าไม่เพราะมารดาโทรตามตัวให้มา เธอคง
ไม่มาหรอก มารดาไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของเธอมากนัก หลังจากบิดาเสียชีวิตก็มีสามีใหม่และมีลูกชายด้วยกัน
คนหนึ่ง ต่อมาอีกสิบปีบิดาเลี้ยงก็เสียชีวิต
ระหว่างนั้นมารดามาเยี่ยมเธอบ้างไม่มาบ้างและทุกครั้งก็จะหอบหิ้วน้องชายต่างบิดามาด้วย บอกว่าให้
คุ้นเคยไว้และขอย้ายมาอยู่ด้วยโดยอ้างว่าอยากให้พี่น้องสนิทสนมรักใคร่กันซึ่งมันทำให้เธอพูดไม่ออก ทำไมจะ
ไม่รู้มารดาไม่รักเธอเท่าไรนัก ที่รักเห็นจะเป็นน้องชายต่างบิดามากกว่า คนในบ้านส่วนใหญ่ค้านแต่พอป้าวันทา
เอ่ยปากอนุญาตทุกคนก็ไม่กล้าขัด ท่านยอมเพราะเห็นแก่เธอซึ่งเป็นหลานสาวที่ท่านรักเหมือนลูก และหากไม่
เป็นเพราะคำสอนของคนเป็นป้าที่ว่า
‘ยังไงเสียแม่อรสาก็ได้ชื่อว่าแม่ของวิว ถ้าไม่มีแม่อรสา วิวก็ไม่ได้เกิดมาหรอก การที่เขายอมให้วิวมี
ชีวิตออกมาลืมตาดูโลกและเลี้ยงดูมาระยะหนึ่งก็นับว่ามีบุญคุณยิ่งกว่าพ่อผู้ให้กำเนิดเสียอีก เพราะวิวอยู่ใน
ท้องเขาตั้งเก้าเดือน ระหว่างนั้นถ้าแม่อรสาคิดฆ่าวิวก็ทำได้ เพียงแค่นี้วิวก็ชดใช้หนี้ชีวิตไม่หมดแล้ว คนอื่นจะ
รังเกียจชิงชังแม่อรสาอย่างไรก็ได้แต่วิวเป็นลูก ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิด’
ดังนั้นเธอจึงจำต้องทนเพราะคำว่าบุญคุณที่ให้ชีวิต คิดเสมอว่าจะพยายามทดแทนให้หมดจะได้ไม่ต้อง
มาชดใช้กันอีก แต่ยิ่งยอมยิ่งดูเหมือนความต้องการของมารดาไม่มีที่สิ้นสุด ตรงข้ามกลับดูแลเอาใจใส่ประเคน
ทุกอย่างให้น้องชายตามใจปรารถนา วันนี้เรียกตัวมาคงไม่พ้นเรื่องถูกตำหนิอีก จริงดังคาดพออรสาเห็นหน้า
เธอเท่านนั้นก็ทำหน้าไม่พอใจต่อว่าทันที
“ยัยวิว แม่บอกกี่ครั้งแล้วจะทำอะไรให้เห็นแก่หน้าคุณก้องเกียรติบ้าง คนในสังคมพากันซุบซิบว่าแกมี
กิ๊กถึงปล่อยให้ผัวออกงานตามลำพังบ่อยๆ ถ้าแกขืนขยันออกไปไหนมาไหนกับนายที่ปรึกษานั่นบ่อยๆสักวัน
คุณก้องเกียรติต้องเดือดร้อนเพราะแกแน่ แต่แกคงชอบใช่มั้ย”
นิศาชลพยายามระงับอารมณ์น้อยใจ ไม่พอใจไว้ภายใต้สีหน้าอันเรียบเฉย มารดาไม่เคยสนใจว่าเธอจะ
รู้สึกอย่างไรที่ต้องแต่งงานกับก้องเกียรตินักธุรกิจที่เห็นผู้หญิงเป็นฉากบังหน้าเพื่อหลอกคนในสังคมถึงความเป็น
แมนเต็มตัวของเขา และทั้งหมดที่มารดาทำก็เพื่อให้น้องชายต่างบิดามีความสุขได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักสมใจ
แล้วเธอล่ะ...ชีวิตทั้งชีวิตต้องมาด่างพร้อย หากถึงวันที่ความอดทนสิ้นสุดเธอจะถูกผู้คนมองว่าเป็นของมีตำหนิทั้ง
ที่ไม่ควรจะเป็น เวลานี้แม้แต่จะรักใครสักคนตามใจปรารถนายังทำไม่ได้เพราะคำว่าสามีตามกฏหมายได้ครอบงำ
จองจำหัวใจเธอไว้
“แม่มีเรื่องจะพูดกับวิวแค่นี้ใช่มั้ยคะ เอาเป็นว่าวิวจะพยายามไม่ให้คุณก้องเกียรติลูกเขยสุดที่รักของแม่
กับพี่เขยแสนประเสริฐของน้องอั้มเสียชื่อก็แล้วกันค่ะ แต่ถ้าวันใดวิวหมดความอดทน ทุกอย่างเป็นอันสิ้นสุด
วิวไม่อยากให้ชีวิตทั้งชีวิตต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ตลอดไปหรอกค่ะ” นิศาชลอึดอัดคับข้องใจกับสภาพที่เธอเป็น
อยู่ในปัจจุบันนี้เต็มทีและสักวันความอดทนของเธอคงต้องสิ้นสุดลง
อรสานั้นหาได้ใส่ใจความรู้สึกของบุตรสาวไม่ แต่เล็กจนโตนิศาชลก็เป็นลูกพ่อและยกย่องญาติฝ่ายสามี
มากกว่าฝ่ายตน มีเพียงกุมภาบุตรชายที่เกิดกับสามีใหม่เห็นตนเป็นแม่ รักแม่เอาใจออดอ้อนแม่ นางไม่สนใจ
ว่ากุมภาจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนอย่างไร เพราะบุตรชายนั้นนำพาความสุขมาให้ตลอดแถมมีคนรักเป็นถึงนักธุร
กิจดังมีหน้ามีตาในสังคม ผิดกับบุตรสาวที่หยิ่งทนง แม้จะเคยแนะนำผู้ชายรวยๆมีหน้ามีตามากี่รายๆก็ไม่สนใจ
เชื่อฟังวันทาผู้เป็นป้าหมด ยังดีที่ยอมทำเพื่อแม่ ยอมแต่งกับก้องเกียรติเพื่อน้องชาย แต่ก็เหมือนหนามยอกอก
ของคนทั้งคู่อยู่ดีเพราะนิศาชลพยายามทำตัวให้สังคมสงสัยตลอดโดยไม่ยอมมาอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน นี่คือสิ่งที่
อรสากลัว...กลัวว่าสักวันความจริงต้องเปิดเผยแล้วจะเสียหายถึงบุตรชายกับบุตรเขยที่ดูเอาใจใส่นางเป็นพิเศษ
“ยัยวิว ทำไมพูดอย่างนี้ คุณก้องเกียรติออกจะดีกับแก ยกย่องให้เกียรติแกเวลาออกงานสังคมด้วยกัน
น้องเสียอีกที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนตลอดอยากออกงานร่วมกันอย่างเต็มภาคภูมิก็ทำไม่ได้” คำพูดของมารดา
แต่ละคำล้วนบอกให้รู้ว่าลำเอียงเข้าข้างน้องชายตลอด แม้จะทำผิดก็เห็นเป็นถูกขณะที่คนอื่นหรือสังคมผิดเสมอ
“วิวไม่เคยอยากออกงานกับลูกเขยแม่นะ ถ้าอั้มอยากก็เชิญตามสบายเลย วิวขอตัวกลับก่อน ต้องเข้าไป
เคลียร์งานต่อ” นิศาชลไม่อยากอยู่ฟังมารดาพูดเรื่องไร้สาระอีกต่อไป รู้สึกขยักแขยงเต็มทีกับพฤติกรรมของน้อง
ชายกับสามีตามกฏหมาย หากมีวิธีแทนคุณที่ดีกว่านี้เธอจะรีบทำทันที ยังดีกว่าต้องทนทรมานจิตใจแบบนี้
หญิงสาวอยากรีบไปให้พ้นบ้านหลังนี้เต็มทีหากสายตาไม่บังเอิญเห็นผู้ชายสองคนเดินกอดเอวกันเข้า
มาในบ้านด้วยสีหน้าสดชื่นแล้วต้องรีบขยับออกห่างก่อนยิ้มให้เธอ คนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่หน้าตาดีกว่าอีกคนซึ่ง
ดูบอบบางอ้อนแอ้นคล้ายผู้หญิงแถมมีใบหน้าสวยหวานจนสาวๆบางคนอิจฉาเสียอีกทว่ายังคงแต่งกายด้วยเสื้อ
ผ้าผู้ชายแม้ตัวเสื้อเชิ้ตและกางเกงจะค่อนข้างเน้นสัดส่วนสักหน่อยก็ตาม
“ต๊าย! พี่วิว วันนี้มาได้ไงฮะ รู้ได้ไงว่าคุณก้องมีเรื่องให้ช่วย อั้มกำลังจะโทรหาอยู่พอดี คือคุณปีเตอร์
อยากพบพี่วิว สงสัยจะแอบหลงรักพี่วิวนะฮะ” กุมภาเอ่ยทักพี่สาวต่างบิดาพร้อมบอกข่าวดีหรือข่าวร้ายก็ไม่ทราบ
ให้นิศาชลรู้ ขณะที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกุมภาและดูเป็นผู้ชายเต็มตัวแต่จิตใจนั้นไม่เคยนึกพิศวาสผู้หญิงสักนิด
จ้องมองเธอเหมือนชื่นชมความงดงามของเครื่องประดับราคาแพงซึ่งพวกเศรษฐีชอบหามาไว้ประดับบารมีเล่น
“ถ้าอย่างนั้น พี่คงต้องบอกว่าเสียใจที่ไม่อาจอยู่ต้อนรับคุณปีเตอร์ได้ คุณก้องเกียรติ วานคุณช่วยบอก
คู่ค้าคุณด้วยว่าฉันมีนัด ถ้าจะมาช่วยกรุณาบอกล่วงหน้าด้วย” คำตอบของนิศาชลทำให้ทั้งคู่มองหน้ากันอย่าง
คาดไม่ถึง แล้วให้นึกเจ็บใจนัก ไม่เคยมีสักครั้งที่นิศาชลจะยอมเป็นหุ่นให้เชิดได้ง่ายๆ เธอมีเส้นทางดำเนินชีวิต
เป็นของตัวเองเสมอ ไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของใคร
“ผมเสียดายแทนคุณวิว ปีเตอร์เป็นผู้ชายที่ดี และชอบคุณด้วย กับคนอื่นผมไม่อยากให้คุณคบเท่า
ไหร่แต่กับปีเตอร์ ถ้าคุณยอมรับเขาได้ บางทีเราอาจตกลงกันได้” ก้องเกียรติเสนอทางออกให้
นิศาชลมองหน้าสามีตามกฎหมายด้วยสายตาว่างเปล่า เธอไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะหวังดีกับเธอ ถ้าหวัง
ดีจริงคงไม่วางแผนให้มารดาบังคับเธอให้แต่งงานด้วยเพื่อช่วยให้ตัวเองสมหวังในรักกับน้องชายโดยเอาเธอเป็น
หน้าฉากหลอกลวงผู้คนในสังคมปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าชอบเพศเดียวกัน
“เสียใจค่ะ ฉันไม่ว่าง ก็อย่างที่บอก เขามาไม่ถูกจังหวะ “ เธอปฎิเสธอย่างไม่ไยดี
อรสายืนฟังมานานเกิดทนไม่ไหวเข้าเล่นงานบุตรสาวทันที
“ยัยวิว ทำไมแกแล้งน้ำใจอย่างนี้ ไม่คิดจะช่วยคุณก้องเกียรติบ้าง คู่ค้าคนสำคัญ ถ้าทำให้พอใจ ธุรกิจ
ของเราจะได้เจริญรุดหน้า แม่ขอร้องช่วยต้อนรับคุณปีเตอร์หน่อย ถ้าแกยังเห็นแก่หน้าแม่บ้าง” คำขอร้องแกมบัง
คับของมารดาทำให้นิศาชลพูดไม่ออก มารดามักมีวิธีบีบบังคับให้เธอต้องทำตามเสมอ ไม่ยกบุญคุณท่วมหัวที่
อุ้มท้องเธอมาก็พูดในทำนองอกตัญญูให้เธอละอายใจ
ทว่าครั้งนี้นิศาชลกลับสัมผัสได้ถึงความไม่ปลอดภัย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เธอก็ไม่ไว้ใจก้องเกียรติกับ
น้องชาย ทั้งคู่ต้องมีเรื่องปิดบังเธออยู่แน่ นายปีเตอร์นั่นคอยจ้องจะงาบเธอเสมอ โดยไม่สนใจว่าเธอเป็นภรรยา
ของก้องเกียรติคู่ค้าคนสำคัญหรือไม่ ที่สำคัญเวลานี้เธออยากรีบๆไปให้พ้นๆหน้าคนพวกนี้เต็มที
“เสียใจจริงๆค่ะแม่ คุณป้าไม่สบายมาก วิวต้องรีบกลับ พาท่านไปหาหมอ อีกย่างคืนนี้วิวมีนัดเลี้ยง
กับลูกค้าคนสำคัญด้วย วิวขอตัวค่ะ” ร่างบางอรชรเดินจากไปโดยไม่สนใจสีหน้าขุ่นมัวของทุกคน
“อั้ม ดูพี่สาวอั้มทำกับผมไม่เห็นแก่หน้าผมบ้างเลย” ก้องเกียรติหงุดหงิดเหลือจะกล่าว
กุมภารีบเข้าไปกอดเอวหนาไว้
“คุณก้องฮะ อย่าโกรธพี่วิวเลยนะฮะ วันนี้เราพลาดวันหน้าค่อยหาโอกาสใหม่ก็ได้ ถ้าคุณปีเตอร์ชอบ
พี่วิวจริง ก็ต้องรอได้”
“ผมก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ผมขอตัว” ก้องเกียรติพูดจบก็ผละออกแล้วเดินหนีขึ้นห้องไปอย่างไม่สบ
อารมณ์นัก
“อั้ม แค่พี่สาวลูกปฏิเสธอยู่ต้อนรับคุณปีเตอร์ ทำไมคุณก้องเกียรติต้องโกรธขนาดนั้นด้วย” อรสาอดสงสัย
ไม่ได้ ปกติบุตรเขยไม่เคยแสดงอารมณ์ขุ่นมัวให้เห็น
“จะไม่โกรธได้ไงฮะแม่ คุณก้องอุตส่าห์หวังดีกับพี่วิว อยากให้พี่วิวพบผู้ชายดีๆสักคน เราเล็งคุณปีเตอร์
ไว้ รู้ว่าชอบพี่วิว ถ้าพี่วิวชอบคงสบายไปทั้งชาติ คุณปีเตอร์เป็นนักธุรกิจรวยติดอันดับของฮ่องกง และถ้าพี่วิวมี
ใจด้วย เรื่องของเราสามคนจะง่ายขึ้น พี่วิวจะได้มีสามีเป็นผู้ชายจริงๆเสียที อั้มรู้นะฮะว่าทุกวันนี้พี่วิวไม่มีความ
สุขนักหรอก พี่วิวเสียสละเพื่อเรามามากแล้ว ถึงเวลาตอบแทนคืนบ้าง แต่ไม่นึกว่าพี่วิวจะมองไม่เห็นความหวัง
ดีของคุณก้องกับอั้มฮะแม่” กุมภาแสร้งทำหน้าผิดหวังเลยทำให้อรสารู้สึกไม่พอใจบุตรสาวขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องห่วงลูก แม่จะจัดการให้เอง ขึ้นไปงอนง้อคุณก้องเกียรติก่อน เดี๋ยวจะพานไม่พอใจอั้มของแม่
ไปอีกคน”
“ขอบคุณฮะแม่ รักแม่ที่สุดเลย” กุมภาหอมแก้มมารดาอย่างประจบแล้วรีบไปหาก้องเกียรติ ทุกอย่าง
เป็นไปตามแผน มีเพียงมารดาเท่านั้นที่บังคับพี่สาวต่างบิดาได้ แต่เขาลืมไปว่า ความอดทนของคนเรามีขีด
จำกัดเหมือนกัน
ชชชชชชชชชชชชชชชชชชช
อมรินทร์พาคนไร้ร่างมาถึงคอนโดฯก็พบร่างสูงใหญ่ของปฏิภาณยืนรออยู่หน้าห้อง กีรกันตาเห็นพี่ชาย
แล้วยิ้มด้วยความดีใจรีบเดินตรงรี่เข้าไปหาหวังจะกอดแต่เธอกลับเดินทะลุผ่านร่างพี่ชายไป
‘จริงสิ ลืมไปตอนนี้เราเป็นแค่จิตวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น เป็นวิญญาณที่ไม่มีร่างมนุษย์ให้อยู่ เฮ่อ!
เมื่อไหร่จะเข้าร่างได้นะ กลุ้ม’ ขณะที่เธอกำลังหมกมุ่นกับเรื่องของตัวเองอยู่นั้น เสียงเตือนแกมล้อเลียนของ
อมรินทร์ก็ดังแทรกขึ้น
“ข้าวยังไม่เข้ามาในห้องอีก เดี๋ยวพี่ปิดประตูจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนจริงๆนะจาบอกไฮ่”
“ให้มันรู้ไปสิว่าจะใจร้ายกับคนสวยๆน่ารักๆอย่างข้าวได้ลงคอ” เธอสวนกลับทันควันก่อนเดินตามเข้า
มาในห้องพร้อมเสียงหัวเราะขำของพี่ชายดังขึ้นจนเธอแปลกใจ
‘ถ้าพี่ต้นเห็นเราได้ยินเสียงเรา ทำไมถึงทำเป็นไม่รู้เรื่องมันน่านัก...พี่บ้า’ เธอเริ่มไม่พอใจพี่ชายขึ้นมา
ตะหงิดๆ
“ข้าว เราเป็นน้องนะ คิดทำร้ายพี่ชายที่เลี้ยงดูมามันบาป ระวังเถอะจะเข้าร่างไม่ได้จริงๆ” ปฏิภาณ
เตือนเลยทำให้เธอยิ่งงงไปใหญ่
“พี่ต้นเห็นข้าว ได้ยินที่ข้าวพูด ทำไมไม่ตกใจล่ะหรือว่ามีใครบอกพี่ต้น” เมื่อสงสัยเธอก็ถามไปตรงๆ
ปฏิภาณยิ้มเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือจะดึงตัวน้องสาวเข้ามากอดแล้วเปลี่ยนใจเมื่อรู้ว่าเป็นไปไม่ได้
ถ้ากอดคงกอดได้แต่อากาศธาตุ
“พี่สังหรณ์ใจตั้งแต่ก่อนไปเยอรมันแล้ว แต่ไม่แน่ใจ พี่เห็นภาพข้าวถูกรถชนระหว่างนั่งบนเครื่องบินกลับ
กรุงเทพ จากนั้นพี่ก็เห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่งพาร่างข้าวขึ้นรถ ทีแรกคิดว่าฝันไปเพราะอยู่ระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น
พอกลับมาบ้านไม่เจอเข้าวพี่ก็ฉุกคิดขึ้นมาแต่ยังไม่ปักใจเชื่อ จนกระทั่งหมออมรินทร์โทรมาพี่ถึงเข้าใจและมั่นใจ
ว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่พี่เห็นในนิมิตล่วงหน้า” ปฏิภาณอธิบายให้น้องสาวเข้าใจ
“คุณต้น คุณไม่ธรรมดาจริงๆ ถ้าผมเดาไม่ผิดคุณคงมี six sense มาแต่เกิดและฝึกฝนจนชำนาญจึงสา
มารถเห็นและรู้อะไรล่วงหน้าได้ชัดมาก ปกติคนที่มี six sense ถ้าไม่ได้ฝึกสมาธิต่อเนื่องก็ไม่สามารถรู้ได้ บางที
เจ้าตัวอาจไม่รู้ด้วยซ้ำและไม่ได้ไปใส่ใจก็ได้ ผิดกับคุณที่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่วงหน้าตลอดเวลา” อมรินทร์ให้ความ
เห็นตามที่ได้เรียนรู้มา
ปฏิภาณมองอมรินทร์ด้วยความทึ่งในความสามารถเกินจิตแพทย์ทั่วไป
“หมอเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน สามารถเห็นน้องสาวผมได้ มองเห็นเรื่องจิตวิญญาณเป็นเรื่องธรรมดา
แสดงว่าหมอก็ฝึกฝนและเรียนรู้มามากพอสมควร ยังไงเสียผมก็ขอขอบใจที่ช่วยน้องสาวผม” สิ่งที่อมรินทร์รู้
ปฏิภาณก็รู้เช่นกัน
“พี่ต้น พี่อามอย่ามัวแต่อวยกันอยู่เลย สนใจเรื่องของข้าวดีกว่า ไหนๆก็มีผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิญญาณ
อยู่ด้วยถึงสองคนแล้ว ช่วยบอกทีว่าข้าวจะเข้าร่างได้อย่างไร ข้าวเบื่อสภาพไร้ร่างเต็มทีแล้วนะ” กีรกันตาเห็น
สองหนุ่มมัวแต่ยอกันอยู่เลยมีโวย สองหนุ่มยิ้มมองหน้ากันก่อนคนเป็นหมอจะเดินนำเข้าไปในห้องนอนที่มีร่าง
ของเธอนอนอยู่บนเตียง
“แปลกมากร่างข้าวเหมือนคนกำลังนอนหลับมากกว่า ไม่เห็นมีรอยช้ำ ตัวก็ไม่เย็นจับดูยังอุ่นอยู่เลย
สงสัยจะมีอะไรเหนือคำอธิบายตามหลักทางวิทยาศาสตร์จริงมั้ยครับหมออาม หมอพอจะบอกผมได้หรือไม่
ว่าใครเป็นคนบอกหมอให้ไปช่วยน้องสาวผม” ปฏิภาณสงสัย ถ้าพูดกันตามหลักวิทยาศาสาตร์ร่างของกีรกันตา
ก็น่าจะมีรอยช้ำจากการถูกรถชนอย่างแรง และหัวใจหยุดเต้น ตัวเย็น แต่กรณีของกีรกันตากลับตรงข้าม ตัวก็
อุ่น หัวใจยังเต้นอยู่ แต่ถ้าคิดตามหลักศาสนาและกรรม กีรกันตายังไม่ถึงที่ตาย เพราะร่างกายมนุษย์นั้นประกอบ
ขึ้นด้วยธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่ง ดินก็คือส่วนที่ประกอบขึ้นเป็นเนื้อหรือส่วนที่เป็นของแข็งในร่างกาย น้ำคือ ส่วน
ที่ประกอบขึ้นกันเป็นของแหลวเช่น น้ำเลือด น้ำหนอง ลมคือลมหายใจ ไฟคือความอบอุ่นหรืออุณภูมิในร่างกาย
นั่นเอง และทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมานั้นต้องมีดวงจิตมาอิงอาศัยอยู่ถึงทำงานร่วมกันเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตได้ แต่ถ้า
ดับสิ้นพลังชีวิตหมายถึงสิ้นซึ่งธาตุไฟ ตัวจะเย็นและไม่มีดวงจิตใดอาศัยอยู่อีก แต่สิ่งที่เขาสัมผัสได้ขณะนี้บอกได้
คำเดียวว่าเหนือคำบรรยายใดๆนอกจากกรรมซึ่งเป็นเรื่องซับซ้อนเกินมนุษย์ธรรมดาอย่างเขาจะเข้าใจได้ เขา
ปล่อยใจให้คิดเรื่องที่เกิดกับน้องสาวไปเรื่อยๆและหากไม่ได้ยินเสียงใสของกีรกันตาดังขึ้นปลุกให้รู้ตัวเขาคงยืน
นิ่งเหม่อมองร่างน้องสาวอีกนานโดยไม่รู้ตัว
“ข้าวตอบแทนให้ก็ได้ คุณปู่บอกค่ะ ความจริงคุณปู่ห้ามข้าวให้ออกจากวัด แต่ข้าวดื้อเองไม่เชื่อฟังท่าน
เหมือนมีอะไรมาดลใจให้อยากกลับบ้าน แล้วข้าวก็เห็นแม่มากวักมือเรียกให้ไปหาจากนั้นก็อย่างที่เห็นค่ะพี่ต้น”
“คุณต้นผมรู้แล้ว จะช่วยน้องสาวคุณให้เข้าร่างได้อย่างไร แต่คุณต้องช่วยติดต่อคุณปู่คุณให้ผมที จากนั้น
เราจะไปหาท่านและให้ท่านชี้แนะ ผมเชื่อว่าท่านต้องรู้วิธีทำให้ข้าวเข้าร่างได้“ อมรินทร์ออกความเห็น
“พี่ต้นรีบๆ ติดต่อคุณปู่ให้ทีสิคะ ข้าวติดต่อท่านไม่ได้ รู้แต่ว่าพอคิดถึงท่านๆก็มาปรากฏให้เห็นแต่พอมา
อยู่กับพี่อามแล้ว ท่านไม่เคยมาให้ข้าวเห็นอีกเลย” กีรกันตาอ้อนพี่ชาย เธอมั่นใจพี่ชายต้องติดต่อกับท่านได้แน่
เพราะรู้ว่าพี่ชายสนิทกับปู่มาก และมักจะติดต่อท่านได้ทุกครั้งเวลาท่านไปไหนโดยไม่บอกให้ใครรู้
“ได้พี่จะช่วยติดต่อท่านให้ แต่ถ้าท่านตามหลวงพ่อออกธุดงค์ พี่คงติดต่อไม่ได้เพราะจิตของท่านจะตัด
ขาดจากทุกสิ่ง มุ่งมั่นปฏิบัติอย่างเดียว” ปฏิภาณไม่ค่อยมั่นใจนัก
“แต่เท่าที่ผมสัมผัสได้ ท่านยังเป็นห่วงหลานสาวอยู่ คุณต้นรองติดต่อท่านตอนนี้เลยดีกว่า” อมรินทร์รับ
คลื่นจิตจากชายชราในชุดขาวผู้เป็นปู่ของทั้งคู่ได้
“ถ้าอย่างนั้นผมจะลองดู” ปฏิภาณพูดจบก็นั่งลงบนเก้าอี้ กำหนดลมหายใจทำใจให้นิ่งสงบ ปล่อยวาง
ทุกอย่างเพื่อให้จิตเข้าสู่สมาธิ พลันเขาก็รีบลืมตา
“ข้าวพี่เห็นทีต้องฝากเรื่องติดต่อคุณปู่ให้หมออามทำแทน พี่มีเรื่องด่วนต้องไปทำ ผมฝากน้องสาวด้วย
หมอช่วยติดต่อคุณปู่ผมที ผมต้องรีบไปชักช้าจะไม่ทันการ“ เอ่ยจบก็รีบไปจากห้องโดยที่น้องสาวห้ามไม่ทัน
“พี่อาม พี่ต้นเป็นอะไรไปคะ ทำไมถึงรีบร้อนนัก ไม่คิดจะห่วงน้องสาวเลยให้ตายสิ จะมีเรื่องอะไรสำคัญ
ยิ่งกว่าเรื่องของข้าวอีก” กีรกันตาบ่นน้อยใจ
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่สัมผัสได้แค่กระแสความห่วงใยและกังวลมากมายปกคลุมรอบตัวคุณต้นก่อนจาก
ไป พี่คิดว่าคงเป็นเรื่องร้ายแรงหรือมีคนที่คุณต้นต้องรีบไปช่วยและสำคัญกว่าเรื่องของข้าว” อมรินทร์บอกตามที่
จิตสัมผัสได้
กีรกันตารู้สึกน้อยใจผิดหวังมาก พี่ชายไม่รักเธอแล้ว จิตใจเธอเริ่มเศร้าหมองแต่กลับมีกระแสพลังอันอบ
อุ่นโอบล้อมรอบตัวเธอและกระแสนั้นส่งผ่านจากร่างของเธอมายังจิตเธอกับเสียงอ่อนโยนดังขึ้น
“ข้าวอย่าน้อยใจเลยนะ คงมีคนกำลังตกอยู่ในภาวะคับขันต้องการให้คุณต้นไปช่วยด่วน จึงต้องรีบไป
เชื่อพี่เถอะ พี่ต้นของข้าวรักและเป็นห่วงข้าวไม่เสื่อมคลาย เห็นข้าวอยู่กับพี่ก็เบาใจ อีกอย่างยังมีพี่ที่ห่วงและสน
ใจข้าวอยู่นะ เด็กขี้น้อยใจ” อมรินทร์ปลอบเลยทำให้กีรกันตารู้สึกอบอุ่นและดีใจที่มีคนห่วงใยเธอแทนพี่ชาย
แต่พอฟังจบ ทุกอย่างก็หายหมด
“หมอกะล่อน ร้ายนัก หลงคิดว่าเป็นคนดี ข้าวไม่เชื่อแล้ว” เสียงสะบัดงอนๆดังขึ้น
“พี่ต้นของข้าวรอดตัวจากน้ำโหของข้าว แต่พี่อามไม่รอดแน่ อย่าคิดทำร้ายพี่นะ นึกว่าเห็นแก่คนป่วย
โรคจิตอีกหลายคนที่รอคอยความช่วยเหลือจากจิตแพทย์คนเก่งและดีคนนี้อยู่นะนะข้าวนะ” เขาอ้อนวอนก็จริง
แต่แววตานี่สิคนละเรื่อง กีรกันตาอยากโกรธก็โกรธไม่ลง รู้ดีว่าเขาไม่คิดร้ายและคิดปลอบโยนเธอจริง ถึงแม้การ
ปลอบโยนของเขาจะเหมือนยั่วก็ตามแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่เขาส่งผ่านมาให้จากจิต
“เพื่อเห็นแก่คนไข้โรคจิต ข้าวไม่โกรธคุณหมอแสนดีก็ได้ แต่พี่อามต้องติดต่อคุณปู่ให้ข้าวเดี๋ยวนี้และ
หาวิธีทำให้ข้าวเข้าร่างได้เร็วที่สุดด้วย” แม้เสียงไม่โกรธก็จริงแต่คำพูดนี่สิบอกว่าร้ายยิ่งกว่าโกรธอีก
“ภายในสามวันข้าวเข้าร่างได้แน่ ตอนนี้พี่เหนื่อย ขอพักก่อนดีกว่า เสียพลังไปเยอะ ขออาบน้ำนอน
ก่อนนะครับน้องข้าว” เขาไม่วายยั่วเธออีกแต่ใจกลับตั้งคำถามกับตัวเอง
‘ทำไมถึงได้มั่นใจนัก ว่าภายในสามวันกีรกันตาจะเข้าร่างได้ เพราะเหตุใดถ้าปฏิภาณอยู่ก็อยากถาม
เหมือนกันว่ารู้สึกแบบเดียวกับเขาหรือเปล่า’
&&&&&&&&&มาต่อให้แล้วค่ะ สงสัยจะไม่ค่อยมีใครชอบแนวนี้ แต่เอาเป็นว่าคนเขียนชอบก็แล้วกัน ฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿฿
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2558, 22:41:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2558, 20:49:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1444
ตอนที่ 5 >> |
ยัยตัวนุ่มนิ่ม 4 พ.ค. 2558, 12:30:21 น.
ชอบค่ะ รอติดตามตอนต่อไป
ชอบค่ะ รอติดตามตอนต่อไป