นางบำเรอเลื่อนขั้น
“ฮึ... มีผัวแล้วฉันก็ไม่เกี่ยงถ้าชอบ แล้วฉันก็ชอบผู้หญิงที่มีบุคลิกขัดแย้งในตัวเองเสียด้วยสิ
ดูภายนอกนี่อ่อนหวาน หัวอ่อน 

แต่ข้างในแล้วช่ำชองไม่ยอมคน อยู่บนเตียงคงร้อนแรงอย่าบอกใคร”


‘ชยาภา’ แม่บ้านสาวธรรมดาๆ แห่งโรงแรมพิพิธรีโซเทล

อ้างว่าตัวเองนั้นมีสามีแล้วเพื่อป้องกันอันตรายจาก CEO หนุ่ม เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่
ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว 

เธอคือหญิงสาวคนสุดท้ายที่ใครจะคิดว่าอยู่ในลิสต์รายชื่อผู้หญิงที่เขา ‘ต้อง’ นอนด้วย

เมื่อ ‘อัครรัฐ พิพิธณรงค์’ เป็นถึงนักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีผู้หล่อเหลาและร่ำรวยระดับหมื่นๆ ล้าน 
แถมยังมีผู้หญิงที่มาจากสังคมชั้นสูง ดาราดังๆ นางแบบระดับท็อปรอเข้าคิวที่จะขึ้นเตียงกับเขาอีกทั้งประเทศ

ชยาภารู้จักกิตติศัพท์ของผู้บริหารโรงแรม ผู้เป็นเจ้านายของเธอดี

ว่าไม่มีทางใดที่เพลย์บอยผู้หล่อเหลาอย่างเขาจะมาสนใจแม่บ้านจืดชืดอย่างเธอ...

แต่เมื่ออัครรัฐกลับเป็นฝ่ายเข้ามายื่นข้อเสนอค่ำคืนที่เร่าร้อนให้เธอ แลกกับ ‘เงื่อนไขพิเศษ’ บางอย่าง

ที่แม่บ้านสาวเงินเดือนน้อยอย่างชยาภาไม่อาจปฏิเสธได้

หลังจากนั้นเขาก็จะผลักไสเธอไปเหมือนที่เคยทํากับผู้หญิงคนอื่นๆ

หากทว่าความต้องการของมหาเศรษฐีหนุ่มกลับเปลี่ยนไปเป็น ‘ไม่เพียงพอ’

...และไม่มีวันอิ่มในรสรักจากแม่บ้านสาว

เมื่อเขาค้นพบ ‘ความลับ’ บางอย่างที่เธอจงใจปกปิดมันเอาไว้

และเสน่ห์ของเธอก็ทําให้เพลย์บอยที่ไม่เคยแคร์ผู้หญิงอย่างเขา เป็นบ้า คลุ้มคลั่ง และโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ยอมแม้กระทั่งเรียกแม่บ้านผู้ตํ่าต้อยอย่างเธอว่า ‘เมียจ๋า’

ให้ตายเถอะ! แม่บ้านสาวผู้อ่อนต่อโลกกำลังจะกลายเป็นหายนะของชีวิตหนุ่มโสดอย่างเขาอย่างนั้นหรือ!

Tags: อัครรัฐ - ชยาภา

ตอน: ตอนที่ 6 100%

...ไม่กี่นาทีหลังจากที่เสียงประตูปิดลงอย่างแรง อัครรัฐก็สามารถชันตัวลุกขึ้นมานั่งพร้อมสะบัดศีรษะแรงๆ ขับไล่อาการมึนงงให้หายไป มือแข็งแรงกำแน่นทุบลงบนโซฟาตัวใหญ่อย่างเจ็บใจ คนอย่างเขาไม่เคยเผลอเรอพลาดท่าเสียทีให้ผู้หญิงหน้าไหนมาลูบคมได้ถึงเพียงนี้ แทบเท้ายังมีโคมไฟราคาแพงซึ่งยับเยินไม่เหลือชิ้นดีทิ้งขวางหูขวางตา เตือนให้เจ็บใจมากขึ้นไปอีกว่าพนักงานตำแหน่งเล็กๆใช้มันเป็นอาวุธทำร้ายร่างกายเขา เธอทำราวกับว่าเขาคือไอ้แก่ตัณหากลับ ไอ้งั่งโรคจิตที่หน้ามืดคิดเคลมผู้หญิงได้ตลอดเวลา สุดท้ายเธอยังตะโกนปาวๆว่าเขาไม่มีวันสมหวัง!

“ก็ให้มันรู้กันไป! ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์ฉันไม่มีเธอบนเตียงล่ะก็... อย่ามาเรียกฉันว่าอัครรัฐเลย!!” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นเต็มความสูงเดินไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคนพลางเดินไปหยุดอยู่ตรงกระจกใสริมระเบียงที่สามารถมองเห็นวิวเบื้องสูงของกรุงเทพมหานครได้อย่างแจ่มชัด

ทันทีที่ปลายสายตอบรับ เสียงห้าวก็ดังขึ้นอย่างเฉียบขาด “ฉันต้องการประวัติส่วนตัวของพนักงานที่ชื่อชยาภา ด่วนที่สุด” จบคำพูดอัครรัฐก็กดตัดสายทันที สายตาคมกริบมองออกไปอย่างไร้จุดหมายยากที่คนทั่วไปจะคาดเดาอารมณ์ของเขาได้ แต่ชายหนุ่มก็จมอยู่ในความคิดของตัวเองได้ไม่นาน เสียงโทรศัพท์เครื่องบางในมือก็กรีดร้องขึ้นอีกครั้ง คิ้วหนาขมวดเป็นเส้นตรงเมื่อเบอร์ที่โชว์ขึ้นมาในหน้าจอนั้นเป็นเบอร์โทรที่เขาไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

“ว่าไงคะร็อก... คุณลืมนัดของเราแล้วรึเปล่า?”

อัครรัฐไม่ทันได้เอ่ยว่าเช่นไร ปลายสายที่ติดต่อเข้ามาก็ทักทายด้วยถ้อยคำที่สนิทชิดเชื้อนัก และน้ำเสียงของเธอก็ทำให้เขารู้ได้ในทันที รสรินคือผู้หญิงจากตระกูลดีมีฐานะที่พ่อของเขาเป็นคนแนะนำให้ได้รู้จักบนโต๊ะอาหาร หากเพียงครั้งเดียวที่ได้รับประทานอาหารร่วมกัน ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา... อัครรัฐก็สามารถพาเธอขึ้นเตียงหาความสุขตามประสาหนุ่มสาวได้อย่างง่ายดาย
“อืม...”

รสรินหัวเราะอย่างยั่วเย้าเพราะได้ยินเพียงเสียงครางรับเท่านั้น เขาคงแปลกใจว่าเธอไปได้เบอร์โทรศัพท์ที่เป็นส่วนตัวเช่นนี้มาได้เช่นไร “คงแปลกใช่ไหมคะว่าโรสได้เบอร์ส่วนตัวของคุณมายังไง”

“เปล่าครับ ผมพอจะรู้ว่าคงจะเป็นทนายสมชาย”

“เก่งจังนะคะ... คุณคาดการณ์ทุกอย่างได้อย่างแม่นยำอย่างนี้ โรสหวังว่าคงไม่ลืมนัดของเรานะคะ” รสรินพูดจาด้วยน้ำเสียงยั่วยวนทุกคำ พูดได้อย่างเต็มปากว่าหลงเสน่ห์ของอัครรัฐเข้าเต็มเปา

“ไม่ลืมครับถ้าเรานัดกันจริงๆ ผมกำลังนึกอยู่ว่าเรานัดกันตอนไหน?”

คำพูดตรงไปตรงมานั้นทำเอาเซเลบสาวคอแข็ง หากแต่ไม่อยากถือสาจึงเสแสร้งหัวเราะออกมาอีกครั้ง “แหม... อย่าบอกนะคะว่าลืมโรสไปหมดแล้ว คุณจำไม่ได้จริงๆน่ะเหรอคะ คุณพูดเองว่า จะเลี้ยงข้าวสักมื้อ”

“อ่อ...” อัครรัฐเลิกคิ้ว เขาจำได้ดีเชียวล่ะในช่วงที่รสรินกลายร่างเป็นแม่สาวเร่าร้อน ปรนเปรอร่างกายของเขาด้วยปากและลิ้นอย่างเชี่ยวชาญ และเขาก็ครางออกมาอย่างพึงใจเมื่อความเสียวซ่านเล่นงานเมื่อคว้าจุดสูงสุดของการปลดปล่อยอารมณ์ได้ เธอมีทุกสิ่งอย่างพร้อมและขอให้เขาเป็นเจ้ามีเลี้ยงอาหารสักมื้อเท่านั้นเอง “จริงสินะ ผมรับปากไปแล้วนี่”

รสรินกัดริมฝีปากล่างของตนเองด้วยความหมั่นไส้ เขามันผู้ชายโอหังที่สักวันต้องถูกเธอปราบจนสิ้นลาย เสียงหัวเราะในลำคอหนาที่ลอดผ่านออกมาทางสายโทรศัพท์ทำให้เธอนึกสนุกขึ้นมาในทันที “หรือว่าอยากจะให้ฉันขึ้นไปทบทวนความจำอีกสักครั้ง แล้วค่อยออกไปหาอะไรทานกัน”

“ฮึ... เกรงว่าจะไม่ทันแล้วล่ะเซ็กซี่ ผมอยู่ในลิฟต์แล้ว ขอสั่งงานนิดหน่อยแล้วไปกัน” อัครรัฐโกหกคำโต

“อย่าให้ฉันรอนานนะคะร็อก ไม่งั้นเราคงได้สั่งอาหารมาทานในเพนท์เฮาส์ของคุณเหมือนเมื่อคืน”

อัครรัฐไม่ตอบว่าอย่างไร ได้แต่ลดโทรศัพท์ลงเมื่อรสรินส่งจุมพิตมาตามสาย ชายหนุ่มสะบัดศีรษะพร้อมเดินเข้าสู่ห้องน้ำ อาบน้ำชำระร่างกายให้เร็วกว่าปกติ เห็นทีจะต้องเปิดอกคุยกับรสรินให้ชัดเจนเพราะเธอเริ่มจะรุกหนักเกินกว่าที่คาดคิดนัก


ราวสิบนาทีต่อมา... อัครรัฐเดินออกมาจากห้องด้วยเสื้อยืดคอโปโลยี่ห้อดังพร้อมกับกางเกงยีนส์สีดำสนิท เสยผมตั้งราวกับไม่ได้ใส่ใจนักแต่ส่งผลให้เขาดูหล่อเหลามีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างยิ่ง ขาแกร่งยาวก้าวเดินอย่างมั่นคง เหลือบสายตาเห็นแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะกลางหน้าโซฟาตัวใหญ่พลางยิ้มออกมาอย่างพอใจ เมื่อมันคือประวัติโดยละเอียดของผู้หญิงอวดดีที่กล้าปฏิเสธตำแหน่งที่เขาไม่เคยคิดจะหยิบยื่นให้ผู้หญิงหน้าไหน สายตาคมกริบไล่เลียงทุกตัวอักษรราวกับอ่านสัญญาธุรกิจหมื่นล้าน เพียงไม่กี่อึดใจต่อมามือเรียวยาวก็โยนแฟ้มลงบนโต๊ะเตี้ยๆเช่นเดิม รอยยิ้มพรายปรากฏบนใบหน้าคร้ามคมซึ่งเดินออกจากเพนท์เฮาส์สุดหรูพร้อมทั้งต่อสายโทรศัพท์ถึงนักสืบเอกชนมือฉมังที่เรียกใช้งานอยู่บ่อยครั้ง เขาต้องการรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชยาภามากที่สุดและทุกอย่างต้องถึงมือของเขาภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง

แน่นอนว่ามันไม่ใช่งานที่ง่ายดายนัก สำหรับอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองแห่งชาติที่ผันตัวเองมาทำธุรกิจนักสืบเอกชนให้กับอัครรัฐมาตั้งแต่ชายหนุ่มก้าวเข้ารับตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อ นักสืบผู้นี้คือกลไกสำคัญในการผลักดันให้อัครรัฐพิชิตใจคู่ค้าที่ยากจะเจรจามานักต่อนัก ในทางตรงกันข้ามอัครรัฐก็สามารถก้าวเร็วกว่าคู่ต่อแข่งทางธุรกิจอยู่เสมอ ความลับก็คือนักสืบมือฉมังผู้นี้สามารถหาข้อมูลเชิงลึกมาได้ประกอบกับมันสมองอันฉลาดแยบยล หากครั้งนี้อัครรัฐต้องการเพียงแค่อยากรู้ประวัติโดยละเอียดของพนักงานระดับล่างคนหนึ่งเท่านั้น และยังเสนอเงินจำนวนมากโขที่ทำให้นักสืบไม่สามารถปฏิเสธหรือเกี่ยงงอนได้เลย!


เสียงเคาะกระทะที่ดังลอดออกมาจากบ้านเช่าหลังเล็กทำให้กันตาภาเหลือบมองเวลาที่ข้อมือของตัวเองอย่างแปลกใจ แต่ก็มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินนี้เกิดจากผู้เป็นพี่สาวซึ่งคงจะกำลังทำอาหารเย็นแต่ก็แปลกใจยิ่งนักว่าเหตุใดวันนี้พี่สาวของตนจึงเลิกงานไวกว่าปกตินัก ทั้งที่เพิ่งเป็นเวลาห้าโมงครึ่งเท่านั้น

ชยาภาหันกลับไปยิ้มให้น้องสาวที่เดินทำหน้างงเข้ามาหาในครัวด้วยสีหน้าเบิกบาน “กลับมาแล้วเหรอ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป รอข้าวสุกสักยี่สิบนาทีน่าจะลงมือทานได้แล้ว”

“ทำไมวันนี้พี่เลิกงานเร็วกว่าทุกวัน?” กันตาภาถามพลางกวาดสายตามองร่างอ้อนแอ้นของพี่สาวที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายมาเป็นชุดลำลอง นั่นก็แสดงว่ากลับมาก่อนหน้านี้มากกว่าหนึ่งชั่วโมง

“พี่... ลาออกจากงานแล้ว” ชยาภาตอบโดยไม่หันมาสบสายตาน้องสาว สองมือเรียวกำลังหั่นผักเพื่อประกอบอาหารเย็น

“อะไรนะ?!” กันตาภาถามเสียงสูงอย่างตกใจ ก้าวเดินมานั่งลงบนโต๊ะพับทรงกลม ซึ่งใช้ทั้งเตรียมอาหารและรับประทานอาหารในคราวเดียวกัน

“ทำไมต้องทำหน้าตาตื่นอย่างนั้นด้วย ทำอย่างกับว่าพี่ไม่เคยลาออกจากงาน” ชยาภาบอก

“มันก็ใช่... แต่มันกระทันหันเกินไป ก็เห็นว่าพี่มีความสุขกับการทำงานที่นี่เหลือเกิน เงินดี สวัสดิการณ์เยี่ยม แล้วทำไมถึงลาออกง่ายๆอย่างนี้” กันตาภาถามอย่างสงสัย เรื่องที่มีความเห็นไม่ตรงกันเล็กน้อยนั่นก็เลือนหายไปในทันที

“พี่ได้งานใหม่แล้ว คะ...คือความจริงก็แอบสมัครไว้นานแล้วแต่เขาเพิ่งเรียกตัวแล้วก็รับพี่เข้าทำงานทันที พี่ก็เลยต้องลาออกจากโรงแรม” ชยาภาโกหกคำโตโดยที่ไม่ยอมสบสายตาน้องสาว

“ไม่อยากจะเชื่อ พี่ไม่เคยมีความลับกับเราสองคนนี่นา... เรื่องนี้ส้มโอไม่เคยรู้มาก่อนและก็คิดว่าองุ่นคงไม่รู้ด้วยเหมือนกัน” กันตาภาเอ่ยถึงนีราภาหรือองุ่นที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาพร้อมๆกันกับตนเอง หากแต่ขออยู่ที่เชียงใหม่ต่อสักพักในระหว่างที่รอบริษัทเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์งาน นีราภาก็ทำงานรอไปพลางๆเช่นกัน ทั้งคู่จะพุดคุยกันผ่านโปรแกรมโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กทุกวัน หากไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาสักครั้ง “พี่กำลังปิดบังอะไรพวกเราอยู่รึเปล่า?”

ชยาภาเงยหน้าพร้อมกระพริบตาถี่บอกกับตัวเองว่าหากยังทำน้ำเสียงอึกอักเช่นนี้ เด็กแสบตรงหน้าคงจับพิรุธได้เป็นแน่ จึงจ้องใบหน้าน้องสาวพร้อมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง “เปล่า... พี่จะมีอะไรปิดบังเราสองคนล่ะ พี่ก็แค่ได้งานใหม่แล้วมันก็เป็นสายงานซึ่งตรงกับที่เรียนมา ถึงแม้ว่าเงินเดือนจะได้ไม่มากเท่าที่เดิมแต่มันก็มั่นคงกว่า เราน่ะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว มัวแต่มาซักไซร้พี่อยู่นี่ เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจซะหรอก”

“อ่ะๆ ไม่เซ้าซี้แล้วก็ได้ ว่าแต่พี่อนุญาตให้ส้มโอไปทำงานวันหยุดนี้แล้วใช่ไหม?”

ชยาภาส่ายหน้าระอาใจกับน้องสาวนัก แต่ใจหนึ่งก็สดชื่นที่ได้เห็นแววตาสุกใสนั้นมองมาอย่างมีความหวัง “รีบไปอาบน้ำแล้วค่อยออกมาคุยกัน พี่มีเรื่องต้องตกลงกับเรา”

“โหย... ทานข้าวก่อนไม่ได้เหรอแล้วค่อยอาบน้ำก่อนเช้านอนทีเดียวเลย ประหยัดด้วย” กันตาภาตีขลุมเอาเอง ถือโอกาสนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมดึงเอาตระกล้าผักสดจากมือพี่สาวมาหั่นด้วยความดีใจ “พี่พูดมาได้เลย อยากให้ทำอะไรบ้าง”

“พี่อนุญาตให้ไปทำงานที่เราขอ แต่... ต้องระวังตัวเองให้ดี พี่จะให้พี่โต้งคอยดูเราอยู่ตลอดเวลา ห้ามปิดโทรศัพท์ แล้วที่สำคัญเลิกงานแล้วให้กลับมานอนที่บ้าน ห้ามไปค้างบ้านเพื่อนเด็ดขาด รับปากได้ไหม?” ชยาภาถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

“ไม่มีปัญหาสักข้อเลยเจ้าค่ะ รับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด พี่จะไปดูด้วยก็ได้นะ” เมื่อสมดังตั้งใจ สาวน้อยก็เอ่ยปากชวนพี่สาวเสียเอง หากแต่พี่สาวกลับส่ายหน้าความจริงแล้วเธอต้องการเดินสายสมัครงานให้ได้เร็วที่สุดต่างหาก และวางแผนเอาไว้ในใจแล้วว่าวันหยุดนี้ก็ขอหาข้อมูลจากหน้าหนังสือพิมพ์หรืออาจจะออกไปร้านอินเทอร์เน็ตหน้าปากซอยเพื่อค้นหาแหล่งงานดีๆสักแห่ง

“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นก่อนก็แล้วกัน ไม่ได้อยู่ว่างๆมานาน พี่อยากอยู่บ้าน ทำความสะอาดโน่นนี่ตามประสาบ้าง” ชยาภาอย่างเลื่อนลอยจนน้องสาวผิดสังเกต

“แปลกจัง... ปกติพี่ไม่เคยพูดว่าจะอยู่เฉยๆ พี่เป็นสาวขยันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วทำไมจู่ๆอยากอยู่เฉยๆ ไม่สบายรึเปล่า?” กันตาภารีบเช็ดมือตัวเองกับกระโปรงสีดำแล้วอังหลังมือเข้ากับหน้าผากของพี่สาว “ตัวก็ไม่ร้อน แปลกมาก...”

“หรือเราอยากให้พี่เป็นวัวบ้า ตั้งหน้าตั้งตาพุ่งเข้าชนงานท่าเดียว” ชยาภาผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือตะกร้าผักบุ้งสดเดินมาหยุดตรงหน้าเตาแก๊สพลางลอบถอนหายใจเพราะกลัวน้องสาวจับพิรุธได้

“ไม่ใช่อย่างนั้น... ใครจะอยากเห็นพี่เหนื่อยล่ะ ดีแล้วล่ะที่พี่คิดอยากพักผ่อนบ้าง แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราสองคนนะ เราดูแลตัวเองได้” พูดจบกันตาภาก็ฮัมเพลงอย่างสบายใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าพี่สาวของตัวเองนั้นกำลังทุกข์ใจอย่างหนัก แต่ไม่กล้าที่จะระบายให้ใครได้ฟัง

อาหารมื้อค่ำจบลงในอีกชั่วโมงถัดมา โดยที่สองพี่น้องมีความรู้สึกแตกต่างกันสุดขั้ว กันตาภาร่างเริงแจ่มใส พอใจเมื่อพี่สาวเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของตน ถึงแม้ว่าจะมีกฏระเบียบเยอะแยะไปบ้างแต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าพี่สาวนั้นเป็นห่วงไม่อยากให้ตกอยู่ในอันตราย ส่วนชยาภานั้นฝืนยิ้ม ฝืนพูดคุยกับน้องสาวให้เป็นปกติที่สุด ในขณะที่ภายในใจนั้นยังไม่มีทางออกให้กับตัวเอง ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทุกวันนั้นคงเพียงพอกับเงินออมที่อยู่อย่างน้อยนิด มันคงทำให้เธอใช้ชีวิตอย่างประหยัดได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น


สองวันต่อมา... ชยาภาออกมารอน้องสาวที่เตรียมออกจากบ้านตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง พลางนั่งคิดทบทวนถึงปัญหาของตัวเอง ตลอดสองวันที่ผ่านมาหญิงสาวตะลอนๆเข้าสมัครงานทั้งบริษัทน้อยใหญ่ บางแห่งถูกปฏิเสธอย่างไม่สนใจไยดี บางแห่งรับเพียงแค่ใบสมัครไว้พิจารณาเท่านั้น คิดมาถึงตรงนี้ชยาภาก็มืดแปดด้าน ปวดศีรษะขึ้นมาในทันทีจึงใช้นิ้วคลึงขมับทั้งสองข้างโดยไม่รู้ตัวว่าน้องสาวเดินออกมาพบภาพนั้นเข้าพอดี

“พี่เป็นอะไร ปวดหัวเหรอคะ เอายาหม่องไหม?”

ชยาภาเงยหน้าขึ้นมองน้องสาวที่ทำหน้าตื่นอยู่ตรงหน้า “ไม่ๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มึนๆเท่านั้นเอง เราน่ะรีบไปเถอะ เดี๋ยวสายกว่านี้รถจะติด”

กันตาภาเดินออกมานอกบ้านตามแรงดันที่แผ่นหลังพลางเอี้ยวใบหน้ากลับไปย้ำถามให้มั่นใจ “พี่ไม่เป็นไรแน่นะ ให้พี่โต้งมาอยู่เป็นเพื่อนไหม รับรองว่าส้มโอจะระวังตัว กลับบ้านให้ตรงเวลา โทรรายงานพี่ทุกครั้งที่ว่าง”

“พี่ไม่เป็นไรจริงๆ รีบไปเถอะ ระวังตัวนะ อยู่ให้ไกลๆพวกอาเสี่ยชีกอ” ชยาภากำชับน้องสาวอีกครั้งหนึ่งพลางชะเง้อมองร่างระหงที่เดินห่างออกไปจนลับตา จึงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งหนึ่ง จัดการทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยก่อนที่จะอาบน้ำชำระร่างกายแล้วต่อสายโทรศัพท์หารวิ

ตุ๊ด... ตุ๊ด... ตุ๊ด...

“สวัสดีค่ะพี่โต้ง ส้มโอออกจากบ้านได้ประมาณชั่วโมงครึ่งแล้วนะคะ พี่โต้งตื่นรึยัง?” ชยาภากรอกเสียงลงไปทันทีที่ได้ยินปลายสายเอ่ยทักทาย

“พี่กำลังแต่งตัวจ๊ะ อีกห้านาทีก็จะออกจากห้องแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ วันนี้พี่คงได้เฝ้าส้มโอทั้งวันโดยไม่คลาดสายตาแน่ อีกอย่างพี่มีงานสำคัญทำที่บูธนั้นพอดี” รวิบอกพลางยิ้มพราย

“งานอะไรคะ เฝ้าขาอ่อนสาวๆน่ะเหรอคะ เห็นทีคงต้องเชื่อคำร่ำลือที่เขาพูดกันที่โรงแรมแล้ว” ชยาภาพูดทีเล่นทีจริง

“โธ่!... ทำไมคิดอกุศลกับพี่อย่างนั้นล่ะ ถึงพี่จะเคยใช้ชีวิตมาอย่างเต็มที่แต่เมื่อเจอชมพู่ สัญญาใจกันแล้วก็ไม่มีวันกลับไปทำตัวอย่างที่ผ่านมาแน่ เชื่อใจพี่นะ รับรองว่าพี่จะพาส้มโอกลับมาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัยจ้ะ”

“ค่ะ ชมพู่ก็แค่พูดเล่นเท่านั้น ไม่กวนแล้วนะคะ ฝากน้องด้วย” ชยาภาเอ่ยลาคนรักอย่างไว้ใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะเกิดภยันตรายใหญ่หลวงอย่างที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน




ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2558, 21:04:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2558, 21:04:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1220





<< ตอนที่ 5 100%   ตอนที่ 7 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account