กลรัตติกาล
เรื่องต่อ ซ่อนใจไว้ใต้ดาว ชุดเสน่หาฆาตกรรม

หลงกลิ่นจันทน์ , ซ่อนใจไว้ใต้ดาว , กลรัตติกาล
Tags: กลรัตติกาล คีตา ณิชนิตา

ตอน: บทที่ ๒๕ ความทรงจำ(๑)



บทที่ ๒๕

ความทรงจำ



กลิ่นหอมหวานของอะไรบางอย่างทำให้ชายไทยรู้สึกตัว เหมือนว่าเขากำลังอยู่ในทุ่งดอกไม้ที่แสนกว้างใหญ่ ภาพเลือนรางของร่างใครบางคนอยู่ตรงหน้านี่เอง เขาเอื้อมมือเข้าไปใกล้ ทว่ายิ่งใกล้ก็เหมือนว่าร่างนั้นไกลออกไปทุกที

ทำไม...ทำไมจับไม่ได้...อย่าเพิ่งไปสิ

เปลือกตาของชายหนุ่มกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะเปิดออก ชายไทมองเห็นเพดานห้องสีขาวขุ่นเป็นสิ่งแรก เขาเหลือบมองไปรอบๆ เห็นด้านหลังของใครบางคนกำลังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ลงแกกัน โดยไม่ทันได้มองว่าเขาเริ่มขยับตัวแล้ว เธอหันกลับมาทันได้เห็นเขากำลังขยับตัวลุกขึ้นนั่ง จึงรีบเข้ามาพยุงช่วย

“พี่ฟื้นแล้วเหรอคะ”

“พี่เป็นอะไรไปเหรอพู่” เป็นคำถามง่ายๆ แต่คนฟังกลับมีสีหน้ายากลำบากที่จะตอบ พธูทิพย์เหลือบมองผ้าพันแผลบนหน้าผากของพี่ชายเล็กน้อย

“พี่ตกลงมาจากตึกสามชั้นแน่ะ โชคดีมากๆ ที่เจ็บแค่นี้”

ชายไทเหลือบมองแขนข้างซ้ายของตัวเองมีผ้าพันไว้ เขาเริ่มรู้สึกปวดหนึบๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว ก่อนจะยกมือข้างขวาขึ้นแตะหน้าผากซึ่งมีผ้าพันแผล

“เดี๋ยวพี่พักอีกสักหน่อยนะคะ คุณหมอจะเข้ามาตรวจก่อน แล้วสายๆ คงให้เข้าเฝือกแขนข้างที่หัก” พธูทิพย์อธิบาย ชายไทพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

เสียงเคาะประตูสองครั้งพร้อมกับประตูซึ่งเปิดอ้าออก ร่างสูงของอชิตะก้าวเข้ามา หญิงสาวอีกคนเดินตามเข้ามาด้วย ทั้งคู่เลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่าชายไทฟื้นแล้ว

“เฮ้ย! แกฟื้นแล้วเหรอวะ” อชิตะทักพร้อมกับถลาเข้ามาหาถึงเตียง สวมกอดเพื่อนรักทันทีด้วยสีหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้

“อชิๆ เบาๆ ฉันเจ็บแขน”

“ขอโทษๆ แล้วนี่หมอว่ายังไงบ้าง”

“เดี๋ยวคงเข้ามาตรวจรอบเช้าค่ะ” พธูทิพย์เป็นคนตอบแทนพี่ชาย

“แล้วนี่แกพาใครมาด้วย แนะนำหน่อยสิ” คำถามของชายไทเล่นเอาคนฟังอย่างอชิตะถึงกับอึ้ง รอยยิ้มที่มีเลือนหายไปในพริบตา ก่อนจะหันไปข้างหลังของตัวเอง สบตากับมโนชาซึ่งยืนตัวแข็งอยู่เช่นกัน

“คุณจำหวานไม่ได้เหรอคะ” มโนชาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงค่อนข้างสั่น ดวงตาคู่นั้นจ้องชายไทแทบไม่กระพริบ

“คุณหวาน?” ชายไททวนชื่อของหญิงสาวเบาๆ ขมวดคิ้วเหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง ภาพต่างๆ ในหัวเขาเหมือนแผ่นฟิล์มที่เลื่อนไปเลื่อนมา ไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับเบาๆ

“ผม...ผมจำได้แล้ว คุณหวานแฟนอชิ ขอโทษครับผมอาจจะเลือนๆ ไปบ้าง หลังอุบัติเหตุ”

“คุณจำได้แค่หวานเหรอคะ...” คำถามนั้นเหมือนนาฬิกาหยุดเวลาไว้ ทุกคนในห้องเงียบกริบ แทบไม่ได้ยินเสียงหายใจเลยด้วยซ้ำ ชายไทสบตาหญิงสาวพลางนึกถึงเรื่องราวในอดีต

เขาจำได้ว่า อชิตะเคยมาปรึกษาเรื่องของมโนชาบ่อยครั้ง ชายไทก็ช่วยเหลือเพื่อนรักไปตามเรื่อง แต่คำถามของหญิงสาวทำให้ต้องครุ่นคิดอีกครั้ง เขายังต้องระลึกถึงใครอีกงั้นหรือ ในเมื่อ...

ก็มีแค่นี้...

“ครับ ยังมีใครอีกเหรอ นี่ผมความจำเสื่อมหรือไงเนี่ย ถามกันแปลกๆ “

มโนชากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะแสร้งยิ้ม “ไม่มีค่ะ ไม่มีใครอีก” น้ำเสียงหญิงสาวค่อนข้างสั่น อชิตะถอยหลังกลับมาหาคนรัก เอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้ บีบแน่นคล้ายให้กำลังใจอยู่

ชายไทมองกิริยาของคนทั้งคู่เงียบๆ อาจดูแปลกแต่เขาปวดหัวเกินกว่าจะใส่ใจ เอนหลังลงนอนหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน



หลังจากเข้าเฝือกที่แขนข้างซ้าย หมอตรวจอาการอีกรอบชายไทได้พักฟื้นที่โรงพยาบาลต่ออีกหนึ่งสัปดาห์ เขาได้แต่นอนนิ่งๆ อ่านหนังสือบ้าง ดูทีวีบ้างเพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกเบื่อแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต้องเดินออกไปนอกห้องเพื่อสูดอากาศบ้าง

ชายหนุ่มก้าวช้าๆ ออกมายังระเบียงของตึก เหลือบมองไปทางลานจอดรถ เห็นรถของอชิตะเพิ่งจอดสนิท สายตาของเขาหันไปสะดุดกับร่างเล็กของมโนชา เธอเพิ่งก้าวลงจากรถพร้อมกับดอกไม้ช่อใหญ่ เขาจำได้ว่าตั้งแต่เจอกันวันนั้นก็ไม่ได้เจออีกเลย มีแค่อชิตะซึ่งเข้ามาเยี่ยมเขาทุกเช้า แต่ที่เห็นวันนี้ทั้งคู่มาพร้อมกัน

สักพักเขาจึงหันไปทางประตูลิฟท์ ไม่นานนักประตูก็เปิดอ้าออกพร้อมกับร่างสูงเพรียวของอชิตะที่เพิ่งก้าวออกมา ไม่มีมโนชาอยู่ด้วย? ชายไทขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“อ้าว มายืนอะไรตรงนี้วะชาย”

“แกมาคนเดียวเหรอ”

“อืม...ใช่” อชิตะตอบโดยไม่สบตาเพื่อน พร้อมกับชูถุงผลไม้ในมือ “นี่ วันนี้ฉันซื้อส้มมาฝากแกด้วย เจ้านี้อร่อย หว๊าน หวาน”

“แต่ฉันว่า...ฉันเห็นคุณหวานลงจากรถแกนะ”

“อ้อ หวานเหรอ หวาน...มาเยี่ยม...นักมวยในค่ายของพ่อน่ะ” อชิตะว่าก่อนจะแสร้งหัวเราะ “ไปเข้าไปในห้องกันดีกว่า ยืนคุยเมื่อขาวะ” อชิตะรีบดันหลังเพื่อนเดินกลับไปตามระเบียบ ตรงไปยังห้องพักคนไข้ตามเดิม

พอเข้าไปในห้องได้อชิตะก็เริ่มโม้เรื่องราวในวงการบันเทิงของเขาจนเกือบชั่วโมงได้ เป็นเรื่อปกติที่เพื่อนรักจะพูดมาก แต่ไม่ใช่เรื่องปกติที่อชิตะจะปอกเปลือกส้มแล้วป้อนให้ชายไทกิน

“มาแปลกวะ อยู่ๆ ป้อนส้ม ป้อนน้ำ แกมีอะไรปิดบังฉันอยู่หรือเปล่า”

“ปิดอะไรวะ ไม่มีหรอก ฉันก็รักแกไง เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะชาย ตอนเกิดอุบัติเหตุฉันนึกว่าแกจะไปซะแล้ว ใจหายแทบแย่ ฉันดีใจที่แกกลับมานะชาย”

“อะไรของแกวะ”

“ต่อไปก็...อยู่กับปัจจุบันนะชาย อย่าคิดถึงอดีตอีกเลย...” อชิตะเม้มริมฝีปากทันทีที่รู้ว่าตัวเองพูดมากเกินไป “กินๆ เดี๋ยวปอกให้อีก”

ชายไทจ้องเพื่อนรักด้วยความรู้สึกแปลกใจ อชิตะพูดอย่างนี้เหมือนมีเรื่องอะไรปิดบังเขาอยู่จริงๆ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาไม่ยอมเล่าเรื่องความลับให้อชิตะฟัง เพราะเพื่อนคนนี้ไม่เคยปิดเรื่องได้เลย ความลับจะแตกเพราะพิรุธของอชิตะนี่เอง

ชายไทไม่ได้ซักถามเพราะคิดว่าเดี๋ยวสักพักอชิตะก็คงหลุดออกมาเองอีกเป็นแน่ ทั้งเรื่องพวกนั้นเขาก็นึกไม่ออกแล้วว่าจะมีความลับอะไร เวลาคิดถึงอุบัติเหตุทีไร อาการปวดหัวก็เริ่มรุนแรงขึ้นทุกที เขาจึงเลือกที่จะไม่คิดถึงมากกว่า



หลังพักฟื้นในโรงพยาบาลตามกำหนด หมออนุญาตให้กลับบ้านได้ เขากลับไปอยู่เรือนไทแม้น้องสาวจะอยากให้อยู่บ้านหลังใหญ่สะดวกในการดูแลมากกว่า ชายหนุ่มปฏิเสธเพราะเขาแค่แขนหักทั้งยังเข้าเฝือกเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ป่วยหนักอะไร บ้านเรือนไทยของยายชมนาดน่าอยู่กว่าบ้านปูนหลังใหญ่ ชายไทรู้สึกเช่นนั้น

ชายไทเดินเรื่อยออกมาถึงระเบียงบ้าน กลิ่นหอมของดอกปีบต้นใหญ่หน้าบ้านพอทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขาสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ดีใจที่ได้ออกมาอยู่บ้านสักที หลังอุดอู้อยู่แต่ในห้อง เขาทรุดตัวลงนั่งบนเปลหวายตัวยาวไว้นอนรับลมนั้น พร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านไปด้วย กระดาษแผ่นบางเลื่อนหลุดร่วงลงมาจากหนังสือ เขาหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย อักษรบนเศษกระดาษสีเหลืองอ่อนใบนั้นคือ ลายมือเขาเอง แต่ชายไทจำไม่ได้ว่าเคยเขียนไว้

‘สร้อยรัตติกาลไม่ได้ถูกคำสาปแต่ผมต่างหากที่ถูกสาป’

เขาพูดเรื่องอะไรกันแน่นะ อุบัติเหตุนั่นทำให้ความจำเสื่อมไปด้วยหรือเปล่า ทำไมมีหลายเรื่องเขายังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย บางครั้งก็เดินไปยังที่ๆ ไม่เคยไปมาก่อน บางครั้งก็ฝันแปลก ๆ ตื่นมาเหงื่อท่วมตัวจนเสื้อผ้าเปียกโชก

ภาพเลือนรางผุดเข้ามาในหัว เหมือนจะเห็นตัวเองนั่งเขียนอะไรสักอย่างในสมุดเล่มหนึ่ง สีหน้าของเขาเคร่งเครียด แววตาเศร้า เขาเขียนอะไรอยู่? ยิ่งพยายามนึกหัวก็ยิ่งปวดราวกับกำลังจะระเบิดออก

‘คุณทำอะไรน่ะ’ เสียงของใครบางคนแทรกเข้ามาแต่เขาไม่เห็นหน้า ทุกอย่างพร่ามัวเลือนรางไปหมด แล้วภาพเหล่านั้นก็จางหายไปเหมือนกลุ่มควัน

ชายไทรู้สึกถึงเลือดอุ่นๆ ภายในจมูกของตน เลือดหยดลงบนกระดาษในมือเขาจนต้องวางมันลง ลุกขึ้นเดินออกหาทิชชูมาซับเลือดไว้ก่อน

เสียงนั้น...คือ ใครกันนะ

-----------------------------------------

พบกันพรุ่งนี้อีกครึ่งบทนะคะ ^^ มาตามหาว่า...รัตติกาลหายไปไหน...



ณิชนิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2558, 06:42:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2558, 06:42:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 1235





<< บทที่ ๒๔ ลบแล้วค่ะ ^^   บทที่ ๒๕ ลบแล้วค่ะ ^^ >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 5 มิ.ย. 2558, 07:10:32 น.
นัตติกาลอาจจะไม่หาย แต่ทำไมพี่ชายถึงลืม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account