มลทินปรารถนา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ‘นีราภา’ พนักงานนวดสาวคนใหม่จากร้านสปา 
คิดว่าเธอคงไม่มีปัญหากับการสัมผัสเนื้อตัวของลูกค้าที่เป็นผู้ชายระหว่างทำงาน
และเธอก็ไม่เคยคิดว่าจะมีใครที่สร้างความตะขิดตะขวงใจให้เธอได้...

จนกระทั่งถึงวันที่ได้พบกับเขา... ‘ทัตเทพ วิชิตเมธา’ 

มหาเศรษฐีรูปหล่อผู้มั่งคั่ง เจ้าของธุรกิจนำเข้าซูเปอร์คาร์แบรนด์หรู ลูกค้าคนสำคัญ 
ผู้นิยมเรียกพนักงานสปาไปบริการถึงคฤหาสน์ของเขา ‘แบบส่วนตัว!’

เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าร่างกายเปลือยเปล่าที่มีผ้าเช็ดตัวปกปิดไว้เพียงผืนเดียวบนเตียง
หญิงสาวก็ต้องมือไม้สั่นกับเรือนร่างที่กำยำ แข็งแกร่ง และเซ็กซี่อย่างสมบูรณ์แบบ
จนเธอถึงกับพลาดท่า ทำสิ่งที่อาจจะต้องเสียใจไปจนชั่วชีวิต

 

ในฐานะของนักธุรกิจมหาเศรษฐีผู้ประสบความสำเร็จ

เขาคิดอยู่เสมอว่าเงินสามารถซื้ออะไรหรือใครก็ได้ในโลกใบนี้

แต่เมื่อเขาปล่อยร่างกายให้ล่องลอยไปกับสัมผัสลูบไล้จากมือของเธอ
เขาก็รู้ทันทีว่าตัวเองจะต้องพบกับปัญหา...

ปัญหาที่มาพร้อมกับทรวดทรงองค์เอวและผิวนุ่มเนียนจนยากจะหักห้าม
ปัญหาที่เขาเต็มใจ ‘กระทำ’ กับเธอทันที เดี๋ยวนี้... โดยไม่สนใจผลใดๆ ที่จะตามมาทั้งสิ้น...

และเมื่อชายหนุ่มล่อลวงเธอ และต้องการให้ ‘มือของเธอ’ ไปนวดเฟ้น ‘ส่วนอื่น’ จนกระทั่งเลยเถิด
มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ...เมื่อเขาได้รับรู้ในอีก ‘เก้าเดือน’ ว่า 
‘หมอนวดส่วนตัว’ ของเขากำลังปกปิดความลับที่ทําให้เขาโมโหอย่างถึงที่สุด!

 

“เธอต่างหากที่ต้องจำไว้ว่าอย่าต่อล้อต่อเถียงปลุกอารมณ์ฉันขึ้นมาอีก
หรือว่าที่ดิ้นๆ นี่ชักติดใจอยากเลื่อนชั้นจากอนุบาลมาเป็นประถม ฮึ?... แม่สาวไม่ประสา” 

ทัตเทพตอกกลับสาวน้อยอย่างยั่วอารมณ์ 

“เอ๊ะ! ความจริงเธออยู่ประถมแล้วนี่นะ เมื่อตอนที่เธอเคลื่อนไหวอยู่บนตัวฉันน่ะ
เธอหัวไวจนฉันให้สอบผ่านด้วยคะแนนเต็มร้อยเชียวล่ะทูนหัว”
Tags: ทัตเทพ - นีราภา

ตอน: ตอนที่ 4 100%

“ปล่อยฉัน!” นีราภาดิ้นรนออกจากอ้อมแขนหนาแน่นหลังจากที่ร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย แต่เพียงแค่ขยับตัวจะลุกขึ้นเท่านั้นก็ต้องครางออกมาด้วยความเจ็บปวด! “โอ๊ย...”

“นั่งนิ่งๆสิ เห็นไหมล่ะเจ็บตัวอีกจนได้” ทัตเทพดุอย่างไม่จริงจังนักพลางสอดมือเข้าไปหมุนวนจุดศูนย์รวมความรู้สึกกลางกายสาวอย่างเร่งเร้าเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดจากการถอยห่าง ทันทีที่ปล่อยให้เธอได้เป็นอิสระฝ่ามือน้อยๆที่สะบัดใส่ใบหน้าเขาเต็มแรง
“ไอ้คนชั่วช้า แกข่มขืนฉัน!” นีราภาสะอึกสะอื้นด่าว่าเขา จ้องมองด้วยสายตาชิงชังถอยหลังไปนั่งชิดกำมะหยี่สีแดงเลือดนกที่ใช้บุหัวเตียง เรียวแขนเสลากอดเข่าตัวเองปิดบังร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเท่าที่สามารถจะทำได้

“เธอทำร้ายร่างกายฉันสองครั้งแล้วนะแม่คุณ พูดจากันดีๆก็ได้ บอกแล้วว่าฉันไม่ใช่พระเอกที่จะทนไม้ทนมือ ยื่นหน้าให้เธอตบเป็นว่าเล่นแล้วจับเธอปล้ำเป็นการลงโทษ” ทัตเทพพูดด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง ขยับกรามล่างไปมาขับไล่ความเจ็บแสบ

“ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตายคามือด้วยซ้ำ แกข่มขืนฉัน ทำลายฉัน อย่างแกมันก็เป็นได้แค่ไอ้โจรกระจอกรังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้ ฮือ... ฉันจะฆ่าแก ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก แค่ตบหน้ามันยังไม่สาสมหรอก” นีราภาต่อว่าต่อขานทั้งน้ำตา
คนถูกประณามทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเธอร้องไห้ไม่หยุด จึงยื่นสองแขนออกไปข้างหน้าราวกับนักโทษที่ยอมให้ตำรวจจับกุมแต่โดยดี “มาสิ จะฆ่าจะแกงยังไงก็ทำเลย ฉันจะนั่งนิ่งๆให้เธอทุบตี แต่แนะนำว่าอย่าแจ้งความเลยเพราะดูจากร่องรอยแล้วเราสมยอมกันมากกว่า ถ้าเธอยังมีความจำที่เป็นปกตินะ”

ความจริงที่หลุดออกจากริมฝีปากบางเฉียบทำให้นีราภามองหน้าเขาด้วยอาการตกใจ อ้าปากค้าง ในสมองเริ่มทบทวนภาพคำว่า ‘สมยอม’ ออกมาได้เป็นฉากๆ ในขณะเดียวกันสายตาก็กวาดมองไปเห็นรอยเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ยนผ้าปูที่นอนสีสะอาดตา มันยิ่งทำให้นีราภาร้องไห้หนักขึ้น ก้มหน้าก้มตาร่ำไห้กับตัวเองอย่างหมดทางต่อกร

ทัตเทพทำอะไรไม่ถูก มองคนที่กำลังร้องไห้จนตัวโยนอย่างจนปัญญาพลางคิดในใจว่า... ก็นี่ไงล่ะ ทำไมถึงได้หลีกเลี่ยงและเบื่อหน่ายที่จะมีสัมพันธ์กับสาวบริสุทธิ์นัก น้ำตา ข้อเรียกร้องที่มากเกินไปจะนำมาซึ่งความเบื่อหน่ายที่เขาหลีกหนีมาตลอดชีวิตหนุ่ม แต่เอาวะ! ก็ติดใจเธอเสียอย่างนี้ ลองๆถามดูหน่อยแล้วกันว่าเธอจะเอายังไง

“องุ่น หยุดร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นมาคุยกันหน่อยได้ไหม?” ทัตเทพเปลี่ยนมานั่งกอดอกมองร่างที่ขดตัวราวกับลูกบอลเก่าๆอยู่ไม่ไกล แล้วต้องถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้งเมื่อเธอยังเอาแต่ร้องห่มร้องไห้เช่นเดิม “เฮ้! สาวน้อย เธอต้องการอะไรก็พูดมาสิ จะเอาแต่ร้องไห้อย่างนี้ก็ไม่ต้องทำอย่างอื่นกันพอดี”

“ต้องการให้แกไปตายซะ ถ้าฉันร้องไห้แล้วมันสามารถทำให้แกไปลงนรกได้ ฉันก็จะร้องจนไม่มีน้ำตา” นีราภาเงยหน้าขึ้นมาด่าว่าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ข่มความอายที่ต้องเปิดเปลือยร่างกายให้เขาเห็นอีกครั้ง ขยับตัวหย่อนเท้าลงบนพื้นแล้วคว้าเสื้อผ้าขึ้นมาปกปิดร่างกายของตัวเองเพราะต้องการไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างใจนึกเพราะร่างเปลือยเปล่าที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ก้าวเข้ามาขวางทางไว้ทันที

ทัตเทพมองร่างเปลือยที่ยังมีแพนตี้ลูกไม้เนื้อบางขาดวิ่นติดอยู่บนเรือนร่างของเธอตาปรอย “จะไปไหน ยังไม่พูดมาเลยว่าเธอจะเอายังไง?”

“กลับบ้าน! หลีกทาง” นีราภากัดฟันพูดเพราะยังรู้สึกเจ็บหน่วงบริเวณจุดลี้ลับเหลือเกิน

“กลับยังไงดึกดื่นป่านนี้ ค้างที่นี่สักคืนก็ได้น่า... พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวฉันจะไปส่งหรืออยากอยู่ที่นี่ต่อก็ได้ ให้สิทธิพิเศษเธอกว่าใคร อยากอยู่นานแค่ไหนก็ตามใจ”

นีราภามองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาโกรธแค้น ทำไมจะไม่เข้าใจว่าคำพูดนั้นมันหมายถึงอะไร เขาก็คิดแค่ว่าตนเป็นผู้หญิงขายตัวคนหนึ่งที่มีบริการนวดพร้อมนาบ เจออาเสี่ยรวยๆกระเป๋าหนักก็น่าจะพอใจ ไม่ต้องเล่นตัวให้มากความ “ปัญญาอ่อน สมองไร้รอยหยักหรือไง ฉันตะโกนอยู่ปาวๆว่าไม่ได้ขายตัว แล้วจะเสนอหน้าอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ถ้าอดอยากมากนักก็ออกไปหาผู้หญิงที่เขาเต็มใจมาสนองอารมณ์ แต่ฉันไม่ ไม่! ได้ยินไหม!!”

“อย่ามาปากจัดกับฉันนักเลย นี่ยอมลงให้มากแล้วนะ ทำไมไม่มาคุยกันดีๆ แล้วฟังเรียกคนอื่นซิ จิกเรียกแกอย่างนั้นอย่างนี้ทุกคำ” ทัตเทพเริ่มดุด้วยน้ำเสียงเข้ม ก็เขายอมอ่อนข้อให้คนอื่นอย่างนี้เสียเมื่อไหร่ “ทำไมฉันจะไม่เข้าใจว่าเธอไม่ได้ขายตัว แต่ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วก็พูดมาสิ ว่าจะเอายังไง ต้องการให้ฉันรับผิดชอบอะไร ฉันยังไม่ได้พูดสักคำว่าจะจ่ายค่าตัวให้เธอ”

“กรี๊ด...” นีราภากรีดร้องออกมาอย่างคนที่โกรธจัดจนไม่สามรถระงับสติของตัวเองได้ โผเข้าไปทุบตี จิกข่วนร่างแกร่งที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ร้องไห้... ระเบิดความเสียใจออกมาเป็นคำพูดยืดยาวทั้งน้ำตาจนคนฟังเกิดความรู้สึกสงสาร “ก็ฉันไม่อยากได้อะไรจากแกทั้งนั้น ไม่ต้องการความรับผิดชอบของแก ไม่ต้องการเห็นหน้าแก แล้วก็จะจิกเรียกอย่างนี้ใครจะทำไม สิ่งเดียวที่ต้องการคือไม่อยากเห็นแกมีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป ให้ฉันได้ไหมล่ะ!! ฮือ...”

ทัตเทพกระหวัดแขนรัดร่างที่ร้องไห้ ระดุมทุบตีตนไม่เลือกที่เข้าไว้อย่างหนาแน่น เธอร้องไห้หนักจนไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร ที่สำคัญคือในขณะที่เขาแสดงความรับผิดชอบเธอกลับไม่ต้องการ ไม่เหลียวแลแต่กลับอยากให้เขาตายไปจากโลกใบนี้

นีราภาไม่มีแรงต่อสู้ขัดขืน ได้แต่ร้องไห้ เรี่ยวแรงทุบตีก็เริ่มน้อยลงยอมนั่งซ้อนบนหน้าขาแกร่งที่นั่งอยู่ปลายเตียง โยกตัวไปมาอย่างปลอบโยน แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักขึ้น เสียใจในอ้อมกอดของคนที่พรากเอาความบริสุทธิ์ไปอย่างไม่มีวันเรียกกลับคืน

“งั้นก็ร้องไห้เสียให้พอ... ฉันผิดเอง ฉันขอโทษ” ทัตเทพบอกด้วยน้ำเสียงขอลุแก่โทษทั้งยังใช้นิ้วเกี่ยวเอาแพนตี้ตัวบางที่ขาดวิ่นจนไม่เหลือสภาพออกไปอย่างง่ายดาย “บ้านเธออยู่แถวไหน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับพ่อแม่ของเธอเอง”

ผีห่าซาตานตนใดเข้าสิงให้ผู้ชายที่รักและหวงแหนความโสดมาจนถึงอายุสามสิบ พูดกับสาวน้อยในอ้อมแขนราวกับจะรับผิดชอบเธอตลอดชีวิต! แต่แทนที่สาวเวอร์จิ้นจะดีใจ ซุกตัวลงกับอกแล้วจูบขอบคุณ เธอกลับหยุดร้องไห้ ส่ายหน้าจนผมเผ้ากระจาย
“ไม่! ฉันไม่ได้ต้องการให้ใครมารับผิดชอบ”

ทัตเทพมองใบหน้างดงามที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา แดงตาแดงช้ำ ปลายจมูกแดงระเรื่อเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก สงสัยว่าทำไมเธอถึงได้ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนี้ “ทำไม?”

ก็ใครจะกล้าบอกล่ะ มันเรื่องเล็กเสียเมื่อไหร่ โดนขืนใจก็ว่าไปอย่างแต่นี่อะไร!?... ก็เสนอตัวให้เขาในบางครั้งอย่างนั้นจะเรียกว่าขืนใจได้ยังไงกัน “ฉะ...ฉันอยู่คนเดียว คะ...คือ หมายถึงพ่อแม่เสียหมดแล้ว มาเรียนที่นี่คนเดียว”

“อืม... งั้นก็อยู่ด้วยกันที่นี่แหละ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงของฉันแล้ว” ทัตเทพตีขลุมเอาเองง่ายๆ

“ไม่ ก็บอกว่าไม่ ฉันไม่ได้เป็นผู้หญิงของแก...”

สายตาคมกริบที่จ้องมองอย่างดุๆ ทำให้หญิงสาวชะงักคำพูดทันที “ถ้ายังจิกเรียกไม่เลิก จะแสดงให้ดูอีกครั้งว่าเราเป็นของกันและกันแล้ว เธอเป็นของฉัน ฉันก็เป็นของเธอ ถ้าไม่ต้องการความรับผิดชอบจากฉันก็ช่างปะไร แต่ฉันต้องการให้เธอรับผิดชอบ ได้ฉันแล้วจะทิ้งไปง่ายๆน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ”

“คุณ!” นีราภาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรกับคนตรงหน้าดี รู้ว่าเขาก็เข้าใจแต่กลับจงใจลากไปอีกเรื่อง

“อย่างนี้สิถึงรื่นหูหน่อย แต่ถ้าจะให้ดีเธอต้องแทนตัวเองว่าองุ่นอย่างนั้น องุ่นอย่างนี้ มันถึงจะสมวัยหน่อย”

“นั่นมันสำหรับคนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน” นีราภาโต้กลับทันควัน

“เรื่องสนิทนี่เราแนบชิดกันจนถึงแก่น ส่วนคุ้นเคยมันต้องทำบ่อยๆนะ แบบให้สนิทจนถึงแก่นบ่อยๆแล้วมันจะคุ้นเคยเอง”

“คิดได้แต่เรื่องพรรค์นี้หรือไง ฉันหมายความว่านั่นมันสำหรับคนที่รู้จักกันมานาน รู้จักประวัติส่วนตัว แล้วอย่ามาเล่นลิ้นกวนโมโห ฉันรู้ว่าคุณเข้าใจ”

ทัตเทพเบ้ปากอย่างหยอกเย้าเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่กล้าดุเขาอย่างนี้ “เทมส์ ทัตเทพ วิชิตเมธา อายุสามสิบปีห้าเดือน ไม่ได้แก่จนเธอต้องเรียกท่านอย่างตอนแรกที่เดินเข้ามา ส่วนนิสัยใจคอ ชอบอะไร เกลียดอะไรเดี๋ยวอยู่ด้วยกันไปเธอก็รู้เอง”

“อย่ามาตลกน่า ฉันไปรับปากตอนไหนว่าจะอยู่ที่นี่ แล้วก็ปล่อยได้แล้วฉันต้องกลับบ้าน” นีราภาบอกเมื่อรู้สึกตัวว่าเธอไม่จำเป็นต้องมานั่งเถียงเรื่องพวกนี้กับเขา

“กลับตอนนี้ไม่ได้มันอันตราย แถวนี้มันชานเมืองทั้งมืดทั้งเปลี่ยว ถูกพวกโจรมันฉุดไปจะทำไง?” ตะล่อมเธอให้อยู่ด้วยกันเสียก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน ชายหนุ่มคิดในใจ

“ก็ไม่มีอะไรต้องเสียมากกว่านี้แล้วนี่ มันจะต่างอะไรถ้าวันนี้ฉันต้องเจอทั้งเสือทั้งจระเข้” นีราภาประชดประชันด้วยน้ำเสียงขื่นใจ

“เออ! ก็ยอมรับผิดแล้ว ทำไมถึงได้ขยันประชดอย่างนี้ด้วย รีบๆไปอาบน้ำเลยไปก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจลากเธอเข้าไปด้วยกัน ถึงตอนนั้นล่ะก็... จะยกมาทั้งสวนสัตว์เลย” ทัตเทพบอกด้วยน้ำเสียงติดรำคาญแต่ความจริงแล้วกำลังรู้สึกผิดมหันต์ต่างหาก “หรือจะเอา?”

นีราภาผุดลุกขึ้นจากตักแกร่ง เดินแกมวิ่งอย่างไม่มั่นคงนักหายตัวเข้าไปในห้องน้ำราวกับหนีปีศาจร้าย จนคนมองถึงกับส่ายหน้าให้ความรั้นที่มีอยู่ในตัวของเธอ แต่ก็ต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างมีความสุขเพราะชอบใจนักที่เธอเป็นอย่างนี้ พูดจาตอบโต้ได้อย่างทันเกมส์ ฉะฉาน ตรงไปตรงมาแต่ก็ร้องไห้อย่างไม่อายตามสูตรสาวบริสุทธิ์ผู้เหนียมอาย มันเป็นบุคลิกที่ขัดแย้งซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัว

ทัตเทพยิ้มพลางเดินออกจากห้องนอนส่วนตัวมาใช้ห้องน้ำอีกห้องหนึ่ง จัดการชำระร่างกายของตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าสาวน้อยที่ได้ลิ้มรสความพิสุทธิ์ ผุดผ่องของเธอจะหนีหายไปเสียก่อน

ในขณะที่นีราภากำลังจ้องมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ เนื้อตัวเปลือยเปล่าเป็นรอยไปทั่วโดยเฉพาะบริเวณทรวงอก ความเสียใจ ผิดหวังในตัวเองก็กลับเข้ามาเกาะกุมหัวใจดวงน้อยอีกครั้ง สิ่งที่พ่อแม่ได้เคยพร่ำสอนไว้ก่อนท่านจากไปว่าให้รักนวลสงวนตัว มอบความรักทั้งกายและใจในวันที่พร้อม แต่บัดนี้กลับรักษาไว้ไม่ได้อีกแล้ว หญิงสาวไม่เหลือน้ำตาไหลรินออกมาสักหยดแต่ในใจตอนนี้กลับเศร้าหมองเพราะกำลังรู้ซึ้งถึงคำว่า น้ำตาตกใน!

ก๊อก... ก๊อก... ก๊อก...

“หลับในห้องน้ำหรือไง เปิดประตูหน่อยฉันเอาเสื้อผ้ามาให้” เสียงห้าวของทัตเทพดังขึ้น หากแต่เพียงชั่วอึดใจที่เธอไม่ตอบโต้ ประตูห้องน้ำที่ถูกล็อกไว้อย่างดีก็ถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย เสียงจิ๊จ๊ะในลำคอหนาดังขึ้นเมื่อภาพที่เห็นไม่เป็นดังที่คิด

“ว้าย... ไม่มีมารยาท เปิดเข้ามาทำไม!” นีราภาต่อว่าทั้งยังโล่งอกว่าได้พันผ้าเช็ดตัวไว้แล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงเคาะประตูถี่ๆนั่น

“เอาชุดนอนมาให้ แล้วก็ใส่แต่โดยดีอย่าได้คิดจะมีปัญหา หรือถ้ากำลังคิดอยากมีปัญหาก็ลองดู ถ้าคิดว่าสู้แรงฉันได้”

นีราภาส่ายหน้ารับไม่ได้กับการกระทำของผู้ชายที่พรากเอาความสาวของตนไปทั้งที่ไม่รู้จักกันสักนิด “คุณนี่มันดีแต่ใช้กำลังแล้วก็ข่มขู่คนอื่น ถอยไป ฉันจะแต่งตัว!”

ทัตเทพถอยหลังออกมาจากห้องน้ำตามแรงผลัก สะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำปิดลงอย่างแรงในระยะที่ห่างจากใบหน้าเพียงแค่คืบ ริมฝีปากบางเฉียบบิดเบ้ ถอยหลังออกมาครึ่งก้าว อมยิ้มพร้อมมองราวกับจะทะลุเข้าไปเห็นคนที่อยู่ในห้องน้ำอย่างชอบใจ “แปลกคนดีแท้ ร้องไห้เป็นเผาเต่าแต่พอบอกจะรับผิดชอบกลับไม่สนแฮะ!”

เอาวะ! ยังไงๆวันนี้ก็หาวิธีหลอกเด็กให้ค้างคืนที่นี่ด้วยกันเสียก่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที แต่จะให้ปล่อยเธอไปตอนนี้ล่ะก็ อย่าหวัง! ชายหนุ่มคิดอย่างสำราญใจ เธอก็เปรียบเหมือนชุปเปอร์คาร์คุณภาพระดับโลกที่เขาเพิ่งค้นเจอ แรกๆอาจจะไม่คุ้นชินแต่รับรองว่าหากได้ลองขับบ่อยขึ้นมันต้องยอดเยี่ยมเหนือคำบรรยาย ก็ในเมื่อว่าครั้งแรกของเขาและเธอที่เพิ่งผ่านพ้นไปมันเลิศเลอ ร้อนแรง หวานแหลม สุขสมจนแทกสำลัก!

นีราภาเปิดประตูห้องน้ำออกมาไม่เบานักแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่ยืนขวางทางอยู่รู้สึกตัว เขายังทำตาเชื่อมโดยที่เธอเองมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผู้ชายคนนี้ต้องคิดเรื่องอกุศลอยู่เป็นแน่ “โรคจิตหรือไงมายืนเฝ้าหน้าห้องน้ำเนี่ย”

หากแต่คนถูกกล่าวหากลับถอนหายใจแล้วทำหน้าเบื่อหน่ายราวกับไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ฉวยโอกาสคว้าข้อมือเล็กเดินออกไปจากห้องนอนใหญ่ โดยที่ไม่ฟังเสียงเอะอะโวยวายของเธอเพราะกำลังพอใจที่ได้เห็นว่าชุดนอนของตนนั้นเมื่อได้อยู่บนเรือนร่างผุดผาดของเธอแล้วมันช่างส่งผลให้เธอดูเซ็กซี่ เร้าอารมณ์หนุ่มเหลือเกิน ไม่กี่นาทีต่อมาทัตเทพก็พาร่างระหงของนีราภานั่งลงเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่มีอาหารหน้าตาน่ารับประทานวางเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ

“กินสิ หิวไม่ใช่เหรอ” ทัตเทพบอกหลังจากที่เดินไปนั่งอยู่เก้าอี้ตัวตรงกันข้าม ลงมือรับประทานอาหารอีกครั้งทั้งที่ความจริงแล้วอาหารมื้อสุดท้ายของวันนี้ได้ผ่านไปเมื่อราวสี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สายตาคมกริบยังเหลือบมองใบหน้าผ่องใสที่กวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะแล้วกลืนน้ำลายลงคอจนสังเกตเห็นได้ว่าลำคอของเธอมันเคลื่อนไหวอย่างน่ามอง

ให้ตายเถอะ! แล้วทำไมต้องทำตัวเป็นถ้ำมอง แอบมองเธอราวกับเป็นไอ้แก่หัวงูอย่างที่เธอชอบประณามด้วย ทัตเทพคิดในใจแต่ก็ไม่อาจละสายตาจากใบหน้าของผู้หญิงที่ทำให้รู้จักคำว่าอิ่มเอมในเสน่หาได้เป็นครั้งแรก หากแต่เพียงไม่นานการจ้องมองเธอก็ทำให้เขารวดร้าวด้วยความปรารถนาขึ้นมาอีกครั้ง!

นีราภามองอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้าด้วยความหิวโหย ก็ไม่มีอาหารตกท้องมาเกือบสิบสองชั่วโมงแล้วจะไม่ให้หิวได้ยังไง หากไม่มีผู้ชายที่เพิ่งขืนใจตนนั่งอยู่ตรงหน้าตอนนี้คงได้มีความสุขกับรสชาติล้ำเลิศของมัน

ขืนใจ!? คิดถึงคำนี้แล้วอยากจะกลั้นใจตายตรงนี้นัก เพราะคำนั้นมันใช้ได้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ได้เพียงแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาร่ายเสน่หาด้วยความเชี่ยวชาญ เธอก็ตัวอ่อน ยินยอมให้เขาชักจูงได้อย่างง่ายดาย หนำซ้ำที่ทำให้ต้องเจ็บใจตัวเองมากขึ้นไปอีกก็คือ เสียงเรียกร้องในสิ่งที่น่าอาย ขอร้องราวกับกลัวว่าเขาจะทิ้งตนไว้ให้อยู่อย่างเดียวดายในเส้นทางปรารถนาที่กำลังคุโชน!!

นีราภาคิดด้วยความละอายแก่ใจ และสิ่งที่ต้องทำต่อไปก็คือการป้องกันตัวเองจากตั้งครรภ์อันไม่พึงประสงค์ จริงสิ! ไม่มีเวลาให้พิรี้พิไรอยู่อย่างนี้อีกต่อไปแล้ว ทันทีที่หญิงสาวตั้งสติคิดทบทวนเรื่องที่ผ่านมาได้ก็ไม่รีรอที่จะเอ่ยปากถามแม่บ้านที่เดินผ่านมา
“ขอโทษค่ะ พอจะมีเข็มกับด้ายไหมคะ ถ้าไม่ลำบากนักช่วยหาให้หน่อยนะคะ” นีราภาหันไปพูดกับแม่บ้านที่กำลังถือตะกร้าพลาสติกซึ่งบรรจุเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ในนั้นด้วยความกระดากอาย

“เอ่อ... เดี๋ยวดิฉันจะจัดการซ่อมแซมและซักรีดให้เรียบร้อยเองค่ะ พรุ่งนี้เช้าคงจะเรียบร้อยค่ะ” แม่บ้านบอกอย่างสุภาพนอบน้อม

“มะ...ไม่ต้องค่ะ แค่หาเข็มกับด้ายมาก็พอ ฉันต้องใช้มันตอนนี้” แต่ไม่ทันที่จะได้พูดจบประโยค เสียงห้าวดุก็ดังขึ้นทันที

“น้อย... เอาเสื้อผ้าพวกนั้นไปโยนใส่ถังขยะซะ ฉันไม่อยากเห็นมันอีก” ทัตเทพสั่งพร้อมหันกลับมาจ้องดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังหันขวับมาจ้องเขม็งอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน หลังจากที่แม่บ้านเดินออกไปอย่างรวดเร็ว


“ไม่ได้นะ ก็บอกแล้วว่าฉันจะกลับบ้าน”


“พูดไม่รู้เรื่อง บอกให้กินข้าวยังจะร่ำๆกลับบ้าน” จบคำพูดทัตเทพก็ต้องมองตามร่างระหงที่ลุกขึ้นแล้ววิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วด้วยความสงสัยพลางคิดในใจว่า เออ! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ทำไมเธอถึงได้ทำตรงกันข้ามกับคำพูดของเขาทุกอย่างๆนี้นะ รู้ล่ะว่าเธอคิดจะทำอะไร จะไปจากเขาด้วยวิธีไหน แต่ไม่มีวันซะล่ะ เขาจะไม่มีวันปล่อยให้สาวน้อยที่เพิ่งได้ลิ้มรสชาติความพิสุทธิ์ของเธอไปง่ายๆ ในตอนที่ไฟปรารถนายังคุกรุ่นอยู่อย่างนี้ได้เช่นไร!?



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2558, 12:58:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มิ.ย. 2558, 12:58:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1126





<< ตอนที่ 3 100%   ตอนที่ 5 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account