แค้นรักแค้นเสน่หา
“ผมไม่วิปริตเหมารวมทั้งครอบครัวหรอกจ้ะ เอาแค่คุณคนเดียวแต่ไม่ใช่ครั้งเดียว โอเค้?” พูดหน้าตายแล้วแนบฝ่ามือเข้าหา ในขณะที่เจ้าตัวไม่รู้จะปกปิดส่วนไหนของร่างกายที่ถูกเขาคุกคามอย่างหนัก “อีกอย่าง... คุณต้องทรีตร่างกายผมให้หนักกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่เงอะงะ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง ถ้าผมไม่กำไรอย่างน้อยก็เท่าทุนยังดี”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
เมื่ออสังหาริมทรัพย์หลายแปลงถูกโกงไปอย่างน่าโมโห มีหรือที่CEO แห่งติโมชุก อินดัสตรี ซึ่งมีผลประกอบการสูงติดอันดับโลกจะยอมถูกลูบคม “ฮาร์คิฟ ติโมชุก” จึงต้องมาทวงคืนจากผู้เป็น “พ่อบุญธรรม” ด้วยตัวเอง
หากรูปร่างน่าปรารถนาและแววตาที่ใช้เชิญชวนเพศตรงข้ามของลูกสาวพ่อบุญธรรม ก็ทำให้เขาอยากสั่งสอนสองพ่อลูกได้ตระหนักว่า... การฉกเอาทรัพย์สินคนอื่นไปเป็นของตนนั้นต้องชดใช้ทั้งต้นและดอกเบี้ยให้ครบถ้วน
“อภินรา” ไม่เคยระแวงใจในดวงตาสีเขียวอมฟ้าแสนเซ็กซี่คู่นั้นเลยสักครั้ง เขามีเสน่ห์ ดึงดูดใจจนทำให้โลกของเธอสั่นสะเทือน เขากำลังใช้เสน่ห์ทางกายล่อลวงให้เธอ “เผลอใจ” และคิดดอกเบี้ยอย่างหฤโหดด้วยการทำให้เธอ “เผลอตัว” แม้จะรู้แก่ใจว่ากำลังใช้หนี้ แต่ดอกเบี้ยแห่งปรารถนาที่เขาทวงจากเธอทุกค่ำคืนก็เริงร้อน วาบหวามน่าหลงใหล
เขากำลังทำสงครามบนเตียงกับลูกหนี้สาว ที่ไม่เคยใจดียอมให้ใครรีเควสได้อย่างเธอ ไม่ว่าจะ... ดับเบิ้ล ทริปเปิ้ลหรือนอนสต็อป เขาก็ไม่เคยเกี่ยงที่จะเก็บหนี้เลยสักวินาทีทั้งยังติดอกติดใจจนคิดแผนการเหนือชั้นเพื่อ “ตลบหลัง” ลูกหนี้สาว ด้วยการ... ทำให้เธออยู่บนเตียงของเขาตลอดไป
“ฉันไม่นิยมความสัมพันธ์แบบ วัน ไนท์ สแตนด์ หรอกค่ะ คุณคงมาหาผิดคนแล้ว”
เขาเงียบและจ้องหน้าเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะร่วนอย่างชอบใจ “เอลก้าที่รัก... แน่นอนว่าผมคิดกับคุณมากกว่าหนึ่งคืน อันที่จริงผมคิดทุกวินาทีด้วยซ้ำ แต่ถ้าพูดออกไปตรงๆกลัวว่าคุณจะรังเกียจ พานเกลียดขี้หน้าผมน่ะสิ”
อภินราทำตาโต มองค้อนเขาตาเขียวปัด ไม่คิดว่าเขาจะกล้าพูดเปิดเผย ตรงเสียจนกลายเป็นแข็งทื่อเช่นนี้
“คนเหลือทน! คุณพูดมันออกมาแล้วต่างหาก”
Tags: ฮาร์คิฟ - อภินรา
ตอน: ตอนที่ 2 100%
ชั่วโมงต่อมาอภินราจึงเดินออกมาส่งตฤณด้านหน้า พลางคิดในใจว่าจะพูดกับเขาอย่างไรถึงจะเป็นการถนอมน้ำใจกัน หากเสียงห้าวของตฤณก็ดังขึ้นทำลายความเงียบงัน
“เราไปคุยกันในสวนก่อนได้ไหม ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณตามลำพังเลย” ตฤณบอกพร้อมยิ้มเมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับและเป็นฝ่ายเดินนำไปยังสวนที่มีม้านั่งวางอยู่หน้าน้ำพุขนาดย่อม
เมื่อทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งเหล็กสีขาวสะอาดตา อภินราก็ชั่งใจสักพัก เรียบเรียงคำพูดให้ดีเพราะอยากรู้เหลือเกินว่า ระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนที่รู้จักกันจะทำให้เขาตัดสินใจสละโสด ถ้านับกันจริงๆเธอและเขาก็เพิ่งจะรู้จักและสนิทสนมกันในเวลาไม่ถึงสี่เดือนด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียก่อน
“ซีโลนอนกับคุณทุกวันเหรอเอลก้า ดูแกติดคุณเอามากๆนะ” ตฤณถาม เพราะก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมาส่งนี้ก็ต้องตะล่อมให้ซีโลรออยู่ข้างในพักใหญ่ แถมสายตาที่หนุ่มน้อยมองผู้เป็นอาอย่างหวงแหนก็ทำให้เขาเริ่มคิดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังแต่งงาน
“ค่ะ ตั้งแต่พ่อกับแม่ของแกจากไป ซีโลก็นอนกับฉันทุกคืน ทำไมเหรอคะ?”
ตฤณส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนความกังวลเอาไว้ “เปล่า... ผมแค่คิดว่าแกอาจจะต่อต้านถ้ารู้เราแต่งงานกัน”
อภินราคร่ำครวญในใจเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปตกปากรับคำแต่งงานกับเขาตอนไหนกัน แต่ยังไงก็ต้องคุยกันให้เข้าใจเพราะเธอคงไม่ยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่เห็นว่าซีโลเป็นตัวปัญหาแน่ เมื่อเขาเป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนก็เป็นโอกาสอันดี “ถ้าแกต่อต้าน คุณจะทำยังไงคะ?”
“อย่าล้อผมเล่นน่าเอลก้า คุณคงไม่ให้ซีโลอยู่ในห้องนอนของเราทุกคืน” ตฤณถามพลางมองอย่างไม่ไว้ใจ
“ฉันยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบคุณยังไงด้วย”
ตฤณขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างไปตรึงหัวไหล่บอบบางให้เธอหันมาเผชิญหน้ามากขึ้น แล้วพูดกับเธอตามความคิดของตน
“ผมเข้าใจนะเอลก้าว่าคุณรักแกมาก ผมไม่เคยมีปัญหากับสิ่งที่คุณรักหรือชอบ ผมเข้าใจว่าซีโลยังเด็กแถมยังต้องการความรักความอบอุ่นจากคุณ แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องมีชีวิตส่วนตัว ต้องสร้างครอบครัวเหมือนกัน ทำไมเราไม่มาช่วยกันผลักดันให้ซีโลเข้มแข็งขึ้น สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่โวยวายเช่นที่เป็นตอนนี้”
“แกชอบละเมอถึงแม่ บางวันหนักหน่อยก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก” อภินราจงใจเพิ่มปัญหาให้เขาได้รับรู้ และมันเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงสถานการณ์สมมติที่เธอใช้ลองใจเขา
ตฤณถอนหายใจ มองใบหน้างดงามอย่างจริงจัง บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของตนต้องน่าเบื่ออย่างแน่นอน “ผมก็ต้องการคุณไปไม่น้อยกว่าซีโลหรอกนะเอลก้า”
อภินราหัวใจห่อเหี่ยวกับคำตอบ แม้ว่าเขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่เธอก็รู้ดีว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคู่แต่งงานที่ต้องมีช่วงเวลาแห่งเสน่หาร่วมกัน แต่ถ้าคำตอบของเขาควรต้องคำนึงถึงความรู้สึกของซีโลให้มากกว่านี้ เช่นรับปากว่าจะค่อยๆแก้ไขปัญหานี้ไปด้วยกัน ไม่ใช่บอกแค่ความต้องการของตัวเองแล้วผลักปัญหาทั้งหมดนี้มาให้เธอเพียงผู้เดียว
“รักฉันตรงไหนคะตฤณ” เสียงหวานถามอย่างแผ่วเบา
“ต้องถามว่า ใครบ้างที่เห็นคุณแล้วไม่ตกหลุมรักผู้หญิงสวย เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ผู้ชายคนนั้นคงบ้าหรือไม่ก็ตาบอด” ตฤณเยินยอว่าที่เจ้าสาวด้วยคำพูดสวยหรู หากแต่ไม่ทำให้คนฟังปลาบปลื้มใจสักเพียงนิด
“ฉันอายุยี่สิบหกแล้วนะคะ เจอคนมาก็มาก จะให้เข้าใจว่าคนเหล่านั้นตาบอดกันหมด ก็คงจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงคุณไม่ได้เปิดใจให้ใครต่างหาก ด้วยภาระหน้าที่หลายอย่างอาจจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวที่สาวๆบางคนออกไปสนุก พบเจอเพื่อนต่างเพศ แต่คุณกลับต้องใช้เวลาดูแลคุณพ่อและหลานชาย ซึ่งผมยกย่องชื่นชมในเรื่องนี้นะ”
ผิดแล้ว! เธอไม่ได้ต้องการคนมายกย่องสรรเสริญ แต่ต้องการใครสักคนเข้ามาแชร์ความรู้สึกสุข ทุกข์ เศร้า เป็นเพื่อนคู่คิดที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องมายกย่องอะไรหรอกค่ะ กลับเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไหนพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปต่างประเทศอีก”
ตฤณยิ้มพร้อมมองตามร่างที่เบี่ยงตัวออกจากฝ่ามือของตนอย่างนุ่มนวล เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักฝ่าเท้าเมื่อชายหนุ่มเดินมาดักหน้าเอาไว้
“ไม่เห็นหน้าคุณสามวัน ผมคงคิดถึงมาก” พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและวาดวงแขนเข้าสวมกอดร่างอรชรอย่าถือสิทธิ์
อภินราเกร็งตัวต่อต้านเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่อาการต่อต้านนั้นหายไปเมื่อข้อกังขาหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกวาบหวามหรืออบอุ่นใจเมื่อได้สัมผัสกันอย่างแนบชิด แม้ลองเอื้อมมือไปวางไว้บนแผ่นหลังกว้าง กอดตอบเขาในนาทีต่อมาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกใจเต้นแรงแต่อย่างใด มันเฉยชาไร้ซึ่งแรงดึงดูด เทียบไม่ได้กับความรักสมัยเรียนเสียด้วยซ้ำ!
หากคนที่ถูกกอดตอบกลับใจชื้น หัวใจเต้นระรัว ดีใจไปกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ได้จากเธอ ยอมให้เธอดึงตัวออกจากอ้อมกอดทั้งที่ความจริงแล้วอยากจูบลาเสียด้วยซ้ำ
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ พรุ่งนี้ขอให้เดินทางปลอดภัย” อภินรายิ้มพร้อมโบกมืออำลาให้ชายหนุ่มที่เดินห่างออกไป รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์วรโชติพร้อมๆกับความจริงอันแน่ชัดที่ประจักษ์แก่ใจอภินรา
นั่นคือ... เธอไม่ได้รักตฤณเลยสักนิด!
อภินราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งข้อและคนที่ดูจะไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอเลยนั่นก็คือผู้เป็นพ่อนั่นเอง หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา!
“ออกรถ” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าร่างอรชรเดินหายไปจากระยะสายตาที่มองได้ชัดเจนจากรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ริมรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่
เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อสองวันที่ผ่านมา ติดตามความเคลื่อนไหวของคนตระกูลวรโชติทุกฝีก้าว รายละเอียดที่ได้จากการจ้างนักสืบเอกชนเพิ่งถึงมือในตอนเช้า และดูเหมือนว่า... พ่อบุญธรรมมากเล่ห์จะใช้ลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียวให้เป็นประโยชน์ในทางธุรกิจ แถมเจ้าตัวก็ยังดูเต็มอกเต็มใจถึงขั้นมายืนพลอดรักกับนักธุรกิจหนุ่มซึ่งตามรายงานระบุว่า เป็นทายาทปูนซีเมนต์และซูเปอร์มาร์เก็ตขายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ
ฮาร์คิฟโยนเอกสารในมือเมื่อเห็นรูปถ่ายและประวัติโดยละเอียดของตฤณ เรืองโกเมศ รูปร่างสูงใหญ่ใช้ได้ แต่หน้าตานี่จืดชืดหาแรงดึงดูดไม่เจอแบบนี้ หล่อนคงใช้มารยาล่อลวงได้ไม่ยาก! ไม่อยากจะคิดว่าหลานชายของเขาจะมีนิสัยอย่างไรถ้าต้องอยู่ในความดูแลของพ่อลูกตระกูลวรโชติต่อไป
“เอ่อ... ท่านครับ จะกลับโรงแรมเลยหรือจะแวะรับประทานอาหารเย็นก่อนครับ” รามานถามเมื่อออกรถมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เจ้านายยังไม่บอกความต้องการให้ชัดเจนขึ้น
“ไปกินที่โรงแรม ถามยังกับรู้ดีว่าที่นี่ร้านไหนอร่อย” ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ
เมื่อได้อ่านรายงานของนักสืบเขาก็รีบออกจากโรงแรม เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมเฟสใหม่ของบริษัท วรโชติ คอนสตรักชั่น ภายในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เอ่ยชื่นชมในความสามารถของอภินรา วรโชติ ทั้งนั้น
ใบหน้างดงามปรากฏตัวให้เห็นบนเวที พร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยถึงโครงการใหม่ให้ผู้คนได้รับรู้ สามารถตรึงสายตาของเขาให้นิ่งงัน จดจ้องอยู่ที่เธอได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ไม่ได้เห็นเธอในระยะประชิดแต่การที่เธอยืนเด่นเป็นสง่าบนเวทีก็ทำให้เขายอมรับกับตัวเองว่า... เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ อาจจะเป็นเพราะเลือดผสมของพ่อที่เป็นชาวไทยและแม่ที่เป็นยูเครน ส่วนผสมอันลงตัวที่ประกอบขึ้นเป็นเธอช่างดึงดูดสายตาต่อเพศตรงข้ามยิ่งนัก
แต่ก็นั่นแหละ ผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ!
งานเลี้ยงจบลงในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง เขาสะกดรอยตามเธอจนมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ช่วงเวลาสองสามชั่วโมงที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด เขาก็ได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน มันทำให้เขาโกรธจนแทบเข้าไปเค้นเอาความจริงจากปากของอานันท์ วรโชติ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าอยากได้สิทธิ์ดูแลหลานชายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เขาเพิ่งรู้ว่าสามปีที่แล้ว อังเดรมีแผนจะแต่งงานกับลูกสาวนักการเมืองคนหนึ่ง มีทั้งสำเนาการ์ดเชิญและคอลัมน์ข่าวกรอบเล็กๆที่ตัดมายืนยันให้ได้เห็นกับตา มันทำให้เขารู้ได้ว่าเพราะเหตุใด วาเรียถึงได้ตัดสินใจจบชีวิตลงเช่นนั้น
หากไม่อยากคิดเลยว่าถ้าแม่ของเขารับรู้เรื่องนี้แล้วท่านจะเสียใจมากแค่ไหน แม้ว่ามาร่าไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้า แต่ท่านก็เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อายุหกขวบ วาเรียคือน้องสาวต่างแม่ที่ไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก ยิ่งผู้เป็นพ่อและมาร่าหย่าร้างกัน เขากับวาเรียก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น ฮาร์คิฟนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ได้สนใจที่จะซักไซ้ไล่เลียงในการจากไปของวาเรียนัก มาร่าพูดอย่างไรก็เชื่อตามนั้น ด้วยไม่คิดว่าจะมีเรื่องทำร้ายจิตใจวาเรียอย่างร้ายกาจเช่นนี้เกิดขึ้น
ระยะทางจากคฤหาสน์วรโชติกับโรงแรมที่เขาพักอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก แต่ด้วยการจราจรอันติดขัดของเมืองหลวงที่ความเจริญยังกระจุกตัวอยู่ที่เดียวก็ทำให้เขานั่งหน่ายใจอยู่บนรถเป็นชั่วโมง เมื่อถึงโรงแรมสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นห้องเดอะ เพนนินซูลา สูท ที่อยู่บนชั้น 34 และโทรฯลงมาสั่งอาหารเย็นก่อนที่จะอาบน้ำเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง
ไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวก็เดินออกทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้ามีอาหารหน้าตาน่ารับประทานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจัดการกวาดอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ปลายลิ้นรับรสชาติของอาหารไทย ซึ่งปรับให้มีความเผ็ดร้อนน้อยลงกว่าปกติ เขาก็ยอมรับว่าอร่อยไม่แพ้อาหารชาติอื่นๆทั้งยังนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเพียงอาหารมื้อที่สองของวัน
โอ... ให้ตายสิ! เขาใช้เวลาทั้งวันให้หมดไปกับการเฝ้ามองผู้หญิงคนหนึ่ง จนลืมกระทั่งรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งตอนนี้ภาพของร่างอรชรซึ่งอยู่ในกระโปรงตัวยาว เมื่อปะทะกับแสงไฟทำให้เห็นเงาเรือนร่างของเธออย่างชัดเจน เรียวขาสวยที่ขยับเดินไปมายังคงติดอยู่ในห้วงความคิด คลื่นความปรารถนาที่ประทุขึ้นในร่างกายทำให้เขารวดร้าวและอดที่จะแปลกใจกับปฏิกิริยาในร่างกายของตัวเองไม่ได้
“โธ่โว้ย...” ฮาร์คิฟสบถออกมาเมื่อไม่สามารถสลัดภาพเรือนร่างน่าปรารถนาออกไปจากความคิด หากอีกใจกลับแย้งว่า อาจจะเป็นเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาโหมงานหนักทั้งยังต้องเดินทางมาประเทศไทย กิจกรรมสุดเหวี่ยงในการปลดปล่อยน้ำเชื้อจึงต้องงดไปโดยปริยาย เมื่อเห็นผู้หญิงสวยบาดจิตบาดใจอย่างอภินรา ก็เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรง หากได้ผู้หญิงสักคนกระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วพร้อมที่จะโยกไปด้วยกัน ขี้คร้านเขาจะเฉยเมยต่อเธอ
ไหนพ่อกับมาร่ามักพูดอยู่บ่อยๆว่า ผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัว ไม่นิยมมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยก่อนแต่งงาน แล้วทำไมอภินราถึงได้กอดกับผู้ชายโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป การรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาอาจทำให้ค่านิยมของการดำรงชีวิตเปลี่ยนไป หรืออีกทีเธอก็คงอ่อยไอ้หน้าจืดนั่นให้หลงหัวปักหัวปำ
ผู้หญิงบ้า! เธอก็คงไร้หัวใจไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ
อีกครั้งที่ฮาร์คิฟไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องไปสนอกสนใจเธอขนาดนั้น เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยนั่นก็คือต้องรู้ให้ได้ว่า...
มาร่าใช้อะไรเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโล?
อานันท์มีความสำคัญหรือมีบุญคุณต่อมาร่าอย่างไร มาร่าถึงได้เทิดทูนเขาเช่นนี้?
หากสามปีที่แล้วอังเดรคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นจริง จนเป็นเหตุให้วาเรียตัดสินใจฆ่าตัวตาย เขาจะหาคนมารับผิดชอบเรื่องนี้ให้ได้ แม้ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน มันผู้เป็นต้นคิดเรื่องชั่วๆนี้ต้องรับผิดชอบในการตายของวาเรีย ทั้งยังต้องรับผิดชอบที่ทำให้หลานชายของเขาต้องมากำพร้าตั้งแต่เยาว์วัย!
ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับหยิบขวดน้ำแร่สีเขียวเอาไว้ในมือ ทัศนียภาพมุมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่างงดงามและเขาคงจะดื่มด่ำกับความงามที่เห็นได้รื่นรมย์กว่านี้ หากไม่มีเรื่องกวนใจอื่นใด ฮาร์คิฟยืนอยู่ริมกระจกใสที่มองออกไปได้กว้างแบบพาโนรามาอีกไม่นาน เขาก็เดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารที่นักสืบส่งมาให้ติดมือไปด้วย ราวชั่วโมงต่อมาเอกสารราวสิบแผ่นก็ถูกขว้างลงบนพื้นอย่างแรงตามอารมณ์โทสะที่เกิดขึ้น รายงานหน้าสุดท้ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดตาลาย เพราะสมบัติส่วนตัวของวาเรีย ซึ่งส่วนมากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มาร่าซื้อเก็บสะสมและโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของลูกสาว มันตกไปอยู่ในความดูแลของสองพ่อลูกตระกูลวรโชติ ซ้ำร้ายที่ดินหลายแปลงยังถูกสร้างเป็นคอนโดมิเนียม ขายสิทธิ์ขาดไปเสียแล้ว!
หากเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาระบายความโกรธเช่นที่ควรจะเป็น แต่กลับนอนหลับตานิ่งอย่างระงับสติอารมณ์ และคนที่รู้จักเขาดีก็จะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมีแผนการอันน่าสะพรึงกลัว แน่นนอนว่า... คนที่ทำให้เขาต้องโกรธเช่นนี้ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นอย่างสาสม!
“เราไปคุยกันในสวนก่อนได้ไหม ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณตามลำพังเลย” ตฤณบอกพร้อมยิ้มเมื่อหญิงสาวพยักหน้ารับและเป็นฝ่ายเดินนำไปยังสวนที่มีม้านั่งวางอยู่หน้าน้ำพุขนาดย่อม
เมื่อทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งเหล็กสีขาวสะอาดตา อภินราก็ชั่งใจสักพัก เรียบเรียงคำพูดให้ดีเพราะอยากรู้เหลือเกินว่า ระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนที่รู้จักกันจะทำให้เขาตัดสินใจสละโสด ถ้านับกันจริงๆเธอและเขาก็เพิ่งจะรู้จักและสนิทสนมกันในเวลาไม่ถึงสี่เดือนด้วยซ้ำ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียก่อน
“ซีโลนอนกับคุณทุกวันเหรอเอลก้า ดูแกติดคุณเอามากๆนะ” ตฤณถาม เพราะก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกมาส่งนี้ก็ต้องตะล่อมให้ซีโลรออยู่ข้างในพักใหญ่ แถมสายตาที่หนุ่มน้อยมองผู้เป็นอาอย่างหวงแหนก็ทำให้เขาเริ่มคิดถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหลังแต่งงาน
“ค่ะ ตั้งแต่พ่อกับแม่ของแกจากไป ซีโลก็นอนกับฉันทุกคืน ทำไมเหรอคะ?”
ตฤณส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ซ่อนความกังวลเอาไว้ “เปล่า... ผมแค่คิดว่าแกอาจจะต่อต้านถ้ารู้เราแต่งงานกัน”
อภินราคร่ำครวญในใจเพราะไม่รู้ว่าตัวเองไปตกปากรับคำแต่งงานกับเขาตอนไหนกัน แต่ยังไงก็ต้องคุยกันให้เข้าใจเพราะเธอคงไม่ยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายที่เห็นว่าซีโลเป็นตัวปัญหาแน่ เมื่อเขาเป็นฝ่ายเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนก็เป็นโอกาสอันดี “ถ้าแกต่อต้าน คุณจะทำยังไงคะ?”
“อย่าล้อผมเล่นน่าเอลก้า คุณคงไม่ให้ซีโลอยู่ในห้องนอนของเราทุกคืน” ตฤณถามพลางมองอย่างไม่ไว้ใจ
“ฉันยังไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะตอบคุณยังไงด้วย”
ตฤณขยับตัวเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือทั้งสองข้างไปตรึงหัวไหล่บอบบางให้เธอหันมาเผชิญหน้ามากขึ้น แล้วพูดกับเธอตามความคิดของตน
“ผมเข้าใจนะเอลก้าว่าคุณรักแกมาก ผมไม่เคยมีปัญหากับสิ่งที่คุณรักหรือชอบ ผมเข้าใจว่าซีโลยังเด็กแถมยังต้องการความรักความอบอุ่นจากคุณ แต่อย่าลืมว่าคุณก็ต้องมีชีวิตส่วนตัว ต้องสร้างครอบครัวเหมือนกัน ทำไมเราไม่มาช่วยกันผลักดันให้ซีโลเข้มแข็งขึ้น สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง อย่างน้อยก็ไม่โวยวายเช่นที่เป็นตอนนี้”
“แกชอบละเมอถึงแม่ บางวันหนักหน่อยก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึก” อภินราจงใจเพิ่มปัญหาให้เขาได้รับรู้ และมันเกิดขึ้นจริง ไม่ใช่เป็นเพียงสถานการณ์สมมติที่เธอใช้ลองใจเขา
ตฤณถอนหายใจ มองใบหน้างดงามอย่างจริงจัง บอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้มาทำให้ชีวิตหลังแต่งงานของตนต้องน่าเบื่ออย่างแน่นอน “ผมก็ต้องการคุณไปไม่น้อยกว่าซีโลหรอกนะเอลก้า”
อภินราหัวใจห่อเหี่ยวกับคำตอบ แม้ว่าเขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆแต่เธอก็รู้ดีว่าคำพูดนั้นหมายถึงอะไร จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของคู่แต่งงานที่ต้องมีช่วงเวลาแห่งเสน่หาร่วมกัน แต่ถ้าคำตอบของเขาควรต้องคำนึงถึงความรู้สึกของซีโลให้มากกว่านี้ เช่นรับปากว่าจะค่อยๆแก้ไขปัญหานี้ไปด้วยกัน ไม่ใช่บอกแค่ความต้องการของตัวเองแล้วผลักปัญหาทั้งหมดนี้มาให้เธอเพียงผู้เดียว
“รักฉันตรงไหนคะตฤณ” เสียงหวานถามอย่างแผ่วเบา
“ต้องถามว่า ใครบ้างที่เห็นคุณแล้วไม่ตกหลุมรักผู้หญิงสวย เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ ผู้ชายคนนั้นคงบ้าหรือไม่ก็ตาบอด” ตฤณเยินยอว่าที่เจ้าสาวด้วยคำพูดสวยหรู หากแต่ไม่ทำให้คนฟังปลาบปลื้มใจสักเพียงนิด
“ฉันอายุยี่สิบหกแล้วนะคะ เจอคนมาก็มาก จะให้เข้าใจว่าคนเหล่านั้นตาบอดกันหมด ก็คงจะเป็นการคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ผมหมายถึงคุณไม่ได้เปิดใจให้ใครต่างหาก ด้วยภาระหน้าที่หลายอย่างอาจจะทำให้เสียเวลาส่วนตัวที่สาวๆบางคนออกไปสนุก พบเจอเพื่อนต่างเพศ แต่คุณกลับต้องใช้เวลาดูแลคุณพ่อและหลานชาย ซึ่งผมยกย่องชื่นชมในเรื่องนี้นะ”
ผิดแล้ว! เธอไม่ได้ต้องการคนมายกย่องสรรเสริญ แต่ต้องการใครสักคนเข้ามาแชร์ความรู้สึกสุข ทุกข์ เศร้า เป็นเพื่อนคู่คิดที่คอยอยู่เคียงข้างเธอเท่านั้นเอง
“ขอบคุณนะคะ ฉันแค่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น คุณไม่จำเป็นต้องมายกย่องอะไรหรอกค่ะ กลับเถอะค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ไหนพรุ่งนี้ต้องเดินทางไปต่างประเทศอีก”
ตฤณยิ้มพร้อมมองตามร่างที่เบี่ยงตัวออกจากฝ่ามือของตนอย่างนุ่มนวล เธอลุกขึ้นแล้วเดินนำหน้าไปไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักฝ่าเท้าเมื่อชายหนุ่มเดินมาดักหน้าเอาไว้
“ไม่เห็นหน้าคุณสามวัน ผมคงคิดถึงมาก” พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มและวาดวงแขนเข้าสวมกอดร่างอรชรอย่าถือสิทธิ์
อภินราเกร็งตัวต่อต้านเมื่อถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่อาการต่อต้านนั้นหายไปเมื่อข้อกังขาหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง ทำไมเธอถึงไม่รู้สึกวาบหวามหรืออบอุ่นใจเมื่อได้สัมผัสกันอย่างแนบชิด แม้ลองเอื้อมมือไปวางไว้บนแผ่นหลังกว้าง กอดตอบเขาในนาทีต่อมาก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกใจเต้นแรงแต่อย่างใด มันเฉยชาไร้ซึ่งแรงดึงดูด เทียบไม่ได้กับความรักสมัยเรียนเสียด้วยซ้ำ!
หากคนที่ถูกกอดตอบกลับใจชื้น หัวใจเต้นระรัว ดีใจไปกับปฏิกิริยาตอบสนองที่ได้จากเธอ ยอมให้เธอดึงตัวออกจากอ้อมกอดทั้งที่ความจริงแล้วอยากจูบลาเสียด้วยซ้ำ
“ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ พรุ่งนี้ขอให้เดินทางปลอดภัย” อภินรายิ้มพร้อมโบกมืออำลาให้ชายหนุ่มที่เดินห่างออกไป รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์วรโชติพร้อมๆกับความจริงอันแน่ชัดที่ประจักษ์แก่ใจอภินรา
นั่นคือ... เธอไม่ได้รักตฤณเลยสักนิด!
อภินราถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งข้อและคนที่ดูจะไม่ยอมฟังเหตุผลของเธอเลยนั่นก็คือผู้เป็นพ่อนั่นเอง หญิงสาวเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านโดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธออย่างไม่กะพริบตา!
“ออกรถ” ฮาร์คิฟสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เมื่อเห็นว่าร่างอรชรเดินหายไปจากระยะสายตาที่มองได้ชัดเจนจากรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ริมรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่
เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อสองวันที่ผ่านมา ติดตามความเคลื่อนไหวของคนตระกูลวรโชติทุกฝีก้าว รายละเอียดที่ได้จากการจ้างนักสืบเอกชนเพิ่งถึงมือในตอนเช้า และดูเหมือนว่า... พ่อบุญธรรมมากเล่ห์จะใช้ลูกสาวที่เหลือเพียงคนเดียวให้เป็นประโยชน์ในทางธุรกิจ แถมเจ้าตัวก็ยังดูเต็มอกเต็มใจถึงขั้นมายืนพลอดรักกับนักธุรกิจหนุ่มซึ่งตามรายงานระบุว่า เป็นทายาทปูนซีเมนต์และซูเปอร์มาร์เก็ตขายอุปกรณ์ก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ
ฮาร์คิฟโยนเอกสารในมือเมื่อเห็นรูปถ่ายและประวัติโดยละเอียดของตฤณ เรืองโกเมศ รูปร่างสูงใหญ่ใช้ได้ แต่หน้าตานี่จืดชืดหาแรงดึงดูดไม่เจอแบบนี้ หล่อนคงใช้มารยาล่อลวงได้ไม่ยาก! ไม่อยากจะคิดว่าหลานชายของเขาจะมีนิสัยอย่างไรถ้าต้องอยู่ในความดูแลของพ่อลูกตระกูลวรโชติต่อไป
“เอ่อ... ท่านครับ จะกลับโรงแรมเลยหรือจะแวะรับประทานอาหารเย็นก่อนครับ” รามานถามเมื่อออกรถมาได้สักพักหนึ่งแล้ว เจ้านายยังไม่บอกความต้องการให้ชัดเจนขึ้น
“ไปกินที่โรงแรม ถามยังกับรู้ดีว่าที่นี่ร้านไหนอร่อย” ตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดใจ
เมื่อได้อ่านรายงานของนักสืบเขาก็รีบออกจากโรงแรม เดินทางไปร่วมงานเปิดตัวคอนโดมิเนียมเฟสใหม่ของบริษัท วรโชติ คอนสตรักชั่น ภายในงานเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เอ่ยชื่นชมในความสามารถของอภินรา วรโชติ ทั้งนั้น
ใบหน้างดงามปรากฏตัวให้เห็นบนเวที พร้อมกับเสียงหวานที่เอ่ยถึงโครงการใหม่ให้ผู้คนได้รับรู้ สามารถตรึงสายตาของเขาให้นิ่งงัน จดจ้องอยู่ที่เธอได้อย่างเหลือเชื่อ แม้ไม่ได้เห็นเธอในระยะประชิดแต่การที่เธอยืนเด่นเป็นสง่าบนเวทีก็ทำให้เขายอมรับกับตัวเองว่า... เธอเป็นผู้หญิงที่สวยเอามากๆ อาจจะเป็นเพราะเลือดผสมของพ่อที่เป็นชาวไทยและแม่ที่เป็นยูเครน ส่วนผสมอันลงตัวที่ประกอบขึ้นเป็นเธอช่างดึงดูดสายตาต่อเพศตรงข้ามยิ่งนัก
แต่ก็นั่นแหละ ผู้หญิงยิ่งสวยก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจ!
งานเลี้ยงจบลงในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง เขาสะกดรอยตามเธอจนมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ช่วงเวลาสองสามชั่วโมงที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใด เขาก็ได้รับรู้ความจริงบางอย่างที่ไม่เคยได้ล่วงรู้มาก่อน มันทำให้เขาโกรธจนแทบเข้าไปเค้นเอาความจริงจากปากของอานันท์ วรโชติ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าอยากได้สิทธิ์ดูแลหลานชายอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
เขาเพิ่งรู้ว่าสามปีที่แล้ว อังเดรมีแผนจะแต่งงานกับลูกสาวนักการเมืองคนหนึ่ง มีทั้งสำเนาการ์ดเชิญและคอลัมน์ข่าวกรอบเล็กๆที่ตัดมายืนยันให้ได้เห็นกับตา มันทำให้เขารู้ได้ว่าเพราะเหตุใด วาเรียถึงได้ตัดสินใจจบชีวิตลงเช่นนั้น
หากไม่อยากคิดเลยว่าถ้าแม่ของเขารับรู้เรื่องนี้แล้วท่านจะเสียใจมากแค่ไหน แม้ว่ามาร่าไม่ใช่แม่บังเกิดเกล้า แต่ท่านก็เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อายุหกขวบ วาเรียคือน้องสาวต่างแม่ที่ไม่ค่อยสนิทสนมกันนัก ยิ่งผู้เป็นพ่อและมาร่าหย่าร้างกัน เขากับวาเรียก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้น ฮาร์คิฟนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ได้สนใจที่จะซักไซ้ไล่เลียงในการจากไปของวาเรียนัก มาร่าพูดอย่างไรก็เชื่อตามนั้น ด้วยไม่คิดว่าจะมีเรื่องทำร้ายจิตใจวาเรียอย่างร้ายกาจเช่นนี้เกิดขึ้น
ระยะทางจากคฤหาสน์วรโชติกับโรงแรมที่เขาพักอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่นัก แต่ด้วยการจราจรอันติดขัดของเมืองหลวงที่ความเจริญยังกระจุกตัวอยู่ที่เดียวก็ทำให้เขานั่งหน่ายใจอยู่บนรถเป็นชั่วโมง เมื่อถึงโรงแรมสุดหรูซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชายหนุ่มจึงเดินขึ้นห้องเดอะ เพนนินซูลา สูท ที่อยู่บนชั้น 34 และโทรฯลงมาสั่งอาหารเย็นก่อนที่จะอาบน้ำเรียกความสดชื่นให้ตัวเอง
ไม่กี่นาทีต่อมาร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มเพียงตัวเดียวก็เดินออกทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ด้านหน้ามีอาหารหน้าตาน่ารับประทานเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจัดการกวาดอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ปลายลิ้นรับรสชาติของอาหารไทย ซึ่งปรับให้มีความเผ็ดร้อนน้อยลงกว่าปกติ เขาก็ยอมรับว่าอร่อยไม่แพ้อาหารชาติอื่นๆทั้งยังนึกขึ้นได้ว่ามันเป็นเพียงอาหารมื้อที่สองของวัน
โอ... ให้ตายสิ! เขาใช้เวลาทั้งวันให้หมดไปกับการเฝ้ามองผู้หญิงคนหนึ่ง จนลืมกระทั่งรับประทานอาหารกลางวัน ทั้งตอนนี้ภาพของร่างอรชรซึ่งอยู่ในกระโปรงตัวยาว เมื่อปะทะกับแสงไฟทำให้เห็นเงาเรือนร่างของเธออย่างชัดเจน เรียวขาสวยที่ขยับเดินไปมายังคงติดอยู่ในห้วงความคิด คลื่นความปรารถนาที่ประทุขึ้นในร่างกายทำให้เขารวดร้าวและอดที่จะแปลกใจกับปฏิกิริยาในร่างกายของตัวเองไม่ได้
“โธ่โว้ย...” ฮาร์คิฟสบถออกมาเมื่อไม่สามารถสลัดภาพเรือนร่างน่าปรารถนาออกไปจากความคิด หากอีกใจกลับแย้งว่า อาจจะเป็นเพราะสัปดาห์ที่ผ่านมา เขาโหมงานหนักทั้งยังต้องเดินทางมาประเทศไทย กิจกรรมสุดเหวี่ยงในการปลดปล่อยน้ำเชื้อจึงต้องงดไปโดยปริยาย เมื่อเห็นผู้หญิงสวยบาดจิตบาดใจอย่างอภินรา ก็เป็นธรรมดาที่ร่างกายจะมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรง หากได้ผู้หญิงสักคนกระโดดขึ้นมาบนเตียงแล้วพร้อมที่จะโยกไปด้วยกัน ขี้คร้านเขาจะเฉยเมยต่อเธอ
ไหนพ่อกับมาร่ามักพูดอยู่บ่อยๆว่า ผู้หญิงไทยรักนวลสงวนตัว ไม่นิยมมีความสัมพันธ์ฉาบฉวยก่อนแต่งงาน แล้วทำไมอภินราถึงได้กอดกับผู้ชายโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น อาจจะเป็นเพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป การรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาอาจทำให้ค่านิยมของการดำรงชีวิตเปลี่ยนไป หรืออีกทีเธอก็คงอ่อยไอ้หน้าจืดนั่นให้หลงหัวปักหัวปำ
ผู้หญิงบ้า! เธอก็คงไร้หัวใจไม่ต่างจากผู้เป็นพ่อ
อีกครั้งที่ฮาร์คิฟไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องไปสนอกสนใจเธอขนาดนั้น เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ต้องสะสางให้เรียบร้อยนั่นก็คือต้องรู้ให้ได้ว่า...
มาร่าใช้อะไรเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูซีโล?
อานันท์มีความสำคัญหรือมีบุญคุณต่อมาร่าอย่างไร มาร่าถึงได้เทิดทูนเขาเช่นนี้?
หากสามปีที่แล้วอังเดรคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงอื่นจริง จนเป็นเหตุให้วาเรียตัดสินใจฆ่าตัวตาย เขาจะหาคนมารับผิดชอบเรื่องนี้ให้ได้ แม้ว่าจะยากเย็นสักแค่ไหน มันผู้เป็นต้นคิดเรื่องชั่วๆนี้ต้องรับผิดชอบในการตายของวาเรีย ทั้งยังต้องรับผิดชอบที่ทำให้หลานชายของเขาต้องมากำพร้าตั้งแต่เยาว์วัย!
ชายหนุ่มลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมกับหยิบขวดน้ำแร่สีเขียวเอาไว้ในมือ ทัศนียภาพมุมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยาช่างงดงามและเขาคงจะดื่มด่ำกับความงามที่เห็นได้รื่นรมย์กว่านี้ หากไม่มีเรื่องกวนใจอื่นใด ฮาร์คิฟยืนอยู่ริมกระจกใสที่มองออกไปได้กว้างแบบพาโนรามาอีกไม่นาน เขาก็เดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่ลืมที่จะหยิบเอกสารที่นักสืบส่งมาให้ติดมือไปด้วย ราวชั่วโมงต่อมาเอกสารราวสิบแผ่นก็ถูกขว้างลงบนพื้นอย่างแรงตามอารมณ์โทสะที่เกิดขึ้น รายงานหน้าสุดท้ายเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาโกรธจนหน้ามืดตาลาย เพราะสมบัติส่วนตัวของวาเรีย ซึ่งส่วนมากเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มาร่าซื้อเก็บสะสมและโอนกรรมสิทธิ์ให้เป็นของลูกสาว มันตกไปอยู่ในความดูแลของสองพ่อลูกตระกูลวรโชติ ซ้ำร้ายที่ดินหลายแปลงยังถูกสร้างเป็นคอนโดมิเนียม ขายสิทธิ์ขาดไปเสียแล้ว!
หากเขาไม่ได้ลุกขึ้นมาระบายความโกรธเช่นที่ควรจะเป็น แต่กลับนอนหลับตานิ่งอย่างระงับสติอารมณ์ และคนที่รู้จักเขาดีก็จะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมีแผนการอันน่าสะพรึงกลัว แน่นนอนว่า... คนที่ทำให้เขาต้องโกรธเช่นนี้ต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นอย่างสาสม!
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 มิ.ย. 2558, 11:32:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 มิ.ย. 2558, 11:32:02 น.
จำนวนการเข้าชม : 1144
<< ตอนที่ 1 100% | ตอนที่ 3 100% >> |