ล่า...ตะวัน
การไล่ล่า ระหว่างศัตรู คู่อาฆาต ที่เริ่มจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน แล้วแตกออกเป็นสอง เพื่อรอวันที่
ทั้งสองจะกลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง แต่กว่าจะถึงวันนั้น จะต้องมีสักกี่ชีวิต ที่สังเวยให้กับ แสง และเงา....
Tags: ตามล่า รัก หักเหลี่ยม เฉือนคม

ตอน: สวย...ประหาร

บทที่ 13 สวย...ประหาร

จางหลี่เมื่อแยกออกจากกลุ่มของ วีรดา เขาจึงเดินทาง ไปเยี่ยม น้ำฝน เด็กหญิงที่เขาอุปการะเมื่อ
19 ปีก่อน เขามาเพื่อนำ กรมธรรม์ประกันชีวิตที่เขาทำไว้ ก่อนออกเดินทาง ระยะประกันนั้น รวมเวลา 21 ปี
ซึ่งเหลืออีกเพียง 2 ปี เธอก็จะได้เงินก้อนนี้แล้ว จางหลี่ ทำประกันไว้ ในชื่อของตนเอง แต่ผู้รับผลประผล
ประโยชน์ ระบุชื่อ เด็กหญิง ลัลดา ปานเพชร...เขาทำไว้เพื่อมอบเงินก้อนนี้เป็น มรดกให้เด็กหญิง เผื่อว่า
เขาอาจอยู่ดูแลเด็กหญิงไม่ได้ เมื่อเขามีอันเป็นไป...

รถแท็กซี่ ขับพาเขาไปที่บ้านของเธอ ซึ่งตามจดหมายที่ น้ำฝนส่งมาให้เขา อย่างสม่ำเสมอ ระบุที่อยู่เดิม ไม่
เคยเปลี่ยน กรุงเทพในปี 2537 เปลี่ยนไปจากเดิมมาก จนเขาเกือบจำไม่ได้ เพราะตึกสูงที่เด่นสง่า มีให้เห็น
มากมาย จนเขานับไม่หวาด ไม่ไหว รถแท็กซี่ พาจางหลี่ไปจนถึงจุดหมาย ในกระเป๋าเดินทางมีของขวัญ
ที่เขาเตรียมให้ เด็กหญิง ซึ่งตอนนี้ มิใช่เด็กหญิงอีกแล้ว...

"นายรอฉันที่นี่ ฉันจะลงไปธุระในบ้านหลังนั้น
แล้วค่อยพาฉันไปส่ง โรงแรม ดราก้อน"

จางหลี่แจ้งแท็กซี่ ที่เขาโดยสารมาทราบ ก่อนลงไป เขามอบเงิน หนึ่งพันบาทให้โชเฟอร์ แล้วเอ่ยอีกครั้ง

"ฉันจะให้เงินอีก หนึ่งพัน เมื่อเสร็จธุระ...."

เมื่อจางหลี่เดินจากไป แท็กซี่ จึงนำโทรศัพท์มือถือ โทรไปรายงานใครคนหนึ่ง

"ตอนนี้ หมาป่า มาที่แถว ท่าน้ำนนท์ แล้วจึงให้ไปส่งที่ โรงแรมดราก้อน
ถ้าถึงปลายทาง ผมจะรายงานอีกครั้งครับ..."

'....ติดตามอย่าให้หมาป่ารู้ตัว....แล้วรายงานมาเป็นระยะ
อย่าแสดงพิรุธให้เห็นอย่างเด็ดขาด
เพราะหมาป่า...ก็คือหมาป่า....'

"ผมจะระวังตัวให้มาก แค่นี้นะครับ...ผู้กอง...วีรดา..."

ที่แท้คนขับรถแท็กซี่คนนี้ เป็นคนของ ผู้กองวีรยา ที่คอยติดตาม จางหลี่ มิใช่เธอระแวงสงสัยว่าเขาจะ
ขัดขวางเธอ เรื่องจับ สิทธิชัย แต่เพราะเธอได้รับคำสั่งให้คอยระวังเท่านั้น เพราะผู้บังคับบัญชาในองค์กร
สั่งให้เธอติดตาม และข้อสำคัญเขาก็เป็น ผู้บังคับบัญชาในตำแหน่งหน้าที่ทางราชการตำรวจด้วย...........

จางหลี่ เดินไปตามทางเพื่อไปบ้านของน้ำฝน ที่ตอนนี้ ทั้ง บิดา มารดาต่างเสียชีวิตหมดแล้ว จากอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ ทั้งสองต้องทนทุกข์ทรมานก่อนเสียชีวิต เพราะทั้งคู่เมื่อได้เงินจาก จางหลี่ ทั้งสองเอาไปเล่น
การพนันที่บ่อนต่างประเทศ ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างออกจากบ่อน และมีรถบรรทุกพุ่งมาชน
รถของทั้งสอง จนบาดเจ็บสาหัส โดยในขณะนั้น ทั้งสอง มีเงินเต็มกระเป๋า เนื่องจากวันนี้ทั้งสองโชคดี ที่เล่น
ชนะได้เงินมาหลายล้านบาท.....

แล้วมีคนลงมาแย้งกระเป๋าเงินใบนั้น เพราะกลุ่มมิจฉาชีพสังเกตว่า ทั้งสองเล่นได้เงินเป็นจำนวน หลายล้าน
บาท พวกโจรกลุ่มนี้ จึงคอยติดตาม รอสบโอกาสจะเข้าแย่งชิง บังเอิญเกิดอุบัติเหตดังกล่าว โจรร้ายจึง
แฝงตัวปะปน แสดงตน เป็นพลเมืองดี จากนั้นก็แย่งเอากระเป๋าบรรจุเงินสด ออกไป ทั้งคู่พยายามขัดขืน
จึงถูก โจรร้าย ใช้เหล็กแหลม แทงทั้งสองจนขาดใจในตรงนั้น....

ตั้งแต่นั้นมา น้ำฝน จึงต้องอยู่คนเดียวในบ้านหลังนั้น ตั้งแต่เรียนมัธยม 5... โดยมี จางหลี่เป็นผู้ปกครองโดย
ปริยาย... จางหลี่ เดินทางมาร่วมงานศพ ในวัน ฌาปนกิจ จางหลี่กล่าวปลอบใจเด็กหญิง ที่ร่ำไห้ปานใจจะ
ขาดต่อหน้าแขกที่มาร่วมงานกันประปราย ความจริงแล้ว น้ำฝนที่ จางหลี่รู้จัก คือ แป๋ม บุตรสาวแท้ ๆ ของ
แขไข กับ เจริญ ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อให้จางหลี่โอนเงินมาให้ เป็นค่าเลี้ยงดู โดยเธอถูกบังคับให้เปลี่ยนชื่อ
เล่นเป็น น้ำฝน ....จากเดิมเธอชื่อ ดวงแข จึงต้องเปลี่ยนเป็นชื่อ ของน้ำฝนตัวจริง คือ ลัลดา.....

หลังจากบิดา และมารดาของเธอได้จากไป จางหลี่ จึงเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ น้ำฝนมาตลอด เธอมักมีปัญหา
มาปรึกษาเขาอย่างสม่ำเสมอ ในเกือบทุกเรื่อง แม้แต่ตอนเรียน มหาวิทยาลัย เธอมีคนรัก ที่เป็นบุตรชายของ
โปรโมเตอร์มวยชื่อดัง ที่เธอไปมีความสัมพันธ์ จนตั้งท้องแล้วถูกบังคับให้ทำแท้ง เรื่องนี้จางหลี่ไม่เคยทราบ
เพราะเธอจะแค่บอกปัญหา เล็ก ๆ น้อย เพื่อไม่ให้จางหลี่ เป็นห่วงนั่นเอง......

จางหลี่ เดินมาถึงหน้าบ้าน เขาได้ยิน เสียงร้อง ขอความช่วยเหลือ แล้วเสียงทำลายข้าวของ จางหลี่ จึงวิ่งเข้า
ไปดู ก็พบว่า น้ำฝน กำลังถูกตบตีอย่างทารุณ โดยที่เพื่อนบ้าน ไม่สามารถเข้ามาช่วยอะไรได้ เพราะมี นักเลง
อีกสองคนคุมเชิง มิให้ใครเข้าไปยุ่งเกี่ยว จางหลี่พุ่งเข้าไป เผชิญหน้า ชายผู้นั้น ดึงชายเสื้อ ออกเพื่อให้เขา
เห็นด้ามปืนที่เหน็บข้างเอว ชายอีกคน ชี้หน้า แล้วตะคอกออกมา อย่างเหี้ยมเกรียม...

"มึงอย่ามายุ่ง เรื่องของผัวเมีย
เดี๋ยวจะเจ็บตัวฟรี ๆ ไปซะ....ไอ้ตี๋....ไปให้พ้น..."

"ถ้ากูจะยุ่งให้ได้ มึงสองตัว จะทำอะไร กู..."

"ฮา.ๆๆๆ...มึงก็ โดน กู...."

ยังไม่ทันกล่าวจบ ซอกสั้นของจางหลี่สับเข้าใส่กรามขวาของหนึ่งในสอง ดังสนั่น กระดูกกรามของชายผู้นั้น
แตกละเอียด ร่วงลงเหมือนหุ่นฟางแขนเกร็ง ขาเกร็งหมดสติ อย่างสิ้นเชิง ชายคนที่สอง ต่อยขวาอย่างแรง
จางหลี่ดึงหน้าหลบ พร้อมตวัดแตะเสยขึ้น เข้าปลายคางของชายคนที่สองอย่างจัง ดังผล๊อก!... ร่างสูงใหญ่
ถูกแรงส่งจากปลายเท้า จนลอยสูงขึ้นจากพื้นเกือบเมตร ก่อนลงมานอน หงาย ข้างชายคนแรก สลบคาที่

นักเลงทั้งสอง ถูกจางหลี่จัดการอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งเข้าไปในบ้านรวดเร็วดุจหายตัวได้ เขามาถึงด้านหลัง
ของชายคนที่สาม ที่กำลังเงื้อหมัด จะต่อยหญิงสาวอีกครั้ง จางหลี่ จับข้อมือของชายผู้นั้น แล้วบิดอย่างแรง
แล้วดันตัวเข้า กับเสากลางบ้าน ชายผู้นั้น ตะโกนโวยวายขึ้น

"มึง เป็นใครวะ ถึงมายุ่งเรื่อง ผัว เมีย
ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ปล่อยแขนกู เดี๋ยวนี้ แล้ว กู จะไม่เอาเรื่อง มึง
กู...กู...กูมีลูกน้อง เกือบ ยี่สิบคน ที่จะมากระทืบมึง ไม่อยากเจ็บตัว...ก็ปล่อยกู"

จางหลี่ เหยียดยิ้มเหี้ยม พร้อมดึงแขนขึ้น จนชายผู้นั้นร้อง จ๊าก!!..ดังลั่น ก่อนจะเอ่ยออกมาข้าง ๆ หูชายผู้นั้น

"สงสัย มึง จะตกเลข ที่ กู เห็น....พวกมัน มีแค่ สองคน...
แล้วข้อสำคัญ กู จัดการพวกมัน หลับฝันดี ไปหมดแล้ว...ไอ้ ชิง หมา เกิด..."

แล้วเมื่อจางหลี่ เหลือบไปมอง น้ำฝน ที่ใบหน้าแตกยับ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้ มีเพียง ริมฝีปากขยับ
ดวงตามีน้ำตาไหลหลั่ง ที่มองเขาอย่างเศร้าเสียใจ จางหลี่ โกรธจัด จึงออกแรงกระชาก จนแขนของชายผู้นั้น
จนหักสะบั้น อย่างน้อย สามท่อน ร้องออกมาไม่เป็นภาษามนุษย์ จางหลี่ เหวี่ยงร่างชายผู้นั้นลงไปกลิ้งหลาย
ตลบ...ดวงตาที่ชายผู้นั้น มองจางหลี่ มีแต่ความโกรธแค้น ร้องด่าออกมาอย่างไม่เกรงกลัว...

"ไอ้สารเลว มึงง ต้องโดน กู หั่นเป็นชิ้น ๆ ไอ้ลูกหมา
มึงไม่รู้หรือว่า กู คือ คุณฉกาจ....ลูกของ เสี่ยเก้า ค่าย ศ.พายัพ..."

"เออว่ะ!!....กู ไม่รู้จัก มึง....ว่ามึงเป็นใคร...."

จางหลี่ เหยียดยิ้ม เดินก้าวสามขุมอย่างช้า ๆ ฉกาจ บุตรชายของเสี่ยเก้า ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการมวย ถึงกับหน้า
ถอดสี เพราะดวงตาที่ จางหลี่จ้องลงมานั้น เป็นดวงตาของคน ที่พร้อมจะฆ่าใครก็ได้ ในขณะนี้ ฉกาจร้อง
อย่างตื่นกลัว

"เฮ้ย!...กู คุณฉกาจ นะเว้ย!!...อย่าเข้ามา...."

'.....ผล็อกกกก....'

นั่นคือเสียงของ หลังเท้าที่หุ้มด้วยรองเท้าหนัง ยี่ห้อด็อกเตอร์มาร์ติน ตวัดเตะ เข้าใต้คางของ ฉกาจอย่างจัง
จนฉกาจ ลอยออกจากในบ้าน ไปนอนคว่ำหน้าระหว่างกลาง ลูกน้องทั้งสอง ในท่าเดียวกัน ชาวบ้านที่มุงดู
อยู่รอบ ๆ บ้าน ต่างตบมือให้จางหลี่ ที่จัดการ คนทั้งสามให้ จางหลี่เข้าไปอุ้มหญิงสาว ออกมาจากบ้าน เพื่อ
พาไปรักษาตัวทันที เมื่อจางหลี่จากไปแล้ว คนบริเวณนั้นที่ต่าง พร้อมใจกันรุมสหะบาทา ชายทั้งสามอย่าง
เมามัน ก่อนแยกย้ายกันวิ่งหนี ทิ้งให้ทั้งสามเสื้อผ้าขาดวิ่น ใบหน้าบวมปูด จนเกือบจำหน้าไม่ได้...

จางหลี่เข้ามาที่รถแท็กซี่ แล้วแจ้งให้ไปส่งที่โรงพยาบาลในทันใด...เพียง 15 นาที รถแท็กซี่ก็พามาถึง เขา
จึงมอบเงิน อีก หนึ่งพันให้คนขับรถ แต่คนขับรถ รับไว้แค่ ห้าร้อยแล้วเอ่ยออกมา

"แค่นี้ ก็เกินจะคุ้มแล้วพี่ ผมมาส่งพี่แค่นี้ ผมคิดห้าร้อย ก็แพงจนไม่รู้ว่าแพงยังไง
ผมรับเงิน ได้แค่นี้จริง ๆ..."

จางหลี่ยิ้มก่อนเอ่ยออกมา

"ความจริงถ้าเป็นแท็กซี่ปกติ ฉันคงไม่ให้เยอะขนาดนี้หรอก
แต่เพราะเป็นบริการพิเศษของ ผู้กอง...ฉันจะให้น้อยกว่านี้ได้ยังไง
คุณไปรายงาน ผู้กองวีรดาได้เลย ว่าคนอย่างนายจางหลี่
พูดคำไหน...ก็คือคำนั้น....ไม่ต้องเป็นห่วงว่าฉัน จะไปช่วยหัวหน้า..."

คนขับแท็กซี่ ตกตะลึง ไม่คิดว่า ชายผู้นี้จะทราบว่า ตนคือคนของ วีรดาที่ตามมาจับตาความเคลื่อนไหว

"อีกอย่างที่ ฉันจะขอเตือน...การจะควบคุมตัว หัวหน้าได้นั้น เป็นเรื่องยาก
ยากกว่า ที่พวกเราจับไทกิ หลายร้อยเท่า...แค่นี้ ที่ฉันเตือนได้..."

แล้วจางหลี่ก็อุ้ม น้ำฝนลงบนเปล ของทางโรงพยาบาล คนของวีรดา จึงไปหิ้ว กระเป๋าเดินทาง ของจางหลี่
มามอบให้ ก่อนแยกย้ายกันไปตามทาง....
......................

ดาหวัน ขับมอเตอร์ไซด์ บิ๊กไบด์ ฮอนด้า cbr 400cc ไปที่แหล่งกบดานแห่งที่สอง เมื่อใกล้ถึงบ้าน
เธอลงมาโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะ เพื่อแจ้งให้ เขตแดนทราบก่อน....

"แดน...นี่ดาหวันนะคะ..."

'.....ดาหวัน คุณใช้โทรศัพท์สาธารณะแบบนี้ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า.....'

"หึๆๆ...แสดงว่ามันยังไม่แถลงข่าว...คืออย่างงี้!!...
ตำรวจรู้แล้วว่า ดาหวันฆ่าไอ้แจ๊ค...แล้วดาหวันฆ่าตำรวจไป ไม่ต่ำกว่า 5 คน
แดนมาหาดาหวันได้เมื่อไหร่คะ...."

'.....เดี๋ยวคืนนี้ ผมจะไปหา... คุณอย่าไปไหนเด็ดขาด....'

"ค่ะ...ดาหวันจะรอแดน ที่นี่นะคะ..."

ดาหวันมองโทรศัพท์ ก่อนขึ้นนั่งรถมอเตอร์ไซด์ แล้วขับเข้าไปในซอย อย่างรวดเร็ว เธอเดินเข้าไปด้านหลัง
บ้าน เพื่อมิให้ใครสังเกต เมื่อถึงห้องก็ถอดหมวกกันน็อคออก ตรงข้างเอว มีบาดแผลจากกระสุนปืนที่ถูกคม
กระสุนถากจนเป็นแผลโลหิตไหลหลั่ง ดาหวันถอดเสื้อของเธอออก เพื่อทำแผลให้ตนเอง ด้วยความชำนาญ
เพราะในชีวิตของเธอนั้น ผ่านการรักษาตนเองมาอย่างโชกโชน เพราะแท้จริงดาหวันคือ ฮิโตมิ ยามากูชิ ผู้
ที่ถูกระบุจากทางการญี่ปุ่นว่าเสียชีวิตจากการก่อการร้าย เมื่อหลายปีก่อน......
...........................

ไทกิถูกอเล็กซ์ขับรถมาทิ้งไว้แถวๆ ชานเมือง ที่ค่อนข้างรกร้าง โดยแผลที่นิ้วถูกทำความสะอาด และ
หุ้มผ้าก๊อชไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีผ้าคลุมศีรษะไว้ เชือกที่ข้อมือ ก็ผูกไว้อย่างหลวม ๆ ก่อนที่อเล็กซ์จะขับรถ
ออกมา ก็โยน กระเป๋าเงินของไทกิ ไปบนหน้าอก ไทกิฟื้นขึ้นมา หลังจากที่อเล็กซ์ขับรถออกมา ประมาณ 30
นาที

เขาขยับข้อมือสามสี่ครั้ง เชือกก็หลุดออกมา เมื่อถอดผ้าคลุมออก ไทกิก็เห็นกระเป๋าสตางค์ ที่ตกอยู่ เขาจึง
เช็คของในกระเป๋า มีเงินสด ประมาณ 3 แสนเยน ส่วนเอกสาร ต่างๆ ไม่มีอะไรเหลือเลย ไทกิคำรามออกมา
อย่างโกรธแค้น

"ไอ้จางหลี่ มึง ประมาท กู มากไปแล้ว
รอให้ กลับถึง ญี่ปุ่นเมื่อไหร่ มึง ต้องโดนกูแล่เนื้อ เอาไปให้หมากิน..."

ไทกิ เดินโซซัดโซเซ เพื่อหาถนนใหญ่ เขาเดินออกมาได้ประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง ก็มีรถตู้ มาจอดข้างหน้า
ในตอนแรก ไทกิ ตกใจจนสะดุ้งเฮือก เพราะคิดว่า เป็นคนของจางหลี่ ที่จะมาฆ่าตนเพื่อปิดปาก แต่เมื่อ
สังเกต คนขับรถ ก็คือ ไทสัน คนสนิทของเขานั่นเอง แต่คนที่เดินลงมาจากรถ กลับ เป็น...โนริโกะ....

ไทกิเมื่อเห็น โนริโกะ ก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

"โนริจัง...เธอมาที่นี่ได้ยังไง...."

โนริโกะ เดินไปหาไทกิอย่างช้า รอยยิ้มของเธอ ทำให้ไทกิ ขนลุกเกียว เพราะรอยยิ้มนั้น เป็นเหมือน นาง
เสือ ที่กำลังแยกเขี้ยว เพื่อพิฆาตเหยื่อ ไทกิ ไม่รอช้า เขาหันหลังเพื่อวิ่งหนี แต่วิ่งไปสองก้าว ไทกิก็ล้มลง
มันเป็นเพราะ มีดเล็บปีศาจของโนริโกะ สะบัดเข้าปัก ตรงเอ็นร้อยหวายของไทกิ จนขาดสะบั้น

ไทกิล้มกลิ้ง หมุนตัวหลายตลบ เมื่อพลิกตัวขึ้นมา ก็เห็นว่า โนริโกะ ชักเอาปืนออกมาจากเสื้อคลุม เป็นปืน
CZ ที่เธอได้จาก คนของ ท่านริว เรียวอิจิ ที่ทำธุระกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย จัดหามาให้... ปืนกระบอก
นี้ เธอเอาไว้ใช้กับ ไทกิโดยเฉพาะ แล้วไทสัน ก็ก้าวเดินออกมาจากรถตู้ ค่อย ๆ เดิน มายืนเคียงข้าง โนริโกะ
ดวงตาของไทสัน แสดงถึงความสะใจ เป็นอย่างยิ่ง ไทกิ คำรามออกมาอย่างโกรธแค้น เป็นภาษาญี่ปุ่น

"ไอ้...ไทสัน กู ดีกับ มึง ถึงขนาดนี้....ทำไม...มึง ถึง ทรยศ กู .."

ไทสัน หัวเราะจนเหมือนจะคลั่ง ก่อนตวาดกลับอย่างโกรธแค้นพอ ๆ กัน

"มึง ดี กับ กู อย่างงั้น..หรือ...พูดมาได้ นะ มึง
กู ทำงานให้ มึง อย่างซื่อสัตย์ แต่มึง กลับตอบแทน ด้วยเศษเงินที่ มึงเหลือใช้
แล้วพอ...กู พูดผิดหู หน่อย มึง....ก็สั่งตัดนิ้วของ..กู
ดู นี่ นิ้วของ กู.... มันถูก หมาตัวไหน สั่งตัด...วะ..."

ไทกิ กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น... ถอยหลังอย่างหวาดกลัว ไทกิรู้ตัวแน่แล้วว่า วันนี้ตนคงไม่อาจหลีกหนี
เคราะห์กรรมที่ตนสร้างมา โนริโกะเดินมาข้างหน้า กล่าวออกมา ด้วยน้ำเสียงหวานน่ารัก ดุจเดิม แต่ในมือ
ข้างซ้าย ของเธอล้วงไปสัมผัสเครื่องมือ ขนาดของมัน ใกล้เคียงซองบุหรี่ เธอใช้นิ้วสัมผัส ที่ปุ่มโลหะ ที่ส่ง
สัญญาณไฟฟ้าออกมา ตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ....ไทกิ ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนจะคำรามออกมา

"...พวกมึง ตามมาถึงที่นี่ได้..ยังไง... "

นักฆ่าสาว ลูบคำปืนอย่างแผ่วเบาราวกับว่า นั่นคือ...ลูกสุนัขที่น่ารัก เธอเฉลยข้อข้องใจให้ ไทกิทราบ แล้วขึ้น
ลำกล้องปืน ดัง แกร็ก!!....แล้วล้วงมือซ้าย เข้ากระเป๋าอีกครั้ง...

"หึๆๆ....ไทกิซัง ขา...ที่โนริโกะ ตามคุณมาได้รวดเร็วแบบนี้ มันเป็นเพราะ
ตรงกลางอก ของคุณ มีแคปซูล ที่ถูกหุ้มด้วยเนื้อเทียม
แล้วแคปซูลตัวนั้น จะส่งสัญญาณวิทยุออกมา ในระยะ รัศมี 150 กิโลเมตร ขอเพียงจับสัญญาณได้ "

"ไม่จริง ๆ...แล้ว...เธอมา ฝัง เครื่องส่งสัญญาณแบบนี้ โดยที่ไม่รู้ตัวได้ยังไงฉัน ไม่เชื่อ "

"...เราก็ ฝังแคปซูล ตอนที่ ไทกิซัง นอนกับ โนริโกะ วันแรกไงคะ...
วันนั้น ไทกิซัง ดื่มไวน์เข้าไป แล้วตบท้าย ด้วย โคเคน...
ตัวยาสลบในไวน์ ผสม โคเคน มันมากพอที่จะทำให้ ไทกิซัง สลบข้ามวัน
แล้วทีมงานของ โนริโกะ ก็เข้ามาใช้ปืนสูญกาศ ยิง มันเข้าไป...
จึงมีแค่รอยแผลเป็นรูเล็ก ๆ แล้วยาสมานแผล ก็ช่วยให้ รอยแผลนั้นหายภายใน หนึ่งชั่วโมง
เมื่อไทกิซัง ตื่นขึ้นมา ก็มีแค่อาการจุกเสียด นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น..."


โนริโกะ อธิบายต่อ ในขณะที่ ไทกิ ใช้มือกดจับไปที่ใต้กล้ามเนื้อระหว่างอก ไทกิคิดว่า มันเป็นเพียง เนื้องอก
ธรรมดาเท่านั้น...

"ตอนนั้นที่ ไทกิซังถูกจับตัวไป โนริโกะ ตามไปถึง สนามบินพาณิชย์
แต่พวกมันพา ไทกิซังขึ้นเครื่องไปแล้ว...แต่ด้วยเส้นสาย โนริโกะจึงได้ทราบว่า พวกจางหลี่
พาไทกิซัง...มาที่ประเทศไทย...โนริโกะจึงตามคุณมาถึงที่นี่ได้ ยังไงคะ...
เฮ้อ!!...มันช่างเป็นการตามสัญญาณที่ยาวไกล เสียเหลือเกิน
แต่ก็โชคดีนะคะ ที่พวกมันพาไทกิซัง มาไม่ห่างจากสนามบินเท่าไหร่
โนริโกะ จึงตามสัญญาณมาถึง ตรงนี้ ยังไง ละคะ ...
เอาล่ะ ทีนี้ ถึงเวลาที่ คุณต้องตอบคำถาม ของโนริโกะ...บ้าง....
โนริโกะ อยากถาม...แค่ว่า พวกนั้น มันรู้อะไร จากไทกิซัง มากน้อยแค่ไหน..."

ดวงตาของ โนริโกะ เป็นประกาย ฉายความอำมหิตออกมา สัญญาณที่ส่งออกมาจากตัว ไทกิ เป็นคลื่นสั่น ถี่
ตืด.ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ........ นั่นหมายถึง คำพูดต่อไปนี้ ที่ไทกิพูดออกมา... มัน คือคำโกหก...

"ไม่...ฉัน...ๆ...ๆ ไม่ได้บอกอะไร...กับมันเลย....ไม่ได้บอกอะไรเลย....เธอต้องเชื่อฉันนะ..."

โนริโกะ ยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยออกมา อย่างเย็นชา

"ไทกิซัง ในฐานะ เราเคยวินาที ดี ๆ เอ!..จะว่าไป มันก็ไม่ค่อย ได้เรื่องเท่าไหร่
มีอะไรจะสั่งเสีย ให้โนริโกะทำให้ ก่อนลงนรก...ไหมคะ..."

ไทกิกลืนน้ำลาย ก่อนพลิกตัวกระโดด เป็นกระต่ายขาเดียว เพื่อหนีเอาตัวรอด โนริโกะยิ้มหวาน ค่อย ๆ ยกปืน
จ่อไปด้านหลังของไทกิ อย่างช้า ๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายวาววับ ก่อน เหนี่ยวไกปืน...สองนัด ซ้อน ๆ....
เปรี้ยง!!....เปรี้ยง!!.... หัวกระสุนทะลวงจากแผ่นหลัง ทะลุออกจากอกด้านขวา สอง นัด ไทกิ มองเห็น หน้าอก
ด้านขวาตนเอง ถูกกระสุนทะลวงออกมา สองนัด ร่างไทกิ กระเด็นออกไป ประมาณ สามเมตร... ลงไปที่กอง
หญ้า อีกประมาณ 5 เมตร จะเป็นคลองระบายน้ำ

โนริโกะ เดินตามไปยังร่างของ ไทกิ ที่ยังไม่สิ้นลม เขาพยายาม คลานบนพื้น ลงคลอง เพื่อจะหนีเอาตัวรอด
ปากของไทกิ ก็ร้องสาปแช่ง ทั้งสองอย่างเผ็ดร้อน โดยมีโลหิตทะลักออกทางปาก และบาดแผลมากมาย
ไทสัน เดินตามโนริโกะ มาทางด้านหลัง เพื่อฟัง สิ่งที่ไทกิ ร้องออกมาก่อนตาย

"mึง ทั้งสอง ต้องโดนท่าน ริว ตามฆ่า อย่างแน่นอน
ท่านริว ต้องแก้แค้น แทน gu พวก mึง ต้องตาย อย่างน่าอนาจ กว่า gu..
ไอ้....หญิง...โฉด...ชาย...ชั่ว..."

โนริโกะ หันมามองไทสัน อย่าง งง ๆ ก่อนที่ทั้งคู่ จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน อย่างสมเพช ในความไร้เดียงสา
ของเหยื่อสังหาร.... ไทกิ ได้ยินเสียงหัวเราะของทั้งคู่ ถึงจะแค้นสุดแค้น แต่ก็ สงสัยในเสียงหัวเราะของทั้ง
สองมากกว่า... โนริโกะ จึงเอ่ยออกมาด้วย น้ำเสียงที่หวานหู ดุจเดิม

"ไทกิซัง...คงยังไม่รู้...ว่า...ท่านริว นั่นแหละ!!... เป็นคนออกคำสั่ง ให้โนริโกะ
เป็นคน...เด็ดหัว...ไทกิซัง ด้วยตนเอง...
รู้ไว้นะคะ...ก่อนตาย...จะได้...ไม่โง่.....อิๆๆๆ..."

แล้ว โนริโกะ ก็ยื่นปืนในมือให้ ไทสัน ที่ยืน เคียงข้างเธอ เขาถือปืน CZ ขึ้นมาข้าง ๆ ใบหู ก่อนจ่อลงมาบนร่าง
ของไทกิ ที่คลานเกือบถึง ริมคลอง อีก ครึ่งเมตร เสียงปืนดังขึ้น ถี่ยิบ..เปรี้ยง!ๆๆๆๆๆๆๆๆ...กระสุนทะลวงเข้า
ทางด้านหลังจนหมดสิ้น ร่างของไทกิชัก กระตุกอย่างรุนแรงก่อน พลิกตัวหงายขึ้นมา มองตาไทสัน ขาดใจ
อยู่ตรงริมคลองนั้น...โลหิตไหลเจิงนอง ลงคลองอย่างช้า ๆ ส่วนปืน CZ ลำกล้องค้าง เป็นการบอกว่า กระสุน
ของปืนกระบอกนี้ ได้หมดลงแล้ว โนริโกะ ยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนเดินไปข้าง ๆ ศพ ของไทกิ ที่ดวงตา
เหลือกค้าง อย่างอาฆาต โนริโกะจึงใช้มือปิดเปลือกตา ไทกิ แล้วกระซิบข้างหูศพว่า

"แล้ว โนริโกะ...จะแก้แค้น ให้นะคะ... ที่รัก..."

นักฆ่าผู้เชี่ยวชาญในการกลบเกลื่อนร่องรอย ก้มลงมองดู ข้าง ๆ เหมือนเห็น อะไรบางอย่าง ไทสันจึงสงสัย
เดินเข้ามาใกล้ แล้วในจังหวะนั้นเอง โนริโกะ ก็แอบหยิบปืนรูเกอร์ กระบอกเล็ก และเป็นปืนของ ไทกิ ที่ถูกส่ง
มาก่อนที่เธอจะเดินทางมาถึง ประเทศไทย เธอหันปลายกระบอกปืนเข้าที่ กลางหน้าผากของไทสัน ลั่นไก
เปรี้ยง!... เพียงนัดเดียว กระสุนทะลวงหน้าผาก ทะลุออก ศีรษะด้านหลัง พร้อมมันสมองและเศษ กระโหลก
ที่เปิดออก อย่างน่าสยดสยอง

เพียงนัดเดียว ไทสันก็ สิ้นใจอย่างน่าอเน็จ อนาจ...ดวงตาเหลือกอย่างสงสัย ว่าทำไมตนจึงถูกฆ่าด้วยน้ำมือ
ของหญิงสาวผู้นี้ โนริโกะ นำปืนกระบอกนี้ใส่มือของ ไทกิ แล้วยิงไปที่ดินข้างๆ ศพของ ไทสันจนดินกระจาย
โนริโกะ เมื่อปล่อยมือ ปืนรูเกอร์ก็ตกอยู่ข้างๆ ไทกิ... แล้วโนริโกะ ก็ดึงมีด เล็บปีศาจออกมาจากเอ็นร้อยหวาย
แล้ว จึงใช้มีดเล่มนั้น เก็บเข้าซองที่ต้นขา จากนั้นจึง เดินไปตามทาง ระหว่างที่เธอเดินผ่านรถตู้ คันที่เธอมา
กับไทสัน เธอแกะเอาแผ่นยางที่เคลือบอยู่ที่ฝ่ามือ เพื่อป้องกันรอยนิ้วมือออก จากนั้น โนริโกะ จึงยกโทรศัพท์
มือถือ ขึ้นมากดหมายเลขโทรศัพท์ เสียงดังขึ้น สามถึงสี่ครั้ง จึงมีสัญญาณเสียงตอบรับ

"นายท่านเจ้าคะ....ข้าน้อย จัดการ ส่ง ไทกิ ไปปรโลกแล้วค่ะ"

'.....ดีมาก....จัดการให้...เรียบร้อย...
แล้วมัน...เปิดเผยอะไร กับพวกนั้น... หรือเปล่า ...'

"นายท่านคะ...จากคลื่นความถี่ ที่ส่งจากตัวมัน อัตราการเต้นของหัวใจ
ที่ส่งมาที่เครื่องรับของ ข้าน้อย แสดงให้ทราบว่า...ไทกิ
ได้บอกพวกนั้น ไปแล้ว...ไม่มาก ก็น้อย..."

'....ถ้างั้น...ก็ช่างมัน เราก็ทำถึงที่สุด ไอ้ไทกิ ก็ตายไปแล้ว....
ภูต เงา พราย เธอต้องคอยจับตา คนที่ชื่อ หลิวตง แห่งมังกรฟ้า
ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน...จงเข้าใกล้มัน ให้ถึงที่สุด แล้วสืบให้รู้ว่า
แสงสุรีย์...มันคือใคร...เธอ ทำได้ ใช่ ไหม....'

"ได้เจ้าค่ะ...นายท่าน ภูต เงา พราย จะสืบให้รู้แจ้งเจ้าค่ะ..."

เมื่อวางสาย โนริโกะ จึงเก็บโทรศัพท์มือถือ เข้ากระเป๋าเสื้อ เมื่อเดินห่างออกมาประมาณ 300 ถึง 400 เมตร
เธอก็ หยิบเอารีโมท ออกมา แล้วกดปุ่ม รถตู้สีขาวระเบิด แหลกเป็นจุล...บึ๊ม!!!.. ไฟพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า หญิงสาว
มานั่งที่รถยนต์ที่เตรียมไว้ แล้วขับออกไปตามถนน โนริโกะหยิบเอาแว่นดำ มาสวมอย่างช้า ๆ พร้อมรอยยิ้ม
ที่เหยียดที่มุมปาก เอ่ยออกมาในลำคอ

"พยัคฆ์โลหิต แห่งมังกรฟ้า หลิวตง.....
คุณคง...ไม่ปวกเปียก เหมือน ไทกิซัง...นะคะ...หึๆๆๆๆ...."

สายตาของ โนริโกะ เป็นประกายวาว เต็มไปด้วยความร้อนแรง ที่มิอาจ ปิดบังได้ ตอนนี้ภารกิจของเธอ คือ
ติดตาม หลิวตง หรือ สิทธิชัย เจริญบูรพา.....แล้วสืบหา...แสงสุรีย์...สิทธิชัย เกี่ยวอะไรกับแสงสุรีย์ กันแน่...
............................

สารวัตรฤทธิ์ มานั่งรอภรรยาของ ผู้กองบัญชา เธอมากับบุตรสาว อายุ สามปีที่หน้าห้อง หญิงสาว
เมื่อมาถึง ก็ร้องถามถึงสามีทันที

"พี่ฤทธิ์... พี่บัญ เขาบาดเจ็บหนัก มากหรือคะ ..."

สารวัตรฤทธิ์ จับไหล่ของหญิงสาวก่อนจะเอ่ยออกมา

"แวว ทำใจดี ๆ นะ...ตอนนี้...ทางหมอตู่ กำลัง...ตกแต่ง..."

"หมายความ... ยังไงคะ พี่ฤทธิ์...หมอตู่....กำลัง...ตก...แต่ง
ตกแต่ง...อะไร หรือคะ...พี่ฤทธิ์..."

สารวัตรฤทธิ์ กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น เพราะสิ่งเขาต้องกล่าวออกมา ต้อง ทำร้ายจิตใจอดีตคนรักของเขา
และเธอกำลังจะทราบว่า สามีของเธอได้จากไปแล้ว อย่างไม่มีวันกลับ

"...ไอ้บัญชา มันจากไปแล้ว ...ตอนนี้ หมอตู่ กำลัง
ตกแต่งให้ร่าง ให้...เรียบร้อย..."

แววดาว ล้มลง สิ้นสติต่อหน้า สารวัตรฤทธิ์ เขารวบตัวหญิงสาว มิให้เธอล้มลง เด็กหญิง ร่ำร้อง เรียกมารดา
อย่างตื่นตกใจ สารวัตรฤทธิ์ จึงอุ้มหญิงสาว ไปวางที่เตียงเข็นของ รพ. เตรียมไว้ สำหรับคนไข้ ฉุกเฉิน เมื่อ
เธอได้สติ ก็ร่ำร้อง ต้องการเห็นหน้าของสามี เป็นครั้งสุดท้าย

"พี่ฤทธิ์ แววขอร้อง นะคะ ขอแววเข้าไปดู พี่บัญชา เป็นครั้งสุดท้าย"

สารวัตรฤทธิ์ เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่สั่น

"แววได้พบกับ ผู้กอง แน่ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้
แววจะได้เห็นแต่ ความทรงจำดี ๆ ไม่ใช่ตอนนี้ เวลานี้
แววต้องเข้มแข็งนะ..."

แววดาวร่ำไห้อย่างน่าเวทนา กอด ธิดา ไว้แน่น ร่ำไห้อย่างไม่อายใคร มันเป็นภาพ ที่ทำให้ สารวัตรฤทธิิ์ รู้สึก
โกรธแค้น ดาหวันมายิ่งขึ้น เขาตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ว่า จะจับตัว ฆาตกรมาลงโทษ ไม่ว่าจะจับเป็น หรือ
จับตาย ให้ได้.......
.........................

ดวงแข หรือที่ทุกคน เรียกเธอว่า น้ำฝน ตื่นขึ้นมา ก็เห็น จางหลี่นอนหลับที่ โซฟารับรองในห้องพิเศษ
เธอเพิ่งสังเกตว่า ผู้อุปการะของเธอ ใบหน้าหล่อเหลา คมเข้ม เส้นผมตรง ใบหน้าเกลี้ยงเกลา รูปร่างสูงใหญ่
กล้ามเนื้อแข็งแกร่ง เธอไม่เคย กล้ามองเขาตรงๆ เพราะจิตใต้สำนึก คอยบอกเธอว่า ตนเอง เป็นเพียงคน
สวมรอยเท่านั้น เมื่อจางหลี่มาพบ เธอมักจะหลบเลี่ยงเสมอ ไม่กล้า เผชิญหน้า กับเขา โดยตรง

มีสิ่งเดียวที่ทำให้รู้ว่า เธอยังพอมีค่าอยู่บ้าง ก็คือ จดหมายของจางหลี่ ที่เขียนภาษาไทย ที่ถึงแม้ จะลายมือ
ของเขาจะ ไม่สวย แถมยังเขียนผิดเขียนถูก ต้องใช้ความพยายาม จึงจะเข้าใจความหมายที่เขา ต้องการ
สื่อสาร ความรู้สึกที่มีให้กับจางหลี่ ตอนแรกเป็นเพียงหน้าที่ ที่บิดา กับมารดาสั่งให้เธอ ต้องหลอกเงินจาก
คนผู้นี้ เธอจึงรู้สึกว่า ชายผู้นี้ คือภาระที่เลวร้าย

นั่นเป็นเพราะ เธอต้องสูญเสียความเป็นตัวตนไป จากเดิมที่เธอ มีชื่อเล่นว่า แป๋ม ชื่อจริงว่า ดวงแข เธอถูก
บิดาของเธอ สั่งให้เปลี่ยนชื่อ เล่น และ ชื่อจริง เป็นชื่อของพี่สาวต่างมารดา ที่อายุห่างกัน เพียงหนึ่งปี เธอ
จึงรู้สึกเช่นนั้น... เธอเขียนจดหมายตอบ จางหลี่ เหมือนเด็กถูกคุณครูบังคับให้ส่งการบ้าน แต่การทำการบ้าน
ของเธอ ทำให้ ครอบครัวของเธอมีเงินมาจุนเจือ แล้วจากความเกลียดชัง ก็แปรเปลี่ยน เป็น ความเคารพใน
ความจริงใจ ที่เธอสัมผัสได้ จนเมื่อเธอ อายุได้ 17 ปี...

เมื่อบิดา และมารดาของเธอจากไป เธอจึงเหลือ จางหลี่ เป็นญาติเพียงคนเดียว เพราะญาติของเธอนั้น ต่าง
รังเกียจเธอ ซึ่งเกิดจาก ความร้ายกาจของ บุพการี ทำให้ญาติ ๆ ก็มองว่า เธอก็คงเป็นลูกไม้ ที่หล่นไม่ไกล
ต้น เท่าใดนัก.... ชีวิตของน้ำฝน จึงโดดเดี่ยว จางหลี่ นั้นพยายาม จะรับเธอไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยกัน แต่น้ำฝน
บ่ายเบี่ยง เพราะเธอเกรงว่า ถ้าจางหลี่ต้องไปทำธุระกรรม ด้านเอกสาร อาจทำให้ทราบว่า เธอมิใช่ น้ำฝน
ตัวจริง.......

จนในที่สุด เมื่อเธอ มีคนรัก อย่างไม่ตั้งใจ เพราะเธอ อ่อนประสบการณ์ จึงตกเป็นเหยื่อของ นายฉกาจ
บุตรชายของ เสี่ยเก้า ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการมวย และการพนัน ฉกาจ เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ที่คอยตามตื้อ
จนกระทั่งเธอ ถูกมอมด้วยสุรา กับยากล่อมประสาท หญิงสาวตกเป็นของ ฉกาจ และถูกบังคับว่าจะ ประจาน
เธอให้เสียหาย ถ้าไม่ยินยอมเป็นคู่ควงของฉกาจ

ด้วยความหวาดกลัว เธอจึงต้อง ตกเป็นของเล่นของ ฉกาจ จนในที่สุด เธอก็ตั้งครรภ์ จึงทำให้เรียนไม่จบ
มหาวิทยาลัย ในปีสุดท้าย เคราะห์กรรมของเธอยังคงไม่สิ้นสุด ฉกาจเกรงว่า ดวงแขจะนำเด็กมาผูกมัดตน
เธอจึงถูก ฉกาจ บังคับไปทำแท้ง ในขณะที่เธอตั้งครรภ์ได้ เกือบ หกเดือน จนเธอเกือบเสียชีวิต....

เมื่อดวงแข หายดี เธอจึงต้องการตัดความสัมพันธ์ กับ ฉกาจ แต่กลับถูกตามรังควาญ อย่างสม่ำเสมอ จาก
เหล่าสมุนของ นายฉกาจ ดวงแข ไม่กล้าเขียนเรื่องนี้ เล่าให้จางหลี่ฟัง เพราะเธอกลัวว่า จางหลี่ จะรังเกียจ
เธออีกคน ดวงแข มักจะเขียนว่า ฉกาจดีกับเธอ ราวกับเจ้าหญิง และจะสร้างครอบครัวเล็ก ๆ กับเธอ จางหลี่
ก็จะเขียนตอบมา เพื่อแสดงความยินดี แล้วพร้อมจะมาเป็นตัวแทนฝ่ายหญิง พร้อมมอบของขวัญให้ เธอไป
ใช้ตั้งตัว...ดวงแข อ่านจดหมายของจางหลี่ ทุกฉบับ ยามที่เธอท้อแท้สิ้นหวัง....


ดวงแข ไม่ต้องการเงินค่าเลี้ยงดูจาก ฉกาจ เธอจึง มาทำงาน เป็นเสมียนในบริษัทเอกชน ที่ไม่ห่างจากบ้าน
เพื่อจะหาเลี้ยงชีพตนเองให้ได้ แล้วในที่ทำงาน ก็มีชายหลายคน ที่ให้ความสนใจ เพราะดวงแข จัดว่าเป็นสาว
งาม ที่เพรียบพร้อมคนหนึ่ง... แต่...ใครที่เข้ามาใกล้ ดวงแข มักถูกลูกน้องของฉกาจเล่นงาน จนสะบักสะบอม
ถึงกับลาออกไปก็มาก ดวงแข จึงกลายเป็น หญิงสาวที่อันตรายไม่ควรเข้าใกล้ เป็นเด็ดขาด

จนในที่สุด ความอดทนของเธอก็มาถึงจุดแตกหัก ดวงแข บุกไป ถึงบ้านหลังใหญ่ของ ฉกาจ ในช่วงเช้า
ขณะนั้น มีแขกสำคัญ ที่เป็นผู้ใหญ่ ของพรรคการเมือง มาทาบทาม เสี่ยเก้า หรือ นายสัญญา พิชิตพายัพ
มาเข้าสู่พรรคการเมือง พรรคนั้น... ดวงแข โยนข้าวของที่ ฉกาจ เคยซื้อให้ ทิ้งที่เบื้องหน้าเขา แล้วประกาศ
ออกมาด้วยน้ำเสียง ราบเรียบ

"ขอให้ความสัมพันธ์ของเรา จบลงแค่นี้
อย่าได้มาข้องเกี่ยวกัน...ถ้ายังส่งคนมารังควาญฉันอีก
ที่ต่อไปที่ฉันจะไปทิ้งของที่คุณซื้อให้ จะเป็น
สำนักข่าว...หนังสือพิมพ์....จำไว้ เพราะฉัน จะไม่ทนอะไรจากคุณอีกแล้ว..."

ดวงแข หันไปยกมือไหว้ เสี่ยเก้า และคนในห้องที่นั่งอยู่ทุกคน ก่อนเดินออกไปจากบ้านหลังนั้น ฉกาจ รู้สึก
เสียหน้าเป็นอย่างมาก ที่หญิงสาวบังอาจมาหักหน้าตน ถึงในบ้าน...หลังจากแขกกลับหมดแล้ว ฉกาจ ถูกบิดา
ของตน ตบหน้า จนล้มลงแล้วถูกด่าทออย่างเผ็ดร้อน

" ทำไมถึงปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาวุ่นวายที่นี่
ถ้าคิดจะเจ้าชู้ มันต้องรู้จักวิธี ควบคุม....ถ้าเกิดมีข่าวฉาวโฉ่ขึ้นมาตอน
แล้วทางพรรคเกิดตัดชื่อของเราออก
แกรู้ไหมว่า ที่ทำมาทั้งหมด จะสูญเปล่าทันที
เพราะฉะนั้น แกจะทำอะไรก็ได้ แต่อย่า ทำให้ความฝันของฉัน ต้องพินาศเพราะแก
ไปให้พ้นหน้า ออกไป..."

ฉกาจ สะบัดหน้า แล้วเดินออกไป จากห้อง ส่วนเสี่ยเก้ากระแทกนั่งลงบนเก้าอี้นวมอย่างหัวเสีย แล้วในวันต่อ
มา ฉกาจจึงบุกมาทำร้ายดวงแขด้วยตนเอง พร้อมด้วยลูกน้องคนสนิท สองคน.......

จางหลี่ ลืมตาขึ้นมาพอดี จึงลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้ ข้างๆ ดวงแข ใช้ดวงตาที่อ่อนโยน เต็มไปด้วยความห่วงใย ซึ่ง
ดวงตาแบบนี้ ดวงแข ไม่เคยได้รับจากใคร น้ำตาของหญิงสาวไหลหลั่งออกมา จางหลี่ ใช้มือลูบเส้นผม
อย่างแผ่วเบา เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

"น้ำปลอดภัยแล้วนะ... ต่อไป น้าหลี่ จะไม่ให้ใคร มารังแก น้ำได้อีกแล้ว
น้า...ขอสัญญา.... อีกอย่างนะ น้าขอโทษ ที่ตลอดเวลา
ไม่เคยมาดูแล น้ำอย่างที่เคยบอกกับหนูไว้.... น้าขอโทษนะ...น้าหลี่ จะไม่ให้
ไอ้พวกนั้น มาแตะต้องตัว น้ำ ได้อีก..."

ดวงแข ค่อย ๆ ใช้มือที่สั่นเทา จับมือของจางหลี่ไว้ น้ำตาไหลนองออกจากตาที่ ห้อเลือดแดงช้ำ เอ่ยออกมา
อย่างติดขัด

"น้าหลี่ไม่ผิดหรอกค่ะ น้ำเองที่ไม่เชื่อฟังน้า
จนต้องไปทนทุกข์กับผู้ชายคนนั้น... แต่น้าหลี่ อย่าไปยุ่งกับพวกมันเลยนะคะ...
พวกมันเป็น.... มันไม่ยอมหยุดแน่ ๆ น้าหลี่ จะเดือดร้อนนะคะ
ปล่อยน้ำไว้แบบนี้...แหละ!..อย่ามาเดือดร้อน เพราะผู้หญิงแบบน้ำเลย..."

จางหลี่แย้มยิ้ม อย่างจริงใจ ก่อนนำผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาของ หญิงสาวอย่างแผ่วเบา เขากระซิบข้างหูเธอ
แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

"ไม่ต้องกลัวนะ น้าหลี่....จะปกป้อง น้ำด้วยชีวิตของน้าเอง
น้าหลี่...จะไม่ยอมให้ใคร หน้าไหน...มาทำร้าย หลานของน้าหลี่อีก..."

ดวงแข เม้มปากที่สั่น ร่ำไห้ออกมา เธอเพิ่งได้รับความรักและหวังดี อย่างจริงใจเช่นนี้ เป็นครั้งแรก จางหลี่รู้
สึกเศร้าเสียใจ ในชะตากรรมของหญิงสาว จนมิอาจ กั้นน้ำตาไว้ได้ เขาคิดถึงวันที่เป็นต้นเหตุให้ มารดาของ
เธอต้องตาย...จึงส่งผลให้เธอถึงตอนนี้....จางหลี่นั้น คิดว่า ต่อไปนี้ เขาคงทำได้แค่เพียง ชดใช้ให้กับเธอ
ผู้นี้...เพื่อจะได้ไม่ติดค้างต่อกันอีก....ดวงแข หลับตา ก่อนครางออกมาอย่างแผ่วเบา มีรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฎ
บนใบหน้าที่ยับเยินของเธอ

"งั้นน้าหลี่...ต้องอยู่ตรงนี้นะคะ...อย่าจาก น้ำไปไหน....
อย่าจาก น้ำไปไหน อีกนะคะ..."

"จ่ะ...น้าหลี่ จะอยู่ตรงนี้....จะอยู่ข้าง ๆ ตรงนี้ ไม่ไปไหน...อย่างเด็ดขาด"

แต่ภายในใจของจางหลี่ กลับแอบคิดถึงใครคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้จัก แม้เป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่
เขาก็คิดถึงเธอผู้นั้น จนเกือบนอนไม่หลับ...จางหลี่ ก็ไม่เข้าใจ ตนเอง ว่าทำไมถึงคิดถึง....ผู้กองวีรดา......
เขารู้สึก เหมือนขาดอะไรบางอย่าง เมื่อแยกจากหญิงสาวคนนั้นมา...มันเป็นเพราะอะไรนะ.....
...............................

ผู้กองวีรดา หลังจากได้รับรายงาน จากสายสืบ ที่ติดตามจางหลี่ เธอทราบได้ทันทีว่าเขา ไปพบใคร
เธอรู้สึกเศร้า ที่จนป่านนี้ จางหลี่ยังไม่ทราบความจริงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เขาจ่ายเงินให้ กับเจริญบิดา
ของเธอนั้น เป็นการหลอกลวงมาโดยตลอด เพราะ น้ำฝนตัวจริง มิเคยได้รับ เงินจากเขาเลย แม้แต่บาทเดียว

ถึงแม้ว่า เธอได้กล่าว อโหสิกรรม ต่อหน้าร่าง ที่ไร้ลมหายใจ ของนายเจริญ และ แขไข ในวันนั้น แต่เมื่อเธอ
นึกถึงเรื่องนี้ มันก็ทำให้เธอ รู้สึกโกรธ ทั้งสองขึ้นมา แล้วในทางกลับกัน จางหลี่ จะรู้สึกอย่างไร เพราะตลอด
เวลา เขาถูกหลอกมาตลอด....แต่เธอ ก็ไม่สามารถบอกความจริง ในเรื่องนี้ได้ ไม่ได้ จริง ๆ ......

.........วีรดา ในตอนนั้นได้รับโควต้า เพื่อเรียนโรงเรียนนายร้อย เธอทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ ว่านายเจริญ
และ แขไข ประสบอุบัติเหตุ และฆ่าชิงทรัพย์ เธอจึงมาเคารพศพ ในฐานะ บุตรสาว หญิงสาวมาเพียงลำพัง
ในตอนเช้ามืด เพื่อจะได้ไม่มีใครพบผู้กองวีรดา จุดธูปไหว้พระประธาน ก่อนไปจุดธูป หน้ารูปของทั้งสอง
เธอ พนมมือ แล้วกล่าวออกมา

"คุณพ่อ น้าแข หนูขอ อโหสิกรรม เรื่องต่าง ๆ ที่ทั้งคุณพ่อ และน้าแข ที่เคยได้ทำกับหนูไว้
ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เรา....อย่าได้พบกันอีก....
สิ้นสุดเวรกรรมแต่เพียงเท่านี้ นะคะ...."

แล้ววีรดา ก็ปักธูป ลงกระถางของทั้งสอง แล้วก้มลงกราบเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อ หันกลับมา เพื่อเดินจากไป
ก็พบว่า 'ดวงแข' น้องสาวต่างมารดา ที่ตอนนี้ เปลี่ยนเป็นใช้ชื่อของเธอ ในวัยเด็กคือ 'ลัลดา' หรือ 'น้ำฝน'
ดวงแขมองจ้องใบหน้าของวีรดา ก่อนเอ่ยออกมา อย่างแผ่วเบา

"พี่ฝน...พี่ฝน....ใช่ไหม..."

วีรดาเหยียดยิ้มอย่างปวดร้าว ก่อนตอบกลับมา

"มันยังเป็นชื่อของฉัน อีกหรือ....หึ ๆ ๆ...
ไม่ ฉันชื่อ ว่าที่ร้อยตำรวจตรีหญิง...วีรดา ปัทมวิชช์..."

ดวงแข เดินเข้าไปกอดพี่สาว พร้อมกับร่ำไห้ออกมา วีรดายืนนิ่ง ให้น้องสาวกอดอยู่นาน เพราะตลอดเวลา
ดวงแข ไม่เคยลืม พี่สาวของเธอเลย แล้วในที่สุด วีรดาจึงยกแขนขึ้นโอบน้องสาวอย่างแผ่วเบา เพราะสาย
สัมพันธ์ของทั้งสอง แน่นแฟ้นยิ่งนัก ดวงแข พา วีรดาไปนั่งเก้าอี้หินอ่อน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นก่อน

"พี่ฝนคะ พี่ฝนกลับมาอยู่กับน้อง นะคะ
ตอนนี้ น้อง ไม่เหลือใครแล้ว เรากลับมาอยู่ด้วยกันนะคะ พี่ฝน"

วีรดาลูบ เส้นผมของ ดวงแขอย่างแผ่วเบา จ้องดวงตาเธอนิ่ง แล้วเอ่ยกลับมา

"น้องพี่...ตอนนี้ไม่ได้...เพราะต่อไป งานของพี่ จะอันตรายมากขึ้น
อาจมีเรื่องเดือดร้อนมาถึงน้องสาวของพี่..."

"พี่ฝน.....น้ำ..เอ้ย! แป๋ม ไม่กลัว เพราะตอนนี้ หนูสามารถทำอะไรก็ได้
...เรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม...นะคะ..."

วีรดาส่ายหน้าช้า ๆ ก่อน ใช้นิ้วเช็ดคราบน้ำตาของน้องสาวออก

"ตุ๊กตาตัวนั้น... น้องยังเก็บไว้ ใช่ไหม..."

"ค่ะ...หนู ยังเก็บไว้.... ก็มันเป็นตัวแทน พี่สาวของหนู นินา!...
หนูนอนกอดมันทุกคืน.... เอ่อ!!..เมื่อวานนี้ คุณน้าก็มานะคะ
แต่หนูไม่กล้าคุยกับเขา...เพราะหนู...หลอกลวง คุณน้ามาตลอด ....หนูกลัว"

วีรดาโอบไหล่หญิงสาวเอาไว้ อย่างแผ่วเบา เอ่ยออกมาด้วยเสียงที่สั่น

"ไม่ต้องหรอกจ่ะ พี่เข้าใจดี ต่อไป น้องก็คือ ลัลดา
ส่วนพี่ ชื่อวีรดา
ก็เรามีอยู่แค่สองคน...เราไม่รักกัน แล้วใครจะมารักเรา...
จำไว้นะ น้องคือ ลัลดา...ตัวจริง..."

ทั้งสองพี่น้องกอดกันด้วยความรู้สึกที่ อ่อนโยน เต็มไปด้วยสายใย ของความรักอย่างแท้จริง เมื่อวันฌาปนกิจ
จางหลี่มาร่วมงาน วีรดาก็มาร่วมงาน แต่แต่งกายเป็นชาวบ้านในแถบนั้น แถมด้วยใช้หน้ากากอนามัยปิดบัง
ซ่อนอำพรางไว้ เธอพบจางหลี่อีกครั้ง หลังจากไม่พบกันมา เกือบ 12 ปี เธอจำใบหน้า ของจางหลี่ได้อย่าง
แม่นยำ เขาแทบไม่เปลี่ยนจากเดิม ทรงผม ทรงเดิม ใบหน้าอาจกร้านขึ้น แต่ดวงตา ของเขายังส่องประกาย
อบอุ่น เช่นเดิม แล้วหัวใจของเธอ ก็เต้น ไม่เป็นจังหวะ ....เธอรู้ตัวดีว่า เธอ...รัก....เขา ทันใดจางหลี่ เหลือบ
ตา หันมามองสายตา ของทั้งสอง ประสานกัน เขาจ้องมองตาคู่นั้น อย่างแปลกใจ.... แล้วหญิงสาว ก็หลบ
สายตา มองไปทางอื่น...

ผู้กองวีรดา เหม่อมองไปยังแฟ้มประวัติของ จางหลี่ มีไฟล์เป็นฟล๊อฟปี้ดีสต์ 3.5 นิ้ว เก็บข้อมูลของเขาไว้
เธอไม่เคยลืมเขาได้เลย แม้เวลาจะผ่านมาเกือบ ยี่สิบปีแล้ว และเมื่อเธอใกล้ชิด ความรักที่ซ่อนมาเป็นเวลา
นาน ก็ระเบิดออกมาราวภูเขาไฟ เธอมิอาจยับยั้งมิให้ เกิดความรู้สึกเช่นนั้นได้ มันจึงเป็นความรักครั้งแรก ที่
โหยหา...แต่กลับมีอะไรบาง ๆ ขวางกั้น และสิ่งที่ขวางกั้น ความรักของเธอก็คือ....สายสัมพันธ์ ระหว่างน้อง
สาวของเธอ คือ ดวงแข ซึ่งตอนนี้ คือ ลัลดา ตามบัตรประชาชน และมีชื่อเล่นว่า 'น้ำฝน'.................

................ตอนเด็ก ทั้งสองจะรักกัน แต่ ต้องทำเป็นไม่คุยกัน เพราะเมื่อใดที่ ดวงแข เรียก ลัลดา ว่า 'พี่ฝน'
เด็กหญิงจะถูก มารดาตี อย่างแรง แม้แต่วันที่ ลัลดากำลังจะถูกพาไปบ้านล้อมรัก ดวงแข ก็แอบเอาตุ๊กตา
รูปกระต่าย ที่มารดา ยึดมาจากลัลดา มาให้.... แต่เด็กหญิง มีความคิด และจิตใจดีกว่า มารดา หลายพันเท่า
ดวงแขรู้ว่า อะไรผิด อะไรถูกตั้งแต่เด็ก แต่ก็ไม่อาจขัดใจมารดาได้

เมื่อเธอแอบได้ยินว่า น้ำฝน กำลังจะถูกส่งไปที่บ้านล้อมรัก ถึงแม้ว่า ดวงแข จะรักตุ๊กตาตัวนี้ แต่เธอก็รัก
น้ำฝนมากกว่า เด็กหญิงจึงแอบเอาตุ๊กตาตัวนี้ ใส่กระเป๋าหนังสือ แล้วมา ดักพบระหว่างทาง ดวงแขนั่งรอ
อยู่เกือบ 20 นาที ก็พบ นายเจริญ ที่มีใบหน้าเศร้าสลด เพราะ ต้องไปส่ง น้ำฝน ที่บ้านสงเคราะห์เด็ก

แม้ว่านายเจริญ จะมิใช่คนดี แต่ก็ไม่ถึงกับ ชั่วช้า เขาก็มีจิตสำนึกของความเป็นพ่ออยู่บ้าง ถึงแม้จะเหลืออยู่
น้อยกว่าคนทั่งไป ความเศร้าโศกเสียใจ ในการกระทำของตน ย่อมมีอยู่บ้าง แล้วเขาก็พบ ดวงแขลูกสาวของ
เขา ยืนรออยู่เพียงลำพัง เด็กหญิงเอ่ยออกมา พร้อมน้ำตา

"คุณพ่อ...ไม่พาพี่ฝนไป ไม่ได้หรือคะ..."

"ยัยแป๋ม...นี่แกยังไม่ไปโรงเรียนอีกหรือ..."

เด็กหญิงลัลดา ยืนนิ่ง เม้มปาก เพื่อมิให้ ร่ำไห้ออกมา เมื่อพบว่า น้องสาวมายืนดักรอ เพื่อขอร้อง มิให้บิดา
พาเธอจากไป... แล้วดวงแข ก็เดินไปข้างหน้าบิดาเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยสายตาวิงวอน

"คุณพ่อ อย่าพาพี่ของหนูไป นะคะ คุณพ่อ...ได้โปรด..."

แม้นายเจริญจะรู้สึกเศร้าโศกเสียใจ แต่ไม่อาจแสดงออกมาได้ เขาจึงเลือกแสดงความโกรธเกรี้ยว ตวาดด้วย
เสียงอันดังพร้อมชูมือ ทำท่าจะตี เด็กหญิง ลัลดา จึงเข้าขวางหน้า ร้องออกมา

"อย่าตีน้องแป๋มนะ...ถ้าจะตี ก็ตีหนูแทน...."

นายเจริญ ลดมือลง ก่อนร้องออกมาด้วยเสียงกระโชก

"จะลา ก็รีบลา พ่อให้พวกแกได้แค่นี้ ..."

นายเจริญจึงเดินไปหลบ หลังต้นไม้ แล้วเขาก็หลับตา ใช้ศีรษะกระแทกต้นไม้ ดัง ตึก ๆ ๆ นั่นเป็นเพราะ
นายเจริญ ก็ไม่อยากทำเช่นนั้น แต่เขาไม่มีทางเลือก เพราะเขาเกรงกลัว แขไขจนขึ้นสมองนั่นเอง

เด็กหญิงทั้งสองกอดกันร่ำไห้ ก่อนที่ ดวงแข จะเปิดกระเป๋านักเรียน แล้วนำตุ๊กตา กระต่าย ที่เป็นของ ลัลดา
แตถูก แขไข...ยึดมาให้เธอ.... ลัลดา นำตุ๊กตามากอด แล้วร่ำไห้ออกมาอยู่พักใหญ่ ก่อนลัลดา จะคืนให้ เธอ

"เก็บตุ๊กตาตัวนี้ไว้นะ แป๋ม รักษามัน แทนพี่...
พี่ฝน ขอสัญญาว่า สักวัน เราจะมาเล่น ตุ๊กตาตัวนี้ ด้วยกัน..."

แล้วนายเจริญ ก็เดินมาจูงมือ ลัลดา จากไป ลัลดาหันมายกมือโบก แล้วทั้งสองก็จากกัน โดยไม่รู้ว่า จะได้พบ
กันอีก เมื่อใด ดวงแข ก็ยกมือขึ้น โบกไปมา พร้อมน้ำตาที่ร่วงหล่น....

ผู้กองวีรดา น้ำตาไหลหลั่ง ไม่รู้จะทำเช่นใด เธอรู้สึกเป็นห่วง น้องสาว แต่ถ้าเข้าไป อาจทำให้จางหลี่สงสัย
แต่อีกใจหนึ่ง เธอก็คิดว่า เรื่องนี้ จะปิดบังได้นานแค่ไหน เพราะสักวัน ความจริงก็จะปรากฎ แต่เธอจะไม่ใช่
คนเปิดเผยความลับนี้ อย่างเด็ดขาด.....

"พี่หลี่ ดาขอโทษ ที่ไม่อาจบอกความจริงได้
วันหนึ่งเมื่อพี่ทราบเรื่องทั้งหมด ได้โปรด อย่าโกรธน้องแป๋ม...
และข้อสำคัญ พี่หลี่ อย่าโกรธ...ดา นะคะ..."

ภายนอก ผู้กองวีรดาเป็นตำรวจหญิง ที่เฉียบแหลม พร้อมด้วยความเฉียบคม ไม่เคยยอมแพ้ แม้อุปสรรคนั้น
จะหนักหน่วงสักเพียงใด แต่ในตอนนี้....เธอกำลังอับจนหนทาง......ในเรื่องของความรัก ของตนเอง

-------------------------------



ภูวีร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2558, 06:45:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2558, 06:45:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 904





<< ทำอย่างไร เมื่อใจนั้น มันเป็นของ...เธอ   แผน ทำลายล้าง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account