☼ สลัมรัก ☼
Tags: คนเรา เลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเลว...หรือว่า ดี! ได้
ตอน: ตอนที่ 39 (ตอนอวสาน)
สลัมรัก 39 (ตอนจบ)
..................................................
เข้าสู่อาทิตย์ที่สองแล้วที่บดินทร์ไม่กลับบ้านหมายรวมถึงบ้านส่วนตัวของเขาเองด้วย โดยที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนทางบ้าน แม้แต่บิดาที่มีประเด็นกับเขาน้อยที่สุด
"จะไปแล้วรึ"
"ค่ะคุณท่าน วันนี้ต้องไปเช้าหน่อยเพราะน้องจะรีบไปทำธุระ และมีลูกค้าประจำเค้าสั่งไว้ล่วงหน้า" น่านฟ้ายังคงเรียกแม่สามีอย่างนั้น 'คุณท่าน' อย่างที่เคยเรียกมา มันรู้สึกขัดๆหูแม้กระทั่งกับตัวคนถูกเรียกเอง แต่คิดว่าก็คงต้องแล้วแต่คนเรียกว่าอยากจะเรียกอย่างไรของอย่างนี้ไม่อยากไปบังคับถ้าใจไม่รับให้เรียกว่าอย่างไรเรียกไปมันก็อาจไม่ได้หมายความตามนั้น
"ตกลง รู้หรือยังว่าสามีเราหายไปไหน" คุณนายลีลาวดีถามลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ออกอาการเต้นเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
"ไม่ทราบค่ะ.." ผิดกับน่านฟ้าที่ซึมลงเห็นๆเสียงที่ตอบก็ฟังเศร้าๆ
"โทรไปตามเขาบ้างหรือยังว่าหายไปไหน"
"ฟ้าไม่กล้าโทร.รบกวน..." นี่ถ้าไม่มีงานร้านกาแฟเธอคงจะจิตตกมากกว่านี้
ดีจริง ปล่อยให้สามีหายไปเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ยังไม่คิดติดตามถามข่าว
"โทรไปถามว่าที่หายไป เจ็บไข้ไม่สบายรึเปล่า แค่นี้สามีเราเค้าคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ เฮ่อหายไปไหนของเค้า.."
'หายไปไหนน่ะเหรอ...' น่านฟ้าไหว้แม่สามีแล้วเดินจากมาอย่างเหม่อๆเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด
'เกี่ยวกันไหมนะ หรือว่าจะเกี่ยว กับที่เรานัดเจอกับเชาว์แป้งแต่แป้งเกิดท้องเสียยกเลิกกระทันหัน ตอนนั้น.. หรือว่ารถคันนั้นที่สงสัย จะเป็นรถของเขาจริงๆ เขาเห็นและเข้าใจว่า...เรานัดพบเชาว์ตามลำพัง แต่ เรื่องแค่นั้นเขาเหรอจะมาสน'
‘ร้านอร่อยและถูกๆแถมยังใกล้บ้านแบบนี้มันน่าทานมากกว่าในห้างเป็นไหนๆว่ามั้ย’
'แต่ตอนนั้นที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เขายังเหมือนเก็บเอาเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาเจอเรากับอาจารย์ชินมาเหน็บ'
หญิงสาวขบคิดอย่างสับสนปนความไม่แน่ใจ ในดวงตาของเขา คลับคล้ายยังมีเธอติดอยู่ในเยื่อใยบางๆ แต่คำพูดและการกระทำกลับบอกชัดว่าเขาไม่แคร์เธออีกต่อไปแล้ว.
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ดๆๆๆ
เขาไม่ยอมรับสาย ทำไม! หรือว่า เขาเป็นอะไร
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด.....
"..."
"สะ.สวัสดีค่ะพี่ดิน พี่." พอรู้ว่าปลายสายรับน่านฟ้ารีบละล่ำละลักกรอกเสียงทักทาย
"มีอะไร คุณแม่ใช้ให้เธอโทรมาสินะ มีอะไรรีบว่ามา"
"ค่ะคือ พี่ดินกำลังยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ.คุยได้มั้ยคะ."
"ใช่ ยุ่งมาก"
"ถ้า..ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ"
"..."
"สวัสดีค่ะ."
ตื๊ดๆๆ
น่านฟ้ายังไม่ทันจบคำเอ่ยลาดีปลายสายก็ชิงกดตัดสายทิ้งเหมือนทนรำคาญไม่ไหวหากต้องได้ยินเสียงเธอต่อไปอีกสักนิด
เขาโกรธเคืองเธอใช่ไหม ด้วยเรื่องอะไร หรือว่าเป็นเพราะเขาเบื่อเธอแล้ว ถ้าอย่างนั้น น่านฟ้าเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง
"คุณท่านล่ะคะ"
"สงสัยเดินออกไปทางด้านหลังแล้วค่ะคุณน่านฟ้า อาจจะเข้าสวนตามคุณผู้ชาย" เด็กรับใช้ในบ้านที่กำลังยืนเก็บถ้วยชามตอบน่านฟ้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่เพราะก้มหน้าก้มตาจัดการจัดเก็บภาชนะบนโต๊ะไม่ทันได้สังเกต
"เหรอ ถ้าอย่างนั้น.ฝากน้าเรียนคุณท่านทีนะคะว่าฟ้าขอกลับบ้านสักสามสี่วัน"
"ทำไมไปนานนักล่ะคะ"
"น้องเข้าค่ายฟ้าเลยไม่อยากเทียวไปเทียวมา ฝากบอกด้วยนะคะ" ที่น่านฟ้าบอกว่าน้องเข้าค่ายน่ะคือธีรนัยคนเดียว อีกคนก็ยังขายได้ตามปกติ
"ได้ค่ะคุณฟ้า"
"ขอบคุณค่ะ" แต่ที่ต้องการจะไปค้างบ้านสักสามสี่วันเหตุผลที่แท้จริงของเธอคือเพื่อไม่ให้บดินทร์ต้องทนรำคาญเมื่อมีเธออยู่ร่วมบ้านด้วย ห่างออกมาสักพักแม่เขาจะได้ไม่ต้องจี้ให้เธอตามและเผื่อว่าเขาจะหายเบื่อเธอ เพราะสำหรับเธอกับการได้เป็นภรรยาอย่างถูกต้องของเขาแม้จะชั่วระยะเวลาสั้นๆได้เท่านี้ก็ดีใจมากแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะทำให้เขารู้สึกดีกับเธออีกครั้ง
______________________________
"เวียงใช่มั้ย"
"ค่ะคุณดิน"
"ไปตามคุณฟ้ามารับสาย"
"เอ่อ..คุณดินลองโทรเข้ามือถือคุณฟ้าสิคะ"
"ถ้าฉันติดต่อเค้าได้จะโทรเข้าเบอร์บ้านทำไม"
"คือว่าคุณฟ้าไม่อยู่ค่ะ เธอบอกว่าจะกลับไปค้างบ้านสามสี่วัน บอกว่าน้องชายไปเข้าค่าย"
"ขอบใจ" ดีจริงนะ ผัวไม่กลับบ้านคุณเมียก็ไม่กลับบ้าง เคยคิดจะแคร์กันมั่งมั้ย จะตามกันทั้งทีก็ต้องรอให้แม่ผัวคอยจิกให้ตาม แล้วคราวนี้หล่อนจะแอบไปที่ไหนกับใครอีก
บดินทร์ทุบป้าง! ไปที่พวงมาลัยรถระบายความไม่พอใจ บดินทร์ไม่รู้ตัวว่าเขากลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายแบบค่อนข้างจะไร้เหตุผลไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆเขาหึงเขาหวง เขาไม่ชอบที่จะเห็นหล่อนไปกับไอ้ผู้ชายคนไหน เขาทำงานดิลงานที่มันจบยากไม่พอยังต้องแอบไปเห็นเมียนั่งหน้าระรื่นอยู่กับชายอื่นอีก ที่เขาหายหน้าไปมีแต่คนอื่นที่ไม่ใช่เมียที่ตามเขาเป็นปลิง ชายหนุ่มเบนเปลี่ยนเส้นทางทันทีจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะกลับบ้านตัวเปลี่ยนเป็นเส้นทางที่จะมุ่งไป
สู่บ้านกาแฟของสามพี่นอง
'รถ'
ยังดีที่เห็นรถหล่อนจอดนิ่งอยู่ที่ข้างรั้ว และเพ่งมองผ่านกระจกใสเข้าไปก็เห็นหล่อนกำลังเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าซึ่งไม่มีไอ้ใครหน้าไหนที่ทำให้เขาระคายใจ สร้างพอใจได้ระดับหนึ่งบดินทร์ก็จึงขับรถผ่านเลยไป
พอร้านปิดน่านฟ้าแยกขึ้นไปพักผ่อนตามลำพังปล่อยให้กานต์ล้างเก็บภาชนะอุปกรณ์ เมื่อมาถึงบนห้องนอนส่วนตัวสิ่งแรกที่เธอทำคือนำบางสิ่งที่แวะซื้อจากร้านขายยาออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของเธอและเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อช่วงเข้าขณะที่เธออาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพและเปิดตู้เพื่อจะหยิบเสื้อผ้าสายตาเธอเหลือบไปเห็น"วันเบาๆ"เข้าและฉุกคิดได้ว่าเธอไม่ได้หยิบใช้มานานพอสมควร
ใช่บางสิ่งที่ว่านั่นคือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ใจของเธอเต้นแรงขณะเฝ้ารอดูผล ขีดที่หนึ่งผ่านไป และตามด้วยขีดที่สองที่ขีดสีปรากฏสู่สายตาขึ้นมาอย่างชัดเจน เธอ ท้อง!
เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาจริงๆแล้วใช่ไหม
น่านฟ้าแกะอีกชุดมาทดสอบซ้ำผลก็ยังเป็นเช่นเดิม
น่านฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา แม้ว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเขาเธอก็ยังมีลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจแทนเขา เธอจะหาทางบอกเขา และเขาจะต้องได้รู้ก่อนที่เวลานั้น...จะมาถึง
"อ้าวฟ้า จะไปไหน"
"กลับไปบ้านใหญ่"
"ทำไมล่ะก็ไหนบอกว่าจะค้างบ้านสามสี่วัน"
"เปลี่ยนใจแล้ว"
"คุณสามีโทรมาตามละสิ"
"เปล่าหรอก ฟ้าเปลี่ยนใจเอง"
"ว๊า..ว่าจะนำเสนอซุบเห็ดสามอย่างซะหน่อย"
"กินซุบเห็ดแล้วต้องช่วยต่อเชื้อเห็ดด้วยใช่มั้ย"
"รู้ทันจริง กินอย่างเดียวก็ได้"
"งั้นก็รีบไปทำสิ แล้ว เค้าสั่งไว้เท่าไหร่ล่ะ"
"สามสิบ เค้าจะเอาไปหยอดใส่ก้อน เค้าบอกว่าที่ซื้อจากเราไปเชื้อเดินเร็วดี"
"แล้วเค้าซื้อก้อนจากที่ไหนล่ะ"
"ก็ซื้อจากเราไปเนี่ยแหละบอกว่าต้องการประหยัดงบเพราะซื้อก้อนเปล่ามันถูกกว่ากันครึ่งๆ แต่กานต์คิดว่าไม่ใช่ทั้งหมดหรอก แต่ก็แล้วแต่เค้า พอใจจะสั่งเป็นแบบนี้ก็แล้วแต่ และก็คงจะเอาเชื้อที่ซื้อจากเราไปต่อเองอีก"
"แล้วได้บอกเค้ารึเปล่าว่าต้องเป็นรุ่นที่หนึ่งเท่านั้นเชื้อจึงจะเดินดี ต้องบอกเค้าด้วยนะเดี๋ยวลูกค้าจะเข้าใจผิด"
"ฟ้า แต่งงานไป คนที่บ้านนั้นเค้าดีกับฟ้ารึเปล่า"
อยู่ๆกานต์ก็วกมาเข้าเรื่องส่วนตัวของพี่สาว
"ก็ดี" คราวนี้ทุกคนดีกับเธอจริงๆ ทั้งพ่อและแม่สามีถึงแม้ไม่แสดงออกว่าชอบว่าปลื้มหนักหนาแต่ก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจเหมือนอย่างแต่ก่อน ตลอดจนบ่าวไพร่ของบ้านนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกับเธอดี จะมีก็แต่สามีตัวเองเท่านั้นที่ทำเหมือนกับว่าไม่ต้องการให้เธอกลับไป แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาปฏิเสธเธอหรอก เธอจะขออยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
"กานต์ดีใจมากเลยนะที่ฟ้ายังกลับมาช่วยขายกาแฟถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนอย่างแต่ก่อน"
"ก็นี่มันบ้านเราบ้านฟ้าเหมือนกัน เออ รีบไปทำซุบห่งซุบเห็ดอะไรนั่นเหอะ ก่อนที่ฟ้าจะเปลี่ยนใจไม่อยู่ชิมไม่อยู่ช่วย"
"เห็ดใหม่สดสามอย่างนอนรออยู่แล้วขอเวลาแพบ"
"ไม่ต้องทำเยอะนะ กินกันไม่หมดแล้วจะต้องมานั่งเสียดายของ ทำเสร็จก็ค่อยเรียกก็แล้วกัน จะเข้าไปต่อเชื้อให้พลางๆก่อน" นี่แหละสาเหตุหลักที่เธอมักกลับบ้านเวลามีปัญหาหนักอกหนักใจ ก็เพราะที่บ้านของเธอมีอะไรให้ต้องทำอยู่ตลอดเวลาไม่ให้จิตคิดฟุ้งซ่าน มือจับงานก็เหมือนจับความมั่นคงให้กับชีวิตและจิตใจ
______________________________
เพราะบดินทร์ไม่รู้ที่มาที่ไปของน่านฟ้าในครั้งนี้ เขาจึงยังไม่อาจวางใจเชื่อใน สิ่งที่เกิดขึ้น คิดอยู่เสมอว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะรักที่จะหลงน่านฟ้า แต่เขาห้ามการกระทำไม่ให้สิ่งที่อยู่ในใจมันแสดงออกมานอกหน้าได้ ฝันไปเถอะว่าเขาจะหลงกลแล้วก็จะแสดงอิทธิพลพรากหล่อนไปจากเขาอีก
ในตอนนั้นเขาเคยบอกคุณแม่ว่าเขารักน่านฟ้า ท่านกลับไม่สนใจใยดีความรู้สึกของเขา จนเขาปล่อยให้จิตใจมันพังไปเรื่อยๆ พังทั้งใจเขาพังทั้งความสุขสมหวังของคุณนาย จะมีก็แต่น่านฟ้ากระมังที่ไม่พังไปด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ได้เห็นหล่อนควงไปกับผู้ชายคนนั้นทีคนนี้บ้างให้มันแสลงตาแสลงใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
"หะ.อวก..."
'ใครมาฉีดน้ำหอมแถวนี้กลิ่นเหม็นอย่างกับขยะเปียก'
"ไฮ อยู่นี่เอง แนนกลับมาแล้วค่ะ" เจนจิราหรือแนนซี่ส่งเสียงมาแต่ไกล
บดินทร์ทำหน้าผะอืดผะอมหนักขึ้นเมื่อหล่อนยิ่งเดินเข้ามาใกล้ นี่เขาเป็นอะไร เขาแพ้กลิ่นน้ำหอมตั้งแต่เมื่อไหร่!
และเขารู้สึกทนไม่ไหวจนต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากส่วนอีกข้างยกขึ้นมาห้ามหล่อนเจ้าของน้ำหอมกลิ่นขยะเปียกไม่ให้เดินเข้ามาใกล้ทั้งรีบผลุนผลันก้าวเข้าห้องนอนของตัวเป็นการยุติกลิ่นที่ตามรังควานชวนให้เขาพิพักพิพ่วน
ทิ้งให้แนนซี่ยืนทำหน้างงอยู่เป็นครู่
'เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย นี่ถ้าไม่เห็นว่าเขาทั้งหล่อทั้งรวยละก็นะ แม่จะร้องเพลง ถอย.ดีกว่า ไม่เอา..ดีกว่าไปนานแล้ว'
ฝ่ายบดินทร์พอเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวได้ก็ตรงดิ่งไปยังโถส้วมภายในห้องน้ำจัดการโก่งคออาเจียนอย่างสาสมใจจนแทบจะหมดใส้หมดพุง ไม่ใช่แต่เฉพาะแนนซี่หรอกนะที่งงตัวบดินทร์เองก็เช่นกัน นี่เขาเป็นอะไร เหล้าก็ยังไม่ได้แตะสักหยด และแค่นึกถึงน้ำหอมกลิ่นแรงที่แนนซี่ปะพรมมานั่นก็พาลจะอ้วกอีก อ้วกเลยดีกว่า อ้วกเสร็จก็ยืนงงกับชีวิตแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเขาไปรับอะไรผิดสำแดงมาถึงออกอาการได้ซะขนาดนี้
____________________________
เมื่อคืนน่านฟ้ากลับมาถึงบ้านแม่สามีราวสามทุ่ม และห้องหอก็ยังคงไร้เงาของเจ้าของห้องเช่นเดิมทั้งๆที่เห็นรถของเขาจอดอยู่ ไม่เป็นไรนะน่านฟ้า เธอต้องหนักแน่นให้ได้เหมือนที่เคยเป็นมา เกือบสองปีที่ห่างไกลกันทั้งที่เห็นเขาควงกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแม้มันจะเจ็บจะช้ำอยู่ลึกๆเธอยังทำใจได้แล้วเลย ไม่เป็นไรๆ แต่ในตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญเธอต้องบอกเขา
น่านฟ้านำรถเข้าจอดเทียบที่ข้างรั้วบ้านของบดินทร์ ก่อนจะทำใจให้กล้าและก้าวเข้าสู่รั้วบ้าน เพื่อ
"ทาตรงนี้ให้แนนอีกหน่อยสิคะคุณดินขา..แนนทาไม่ถึง"
ที่เธอจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ภาพที่บดินทร์มีแนนซี่นั่งซ้อนตักและกำลังลากไล้ฝ่ามือหนาไปทั่วแผ่นหลังเกือบเปลือยของเจ้าหล่อนเพื่อทาโลชั่นกันแดดให้
"น่านฟ้า มาทำไม"
"...." น่านฟ้าพูดไม่ออกลำคอมันตีบตันกะทันหัน
"หรือว่าคุณแม่ใช้ให้มาตาม"
"เปล่าค่ะ คือมีบางอย่าง แต่ ไม่เป็นไรค่ะ" พูดจบน่านฟ้าหันหลังกลับเดินลิ่วไปยังรถของเธอและขับจากไป
บดินทร์แทบจะผลักแนนซี่ล่วงก้นกระแทกพื้นถ้าแนนซี่ไม่เท้าแขนไว้
"คุณดิน" แนนซี่มองหน้าเขาแบบงงๆ เมื่อครู่ตอนได้ยินเสียงรถจอดเขาเป็นฝ่ายคว้าหล่อนไปนั่งตักเองและจัดการละเลงโลชั่นกันแดดให้ แต่แค่แม่เมียแต่งหันหลังให้เท่านั้นก็ผลักหล่อนซะแทบกระเด็น
"รีบไปแต่งตัว ผมจะไปส่ง แล้วจะให้สิทธิ์จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้"
"อะไรกันคะ ก็คุณยัง เอ่อ..." ก็ตั้งแต่ถูกเรียกตัวมาในครั้งนี้เขายังไม่เคยใช้บริการทางเพศกับเธอเลยสักครั้ง
"รีบไปแต่งตัว" บดินทร์สั่งในขณะที่เขาเองหยิบเสื้อผ้าที่กองไว้ใกล้ๆตัวขึ้นมาสวมอย่างรวกๆ
"แนนทำอะไรให้คุณดินไม่พอใจรึเปล่าคะ"
"ผมเรียกใช้บริการคุณแค่นี้แหละ"
"แต่ว่าแนนยังไม่ได้ให้บริการคุณเลยนะคะ"
"ผมพอใจเพียงเท่านี้ ถือเป็นค่าเสียเวลาก็ได้ ผมจะไปรอที่รถ" ชายหนุ่มบอกเธอแล้วก็ไม่รอฟังคำออดอ้อนใดๆคว้ากุญแจรถได้ก็เดินดุ่มๆไป แนนซี่จำต้องเร่งจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวตามที่เขาสั่งเพราะขืนช้าค่าตัวที่ควรจะได้อาจหดลงตามความไม่พอใจ
....................
ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้ที่เขาไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว แต่พอเห็นเขาคลอเคลียหญิงอื่นตำตาตำใจแบบนั้นเธอกลับกั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
ทั้งที่ท่องไว้แล้วว่าอะไรที่เป็นความสุขสุดท้ายของเขาไม่ว่าจะอะไรเธอยอมได้ทั้งนั้น เธอสั่งใจได้แต่สั่งน้ำตาไม่ได้
"ฮึก..."
ก๊อกๆๆ
คุณดิน!
ก๊อกๆ
บดินทร์เคาะกระจกรถติดฟิล์มดำของภรรยาซ้ำ น่านฟ้ารีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะลดกระจกลง
"รถเป็นอะไร มาจอดทำไมที่มืดๆ ฟ้า เธอ.ร้องไห้.." คราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือมันยืนยันชัดเจน
"..แมลงเข้าตาค่ะ เขี่ย.ออกแล้ว" ยิ่งเธอหาทางพูดอธิบายก็ยิ่งฟ้องตัวเองด้วยเสียงที่มันติดจะขึ้นจมูก
"เธอ..." น่านฟ้า แค่แมลงเข้าตาจริงๆหรือว่า เป็นเพราะเธอแคร์..
"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ"
"พี่กำลังจะไป."
ฟึบ!
รู้แล้วว่ากำลังจะไปกับแนนซี่ที่กระจกมองข้างส่องให้เห็นว่ากำลังลงจากรถจะมาตามเขา
"..ส่งเค้า" กระจกรถได้เลื่อนปิดกั้นก่อนที่น่านฟ้าจะได้ยินคำท้าย แต่ถึงจะได้ยินจนจบประโยคก็คงไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนักเพราะภาพบาดตากับประโยคที่ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเธอก่อนหน้า 'มาทำไม' ที่สถานที่ส่วนตัวของเขามันได้ทำร้ายใจเธอไปแล้ว
"ฟ้า มาพอดี"
"อืม มีอะไรเหรอ"
"..เป็นไรอ่ะ ไม่สบายรึเปล่า เสียงไม่ดีเลย" กานต์ผิดสังเกตก็เลยให้ความสำคัญกับอาการของพี่สาวก่อน เรื่องงานเอาไว้ทีหลัง
"เป็นหวัดนิดหน่อย"
"ถ้างั้นไปพักก่อนเหอะ วันนี้กานต์ไม่มีเรียน"
"อ้าวปกติเห็นไป."
"เพื่อนไลน์มาบอกอาจารย์งดสอนแต่สั่งงานไว้ ฟ้าขึ้นไปพักเหอะ"
"อืม" น่านฟ้าไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับพื้นที่เล็กๆของเธอเพื่อจะได้ไม่ต้องปั้นหน้าว่าเธอไม่เป็นไร ขอพื้นที่เล็กๆให้กับหยาดน้ำตาที่มันถูกกักไว้พร้อมจะหลั่งริน...
กานต์มองตามหลังพี่สาวไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าที่นัย์นตาแดงช้ำกับเสียงที่ขึ้นจมูกนั้นเพราะหวัดกิน พี่สาวเขามักเป็นแบบนี้เวลามีความสุขร่วมแบ่งปันแต่เวลามีทุกข์ชอบเก็บไว้คนเดียว แต่ดีแล้วที่ทุกข์ใจอะไรก็นึกถึงบ้าน กานต์ไลน์ไปหาเพื่อนเรื่องฝากให้เพื่อนช่วยส่งงานแทน
_________________________
น่านฟ้ายังไม่บอกใครเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ เพราะคนแรกที่เธออยากให้รู้คือพ่อของลูก แม้ว่าเขาจะอยากรู้หรือไม่ก็ตาม ขอให้เขาได้รู้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป น่านฟ้าสังเกตเห็นรถเขาจอดแช่อยู่หลายวันแล้วแต่ตัวเขาไม่เคยเฉียดกายมาบนตึกใหญ่
"คุณฟ้าคะคุณฟ้า!"
แกร๊ก! กุญแจรถร่วงจากมือน่านฟ้าตามแรงฉุดเรียกของเด็กคนงาน
"แย่แล้วค่ะ! คุณดินค่ะ"
"คุณดินเหรอ! ทำไมมีอะไร" ใจของน่านฟ้ากระตุกวูบ อย่าเพิ่งนะอย่าพี่ง
"คุณดินอาเจียนหนักขึ้นจนฟุบอยู่ในห้องน้ำค่ะ"
"ตายแล้ว!" น่านฟ้าละล้าละลังจะวิ่งกลับขึ้นไปบอกบิดามารดาเขาก่อนรึก็เป็นห่วงอาการของสามีและอีกอย่างไม่แน่ใจว่าประมุขของบ้านทั้งสองพากันเข้าสวนไปแล้วรึยัง
"ฟ้าจะไปดูคุณดินส่วนเวียงรีบไปบอกคุณท่านทั้งสอง"
"คุณฟ้า คุณดินเป็นมาหลายวันแล้ว แต่สั่งไม่ให้บอกใครแม้แต่คุณ แต่เธอเป็นหนักมากขึ้นจนเวียงทนไม่ไหวแอบมาบอกคุณฟ้าค่ะ"
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ไม่เป็นไร" น่านฟ้ารีบตัดบทและรีบเร่งไปดูอาการสามีไม่สนใจว่าเขาจะมีใครอยู่ด้วยไหมในตอนนี้
ผ่านรั้วเข้ามาน่านฟ้าพบแต่ความเงียบ จนมาถึงประตูบ้านก็พบว่ามันถูกเปิดไว้รอเธออยู่แล้ว น่าจะเป็นวียงที่เปิดทิ้งไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เธอ
'คนอะไรทำไมไม่รู้จักรักตัวเอง' น่านฟ้าบ่นอยู่ในใจในขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวนเธอลองขยับบานประตูห้องนอนพอรู้ว่าไม่ได้ล็อคก็ถือวิสาสะเปิดเข้าไป
หะ.อ้ว.ก..
เสียงอ้วกอ้ากดังมาจากห้องน้ำน่านฟ้ารีบวิ่งไปตามเสียง
"พี่ดิน!"
โธ!..ไม่เจอแค่ไม่กี่วันทำไมสามีเธอถึงโทรมทรุดได้ขนาดนี้ล่ะ
"อ๊อก.ใครใช้ให้มา คุณแม่อีกแล้วใช่มั้ย" เขาป่วยอยู่นานหลายวันเมียเพิ่งจะโผล่ คงเพราะได้รับอณุญาตจากแม่เขาแล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างแอบเคืองปนน้อยใจ
"เปล่าค่ะพี่ดินฟ้ามาเอง ตั้งแต่แรกแล้ว ไปหาหมอเถอะนะคะ ทำคีโมอะไรก็ได้"
"..." บดินทร์หยุดกึกและหันมามองน่านฟ้าด้วยความสงสัย
"เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ"
"..ไป.ไปหาหมอ"
"ไม่ใช่ คีโมอะไร ทำไมต้อง.."
"เอ่อ.."
"น่านฟ้า บอกมาให้หมด อย่ามาทำอำๆอึ้งๆ พูด"
"คือ.."
"เธอบอกว่า เธอมาเอง ตั้งแต่แรก และอะไรอีกน่านฟ้า เธอจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เพราะถูกคุณแม่จ้างมางั้นรึ" บดินทร์พยายามทวนความและนำมาจับประเด็น
"ใช่ ฟ้าเถียงไม่ได้ว่าฟ้าไม่เคยเรียกรับเงิน เถียงไม่ได้ว่าฟ้าเคยหันหลังให้ แต่ทั้งหมดนั่นเพราะฟ้าไม่ต้องการแย่งความสุขของใครหรือผิดต่อใครรวมทั้งคุณแม่ของพี่เองด้วย" ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วน่านฟ้าไม่อยากจะทนอึดอัดใจอีก ต่อไป
"แล้วครั้งนี้ล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ได้ถูกคุณแม่จ้าง"
"เพราะฟ้ารู้แล้วไงคะ ฮึก..ถึงสิ่งที่พี่พยายามปกปิด ฮึก..ที่มันเริ่มแสดงอาการ.." อารมณ์ที่ช่างอ่อนไหวง่ายนักในช่วงนี้มันทำให้เธอห้ามน้ำตาไม่ได้ และสิ่งดีๆที่เขาทำให้เธอนั้นก็เยอะมากกับการที่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ให้เธอได้เห็นหน้าและพูดคุยด้วยได้อีกนานแค่ไหนนั้นยิ่งเรียกร้องน้ำตา
"เธอรู้." บดินทร์งงจริง ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกับไอ้อาการแปลกๆนี่
"ค่ะ รู้แล้วว่า พี่เป็นมะเร็งหัวใจระยะสุดท้าย..ฮึก.."
"อะไรนะ! ใครบอกเธอ โอย..คุณแม่พี่ใช่ไหม.." บดินทร์ถึงกับครวญก่อนจะรวบแขนสองข้างของน่านฟ้าให้ใบหน้างามเงยแหงนเพื่อบังคับให้สบตาเขาและตอบคำถาม
"...ที่ฟ้ามาเพราะฟ้ารักพี่นะคะ ฮึก.." น่านฟ้าไม่ยอมตอบคำถามแต่ประสานสายตาแน่วแน่และเอ่ยคำที่มีอยู่ในใจมาเนิ่นนานต่อเขาแทน
และ...
'รักเหรอ'
น่านฟ้าบอกว่าที่มาเพราะ รัก เขางั้นเหรอ เพียงคำเดียวที่เขาปารถนาเหลือเกินที่จะได้ยินจากปากของเธอ
หลังจากที่มีแต่เขาที่เคยเป็นฝ่ายเผยต่อเธอทั้งจากการกระทำและด้วยวาจา และเมื่อเธอทำเหมือนไม่รับไม่รู้และร้ายสุดคือไม่แคร์เขาเลยสักนิดเขาจึงโต้คืนด้วยการแสร้งทำให้เธอเห็นว่าเขาถอนทุกความรู้สึกที่เรียกว่ารักว่าใคร่คืนกลับมาทั้งหมด แต่เปล่าเลย นั่นมันไม่เป็นจริงเลยสักนิด
"โธ่..." บดินทร์จ้องเข้าไปในดวงตางามลึกลงไปข้างในหยั่งลึกลงไปให้ถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจดวงน้อย เขาพึมพำแล้วก็ดึงน่านฟ้าเข้ากอดแนบชิดทั้งเวียนจุมพิตทั่วนวลหน้าจรดหน้าผากมน
เขาเชื่อดวงตางามซึ้งใสซื่อที่หยาดน้ำตายังคงเอ่อคลอนั่นเอื้อนเอ่ยยืนยันแทนริมฝีปากบางที่สั่นอย่างพยายามจะกั้นสะอื้น น่านฟ้ารักเขาจริงๆ มิน่าเล่าคงคิดว่ากำลังจะสูญเสียถึงได้ยอมโอนอ่อนมันซะทุกเรื่องทำเอาเขาเข้าใจผิดไปว่าเป็นเพราะได้รับค่าจ้างจากคุณแม่มาแพง ซึ่ง เขาอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ คุณแม่นะคุณแม่ช่างหาเรื่องปวดขมับมาให้เขาซ้ำซ้อนซะจริง ก็เขาไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงนั่นเลยสักนิดจะมีก็แต่อาการบ้าๆบอๆคลื่นเหียนอาเจียนเพราะเหม็นกลิ่นน้ำหอมกลิ่นอาหารนั่นนี่อยู่เนี่ยแหละ
"พี่ไม่ได้เป็นอะไร.หวัะ.." บอกยังไม่ทันจบเขาต้องวกกลับเข้าหาอ่างล้างหน้าอีก เพราะเหมือนว่ามันยังขยอกขย่อนได้ไม่หนำ
"ยังไงก็ไปตรวจเถอะนะคะ ตรวจพร้อมกับฟ้า" น่านฟ้าไม่เชื่อก็เห็นอยู่ว่าเขาแย่ลง
"พร้อมฟ้า ทำไม" บดินทร์ไม่ห่วงอาการของตัวเองเพราะรู้ต้นตอของโรคร้ายแล้ว แต่ประโยคที่ตามติดมาของน่านฟ้าต่างหาก
"ก็ชุดทดสอบบอกว่าฟ้าท้อง" น่านฟ้าป้ายน้ำตาทิ้งก่อนจะบอกเรื่องสำคัญเรื่องที่สองด้วยรอยยิ้มที่มันยังเปื้อนน้ำตา
"ท้อง! ฟ้าท้อง" บดินทร์ถึงกับอึ้ง นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมเขา.เมื่อกี้เขาเพิ่งได้ยินว่าเธอก็รักเขา และเขากำลังจะมีลูก กับผู้หญิงที่เขารัก ทั้งรักทั้งปารถนาอย่างมากมายอย่างไม่เคยมีหรือรู้สึกกับหญิงใดไหนอื่นได้เท่า แม้กระทั่งกับรสนาที่เคยคิดว่านั่นคือความรักแต่แท้จริงแล้วมันไม่เคยใช่ คุณแม่ไม่ได้หลอกเขาน่านฟ้าไม่ได้ถูกจ้าง แต่หล่อนต่างหากที่ถูกหลอกมาให้เขา...ใช่ไหม!
"สงสัยว่าจะท้องค่ะฟ้ายังไม่ได้ไปตรวจที่."
‘น่านฟ้าท้อง..’
บดินทร์กระพริบตาปริบๆและเหมือนนึกอะไรขึ้นได้เขาจับตัวน่านฟ้าผละห่างอย่างต้องการสำรวจให้ทั่ว
"ฟ้า นอกจากชุดทดสอบจะบอกว่าท้อง แล้ว อาการอย่างอื่นล่ะ"
"อาการอะไรคะ"
"หน้ามืด คลื่นใส้ อาเจียน" เหล่านี้คือสิ่งที่เขาเป็น
"..." น่านฟ้าส่ายหน้า
"..เหม็นกลิ่นน้ำหอมฉุน กลิ่นอาหารเอียนๆ อยากกินแต่ผลไม้เปรี้ยวๆ" นี่ก็ด้วย
"ไม่ค่ะ"
และทั้งหมดนั่นมันคือ.ชัดเจนเลย ถ้างั้นก็แทบจะไม่จำเป็นต้องไปให้มดหมอที่ไหนตรวจแล้วหล่ะ ก็ต้นตอของอาการแปลกๆที่แท้จริงตัวเป็นๆมานั่งอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ย
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นก็ไม่เท่ากับเป็นมันซะเองเลย
เขาแพ้ท้องแทนเมีย...
เขาว่า ผู้ชายถ้าไม่รักมากพอก็คงไม่มานั่งแพ้ท้องแทน...
....................
"คงเพราะเพลียหรือเครียดเนื่องจากการทำงานหรืออะไรมากไป พักผ่อนเพียงพอก็จะดีขึ้น คงไม่ใช่เพราะแพ้กระมัง" คุณหมอมองไปมาที่คู่สามีภรรยาและพูดยิ้มๆ
"ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
น่านฟ้ายกมือไหว้นายแพทย์อาวุโสและก้าวตามสามีออกจากห้องตรวจ
"เห็นไหมล่ะ พี่บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรๆ"
"มาตรวจก็ดีแล้วนี่คะ แต่ว่า.."
"พี่ต้องอดอาหารเป็นวันเพื่อตรวจตามโปรแกรมพิเศษ"
"แต่ว่าทำไม..." น่านฟ้ายังคงพึมพำคำเดิมคล้ายไม่ได้ยินคำบ่นของบดินทร์
"แล้วตอนนี้พี่ก็หิวแล้ว มากด้วย จนจะกินช้างได้ทั้งตัว"
"หิวแล้วหรือคะ" น่านฟ้าหลุดออกมาจากโลกแห่งความงงก็ตอนได้ยินคำบ่นว่าหิว
"แถวบ้านฟ้ามีอะไรที่มันแซบๆรสจัดๆบ้างมั้ย"
"มีค่ะ ลาภยโส"
"ไปทานกัน เสร็จแล้วก็ พี่อยากกินกาแฟด้วย ต้องฟ้าชงให้พี่เองด้วยนะ" บดินทร์เรียกร้องเอาตามที่ใจตัวเองนึกอยากทั้งที่ปกติก็ไม่เคยจะเป็นอะไรแบบนี้ สงสัยที่คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยวกับแพ้ท้องแทนเมียนั้นคงจะจริง จริงมากเลยละ มั้ง!! หึๆๆ
.......................
"ตกลงจะสอนมั้ยเนี่ยถ้าไม่จะได้ไปทำเห็ดหรือไม่ก็กลับหอชั้น"
การจลาจลเล็กๆเกิดขึ้นที่เคาเตอร์กาแฟ ซึ่งตอนแรกธีรนัยก็ทำยืนเฉยกับคำสั่งฝากของพี่ชายแต่พอคำท้ายของเฟิร์นที่บอกว่าจะกลับหอ ชายหนุ่มค่อนข้างมากขึ้นมานิดหนึ่งก็จึงหยุดที่กำลังเคาะกานชงกาแฟโป็กๆอยู่กับถังทิ้งกากและหันมาหาคนที่กำลังรอสบตาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ เพราะยืนคอยพ่อเจ้าประคุณยักกะสายได้สักครู่แล้ว
"จริงๆแล้ว " จริงๆแล้วน่านฟ้าไม่ให้สอนสูตรกาแฟให้แก่คนนอก
ธีรนัยพูดขึ้นก่อนจะหยุดค้างและมองเฟิร์นเพื่อนสาวคนเดียวที่พี่ชายเขาพามาบ้านด้วยหางตาอย่างแอบประเมิน และสรุปในใจได้ว่าสอนยัยนี่ไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร ดูท่าเจ้าหล่อนคงไม่คิดจะเอาดีทางด้านนี้จนถึงขั้นเปิดร้านแข่งแย่งอาชีพกันหรอก
"มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก อ่ะนี่เปิดสินี่สองนี่สาม"
"ไหนสองไหนสาม มันก็เหมือนกัน"
ธีรนัยเกาคออย่างเหมือนนึกคันขึ้นมาทันที
"เหมือนกันตรงไหนล่ะดูดีๆสิ ขนาดก็ไม่ใช่แล้ว"
"เออ จริงด้วยแฮะ แล้วไงต่อ"
"สวัสดีครับ ชะ.ฟ้า!"
"..!!.."
"คือ..นี่ เฟิร์นเพื่อนกานต์เค้า"
"สวัสดีคะ"
"โกโก้กับชาเขียวของเรากะกานต์ได้ยัง"
"..???.." น่านฟ้างงซ้ำสอง หล่อนจำได้ว่าแค่สามวันเองนะที่วุ่นวายอยู่กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของสามีและไม่ได้กลับมาบ้าน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงหนึ่งคนในเคาเตอร์กับอีกหนึ่งที่เดินออกมาจากด้านในส่วนที่ไม่อนุญาตให้ลูกค้าผ่านเข้าไป
"ฝ้าย นี่ฟ้าพี่สาวเรา"
"ดีฮะพี่ฟ้า"
น่านฟ้ายกมือรับไหว้อย่างยังคงงงๆอีกครั้ง แล้วสายตาของพี่สาวจึงวกกลับไปที่ธีรนัย
"ฝ้ายเป็นเพื่อนนัยเอง ฝ้ายเดี๋ยวเราเอาเข้าไปให้นะ"
"เฟิร์นขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ" เฟิร์นปลีกตัวอย่างรู้งาน
ประกอบกับคนที่อยากกินกาแฟจริงๆคงยังหาที่จอดรถไม่ได้ จึงเป็นโอกาสให้พี่น้องได้เคลียร์กัน
"คือ.จะบอกฟ้าก่อน แต่ติดต่อไม่ได้" น่านฟ้าแค่เลิกคิ้ว ธีรนัยก็เริ่มเข้าประเด็น
"ฝ้ายกับเฟิร์นเพิ่งมาเมื่อวาน "
"เมื่อวาน? หมายความว่าค้าง ห้อง." อย่าบอกนะว่าเธอไม่อยู่แค่ไม่เท่าไหร่ สองคนนี่จับกันคนละคู่
"ห้องฟ้าไง ตะ.แต่ว่ากำชับแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งของๆฟ้า ยกเว้น เสื้อผ้า ที่ ไม่มีติดตัวมาด้วย เพราะ รีบ"
อย่าไปยุ่งของๆฟ้า แล้วเสื้อผ้ามันของๆฉันด้วยไหมล่ะและ
"รีบ อะไร"
"คือว่าฝ้ายเค้ามีปัญหา กับพ่อเลี้ยง แม่ก็ไปเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพ่อเลี้ยง ฝ้ายก็เลยหนีออกจากบ้านมา นัยกลัวจะไปเจอะเจออันตรายซ้ำก็เลยชวนมาอยู่ที่นี่ แต่กานต์ว่ามันไม่เหมาะเลยขอให้เฟิร์นมาอยู่ด้วยเป็นเพื่อนกัน และเฟิร์นก็สนใจเห็ดแต่ทำไม่ได้เรื่องกานต์ก็เลยให้มาให้นัยสอนกาแฟ ส่วนฝ้ายถนัดกว่าก็เลยให้ไปช่วยกานต์แทน"
"เอ๊ะเดี๋วยนะ ฝ้ายเหรอ.." น่านฟ้าไม่ได้ติดใจเรื่องที่น้องสอนสูตรกาแฟแก่เพื่อน แต่ติดใจชื่อเพื่อนน้องที่มันฟังดูคุ้นๆ
"ใช่ฝ้าย ที่เคยเล่าให้ฟ้าฟัง ที่ฟ้าเคยแนะนำว่าให้คุยได้แต่ให้คบแบบเพื่อนๆกันก่อนไง คือนี่แหละ "
ใช่น้องเคยเปิดอกเปิดใจคุยกับเธอ หน้าตาก็น่ารักแต่บุคลิกออกจะทอมจริงๆ ถ้าในอนาคตสองคนนี่จะคบกันมันก็ ข้างนอกเป็นอย่างแต่ภายในต่างกระเดียดไปในทางตรงกันข้ามด้วยกันทั้งคู่ แบบนี้น่าจะลงตัวดีเหมือนกัน
"แล้วเฟิร์น อ้อ สนใจเรื่องเห็ดใช่มั้ย" สาวเฟิร์นนี่ ก็คงใช่ที่กานต์เคยเปรยๆให้เธอได้ฟัง
"ก่อนหน้านี้เฟิร์นก็เคยมาค้างที่นี่แล้วด้วยละ ตอนนั้นไปดูหนังกับเพื่อนๆแล้วบอกว่ากลับหอไม่ทัน" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็บอกพี่สาวไปซะให้หมด
"แต่นัยดูแลให้แล้วนะ" ด้วยการนอนด้วยและผูกกระดิ่งที่ข้อเท้าไว้ด้วยกันกับพี่ชาย ทั้งขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะฟ้องพี่สาวเดี๋ยวนั้น
ครั้งนี้กานต์ก็เลยช่วยดูแลตอบแทนด้วยการบอกให้ธีรนัยโทรไปขอร้องเฟิร์นให้มาอยู่เป็นเพื่อนฝ้าย ไม่อย่างนั้นจะให้ฝ้ายมาอยู่ด้วยไม่ได้ ธีรนัยจึงจำเป็นต้องง้อเฟิร์น
แต่ทั้งคู่ต่างก็สามัคคีคอยเป็นหูเป็นตาให้แก่ตัวเองโดยไม่ต้องนัดกันด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ใช่จะไม่คิดระแวงระวังเอาเสียเลยในเรื่องที่ให้เฟิร์นพักอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกับฝ่าย ก็รู้ๆกันอยู่ ประมาณว่าตาอินกับตานาหาปลาเอามากินกัน สุดท้าย ปลากับปลาจะกินกันเองไปซะฉิบหรือเปล่า ทั้งหมดจึงอยู่กันในสภาพแอบจิกแอบทึ้งเป็นงูกินหางกันไป
จะว่าไปน่านฟ้ากลับรู้สึกดีจังกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านได้พอดิบพอดีพอดีกันกับข่าวสำคัญของเธอ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสองพี่น้องจะรับได้ไหมกับการที่กำลังจะมีสถานะใหม่เพิ่มขึ้น ที่กำลังจะได้เป็นน้ากัน
"ฟ้า มาแล้ว"
"ก็เออสิ" อะไรกันเธอไม่ได้มาแค่สามวันทำอย่างกับเธอจากไปเป็นปี ดูจะตื่นเต้นกันทั้งพี่ทั้งน้อง อ้อคงจะเกี่ยวกับเรื่องหญิงๆของทั้งสอง
"เมื่อคืนโทรไปฟ้าไม่รับสาย" กานต์ยืนยันคำอธิบายของธีรนัยอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
"ตอนไหนล่ะ"
"สามสี่ทุ่ม"
"อ๋อ เออ..เอ่อ..ตอนนั้น.." น่านฟ้าหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาในขณะที่น้องๆไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติ คงเป็นตอนที่โทรศัพท์เข้ามาขณะที่บดินทร์กำลังบอกรักด้วยภาษากายและเขาก็เลยคว้าโทรศัพท์มากดปิดเครื่องก่อนจะไปต่อจนครบถ้วนกระบวนคำบอกรัก
"ฟ้า สงสัย อาจจะกำลังอาบน้ำเลยไม่ได้ยิน" และเสตอบไปในแนวที่มันเทาๆ
"แล้วไอ้นัยมันบอกฟ้าเรื่องฝ้ายรึยัง"
"บอกแล้ว ทั้งเรื่องฝ้ายเรื่องเฟิร์น"
"นั่นแหละจะโทรไปบอกเรื่องนี้แหละ แต่ฟ้าไม่รับสายก็เลยตัดสินใจกันเอง ฟ้าจะว่าอะไรมั้ย" กานต์รีบออกตัวและกางอกยอมรับผิดถ้าพี่สาวจะว่าจะด่าในเรื่องนี้ เรื่องที่เขาสองคนพี่น้องพาผู้หญิงเข้าบ้านก่อนได้รับอนุญาต
"ก็ทำไปแล้วว่าไปจะมีประโยชน์อะไร และถ้าไม่ทำอะไรเสียหาย ก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเค้าเดือดร้อนมาตัดสินใจช่วยแบบนี้ก็ดีแล้ว"
กานต์ในฐานะพี่ชายคนโตยิ้มออกที่พี่สาวไม่ว่าทั้งเรื่องที่พาผู้หญิงเข้าบ้านทั้งที่ไม่พาเข้าอย่างเดียวแถมยังไปยุ่งวุ่นวายห้องพี่สาวด้วย
"วันนี้รถทำไมเยอะจังฮะกานต์ ไม่มีที่จอด"
"ก็บ้านถัดไปสองสามหลังเค้ามีงาน ไม่บวชก็แต่ง ว่าจะถามฟ้าอยู่เหมือนกันว่าไปจอดที่ไหน"
"ยังไม่รู้เหมือนกัน"
"อ้าว ..อ้อ" และไม่ต้องอ้าวนาน
"ฟ้า กาแฟพี่ล่ะ"
เพราะคนนำรถไปจอดผลักประตูเข้ามาพอดี ที่พอโผล่หน้าเข้ามาได้ก็ทวงกาแฟทันทีก่อนจะรับไหว้สองคนพี่น้องซึ่งมองอย่างค่อนข้างแปลกใจที่เห็นทั้งคู่มาด้วยกันจากที่ผ่านมาพี่สาวมักจะบิ่นเดี่ยวเสมอ จนมีบ้างเหมือนกันที่แอบคิดมากและนึกเป็นห่วงพี่สาว
"ฟ้ารอจะชงให้ใหม่ๆค่ะ" จริงๆน่านฟ้าซักไซ้ไล่ประเด็นน้องๆจนลืมเลยต่างหาก ปากแก้ต่างและเอ่ยคำขอโทษต่อสามีอยู่ในใจส่วนมือก็รีบบรรจงชงและนำไปเสิร์ฟให้เขาถึงยังโรงเห็ดน้อยของน้องๆและเธอ
"ฟ้า! จริงเหรอ!" ทั้งธีรนัยและกานต์อุทานถามอย่างตื่นเต้นแทบจะพร้อมกัน
"อะไร"
"ทำไมไม่ยอมบอกว่านัยกับกานต์กำลังจะได้เป็นน้า! ถ้าคุณดินไม่บอก." เสียงถามของธีรนัยปนน้อยใจเล็กๆ
น่านฟ้าปลายหางตาไปยังสามีนิดหนึ่ง
"โทษที พี่นึกว่าฟ้าบอกแล้วเพราะมาถึงก่อนพี่ตั้งนาน"
ก็พอเข้าใจว่าเขาอยากจะหาเรื่องคุยเป็นการเอาหน้าเอาตากับน้องๆสร้างความคุ้นเคยและถือสนิทกันใหม่หลังจากทำมึนๆตึงๆกับทั้งเธอและน้องตั้งแต่เธอกลับไปแต่งงานกับเขา
"ฟ้าก็กำลังจะบอก ต้องบอกอยู่แล้วละ เพราะจะพาหลานมาให้น้าๆช่วยเลี้ยงเวลาฟ้ากลับบ้าน" พี่สาวแก้ไขความเข้าใจ และต่อด้วยประโยคที่แสดงว่าเธอไม่เคยที่จะไม่เห็นความสำคัญของน้อง
"จริงนะ" ธีรนัยถามย้ำ
"เออ รีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกค้าเข้าไม่รู้เรื่อง"
"น้อยไปแล้วเฟิร์นต้องใส่ให้พูนนิดๆ" กานต์รีบบอกก่อนที่เฟิร์นจะส่งขี้เลื่อยผสมแล้วถุงนั้นต่อไปยังฝ้าย
บดินทร์มองภรรยากับน้องๆรวมไปถึงเพื่อนของน้องอย่างรู้สึกดีมากๆ คนไร้รากอย่างน่านฟ้าสามารถเป็นหัวขบวนจัดการกับชีวิตกำพร้าทั้งของตัวเองและน้องๆได้อย่างน่าทึ่ง เพราะแบบนี้ไงเพราะเธอแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเคยคบและรู้จักมาเขาจึง สำหรับเธอแล้ว คำว่ารักยังน้อยไป อะไรที่คือที่สุดของความรักนั่น 'คือเธอ'
_________________________________
เช้ารุ่งขึ้นซึ่งยังคงเป็นวันหยุดอาการของบดินทร์ดีขึ้น
"ดินล่ะ" แต่ยังไม่ดีพอคุณนายลีลาวดีจึงพบเพียงน่านฟ้าที่มาป้วนเปี้ยน
"พี่ดินตื่นขึ้นมาอาเจียนตอนเช้ามืดแล้วก็นอนต่อค่ะ คงเพลียฟ้าเลยไม่อยากปลุก"
"งั้นเหรอ เป็นอะไรของเค้า เอ๊ะแหวนนั่น" พึมพำไปสายตาคุณแม่สามีก็บังเอิญไปตกต้องเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของลูกสะใภ้ ซึ่งมันไม่ใช่วงที่นางจัดหาให้แต่เป็นวงที่ลูกชายบอกว่าแค่เอามาไว้กำนัลสาวในคอนโทรล วงเดียวกันกับที่น่านฟ้าขว้างคืนใส่หน้าเจ้าของ
"พี่ดินบอกให้ใส่วงนี้แทนเพราะเล็กและแบบเรียบกว่า ส่วนอีกวงไว้ใส่ตอนออกงานค่ะ"
"อย่างนั้นรึ" เป็นอย่างที่นึกไว้ไม่มีผิด เจ้าลูกชายไม่ได้เที่ยวจัดซื้อจัดหาแหวนเพชรราคาแพงๆไว้หว่านไถไปดะ
"แล้วนี่ทานข้าวทานปลากันหรือยัง ป่วยแบบนั้นกินอะไรได้มั่งนะ เป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วไปหาหมอหรือยังเนี่ย" คุณนายเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าทั้งทำท่าเหมือนจะไปจัดการทั้งหมด
"พี่ดินทานข้าวแล้วทานยาแล้วรวมทั้ง ไปหาหมอและตรวจร่างกายอย่างละเอียดมาแล้วด้วยค่ะ"
"เหรอ แล้วตกลงว่าเป็นอะไรล่ะ"
"หมอบอกอาจแค่เครียดจากงาน อย่างอื่นไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้กระทั่ง มะเร็งในหัวใจระยะสุดท้าย." น่านฟ้าพูดแล้วก็หยุดรอ..รอดูท่าทีของคุณแม่สามี ซึ่ง..
เมื่อสองสามเดือนก่อน...
ขณะที่ลูกค้าคนสุดท้ายกำลังลุกออกจากโต๊ะ ใครคนหนึ่งที่เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเป็นลูกค้าของเธอก็ก้าวเข้ามาซึ่งทำเธออึ้งและไม่ได้เอ่ยเชื้อเชิญอย่างเช่นที่ปฏิบัติกับลูกค้าทุกราย
เธอตั้งสติได้ในนาทีถัดมา
"ถ้าเกี่ยวกับคุณดิน เขาไม่ได้มาที่นี่อีกหรอกค่ะ ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย เชิญคุณท่านไป.." น่านฟ้าเสิร์ฟเครื่องดื่มซึ่งเลือกเป็นชาร้อนแก่คุณนายลีลาวดีตามมารยาทก่อนจะเอ่ยอย่างเดาทาง
"เกี่ยวกับดินน่ะใช่ แต่ไม่ได้มาตาม เพราะรู้ว่าคงจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว เป็นหนักขนาดนั้น"
"...." หญิงสาวถึงกับชะงักงันกับท้ายประโยคของคุณนายแม่อดีตสามีลับของเธอ 'เป็นหนัก!' บดินทร์เป็นอะไร
"ฉันแค่จะมาบอก และมาถาม ด้วย"
"อะ.อะไรคะ"
"ดินเป็นมะเร็งหัวใจระยะสุดท้าย"
"คะ! อะไรนะคะ! คุณดินเป็น.มะ.มะเร็งหัวใจ" หัวใจของน่านฟ้ากระตุกวูบ จากเป็นให้เขาไปมีใหม่ให้เธอหัวใจสลายครั้งแล้วครั้งอีกยังดีกว่าแบบนี้ แบบที่จะไม่มีเขาอยู่บนโลกใบเดียวกัน เธอรักเขาถึงตอนนี้ก็ยังรัก น่านฟ้าขบกรามแน่นพยายามกลืนก้อนสะอื้นและหยาดน้ำตากลับลงไป
"ใช่ อย่างที่ได้ยินน่ะแหละ ที่จะถามก็คือเมื่อเป็นแบบนี้ ยังจะรับได้มั้ยที่จะแต่งงาน เป็นเจ้าสาวให้คนไข้อาการหนักแบบนั้น"
"คุณท่าน.."
"ถ้าเธอจะรับได้กับคนไข้หนักที่อารมณ์แปรปรวนประชดประชันและเอาแต่ใจตัวเองอย่างมากถึงมากที่สุด ฉันก็..จะจัดการให้ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งสุดท้ายที่ลูกต้องการคืออะไร อาจเป็นเธอ ว่าไงล่ะ"
น่านฟ้าประสานสายตาที่สงบนิ่งเหลือเกินราวกับปลงได้แล้วของคุณนายลีลาวดี
"ดิฉัน...ตกลงค่ะ" ไม่มีข้อแม้ตั้งแต่แรกแล้วสำหรับเธอ จะมีก็แต่อยากขอบคุณคุณนายลีลาวดีอย่างที่สุดที่เป็นผู้เดินเข้ามามอบโอกาสสุดท้ายนี้แก่เธอ...
สรุปแล้วคุณนายลีลาวดีทำให้เธอมีความสุขปนความทุกใจใหญ่หลวงมาร่วมสองเดือน.
"ทำไมคะ" เธออยากรู้ให้มันจะแจ้งกันไปถึงเหตุผล เผื่อมีอะไรซับซ้อนมากไปกว่านี้เธอจะได้ตั้งหลักได้ทัน
"ป่วยสิเป็นสิ คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกป่วยหรือไม่ป่วย และพอรู้ว่าป่วยก็ต้องหาอะไรก็ตามที่คิดว่าจะช่วยลูกไว้ได้ทันก่อนที่ ทุกอย่างจะสายเกิน..."
"คุณท่านยอมแม้กระทั่งเป็นฟ้าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรเป็นแค่เด็กสลัมซ้ำเป็นผู้หญิงที่คุณท่านคิดว่าจะมาเพราะคิดปอกลอกหวังในทรัพย์สมบัติ.."
"สลัมนั้นใช้กับชีวิตที่หาค่าไม่ได้และเธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าห่างไกลจากคำนั้น และคงไม่มีผู้หญิงที่คิดปอกลอกและหวังสมบัติคนไหนขว้างทั้งเงินทั้งแหวนเพชรเรือนล้านกระแทกหน้าคืนคนให้เพียงเพราะคำว่าศักดิ์ศรีหรอกนะ น่านฟ้า ฉันมันก็แค่คนแก่คนหนึ่งที่บางคราวหูตามันอาจจะฝ้าฟางไปบ้างน่ะนะ อย่าได้คิดถือสาเลยนะ ได้มั้ย"
"หนู. ฟ้าไม่เคยคิด.ตำหนิอะไรคุณท่าน ถึงฟ้าจะไม่เคยเป็นแม่ไม่เคยมีแม่ไม่รู้จักไม่เข้าใจความหมายของคำว่าแม่อย่างดีพอ แต่ฟ้าก็เข้าใจ และเจียมตัวเจียมใจตัวเองไว้เสมอๆอยู่แล้วค่ะ"
"มานี่สิ มาตรงนี้" คุณนายตบเบาๆที่โซฟาข้างตัวให้น่านฟ้าก้าวเข้าไปนั่ง
"...รู้จักมั้ย เข้าใจมั้ย..."
สัมผัสจากกอดอุ่นวาบแตะต้องเนื้อตัวส่งตรงถึงเนื้อใจ มัน...นุ่มนวลและอบอุ่นแบบนี้เองหรือ..
"แม่..." น่านฟ้าครวญคำวิเศษคำนั้นราวละเมอ
"แม่ อยากได้ยิน อยากให้เรียกด้วยคำนี้มานานแล้ว..."
น่านฟ้าเอื้อมอ้อมแขนค่อยๆกอดตอบอย่างไม่ค่อยกล้าในตอนแรก
"น่านฟ้า ลูกเป็นคนดี ดีพร้อมทุกอย่าง สำหรับที่จะเป็นคนสำคัญ ของทุกคน ทุกคนที่สัมผัสหนูอย่างลึกซึ้ง..."
บดินทร์ที่แอบดูและแอบฟังผ่านกล้องเล็กจิ๋วแต่คุณภาพไม่จิ๋วตามขนาดของกล้องบนนิ้วนางข้างซ้ายของน่านฟ้าก็ถึงกับยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันซึมออกจากหน่วยตาอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจสำหรับภาพและบทสนทนาที่ลึกซึ้งกินใจอย่างนี้ ซึ่งที่เขาคะยั้นคะยอให้น่านฟ้าสวมแหวนวงเดิมที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษและเคยให้แต่หล่อนนำมาปาคืนใส่หน้าเขา ก็แค่อยากรู้ให้แน่ชัดถึงสาเหตุการกลับมาของเธอ
น่านฟ้าทำได้ ฝ่าฟันทุกสิ่งด้วยตัวตนของเธอ ด้วยการยืนยันของเขา จนแม่เขาต้องหันกลับไปมองน่านฟ้าอย่างละเอียดและลึกซึ้งอีกครั้ง
และแม่บอกว่ารู้ว่าเขาป่วยหนัก
"มะเร็งในหัวใจระยะสุดท้าย หึๆๆ.." ซึ่งมันก็ใช่จริงๆเสียด้วยน่ะนะ ฮ่ะๆๆ
_________________________
น่านฟ้าเดินกลับมาที่บ้านบดินทร์ซึ่งสุดท้ายคุณแม่ลีลาวดีก็ไม่สามารถกักตัวคุณลูกสะใภ้ไว้บนหอคอยงาช้างตามคำบรรหยัดของคุณลูกชายได้อีกต่อไป
'พี่ดินป่วย ฟ้าขอไปดูแลอยู่ที่บ้านนู้นนะคะ'
'ไปเถอะ ตอนแรกที่แม่ห้ามไว้ก็เพราะกลัวเราจะถูกระราน แต่ถึงตอนนี้ก็. ก็แล้วแต่ ตามใจ'
"พี่ดินคะ ทานข้าวต้มค่ะ ลุกขึ้นไหวมั้ย" น่านฟ้าเสิร์ฟถาดข้าวต้มพร้อมเครื่องดื่มร้อนไว้ถึงในห้องนอน
บดินทร์ยังคงนอนแบบบนเตียงเหมือนเดิมก่อนที่น่านฟ้าจะออกจากบ้านเพื่อไปจัดเตรียมอาหารและซักไซ้ไล่หาเหตุผลจากมารดาเขา
"พี่ดินคะ" น่านฟ้าสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวโตที่ยังคงนอนหันหลังนิ่งปากก็เรียกปลุกคนที่เธอคิดว่ายังคงหลับ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงเอื้อมมือไปจะแตะหน้าผากเขา
"พี่ดิน! เอ๊ะ!" แต่ข้อมือเล็กกลับถูกรวบดึงจนกายที่ยังคงบางล่วงไปนอนเคียงข้าง
"ไปนานจัง พี่กำลังมีอาการแพ้อยู่นะ"
"ฟ้าจัดอาหารมาให้แล้วนั่นไงคะ ลุกขึ้นไปทานสิคะจะได้ทานยา พี่ดิน! อย่า." น่านฟ้าร้องห้ามเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่สอดเข้าลูบหลังไหล่เธอเล่นอยู่ๆก็เลื่อนมาจะปลดตะขอบรา
"ก็พี่กำลังจะแก้อาการแพ้อยู่นี่ไง ตามใจพี่หน่อยสิ คุณแม่ก็ย้ำแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ป่วยหนัก..." คนที่บอกว่าตัวเองป่วยเอาแต่ใจตัวเองจนได้ ปลดแล้วเลื่อนสิ่งกรีดขวางพ้นทางมือที่จัดการย้ายมาเกะกะระรานยอดพุ่มตุ้มทรวงนุ่มด้านหน้า
"พี่ดิน...ยังไม่ได้ทานข้าวและ เมื่อเช้าก็เพิ่งจะ.. เอ๊ะ พี่ดิน รู้ได้ไงว่าคุณแม่ย้ำ ตามไปแอบฟังรึคะ.." ท้ายประโยคของเขามันฟังคุ้นเพราะเพิ่งจะผ่านหูเธอเมื่อครู่ พยายามโก่งตัวถามทั้งยังอยู่ในอ้อมแขนแมน ขืนตามใจเดี๋ยวไม่ได้ความ
"..." งานเข้าบดินทร์ละทีนี้หลุดให้น่านฟ้าจับสังเกตจนได้
"เดี๋ยวสิคะ.ว่าไงคะ อึม.." ร่างที่ยังบางถูกพลิกให้ไปอยู่ข้างใต้กายหนาปากสวยที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยถูกปิดกั้นด้วยจูบแสนหวาน และทนสานสบสายตาที่ทอแววแสงแห่งรักและปรารถนาได้เพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องปรือเปลือกตาบางลงตอบรับอารมณ์ไคร่ไฟรักที่มาเยือน
"ไว้ทีหลังนะครับ...ตอนนี้พี่แพ้จนแทบคลั่ง..." บดินทร์กระซิบขณะย้ายจูบผะผ่าวลงฝังที่ซอกคอต่อลงมาไต่เนินทรวงสู่ปลายยอดครอบครองแสดงความเป็นเจ้าของทุกส่วนทุกพื้นที่ทุกอนูเนื้อนาง
"พี่ดิน..พอ.ไม่ๆ...ฮือ.." เสียงครางกระซิบกระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำหลุดมาเมื่อเจ้าตัวมิอาจต้านทานความส้านเสียวสุดท้ายที่เดินทางมาถึงได้ กายบางเกร็งสะท้านมือไม้จิกทึ้งพยายามดึงเขาขึ้นมาเพื่อบอกด้วยอากัปกิริยาว่าเธอพร้อมและอยากได้รับมันอีก
บดินทร์สนองตอบรีบสวมสอดเข้าหาเพื่อปะติดปะต่ออารมณ์หวามบาดแหลมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมิให้สะดุด เขาชอบที่น่านฟ้าพยายามโอบกอดจิกทึ้งหลังไหล่กว้างหนาของเขา สอดรุกสอดรับตามใจเขาอย่างถึงๆส่งให้เขาถึงฝั่งฝันทั้งที่พยายามถ่วงหน่วงห้วงหฤหรรษ์ให้ยาวนานแต่ท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทานปล่อยสายน้ำแห่งความสุดสุขสมสู่กายเธอจนหมดจนสิ้นฤทธิ์ฟุบเบียดแบ่งพื้นที่บนหมอนใบเดียวกันกับเธอ
นี่แหละจูบลบความทรงจำๆที่จะถามคำถามไร้สาระ ก็เขาแอบส่องเมียตัวเอง เมียที่เขาหลงใหลคลั่งไคล้เจียนคลั่งแล้วมันผิดตรงไหน แล้ว จนกว่าเขาจะพอใจเขาก็จะบอก ยิ่งเขาได้เห็นเธอตลอดเวลานั่นนิยามได้ว่าเธอรักและยอมให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของต่อทุกสายตาสารารณชนผ่านนิ้วน้อยของเธอ เป็นวิธีการที่แยบยลและคลาสสิกสุดๆว่าไหมล่ะ
"พี่ดินคะ"
"หืม.."
"ลุกเถอะค่ะ"
"ตอนนี้เลยเหรอ..มันหายแพ้และมันยังลุก ไม่ไหว.."
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ" หน้าเขาที่ชะโงกเงื้อมขึ้นมาบอกเธอนั้นอย่างซื่อแต่แววตานั่นคนละเรื่อง คนอะไรในรอยหยักสมองมีแต่เรื่องพรรค์นั้น
"อ้าวเหรอ จะรีบไปไหนล่ะครับ อย่าบอกว่าบ้านกาแฟนะเพราะตอนนี้มีตั้งสี่คน" บดินทร์พลิกกายนอนเคียงข้างแต่ไม่วายคว้าตัวเธอมากอด
"ค่ะนั่นก็ใช่ยังไงฟ้าก็เป็นห่วง แต่ตอนนี้ที่น่าหห่วงกว่าคือพี่ดินควรลุกขึ้นทานข้าวนะคะ ยิ่งบอกว่าไม่สบาย" น่านฟ้าเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมบังทั้งความเย็นจากแอร์ทั้งจากสายตาคู่คมที่ลวนลามมาเป็นระยะๆ
"แต่ว่าตอนนี้พี่หายแพ้แล้ว ที่จริงพี่ก็ชักชอบเหมือนกันนะที่แพ้แปลกๆแบบนี้ นึกแล้วก็อยากจะแพ้อีก" ฝ่ามือหนาป้วนเปี้ยนยอดทรวงเป็นเชิงประกอบคำพูด
"พี่ดิน" น่านฟ้าหยุดมือเขา ขืนไม่ กลัวเขาจะแพ้ขึ้นมาอีกจริงๆ
"หึๆ ว่าแต่น้องชายฟ้านี่เก่งจริงๆหาผู้หญิงมาไว้ใช้งานได้เก่ง มาก ใช้งานของจริงเลยนะนั่นหึๆๆ"
"เขาบอกฟ้าแล้วค่ะว่าเขาแบ่งรายได้จ่ายเงินเป็นค่าจ้าง ไม่ได้ใช้ฟรี ไม่เหมือน"
"เหมือนอะไรเหมือนใครเหรอ.."
"ไม่รู้ค่ะ เอ๊ะพี่ดิน" น่านฟ้าเอ็ดเบาๆที่เขามาป่ายปัดอยู่ใต้ผ้าห่ม"
"ฟ้ารักพี่หรือครับ"
"รักสิคะ"
"แต่ไม่มากพอที่จะยอมอยู่ยอมฝ่าฟันไปกับพี่เมื่อตอนที่พี่ขอร้องฟ้าในตอนนั้น"
"รักมากพอสิคะ มากพอที่จะตัดใจถอยออกมาทั้งๆที่รักเพื่อให้คนที่เรารักมากที่สุดได้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุด ฟ้าไม่มีพ่อแม่ฟ้าไม่อยากให้คนที่ฟ้ารักต้องแตกหักและไม่เหลือใครเหมือนฟ้า"
มิน่าเธอจึงจากเขาไปแบบ เหมือนไม่รักกันไม่อาลัยอาวรณ์ไม่แคร์กันแบบนั้น เพราะถ้าเธอบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจ เขาคงไม่มีทางปล่อยเธอไปและระหว่างเขากับมารดาตลอดไปจนถึงบิดาอาจจะเป็นไปอย่างที่น่านฟ้าคิด
"แต่ฟ้าก็กำลังจะมีคนอื่นด้วยใช่มั้ยครับ" เขาอยากจะรู้ให้หมดว่าถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นซะก่อนหมายถึงระหว่างเขากับน่านฟ้า แล้วมันจะเป็นอย่างที่เขาเฝ้าคิดระแวงไหม
"นั่นคืองานคือธุระและเพื่อนล้วนๆค่ะ จริงๆแล้วฟ้าอยากจะมีใครสักคนไปแทนที่.เงาของพี่ในใจ เมื่อเห็นพี่ดินมีคนใหม่คนแล้วคนเล่าทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าวว่าจะแต่งกัน แต่มันบังคับใจตัวเองไม่ได้เลย เป็นพี่ดินต่างหากที่มีใหม่ไปเรื่อย"
"ก็เพราะพี่ทำตัวแบบนั้นไง มีใหม่ไปเรื่อยพี่ถึงได้ฟ้ากลับคืนมา เพราะคุณแม่อาจจะเดาแนวโน้มได้ว่าต่อไปที่พี่จะคว้ามาควงอาจเป็นสาวประเภทสองหรืออื่นๆที่มันเริ่มจะรับไม่ได้มากขึ้น ทำไงได้ในเมื่อเมียก็ไม่แคร์แม่ก็ไม่สนใจความรู้สึกของพี่... ฟ้า.บอกว่ารักพี่ไม่อยากถามพี่กลับบ้างหรือครับ"
"ไม่ค่ะ"
"ทำไมล่ะครับ"
"ฟ้าพอใจแค่ที่ฟ้าได้รับนี้แล้ว กับการที่ฟ้าได้อยู่กับพี่ดินคนที่ฟ้ารัก ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกอื่นที่ไม่ใช่'รัก'ก็ยินดีและพร้อมจะอยู่เท่าที่พี่ดินจะให้ฟ้าอยู่ค่ะ"
"อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ พี่รักฟ้า รัก จนแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว" บดินทร์คว้าน่านฟ้ามากอดไว้ทั้งตัวแนบแน่นเขากลัวความคิดที่เจียมเนื้อเจียมตัวและพร้อมจะจากเขาไปได้ตลอดเวลาของหล่อนเหลือเกิน เขาทนไม่ได้ไม่ได้จริงๆที่จะเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งก่อนเขาแทบบ้าถ้ามีอีกครั้งเขาคงได้ตายสนิท บดินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวย หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาหวงหล่อนแค่ไหน กระทั่งไม่อยากให้หล่อนคลาดสายตาเขาแม้เสี้ยวนาที
"..." คำว่ารักจากเขาที่ได้ยินอย่างชัดเจนทำเอาน่านฟ้าถึงกับอึ้งดีใจจนพูดไม่ออก
"ย้อนกลับไปพี่เริ่มรู้สึกกับฟ้า แปลก พิเศษกว่าคนอื่นๆตั้งแต่ที่พี่ได้พบฟ้าครั้งแรกแล้ว แล้วฟ้าล่ะครับ"
"พี่ดินอยากรู้จริงๆหรือคะ"
"อยากรู้สิครับ"
"ก็ครั้งแรกที่ฟ้าพบ ที่พี่ดินนั่งสัมภาษณ์งานฟ้า พี่ดินหล่อมากแต่อยู่สูงเหลือเกินสูงเกินเอื้อม ฟ้า'พบและคิดถึง'พี่ดินได้แต่เพียงในฝัน." น่านฟ้าอ้อมแอ้มสารภาพในตอนท้าย
"...จริง?..” บดินทร์อมยิ้มนึกย้อนถึงวันที่เขานั่งสัมภาษณ์แล้วน่านฟ้าไม่กล้าสบตา ตอบคำถามก็ตะกุกตะกักอย่างกับคนติดอ่าง
“จริงสิคะ”
“แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ครั้งแรกคือในดงกกที่พี่ได้กกกอด..." รอยยิ้มขำนิดๆเจ้าเล่ห์น้อยๆผุดขึ้นที่ทั้งปากและในดวงตาคมแกร่ง ขณะเท้าความ "และได้เห็นหน้านางฟ้าที่ช่วยเหลือพี่ไว้ให้พ้นจากความตายชัดๆก็ที่โรงพยาบาลนั่นไงครับ ตั้งแต่ตอนนั้นดวงตาคู่นี้ที่สวยที่สุดเท่าที่พี่เคยพบที่ไม่เข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวกระกระดำกระด่างเลยในตอนนั้น ก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อพี่มากขึ้นและมากขึ้นจนกลายเป็น'รัก'โดยไม่รู้ตัว..."
'ดงกก...โรงพยาบาล...'
"พี่ดิน..." เป็นเขาเองหรือที่ทั้งศีรษะถูกผ้าพันแผลปิดเสียแทบมิดนอนแบบเป็นคนไข้หนักอยู่บนเตียง
"บอกได้มั้ยทำไมต้องทำหน้าตาให้มันเป็นแบบนั้นด้วย"
"ก็ ฟ้าเติบโตอยู่ในสลัม คนที่หน้าตาแค่พอใช้ได้ก็มักจะถูกชักชวนหรือไม่ก็ถูกล่อลวงไปเป็นผู้หญิงอย่างว่ากันหมด ฟ้าเห็นเพื่อนที่โรงเรียนเป็นสิวกันแล้วหน้าตาน่าเกลียดก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าไม่ทำแบบนั้นก็คงเอาตัวไม่รอดไม่ได้คิดว่าหน้าตาดีนักหนาแต่แค่คิดว่าปลอดภัยไว้ก่อน แต่ให้ยังไงก็ยังมีภัยมาถึงตัวจนได้ทีหลังก็เลยช่างมันแล้ว"
"ก็เลยแต่งได้เหมือนจนพี่เชื่อซะสนิท ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ทำให้ฟ้าเข้าโรงพยาบาลและถูกเช็ดทำความสะอาดออกจนเกลี้ยง" เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาตลึงกับความงามปนเคืองเพราะเหมือนตัวเองถูกหลอก แต่น่านฟ้าอยู่ในอารมณ์ไม่สนใจต่อสิ่งใดนอกจากซึมเศร้าจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นนั่น เขาก็เลยไม่สามารถจะซ้ำเติมอะไรได้
"สิ่งที่ฟ้าคิดและทำเพื่อป้องกันตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว เพราะความจริงที่พี่ไม่เคยพูดถึงและขอโทษฟ้าเลยก็คือ เหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นเพราะพี่เป็นต้นเหตุ"
"อะไรนะคะ"
"เกี่ยวกับคอนโดราคาถูกที่พี่กำลังทำในตอนนั้น พวกมันรู้จักพี่ติดตามและทำร้ายคนใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องเพียงเพื่อหวังจะล้มโครงการ"
"ทำไมคะ"
"มันเป็นเรื่องการเสียผลประโยชน์ของคนที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน เหตุผลหนึ่งที่พี่ไม่บอกฟ้าเพราะพี่ไม่อยากให้รู้เพื่อความปลอดภัยและกันฟ้าออกจากทุกเรื่องร้ายที่ยังมีตามมาอีกเยอะซึ่งสุดท้ายก็จบลงด้วยดี ดีเกินเพราะเกือบทำให้พี่เสียคนที่พี่รู้ตัวแน่ชัดว่า พี่รักและขาดเธอไม่ได้...ไปอย่างถาวร ที่คุณแม่ไปบอกกับฟ้าว่าพี่ป่วยแล้วให้ฟ้าเลือกตัดสินใจเองว่าจะกลับมาหาพี่ไหมนั้นไม่ผิดหรอก พี่ป่วยจริง ป่วยจิต พี่ไม่ขวางคุณแม่ที่จะไล่ฟ้าไปและฟ้าก็ยอมจากไปง่ายๆ...ไม่ขวางที่คุณแม่จะเที่ยวหาผู้หญิงมาให้คนแล้วคนเล่าแต่เลือกที่จะพังมันทั้งหมดทุกสิ่งและทำตามใจตัวเองทุกอย่าง และพี่อยากจะตัดฟ้าออกจากใจจริงๆยิ่งเห็นฟ้าไปกับชายอื่นยิ่งอยาก พี่จึงกลับไปหาฟ้าอีกครั้ง เพื่อคิดกับฟ้าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆให้ได้"
"ด้วยการไปเกะกะระรานฟ้าแล้วทิ้งเงินกับกล่องเครื่องประดับอะไรก็ไม่รู้ไว้ให้อย่างนั้นใช่ไหมคะ" คนอะไรนิสัยแย่จริงๆ
"ใช่ แต่กลับมาแล้วพี่ก็ยิ่งบ้าเพราะฟ้ายิ่งตามมาหลอน ตอนนั้นมันสะใจดีแท้ที่ทำให้ฟ้าเต้นและเอาทุกอย่างที่พี่ทิ้งไว้ให้กลับมาประเคนใส่หน้าพี่ได้ หึๆๆ" นึกแล้วก็ขำ น่านฟ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่เกรงหน้าอินหน้าพรหม เห็นช้างตัวเท่ามดฮะๆๆ
'โรคจิตตัวจริงเสียงจริง ไม่ผิดอย่างที่ทั้งคุณแม่เขาและตัวเขาว่าตัวเองไว้เองเสียจริงๆเลยด้วย'
"โอ้ยยยยยย.."
น่านฟ้าใช้เล็บที่เพิ่งนึกขึ้นได้เดี๋ยวนี้ทันทีทันใดว่าลืมตัดขยุ้มและจิกไปเต็มแรงที่ทรวงด้านซ้ายตำแหน่งหัวใจที่คุณแม่เขากระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย.ไปสุดแรงที่มีจนบดินทร์ร้องโอดโอยเสียงหลง
"พี่ดิน คนบ้า ที่สุดเลย" น่านฟ้าพยายามนับนิ้วบวกลบคูณหาร ใช่! ตั้งแต่ครั้งนั้นด้วยมั้งที่ทำเธอท้อง. ใช่แล้ว เขานี่มัน ที่สุดเลยจริงๆ!
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
จบแล้วจ้า....
.........................................................
คุณคิมหันตุ : คุณดินทําอะไรแปลกๆไปทําไมเนี้ยะ ● เขางอลลล อ่ะค่ะ
คุณlovemuay : แหมหมั่นไสคุณดิน ทําเปนเลนตัวอยูนั่นแหละ ● เนอะ^^
คุณปอยอะนะ : ฮา ● ตอนนี้ล่ะฮามั้ย^_^
คุณZephyr : เลนตัวนะคุณดิน ● หึหึ
ฟาหงอจังเลย อยากรูเหตุผลใจจะขาด ● รู้ยัง
คุณkonhin : สงสัยวาคุณแมจะไปหลอกวาดินกําลังจะตายหรือไมสบายแนๆ ● แม่นอย่างกะจับวาง^^
ผักหวาน : แหม คืนแตงงาน แตยังกลับไปฮาเร็มอีกนะคุณดิน สุดทายก็กระเสือกกระสนกลับมาหองหอจนไดนา ● แหงล่ะ ไม่งั้นได้ลงแดง ก็ของแสลงมาตั้งไว้ให้ซะขนาดน๊าน
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกเม้นท์ทุกไลค์ทุกวิว…
ขอบคุณที่คิดถึงกันด้วยค่ะ...
ขอให้มีความสุขจากการอ่านมากๆเลยนะคะ...อ่านแล้ว ยามตื่นก็ขอให้มีความสุข ยามหลับก็ขอให้ฝันดีกันทุกคนเลยนะคะคุณผู้ชม.....
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ติชมกัน คุยกันได้นะคะ Am จะกลับมาตอบมาคุยกับทุกคนเลยค่ะ ^_________^
..................................................
เข้าสู่อาทิตย์ที่สองแล้วที่บดินทร์ไม่กลับบ้านหมายรวมถึงบ้านส่วนตัวของเขาเองด้วย โดยที่ไม่ได้บอกอะไรกับคนทางบ้าน แม้แต่บิดาที่มีประเด็นกับเขาน้อยที่สุด
"จะไปแล้วรึ"
"ค่ะคุณท่าน วันนี้ต้องไปเช้าหน่อยเพราะน้องจะรีบไปทำธุระ และมีลูกค้าประจำเค้าสั่งไว้ล่วงหน้า" น่านฟ้ายังคงเรียกแม่สามีอย่างนั้น 'คุณท่าน' อย่างที่เคยเรียกมา มันรู้สึกขัดๆหูแม้กระทั่งกับตัวคนถูกเรียกเอง แต่คิดว่าก็คงต้องแล้วแต่คนเรียกว่าอยากจะเรียกอย่างไรของอย่างนี้ไม่อยากไปบังคับถ้าใจไม่รับให้เรียกว่าอย่างไรเรียกไปมันก็อาจไม่ได้หมายความตามนั้น
"ตกลง รู้หรือยังว่าสามีเราหายไปไหน" คุณนายลีลาวดีถามลูกสะใภ้ด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยไม่ออกอาการเต้นเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
"ไม่ทราบค่ะ.." ผิดกับน่านฟ้าที่ซึมลงเห็นๆเสียงที่ตอบก็ฟังเศร้าๆ
"โทรไปตามเขาบ้างหรือยังว่าหายไปไหน"
"ฟ้าไม่กล้าโทร.รบกวน..." นี่ถ้าไม่มีงานร้านกาแฟเธอคงจะจิตตกมากกว่านี้
ดีจริง ปล่อยให้สามีหายไปเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ยังไม่คิดติดตามถามข่าว
"โทรไปถามว่าที่หายไป เจ็บไข้ไม่สบายรึเปล่า แค่นี้สามีเราเค้าคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ เฮ่อหายไปไหนของเค้า.."
'หายไปไหนน่ะเหรอ...' น่านฟ้าไหว้แม่สามีแล้วเดินจากมาอย่างเหม่อๆเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด
'เกี่ยวกันไหมนะ หรือว่าจะเกี่ยว กับที่เรานัดเจอกับเชาว์แป้งแต่แป้งเกิดท้องเสียยกเลิกกระทันหัน ตอนนั้น.. หรือว่ารถคันนั้นที่สงสัย จะเป็นรถของเขาจริงๆ เขาเห็นและเข้าใจว่า...เรานัดพบเชาว์ตามลำพัง แต่ เรื่องแค่นั้นเขาเหรอจะมาสน'
‘ร้านอร่อยและถูกๆแถมยังใกล้บ้านแบบนี้มันน่าทานมากกว่าในห้างเป็นไหนๆว่ามั้ย’
'แต่ตอนนั้นที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เขายังเหมือนเก็บเอาเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาเจอเรากับอาจารย์ชินมาเหน็บ'
หญิงสาวขบคิดอย่างสับสนปนความไม่แน่ใจ ในดวงตาของเขา คลับคล้ายยังมีเธอติดอยู่ในเยื่อใยบางๆ แต่คำพูดและการกระทำกลับบอกชัดว่าเขาไม่แคร์เธออีกต่อไปแล้ว.
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ดๆๆๆ
เขาไม่ยอมรับสาย ทำไม! หรือว่า เขาเป็นอะไร
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด.....
"..."
"สะ.สวัสดีค่ะพี่ดิน พี่." พอรู้ว่าปลายสายรับน่านฟ้ารีบละล่ำละลักกรอกเสียงทักทาย
"มีอะไร คุณแม่ใช้ให้เธอโทรมาสินะ มีอะไรรีบว่ามา"
"ค่ะคือ พี่ดินกำลังยุ่งอยู่หรือเปล่าคะ.คุยได้มั้ยคะ."
"ใช่ ยุ่งมาก"
"ถ้า..ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ"
"..."
"สวัสดีค่ะ."
ตื๊ดๆๆ
น่านฟ้ายังไม่ทันจบคำเอ่ยลาดีปลายสายก็ชิงกดตัดสายทิ้งเหมือนทนรำคาญไม่ไหวหากต้องได้ยินเสียงเธอต่อไปอีกสักนิด
เขาโกรธเคืองเธอใช่ไหม ด้วยเรื่องอะไร หรือว่าเป็นเพราะเขาเบื่อเธอแล้ว ถ้าอย่างนั้น น่านฟ้าเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง
"คุณท่านล่ะคะ"
"สงสัยเดินออกไปทางด้านหลังแล้วค่ะคุณน่านฟ้า อาจจะเข้าสวนตามคุณผู้ชาย" เด็กรับใช้ในบ้านที่กำลังยืนเก็บถ้วยชามตอบน่านฟ้าอย่างไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่เพราะก้มหน้าก้มตาจัดการจัดเก็บภาชนะบนโต๊ะไม่ทันได้สังเกต
"เหรอ ถ้าอย่างนั้น.ฝากน้าเรียนคุณท่านทีนะคะว่าฟ้าขอกลับบ้านสักสามสี่วัน"
"ทำไมไปนานนักล่ะคะ"
"น้องเข้าค่ายฟ้าเลยไม่อยากเทียวไปเทียวมา ฝากบอกด้วยนะคะ" ที่น่านฟ้าบอกว่าน้องเข้าค่ายน่ะคือธีรนัยคนเดียว อีกคนก็ยังขายได้ตามปกติ
"ได้ค่ะคุณฟ้า"
"ขอบคุณค่ะ" แต่ที่ต้องการจะไปค้างบ้านสักสามสี่วันเหตุผลที่แท้จริงของเธอคือเพื่อไม่ให้บดินทร์ต้องทนรำคาญเมื่อมีเธออยู่ร่วมบ้านด้วย ห่างออกมาสักพักแม่เขาจะได้ไม่ต้องจี้ให้เธอตามและเผื่อว่าเขาจะหายเบื่อเธอ เพราะสำหรับเธอกับการได้เป็นภรรยาอย่างถูกต้องของเขาแม้จะชั่วระยะเวลาสั้นๆได้เท่านี้ก็ดีใจมากแล้ว ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของเธอที่จะทำให้เขารู้สึกดีกับเธออีกครั้ง
______________________________
"เวียงใช่มั้ย"
"ค่ะคุณดิน"
"ไปตามคุณฟ้ามารับสาย"
"เอ่อ..คุณดินลองโทรเข้ามือถือคุณฟ้าสิคะ"
"ถ้าฉันติดต่อเค้าได้จะโทรเข้าเบอร์บ้านทำไม"
"คือว่าคุณฟ้าไม่อยู่ค่ะ เธอบอกว่าจะกลับไปค้างบ้านสามสี่วัน บอกว่าน้องชายไปเข้าค่าย"
"ขอบใจ" ดีจริงนะ ผัวไม่กลับบ้านคุณเมียก็ไม่กลับบ้าง เคยคิดจะแคร์กันมั่งมั้ย จะตามกันทั้งทีก็ต้องรอให้แม่ผัวคอยจิกให้ตาม แล้วคราวนี้หล่อนจะแอบไปที่ไหนกับใครอีก
บดินทร์ทุบป้าง! ไปที่พวงมาลัยรถระบายความไม่พอใจ บดินทร์ไม่รู้ตัวว่าเขากลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายแบบค่อนข้างจะไร้เหตุผลไปตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ๆเขาหึงเขาหวง เขาไม่ชอบที่จะเห็นหล่อนไปกับไอ้ผู้ชายคนไหน เขาทำงานดิลงานที่มันจบยากไม่พอยังต้องแอบไปเห็นเมียนั่งหน้าระรื่นอยู่กับชายอื่นอีก ที่เขาหายหน้าไปมีแต่คนอื่นที่ไม่ใช่เมียที่ตามเขาเป็นปลิง ชายหนุ่มเบนเปลี่ยนเส้นทางทันทีจากเดิมที่ตั้งใจว่าจะกลับบ้านตัวเปลี่ยนเป็นเส้นทางที่จะมุ่งไป
สู่บ้านกาแฟของสามพี่นอง
'รถ'
ยังดีที่เห็นรถหล่อนจอดนิ่งอยู่ที่ข้างรั้ว และเพ่งมองผ่านกระจกใสเข้าไปก็เห็นหล่อนกำลังเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าซึ่งไม่มีไอ้ใครหน้าไหนที่ทำให้เขาระคายใจ สร้างพอใจได้ระดับหนึ่งบดินทร์ก็จึงขับรถผ่านเลยไป
พอร้านปิดน่านฟ้าแยกขึ้นไปพักผ่อนตามลำพังปล่อยให้กานต์ล้างเก็บภาชนะอุปกรณ์ เมื่อมาถึงบนห้องนอนส่วนตัวสิ่งแรกที่เธอทำคือนำบางสิ่งที่แวะซื้อจากร้านขายยาออกมาจากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ของเธอและเดินเข้าห้องน้ำไป
เมื่อช่วงเข้าขณะที่เธออาบน้ำอาบท่าเสร็จสรรพและเปิดตู้เพื่อจะหยิบเสื้อผ้าสายตาเธอเหลือบไปเห็น"วันเบาๆ"เข้าและฉุกคิดได้ว่าเธอไม่ได้หยิบใช้มานานพอสมควร
ใช่บางสิ่งที่ว่านั่นคือชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ใจของเธอเต้นแรงขณะเฝ้ารอดูผล ขีดที่หนึ่งผ่านไป และตามด้วยขีดที่สองที่ขีดสีปรากฏสู่สายตาขึ้นมาอย่างชัดเจน เธอ ท้อง!
เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเขาจริงๆแล้วใช่ไหม
น่านฟ้าแกะอีกชุดมาทดสอบซ้ำผลก็ยังเป็นเช่นเดิม
น่านฟ้ายิ้มทั้งน้ำตา แม้ว่าวันข้างหน้าจะไม่มีเขาเธอก็ยังมีลูกที่เป็นแก้วตาดวงใจแทนเขา เธอจะหาทางบอกเขา และเขาจะต้องได้รู้ก่อนที่เวลานั้น...จะมาถึง
"อ้าวฟ้า จะไปไหน"
"กลับไปบ้านใหญ่"
"ทำไมล่ะก็ไหนบอกว่าจะค้างบ้านสามสี่วัน"
"เปลี่ยนใจแล้ว"
"คุณสามีโทรมาตามละสิ"
"เปล่าหรอก ฟ้าเปลี่ยนใจเอง"
"ว๊า..ว่าจะนำเสนอซุบเห็ดสามอย่างซะหน่อย"
"กินซุบเห็ดแล้วต้องช่วยต่อเชื้อเห็ดด้วยใช่มั้ย"
"รู้ทันจริง กินอย่างเดียวก็ได้"
"งั้นก็รีบไปทำสิ แล้ว เค้าสั่งไว้เท่าไหร่ล่ะ"
"สามสิบ เค้าจะเอาไปหยอดใส่ก้อน เค้าบอกว่าที่ซื้อจากเราไปเชื้อเดินเร็วดี"
"แล้วเค้าซื้อก้อนจากที่ไหนล่ะ"
"ก็ซื้อจากเราไปเนี่ยแหละบอกว่าต้องการประหยัดงบเพราะซื้อก้อนเปล่ามันถูกกว่ากันครึ่งๆ แต่กานต์คิดว่าไม่ใช่ทั้งหมดหรอก แต่ก็แล้วแต่เค้า พอใจจะสั่งเป็นแบบนี้ก็แล้วแต่ และก็คงจะเอาเชื้อที่ซื้อจากเราไปต่อเองอีก"
"แล้วได้บอกเค้ารึเปล่าว่าต้องเป็นรุ่นที่หนึ่งเท่านั้นเชื้อจึงจะเดินดี ต้องบอกเค้าด้วยนะเดี๋ยวลูกค้าจะเข้าใจผิด"
"ฟ้า แต่งงานไป คนที่บ้านนั้นเค้าดีกับฟ้ารึเปล่า"
อยู่ๆกานต์ก็วกมาเข้าเรื่องส่วนตัวของพี่สาว
"ก็ดี" คราวนี้ทุกคนดีกับเธอจริงๆ ทั้งพ่อและแม่สามีถึงแม้ไม่แสดงออกว่าชอบว่าปลื้มหนักหนาแต่ก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจเหมือนอย่างแต่ก่อน ตลอดจนบ่าวไพร่ของบ้านนั้นก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกับเธอดี จะมีก็แต่สามีตัวเองเท่านั้นที่ทำเหมือนกับว่าไม่ต้องการให้เธอกลับไป แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาปฏิเสธเธอหรอก เธอจะขออยู่กับเขาให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้
"กานต์ดีใจมากเลยนะที่ฟ้ายังกลับมาช่วยขายกาแฟถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนอย่างแต่ก่อน"
"ก็นี่มันบ้านเราบ้านฟ้าเหมือนกัน เออ รีบไปทำซุบห่งซุบเห็ดอะไรนั่นเหอะ ก่อนที่ฟ้าจะเปลี่ยนใจไม่อยู่ชิมไม่อยู่ช่วย"
"เห็ดใหม่สดสามอย่างนอนรออยู่แล้วขอเวลาแพบ"
"ไม่ต้องทำเยอะนะ กินกันไม่หมดแล้วจะต้องมานั่งเสียดายของ ทำเสร็จก็ค่อยเรียกก็แล้วกัน จะเข้าไปต่อเชื้อให้พลางๆก่อน" นี่แหละสาเหตุหลักที่เธอมักกลับบ้านเวลามีปัญหาหนักอกหนักใจ ก็เพราะที่บ้านของเธอมีอะไรให้ต้องทำอยู่ตลอดเวลาไม่ให้จิตคิดฟุ้งซ่าน มือจับงานก็เหมือนจับความมั่นคงให้กับชีวิตและจิตใจ
______________________________
เพราะบดินทร์ไม่รู้ที่มาที่ไปของน่านฟ้าในครั้งนี้ เขาจึงยังไม่อาจวางใจเชื่อใน สิ่งที่เกิดขึ้น คิดอยู่เสมอว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เขาห้ามใจตัวเองไม่ได้ที่จะรักที่จะหลงน่านฟ้า แต่เขาห้ามการกระทำไม่ให้สิ่งที่อยู่ในใจมันแสดงออกมานอกหน้าได้ ฝันไปเถอะว่าเขาจะหลงกลแล้วก็จะแสดงอิทธิพลพรากหล่อนไปจากเขาอีก
ในตอนนั้นเขาเคยบอกคุณแม่ว่าเขารักน่านฟ้า ท่านกลับไม่สนใจใยดีความรู้สึกของเขา จนเขาปล่อยให้จิตใจมันพังไปเรื่อยๆ พังทั้งใจเขาพังทั้งความสุขสมหวังของคุณนาย จะมีก็แต่น่านฟ้ากระมังที่ไม่พังไปด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่ได้เห็นหล่อนควงไปกับผู้ชายคนนั้นทีคนนี้บ้างให้มันแสลงตาแสลงใจเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
"หะ.อวก..."
'ใครมาฉีดน้ำหอมแถวนี้กลิ่นเหม็นอย่างกับขยะเปียก'
"ไฮ อยู่นี่เอง แนนกลับมาแล้วค่ะ" เจนจิราหรือแนนซี่ส่งเสียงมาแต่ไกล
บดินทร์ทำหน้าผะอืดผะอมหนักขึ้นเมื่อหล่อนยิ่งเดินเข้ามาใกล้ นี่เขาเป็นอะไร เขาแพ้กลิ่นน้ำหอมตั้งแต่เมื่อไหร่!
และเขารู้สึกทนไม่ไหวจนต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากส่วนอีกข้างยกขึ้นมาห้ามหล่อนเจ้าของน้ำหอมกลิ่นขยะเปียกไม่ให้เดินเข้ามาใกล้ทั้งรีบผลุนผลันก้าวเข้าห้องนอนของตัวเป็นการยุติกลิ่นที่ตามรังควานชวนให้เขาพิพักพิพ่วน
ทิ้งให้แนนซี่ยืนทำหน้างงอยู่เป็นครู่
'เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย นี่ถ้าไม่เห็นว่าเขาทั้งหล่อทั้งรวยละก็นะ แม่จะร้องเพลง ถอย.ดีกว่า ไม่เอา..ดีกว่าไปนานแล้ว'
ฝ่ายบดินทร์พอเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวได้ก็ตรงดิ่งไปยังโถส้วมภายในห้องน้ำจัดการโก่งคออาเจียนอย่างสาสมใจจนแทบจะหมดใส้หมดพุง ไม่ใช่แต่เฉพาะแนนซี่หรอกนะที่งงตัวบดินทร์เองก็เช่นกัน นี่เขาเป็นอะไร เหล้าก็ยังไม่ได้แตะสักหยด และแค่นึกถึงน้ำหอมกลิ่นแรงที่แนนซี่ปะพรมมานั่นก็พาลจะอ้วกอีก อ้วกเลยดีกว่า อ้วกเสร็จก็ยืนงงกับชีวิตแต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเขาไปรับอะไรผิดสำแดงมาถึงออกอาการได้ซะขนาดนี้
____________________________
เมื่อคืนน่านฟ้ากลับมาถึงบ้านแม่สามีราวสามทุ่ม และห้องหอก็ยังคงไร้เงาของเจ้าของห้องเช่นเดิมทั้งๆที่เห็นรถของเขาจอดอยู่ ไม่เป็นไรนะน่านฟ้า เธอต้องหนักแน่นให้ได้เหมือนที่เคยเป็นมา เกือบสองปีที่ห่างไกลกันทั้งที่เห็นเขาควงกับผู้หญิงมากหน้าหลายตาแม้มันจะเจ็บจะช้ำอยู่ลึกๆเธอยังทำใจได้แล้วเลย ไม่เป็นไรๆ แต่ในตอนนี้มีบางอย่างที่สำคัญเธอต้องบอกเขา
น่านฟ้านำรถเข้าจอดเทียบที่ข้างรั้วบ้านของบดินทร์ ก่อนจะทำใจให้กล้าและก้าวเข้าสู่รั้วบ้าน เพื่อ
"ทาตรงนี้ให้แนนอีกหน่อยสิคะคุณดินขา..แนนทาไม่ถึง"
ที่เธอจะได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ภาพที่บดินทร์มีแนนซี่นั่งซ้อนตักและกำลังลากไล้ฝ่ามือหนาไปทั่วแผ่นหลังเกือบเปลือยของเจ้าหล่อนเพื่อทาโลชั่นกันแดดให้
"น่านฟ้า มาทำไม"
"...." น่านฟ้าพูดไม่ออกลำคอมันตีบตันกะทันหัน
"หรือว่าคุณแม่ใช้ให้มาตาม"
"เปล่าค่ะ คือมีบางอย่าง แต่ ไม่เป็นไรค่ะ" พูดจบน่านฟ้าหันหลังกลับเดินลิ่วไปยังรถของเธอและขับจากไป
บดินทร์แทบจะผลักแนนซี่ล่วงก้นกระแทกพื้นถ้าแนนซี่ไม่เท้าแขนไว้
"คุณดิน" แนนซี่มองหน้าเขาแบบงงๆ เมื่อครู่ตอนได้ยินเสียงรถจอดเขาเป็นฝ่ายคว้าหล่อนไปนั่งตักเองและจัดการละเลงโลชั่นกันแดดให้ แต่แค่แม่เมียแต่งหันหลังให้เท่านั้นก็ผลักหล่อนซะแทบกระเด็น
"รีบไปแต่งตัว ผมจะไปส่ง แล้วจะให้สิทธิ์จัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้"
"อะไรกันคะ ก็คุณยัง เอ่อ..." ก็ตั้งแต่ถูกเรียกตัวมาในครั้งนี้เขายังไม่เคยใช้บริการทางเพศกับเธอเลยสักครั้ง
"รีบไปแต่งตัว" บดินทร์สั่งในขณะที่เขาเองหยิบเสื้อผ้าที่กองไว้ใกล้ๆตัวขึ้นมาสวมอย่างรวกๆ
"แนนทำอะไรให้คุณดินไม่พอใจรึเปล่าคะ"
"ผมเรียกใช้บริการคุณแค่นี้แหละ"
"แต่ว่าแนนยังไม่ได้ให้บริการคุณเลยนะคะ"
"ผมพอใจเพียงเท่านี้ ถือเป็นค่าเสียเวลาก็ได้ ผมจะไปรอที่รถ" ชายหนุ่มบอกเธอแล้วก็ไม่รอฟังคำออดอ้อนใดๆคว้ากุญแจรถได้ก็เดินดุ่มๆไป แนนซี่จำต้องเร่งจัดการกับเสื้อผ้าหน้าผมของตัวตามที่เขาสั่งเพราะขืนช้าค่าตัวที่ควรจะได้อาจหดลงตามความไม่พอใจ
....................
ทั้งๆที่คิดว่าทำใจได้ที่เขาไม่ได้มีเธอเพียงคนเดียว แต่พอเห็นเขาคลอเคลียหญิงอื่นตำตาตำใจแบบนั้นเธอกลับกั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
ทั้งที่ท่องไว้แล้วว่าอะไรที่เป็นความสุขสุดท้ายของเขาไม่ว่าจะอะไรเธอยอมได้ทั้งนั้น เธอสั่งใจได้แต่สั่งน้ำตาไม่ได้
"ฮึก..."
ก๊อกๆๆ
คุณดิน!
ก๊อกๆ
บดินทร์เคาะกระจกรถติดฟิล์มดำของภรรยาซ้ำ น่านฟ้ารีบปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะลดกระจกลง
"รถเป็นอะไร มาจอดทำไมที่มืดๆ ฟ้า เธอ.ร้องไห้.." คราบน้ำตาที่ยังหลงเหลือมันยืนยันชัดเจน
"..แมลงเข้าตาค่ะ เขี่ย.ออกแล้ว" ยิ่งเธอหาทางพูดอธิบายก็ยิ่งฟ้องตัวเองด้วยเสียงที่มันติดจะขึ้นจมูก
"เธอ..." น่านฟ้า แค่แมลงเข้าตาจริงๆหรือว่า เป็นเพราะเธอแคร์..
"ไม่เป็นไรแล้วค่ะ"
"พี่กำลังจะไป."
ฟึบ!
รู้แล้วว่ากำลังจะไปกับแนนซี่ที่กระจกมองข้างส่องให้เห็นว่ากำลังลงจากรถจะมาตามเขา
"..ส่งเค้า" กระจกรถได้เลื่อนปิดกั้นก่อนที่น่านฟ้าจะได้ยินคำท้าย แต่ถึงจะได้ยินจนจบประโยคก็คงไม่ได้ช่วยอะไรได้มากนักเพราะภาพบาดตากับประโยคที่ไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของเธอก่อนหน้า 'มาทำไม' ที่สถานที่ส่วนตัวของเขามันได้ทำร้ายใจเธอไปแล้ว
"ฟ้า มาพอดี"
"อืม มีอะไรเหรอ"
"..เป็นไรอ่ะ ไม่สบายรึเปล่า เสียงไม่ดีเลย" กานต์ผิดสังเกตก็เลยให้ความสำคัญกับอาการของพี่สาวก่อน เรื่องงานเอาไว้ทีหลัง
"เป็นหวัดนิดหน่อย"
"ถ้างั้นไปพักก่อนเหอะ วันนี้กานต์ไม่มีเรียน"
"อ้าวปกติเห็นไป."
"เพื่อนไลน์มาบอกอาจารย์งดสอนแต่สั่งงานไว้ ฟ้าขึ้นไปพักเหอะ"
"อืม" น่านฟ้าไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับพื้นที่เล็กๆของเธอเพื่อจะได้ไม่ต้องปั้นหน้าว่าเธอไม่เป็นไร ขอพื้นที่เล็กๆให้กับหยาดน้ำตาที่มันถูกกักไว้พร้อมจะหลั่งริน...
กานต์มองตามหลังพี่สาวไป เขาไม่เชื่อหรอกว่าที่นัย์นตาแดงช้ำกับเสียงที่ขึ้นจมูกนั้นเพราะหวัดกิน พี่สาวเขามักเป็นแบบนี้เวลามีความสุขร่วมแบ่งปันแต่เวลามีทุกข์ชอบเก็บไว้คนเดียว แต่ดีแล้วที่ทุกข์ใจอะไรก็นึกถึงบ้าน กานต์ไลน์ไปหาเพื่อนเรื่องฝากให้เพื่อนช่วยส่งงานแทน
_________________________
น่านฟ้ายังไม่บอกใครเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ เพราะคนแรกที่เธออยากให้รู้คือพ่อของลูก แม้ว่าเขาจะอยากรู้หรือไม่ก็ตาม ขอให้เขาได้รู้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป น่านฟ้าสังเกตเห็นรถเขาจอดแช่อยู่หลายวันแล้วแต่ตัวเขาไม่เคยเฉียดกายมาบนตึกใหญ่
"คุณฟ้าคะคุณฟ้า!"
แกร๊ก! กุญแจรถร่วงจากมือน่านฟ้าตามแรงฉุดเรียกของเด็กคนงาน
"แย่แล้วค่ะ! คุณดินค่ะ"
"คุณดินเหรอ! ทำไมมีอะไร" ใจของน่านฟ้ากระตุกวูบ อย่าเพิ่งนะอย่าพี่ง
"คุณดินอาเจียนหนักขึ้นจนฟุบอยู่ในห้องน้ำค่ะ"
"ตายแล้ว!" น่านฟ้าละล้าละลังจะวิ่งกลับขึ้นไปบอกบิดามารดาเขาก่อนรึก็เป็นห่วงอาการของสามีและอีกอย่างไม่แน่ใจว่าประมุขของบ้านทั้งสองพากันเข้าสวนไปแล้วรึยัง
"ฟ้าจะไปดูคุณดินส่วนเวียงรีบไปบอกคุณท่านทั้งสอง"
"คุณฟ้า คุณดินเป็นมาหลายวันแล้ว แต่สั่งไม่ให้บอกใครแม้แต่คุณ แต่เธอเป็นหนักมากขึ้นจนเวียงทนไม่ไหวแอบมาบอกคุณฟ้าค่ะ"
"ทำไมทำแบบนี้ล่ะ ไม่เป็นไร" น่านฟ้ารีบตัดบทและรีบเร่งไปดูอาการสามีไม่สนใจว่าเขาจะมีใครอยู่ด้วยไหมในตอนนี้
ผ่านรั้วเข้ามาน่านฟ้าพบแต่ความเงียบ จนมาถึงประตูบ้านก็พบว่ามันถูกเปิดไว้รอเธออยู่แล้ว น่าจะเป็นวียงที่เปิดทิ้งไว้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เธอ
'คนอะไรทำไมไม่รู้จักรักตัวเอง' น่านฟ้าบ่นอยู่ในใจในขณะที่สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวนเธอลองขยับบานประตูห้องนอนพอรู้ว่าไม่ได้ล็อคก็ถือวิสาสะเปิดเข้าไป
หะ.อ้ว.ก..
เสียงอ้วกอ้ากดังมาจากห้องน้ำน่านฟ้ารีบวิ่งไปตามเสียง
"พี่ดิน!"
โธ!..ไม่เจอแค่ไม่กี่วันทำไมสามีเธอถึงโทรมทรุดได้ขนาดนี้ล่ะ
"อ๊อก.ใครใช้ให้มา คุณแม่อีกแล้วใช่มั้ย" เขาป่วยอยู่นานหลายวันเมียเพิ่งจะโผล่ คงเพราะได้รับอณุญาตจากแม่เขาแล้ว ชายหนุ่มคิดอย่างแอบเคืองปนน้อยใจ
"เปล่าค่ะพี่ดินฟ้ามาเอง ตั้งแต่แรกแล้ว ไปหาหมอเถอะนะคะ ทำคีโมอะไรก็ได้"
"..." บดินทร์หยุดกึกและหันมามองน่านฟ้าด้วยความสงสัย
"เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ"
"..ไป.ไปหาหมอ"
"ไม่ใช่ คีโมอะไร ทำไมต้อง.."
"เอ่อ.."
"น่านฟ้า บอกมาให้หมด อย่ามาทำอำๆอึ้งๆ พูด"
"คือ.."
"เธอบอกว่า เธอมาเอง ตั้งแต่แรก และอะไรอีกน่านฟ้า เธอจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เพราะถูกคุณแม่จ้างมางั้นรึ" บดินทร์พยายามทวนความและนำมาจับประเด็น
"ใช่ ฟ้าเถียงไม่ได้ว่าฟ้าไม่เคยเรียกรับเงิน เถียงไม่ได้ว่าฟ้าเคยหันหลังให้ แต่ทั้งหมดนั่นเพราะฟ้าไม่ต้องการแย่งความสุขของใครหรือผิดต่อใครรวมทั้งคุณแม่ของพี่เองด้วย" ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วน่านฟ้าไม่อยากจะทนอึดอัดใจอีก ต่อไป
"แล้วครั้งนี้ล่ะ ในเมื่อเธอบอกว่าไม่ได้ถูกคุณแม่จ้าง"
"เพราะฟ้ารู้แล้วไงคะ ฮึก..ถึงสิ่งที่พี่พยายามปกปิด ฮึก..ที่มันเริ่มแสดงอาการ.." อารมณ์ที่ช่างอ่อนไหวง่ายนักในช่วงนี้มันทำให้เธอห้ามน้ำตาไม่ได้ และสิ่งดีๆที่เขาทำให้เธอนั้นก็เยอะมากกับการที่ไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ให้เธอได้เห็นหน้าและพูดคุยด้วยได้อีกนานแค่ไหนนั้นยิ่งเรียกร้องน้ำตา
"เธอรู้." บดินทร์งงจริง ตัวเขาเองยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกับไอ้อาการแปลกๆนี่
"ค่ะ รู้แล้วว่า พี่เป็นมะเร็งหัวใจระยะสุดท้าย..ฮึก.."
"อะไรนะ! ใครบอกเธอ โอย..คุณแม่พี่ใช่ไหม.." บดินทร์ถึงกับครวญก่อนจะรวบแขนสองข้างของน่านฟ้าให้ใบหน้างามเงยแหงนเพื่อบังคับให้สบตาเขาและตอบคำถาม
"...ที่ฟ้ามาเพราะฟ้ารักพี่นะคะ ฮึก.." น่านฟ้าไม่ยอมตอบคำถามแต่ประสานสายตาแน่วแน่และเอ่ยคำที่มีอยู่ในใจมาเนิ่นนานต่อเขาแทน
และ...
'รักเหรอ'
น่านฟ้าบอกว่าที่มาเพราะ รัก เขางั้นเหรอ เพียงคำเดียวที่เขาปารถนาเหลือเกินที่จะได้ยินจากปากของเธอ
หลังจากที่มีแต่เขาที่เคยเป็นฝ่ายเผยต่อเธอทั้งจากการกระทำและด้วยวาจา และเมื่อเธอทำเหมือนไม่รับไม่รู้และร้ายสุดคือไม่แคร์เขาเลยสักนิดเขาจึงโต้คืนด้วยการแสร้งทำให้เธอเห็นว่าเขาถอนทุกความรู้สึกที่เรียกว่ารักว่าใคร่คืนกลับมาทั้งหมด แต่เปล่าเลย นั่นมันไม่เป็นจริงเลยสักนิด
"โธ่..." บดินทร์จ้องเข้าไปในดวงตางามลึกลงไปข้างในหยั่งลึกลงไปให้ถึงก้นบึ้งแห่งหัวใจดวงน้อย เขาพึมพำแล้วก็ดึงน่านฟ้าเข้ากอดแนบชิดทั้งเวียนจุมพิตทั่วนวลหน้าจรดหน้าผากมน
เขาเชื่อดวงตางามซึ้งใสซื่อที่หยาดน้ำตายังคงเอ่อคลอนั่นเอื้อนเอ่ยยืนยันแทนริมฝีปากบางที่สั่นอย่างพยายามจะกั้นสะอื้น น่านฟ้ารักเขาจริงๆ มิน่าเล่าคงคิดว่ากำลังจะสูญเสียถึงได้ยอมโอนอ่อนมันซะทุกเรื่องทำเอาเขาเข้าใจผิดไปว่าเป็นเพราะได้รับค่าจ้างจากคุณแม่มาแพง ซึ่ง เขาอาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ คุณแม่นะคุณแม่ช่างหาเรื่องปวดขมับมาให้เขาซ้ำซ้อนซะจริง ก็เขาไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรงนั่นเลยสักนิดจะมีก็แต่อาการบ้าๆบอๆคลื่นเหียนอาเจียนเพราะเหม็นกลิ่นน้ำหอมกลิ่นอาหารนั่นนี่อยู่เนี่ยแหละ
"พี่ไม่ได้เป็นอะไร.หวัะ.." บอกยังไม่ทันจบเขาต้องวกกลับเข้าหาอ่างล้างหน้าอีก เพราะเหมือนว่ามันยังขยอกขย่อนได้ไม่หนำ
"ยังไงก็ไปตรวจเถอะนะคะ ตรวจพร้อมกับฟ้า" น่านฟ้าไม่เชื่อก็เห็นอยู่ว่าเขาแย่ลง
"พร้อมฟ้า ทำไม" บดินทร์ไม่ห่วงอาการของตัวเองเพราะรู้ต้นตอของโรคร้ายแล้ว แต่ประโยคที่ตามติดมาของน่านฟ้าต่างหาก
"ก็ชุดทดสอบบอกว่าฟ้าท้อง" น่านฟ้าป้ายน้ำตาทิ้งก่อนจะบอกเรื่องสำคัญเรื่องที่สองด้วยรอยยิ้มที่มันยังเปื้อนน้ำตา
"ท้อง! ฟ้าท้อง" บดินทร์ถึงกับอึ้ง นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมเขา.เมื่อกี้เขาเพิ่งได้ยินว่าเธอก็รักเขา และเขากำลังจะมีลูก กับผู้หญิงที่เขารัก ทั้งรักทั้งปารถนาอย่างมากมายอย่างไม่เคยมีหรือรู้สึกกับหญิงใดไหนอื่นได้เท่า แม้กระทั่งกับรสนาที่เคยคิดว่านั่นคือความรักแต่แท้จริงแล้วมันไม่เคยใช่ คุณแม่ไม่ได้หลอกเขาน่านฟ้าไม่ได้ถูกจ้าง แต่หล่อนต่างหากที่ถูกหลอกมาให้เขา...ใช่ไหม!
"สงสัยว่าจะท้องค่ะฟ้ายังไม่ได้ไปตรวจที่."
‘น่านฟ้าท้อง..’
บดินทร์กระพริบตาปริบๆและเหมือนนึกอะไรขึ้นได้เขาจับตัวน่านฟ้าผละห่างอย่างต้องการสำรวจให้ทั่ว
"ฟ้า นอกจากชุดทดสอบจะบอกว่าท้อง แล้ว อาการอย่างอื่นล่ะ"
"อาการอะไรคะ"
"หน้ามืด คลื่นใส้ อาเจียน" เหล่านี้คือสิ่งที่เขาเป็น
"..." น่านฟ้าส่ายหน้า
"..เหม็นกลิ่นน้ำหอมฉุน กลิ่นอาหารเอียนๆ อยากกินแต่ผลไม้เปรี้ยวๆ" นี่ก็ด้วย
"ไม่ค่ะ"
และทั้งหมดนั่นมันคือ.ชัดเจนเลย ถ้างั้นก็แทบจะไม่จำเป็นต้องไปให้มดหมอที่ไหนตรวจแล้วหล่ะ ก็ต้นตอของอาการแปลกๆที่แท้จริงตัวเป็นๆมานั่งอยู่ตรงหน้าเขาเนี่ย
สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นก็ไม่เท่ากับเป็นมันซะเองเลย
เขาแพ้ท้องแทนเมีย...
เขาว่า ผู้ชายถ้าไม่รักมากพอก็คงไม่มานั่งแพ้ท้องแทน...
....................
"คงเพราะเพลียหรือเครียดเนื่องจากการทำงานหรืออะไรมากไป พักผ่อนเพียงพอก็จะดีขึ้น คงไม่ใช่เพราะแพ้กระมัง" คุณหมอมองไปมาที่คู่สามีภรรยาและพูดยิ้มๆ
"ขอบคุณมากครับคุณหมอ"
น่านฟ้ายกมือไหว้นายแพทย์อาวุโสและก้าวตามสามีออกจากห้องตรวจ
"เห็นไหมล่ะ พี่บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรๆ"
"มาตรวจก็ดีแล้วนี่คะ แต่ว่า.."
"พี่ต้องอดอาหารเป็นวันเพื่อตรวจตามโปรแกรมพิเศษ"
"แต่ว่าทำไม..." น่านฟ้ายังคงพึมพำคำเดิมคล้ายไม่ได้ยินคำบ่นของบดินทร์
"แล้วตอนนี้พี่ก็หิวแล้ว มากด้วย จนจะกินช้างได้ทั้งตัว"
"หิวแล้วหรือคะ" น่านฟ้าหลุดออกมาจากโลกแห่งความงงก็ตอนได้ยินคำบ่นว่าหิว
"แถวบ้านฟ้ามีอะไรที่มันแซบๆรสจัดๆบ้างมั้ย"
"มีค่ะ ลาภยโส"
"ไปทานกัน เสร็จแล้วก็ พี่อยากกินกาแฟด้วย ต้องฟ้าชงให้พี่เองด้วยนะ" บดินทร์เรียกร้องเอาตามที่ใจตัวเองนึกอยากทั้งที่ปกติก็ไม่เคยจะเป็นอะไรแบบนี้ สงสัยที่คุณหมอบอกว่าไม่เกี่ยวกับแพ้ท้องแทนเมียนั้นคงจะจริง จริงมากเลยละ มั้ง!! หึๆๆ
.......................
"ตกลงจะสอนมั้ยเนี่ยถ้าไม่จะได้ไปทำเห็ดหรือไม่ก็กลับหอชั้น"
การจลาจลเล็กๆเกิดขึ้นที่เคาเตอร์กาแฟ ซึ่งตอนแรกธีรนัยก็ทำยืนเฉยกับคำสั่งฝากของพี่ชายแต่พอคำท้ายของเฟิร์นที่บอกว่าจะกลับหอ ชายหนุ่มค่อนข้างมากขึ้นมานิดหนึ่งก็จึงหยุดที่กำลังเคาะกานชงกาแฟโป็กๆอยู่กับถังทิ้งกากและหันมาหาคนที่กำลังรอสบตาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์อยู่ เพราะยืนคอยพ่อเจ้าประคุณยักกะสายได้สักครู่แล้ว
"จริงๆแล้ว " จริงๆแล้วน่านฟ้าไม่ให้สอนสูตรกาแฟให้แก่คนนอก
ธีรนัยพูดขึ้นก่อนจะหยุดค้างและมองเฟิร์นเพื่อนสาวคนเดียวที่พี่ชายเขาพามาบ้านด้วยหางตาอย่างแอบประเมิน และสรุปในใจได้ว่าสอนยัยนี่ไปก็คงไม่มีปัญหาอะไร ดูท่าเจ้าหล่อนคงไม่คิดจะเอาดีทางด้านนี้จนถึงขั้นเปิดร้านแข่งแย่งอาชีพกันหรอก
"มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก อ่ะนี่เปิดสินี่สองนี่สาม"
"ไหนสองไหนสาม มันก็เหมือนกัน"
ธีรนัยเกาคออย่างเหมือนนึกคันขึ้นมาทันที
"เหมือนกันตรงไหนล่ะดูดีๆสิ ขนาดก็ไม่ใช่แล้ว"
"เออ จริงด้วยแฮะ แล้วไงต่อ"
"สวัสดีครับ ชะ.ฟ้า!"
"..!!.."
"คือ..นี่ เฟิร์นเพื่อนกานต์เค้า"
"สวัสดีคะ"
"โกโก้กับชาเขียวของเรากะกานต์ได้ยัง"
"..???.." น่านฟ้างงซ้ำสอง หล่อนจำได้ว่าแค่สามวันเองนะที่วุ่นวายอยู่กับอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของสามีและไม่ได้กลับมาบ้าน แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ผู้หญิงหนึ่งคนในเคาเตอร์กับอีกหนึ่งที่เดินออกมาจากด้านในส่วนที่ไม่อนุญาตให้ลูกค้าผ่านเข้าไป
"ฝ้าย นี่ฟ้าพี่สาวเรา"
"ดีฮะพี่ฟ้า"
น่านฟ้ายกมือรับไหว้อย่างยังคงงงๆอีกครั้ง แล้วสายตาของพี่สาวจึงวกกลับไปที่ธีรนัย
"ฝ้ายเป็นเพื่อนนัยเอง ฝ้ายเดี๋ยวเราเอาเข้าไปให้นะ"
"เฟิร์นขอเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ" เฟิร์นปลีกตัวอย่างรู้งาน
ประกอบกับคนที่อยากกินกาแฟจริงๆคงยังหาที่จอดรถไม่ได้ จึงเป็นโอกาสให้พี่น้องได้เคลียร์กัน
"คือ.จะบอกฟ้าก่อน แต่ติดต่อไม่ได้" น่านฟ้าแค่เลิกคิ้ว ธีรนัยก็เริ่มเข้าประเด็น
"ฝ้ายกับเฟิร์นเพิ่งมาเมื่อวาน "
"เมื่อวาน? หมายความว่าค้าง ห้อง." อย่าบอกนะว่าเธอไม่อยู่แค่ไม่เท่าไหร่ สองคนนี่จับกันคนละคู่
"ห้องฟ้าไง ตะ.แต่ว่ากำชับแล้วนะว่าอย่าไปยุ่งของๆฟ้า ยกเว้น เสื้อผ้า ที่ ไม่มีติดตัวมาด้วย เพราะ รีบ"
อย่าไปยุ่งของๆฟ้า แล้วเสื้อผ้ามันของๆฉันด้วยไหมล่ะและ
"รีบ อะไร"
"คือว่าฝ้ายเค้ามีปัญหา กับพ่อเลี้ยง แม่ก็ไปเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพ่อเลี้ยง ฝ้ายก็เลยหนีออกจากบ้านมา นัยกลัวจะไปเจอะเจออันตรายซ้ำก็เลยชวนมาอยู่ที่นี่ แต่กานต์ว่ามันไม่เหมาะเลยขอให้เฟิร์นมาอยู่ด้วยเป็นเพื่อนกัน และเฟิร์นก็สนใจเห็ดแต่ทำไม่ได้เรื่องกานต์ก็เลยให้มาให้นัยสอนกาแฟ ส่วนฝ้ายถนัดกว่าก็เลยให้ไปช่วยกานต์แทน"
"เอ๊ะเดี๋วยนะ ฝ้ายเหรอ.." น่านฟ้าไม่ได้ติดใจเรื่องที่น้องสอนสูตรกาแฟแก่เพื่อน แต่ติดใจชื่อเพื่อนน้องที่มันฟังดูคุ้นๆ
"ใช่ฝ้าย ที่เคยเล่าให้ฟ้าฟัง ที่ฟ้าเคยแนะนำว่าให้คุยได้แต่ให้คบแบบเพื่อนๆกันก่อนไง คือนี่แหละ "
ใช่น้องเคยเปิดอกเปิดใจคุยกับเธอ หน้าตาก็น่ารักแต่บุคลิกออกจะทอมจริงๆ ถ้าในอนาคตสองคนนี่จะคบกันมันก็ ข้างนอกเป็นอย่างแต่ภายในต่างกระเดียดไปในทางตรงกันข้ามด้วยกันทั้งคู่ แบบนี้น่าจะลงตัวดีเหมือนกัน
"แล้วเฟิร์น อ้อ สนใจเรื่องเห็ดใช่มั้ย" สาวเฟิร์นนี่ ก็คงใช่ที่กานต์เคยเปรยๆให้เธอได้ฟัง
"ก่อนหน้านี้เฟิร์นก็เคยมาค้างที่นี่แล้วด้วยละ ตอนนั้นไปดูหนังกับเพื่อนๆแล้วบอกว่ากลับหอไม่ทัน" ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ก็บอกพี่สาวไปซะให้หมด
"แต่นัยดูแลให้แล้วนะ" ด้วยการนอนด้วยและผูกกระดิ่งที่ข้อเท้าไว้ด้วยกันกับพี่ชาย ทั้งขู่ว่าถ้าไม่ยอมจะฟ้องพี่สาวเดี๋ยวนั้น
ครั้งนี้กานต์ก็เลยช่วยดูแลตอบแทนด้วยการบอกให้ธีรนัยโทรไปขอร้องเฟิร์นให้มาอยู่เป็นเพื่อนฝ้าย ไม่อย่างนั้นจะให้ฝ้ายมาอยู่ด้วยไม่ได้ ธีรนัยจึงจำเป็นต้องง้อเฟิร์น
แต่ทั้งคู่ต่างก็สามัคคีคอยเป็นหูเป็นตาให้แก่ตัวเองโดยไม่ต้องนัดกันด้วยเหมือนกัน เพราะไม่ใช่จะไม่คิดระแวงระวังเอาเสียเลยในเรื่องที่ให้เฟิร์นพักอาศัยอยู่ในห้องเดียวกันกับฝ่าย ก็รู้ๆกันอยู่ ประมาณว่าตาอินกับตานาหาปลาเอามากินกัน สุดท้าย ปลากับปลาจะกินกันเองไปซะฉิบหรือเปล่า ทั้งหมดจึงอยู่กันในสภาพแอบจิกแอบทึ้งเป็นงูกินหางกันไป
จะว่าไปน่านฟ้ากลับรู้สึกดีจังกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านได้พอดิบพอดีพอดีกันกับข่าวสำคัญของเธอ ซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าสองพี่น้องจะรับได้ไหมกับการที่กำลังจะมีสถานะใหม่เพิ่มขึ้น ที่กำลังจะได้เป็นน้ากัน
"ฟ้า มาแล้ว"
"ก็เออสิ" อะไรกันเธอไม่ได้มาแค่สามวันทำอย่างกับเธอจากไปเป็นปี ดูจะตื่นเต้นกันทั้งพี่ทั้งน้อง อ้อคงจะเกี่ยวกับเรื่องหญิงๆของทั้งสอง
"เมื่อคืนโทรไปฟ้าไม่รับสาย" กานต์ยืนยันคำอธิบายของธีรนัยอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
"ตอนไหนล่ะ"
"สามสี่ทุ่ม"
"อ๋อ เออ..เอ่อ..ตอนนั้น.." น่านฟ้าหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาในขณะที่น้องๆไม่ทันได้สังเกตเห็นความผิดปกติ คงเป็นตอนที่โทรศัพท์เข้ามาขณะที่บดินทร์กำลังบอกรักด้วยภาษากายและเขาก็เลยคว้าโทรศัพท์มากดปิดเครื่องก่อนจะไปต่อจนครบถ้วนกระบวนคำบอกรัก
"ฟ้า สงสัย อาจจะกำลังอาบน้ำเลยไม่ได้ยิน" และเสตอบไปในแนวที่มันเทาๆ
"แล้วไอ้นัยมันบอกฟ้าเรื่องฝ้ายรึยัง"
"บอกแล้ว ทั้งเรื่องฝ้ายเรื่องเฟิร์น"
"นั่นแหละจะโทรไปบอกเรื่องนี้แหละ แต่ฟ้าไม่รับสายก็เลยตัดสินใจกันเอง ฟ้าจะว่าอะไรมั้ย" กานต์รีบออกตัวและกางอกยอมรับผิดถ้าพี่สาวจะว่าจะด่าในเรื่องนี้ เรื่องที่เขาสองคนพี่น้องพาผู้หญิงเข้าบ้านก่อนได้รับอนุญาต
"ก็ทำไปแล้วว่าไปจะมีประโยชน์อะไร และถ้าไม่ทำอะไรเสียหาย ก็ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างเค้าเดือดร้อนมาตัดสินใจช่วยแบบนี้ก็ดีแล้ว"
กานต์ในฐานะพี่ชายคนโตยิ้มออกที่พี่สาวไม่ว่าทั้งเรื่องที่พาผู้หญิงเข้าบ้านทั้งที่ไม่พาเข้าอย่างเดียวแถมยังไปยุ่งวุ่นวายห้องพี่สาวด้วย
"วันนี้รถทำไมเยอะจังฮะกานต์ ไม่มีที่จอด"
"ก็บ้านถัดไปสองสามหลังเค้ามีงาน ไม่บวชก็แต่ง ว่าจะถามฟ้าอยู่เหมือนกันว่าไปจอดที่ไหน"
"ยังไม่รู้เหมือนกัน"
"อ้าว ..อ้อ" และไม่ต้องอ้าวนาน
"ฟ้า กาแฟพี่ล่ะ"
เพราะคนนำรถไปจอดผลักประตูเข้ามาพอดี ที่พอโผล่หน้าเข้ามาได้ก็ทวงกาแฟทันทีก่อนจะรับไหว้สองคนพี่น้องซึ่งมองอย่างค่อนข้างแปลกใจที่เห็นทั้งคู่มาด้วยกันจากที่ผ่านมาพี่สาวมักจะบิ่นเดี่ยวเสมอ จนมีบ้างเหมือนกันที่แอบคิดมากและนึกเป็นห่วงพี่สาว
"ฟ้ารอจะชงให้ใหม่ๆค่ะ" จริงๆน่านฟ้าซักไซ้ไล่ประเด็นน้องๆจนลืมเลยต่างหาก ปากแก้ต่างและเอ่ยคำขอโทษต่อสามีอยู่ในใจส่วนมือก็รีบบรรจงชงและนำไปเสิร์ฟให้เขาถึงยังโรงเห็ดน้อยของน้องๆและเธอ
"ฟ้า! จริงเหรอ!" ทั้งธีรนัยและกานต์อุทานถามอย่างตื่นเต้นแทบจะพร้อมกัน
"อะไร"
"ทำไมไม่ยอมบอกว่านัยกับกานต์กำลังจะได้เป็นน้า! ถ้าคุณดินไม่บอก." เสียงถามของธีรนัยปนน้อยใจเล็กๆ
น่านฟ้าปลายหางตาไปยังสามีนิดหนึ่ง
"โทษที พี่นึกว่าฟ้าบอกแล้วเพราะมาถึงก่อนพี่ตั้งนาน"
ก็พอเข้าใจว่าเขาอยากจะหาเรื่องคุยเป็นการเอาหน้าเอาตากับน้องๆสร้างความคุ้นเคยและถือสนิทกันใหม่หลังจากทำมึนๆตึงๆกับทั้งเธอและน้องตั้งแต่เธอกลับไปแต่งงานกับเขา
"ฟ้าก็กำลังจะบอก ต้องบอกอยู่แล้วละ เพราะจะพาหลานมาให้น้าๆช่วยเลี้ยงเวลาฟ้ากลับบ้าน" พี่สาวแก้ไขความเข้าใจ และต่อด้วยประโยคที่แสดงว่าเธอไม่เคยที่จะไม่เห็นความสำคัญของน้อง
"จริงนะ" ธีรนัยถามย้ำ
"เออ รีบออกไปได้แล้ว เดี๋ยวลูกค้าเข้าไม่รู้เรื่อง"
"น้อยไปแล้วเฟิร์นต้องใส่ให้พูนนิดๆ" กานต์รีบบอกก่อนที่เฟิร์นจะส่งขี้เลื่อยผสมแล้วถุงนั้นต่อไปยังฝ้าย
บดินทร์มองภรรยากับน้องๆรวมไปถึงเพื่อนของน้องอย่างรู้สึกดีมากๆ คนไร้รากอย่างน่านฟ้าสามารถเป็นหัวขบวนจัดการกับชีวิตกำพร้าทั้งของตัวเองและน้องๆได้อย่างน่าทึ่ง เพราะแบบนี้ไงเพราะเธอแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยพบเคยคบและรู้จักมาเขาจึง สำหรับเธอแล้ว คำว่ารักยังน้อยไป อะไรที่คือที่สุดของความรักนั่น 'คือเธอ'
_________________________________
เช้ารุ่งขึ้นซึ่งยังคงเป็นวันหยุดอาการของบดินทร์ดีขึ้น
"ดินล่ะ" แต่ยังไม่ดีพอคุณนายลีลาวดีจึงพบเพียงน่านฟ้าที่มาป้วนเปี้ยน
"พี่ดินตื่นขึ้นมาอาเจียนตอนเช้ามืดแล้วก็นอนต่อค่ะ คงเพลียฟ้าเลยไม่อยากปลุก"
"งั้นเหรอ เป็นอะไรของเค้า เอ๊ะแหวนนั่น" พึมพำไปสายตาคุณแม่สามีก็บังเอิญไปตกต้องเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของลูกสะใภ้ ซึ่งมันไม่ใช่วงที่นางจัดหาให้แต่เป็นวงที่ลูกชายบอกว่าแค่เอามาไว้กำนัลสาวในคอนโทรล วงเดียวกันกับที่น่านฟ้าขว้างคืนใส่หน้าเจ้าของ
"พี่ดินบอกให้ใส่วงนี้แทนเพราะเล็กและแบบเรียบกว่า ส่วนอีกวงไว้ใส่ตอนออกงานค่ะ"
"อย่างนั้นรึ" เป็นอย่างที่นึกไว้ไม่มีผิด เจ้าลูกชายไม่ได้เที่ยวจัดซื้อจัดหาแหวนเพชรราคาแพงๆไว้หว่านไถไปดะ
"แล้วนี่ทานข้าวทานปลากันหรือยัง ป่วยแบบนั้นกินอะไรได้มั่งนะ เป็นอะไรมากรึเปล่า แล้วไปหาหมอหรือยังเนี่ย" คุณนายเหมือนบ่นกับตัวเองมากกว่าทั้งทำท่าเหมือนจะไปจัดการทั้งหมด
"พี่ดินทานข้าวแล้วทานยาแล้วรวมทั้ง ไปหาหมอและตรวจร่างกายอย่างละเอียดมาแล้วด้วยค่ะ"
"เหรอ แล้วตกลงว่าเป็นอะไรล่ะ"
"หมอบอกอาจแค่เครียดจากงาน อย่างอื่นไม่ได้เป็นอะไรเลยแม้กระทั่ง มะเร็งในหัวใจระยะสุดท้าย." น่านฟ้าพูดแล้วก็หยุดรอ..รอดูท่าทีของคุณแม่สามี ซึ่ง..
เมื่อสองสามเดือนก่อน...
ขณะที่ลูกค้าคนสุดท้ายกำลังลุกออกจากโต๊ะ ใครคนหนึ่งที่เธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเป็นลูกค้าของเธอก็ก้าวเข้ามาซึ่งทำเธออึ้งและไม่ได้เอ่ยเชื้อเชิญอย่างเช่นที่ปฏิบัติกับลูกค้าทุกราย
เธอตั้งสติได้ในนาทีถัดมา
"ถ้าเกี่ยวกับคุณดิน เขาไม่ได้มาที่นี่อีกหรอกค่ะ ตั้งแต่ครั้งนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย เชิญคุณท่านไป.." น่านฟ้าเสิร์ฟเครื่องดื่มซึ่งเลือกเป็นชาร้อนแก่คุณนายลีลาวดีตามมารยาทก่อนจะเอ่ยอย่างเดาทาง
"เกี่ยวกับดินน่ะใช่ แต่ไม่ได้มาตาม เพราะรู้ว่าคงจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว เป็นหนักขนาดนั้น"
"...." หญิงสาวถึงกับชะงักงันกับท้ายประโยคของคุณนายแม่อดีตสามีลับของเธอ 'เป็นหนัก!' บดินทร์เป็นอะไร
"ฉันแค่จะมาบอก และมาถาม ด้วย"
"อะ.อะไรคะ"
"ดินเป็นมะเร็งหัวใจระยะสุดท้าย"
"คะ! อะไรนะคะ! คุณดินเป็น.มะ.มะเร็งหัวใจ" หัวใจของน่านฟ้ากระตุกวูบ จากเป็นให้เขาไปมีใหม่ให้เธอหัวใจสลายครั้งแล้วครั้งอีกยังดีกว่าแบบนี้ แบบที่จะไม่มีเขาอยู่บนโลกใบเดียวกัน เธอรักเขาถึงตอนนี้ก็ยังรัก น่านฟ้าขบกรามแน่นพยายามกลืนก้อนสะอื้นและหยาดน้ำตากลับลงไป
"ใช่ อย่างที่ได้ยินน่ะแหละ ที่จะถามก็คือเมื่อเป็นแบบนี้ ยังจะรับได้มั้ยที่จะแต่งงาน เป็นเจ้าสาวให้คนไข้อาการหนักแบบนั้น"
"คุณท่าน.."
"ถ้าเธอจะรับได้กับคนไข้หนักที่อารมณ์แปรปรวนประชดประชันและเอาแต่ใจตัวเองอย่างมากถึงมากที่สุด ฉันก็..จะจัดการให้ ฉันไม่รู้ว่าสิ่งสุดท้ายที่ลูกต้องการคืออะไร อาจเป็นเธอ ว่าไงล่ะ"
น่านฟ้าประสานสายตาที่สงบนิ่งเหลือเกินราวกับปลงได้แล้วของคุณนายลีลาวดี
"ดิฉัน...ตกลงค่ะ" ไม่มีข้อแม้ตั้งแต่แรกแล้วสำหรับเธอ จะมีก็แต่อยากขอบคุณคุณนายลีลาวดีอย่างที่สุดที่เป็นผู้เดินเข้ามามอบโอกาสสุดท้ายนี้แก่เธอ...
สรุปแล้วคุณนายลีลาวดีทำให้เธอมีความสุขปนความทุกใจใหญ่หลวงมาร่วมสองเดือน.
"ทำไมคะ" เธออยากรู้ให้มันจะแจ้งกันไปถึงเหตุผล เผื่อมีอะไรซับซ้อนมากไปกว่านี้เธอจะได้ตั้งหลักได้ทัน
"ป่วยสิเป็นสิ คนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมรู้ดีว่าลูกป่วยหรือไม่ป่วย และพอรู้ว่าป่วยก็ต้องหาอะไรก็ตามที่คิดว่าจะช่วยลูกไว้ได้ทันก่อนที่ ทุกอย่างจะสายเกิน..."
"คุณท่านยอมแม้กระทั่งเป็นฟ้าผู้หญิงที่ไม่มีอะไรคู่ควรเป็นแค่เด็กสลัมซ้ำเป็นผู้หญิงที่คุณท่านคิดว่าจะมาเพราะคิดปอกลอกหวังในทรัพย์สมบัติ.."
"สลัมนั้นใช้กับชีวิตที่หาค่าไม่ได้และเธอพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าห่างไกลจากคำนั้น และคงไม่มีผู้หญิงที่คิดปอกลอกและหวังสมบัติคนไหนขว้างทั้งเงินทั้งแหวนเพชรเรือนล้านกระแทกหน้าคืนคนให้เพียงเพราะคำว่าศักดิ์ศรีหรอกนะ น่านฟ้า ฉันมันก็แค่คนแก่คนหนึ่งที่บางคราวหูตามันอาจจะฝ้าฟางไปบ้างน่ะนะ อย่าได้คิดถือสาเลยนะ ได้มั้ย"
"หนู. ฟ้าไม่เคยคิด.ตำหนิอะไรคุณท่าน ถึงฟ้าจะไม่เคยเป็นแม่ไม่เคยมีแม่ไม่รู้จักไม่เข้าใจความหมายของคำว่าแม่อย่างดีพอ แต่ฟ้าก็เข้าใจ และเจียมตัวเจียมใจตัวเองไว้เสมอๆอยู่แล้วค่ะ"
"มานี่สิ มาตรงนี้" คุณนายตบเบาๆที่โซฟาข้างตัวให้น่านฟ้าก้าวเข้าไปนั่ง
"...รู้จักมั้ย เข้าใจมั้ย..."
สัมผัสจากกอดอุ่นวาบแตะต้องเนื้อตัวส่งตรงถึงเนื้อใจ มัน...นุ่มนวลและอบอุ่นแบบนี้เองหรือ..
"แม่..." น่านฟ้าครวญคำวิเศษคำนั้นราวละเมอ
"แม่ อยากได้ยิน อยากให้เรียกด้วยคำนี้มานานแล้ว..."
น่านฟ้าเอื้อมอ้อมแขนค่อยๆกอดตอบอย่างไม่ค่อยกล้าในตอนแรก
"น่านฟ้า ลูกเป็นคนดี ดีพร้อมทุกอย่าง สำหรับที่จะเป็นคนสำคัญ ของทุกคน ทุกคนที่สัมผัสหนูอย่างลึกซึ้ง..."
บดินทร์ที่แอบดูและแอบฟังผ่านกล้องเล็กจิ๋วแต่คุณภาพไม่จิ๋วตามขนาดของกล้องบนนิ้วนางข้างซ้ายของน่านฟ้าก็ถึงกับยกแขนเสื้อขึ้นมาปาดน้ำตาที่มันซึมออกจากหน่วยตาอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวเตรียมใจสำหรับภาพและบทสนทนาที่ลึกซึ้งกินใจอย่างนี้ ซึ่งที่เขาคะยั้นคะยอให้น่านฟ้าสวมแหวนวงเดิมที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษและเคยให้แต่หล่อนนำมาปาคืนใส่หน้าเขา ก็แค่อยากรู้ให้แน่ชัดถึงสาเหตุการกลับมาของเธอ
น่านฟ้าทำได้ ฝ่าฟันทุกสิ่งด้วยตัวตนของเธอ ด้วยการยืนยันของเขา จนแม่เขาต้องหันกลับไปมองน่านฟ้าอย่างละเอียดและลึกซึ้งอีกครั้ง
และแม่บอกว่ารู้ว่าเขาป่วยหนัก
"มะเร็งในหัวใจระยะสุดท้าย หึๆๆ.." ซึ่งมันก็ใช่จริงๆเสียด้วยน่ะนะ ฮ่ะๆๆ
_________________________
น่านฟ้าเดินกลับมาที่บ้านบดินทร์ซึ่งสุดท้ายคุณแม่ลีลาวดีก็ไม่สามารถกักตัวคุณลูกสะใภ้ไว้บนหอคอยงาช้างตามคำบรรหยัดของคุณลูกชายได้อีกต่อไป
'พี่ดินป่วย ฟ้าขอไปดูแลอยู่ที่บ้านนู้นนะคะ'
'ไปเถอะ ตอนแรกที่แม่ห้ามไว้ก็เพราะกลัวเราจะถูกระราน แต่ถึงตอนนี้ก็. ก็แล้วแต่ ตามใจ'
"พี่ดินคะ ทานข้าวต้มค่ะ ลุกขึ้นไหวมั้ย" น่านฟ้าเสิร์ฟถาดข้าวต้มพร้อมเครื่องดื่มร้อนไว้ถึงในห้องนอน
บดินทร์ยังคงนอนแบบบนเตียงเหมือนเดิมก่อนที่น่านฟ้าจะออกจากบ้านเพื่อไปจัดเตรียมอาหารและซักไซ้ไล่หาเหตุผลจากมารดาเขา
"พี่ดินคะ" น่านฟ้าสาวเท้าเข้าไปหาคนตัวโตที่ยังคงนอนหันหลังนิ่งปากก็เรียกปลุกคนที่เธอคิดว่ายังคงหลับ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงเอื้อมมือไปจะแตะหน้าผากเขา
"พี่ดิน! เอ๊ะ!" แต่ข้อมือเล็กกลับถูกรวบดึงจนกายที่ยังคงบางล่วงไปนอนเคียงข้าง
"ไปนานจัง พี่กำลังมีอาการแพ้อยู่นะ"
"ฟ้าจัดอาหารมาให้แล้วนั่นไงคะ ลุกขึ้นไปทานสิคะจะได้ทานยา พี่ดิน! อย่า." น่านฟ้าร้องห้ามเมื่อฝ่ามือใหญ่ที่สอดเข้าลูบหลังไหล่เธอเล่นอยู่ๆก็เลื่อนมาจะปลดตะขอบรา
"ก็พี่กำลังจะแก้อาการแพ้อยู่นี่ไง ตามใจพี่หน่อยสิ คุณแม่ก็ย้ำแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ป่วยหนัก..." คนที่บอกว่าตัวเองป่วยเอาแต่ใจตัวเองจนได้ ปลดแล้วเลื่อนสิ่งกรีดขวางพ้นทางมือที่จัดการย้ายมาเกะกะระรานยอดพุ่มตุ้มทรวงนุ่มด้านหน้า
"พี่ดิน...ยังไม่ได้ทานข้าวและ เมื่อเช้าก็เพิ่งจะ.. เอ๊ะ พี่ดิน รู้ได้ไงว่าคุณแม่ย้ำ ตามไปแอบฟังรึคะ.." ท้ายประโยคของเขามันฟังคุ้นเพราะเพิ่งจะผ่านหูเธอเมื่อครู่ พยายามโก่งตัวถามทั้งยังอยู่ในอ้อมแขนแมน ขืนตามใจเดี๋ยวไม่ได้ความ
"..." งานเข้าบดินทร์ละทีนี้หลุดให้น่านฟ้าจับสังเกตจนได้
"เดี๋ยวสิคะ.ว่าไงคะ อึม.." ร่างที่ยังบางถูกพลิกให้ไปอยู่ข้างใต้กายหนาปากสวยที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยถูกปิดกั้นด้วยจูบแสนหวาน และทนสานสบสายตาที่ทอแววแสงแห่งรักและปรารถนาได้เพียงเสี้ยววินาทีก็ต้องปรือเปลือกตาบางลงตอบรับอารมณ์ไคร่ไฟรักที่มาเยือน
"ไว้ทีหลังนะครับ...ตอนนี้พี่แพ้จนแทบคลั่ง..." บดินทร์กระซิบขณะย้ายจูบผะผ่าวลงฝังที่ซอกคอต่อลงมาไต่เนินทรวงสู่ปลายยอดครอบครองแสดงความเป็นเจ้าของทุกส่วนทุกพื้นที่ทุกอนูเนื้อนาง
"พี่ดิน..พอ.ไม่ๆ...ฮือ.." เสียงครางกระซิบกระท่อนกระแท่นแทบไม่เป็นคำหลุดมาเมื่อเจ้าตัวมิอาจต้านทานความส้านเสียวสุดท้ายที่เดินทางมาถึงได้ กายบางเกร็งสะท้านมือไม้จิกทึ้งพยายามดึงเขาขึ้นมาเพื่อบอกด้วยอากัปกิริยาว่าเธอพร้อมและอยากได้รับมันอีก
บดินทร์สนองตอบรีบสวมสอดเข้าหาเพื่อปะติดปะต่ออารมณ์หวามบาดแหลมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมิให้สะดุด เขาชอบที่น่านฟ้าพยายามโอบกอดจิกทึ้งหลังไหล่กว้างหนาของเขา สอดรุกสอดรับตามใจเขาอย่างถึงๆส่งให้เขาถึงฝั่งฝันทั้งที่พยายามถ่วงหน่วงห้วงหฤหรรษ์ให้ยาวนานแต่ท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทานปล่อยสายน้ำแห่งความสุดสุขสมสู่กายเธอจนหมดจนสิ้นฤทธิ์ฟุบเบียดแบ่งพื้นที่บนหมอนใบเดียวกันกับเธอ
นี่แหละจูบลบความทรงจำๆที่จะถามคำถามไร้สาระ ก็เขาแอบส่องเมียตัวเอง เมียที่เขาหลงใหลคลั่งไคล้เจียนคลั่งแล้วมันผิดตรงไหน แล้ว จนกว่าเขาจะพอใจเขาก็จะบอก ยิ่งเขาได้เห็นเธอตลอดเวลานั่นนิยามได้ว่าเธอรักและยอมให้เขาแสดงความเป็นเจ้าของต่อทุกสายตาสารารณชนผ่านนิ้วน้อยของเธอ เป็นวิธีการที่แยบยลและคลาสสิกสุดๆว่าไหมล่ะ
"พี่ดินคะ"
"หืม.."
"ลุกเถอะค่ะ"
"ตอนนี้เลยเหรอ..มันหายแพ้และมันยังลุก ไม่ไหว.."
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ" หน้าเขาที่ชะโงกเงื้อมขึ้นมาบอกเธอนั้นอย่างซื่อแต่แววตานั่นคนละเรื่อง คนอะไรในรอยหยักสมองมีแต่เรื่องพรรค์นั้น
"อ้าวเหรอ จะรีบไปไหนล่ะครับ อย่าบอกว่าบ้านกาแฟนะเพราะตอนนี้มีตั้งสี่คน" บดินทร์พลิกกายนอนเคียงข้างแต่ไม่วายคว้าตัวเธอมากอด
"ค่ะนั่นก็ใช่ยังไงฟ้าก็เป็นห่วง แต่ตอนนี้ที่น่าหห่วงกว่าคือพี่ดินควรลุกขึ้นทานข้าวนะคะ ยิ่งบอกว่าไม่สบาย" น่านฟ้าเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมบังทั้งความเย็นจากแอร์ทั้งจากสายตาคู่คมที่ลวนลามมาเป็นระยะๆ
"แต่ว่าตอนนี้พี่หายแพ้แล้ว ที่จริงพี่ก็ชักชอบเหมือนกันนะที่แพ้แปลกๆแบบนี้ นึกแล้วก็อยากจะแพ้อีก" ฝ่ามือหนาป้วนเปี้ยนยอดทรวงเป็นเชิงประกอบคำพูด
"พี่ดิน" น่านฟ้าหยุดมือเขา ขืนไม่ กลัวเขาจะแพ้ขึ้นมาอีกจริงๆ
"หึๆ ว่าแต่น้องชายฟ้านี่เก่งจริงๆหาผู้หญิงมาไว้ใช้งานได้เก่ง มาก ใช้งานของจริงเลยนะนั่นหึๆๆ"
"เขาบอกฟ้าแล้วค่ะว่าเขาแบ่งรายได้จ่ายเงินเป็นค่าจ้าง ไม่ได้ใช้ฟรี ไม่เหมือน"
"เหมือนอะไรเหมือนใครเหรอ.."
"ไม่รู้ค่ะ เอ๊ะพี่ดิน" น่านฟ้าเอ็ดเบาๆที่เขามาป่ายปัดอยู่ใต้ผ้าห่ม"
"ฟ้ารักพี่หรือครับ"
"รักสิคะ"
"แต่ไม่มากพอที่จะยอมอยู่ยอมฝ่าฟันไปกับพี่เมื่อตอนที่พี่ขอร้องฟ้าในตอนนั้น"
"รักมากพอสิคะ มากพอที่จะตัดใจถอยออกมาทั้งๆที่รักเพื่อให้คนที่เรารักมากที่สุดได้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ที่สุด ฟ้าไม่มีพ่อแม่ฟ้าไม่อยากให้คนที่ฟ้ารักต้องแตกหักและไม่เหลือใครเหมือนฟ้า"
มิน่าเธอจึงจากเขาไปแบบ เหมือนไม่รักกันไม่อาลัยอาวรณ์ไม่แคร์กันแบบนั้น เพราะถ้าเธอบอกถึงสิ่งที่อยู่ในใจ เขาคงไม่มีทางปล่อยเธอไปและระหว่างเขากับมารดาตลอดไปจนถึงบิดาอาจจะเป็นไปอย่างที่น่านฟ้าคิด
"แต่ฟ้าก็กำลังจะมีคนอื่นด้วยใช่มั้ยครับ" เขาอยากจะรู้ให้หมดว่าถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นซะก่อนหมายถึงระหว่างเขากับน่านฟ้า แล้วมันจะเป็นอย่างที่เขาเฝ้าคิดระแวงไหม
"นั่นคืองานคือธุระและเพื่อนล้วนๆค่ะ จริงๆแล้วฟ้าอยากจะมีใครสักคนไปแทนที่.เงาของพี่ในใจ เมื่อเห็นพี่ดินมีคนใหม่คนแล้วคนเล่าทั้งเป็นข่าวและไม่เป็นข่าวว่าจะแต่งกัน แต่มันบังคับใจตัวเองไม่ได้เลย เป็นพี่ดินต่างหากที่มีใหม่ไปเรื่อย"
"ก็เพราะพี่ทำตัวแบบนั้นไง มีใหม่ไปเรื่อยพี่ถึงได้ฟ้ากลับคืนมา เพราะคุณแม่อาจจะเดาแนวโน้มได้ว่าต่อไปที่พี่จะคว้ามาควงอาจเป็นสาวประเภทสองหรืออื่นๆที่มันเริ่มจะรับไม่ได้มากขึ้น ทำไงได้ในเมื่อเมียก็ไม่แคร์แม่ก็ไม่สนใจความรู้สึกของพี่... ฟ้า.บอกว่ารักพี่ไม่อยากถามพี่กลับบ้างหรือครับ"
"ไม่ค่ะ"
"ทำไมล่ะครับ"
"ฟ้าพอใจแค่ที่ฟ้าได้รับนี้แล้ว กับการที่ฟ้าได้อยู่กับพี่ดินคนที่ฟ้ารัก ถึงแม้จะเป็นความรู้สึกอื่นที่ไม่ใช่'รัก'ก็ยินดีและพร้อมจะอยู่เท่าที่พี่ดินจะให้ฟ้าอยู่ค่ะ"
"อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะ พี่รักฟ้า รัก จนแทบจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว" บดินทร์คว้าน่านฟ้ามากอดไว้ทั้งตัวแนบแน่นเขากลัวความคิดที่เจียมเนื้อเจียมตัวและพร้อมจะจากเขาไปได้ตลอดเวลาของหล่อนเหลือเกิน เขาทนไม่ได้ไม่ได้จริงๆที่จะเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งก่อนเขาแทบบ้าถ้ามีอีกครั้งเขาคงได้ตายสนิท บดินทร์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสวย หล่อนไม่รู้ตัวเลยว่าเขาหวงหล่อนแค่ไหน กระทั่งไม่อยากให้หล่อนคลาดสายตาเขาแม้เสี้ยวนาที
"..." คำว่ารักจากเขาที่ได้ยินอย่างชัดเจนทำเอาน่านฟ้าถึงกับอึ้งดีใจจนพูดไม่ออก
"ย้อนกลับไปพี่เริ่มรู้สึกกับฟ้า แปลก พิเศษกว่าคนอื่นๆตั้งแต่ที่พี่ได้พบฟ้าครั้งแรกแล้ว แล้วฟ้าล่ะครับ"
"พี่ดินอยากรู้จริงๆหรือคะ"
"อยากรู้สิครับ"
"ก็ครั้งแรกที่ฟ้าพบ ที่พี่ดินนั่งสัมภาษณ์งานฟ้า พี่ดินหล่อมากแต่อยู่สูงเหลือเกินสูงเกินเอื้อม ฟ้า'พบและคิดถึง'พี่ดินได้แต่เพียงในฝัน." น่านฟ้าอ้อมแอ้มสารภาพในตอนท้าย
"...จริง?..” บดินทร์อมยิ้มนึกย้อนถึงวันที่เขานั่งสัมภาษณ์แล้วน่านฟ้าไม่กล้าสบตา ตอบคำถามก็ตะกุกตะกักอย่างกับคนติดอ่าง
“จริงสิคะ”
“แต่นั่นไม่ใช่ครั้งแรกหรอก ครั้งแรกคือในดงกกที่พี่ได้กกกอด..." รอยยิ้มขำนิดๆเจ้าเล่ห์น้อยๆผุดขึ้นที่ทั้งปากและในดวงตาคมแกร่ง ขณะเท้าความ "และได้เห็นหน้านางฟ้าที่ช่วยเหลือพี่ไว้ให้พ้นจากความตายชัดๆก็ที่โรงพยาบาลนั่นไงครับ ตั้งแต่ตอนนั้นดวงตาคู่นี้ที่สวยที่สุดเท่าที่พี่เคยพบที่ไม่เข้ากับใบหน้าที่เต็มไปด้วยสิวกระกระดำกระด่างเลยในตอนนั้น ก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลต่อพี่มากขึ้นและมากขึ้นจนกลายเป็น'รัก'โดยไม่รู้ตัว..."
'ดงกก...โรงพยาบาล...'
"พี่ดิน..." เป็นเขาเองหรือที่ทั้งศีรษะถูกผ้าพันแผลปิดเสียแทบมิดนอนแบบเป็นคนไข้หนักอยู่บนเตียง
"บอกได้มั้ยทำไมต้องทำหน้าตาให้มันเป็นแบบนั้นด้วย"
"ก็ ฟ้าเติบโตอยู่ในสลัม คนที่หน้าตาแค่พอใช้ได้ก็มักจะถูกชักชวนหรือไม่ก็ถูกล่อลวงไปเป็นผู้หญิงอย่างว่ากันหมด ฟ้าเห็นเพื่อนที่โรงเรียนเป็นสิวกันแล้วหน้าตาน่าเกลียดก็เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าถ้าไม่ทำแบบนั้นก็คงเอาตัวไม่รอดไม่ได้คิดว่าหน้าตาดีนักหนาแต่แค่คิดว่าปลอดภัยไว้ก่อน แต่ให้ยังไงก็ยังมีภัยมาถึงตัวจนได้ทีหลังก็เลยช่างมันแล้ว"
"ก็เลยแต่งได้เหมือนจนพี่เชื่อซะสนิท ถ้าไม่เกิดเรื่องที่ทำให้ฟ้าเข้าโรงพยาบาลและถูกเช็ดทำความสะอาดออกจนเกลี้ยง" เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาตลึงกับความงามปนเคืองเพราะเหมือนตัวเองถูกหลอก แต่น่านฟ้าอยู่ในอารมณ์ไม่สนใจต่อสิ่งใดนอกจากซึมเศร้าจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นนั่น เขาก็เลยไม่สามารถจะซ้ำเติมอะไรได้
"สิ่งที่ฟ้าคิดและทำเพื่อป้องกันตัวเองนั้นถูกต้องแล้ว เพราะความจริงที่พี่ไม่เคยพูดถึงและขอโทษฟ้าเลยก็คือ เหตุร้ายนั้นเกิดขึ้นเพราะพี่เป็นต้นเหตุ"
"อะไรนะคะ"
"เกี่ยวกับคอนโดราคาถูกที่พี่กำลังทำในตอนนั้น พวกมันรู้จักพี่ติดตามและทำร้ายคนใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องเพียงเพื่อหวังจะล้มโครงการ"
"ทำไมคะ"
"มันเป็นเรื่องการเสียผลประโยชน์ของคนที่อยู่เบื้องหลังพวกมัน เหตุผลหนึ่งที่พี่ไม่บอกฟ้าเพราะพี่ไม่อยากให้รู้เพื่อความปลอดภัยและกันฟ้าออกจากทุกเรื่องร้ายที่ยังมีตามมาอีกเยอะซึ่งสุดท้ายก็จบลงด้วยดี ดีเกินเพราะเกือบทำให้พี่เสียคนที่พี่รู้ตัวแน่ชัดว่า พี่รักและขาดเธอไม่ได้...ไปอย่างถาวร ที่คุณแม่ไปบอกกับฟ้าว่าพี่ป่วยแล้วให้ฟ้าเลือกตัดสินใจเองว่าจะกลับมาหาพี่ไหมนั้นไม่ผิดหรอก พี่ป่วยจริง ป่วยจิต พี่ไม่ขวางคุณแม่ที่จะไล่ฟ้าไปและฟ้าก็ยอมจากไปง่ายๆ...ไม่ขวางที่คุณแม่จะเที่ยวหาผู้หญิงมาให้คนแล้วคนเล่าแต่เลือกที่จะพังมันทั้งหมดทุกสิ่งและทำตามใจตัวเองทุกอย่าง และพี่อยากจะตัดฟ้าออกจากใจจริงๆยิ่งเห็นฟ้าไปกับชายอื่นยิ่งอยาก พี่จึงกลับไปหาฟ้าอีกครั้ง เพื่อคิดกับฟ้าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆให้ได้"
"ด้วยการไปเกะกะระรานฟ้าแล้วทิ้งเงินกับกล่องเครื่องประดับอะไรก็ไม่รู้ไว้ให้อย่างนั้นใช่ไหมคะ" คนอะไรนิสัยแย่จริงๆ
"ใช่ แต่กลับมาแล้วพี่ก็ยิ่งบ้าเพราะฟ้ายิ่งตามมาหลอน ตอนนั้นมันสะใจดีแท้ที่ทำให้ฟ้าเต้นและเอาทุกอย่างที่พี่ทิ้งไว้ให้กลับมาประเคนใส่หน้าพี่ได้ หึๆๆ" นึกแล้วก็ขำ น่านฟ้าโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่เกรงหน้าอินหน้าพรหม เห็นช้างตัวเท่ามดฮะๆๆ
'โรคจิตตัวจริงเสียงจริง ไม่ผิดอย่างที่ทั้งคุณแม่เขาและตัวเขาว่าตัวเองไว้เองเสียจริงๆเลยด้วย'
"โอ้ยยยยยย.."
น่านฟ้าใช้เล็บที่เพิ่งนึกขึ้นได้เดี๋ยวนี้ทันทีทันใดว่าลืมตัดขยุ้มและจิกไปเต็มแรงที่ทรวงด้านซ้ายตำแหน่งหัวใจที่คุณแม่เขากระทบกระเทียบเปรียบเปรยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย.ไปสุดแรงที่มีจนบดินทร์ร้องโอดโอยเสียงหลง
"พี่ดิน คนบ้า ที่สุดเลย" น่านฟ้าพยายามนับนิ้วบวกลบคูณหาร ใช่! ตั้งแต่ครั้งนั้นด้วยมั้งที่ทำเธอท้อง. ใช่แล้ว เขานี่มัน ที่สุดเลยจริงๆ!
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
จบแล้วจ้า....
.........................................................
คุณคิมหันตุ : คุณดินทําอะไรแปลกๆไปทําไมเนี้ยะ ● เขางอลลล อ่ะค่ะ
คุณlovemuay : แหมหมั่นไสคุณดิน ทําเปนเลนตัวอยูนั่นแหละ ● เนอะ^^
คุณปอยอะนะ : ฮา ● ตอนนี้ล่ะฮามั้ย^_^
คุณZephyr : เลนตัวนะคุณดิน ● หึหึ
ฟาหงอจังเลย อยากรูเหตุผลใจจะขาด ● รู้ยัง
คุณkonhin : สงสัยวาคุณแมจะไปหลอกวาดินกําลังจะตายหรือไมสบายแนๆ ● แม่นอย่างกะจับวาง^^
ผักหวาน : แหม คืนแตงงาน แตยังกลับไปฮาเร็มอีกนะคุณดิน สุดทายก็กระเสือกกระสนกลับมาหองหอจนไดนา ● แหงล่ะ ไม่งั้นได้ลงแดง ก็ของแสลงมาตั้งไว้ให้ซะขนาดน๊าน
ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกเม้นท์ทุกไลค์ทุกวิว…
ขอบคุณที่คิดถึงกันด้วยค่ะ...
ขอให้มีความสุขจากการอ่านมากๆเลยนะคะ...อ่านแล้ว ยามตื่นก็ขอให้มีความสุข ยามหลับก็ขอให้ฝันดีกันทุกคนเลยนะคะคุณผู้ชม.....
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ติชมกัน คุยกันได้นะคะ Am จะกลับมาตอบมาคุยกับทุกคนเลยค่ะ ^_________^
Amata
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ส.ค. 2558, 12:39:33 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ม.ค. 2559, 06:34:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 9763
Kim 4 ส.ค. 2558, 13:42:24 น.
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ ตอนจบคุณดินมาเคลียร์ทุกปัญหาคาใจให้นักอ่านหมดเลย
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ ตอนจบคุณดินมาเคลียร์ทุกปัญหาคาใจให้นักอ่านหมดเลย
Amata 4 ส.ค. 2558, 14:17:12 น.
ความหวังของนักแต่งทุกคนก็คือจะได้ยินคุณผู้ชมบอกว่านิยายเรา "สนุก" ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คุณKim
ความหวังของนักแต่งทุกคนก็คือจะได้ยินคุณผู้ชมบอกว่านิยายเรา "สนุก" ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คุณKim
lovemuay 4 ส.ค. 2558, 19:07:53 น.
ขอบคุณนะคะ กว่าจะเข้าใจกันได้ คู่นี้ก็เล่นตัวกันจริงเลย
อยากอ่านตอนพิเศษนะคะ ใส่เพิ่มไว้ในหนังสือก็ได้ อิอิ
ขอบคุณนะคะ กว่าจะเข้าใจกันได้ คู่นี้ก็เล่นตัวกันจริงเลย
อยากอ่านตอนพิเศษนะคะ ใส่เพิ่มไว้ในหนังสือก็ได้ อิอิ
konhin 4 ส.ค. 2558, 19:53:03 น.
จะน่ารักไปไหนเนี่ยยยยยย อ่านตอนจบไปอมยิ้มไปค่ะ นายดินก็ร้ายจริงๆ ดีนะที่รอบนี้ฟ้าทุ่มหมดตัวไม่หนีแล้ว
จะน่ารักไปไหนเนี่ยยยยยย อ่านตอนจบไปอมยิ้มไปค่ะ นายดินก็ร้ายจริงๆ ดีนะที่รอบนี้ฟ้าทุ่มหมดตัวไม่หนีแล้ว
Zephyr 4 ส.ค. 2558, 20:39:20 น.
ซ่อนเงื่อนจนสุดท้าย มะนส์มากค่ะ
ฟ้าเอาคืนเนอะๆเลยนะ
เจ้าเล่ห์เกินไปแล้วพี่ดิน
ซ่อนเงื่อนจนสุดท้าย มะนส์มากค่ะ
ฟ้าเอาคืนเนอะๆเลยนะ
เจ้าเล่ห์เกินไปแล้วพี่ดิน
คิมหันตุ์ 5 ส.ค. 2558, 00:53:31 น.
เจ้าแผนการเหมือนคุณแม่เลยยยย อิอิ
เจ้าแผนการเหมือนคุณแม่เลยยยย อิอิ
Pampam 5 ส.ค. 2558, 05:12:02 น.
พี่ดินโดนลูกเอาคืนแทนหนูฟ้าซะแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
พี่ดินโดนลูกเอาคืนแทนหนูฟ้าซะแล้ว ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ
napt 5 ส.ค. 2558, 07:48:41 น.
กระจ่างเลยค่ะ จบได้น่ารักมาก คุณแม่แผนนิ่งๆ แต่จับทางลูกชายอยู่หมัดเลย
กระจ่างเลยค่ะ จบได้น่ารักมาก คุณแม่แผนนิ่งๆ แต่จับทางลูกชายอยู่หมัดเลย
Amata 6 ส.ค. 2558, 01:25:11 น.
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เข้ามาเม้นท์เป็นกำลังใจให้คนแต่ง ต้องขอโทษทุกคนด้วยค่ะเพราะเป็นเรื่องที่แต่งได้ช้ามากๆ
ขอบคุณมากค่ะคุณLovemuayแล้วจะพยายามจัดให้ถ้าได้เป็นเล่มค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณKonhin คนแต่งก็แต่งไปอมยิ้มไปเหมือนกันค่ะ[อิอิ
ขอบคุณมากค่ะคุณZephyrที่ช่วยเป็นกำลังใจแทบทุกตอน ดีใจมากที่เห็นหลายคนอินกับเรื่องนี้
ขอบคุณมากค่ะคุณคิมหันต์ ผลัดกันน่ารักน่าหมั่นไส้ด้วยใช่มั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะคุณPampamโดนลูกเอาคืนแทนแม่แค่นี้ถือว่าจิ๊บๆเนอะ
ขอบคุณมากค่ะคุณnaptที่ติดตามมาจนจบ ขอบคุณสำหรับคำชมและความคิดเห็นค่ะ
ขอบคุณทุกคนมากๆเลยค่ะที่เข้ามาเม้นท์เป็นกำลังใจให้คนแต่ง ต้องขอโทษทุกคนด้วยค่ะเพราะเป็นเรื่องที่แต่งได้ช้ามากๆ
ขอบคุณมากค่ะคุณLovemuayแล้วจะพยายามจัดให้ถ้าได้เป็นเล่มค่ะ
ขอบคุณมากค่ะคุณKonhin คนแต่งก็แต่งไปอมยิ้มไปเหมือนกันค่ะ[อิอิ
ขอบคุณมากค่ะคุณZephyrที่ช่วยเป็นกำลังใจแทบทุกตอน ดีใจมากที่เห็นหลายคนอินกับเรื่องนี้
ขอบคุณมากค่ะคุณคิมหันต์ ผลัดกันน่ารักน่าหมั่นไส้ด้วยใช่มั้ยคะ
ขอบคุณมากค่ะคุณPampamโดนลูกเอาคืนแทนแม่แค่นี้ถือว่าจิ๊บๆเนอะ
ขอบคุณมากค่ะคุณnaptที่ติดตามมาจนจบ ขอบคุณสำหรับคำชมและความคิดเห็นค่ะ
ผักหวาน 7 ส.ค. 2558, 16:47:08 น.
ขอบคุณไรเตอร์ที่ขีดเขียนผลงานดีๆมาให้อ่านค่ะ
ขอบคุณไรเตอร์ที่ขีดเขียนผลงานดีๆมาให้อ่านค่ะ
Amata 10 ส.ค. 2558, 09:59:36 น.
ปลื้มมากและดีใจมากค่ะ ขอบคุณมากกกกกค่ะคุณผักหวาน
ปลื้มมากและดีใจมากค่ะ ขอบคุณมากกกกกค่ะคุณผักหวาน
แพม 10 ก.ย. 2558, 23:59:11 น.
ว้าว จบแล้ว ยังไม่หายหมั่นไส้คุณดินเลย นิสัยไม่ดี
ว้าว จบแล้ว ยังไม่หายหมั่นไส้คุณดินเลย นิสัยไม่ดี
Amata 12 ก.ย. 2558, 18:39:14 น.
ขอบคุณมากๆค่าคุณแพมที่ติดตามมาจนจบแถมคอมเม้นท์ซึ่งถือเป็นกำลังใจที่มีค่าอันใหญ่ยิ่ง ขอบคุณจริงๆค่ะ รอติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากๆค่าคุณแพมที่ติดตามมาจนจบแถมคอมเม้นท์ซึ่งถือเป็นกำลังใจที่มีค่าอันใหญ่ยิ่ง ขอบคุณจริงๆค่ะ รอติดตามผลงานเรื่องใหม่ด้วยนะคะ