ดวงจิตสื่อรัก

Tags: ไม่ใช่แนวตบจูบเป็นเรื่องที่แต่งจากประสบการณ์เรื่องจิตวิญญาณ

ตอน: ตอนที่ 14

ตอนที่ 14
นิศาชลพยายามฝืนรวบรวมเรี่ยวแรงยกมือขึ้นปัดมือใหญ่ของปีเตอร์ออกไปให้พ้นตัว ขยับกายให้ชิด
ประตู มือจับประตูรถหวังจะเปิดออกไป คิดว่าตายเสียยังดีกว่าถูกปีเตอร์ย้ำยี แต่โชคร้ายประตูถูกก้องเกียรติ
ล็อคไว้ก่อน และเวลานี้เธอใกล้จะหมดแรงเต็มที
“ไอ้คนชั่ว เลวหาที่ติไม่....” เธอด่ายังไม่ทันจบก็ฟุบลงไปกับเบาะแล้วหมดสติไป

ปีเตอร์ได้ยินแล้วหัวเราะชอบใจ “คุณก้องเกียรติ เมียคุณด่าใคร หวังว่าคงไม่ใช่ผมนะ ผมไม่อยากเป็น
คนเลวในสายตาเธอเลยจริงๆ”
ก้องเกียรติแทบสะอึกกับคำพูดของคู่ค้า ถ้าไม่คิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจ อย่าหวังจะได้มาชูคอนั่งด่า
เขาทางอ้อม จึงจำยอมพูดเอาใจอีกฝ่าย
“ผู้หญิงก็แบบนี้แหละ ฤทธิ์มาก ดีนะที่สลบไป คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อย เห็นความจริงใจของผมหรือยัง”

“ผมซึ้งในความจริงใจของคุณจริงๆ แต่ผู้ช่วยคุณจะยอมยกพี่สาวให้ผมเชยชมเหรอ” ปีเตอร์ถามตรงๆ
เขาไม่ค่อยแน่ใจในตัวกุมภา ถึงอย่างไรก็พี่สาวแท้ๆ อาจทนไม่ได้แล้วลุกขึ้นมาเอาเรื่องเขาทีหลังจึงอยากเคลียร์
ทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนค่อยหาความสุขจากเหยื่อสาวตรงหน้า

“ไม่หรอกครับ ผมอยากให้พี่วิวมีคนคุ้มครอง และคุณปีเตอร์ก็เหมาะสมที่สุด แรกๆพี่วิวอาจโกรธ
เกลียดผม ต่อไปจะเข้าใจความหวังดีของผม” คำตอบของกุมภาทำให้ปีเตอร์แทบสะอึกในความเลวร้าย
กุมภาพูดเหมือนหวังดีกับพี่สาวเสียเต็มประดา ที่แท้ก็อยากผลักใสไปให้พ้นตัว สองคนนี้ช่างเหมาะสมกันจริง
ถึงอย่างไรก็ขอบใจที่ทำให้เขาได้เหยื่อสาวอันโอชะมาเชยชม จะฟัดให้หายอยาก ถ้าทำตัวดีๆอาจเลี้ยงดูให้สบาย
ถ้ายังฤทธิ์มากจะส่งคืนสามีตามกฎหมาย

“พวกคุณช่างดีกับผมจริงๆ ถ้างั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะ คุณวิว สวยน่ารักจนอดใจไม่ไหว” เสียงพล่าบอก
พลางยื่นมือหนาไปปัดปอยผมออกจากใบหน้าเนียนสวย นิ้วไล้แก้มบางใสเบาๆ ก่อนขยับตัวไปใกล้เพื่อจะพลิก
ร่างงามที่หมดสติให้หงายขึ้น แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้แก้มเนียนนุ่มหวังจะสัมผัสความหอมละมุน ขณะที่จวนเจียน
จะสัมผัสถูกแก้มเนียนอยู่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นติดๆกันจนชวนหงุดหงิด

“ใครว่ะ บังอาจมาขัดความสุขกู” ปีเตอร์เผลอสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนขยับกายห่างร่างไร้สติ
แล้วหยิบโทรศัพท์มา ต่อมาก็ก็แปรเปลี่ยนเป็นเครียดทันทีเมื่อได้ยินเสียงคนบังอาจ

“ที่รักคะ คุณอยู่ไหน มาช่วยฉันด้วย รถที่ฉันนั่งมาพัทยาถูกชน ไปต่อไม่ได้ เห็นคนขับบอกว่าอยู่ใกล้
ปากทางเข้าสวนเสือศรีราชา ช่วยมารับฉันด้วย ฉันไม่อยากรอนาน รีบๆมานะ “

“เกิดอะไรขึ้นครับคุณปีเตอร์” กุมภาถามขึ้น

“จะเกิดอะไรล่ะ เมียฉันนะสิ ดันมาเมืองไทย นึกอยากเที่ยวพัทยา เช่ารถโรงแรมมา รถเกิดอุบัติเหตุ
อยู่ใกล้ปากทางเข้าสวนเสือศรีราชา บอกให้รับไปด้วย มารความสุขจริงๆ” ปีเตอร์บอกเสียงเครียด

“แล้วคุณปีเตอร์จะแวะรับไหมครับ นี่ก็ใกล้ถึงแล้ว” กุมภาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเอาอย่างไร พลางคิดว่า
พี่สาวช่างโชคดีแท้ วางแผนกันมาอย่างดียังรอดได้ แต่คงรอดได้ไม่นานหรอก ในความรู้สึกของเขานิศาชลไม่ได้
มีความหมายใดๆ ไม่เคยคิดว่าเป็นพี่ด้วยซ้ำ ในชีวิตเขาแคร์แค่คนเดียวคือก้องเกียรติ อะไรที่ทำเพื่อคนที่เขารักได้
ก็จะทำ

“ถามโง่ๆ ก็ต้องรับสิ โน่นเห็นแล้ว ยืนรออยู่” ปีเตอร์พูดเกือบตวาดด้วยฉุนขาด
“ได้ครับ ผมบอกแล้วผมตามใจคุณปีเตอร์เสมอ ดีเหมือนกันถือโอกาสรู้จักมาดามชานเสียเลย” กุมภา
เอาใจคู่ค้าคนสำคัญของก้องเกียรติทว่าในใจกลับนึกสมน้ำหน้า อุตส่าห์ช่วยยังชวดอีก นายคนนี้ซวยจริงๆ

ทันทีที่มาดามชานเดินมาที่รถสายตาคู่สวยก็เหลือบไปมองร่างไม่ได้สติของนิศาชลก่อนหันไปมองหน้า
สามีด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนพาตัวเข้าไปนั่งตรงกลางโดยไม่พูดอะไรสักคำ ขณะที่ปีเตอร์นั่งนิ่งไม่กล้าแม้แต่จะ
เหลือบตามองนิศาชลด้วยซ้ำ เวลาผ่านไปครู่หนึ่งมาดามชานจึงถามขึ้น
“สาวสวยคนนี้ขี้เซาจังนะคะ หลับไม่รู้เรื่องเลย เป็นใครคะ”

“ภรรยาผมเองครับ มาดาม เธอเป็นแบบนี้เสมอครับ เวลาเดินทางไกลจะหลับเป็นตายไม่รู้เรื่องทุกที
อย่าแปลกใจเลยครับ” ก้องเกียรติช่วยแก้ตัวแทนปีเตอร์ เขาผิดสังเกตตั้งแต่เห็นปีเตอร์นั่งเงียบมาตลอดหลังจาก
รับภรรยาขึ้นรถแล้ว

“เหรอคะ ไม่น่าเชื่อจะเป็นไปได้ คือฉันอยากคุยกับเธอ ขออนุญาตปลุกให้ตื่นนะคะ“ มาดามชาน
พูดอย่างเกรงใจก็จริงแต่กลับทำให้คนฟังรู้สึกหวาดหวั่นไปตามๆกันโดยเฉพาะปีเตอร์ ที่รู้ว่าภรรยาตัวเองร้าย
แค่ไหนจึงได้แต่แอบสังเกตการกระทำของเธออย่างเงียบๆ

มาดามชานยื่นมือไปเขย่าตัวนิศาชลเบาๆ “คุณคะ ตื่นเถอะค่ะถึงแล้ว” นิศาชลยังไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัว พลันมาดามมชานก็ร้องอย่างตกใจ
“แย่แล้ว ตัวเย็นเฉียบ สงสัยจะไม่สบาย พวกคุณช่วยพาเธอไปหาหมอเถอะค่ะ ภรรยาคุณไม่สบาย
ทำไมคุณยังให้มาเที่ยวกับคุณอีก ใช้ไม่ได้เลย” มาดามชานจงใจต่อว่าก้องเกียรติจนสร้างความไม่พอใจให้เขา
เป็นอันมาก ใบหน้าเขาเครียดจัดทันที มือกุมพวงมาลัยแน่นและมีเพียงกุมภาที่เห็น

“พี่สาวผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ปกติเธอเป็นคนตัวเย็นอยู่แล้วคือเธอเป็นคนเลือดน้อยครับ
คุณก้องเกียรติรบเร้าให้ไปหาหมอตรวจก็ไม่ยอม” กุมภารีบแก้ตัวแทน
มาดามชานมองหน้ากุมภาด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนเสนอความเห็นตามมา
“ถ้าอย่างนั้นดีเลย จังหวะกำลังเหมาะ ฉวยโอกาสที่เธอกำลังหลับไม่ได้สติพาไปหาหมอสิคะ ..เอ่อ..
ขอโทษนะคะ ฉันอาจก้าวก่ายไปหน่อย ที่รักคุณว่าฉันจุ่นจ้านไปรึเปล่า” สุดท้ายเธอหันมาขอความเห็นจาก
สามีหากแววตานั้นคาดคั้นอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่หรอก ผมรู้ว่าคุณเป็นคนมีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ อีกอย่างก็ดีเหมือนกัน คุณก้องเกียรติจะ
ได้รู้ว่าภรรยาตัวเองป่วยเป็นอะไร คุณก้องเกียรติ พาภรรยาคุณไปให้หมอตรวจก่อนก็ได้ ผมไม่รีบร้อนอะไร
คุณเองจะได้สบายใจด้วย กับผู้หญิงดื้อต้องใช้วิธีนี้”
ก้องเกียรติกับกุมภาได้ยินแล้วทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก ทั้งคู่ไม่คิดว่าปีเตอร์จะบ้าจี้ตามภรรยาเพราะรู้
อยู่ว่าสาเหตุแท้จริงคืออะไร ถ้าพาตัวนิศาชลไปหาหมอเท่ากับแฉความเลวร้ายของตัวเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอก
จากจำใจทำตามทั้งที่ไม่รู้จะหาข้อแก้ตัวอย่างไรถ้าส่งนิศาชลไปถึงมือหมอ

มาถึงโรงพยาบาลนิศาชลก็รู้สึกตัวระหว่างนั่งรอคิวตรวจ เธอลืมตาขึ้นบนรถเข็นของโรงพยาบาลก่อนหัน
ไปมองรอบๆด้วยความแปลกใจเมื่อพบว่าตัวเองอยู่หน้าห้องตรวจในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งเพื่อรอตรวจและคนที่
ทำร้ายเธอทุกคนก็อยู่ด้วยแต่กลับมีสาวใหญ่หน้าตาสวยปะปนมาด้วย เกิดอะไรขึ้น คนพวกนี้พาเธอมานี่ต้อง
การอะไร เธอจำได้ก่อนจะหมดสติเธอเกือบถูกปีเตอร์ลวนลามในรถ ทว่าเวลานี้เขากลับทำตัวเรียบร้อยแถมไม่
มองเธอด้วยซ้ำ ต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างที่เธอสลบไปแน่ แล้วสาวใหญ่หน้าตาสะสวยนี่เป็นใคร ดูท่าทางสนิท
สนมกับปีเตอร์เป็นพิเศษ หรือว่า..พลันเสียงของกุมภาก็ดังขึ้น

“พี่วิว รู้สึกตัวแล้ว พวกเราพาพี่วิวมาหาหมอ มาดามชานภรรยาคุณปีเตอร์เป็นห่วงอาการของพี่วิว
เราจึงต้องพาพี่วิวมาหาหมอ พี่วิวอย่าโกรธพวกเราเลยนะครับ” พอกุมภาบอกเธอถึงเข้าใจ ที่แท้เธอรอดเพราะ
สาวใหญ่คนสวยนี่เอง คนพวกนี้ช่างแสดงละครได้เก่งนัก ดีล่ะจะเอาคืนให้แสบเลย

“ขอบใจทุกคนที่เป็นห่วง วิวเลยทำให้ทุกคนเสียเวลา เอาอย่างนี้ดีกว่าค่ะ อย่ามัวเสียเวลาเพราะเรื่อง
ของวิวเลย คุณก้องเกียรติ คุณช่วยพาคุณปีเตอร์กับมาดามชานไปเที่ยวเถอะ วิวหายแล้วไม่ต้องเป็นห่วง
ไว้พบหมอแล้วจะไปคอยที่โรงแรม อย่าให้แขกของเราต้องหมดสนุกเพราะเรื่องของวิวเลยค่ะ”
ก้องเกียรติมองหน้านิศาชลอย่างไม่พอใจ รู้สึกแค้นใจนักที่ทำอะไรเธอไม่ได้ ฝ่ายปีเตอร์แม้จะเสียดาย
และเจ็บใจแต่ก็จำต้องทำเป็นไม่สนใจเพราะภรรยาเฝ้าสังเกตอยู่ หากกุมภากลับคิดว่าต้องรีบพาตัวให้พ้นจาก
พี่สาวก่อนความลับจะถูกเปิดเผย ท่าทางมาดามชานอยากถามพี่สาวหลายเรื่อง ต้องรีบกันออกไปก่อน ขืนอยู่
ต่อพี่สาวต้องกระชากหน้ากากพวกเขาออกมาแน่ดูจากแววตาก็รู้

“ผมว่าพี่วิวพูดมาก็มีเหตุผลนะครับ เราพาคุณปีเตอร์กับมาดามชานไปเที่ยวก่อนดีกว่า เราเป็นเจ้าถิ่น
อย่าให้เสียชื่อ ไม่อย่างนั้นพี่วิวจะไม่สบายใจ” กุมภาแกล้งเออออด้วย
“แต่ฉันว่า ไม่ค่อยดีมั้ง มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิคะ เรายังอยู่พัทยาอีกสองสามวัน ไม่ต้องกลัวไม่ได้
เที่ยวหรอก คุณวิว ไม่ต้องเกรงใจนะ” มาดามชานร้ายกว่าที่คิด เธออยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“อย่าเลยคุณ เราเป็นแขก อย่าทำให้พวกเขาลำบากใจ” ปีเตอร์แย้งขึ้น เขาเองก็กลัวความลับแตกเช่นกัน

“คุณปีเตอร์พูดถูกค่ะมาดาม วิวคงไม่สบายใจถ้าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้โปรแกรมทัวร์วันนี้เสียหมด
พวกคุณไปเถอะค่ะ แล้วเจอกันที่โรงแรมนะคะ หมอเรียกแล้วขอตัวก่อนนะ” นิศาชลพูดจบก็ลุกจากรถเข็นเดิน
เข้าห้องตรวจคนไข้ไป ปล่อยให้ทุกคนอึ้งกับการกระทำของเธอ แน่นอนคนที่แค้นเธอมากคือก้องเกียรติกับ
กุมภาเพราะ เธอทำเหมือนไม่แคร์พวกเขาสักนิด นึกเสียดายที่ปล่อยเธอให้หลุดลอยไปได้ ปีเตอร์ต้องไม่พอใจ
แน่แต่ก็ช่วยไม่ได้แล้ว สงสัยครั้งนี้จะกินแห้วอีกตามเคยเพราะเมียมาคุม ที่น่าเจ็บใจคือสัญญาทางธุรกิจมีอัน
ต้องพับไว้ก่อน ทำให้เสียเวลาไปอีก เจ็บใจนัก ผู้หญิงอะไรดวงดีชะมัด รอดตัวได้ทุกครั้ง พวกเขาคิดอย่างแค้นใจ
ที่ทำอะไรนิศาชลไม่ได้ หากจิตใจชั่วร้ายยังไม่ละความพยายาม สายตาพวกเขามองตามหลังเธอด้วยแววอาฆาต
=======================

ศวิตามาหาอมรินทร์ที่โรงพยาบาลในฐานะคนไข้ พอจิตแพทย์หนุ่มเห็นหน้าคนไข้รายต่อไปก็ยิ้มให้
สร้างความพึงพอใจให้เธอเป็นอันมาก
“รู้สึกเป็นเกียรติมากครับที่ได้ต้อนรับคุณจุง มีอะไรให้ผมช่วยหรือครับ” จิตแพทย์หนุ่มทักอย่างรู้ทัน
ทว่าศวิตากลับส่งยิ้มหวานให้

“หมออามเก่งจังนะคะที่รู้ว่าจุงไม่ได้ป่วย จุงมีเรื่องอยากปรึกษาค่ะ ไม่ทราบว่าจุงมากวนเวลาของหมอ
หรือเปล่าคะ” เธอทำทีเป็นเกรงใจไปอย่างนั้นเอง
“ไม่เป็นไรครับ คุณจุงมาในฐานะคนไข้ ผมในฐานะหมอ ไม่ควรปฏิเสธการรักษาครับ” เขาตอบตามตรง
แต่ศวิตากลับคิดว่าเขาฉลาดพูด

“จุงบอกตามตรงก็ได้ค่ะ ที่มาวันนี้ก็เพราะอยากขอคำแนะนำเกี่ยวกับการรณรงค์ไม่ให้ทอดทิ้งเด็กทารก
ตั้งแต่จุงไปช่วยงานคุณแม่ที่สมาคม พบว่าปัญหาแม่วัยรุ่นที่ทิ้งลูกมีมากขึ้นจนน่าเป็นห่วง” สีหน้าเธอดูจริงจัง
มากทว่าใจกลับอยากรู้ว่าจิตแพทย์หนุ่มจะชื่นชมเธอหรือไม่
“ผมดีใจมาก ที่ได้ยินคุณจุงพูดเรื่องนี้ ถ้าคุณจุงตั้งใจจริง ด้วยฐานะกับความสามารถของคุณจุงทำได้
สบายอยู่แล้ว คุณจุงลองปรึกษาคุณแม่หรือยังครับ ผมคิดว่าท่านมีประสบการณ์มากน่าจะให้คำแนะนำดีๆกับ
คุณจุงได้” ศวิตานึกไม่ถึงเขาก็สนใจเรื่องของเธอด้วย แต่คำตอบนี่สิ บอกให้รู้ว่าเขาไม่ถนัดหรือรู้ทันเธอแน่
‘ฮึ...ฉลาดนักนะหมออาม อย่างนี้ยิ่งชอบ’

“ที่จริงจุงก็อยากปรึกษาท่านเหมือนกัน แต่ท่านยุ่งมากค่ะ มีหลายโครงการในมือ จุงกลัวว่าท่านจะไม่มี
เวลาให้จุง ว่าแต่หมออามยินดีช่วยจุงทำโครงการนี้มั้ยคะ ถ้าได้หมอช่วยจุงมั่นใจจะช่วยได้เยอะ” เธอกำลัง
เล่นบทคนมีจิตอาสาชอบช่วยสังคม เพราะรู้ว่าจิตแพทย์หนุ่มคนนี้ชอบช่วยคน

“ผมยินดีครับแต่เกรงจะไม่มีเวลา คุณจุงลองไปทาบทามคนอื่นดู ผมว่าโครงการดีๆอย่างนี้มีแต่คนอยาก
ช่วยทั้งนั้น ยิ่งได้สาวสวย จิตใจดี อย่างคุณจุงเป็นต้นคิด คงมีคนอาสามาช่วยมากมาย บางทีอาจได้มืออาชีพมา
ช่วยด้วย เชื่อผม” คราวนี้อมรินทร์ทำตัวไม่เหมาะกับคำว่าจิตแพทย์ผู้เสียสละ ชอบช่วยสังคม ศวิตาสัมผัสได้ว่า
เขาไม่ค่อยอยากข้องเกี่ยวกับเธอนัก หรือเขากลัวจะติดบ่วงเสน่ห์เธอ ยิ่งระวังตัวเธอยิ่งต้องล่า เธอต้องทำให้จิต
แพทย์หนุ่มคนนี้หลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นให้ได้

“แหมหมออาม ถ่อมตัวจังเลยนะคะ คนอื่นจุงไม่แน่ใจจะอยากช่วยจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นหมอ จุงมั่นใจ
ว่าจริงใจค่ะ เอาเป็นว่าจุงจะลองทำตามคำแนะนำของหมอดู ไว้ถ้าจนปัญญาจริงๆ เห็นทีจุงต้องมาขอคำปรึกษา
จากหมออีกครั้ง หวังว่าพบกันคราวหน้าหมอคงมีเวลามาช่วยจุงทำอะไรดีๆ เพื่อสังคมนะคะ” เธอฉลาดพอที่จะ
ไม่ดื้อเพ่ง การจะได้ใจจิตแพทย์หนุ่มคนนี้ไม่ใช่ง่ายและการบีบบังคับก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ

“ถ้าคุณจุงติดขัดหรือมีข้อสงสัยอะไรผมยินดีให้คำแนะนำครับ ที่จริงผมเองก็กลัวเสียชื่อเหมือนกัน
ไม่อยากถูกคุณจุงกล่าวหาว่าเป็นคนใจร้าย” อมรินทร์ทำให้เธอเริ่มสับสน ไม่รู้ว่าเขากำลังเล่นอะไรกับเธอแน่
หรือเพื่อให้เธอสนใจเขามากๆ มันง่ายไป คนอย่างศวิตาไม่หลงกลง่ายๆหรอก

“หมอพูดเกินไปค่ะ จุงสิคะที่ต้องเกรงใจ จุงขอตัวก่อนดีกว่า ไว้จุงจะขอนัดอีกทีนะคะ” เธอส่งยิ้มหวานให้
ก่อนจากไป อมรินทร์ถอนใจอย่างโล่งอกที่เรื่องวันนี้ผ่านไปด้วยดี ศวิตาไม่หยุดแค่นี้แน่ เธอพยายามจะดึงเขาเข้า
ไปมีส่วนเกี่ยวกับงานนี้ให้ได้ เพื่อเป็นการผูกมัดเขาทางอ้อมและทำให้กีรกันตาเข้าใจผิด พอคิดถึงกีรกันตาเขาก็
ยิ้ม สงสัยเย็นนี้ต้องไปส่งส่วยคนมีกรรมเสียแล้ว หวังว่าคงไม่ลุกมาอาละวาดเพราะปรี๊ดแตกก่อนนะ คิดแล้ว
ยังอดนึกถึงช่วงเช้าที่ไปส่งเธอที่โรงพยาบาลและพยายามยั่วเธอให้โกรธไม่ได้

‘อย่างข้าวรับรองไม่เกินวันต้องปรี๊ดแตกจนออกฤทธิ์เดชกับคุณราตรีเพราะความอดทนข้าวสั้น เปลี่ยนใจ
ยื่นใบลาออกวันนี้ยังทันนะ’

‘พี่อามจะดูถูกข้าวมากไปแล้ว คอยดูข้าวจะทำงานกับคุณราตรีให้ได้และจะอยู่ที่นี่ให้ครบปีด้วย’ เธอโต้
กลับด้วยความถือดี
‘ให้ผ่านพ้นวันนี้ไปก่อนค่อยมาท้า พี่ไปล่ะ ไว้เย็นจะมาดูว่าข้าวทำได้อย่างที่พูดไหม’

‘พี่อามบ้า จะยั่วข้าวไปถึงไหน’ เขาจำได้ว่าเธอต่อว่าเขาไล่หลังแต่สิ่งที่สัมผัสได้คือเธอไม่โกรธ นี่คือ
ความน่ารักของเธอ เขาเผลอยิ้มอีกจนพยาบาลสาวสวยหรี่ตาดูด้วยความแปลกใจก่อนถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“หมออามคะ เป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ ถ้าอยากพักก็บอกเบญได้ เบญจะจัดให้ เบญเป็นห่วง อยู่ดีๆ
หมอก็นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียว เมื่อกี้ยังทำหน้าเครียดอยู่เลย”
“เอ่อ..ไม่มีอะไร พอดีผมคิดเรื่องขำๆเลยยิ้ม คุณเบญเรียกคนไข้รายต่อไปเข้ามาได้แล้ว” เขารีบตัดบท
ไม่อยากถูกพยาบาลหาว่าบ้า
=================


ด้านนิศาชลพอออกจากห้องตรวจก็มีสีหน้าดีขึ้นและยิ่งดีขึ้นมากเมื่อเห็นปฏิภาณเดินยิ้มเข้ามาหาหาก
ไม่วายแปลกใจที่พบเขาที่นี่
“คุณต้น รู้ได้ไงว่าวิวมาโรงพยาบาล” เธอไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะนัดกันที่โรงแรมแต่เขากลับมาหา
ที่โรงพยาบาลแทน
ปฏิภาณเห็นท่าทีแปลกใจของเธอก็ยิ้ม “ก็ผมบอกแล้วไง เพียงแค่นึกถึงผม คุณจะปลอดภัย น้องชาย
คุณกับนายก้องเกียรติเลวหาที่ติไม่ได้จริงๆ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจถึงกับยอมทำลายพี่สาวตัวเอง ไม่ช้า
หรอกหน้ากากของพวกเขาต้องถูกกระชากออก ว่าแต่คุณดีขึ้นหรือยัง” เขาถามอย่างเป็นห่วง อยากเข้าไปจับ
ตัวเธอดูแต่ไม่กล้ากลัวจะเป็นที่ผิดสังเกตของคนอื่น

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ หมอบอกว่า โชคดีที่ไม่ใช่ชนิดร้ายแรง ไม่อย่างนั้นอาจไม่รู้สึกตัวจนถึงเช้า นับว่าพวก
นั้นยังปราณีวิวอยู่บ้าง”
“หมอไม่ถามหรือว่าถูกใครวางยามา”

“เปล่าค่ะ เพราะวิวบอกว่า ขึ้นรถเท็กซี่บังเอิญโชคดีหนีได้และคนที่บ้านตามมาทัน”
“ถ้าอย่างนั้นคนนอกบ้านขอพาตัวไปพักผ่อนในรีสอร์ตส่วนตัวของเพื่อน ห่างไกลผู้คน เอาให้คนที่บ้าน
ตามหาตัวไม่เจอดีมั้ยเอ่ย” เขาชวน เธอยิ้มบางๆส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่ดีมั้ง วิวไม่อยากให้ใครสงสัย เกิดใครพบเห็นเราเข้า จะไม่เป็นผลดีกับคุณต้นเอง สู้พาวิวไปส่งที่
โรงแรมดีกว่าค่ะ“
“ไม่ต้องห่วงชื่อเสียงผม ไม่ค่อยมีใครรู้จักผม ต่อให้พวกนั้นรู้ ก็ไม่กล้าทำอะไรผมหรอก ผมมีวิธีจัดการ
กับคนพวกนั้นอยู่แล้ว ก่อนมาผมก็บอกแล้ว กลับจากพัทยานายก้องเกียรติกับน้องชายคุณไม่กล้ายุ่งกับคุณแน่
ส่วนนายปีเตอร์ตอนนี้แทบสิ้นฤทธิ์เมื่อเจอมาดามชานเข้า” เขาพูดให้เธอมั่นใจ

“หมายความว่า คุณกับมาดามชานสมรู้ร่วมคิดกัน ทำได้ยังไงคะเนี่ย” เธอถามอย่างแปลกใจ

“ไม่ยากนี่ เขาเรียกว่ารู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โชคดีที่มาดามชานเป็นคนมีคุณธรรมพอควร
ทีแรกเธอก็ไม่เชื่อแต่พอให้คนสนิทแอบสืบดูพฤติกรรมสามีก็เชื่อและยอมร่วมมือกับผม ความจริงเธอกลัวนาย
ปีเตอร์หลงใหลคุณมากกว่า สิ่งที่ผู้หญิงกลัวที่สุดคือกลัวเสียของรักให้คนอื่นไป ฉะนั้นการร่วมมือกับผมจึงเป็น
วิธีเดียวทีจะปราบสามีเจ้าชู้และเจ้าเล่ห์ได้ สงสัยต่อไปนายปีเตอร์คงไม่สามารถตัดสินใจลงทุนอะไรได้ตามลำพัง
แล้วมั้ง น้องชายคุณกับนายก้องเกียรติยังไม่รู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจแท้จริง อีกอย่างมาดามชานเกลียดพวกไม้ป่า
เดียวกันมาก เพราะประวัติเธอเคยมีคนรักเป็นอย่างนั้น ถ้ารู้ความจริงพวกนั้นคงแทบกระอัก”

นิศาชลนิ่งอึ้งไปเลยก็ว่าได้กับความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของผู้ชายตรงหน้า
“วิวหลงคิดว่าคุณต้นเป็นคนดี ที่แท้ก็เจ้าเล่ห์ร้ายขั้นเทพเลยนะเนี่ย เฮ่อ...ไม่น่าหลวมตัวคบเลย”
“ถึงร้ายก็ร้ายเพื่อคุณวิวเท่านั้น ความจริงคนดีๆอย่างผมไม่ชอบวิธีแบบนี้ แต่กับพวกเห็นแก่ตัวจิตใจต่ำ
ช้า บางทีเราก็จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกัน นี่คือประโยชน์จากการอยู่ใกล้ชิดพวกนักการเมือง” เขายกเหตุผลมาอ้าง
พลางส่งสายตาวิงวอนอย่างน่าเห็นใจ

“ซึ้งค่ะ น่าเห็นใจมาก ตกลงวิวยอมไปพักรีสอร์ตเพื่อนคุณต้นก็ได้ หวังว่าวิวจะปลอดภัยจากคุณต้นนะ”
เธอไม่วายพูดดักคอเขาไว้ก่อน การอยู่ตามลำพังกันสองต่อสองกับคนรักน่ากลัวยิ่งกว่าอยู่กับศัตรูเสียอีก
“ผมรักษาสัญญาเสมอ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะเอาเปรียบ ถ้าคุณวิวไม่เห็นผมน่ารักจนคิดอยากปล้ำขึ้นมา”
“คุณต้น ปากดีนัก ระวังวิวจะเปลี่ยนใจเลิกคบ”

“ผมล้อเล่นหน่อยเดียว โกรธเสียแล้ว ไม่เล่นก็ได้ เรารีบไปกันดีกว่า ขืนชักช้าผมเกรงจะไม่ปลอดภัย”
เขาเดินนำเธอไปที่รถและขับออกไปอย่างสบายใจโดยไม่รู้ว่ามีนักข่าวสาวคนหนึ่งบังเอิญมาทำข่าวที่พัทยาจำ
ปฏิภาณได้แต่ไม่รู้จักนิศาชลและได้แอบถ่ายรูปทั้งคู่ไว้โดยหวังว่าข่าวนี้จะเป็นข่าวดังในสังคม ที่ปรึกษาหนุ่มที่สุด
เก่งที่สุด ฉลาดมีความรู้ความสามารถเป็นที่ไว้วางใจของรัฐมนตรีคลังและเป็นที่หมายตาของสาวๆ อีกทั้งไม่มี
ทีท่าว่าชอบพอใครเป็นพิเศษ จู่ๆแอบควงสาวสวยมาพัทยาตามลำพัง ข่าวนี้คงขายดีแน่ คิดดังนั้นนักข่าวสาวจึง
แอบติดตามทั้งคู่ไปโดยไม่ให้รู้ตัว
===================

กีรกันตามาทำงานก่อนเวลาที่ราตรีกำหนดไว้ครึ่งชั่วโมง พอถึงเวลานัด ราตรีก็พกพาใบหน้าไม่รับแขก
เดินเข้ามาและเรียกเธอเข้าไปในห้อง คนในแผนกต่างรู้สึกสงสารเธอเป็นกำลังเพราะรู้ว่าคนอย่างราตรีไม่มีวัน
สอนงานใครแต่คงเรียกสมาชิกใหม่ของแผนกไปเข้าห้องเย็นมากกว่า

“นั่งลง เธอจะยืนค้ำหัวฉันเหรอไง” เสียงดุว่าทันทีที่เข้ามาในห้องเมื่อเจ้าของห้องนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว กีรกันตาตั้งรับแทบไม่ทันแต่พยายามอดกลั้นและทำตามโดยนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของราตรี
“ฉันอ่านประวัติเธอเรียบร้อยแล้ว ฉันคิดว่าคงไม่จำเป็นที่ต้องสอนคนจบเกียรตินิยมอย่างเธอ เพราะฉะ
นั้นวันนี้เธอเริ่มงานได้เลย ส่วนจะทำอย่างไรให้ไปถามคนในแผนกเอง ห้ามไปถามคนอื่น ฉันมีประชุมข้างนอก
บ่ายๆจะกลับมา และถ้าเธอขัดคำสั่งฉันอีก เธอจะถูกทำโทษ ไปได้แล้ว” ราตรีขู่ก่อนไล่อย่างไม่ไยดี

“ค่ะ” กีรกันตาตอบสั้นๆก่อนเดินออกจากห้องด้วยใบหน้าเซ็งสุดขีดและไม่รู้จะเริ่มต้นทำงานอย่างไรดี
ไม่มีใครบอกกล่าวรายละเอียดในการทำงานให้เธอรู้ มองไปรอบๆเห็นทุกคนต่างวุ่นกับงานของตัวเอง จะไปขอ
ความช่วยเหลือจากใครดี วันนี้ยังไม่เห็นวิมลมา เธอยืนเคว้งอยู่พักใหญ่ก็มีคนเดินมาหาเธอสองสามคน

“น้องข้าวเป็นไงบ้าง เจ้าแม่ขาเหวี่ยง ดุว่าอะไรอีก” เสียงหนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าเธอสักห้า
ปี ถามขึ้น เหมือนรู้ ขณะที่คนอื่นคอยฟัง กีรกันตามองหน้าแต่ละคนแล้วบอกได้ทันทีว่า อยากรู้เรื่องชาวบ้าน
มากกว่าจะคิดเห็นใจก็เป็นได้

“เปล่า ไม่มีอะไรมากคะพี่น้ำ คุณราตรีแค่บอกว่าวันนี้ติดประชุมให้ข้าวมาศึกษางานจากพวกพี่ๆค่ะ”
คำตอบของเธอทำเอาทุกคนผิดหวังไปตามๆกัน แม้กีรกันตาจะไม่ชอบพฤติกรรมของราตรี แต่เธอไม่คิดจะประ
จานผู้บังคับบัญชาตัวเอง ยิ่งราตรีไม่ชอบเธอ ยิ่งควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหาเรื่องได้อีก

“แหมน้องข้าวช่างเป็นคนดีจริงๆ นี่คงถูกยัยราตรีขู่มาล่ะสิ ถึงไม่กล้าเล่าให้ฟัง เป็นพี่หน่อยไม่ได้จะประ
จานให้แหลก คนอะไรใจร้ายนัก” หญิงสาวอีกคนที่ดูมีอายุมากกว่าเพื่อนพูดเหมือนเจ็บแค้นแทนจนเธอสงสัย
ว่าแค้นจริงหรือจงใจยุกันแน่

“พี่หน่อยเข้าใจผิดแล้วค่ะ คุณราตรีพูดอย่างนั้นจริงๆ วันนี้ข้าวต้องขอความกรุณพี่ๆทุกคนช่วย
สอนงานข้าวด้วยนะคะ ข้าวขอฝากตัวด้วยค่ะ” คำพูดอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอและไม่พยายามนินทาหัว
หน้าให้ฟังนั้นทำให้ทุกคนนึกเอ็นดู

“น้องข้าว ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ พวกพี่ยินดีสอนงานให้ วันแรกที่ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเพราะเจ้าแม่ขาเหวี่ยง
ส่งสายตาปรามไว้ต่างหาก ดีนะที่พี่วิมลอยู่ น้องข้าวเลยโชคดีมีคนงัดข้อกับยัยคนนี้ได้” คนชื่อหน่อยบอกความ
จริงให้รู้แต่คำพูดของเธอก็นำพาความไม่พอใจกับใบหน้าบึ้งตึงของคนที่กำลังถูกนินทาที่บังเอิญมาทันได้ยินพอดี

“หน่อย ว่างนักใช่มั้ย ถึงมีเวลานินทาคนอื่น” ราตรีว่าจบก็หันไปทางกีรกันตาแล้วหาเรื่องเธออีกจนได้
“เธอก็อีกคนนินทาอะไรฉัน” พอได้ยินแบบนี้ คนที่หวังดีกับกีรกันตาต่างพากันหลบฉากไปทำงาน ปล่อยให้
น้องใหม่ผจญกับเจ้าแม่ขาเหวี่ยงตามลำพัง ต่างพากันพูดในใจว่า ‘ตัวใครตัวมันนะน้องข้าว’

“เปล่าค่ะ ข้าวเพียงแต่บอกว่าคุณราตรีให้ข้าวมาเรียนงานจากพวกพี่ๆ และพี่ๆก็ยินดีสอนให้ค่ะ”
กีรกันตาตอบอย่างใจเย็นที่สุด พยายามบังคับเสียงให้เป็นปกติ

“ฉลาดพูดนี่ คิดหาพวกแต่แรก ใช้ได้ ฉันหวังว่าคงทำงานใช้ได้เช่นกัน จำไว้อย่าให้ฉันได้ยินว่าพวกเธอ
จับกลุ่มนินทาชาวบ้านอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำโทษ งานการมีตั้งเยอะตั้งแยะไม่ไปทำกลับสุมหัวนินทาชาวบ้าน”
ราตรีขู่เสียงเข้มก่อนเดินจากไป

กีรกันตาลอบถอนใจอย่างโล่งอก รอดตัวไปได้อีกครั้ง แต่จะตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าไม่ยังไม่รู้ เธอไม่
เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมใจเย็นทนให้เขาสับโขกอยู่ได้ คงเพราะคำพูดของอมรินทร์มั้งที่ปรามาสเธอไว้
ตอนมาส่งหน้าโรงพยาบาล หวังว่าวันนี้คงไม่มีเรื่องอะไรให้ราตรีตำหนิได้อีกนะ เธอได้แต่หวังแต่ความหวัง
ของเธอกลับไม่เป็นผลเมื่อเวลาใกล้เที่ยง หน่อยหรือวรรณีเกิดมีญาติมารอพบที่ห้องอาหารจึงวานเธอให้ช่วยจัด
ยาให้คนไข้แทนตามใบสั่งยาของหมอพร้อมทั้งให้คำแนะนำคนไข้ก่อนรับยาไปซึ่งไม่เป็นปัญหาสำหรับเธอนัก
จากนั้นเธอก็เพลินจนท้องเริ่มประท้วงแต่ยังปลีกตัวไปทานข้าวกลางวันไม่ได้ เพราะพี่ๆเพื่อนๆต่างปลีกตัวไป
พักเหลืออยู่ไม่กี่คน เกือบบ่ายกว่าวรรณีจึงกลับมา

“โทษทีนะ พี่มาช้าไปหน่อย ข้าวคงหิวแย่สิ รีบๆไปทานข้าวเถอะ” วรรณีรีบไล่อย่างเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะพี่หน่อย ข้าวกำลังสนุก แต่ท้องประท้วงแล้วสิคะ ขอตัวไปเติมกำลังก่อนค่ะ” เธอยิ้มให้
อย่างสดใสก่อนไป วรรณีเห็นแล้วอดเอ็นดูไม่ได้ เด็กสาวคนนี้หน้าตาสวยน่ารัก นิสัยดีด้วย แต่เธอก็ต้องหยุด
ความคิดไว้แค่นั้น เมื่อเห็นราตรีเดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางทอดสายตามองไปรอบๆห้อง

วรรณีกับทุกคนภาวนาขออย่าให้ผิดสังเกตเลยว่าน้องใหม่ไม่อยู่ แล้วทุกคนก็ลอบถอนใจอย่างโล่งอก
เมื่อเห็นหัวหน้าแผนกเดินเลยเข้าไปในห้อง ต่างคิดว่ากีรกันตาคงรอดตัว แต่ทุกคนก็คาดผิด เมื่อกีรกันตากลับ
มาก็ถูกราตรีก็เรียกตัวเข้าพบในห้องทันที

วรรณีอยากเข้าไปช่วยแต่เธอไม่อาจเข้าไปขวางได้เพราะราตรีไม่ได้เรียกเธอหรือต่อว่ากีรกันตาต่อหน้า
ทุกคน ในใจได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายแรงกับเด็กสาวคนนี้เลย ปกติราตรีแม้นิสัยไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่เคย
ชิงชังใครเท่ากีรกันตามาก่อน คงเป็นเพราะหมอภานุมาสนใจ แถมหน้าตาสวยสดใสน่ารักเอามากๆมั้งจึงทำให้
ราตรีไม่พอใจ ด้วยวัยที่มากกว่ามีหรือจะดูไม่ออกว่าราตรีแอบชอบหมอภานุ และพยายามกันทุกคนให้ออกห่าง
พร้อมทั้งคอยสนับสนุนหมอหนุ่มรูปหล่อคนนี้อยู่เสมอ เข้าทำนองแอบรักเขาข้างเดียวเป็นวรรคเป็นเวร ฝ่ายชาย
หามีไมตรีให้ไม่ ช่างไม่เจียมบ้างเลย หวังว่าคงไม่อาละวาดหาเรื่องจนน้องข้าวทนไม่ไหวขอลาออกนะ วันนี้พี่วิมล
คู่ปรับยัยราตรีไม่อยู่ด้วยสิแล้วใครจะช่วยละเนี่ย
********************************************

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕ อยากรู้ค่ะ อ่านแล้วมีใครได้อะไรบ้างจากเรื่องนี้ ตอบดีๆอาจมีรางวัล กำลังคิดจะแจกนิยาย
ที่มีอยู่ บางเรื่อง ให้กับแฟนๆที่ตามอ่านเรื่องนี้ บางเรื่องก็มีค่ายละครซื้อไปทำละครแล้วค่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕



เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ส.ค. 2558, 22:10:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ส.ค. 2558, 22:10:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 1241





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 16 >>
ผักหวาน 18 ส.ค. 2558, 13:54:57 น.
เป็นละครต้องสนุกแน่ๆ ค่ะ เพราะแค่อ่านก็สนุกแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account