กับดักรักจอมบงการ
อลินธิดา’ ผู้ประกาศข่าวสาวช่วงพยากรณ์อากาศประจําสถานีโทรทัศน์
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
Tags: กับดักรักจอมบงการ, พบกรันต์, อลินธิดา
ตอน: ตอนที่ 4 100%
ราวห้าทุ่มเศษของคืนเดียวกัน... คำรบซึ่งนั่งรอเจ้านายอยู่ในล็อบบี้ของห้องชุดสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครก็ผลุนผลันลุกขึ้น ด้วยประหลาดใจว่าเพราะเหตุใดเจ้านายของตนจึงกลับลงมาเร็วผิดปกติ เพียงเวลาไม่ถึงหกชั่วโมง ท่านจะรับประทานอาหาร เต้นรำ และมีกิจกรรมสุดเหวี่ยงกับดาราสาวได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งเสื้อผ้าก็ยังดูเรียบกริบเช่นเดิม เอ๊ะ! หรือว่า... ที่เร็วผิดปกติเช่นนี้ ท่านจะขึ้นไปแล้วเริ่มบรรเลงกิจกรรมสุดเหวี่ยงทันที
“ถ้าแกยังไม่เลิกมองฉันด้วยสายตาสู่รู้อีกล่ะก็ พรุ่งนี้ไปรับเงินเดือนพร้อมค่าชดเชยซะ!!” พบกรันต์บอกกับคนสนิทที่ทำงานอยู่ข้างกายตนมาตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง แทนเจ้าสัวพร้อม โภคไคยสกุล ผู้ล่วงลับไปเมื่อสิบห้าที่แล้ว
“โธ่!... ก็ผมแปลกใจนี่ครับ คิดว่าท่านจะกลับลงมาตอนเช้าเสียอีก” คำรบ เดินแกมวิ่งตามเจ้านายที่เดินลิ่วๆไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ด้านหน้าคอนโดมิเนียม พลางเร่งความเร็วให้เพิ่มขึ้น เพื่อเปิดประตูรถให้เจ้านาย
“แกเห็นว่าฉันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ” พบกรันต์ถามคนสนิทที่ก้าวขึ้นมานั่งด้านหน้าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังในขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่จากหน้าคอนโดมิเนียมออกสู่ท้องถนนได้อย่างคล่องตัวเพราะการจราจรบางตาลงมากแล้ว
คำรบหัวเราะร่วน สำหรับผู้หญิงที่ท่านถูกใจแค่มองตาก็รู้กัน แต่สำหรับรัตน์ระพี นักแสดงสาวสวยชนิดเปรี้ยวจนเข็ดฟันผู้นี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ท่านถูกใจ “เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าคราวนี้เราโชคดีได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว”
“เดินเร็วไปก็ไม่ดี รุกมากไปก็รังแต่จะทำให้ไก่ตื่น แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดใช่เล่น เท่าที่คุยกัน เธอยังไม่หลุดพิรุธอะไรออกมาให้ฉันได้สงสัยเลยสักคำ” พบกรันต์พูด พลางเบนสายตามองไปยังท้องถนน แสงไฟสว่างไสวของมหานครที่ไม่เคยหลับ เมืองที่ผู้คนกระจุกรวมตัวกันอยู่อย่างมากมาย ทำให้ต้องแก่งแย่งชิงดีกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตหรือการทำธุรกิจ ซึ่งเขาเองก็กำลังเผชิญมันอยู่ในตอนนี้
“แต่ผมว่าข่าวที่เราได้มาไม่พลาดแน่ครับ เธอต้องมีตื้นลึกหนาบางกับพอลแน่”
“ฉันก็คิดว่าไม่ผิดตัวแต่แค่เธอยังไม่หลุด ยังระวังตัวได้ดีเยี่ยมเท่านั้นเอง” สายตาคมกริบของพบกรันต์มองไปยังห้างพอลการ์เดน ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานประกวดนายแบบหนุ่มแห่งปี ซึ่งห้างสรรพสินค้าคู่แข่งนี้ตกลงให้เช่าพื้นที่ในราคาที่ถูกกว่าห้างของตนมากนัก การประกวดนายแบบในครั้งนี้ พอลการ์เดน จึงกลายเป็นสถานที่จัดประกวดและเป็นผู้สนับสนุนหลักโดยปริยาย
“แหม... จัดงานประกวดตรงลานหน้าห้าง แถมมีหนุ่มๆมาเดินโชว์ชุดว่ายน้ำอย่างนี้ สาวๆทั้งกรุงเทพต้องมารวมตัวอยู่ที่นี่เป็นแน่” คำรบพูดพลางกวาดสายตามองบรรยายกาศหน้าห้างพอลการ์เดนที่คึกคักเป็นพิเศษ และมันทำให้การจราจรบริเวณนั้นต้องติดขัดกว่าปกติ
“เดี๋ยวนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ฉันว่า... ถ้าจะนับกันจริงๆ ผู้ชายคงมาดูการประกวดนายแบบนี้มากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ” พบกรันต์ขยับตัวให้นั่งในท่าที่สบายมากขึ้น เพราะอีกราวชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน “ที่แน่ๆ วันนี้พอลมันคงโกยเงินเข้ากระเป๋ามหาศาล”
“ปล่อยเถอะครับ นานทีปีหน ว่าแต่ท่านจะแวะรับประทานอาหารก่อนถึงเข้าบ้านไหมครับ” คำรบถามเจ้านายเพื่อความมั่นใจ
“สเต็กของรัตน์ระพีทำให้ฉันอิ่มไปตลอดทั้งคืนแน่ คำรบ” พบกรันต์บอก
“แหม... ท่านพูดซะผมมโนภาพว่าเธอคงเสิร์ฟได้ถึงใจน่าดู” ถ้าอยู่กับเจ้านายโดยปราศจากบุคคลอื่นซึ่งไม่นับ นายมั่น พนักงานขับรถยนต์ที่วันๆไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น หากแต่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการขับรถนอกแล้ว คำรบก็กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็น โดยที่ไม่เคยก้าวล้ำเส้นแบ่งความเป็นเจ้านายลูกน้อง
“หึ... แกนี่มันพวกคิดมาก คิดเยอะ ถ้าเธอทำอย่างนั้น แน่นอนว่าฉันต้องแวะร้านอาหารสักร้านเพราะเสียพลังงานไปเยอะ” พบกรันต์บอกด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย หลายสัปดาห์มานี้เริ่มเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายอย่าง ความลับในที่ประชุมรั่วไหลจนเป็นเหตุให้ห้างสรรพสินค้าคู่แข่งแย่งลูกค้า พนักงานในระดับผู้บริหารที่ถือว่าเป็นมันสมอง เป็นกลไลหลักที่ทำให้กลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้งดำเนินต่อไปนั้นถูกดึงตัวไปอยู่กับพอล เฉิน ซึ่งเป็นเจ้าของห้างพอลการ์เดนถึงสามคน นี่ยังไม่รวมพนักงานระดับที่ล่างลงไป!
พบกรันต์นั้นให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะตำแหน่งเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ก้าวเข้ามาบริหารกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง เต็มตัวก็ตระหนักว่าทุกคนมีส่วนช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคง และเจริญรุ่งเรือง แต่หากคนในองค์กรเกิดแตกความสามัคคี ไม่ว่าความแตกแยกนั้นจะเกิดจากคนภายในเอง หรือผู้ไม่หวังดีจากภายนอกก็ตาม ความคิดแตกต่างที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมักจะนำมาซึ่งความแตกแยก สร้างความระส่ำระส่ายให้องค์กรนั้นๆพังพินาศได้ และเขาซึ่งเป็นประธานบริหาร จะไม่ยอมนิ่งเฉยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นแน่
ที่ผ่านมานั้นตนไม่เคยเกรงกลัวต่อเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิงต่างๆของคู่แข่ง ผลกำไรที่น่าพอใจในแต่ละไตรมาสนั้นเป็นสิ่งการันตีในผลงานของซีอีโอหนุ่มวัยสามสิบหกปีได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องวางแผนการซับซ้อน ทำให้หลายคนเข้าใจผิดอยู่เช่นก็???เพราะต้องการล่อเหยื่อตัวร้าย บ่อนทำลายธุรกิจให้ย่อยยับเพียงเพราะที่ผ่านมา ไม่สามารถเอาชนะกันซึ่งหน้าได้จึงต้องใช้แผนสกปรก แทรกซึมเข้ามาทำให้ธุรกิจของเขาเสียหายนั่นเอง
เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฉินไป่เฉียง หรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเขาในนาม พอล เฉิน นักธุรกิจชาวจีนฮ่องกง ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยหลายสิบปี เจ้าของห้างพอลการ์เดน คู่แข่งของห้างแม็กซ์มอลล์ ซึ่งคนส่วนมากก็รู้กันดีว่าห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ทั้งสองนี้เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันอย่างชัดเจน แม้ว่าห้างแม็กซ์มอลล์จะแซงหน้ามาตลอดเพราะสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่าห้างพอลการ์เดน
ราวชั่วโมงต่อมา... รถยนต์เบนท์ลีย์สีดำมันขลับก็เคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์ขนาดมหึมาของตระกูลโภไคยสกุล คฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนถ้าไม่นับรวมแม่บ้าน คนสวน พนักงานรักษาความปลอดภัยกว่าห้าสิบชีวิต
พบกรันต์ก้าวลงจากรถยนต์ทันทีที่คนสนิทเปิดประตู ก้าวเดินเข้าสู่ตัวคฤหาสน์อันเงียบเชียบด้วยความเมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน โดยมีคำรบเดินตามหลังเข้ามาติดๆพร้อมส่งเสื้อสูทสีดำให้แม่บ้านที่ออกมาต้อนรับเจ้านาย
“พรุ่งนี้ฉันจะออกเร็วกว่าปกติชั่วโมงหนึ่งนะ ต้องเผื่อเวลาไปรับรัตน์ระพีที่คอนโดด้วย” พบกรันต์สั่งพลางเดินพันแขนเสื้อขึ้นไว้บริเวณข้อศอก เมื่อเห็นว่าคนสนิทรับคำอย่างขันแข็งแล้วจึงหันไปถามถึงผู้เป็นมารดากับแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล “แม่เข้านอนแล้วเหรอ?”
“เปล่าค่ะ คุณหญิงท่านยังรอคุณพีทอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ดิฉันคิดว่าน่าจะเผลอหลับไปถึงไม่ทราบว่าคุณพีทกลับมาแล้ว” แม่บ้านรายงาน “คุณพีทจะให้ดิฉันเข้าไปเรียนคุณหญิงท่านไหมคะ”
พบกรันต์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหาท่านเอง เธอไปพักผ่อนเถอะ”
มือแข็งแรงของพบกรันต์เปิดประตูห้องนั่งเล่น แล้วสอดตัวเข้ามาด้านในอย่างเงียบเชียบเพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้เป็นแม่ตื่นจากนิทรา ภาพของหญิงวัยห้าสิบเก้าปีที่ยังสาวเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ปลายเท้ามีสาวใช้ฟุบหลับอยู่อีกคนทั้งที่ในห้องยังเปิดทีวีไว้เสียงดัง พบกรันต์จึงเดินไปตบเบาๆที่ไหล่ของสาวใช้
“ชู่ว... อย่าเสียงดัง เดี๋ยวท่านตื่น ไปพักผ่อนได้แล้ว” พบกรันต์บอก เมื่อสาวใช้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในไม่กี่อึดใจ พลางก้มตัวลงสอดมือเข้าใต้ร่างของผู้เป็นแม่ หากแต่ยังไม่ได้ออกแรงยกขึ้น ท่านก็รู้สึกตัวเสียแล้ว
“อื้ม... มาแล้วเหรอตาพีท” ศรีประไพ คุณหญิงตราตั้งที่ทำคุณประโยชน์ให้กับงานการกุศลมากมาย ยิ้มทักทายลูกชายเพียงคนเดียว พลางยกมือปิดปากที่หาวเพราะความง่วงงุน
“ครับ ทำไมแม่ไม่ขึ้นไปนอนข้างบน แบบนี้มันทรมานตัวเองนะครับ ช่วงนี้ผมงานยุ่งๆ กลับบ้านดึกทุกวัน ไม่อยากให้แม่ต้องมานั่งรอแบบนี้เลย” พบกรันต์บอกพลางถอยหลังไปนั่งลงข้างๆแม่ของตน
“ทรมานที่ไหนกัน แม่อยู่บ้านคนเดียวเบื่อๆ ก็เลยมานั่งดูทีวี นี่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัว” ศรีประไพบอกพร้อมมองลูกชายด้วยแววตารักใคร่ “แล้วนี่พีททานอะไรมารึยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วแม่ล่ะครับทานรึยัง อย่าบอกนะว่ารอผมจนยังไม่ได้ทานข้าวเย็น”
“โอ๊ย... ถ้าพีทไม่โทรมานัดแม่ก่อนว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย อย่าหวังว่าแม่จะรอทานข้าวกับลูก ไม่มีทาง แม่รู้ดีว่าตัวเองไม่ดึงดูดใจเหมือนสาวๆของพีท” ศรีประไพบอกด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ฮ่า... พูดเหมือนกำลังน้อยใจ” พบกรันต์ถามอย่างหยอกเย้า
“เปล่า... หลายปีมานี้แม่พอจะปรับตัว ทำใจยอมรับได้แล้วว่าตัวเองมีลูกชายรูปหล่อ แถมร่ำรวย เป็นธรรมดาที่ต้องมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาติดพัน”
พบกรันต์เหล่มองผู้เป็นแม่ที่ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสูงทั้งยังพูดประชดประชัน “และพวกหล่อนจะถูกคุณหญิงผู้หวงลูกชายกำจัดไปอย่างเงียบเชียบ คนแล้วคนเล่าจนลูกชายของคุณหญิงผู้นั้นมีกิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือว่าเจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ช้ำหน้าใช่รึเปล่าครับ?”
“ไม่รู้ พีทพูดเรื่องอะไร แม่ไม่เห็นเข้าใจ” ศรีประไพแสร้งทำสีหน้าเรียบเฉยพร้อมลุกขึ้นจากโซฟาทันที
“ไปไหนล่ะครับ”
“แม่ง่วงมาก จะไปนอนแล้ว” ตอบพร้อมเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น โดยที่ไม่รอลูกชาย แต่เพียงแค่จะก้าวขึ้นบันได ลูกชายก็เข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง
“ผมไปส่งแม่เข้านอนนะครับ”
“ส่งทำไมกัน แม่ไม่ใช่สาวๆที่ขาดความรักสักหน่อย พีทคงใช้ไม้นี้อ้อนสาวๆจนติดเป็นนิสัย ต้องส่งพวกเธอเข้านอนถึงเตียงเลยเหรอ”
พบกรันต์หัวเราะร่วน ท่านเป็นผู้หญิงที่ฉลาด พูดคุยด้วยแล้วเหมือนกับถูกสอบสวนไปในตัว “โธ่... แม่ครับ ถ้าเป็นสาวๆน่ะ ผมไม่ส่งถึงเตียงอย่างเดียวนะ ต้องลงมือกล่อมเธอด้วยตัวเอง บางทีกล่อมกันไปกล่อมกันมา สว่างถึงจะหลับ”
คำพูดสุดห่ามของลูกชายทำให้คนเป็นแม่อดรนทนไม่ได้ หยิกเข้าที่ท่อนแขนอย่างหมั่นไส้พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลูกชายของเธอรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกในเรื่องชู้สาวมาเต็มเปี่ยม “นี่แม่คิดผิดใช่ไหมที่ส่งพีทไปเรียนอเมริกาตั้งแต่ไฮสคูล”
“จะผิดจะถูกก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ ตอนนี้ลูกชายแม่อายุสามสิบหกปีเต็ม ที่สำคัญแม่เป็นคนกำจัดพวกเธอไปจากชีวิตของผม เพราะฉะนั้นแม่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่คนทั่วไปมองผมว่าเป็นคนเจ้าชู้”
“ไม่เกี่ยวกับแม่สักนิด พีทรับเอาความเจ้าชู้มาจากพ่อของพีทต่างหาก” ศรีประไพมีแววตาที่ลุกโชนไปด้วยความเจ็บใจทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงเจ้าสัวพร้อม สามีผู้ล่วงลับไปแล้ว และพบกรันต์ก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
“ไปเที่ยวยุโรปสักเดือนดีไหมครับ เปลี่ยนบรรยากาศ” ทำไมคนเป็นลูกจะไม่รู้ว่าแม่นั้นเหงา รู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใดที่ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง แม้ว่าท่านจะออกงานสังคมบ่อยครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพียงการพบปะสังสรรค์ที่หาคนจริงใจได้ยากยิ่ง
“พีทว่างเหรอ?” ศรีประไพถามลูกชายด้วยสายตามีความหวัง
“เปล่าครับ ก็ชวนเพื่อนๆของแม่ไปด้วยสิครับ ผมเห็นออกงานด้วยกันบ่อยๆ”
“น่าเบื่อ พวกเศรษฐีใหม่ อวดรวย ชีวิตนี้แม่เบื่อคนอยู่สองประเภทคือพวกหวังรวยทางลัด ใช้ทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมั่งคั่ง อีกพวกคือดารานางแบบที่พีทชอบควงไปท่องราตรีอยู่บ่อยๆ” ประเภทหลังนี้เป็นพวกเห็นแก่เงิน ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สุขสบายโดยไม่สนใจว่าจะทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ ซึ่งสามีของเธอก็ตกหลุมพรางของดาราสวยๆจนทำให้เกิดรอยร้าวในครอบครัวขึ้น
“มันกว้างมาก... แล้วผมจะไปหาลูกสะใภ้นอกเหนือจากคนสองประเภทนี้ได้ที่ไหนกัน ในเมื่อใครๆก็แสวงหาความสุขสบายกันทั้งนั้น” พบกรันต์เข้าใจในคำพูดของท่านเป็นอย่างดี แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเพราะไม่อยากให้ท่านต้องคิดถึงเรื่องไม่สบายใจเหล่านั้นอีก
“แม่ไม่เถียงหรอกว่าใครก็อยากสุขสบายกันทั้งนั้น แต่คนเรามันต้องมีจิตสำนึก ก่อนอื่นต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง รู้จักทำงานหาเงินเลี้ยงชีพไม่ใช่สักแต่ว่าจะเอารูปร่างหน้าตา ความสาว ความสวยที่มันไม่จีรังยั่งยืนเข้าแลก”
“แปลว่าไม่ต้องรวย?”
ศรีประไพแหงนหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง “ลูกสาวคนรวยคือคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างสุขสบาย มีคนรองมือรองเท้า รู้จักใช้แต่ไม่รู้จักหา แม่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าให้พีทหาเมียมาเพื่อใช้งานแต่อย่างน้อย ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องทำงานเป็นเพราะคนที่ทำงานเป็นจะรู้จักค่าของเงินว่าได้มาอย่างยากลำบาก แน่นอนล่ะว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาเป็นภรรยาของประธานกลุ่มพร้อมพบ โฮลดิ้ง ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหรูหราสุขสบาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเมียของพีทต้องรู้จักวางตัว ต้องรู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองอย่างน้อย เมื่อพีทกลับมาถึงบ้าน เธอก็ต้องทำให้พีทสบายใจได้ เข้าใจที่แม่พูดรึเปล่า?...”
“ครับ ดูเหมือนง่ายแต่หายากน่าดู” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อได้ยินคุณสมบัติที่แม่ตนพูดมา ในหัวสมองกลับมีภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้างดงาม ความสามารถเป็นที่ประจักษ์กับคนทั่วไปขึ้นมาอย่างชัดเจน
อาการนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ของลูกชายนั้น ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นแนบกับโครงหน้าคร้ามคมด้วยความอ่อนโยน “แต่ดูเหมือนว่าพีทจะเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว รึเปล่า?”
“ปะ...เปล่าครับ บอกแล้วว่าที่แม่พูดมาน่ะ หายาก...”
“งั้นก็จงหาต่อไป ฝรั่งเขาว่าชีวิตผู้ชายมักเริ่มต้นเมื่ออายุสี่สิบปี พีทยังเหลือเวลานี่ลูก” ศรีประไพบอกด้วยน้ำเสียงขบขัน ใช้ฝ่ามือตบเบาๆที่แก้มสากอย่างเอ็นดู “แม่ไปนอนล่ะนะ พรุ่งนี้จะทานอาหารเช้าด้วยกันรึเปล่า”
“ไม่ล่ะครับ พรุ่งนี้ผมต้องออกจากบ้านตอนหกโมงเช้า” พบกรันต์บอกพลางมองแม่ของตนที่พยักหน้ารับพร้อมยิ้มบางๆ แล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องนอนของท่าน เมื่อเห็นว่าท่านเข้าไปในห้องแล้วจึงเดินไปยังห้องนอนส่วนตัวพลางคิดในถึงคำพูดที่ท่านอบรมเมื่อครู่นี้
จริงสินะ! ใครก็ได้ที่รู้จักวางตัว รู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเอง ที่สำคัญเธอต้องทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุข
ความจริงแล้วเหตุผลที่ท่านกำจัดผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของตน คนแล้วคนเล่าก็เป็นเพราะเหตุผลที่ท่านได้พูดมาเมื่อครู่ แต่การเหมารวมว่าดารานางแบบจะเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ออกจะเป็นความคิดติดลบที่มีอคติไปสักหน่อย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าชีวิตการแต่งงานของท่านเกิดปัญหา ไร้ซึ่งความสุขฉันท์สามีภรรยาที่สร้างครอบครัวร่วมกันเพราะปัญหามือที่สามเข้ามาแทรกกลาง
พบกรันต์สลัดปัญหาของคนรุ่นก่อนออกจากความคิดเพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดการโดยเร็ว คือปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจของตน ถ้าหากปล่อยไว้โดยที่ไม่ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก็ไม่รู้ว่าอนาคตในภายภาคหน้าจะต้องเจอกับปัญหาที่กลายเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้อาณาจักรที่ผู้เป็นพ่อสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากต้องพังพินาศไปเป็นแน่
ราวสิบห้านาทีต่อมาหลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว พบกรันต์ก็ก้าวขึ้นเตียงขนาดใหญ่พิเศษ ล้มตัวลงนอนกอดหมอนข้างราวกับกอดสาวเนื้อตัวนุ่มนิ่มสักคนแล้วหลับใหลอย่างง่ายดายเพราะความเมื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
“ถ้าแกยังไม่เลิกมองฉันด้วยสายตาสู่รู้อีกล่ะก็ พรุ่งนี้ไปรับเงินเดือนพร้อมค่าชดเชยซะ!!” พบกรันต์บอกกับคนสนิทที่ทำงานอยู่ข้างกายตนมาตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่งประธานกรรมการบริหารกลุ่มเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง แทนเจ้าสัวพร้อม โภคไคยสกุล ผู้ล่วงลับไปเมื่อสิบห้าที่แล้ว
“โธ่!... ก็ผมแปลกใจนี่ครับ คิดว่าท่านจะกลับลงมาตอนเช้าเสียอีก” คำรบ เดินแกมวิ่งตามเจ้านายที่เดินลิ่วๆไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ด้านหน้าคอนโดมิเนียม พลางเร่งความเร็วให้เพิ่มขึ้น เพื่อเปิดประตูรถให้เจ้านาย
“แกเห็นว่าฉันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ” พบกรันต์ถามคนสนิทที่ก้าวขึ้นมานั่งด้านหน้าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังในขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่จากหน้าคอนโดมิเนียมออกสู่ท้องถนนได้อย่างคล่องตัวเพราะการจราจรบางตาลงมากแล้ว
คำรบหัวเราะร่วน สำหรับผู้หญิงที่ท่านถูกใจแค่มองตาก็รู้กัน แต่สำหรับรัตน์ระพี นักแสดงสาวสวยชนิดเปรี้ยวจนเข็ดฟันผู้นี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ท่านถูกใจ “เปล่าครับ ผมแค่คิดว่าคราวนี้เราโชคดีได้รู้ในสิ่งที่อยากรู้แล้ว”
“เดินเร็วไปก็ไม่ดี รุกมากไปก็รังแต่จะทำให้ไก่ตื่น แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ฉลาดใช่เล่น เท่าที่คุยกัน เธอยังไม่หลุดพิรุธอะไรออกมาให้ฉันได้สงสัยเลยสักคำ” พบกรันต์พูด พลางเบนสายตามองไปยังท้องถนน แสงไฟสว่างไสวของมหานครที่ไม่เคยหลับ เมืองที่ผู้คนกระจุกรวมตัวกันอยู่อย่างมากมาย ทำให้ต้องแก่งแย่งชิงดีกันทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการดำรงชีวิตหรือการทำธุรกิจ ซึ่งเขาเองก็กำลังเผชิญมันอยู่ในตอนนี้
“แต่ผมว่าข่าวที่เราได้มาไม่พลาดแน่ครับ เธอต้องมีตื้นลึกหนาบางกับพอลแน่”
“ฉันก็คิดว่าไม่ผิดตัวแต่แค่เธอยังไม่หลุด ยังระวังตัวได้ดีเยี่ยมเท่านั้นเอง” สายตาคมกริบของพบกรันต์มองไปยังห้างพอลการ์เดน ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดงานประกวดนายแบบหนุ่มแห่งปี ซึ่งห้างสรรพสินค้าคู่แข่งนี้ตกลงให้เช่าพื้นที่ในราคาที่ถูกกว่าห้างของตนมากนัก การประกวดนายแบบในครั้งนี้ พอลการ์เดน จึงกลายเป็นสถานที่จัดประกวดและเป็นผู้สนับสนุนหลักโดยปริยาย
“แหม... จัดงานประกวดตรงลานหน้าห้าง แถมมีหนุ่มๆมาเดินโชว์ชุดว่ายน้ำอย่างนี้ สาวๆทั้งกรุงเทพต้องมารวมตัวอยู่ที่นี่เป็นแน่” คำรบพูดพลางกวาดสายตามองบรรยายกาศหน้าห้างพอลการ์เดนที่คึกคักเป็นพิเศษ และมันทำให้การจราจรบริเวณนั้นต้องติดขัดกว่าปกติ
“เดี๋ยวนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป ฉันว่า... ถ้าจะนับกันจริงๆ ผู้ชายคงมาดูการประกวดนายแบบนี้มากกว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ” พบกรันต์ขยับตัวให้นั่งในท่าที่สบายมากขึ้น เพราะอีกราวชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน “ที่แน่ๆ วันนี้พอลมันคงโกยเงินเข้ากระเป๋ามหาศาล”
“ปล่อยเถอะครับ นานทีปีหน ว่าแต่ท่านจะแวะรับประทานอาหารก่อนถึงเข้าบ้านไหมครับ” คำรบถามเจ้านายเพื่อความมั่นใจ
“สเต็กของรัตน์ระพีทำให้ฉันอิ่มไปตลอดทั้งคืนแน่ คำรบ” พบกรันต์บอก
“แหม... ท่านพูดซะผมมโนภาพว่าเธอคงเสิร์ฟได้ถึงใจน่าดู” ถ้าอยู่กับเจ้านายโดยปราศจากบุคคลอื่นซึ่งไม่นับ นายมั่น พนักงานขับรถยนต์ที่วันๆไม่ปริปากพูดอะไรทั้งสิ้น หากแต่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการขับรถนอกแล้ว คำรบก็กล้าพูด กล้าถาม กล้าแสดงความคิดเห็น โดยที่ไม่เคยก้าวล้ำเส้นแบ่งความเป็นเจ้านายลูกน้อง
“หึ... แกนี่มันพวกคิดมาก คิดเยอะ ถ้าเธอทำอย่างนั้น แน่นอนว่าฉันต้องแวะร้านอาหารสักร้านเพราะเสียพลังงานไปเยอะ” พบกรันต์บอกด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย หลายสัปดาห์มานี้เริ่มเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายอย่าง ความลับในที่ประชุมรั่วไหลจนเป็นเหตุให้ห้างสรรพสินค้าคู่แข่งแย่งลูกค้า พนักงานในระดับผู้บริหารที่ถือว่าเป็นมันสมอง เป็นกลไลหลักที่ทำให้กลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้งดำเนินต่อไปนั้นถูกดึงตัวไปอยู่กับพอล เฉิน ซึ่งเป็นเจ้าของห้างพอลการ์เดนถึงสามคน นี่ยังไม่รวมพนักงานระดับที่ล่างลงไป!
พบกรันต์นั้นให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะตำแหน่งเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ก้าวเข้ามาบริหารกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง เต็มตัวก็ตระหนักว่าทุกคนมีส่วนช่วยให้องค์กรขับเคลื่อนไปอย่างมั่นคง และเจริญรุ่งเรือง แต่หากคนในองค์กรเกิดแตกความสามัคคี ไม่ว่าความแตกแยกนั้นจะเกิดจากคนภายในเอง หรือผู้ไม่หวังดีจากภายนอกก็ตาม ความคิดแตกต่างที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมักจะนำมาซึ่งความแตกแยก สร้างความระส่ำระส่ายให้องค์กรนั้นๆพังพินาศได้ และเขาซึ่งเป็นประธานบริหาร จะไม่ยอมนิ่งเฉยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นแน่
ที่ผ่านมานั้นตนไม่เคยเกรงกลัวต่อเล่ห์เหลี่ยม ชั้นเชิงต่างๆของคู่แข่ง ผลกำไรที่น่าพอใจในแต่ละไตรมาสนั้นเป็นสิ่งการันตีในผลงานของซีอีโอหนุ่มวัยสามสิบหกปีได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องวางแผนการซับซ้อน ทำให้หลายคนเข้าใจผิดอยู่เช่นก็???เพราะต้องการล่อเหยื่อตัวร้าย บ่อนทำลายธุรกิจให้ย่อยยับเพียงเพราะที่ผ่านมา ไม่สามารถเอาชนะกันซึ่งหน้าได้จึงต้องใช้แผนสกปรก แทรกซึมเข้ามาทำให้ธุรกิจของเขาเสียหายนั่นเอง
เรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเฉินไป่เฉียง หรือที่คนส่วนใหญ่จะรู้จักเขาในนาม พอล เฉิน นักธุรกิจชาวจีนฮ่องกง ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยหลายสิบปี เจ้าของห้างพอลการ์เดน คู่แข่งของห้างแม็กซ์มอลล์ ซึ่งคนส่วนมากก็รู้กันดีว่าห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ทั้งสองนี้เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันอย่างชัดเจน แม้ว่าห้างแม็กซ์มอลล์จะแซงหน้ามาตลอดเพราะสามารถสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมือง และตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีกว่าห้างพอลการ์เดน
ราวชั่วโมงต่อมา... รถยนต์เบนท์ลีย์สีดำมันขลับก็เคลื่อนตัวเข้าสู่คฤหาสน์ขนาดมหึมาของตระกูลโภไคยสกุล คฤหาสน์หลังใหญ่ที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนถ้าไม่นับรวมแม่บ้าน คนสวน พนักงานรักษาความปลอดภัยกว่าห้าสิบชีวิต
พบกรันต์ก้าวลงจากรถยนต์ทันทีที่คนสนิทเปิดประตู ก้าวเดินเข้าสู่ตัวคฤหาสน์อันเงียบเชียบด้วยความเมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน โดยมีคำรบเดินตามหลังเข้ามาติดๆพร้อมส่งเสื้อสูทสีดำให้แม่บ้านที่ออกมาต้อนรับเจ้านาย
“พรุ่งนี้ฉันจะออกเร็วกว่าปกติชั่วโมงหนึ่งนะ ต้องเผื่อเวลาไปรับรัตน์ระพีที่คอนโดด้วย” พบกรันต์สั่งพลางเดินพันแขนเสื้อขึ้นไว้บริเวณข้อศอก เมื่อเห็นว่าคนสนิทรับคำอย่างขันแข็งแล้วจึงหันไปถามถึงผู้เป็นมารดากับแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล “แม่เข้านอนแล้วเหรอ?”
“เปล่าค่ะ คุณหญิงท่านยังรอคุณพีทอยู่ในห้องนั่งเล่น แต่ดิฉันคิดว่าน่าจะเผลอหลับไปถึงไม่ทราบว่าคุณพีทกลับมาแล้ว” แม่บ้านรายงาน “คุณพีทจะให้ดิฉันเข้าไปเรียนคุณหญิงท่านไหมคะ”
พบกรันต์ส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะเข้าไปหาท่านเอง เธอไปพักผ่อนเถอะ”
มือแข็งแรงของพบกรันต์เปิดประตูห้องนั่งเล่น แล้วสอดตัวเข้ามาด้านในอย่างเงียบเชียบเพราะเกรงว่าจะทำให้ผู้เป็นแม่ตื่นจากนิทรา ภาพของหญิงวัยห้าสิบเก้าปีที่ยังสาวเพราะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ปลายเท้ามีสาวใช้ฟุบหลับอยู่อีกคนทั้งที่ในห้องยังเปิดทีวีไว้เสียงดัง พบกรันต์จึงเดินไปตบเบาๆที่ไหล่ของสาวใช้
“ชู่ว... อย่าเสียงดัง เดี๋ยวท่านตื่น ไปพักผ่อนได้แล้ว” พบกรันต์บอก เมื่อสาวใช้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในไม่กี่อึดใจ พลางก้มตัวลงสอดมือเข้าใต้ร่างของผู้เป็นแม่ หากแต่ยังไม่ได้ออกแรงยกขึ้น ท่านก็รู้สึกตัวเสียแล้ว
“อื้ม... มาแล้วเหรอตาพีท” ศรีประไพ คุณหญิงตราตั้งที่ทำคุณประโยชน์ให้กับงานการกุศลมากมาย ยิ้มทักทายลูกชายเพียงคนเดียว พลางยกมือปิดปากที่หาวเพราะความง่วงงุน
“ครับ ทำไมแม่ไม่ขึ้นไปนอนข้างบน แบบนี้มันทรมานตัวเองนะครับ ช่วงนี้ผมงานยุ่งๆ กลับบ้านดึกทุกวัน ไม่อยากให้แม่ต้องมานั่งรอแบบนี้เลย” พบกรันต์บอกพลางถอยหลังไปนั่งลงข้างๆแม่ของตน
“ทรมานที่ไหนกัน แม่อยู่บ้านคนเดียวเบื่อๆ ก็เลยมานั่งดูทีวี นี่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้ตัว” ศรีประไพบอกพร้อมมองลูกชายด้วยแววตารักใคร่ “แล้วนี่พีททานอะไรมารึยัง?”
“เรียบร้อยแล้วครับ แล้วแม่ล่ะครับทานรึยัง อย่าบอกนะว่ารอผมจนยังไม่ได้ทานข้าวเย็น”
“โอ๊ย... ถ้าพีทไม่โทรมานัดแม่ก่อนว่าจะมาทานข้าวเย็นด้วย อย่าหวังว่าแม่จะรอทานข้าวกับลูก ไม่มีทาง แม่รู้ดีว่าตัวเองไม่ดึงดูดใจเหมือนสาวๆของพีท” ศรีประไพบอกด้วยน้ำเสียงติดตลก
“ฮ่า... พูดเหมือนกำลังน้อยใจ” พบกรันต์ถามอย่างหยอกเย้า
“เปล่า... หลายปีมานี้แม่พอจะปรับตัว ทำใจยอมรับได้แล้วว่าตัวเองมีลูกชายรูปหล่อ แถมร่ำรวย เป็นธรรมดาที่ต้องมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามาติดพัน”
พบกรันต์เหล่มองผู้เป็นแม่ที่ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสูงทั้งยังพูดประชดประชัน “และพวกหล่อนจะถูกคุณหญิงผู้หวงลูกชายกำจัดไปอย่างเงียบเชียบ คนแล้วคนเล่าจนลูกชายของคุณหญิงผู้นั้นมีกิตติศัพท์เป็นที่เลื่องลือว่าเจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ช้ำหน้าใช่รึเปล่าครับ?”
“ไม่รู้ พีทพูดเรื่องอะไร แม่ไม่เห็นเข้าใจ” ศรีประไพแสร้งทำสีหน้าเรียบเฉยพร้อมลุกขึ้นจากโซฟาทันที
“ไปไหนล่ะครับ”
“แม่ง่วงมาก จะไปนอนแล้ว” ตอบพร้อมเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น โดยที่ไม่รอลูกชาย แต่เพียงแค่จะก้าวขึ้นบันได ลูกชายก็เข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วง
“ผมไปส่งแม่เข้านอนนะครับ”
“ส่งทำไมกัน แม่ไม่ใช่สาวๆที่ขาดความรักสักหน่อย พีทคงใช้ไม้นี้อ้อนสาวๆจนติดเป็นนิสัย ต้องส่งพวกเธอเข้านอนถึงเตียงเลยเหรอ”
พบกรันต์หัวเราะร่วน ท่านเป็นผู้หญิงที่ฉลาด พูดคุยด้วยแล้วเหมือนกับถูกสอบสวนไปในตัว “โธ่... แม่ครับ ถ้าเป็นสาวๆน่ะ ผมไม่ส่งถึงเตียงอย่างเดียวนะ ต้องลงมือกล่อมเธอด้วยตัวเอง บางทีกล่อมกันไปกล่อมกันมา สว่างถึงจะหลับ”
คำพูดสุดห่ามของลูกชายทำให้คนเป็นแม่อดรนทนไม่ได้ หยิกเข้าที่ท่อนแขนอย่างหมั่นไส้พลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลูกชายของเธอรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกในเรื่องชู้สาวมาเต็มเปี่ยม “นี่แม่คิดผิดใช่ไหมที่ส่งพีทไปเรียนอเมริกาตั้งแต่ไฮสคูล”
“จะผิดจะถูกก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ ตอนนี้ลูกชายแม่อายุสามสิบหกปีเต็ม ที่สำคัญแม่เป็นคนกำจัดพวกเธอไปจากชีวิตของผม เพราะฉะนั้นแม่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่คนทั่วไปมองผมว่าเป็นคนเจ้าชู้”
“ไม่เกี่ยวกับแม่สักนิด พีทรับเอาความเจ้าชู้มาจากพ่อของพีทต่างหาก” ศรีประไพมีแววตาที่ลุกโชนไปด้วยความเจ็บใจทุกครั้งเมื่อเอ่ยถึงเจ้าสัวพร้อม สามีผู้ล่วงลับไปแล้ว และพบกรันต์ก็รับรู้ได้เป็นอย่างดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศ
“ไปเที่ยวยุโรปสักเดือนดีไหมครับ เปลี่ยนบรรยากาศ” ทำไมคนเป็นลูกจะไม่รู้ว่าแม่นั้นเหงา รู้สึกโดดเดี่ยวเพียงใดที่ต้องอยู่บ้านหลังใหญ่เพียงลำพัง แม้ว่าท่านจะออกงานสังคมบ่อยครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพียงการพบปะสังสรรค์ที่หาคนจริงใจได้ยากยิ่ง
“พีทว่างเหรอ?” ศรีประไพถามลูกชายด้วยสายตามีความหวัง
“เปล่าครับ ก็ชวนเพื่อนๆของแม่ไปด้วยสิครับ ผมเห็นออกงานด้วยกันบ่อยๆ”
“น่าเบื่อ พวกเศรษฐีใหม่ อวดรวย ชีวิตนี้แม่เบื่อคนอยู่สองประเภทคือพวกหวังรวยทางลัด ใช้ทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองมั่งคั่ง อีกพวกคือดารานางแบบที่พีทชอบควงไปท่องราตรีอยู่บ่อยๆ” ประเภทหลังนี้เป็นพวกเห็นแก่เงิน ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้อยู่สุขสบายโดยไม่สนใจว่าจะทำให้ใครเจ็บช้ำน้ำใจ ซึ่งสามีของเธอก็ตกหลุมพรางของดาราสวยๆจนทำให้เกิดรอยร้าวในครอบครัวขึ้น
“มันกว้างมาก... แล้วผมจะไปหาลูกสะใภ้นอกเหนือจากคนสองประเภทนี้ได้ที่ไหนกัน ในเมื่อใครๆก็แสวงหาความสุขสบายกันทั้งนั้น” พบกรันต์เข้าใจในคำพูดของท่านเป็นอย่างดี แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเพราะไม่อยากให้ท่านต้องคิดถึงเรื่องไม่สบายใจเหล่านั้นอีก
“แม่ไม่เถียงหรอกว่าใครก็อยากสุขสบายกันทั้งนั้น แต่คนเรามันต้องมีจิตสำนึก ก่อนอื่นต้องรู้จักรับผิดชอบตัวเอง รู้จักทำงานหาเงินเลี้ยงชีพไม่ใช่สักแต่ว่าจะเอารูปร่างหน้าตา ความสาว ความสวยที่มันไม่จีรังยั่งยืนเข้าแลก”
“แปลว่าไม่ต้องรวย?”
ศรีประไพแหงนหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยแววตาจริงจัง “ลูกสาวคนรวยคือคุณหนูที่ถูกเลี้ยงมาอย่างสุขสบาย มีคนรองมือรองเท้า รู้จักใช้แต่ไม่รู้จักหา แม่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าให้พีทหาเมียมาเพื่อใช้งานแต่อย่างน้อย ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องทำงานเป็นเพราะคนที่ทำงานเป็นจะรู้จักค่าของเงินว่าได้มาอย่างยากลำบาก แน่นอนล่ะว่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นก้าวเข้ามาเป็นภรรยาของประธานกลุ่มพร้อมพบ โฮลดิ้ง ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหรูหราสุขสบาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดเมียของพีทต้องรู้จักวางตัว ต้องรู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองอย่างน้อย เมื่อพีทกลับมาถึงบ้าน เธอก็ต้องทำให้พีทสบายใจได้ เข้าใจที่แม่พูดรึเปล่า?...”
“ครับ ดูเหมือนง่ายแต่หายากน่าดู” ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเมื่อได้ยินคุณสมบัติที่แม่ตนพูดมา ในหัวสมองกลับมีภาพของผู้หญิงตัวเล็กๆ ใบหน้างดงาม ความสามารถเป็นที่ประจักษ์กับคนทั่วไปขึ้นมาอย่างชัดเจน
อาการนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ของลูกชายนั้น ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นแนบกับโครงหน้าคร้ามคมด้วยความอ่อนโยน “แต่ดูเหมือนว่าพีทจะเจอผู้หญิงคนนั้นแล้ว รึเปล่า?”
“ปะ...เปล่าครับ บอกแล้วว่าที่แม่พูดมาน่ะ หายาก...”
“งั้นก็จงหาต่อไป ฝรั่งเขาว่าชีวิตผู้ชายมักเริ่มต้นเมื่ออายุสี่สิบปี พีทยังเหลือเวลานี่ลูก” ศรีประไพบอกด้วยน้ำเสียงขบขัน ใช้ฝ่ามือตบเบาๆที่แก้มสากอย่างเอ็นดู “แม่ไปนอนล่ะนะ พรุ่งนี้จะทานอาหารเช้าด้วยกันรึเปล่า”
“ไม่ล่ะครับ พรุ่งนี้ผมต้องออกจากบ้านตอนหกโมงเช้า” พบกรันต์บอกพลางมองแม่ของตนที่พยักหน้ารับพร้อมยิ้มบางๆ แล้วหมุนตัวเดินไปยังห้องนอนของท่าน เมื่อเห็นว่าท่านเข้าไปในห้องแล้วจึงเดินไปยังห้องนอนส่วนตัวพลางคิดในถึงคำพูดที่ท่านอบรมเมื่อครู่นี้
จริงสินะ! ใครก็ได้ที่รู้จักวางตัว รู้จักตำแหน่งแห่งที่ของตัวเอง ที่สำคัญเธอต้องทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุข
ความจริงแล้วเหตุผลที่ท่านกำจัดผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของตน คนแล้วคนเล่าก็เป็นเพราะเหตุผลที่ท่านได้พูดมาเมื่อครู่ แต่การเหมารวมว่าดารานางแบบจะเป็นเช่นนั้นทุกคนก็ออกจะเป็นความคิดติดลบที่มีอคติไปสักหน่อย ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าชีวิตการแต่งงานของท่านเกิดปัญหา ไร้ซึ่งความสุขฉันท์สามีภรรยาที่สร้างครอบครัวร่วมกันเพราะปัญหามือที่สามเข้ามาแทรกกลาง
พบกรันต์สลัดปัญหาของคนรุ่นก่อนออกจากความคิดเพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องจัดการโดยเร็ว คือปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจของตน ถ้าหากปล่อยไว้โดยที่ไม่ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ก็ไม่รู้ว่าอนาคตในภายภาคหน้าจะต้องเจอกับปัญหาที่กลายเป็นแผลฉกรรจ์ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้อาณาจักรที่ผู้เป็นพ่อสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากต้องพังพินาศไปเป็นแน่
ราวสิบห้านาทีต่อมาหลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว พบกรันต์ก็ก้าวขึ้นเตียงขนาดใหญ่พิเศษ ล้มตัวลงนอนกอดหมอนข้างราวกับกอดสาวเนื้อตัวนุ่มนิ่มสักคนแล้วหลับใหลอย่างง่ายดายเพราะความเมื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 ส.ค. 2558, 11:50:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 ส.ค. 2558, 11:50:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 1130
<< ตอนที่ 3 100% | ตอนที่ 5 100% >> |