กับดักรักจอมบงการ
อลินธิดา’ ผู้ประกาศข่าวสาวช่วงพยากรณ์อากาศประจําสถานีโทรทัศน์
แม้งานที่ทําจะท้าทายความสามารถมากมายแค่ไหน
แต่หญิงสาวก็ยังมองหา ‘งานข่าว’ ในหน้าที่ใหม่อยู่เสมอๆ
แต่การอิจฉาริษยา ปะทะกัน และแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในสถานีก็ทําให้เธอสะดุดล้มไม่เป็นท่า
จนกระทั่งเธอได้ล่วงรู้ ‘ความลับ’ ของเขา
มหาเศรษฐีหนุ่มที่สังคมอยากจะรู้เรื่องชีวิตของเขามากที่สุด!
 
 
‘พบกรันต์ โภไคยสกุล’ เขาคือนักธุรกิจมหาเศรษฐี ที่นอกจากจะมีอิทธิพลมากแล้ว
เขายังมีเสน่ห์ดึงดูดทางเพศ และเซ็กซี่เฉียบขาดบาดใจชนิดที่อลินธิดาไม่เคยเจอมาก่อน
ความปรารถนาที่เขาและเธอสัมผัสได้จากกันและกันนั้นอาจจะเร่าร้อน
แต่ต้องหักห้ามใจ... ภายใต้ ‘การหลอกลวง’ และความเสี่ยงในแง่ของ ‘ความไม่เชื่อใจ’
จนกระทั่ง ‘รสสัมผัสต้องห้าม’ ที่เกิดขึ้นบนเตียงซึ่งเขาปรนเปรอให้อย่างเชี่ยวชาญ
ดึงให้เธอและเขาเดินมาถึงทางแยกอันน่าลําบากใจ... ระหว่าง
‘ความถูกต้อง’ และ ‘ความรัก’
สถานีโทรทัศน์ที่ชื่อ CAN ซึ่งเป็นสถานที่ทํางานของเธอนั้น เขารู้จักชื่อเสียงของมันดี
และรู้ว่าการล่อลวงนักข่าวสาวให้ขึ้นเตียงคือการเล่นกับไฟ
ซึ่งเธอก็พร้อมที่จะขาย ‘ความลับ’ ของเขาเพราะความทะเยอทะยานในหน้าที่
และข่าวอื้อฉาวที่ออกมาก็เป็นจริงดังคาดด้วยวิธีการ ‘สกปรก’
แต่ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวของเขาเท่านั้นที่ถูกเปิดเผย
หากอาจจะรวมไปถึง ‘ความลับ’ ของอลินธิดา
...ที่รอวันประจานตัวเองออกมาในอีกเก้าเดือน!
 
“ตอนนี้แค่อาบน้ำจ้ะน้ำผึ้ง ผมแค่อยากให้คุณได้คุ้นชินกับเนื้อตัวและสัมผัสของผม
เอาไว้วันหลังผมจะแสดงให้ดูว่าเราทำได้ทุกที่ถ้าคุณต้องการ หรือจะชอบแบบโลดโผนผมก็ยินดี”
Tags: กับดักรักจอมบงการ, พบกรันต์, อลินธิดา

ตอน: ตอนที่ 11 100%

ทันทีที่อลินธิดาเดินทางถึงฝ่ายบรรณาธิการข่าวของช่องCAN ในเช้าวันรุ่งขึ้น นักข่าวสาวก็นำเทปบันทึกเสียงสนทนาของพบกรันต์และรัตน์ระพีเปิดให้ชาตรีได้ยินกับหูเอง
ชาตรีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเสียงสนทนานั้นเงียบลง ความหนักใจที่เกิดขึ้นทำให้โปรดิวเซอร์ข่าวมือทองต้องคิดหนัก ด้วยการเลือกสรรบุคคลที่สามารถจะร่วมงานได้นั้น คุณสมบัติของหทัยกานต์คงไม่ทำให้เขาเลือกเธอเข้ามาอยู่ในทีมแน่ แต่เมื่อไม่อาจปฏิเสธระบบอุปถัมภ์ที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนไทยมาเนิ่นนานจึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่สิ่งที่ฝืนใจ
“น้ำผึ้งรู้นะคะว่าพี่ชาตรีลำบากใจ ไม่ว่าพี่จะตัดสินใจยังไง น้ำผึ้งก็ยอมรับเสมอค่ะ แต่อยากให้รับรู้เรื่องนี้ไว้เท่านั้นเอง” อลินธิดาพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ เมื่อเห็นสีหน้าของชาตรีที่แสดงออกมา
“ขอบใจที่น้ำผึ้งเข้าใจพี่ ความจริงแล้วถ้าไม่ใช่คุณพบกรันต์พี่ก็ไม่เคยรับปากใครเพราะไม่ชอบการใช้เส้นสายฝากงานอยู่แล้ว แต่น้ำผึ้งก็น่าจะรู้ว่าผู้ใหญ่ของช่องเราเกรงใจเขามาก”
อลินธิดาพยักหน้ารับ “ทราบค่ะ แล้วก็ทราบด้วยว่าถ้าผู้ใหญ่รู้เรื่องที่เรากำลังแอบติดตามชีวิตของเขาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อที่ดินผืนนั่น พวกเราคงตกที่นั่งลำบาก”
“พี่ถึงได้กำชับนักหนาว่าต้องทำเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด เพราะสิ่งที่เราทำมันเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ที่สำคัญต้องปิดงานนี้ให้ได้เร็วที่สุดด้วย” ชาตรีบอกด้วยพลางถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ส่วนเรื่องหทัยกานต์ พี่คงต้องรับเข้าทำงาน แต่คงไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือรับรู้เรื่องที่เราแอบทำกันอยู่”
“ค่ะ... งั้นน้ำผึ้งขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
“อ้อ... เดี๋ยวก่อน” ชาตรีหยุดร่างอรชรด้วยคำถามที่เพิ่งนึกขึ้นได้ “น้ำผึ้งแน่ใจใช่ไหมว่าคุณพบกรันต์ไม่รู้ตัวว่าเราแอบติดตามเขาอยู่?”
หากพูดความจริงเธอต้องถูกสั่งให้หยุดทำงานนี้อย่างแน่นอน สิ่งที่ตั้งใจว่าจะทำให้สำเร็จก็ต้องพังทลายไม่เป็นท่า นั่นทำให้อลินธิดาเลือกที่จะโกหกออกมา... “ยังไม่ทราบหรอกค่ะ และน้ำผึ้งจะระวังให้มากค่ะ”
เมื่อเห็นโปรดิวเซอร์พยักหน้ารับ อลินธิดาก็เดินออกมาจากห้องทำงานนั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะเหมือนกับว่ากำลังเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว แต่เขาก็ไม่ใช่จะเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเมื่อไหร่ เขาพูดเองว่าจะตอบโต้ด้วยวิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน ทั้งยังเห็นเป็นแค่เกมสนุกๆเกมหนึ่งเท่านั้น
ดีล่ะ! อีกไม่นาน เธอนี่แหละจะเป็นคนกระชากหน้ากากให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดีเลิศอย่างที่หลายคนเข้าใจ ไม่แน่ว่าการที่เขายังติดต่อกับอดีตคนรักซึ่งกลายเป็นผู้หญิงของคู่แข่งตัวฉกาจทางธุรกิจจะเป็นเล่ห์เพทุบายที่เขาตั้งใจวางเอาไว้เพื่อล้วงความลับของพอล เฉิน ก็เป็นได้ และหากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะเป็นคนที่น่ารังเกียจ ไร้จิตสำนึก สนใจเพียงแค่ความเจริญก้าวหน้าในธุรกิจของตัวเองเท่านั้น

หลังจากที่บันทึกเทปข่าวพยากรณ์อากาศจบลง อลินธิดาก็เดินทางออกจากสถานีช่องCAN เพื่อเกาะติดชีวิตของพบกรันต์เช่นเคย โดยวันนี้ตกลงกับชัยรัตน์ว่าจะขับรถไปคนละคัน เพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเมื่อพบกรันต์เปลี่ยนมาใช้รถสปอร์ตราคาแพงซึ่งมีรูปลักษณ์ปราดเปรียว ทั้งยังขับรถด้วยตนเอง
สองชั่วโมงที่แล้วทั้งคู่ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหันเมื่อเห็นว่าคนสนิทของเขาออกจากสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้งนั้นด้วยความเร่งรีบราวกับมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น อลินธิดาและชัยรัตน์จึงลงความเห็นว่าควรจะตามคนสนิทของเขาไปด้วย วันนี้อลินธิดาจึงต้องตามติดพบกรันต์เพียงลำพัง
ไม่นานนักอลินธิดาก็เลี้ยวรถเข้ามาในห้างแม็กมอลล์ สาขาใหญ่อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร
“ตาบ้าเอ๊ย! อย่าบอกนะว่าจะมาทำธุระในห้าง ฉันจะหาที่จอดรถได้ยังไงกัน” อลินธิดาบ่นกับตัวเอง และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด เมื่อเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถแล้ว พนักงานรักษาความปลอดภัยโบกให้รถสปอร์ตสีแดงเพลิงเข้าไปจอดในบริเวณที่กันไว้สำหรับผู้บริหาร
อลินธิดาขับรถเลยบริเวณของผู้บริหารไปในขณะที่ยังมองรถสปอร์ตสีแดงเพลิงผ่านกระจกมองหลัง พลางตัดสินใจจอดรถยนต์ซ้อนคันเป็นครั้งแรก นึกเข่นเคี่ยวในใจที่เขาทำให้เธอต้องตัดสินใจจอดรถยนต์เช่นนี้ การจอดรถโดยไม่ใส่เบรกมือทำให้สามารถเข็นรถเดินหน้าถอยหลังได้ แต่ก็เสี่ยงอันตราย อาจจะไปชนกับรถคันอื่นได้เช่นกัน แต่ด้วยความจำเป็นจึงต้องทำเช่นนี้ อลินธิดารีบวิ่งตามร่างสูงใหญ่ที่เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าอย่างรวดเร็ว
เป็นอีกวันที่อลินธิดาไม่ได้สวมเสื้อผ้าตามสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ เสื้อยืดที่สวมเสื้อยีนส์ทับอีกชั้น กับกางเกงสกินนี่ รองเท้าผ้าใบมีส้นที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ทำให้หญิงสาววัยยี่สิบเก้าปี ดูเหมือนสาววัยแรกแย้มและไม่มีใครเข้ามาทักทาย ขอลายเซ็นเพราะชื่นชอบในบทบาทพิธีกร นักข่าวของเธอเหมือนเช่นเคย หากแต่การเดินตามร่างสูงใหญ่ซึ่งห่างกันราวสามร้อยเมตรทำให้อลินธิดาแปลกใจว่า... การเป็นประธานบริหารกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง ต้องลงมาเดินสำรวจตรวจตรากิจการของตัวเองเช่นนี้หรืออย่างไร?!
พบกรันต์ยิ้มทักทายพนักงานที่ทำความเคารพตนอย่างนอบน้อม ก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงรับทราบและสั่งด้วยสายตาให้พนักงานทั้งหลายหันไปทำหน้าที่ของตนต่อไป
จากชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุดของห้างแม็กซ์มอลล์ที่อลินธิดาต้องแอบเดินตามพบกรันต์ เวลาเกือบสามชั่วโมงที่เขาขลุกอยู่ในห้าง ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะได้งานเป็นชิ้นเป็นอัน เขาเดินราวกับว่าสำรวจอาณาจักรของตัวเองเสียมากกว่าที่จะเดินสำรวจความเรียบร้อย เพราะไม่ได้เรียกหัวหน้าแผนกต่างๆมาสั่งการเหมือนที่ควรจะเป็น แต่จู่ๆ เขาก็หยุดกึก และหมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหัน!
อลินธิดาตกใจเพราะไม่รู้จะหลบที่ไหน จึงต้องรีบทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วคลานเข้าไปหลบอยู่ใต้ตู้โชว์นาฬิกายี่ห้อดัง หากท่อนขาแข็งแกร่งที่อยู่ในกางเกงสแล็กสีดำสนิทซึ่งก้าวเข้ามาประชิดกับตู่โชว์ตัวเดียวกันก็ทำให้หญิงสาวหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวว่าเขาจะจับพิรุธได้ ยิ่งเขานั่งลงบนเก้าอี้ในระยะห่างกันไม่ถึงคืบ ยิ่งทำให้ใจหายใจคว่ำไปกันใหญ่
“สวัสดีค่ะท่าน” พนักงานขายนาฬิกาแบรนด์ดังยกมือไหว้ ทักทายเจ้าของห้างอย่างนอบน้อม หากการรับไหว้ของซีอีโอหนุ่มก็ทำให้เธอรู้สึกประทับใจในการวางตัวของเขา ซึ่งไม่ได้หยิ่งยะโสอย่างที่คิดเอาไว้ “ท่านสนใจนาฬิการุ่นไหน ใส่เองหรือซื้อฝากคะ?”
“ซื้อฝากครับ ผู้หญิง” พบกรันต์บอกพลางมองนาฬิกาหลายเรือนที่พนักงานสาวนำมาวางเรียงรายไว้ตรงหน้า
“เป็นคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดค่ะ มีสามสีให้เลือกทั้งแพตทินัม โกลด์และพิงค์โกลด์ค่ะ มีเข้าชุดทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงด้วยนะคะ”
“เอ... เธอจะชอบแบบไหนล่ะ เดาใจไม่ถูกซะด้วยสิ” พบกรันต์บ่นพึมพำกับตัวเองแล้วขยับเก้าที่ที่นั่งอยู่เข้าไปใกล้ๆกับตู้โชว์มากขึ้นราวกับกำลังตั้งใจเลือกนาฬิกา แต่การนั่งเช่นนั้นก็เท่ากับว่าอลินธิดาซึ่งหลบอยู่ใต้ตู้โชว์กำลังนั่งอยู่กลางหว่างขาของเขา!
‘อี๋... ตาบ้าเอ๊ย จะขยับเข้ามาใกล้ทำไมนักหนา เลือกๆไปเถอะ นาฬิการาคาแพงขนาดนั้น สาวที่ไหนเห็นก็ชอบทั้งนั้นล่ะ’ อลินธิดาคิดในใจอย่างหมั่นไส้
“ถ้าให้ดิฉันเดา... คุณรัตน์ระพีน่าจะชอบเรือนที่เป็นสีพิงค์โกลด์มากกว่านะคะ เพราะกำลังเป็นที่นิยมกู??เหมาะกับเธอดี” พนักงานสาวแนะนำอย่างเอาใจเจ้านาย ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าจักว่าผู้หญิงของท่านคือดาราสาวที่กำลังมาแรงอยู่ในขณะนี้ “ได้ยินว่าวันนี้เธอจะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับเสื้อยี่ห้อ... ด้วยนะคะ”
พบกรันต์อมยิ้มที่มุมปากพร้อมเปรยออกมา “ดีเลย กำลังหาเพื่อนนั่งทานข้าว”
“เธอสวยมากนะคะ ดิฉันเป็นแฟนละครของเธอ เมื่อเช้านี้ยังเห็นเธอบ่นผ่านไอจีอยู่เลยค่ะว่าวันนี้มางานโชว์ตัวแต่หน้าโทรม แต่ดิฉันดูยังไงก็เห็นว่าเธอสวยอยู่ดี” พนักงานสาวพูดตามความรู้สึก
อลินธิดากลอกสายตาไปมาอย่างระอาใจเมื่อได้ยินคำพูดของพนักงานสาว นี่รัตน์ระพีคงจะแต่งหน้าจัดเต็ม แล้วอัพรูปตัวเองบนอินสตราแกรมบ่นว่าตัวเองหน้าตาทรุดโทรม เรียกร้องความสนใจให้คนที่กำลังติดตามปลอบใจอีกตามเคย
พบกรันต์หัวเราะอย่างพอใจพร้อมสอดมือเข้าไปใต้ตู้โชว์ดึงต้นแขนเรียวให้ออกมาทันที “ออกมาได้แล้วน้ำผึ้ง จะหลบทำไมกัน เดินกับผมนี่ต้องอายด้วยเหรอ?”
“ว้าย.../โอ๊ย!” เสียงอุทานของพนักงานสาวดังขึ้นเมื่อเห็นผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ออกมาจากใต้ตู้โชว์ พร้อมๆกับเสียงอุทานของอลินธิดาที่ไม่ทันระวัง ศีรษะโขกเข้ากับตู้โชว์อย่างจึงได้แต่ลูบๆคลำๆที่ศีรษะของตนเองเพื่อคลายความเจ็บ พร้อมส่งยิ้มให้พนังานสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความเขินอาย
“ปล่อยนะ มากอดไว้ทำไม อายคนอื่นมั่ง!”
พบกรันต์ดึงร่างของคนที่กำลังขู่ฟ่อขึ้นมานั่งบนตักอย่างไม่สนใจ ใช้แขนทั้งสองข้างค้ำเข้ากับตู้โชว์ ถามหญิงสาวในอ้อมกอดหน้าตาย “เลือกให้หน่อยสิ ผมเดาใจไม่ถูกว่าเธอจะชอบแบบไหน”
“ไม่!”โต้กลับพร้อมถลึงตาใส่ บอกด้วยน้ำเสียงดุๆอีกครั้ง “ขนาดคุณเป็นแฟนยังไม่รู้ใจ แล้วกับฉันไม่ชอบหน้ากันออกอย่างนี้จะไปรู้ใจแฟนคุณได้ยังไง”
“ใครกันแฟนผม?” พบกรันต์ถามแล้วเคลื่อนเข้าไปใกล้ๆใบหน้างดงามซึ่งปราศจากเครื่องสำอาง โชว์ความผ่องใสของผิวพรรณจนอยากที่จะพิสูจน์ความหอมนัก หากแต่ต้องอดใจไว้และดูเหมือนว่าเธอจะอ่านใจเขาออก รีบใช้ฝ่ามือดันอกกว้างไว้ กวาดสายตามองผู้คนรอบกายที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ บางคนก็อมยิ้ม หัวเราะคิกคัก มองด้วยความอิจฉาราวกับอยากเป็นเธอเสียเอง
“คุณพบกรันต์ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ คนมองเยอะแยะ ไม่อายบ้างรึไง!”
“ม่าย... ไม่อายสักนิด”
“คุณไม่อายแต่ฉันอาย ปล่อยนะ”
“แล้วทำไมผมต้องสนด้วยว่าคุณจะรู้สึกยังไง ในเมื่อคุณเองก็ไม่เคยเชื่อฟังคำเตือนของผม หรือให้เคารพพื้นที่ส่วนตัวของผมเลย” พบกรันต์ถามพลางส่งสัญญาณมือให้พนักงานสาวหลบไปเสียก่อน “ที่ตามผมทุกวันเนี่ยเพราะอยากได้ภาพลับๆเอาไปนั่งเทียนเขียนข่าวอีกล่ะสิ”
อลินธิดาอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าเขาจะรู้ตัวตั้งแต่แรก หากต้องกัดริมฝีปากล่างอย่างเจ็บใจเมื่อถูกหลอกให้เดินขาลากมาสามชั่วโมงเต็ม
“แล้วไม่ต้องมาปฏิเสธว่าไม่ได้ตาม ถ้ายังปากแข็งจะจูบโชว์ตรงนี้เลย”
อลินธิดาหน้าง้ำ เมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้ รู้ล่ะว่าคนอย่างเขากล้า บ้าบิ่นที่จะทำเรื่องเช่นนั้นได้ “งั้นก็ปล่อยสิ ต่อไปนี้ฉันจะไม่มารบกวนความเป็นส่วนตัวของคุณแล้วกัน”
“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอน้ำผึ้ง ผมเตือนคุณมากี่ครั้งแล้วก็ยังไม่ยอมเชื่อกัน คราวนี้มันต้องมีอะไรเป็นเครื่องเตือนใจคุณหน่อยสิ จะได้ไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก” พูดพลางชี้นิ้วไปที่มุมของอาคารซึ่งมีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพอยู่
“นี่คิดจะแบล็กเมล์ฉันเหรอ?”
“ลองเป็นข่าวหน้าหนึ่งกับผมไหมล่ะ จะแสดงให้ดูว่าจูบดูดดื่มเนิ่นนานอย่างที่คุณเขียนไปน่ะ จริงๆแล้วเขาทำกันยังไง”
“ปล่อย!” อลินธิดาตวาดดุคนที่รัดเอวของตนแน่นรั้งให้นั่งซ้อนอยู่บนหน้าตักของเขา
พบกรันต์ยิ้มพราย เลิกคิ้วใช้สายตามองอย่างยั่วอารมณ์ให้เธอเดือดดาลมากขึ้น ไม่เพียงไม่ปล่อยแต่ยังเพิ่มแรงรัดร่างของนักข่าวสาวจนเธอตวัดสายตามองด้วยความโกรธเพราะไม่สามารถสู้แรงตนได้ “ชู่ว... เคยได้ยินไหมว่ายิ่งดิ้นเชือกก็จะยิ่งรัดแน่น”
“ปล่อย! ไม่งั้นฉันจะตะโกนดังๆว่าถูกลวนลาม ดีเหมือนกันคนอื่นจะได้รู้กันว่าคุณมันจอมเจ้าชู้ ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ แม้แต่กลางห้างที่คนพลุกพล่านอย่างนี้” อลินธิดาหยุดดิ้นแล้วหันมาโต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ แต่เขากลับเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะราวกับถูกอกถูกใจหนักหนา รอยยิ้มยั่วเย้า ร้ายกาจที่ส่งมาให้นั้นมันทำให้สายตาเธอพร่าเลือนไปชั่วขณะ
“จะว่ากันตามตรง ผมมีสิทธิ์ที่จะแจ้งความว่าคุณกำลังคุกคามสิทธิส่วนตัวของผมด้วยการสะกดรอยตาม ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย ความจริงแล้วผมไม่ค่อยชอบถูกลวนลามด้วยสายตา แต่ถนัดที่จะ...”
“น่าเกลียด” หญิงสาวอดทนฟังจนจบประโยคไม่ได้ด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนี้กวนอารมณ์โมโหได้น่าเหลือเชื่อจริงๆ “จะชอบ จะถนัดแบบไหนฉันไม่สนใจและก็ไม่ได้อยากรู้ เชิญคุณไปสาธยายความถนัดของคุณกับแม่ตัวอิจฉาที่ควงมาเถอะ แล้วก็ปล่อยด้วย เดี๋ยวหล่อนกลับมาแล้วจะมาโวยวายใส่ฉันอีก”
“หึงล่ะสิ?”
“ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วมีความสุข ดิฉันก็ไม่อยากขัดความสำราญใจ” อลินธิดายักไหล่ด้วยท่าทีไม่แยแส
“งั้นคงอิจฉา?” พบกรันต์เปลี่ยนคำถามพลางอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของผู้หญิงร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอด
“อิจฉา?” ถามเสียงสูงด้วยไม่เข้าใจว่ามีคุณสมบัติข้อไหนในตัวของรัตน์ระพี นางอิจฉาทั้งนอกจอและในจอที่คนอย่างอลินธิดาต้องอิจฉา
“ก็เธอสวยใช่เล่นนี่”
ให้ตายเถอะ! นี่มันเรื่องอะไรที่ต้องมาทนฟังผู้ชายคนนี้ชื่นชมถึงศัตรูหมายเลขหนึ่งเช่นนี้ หากแต่ต้องข่มอารมณ์โกรธเอาไว้จนลึกแล้วโต้กลับอย่างเผ็ดร้อน
“ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคู่ควงของคุณถึงได้ชอบแต่งหน้าจัดเต็มแล้วอัพรูปพร้อมโพสต์ข้อความลงไอจีว่า... โทรมสุดๆ ทั้งที่ปัดขนตาเด้งขึ้นไปถึงหน้าผาก ที่แท้หล่อนก็ต้องการคำชมจากคุณนี่เอง”
คำตอบของเธอทำให้ต้องกลั้นยิ้มจนปวดกราม แต่ยังถามต่อไปราวกับทดสอบความอดทนของเธอ “อย่าบอกนะว่าคุณก็ติดตามเธอเหมือนกัน ไม่งั้นคงไม่รู้ละเอียดทุกความเคลื่อนไหวแบบนี้”
“โธ่เอ๊ย! ก็หล่อนเล่นประกาศทุกอย่างอย่างนั้น อย่าว่าแต่ฉันรู้เลย ขนาดเอเลี่ยนก็ยังรู้”
เมื่อได้ฟังคำตอบและเห็นท่าทีแสนงอนก็ทำให้พบกรันต์อยากกดจมูกสูดกลิ่นหอมละมุนของแก้มผ่องใสนั้นนัก นี่สินะคือเสน่ห์เฉพาะตัวของอลินธิดา แม่น้ำผึ้งเปรี้ยวของเขา เธอสวย เก่ง ฉลาดทันคนแต่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ในสายตาของเขาเธอก็คือผู้หญิงน่ารัก ตัวเล็กๆที่ยังไม่รู้ว่าปัญหาใหญ่หลวงกำลังจะมาถึงตัว
โชคดีที่ว่าเขามีโอกาสได้ล่วงรู้เสียก่อน ไม่เช่นนั้นประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยเหมือนที่เกิดขึ้นกับมุกดารินก็เป็นได้ และเขาก็ปรารถนาที่จะเห็นความมั่นใจในตัวเอง ท่าทางคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉงในตัวเธอมากกว่าที่เห็นท่าทางเซื่องซึม เหมือนเช่นคราวที่ทำให้เธอต้องร้องไห้ในรถเพียงลำพัง แค่เห็นแผ่นหลังบอบบางสั่นไหวก็บีบคั้นหัวใจเกินทนแล้ว
อลินธิดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนที่ส่งผ่านมาให้ทางสายตา หากแต่ไม่เคยมั่นใจในตัวผู้ชายไร้หัวใจคนนี้เลยว่าเขาจะมีความรู้สึกเช่นนี้ให้ใคร อ้อ!... ความรู้สึกอ่อนโยน อบอุ่น เขาคงมีให้กับมุกดาริน อดีตคนรักเพียงคนเดียวกระมัง
กริ๊ง... กริ๊ง... กริ๊ง...
อลินธิดาสะดุ้งเล็กน้อย พลางควานหาอุปกรณ์สื่อสารที่กำลังกรีดร้องในกระเป๋ากางเกง “ปล่อย จะรับโทรศัพท์”
พบกรันต์ยกมือทั้งสองข้างขึ้นพลางไหวไหล่ ทำตามอย่างว่าง่าย ปล่อยให้เธอได้ทำธุระส่วนตัวตามที่ต้องการ พลางกวาดสายตามองร่างอรชรที่เดินห่างออกไปพอสมควรด้วยความพอใจ เพราะไม่เคยได้เห็นเธอแต่งกายทะมัดทะแมงราวกับเด็กวัยรุ่นเช่นนี้สักที พูดได้เต็มปากว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่ใส่กางเกงสกินนี่ได้สวยที่สุด เพราะความรัดรึงของเนื้อผ้าอวดบั้นท้ายงอนงามได้เป็นอย่างดี
“ว่าไงคะพี่สายใจ” อลินธิดากรอกเสียงลงไปทันทีที่กดปุ่มรับสาย
“คะ...คุณน้ำผึ้ง คะ...คุณอ้อยหมดสติไปค่ะ” แม่บ้านละล่ำละลักรายงานด้วยนำเสียงตื่นตระหนก
“อะไรนะคะ พี่สายใจว่ายังไงนะ?” อลินธิดาถามในขณะที่รู้สึกชาวาบทั้งร่าง “ละ...แล้วตอนนี้แม่เป็นยังไงคะ อยู่ที่ไหน เรียกรถพยาบาลรึยัง”
ท่าทีที่เดินไปด้วยพูดโทรศัพท์ไปด้วยราวกับคนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทำให้พบกรันต์แปลกใจพลางลุกขึ้นเดินตามร่างของเธอ
อลินธิดาไม่สนใจสิ่งรอบตัว รู้แต่เพียงว่าตอนนี้ต้องไปหาผู้เป็นแม่ให้เร็วที่สุด “ว่าไงคะพี่สายใจ ตอบน้ำผึ้งมาเร็วๆ”
“กำลังจะพาไปโรงพยาบาลค่ะ พี่ไปขอให้คุณหมอพงษ์พาคุณสายใจไปส่งที่โรงพยาบาล” ทันทีที่อมราหมดสติลง สายใจก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ ไม่กี่อึดใจต่อมาเมื่อตั้งสติได้จึงรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากอาทิตย์พงษ์ ซึ่งอาศัยอยู่บ้านตรงกันข้าม “ไปเจอกันที่โรงพยาบาลเลยนะคะ ตอนนี้คุณหมอพงษ์กำลังอุ้มคุณอ้อยขึ้นรถ”
“คะ...ค่ะ รีบไปโรงพยาบาลเลยนะพี่สายใจ” อลินธิดาบอกแล้วลดโทรศัพท์ลงเมื่อปลายสายเงียบไป
ใบหน้าที่ซีดเผือด มองซ้ายทีขวาทีราวกับสับสนอย่างหนัก ทำให้พบกรันต์เดินเข้าไปรั้งข้อศอกมนไว้ แล้วถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย “เป็นอะไรรึเปล่าน้ำผึ้ง ทำไมหน้าซีดอย่างนี้?”
“มะ...ไม่ ไม่ ปล่อยฉัน ปล่อย!” ความกลัวที่กำลังคุกคามอย่างหนักกำลังทำให้เธอพูดจาแปลกไป จากฉะฉาน ชัดเจน กลายเป็นไม่มีความไม่ความมั่นใจ สับสน!
“เป็นอะไร บอกผมมาซิน้ำผึ้ง” จบคำถามของพบกรันต์เสียงแหลมของรัตน์ระพีก็ดังมาแต่ไกล พร้อมกับขบวนนักข่าวและแฟนคลับของเธออีกหลายคน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พบกรันต์ปล่อยมือจากอลินธิดาแต่อย่างใด
“คุณพีทคะ มารอระพีนานรึยังคะ?” รัตน์ระพีถามด้วยน้ำเสียงหวานจับใจ แม้จะไม่พอใจกับภาพที่เห็นนัก จึงเข้าไปกอดแขนอีกข้างของพบกรันต์ ซุกตัวนอกกว้างอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทันที “อุ๊ยตาย! วันนี้ไม่ทำงานเหรอคะ คุณนักข่าวคนเก่ง”
เมื่อเปิดศึกวิวาทะกันมาหลายรอบ รัตน์ระพีก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องสวมหน้ากาก พูดจาเป็นมิตรอีกต่อไปแล้ว
เสียงกรี๊ดกร๊าดของแฟนคลับรัตน์ระพี กลบน้ำเสียงเอื้ออาทรที่กำลังก้องอยู่ในโสตประสาทของอลินธิดาจนหมดสิ้น ท่าทางหวงแหนที่แสดงออกมาไม่ทำให้อยากต่อล้อต่อเถียงเหมือนเช่นทุกครั้ง เพราะตอนนี้จิตใจเป็นกังวลกับอาการของมารดา
“ปล่อย อย่ามายุ่งกับฉัน” อลินธิดารวบรวมแรงทั้งหมดที่มีสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม เดินออกจากผู้คนกลุ่มใหญ่ด้วยความรวดเร็ว โดยไม่หันกลับมาหาคนที่กำลังมองด้วยสายตาเป็นห่วง
หากแต่การเกาะแกะของรัตน์ระพีและคำถามของนักข่าวในเรื่องความสัมพันธ์ของตนและดาราสาว ทำให้ต้องหันมาตอบคำถามและทำได้เพียงแค่มองร่างอรชรที่วิ่งไกลออกไปจนลับตา...

ในขณะเดียวกันกับที่อาทิตย์พงษ์กำลังขับรถพาอมราออกจากบ้านอย่างรีบเร่ง เสียงอุทานของสายใจที่นั่งอยู่เบาะหลังกับอมราก็ดังขึ้น
“ตายจริง! เจ้าช็อกโกแลตมันวิ่งตามเรามาค่ะ หมอพงษ์!”
ภาพที่สุนัขแสนรู้ทั้งเห่าทั้งวิ่งตามรถยนต์อย่างไม่ย่อท้อทำให้สายใจถึงกับน้ำตาซึมพลางหันมาบอกกับยอด และอาทิตย์พงษ์ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณหมอพงษ์กับพี่ยอดพาคุณอ้อยล่วงหน้าไปที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ พี่ต้องพาเจ้าช็อกโกไปขังกรงไว้ก่อน แล้วจะรีบนั่งแท็กซี่ตามไปค่ะ”
“ดีเหมือนกัน ดูท่าเจ้าช็อกโกมันคงต้องวิ่งตามถึงโรงพยาบาลแน่” และอาจจะเกิดอันตรายกับมันได้ เมื่อคิดได้ดังนั้น คุณหมอหนุ่มจึงจอดรถและปล่อยให้สายใจพามันกลับบ้านเสียก่อน หากต้องส่ายหน้ากับภาพที่ได้เห็นในกระจกมองหลัง ที่เจ้าช็อกโกแลตมันยังดื้อรั้นที่จะวิ่งตาม แม้ว่าสายใจจะจับที่สายรัดคอแล้วดึงตัวกลับ มันก็ยังขืนตัวไว้ ปากก็ครางโหยหวนราวกับจะขาดใจ ความซื่อสัตย์ และความรักที่มันมีต่อเจ้านายทำให้ประทับใจยิ่งนัก
หากชีวิตของคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ข้างหลังนี้สำคัญยิ่งกว่า เพราะหากท่านเป็นอะไรไป คงทำให้ผู้หญิงที่ตนแอบรักมานานเสียใจเป็นที่สุด เขาสัญญาว่าจะช่วยชีวิตของท่านอย่างสุดความสามารถ เมื่อคิดได้ดังนั้น อาทิตย์พงษ์ก็บังคับรถให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2558, 20:40:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2558, 20:40:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1120





<< ตอนที่ 10 100%   ตอนที่ 12 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account