จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: บทนำ
เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย ประเทศอเมริกา
ดวงตาสีเทาควันบุหรี่ของนักลงทุนระดับโลกอย่างลินเนอุส คอนราดสัน กำลังมองออกไปยังมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียที่เขาเพิ่งจบจากการบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโทเป็นวันสุดท้าย หัวข้อบรรยายอาจจะดูเหลือเชื่อ ขัดกับความเป็นจริงในการดำรงชีวิตมากไปสักหน่อย แต่เขาก็ทำให้นักศึกษาจากหลายชาติได้ประจักษ์แล้วว่า... ไม่มีใครร่ำรวยจากเงินออมที่แบงก์จ่ายดอกเบี้ยให้ปีละไม่เกินห้าเปอร์เซ็นต์ของเงินฝาก ในขณะที่เราสามารถทำกำไรให้กับตัวเองจากการลงทุนมากกว่าเดือนละหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่กำไรที่ว่านั่นก็ต้องอยู่ในกรอบความคิดและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลดังเช่นประสบการณ์จริงในชีวิตที่เขาเคยทำมาแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่ต้องการเงิน ความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกแสวงหา อำนาจแห่งเงินเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเนรมิตเกือบทุกสิ่งอย่างในโลก แม้ความจริงแล้วเขาจะเห็นว่าเงินสามารถซื้อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ได้ก็ตาม การบรรยายพิเศษตามมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วทุกมุมโลกนั่นถือเป็นงานอดิเรกของลินเนอุส คอนราดสัน นักลงทุนหนุ่มชาวสวีเดน เขาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยเงินลงทุนก้อนหนึ่ง จากวัยรุ่นอายุสิบหกถึงอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกในอายุสามสิบเจ็ดปีเต็ม
ลินเนอุสหัวเราะพรืดออกมาให้กับความทรงจำอันแม่นยำของตน เมื่อเหยียบย่างเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สถานที่และเมืองซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำอันงดงามในอดีตทว่าก่อให้เกิดบาดแผลลึกในใจจนยากจะลืมเลือน ทุกคำพูดทุกอากัปกิริยา ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเธอยังอยู่ในความทรงจำจากวินาทีแรกที่พบกันจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จากลา...
ข้อความในกระดาษโน้ตสั้นๆที่เธอแปะไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งยังก้องอยู่ในโสตประสาทแม้ว่าเขาจะขยำมันทิ้งแล้วสั่งตัวเองให้ลืมใบหน้าอันงดงามของเธอแล้วก็ตาม!
‘ดีใจและมีความสุขที่ได้รู้จักกับคุณนะคะลินเนียส คุณเปลี่ยนโลกของฉันให้สดใส สอนให้ฉันได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข ขอโทษที่ฉันจากไปโดยไม่ได้บอกลากับคุณด้วยตัวเองแต่สัญญาว่าจะจดจำภาพของคุณเอาไว้ตลอดไป รักเสมอ ลงชื่อ พิลาสินี’
‘อะไรกันผมงงไปหมดแล้ว เพลงไปไหน ทำไมทิ้งแค่โน้ตไว้แล้วบอกลาเหมือนจะไม่กลับมาอีก’ ลินเนอุสถามเพื่อนนักศึกษาในคลาสเดียวกันกับพิลาสินี สาวโคเรียนที่ยื่นหนังสือให้เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ
‘ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ พยายามถามเธอแล้วแต่ก็ไม่ได้ความมากไปกว่านี้ บอกแค่ว่าจะรีบกลับไทย แล้วก็ฝากหนังสือคืนให้คุณเท่านั้น’
ลินเนอุสขมวดคิ้วมุ่นมองหนังสือในมือ กระดาษโน้ตและใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าสลับกันอย่างงงงัน จับต้นชนปลายไม่ถูก หากฝ่ามือของเธอที่ยื่นมาสัมผัสต้นแขนและบอกด้วยน้ำเสียงปลอบใจก็ทำให้เขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกลางฤดูหนาวซึ่งมันไม่อาจเป็นไปได้เลยสักนิด
‘ฉันได้ยินเพื่อนข้างห้องของเพลงพูดกันว่ามีหนุ่มเอเชียคนหนึ่งมาช่วยเธอเก็บข้าวของเมื่อสองวันที่แล้ว ไม่นานทั้งคู่ก็รีบร้อนออกไปจากอพาร์ทเมนต์ เธอเป็นคนสวย มีหนุ่มๆตามจีบไม่เว้นแต่ละวันคุณเองก็น่าจะรู้ดี ทำใจเถอะนะคะ’
เขายังจำสายตาของสาวโคเรียนที่มองมาอย่างให้กำลังใจระคนสงสาร แต่ความสงสารนั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชยิ่งนัก เป็นไอ้งั่งที่ถูกมารยาหญิงอันอ่อนหวานหลอกล่อจนตายใจ ระยะเวลาหลังจากที่เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้เขาเหมือนคนบ้าเที่ยวตามหาเธอและสอบถามกับเพื่อนๆในคลาสเดียวกัน อพาร์ทเมนต์ที่เธอพักหรือหอสมุดที่เธอมักจะไปขลุกตัวอยู่ที่นั่นวันละหลายชั่วโมง รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายไม่ต่างจากไก่อ่อนเพิ่งริรักที่กำลังคลั่งไคล้จะเป็นจะตายเมื่อสาวในฝันหายตัวไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา... เขาก็เดินทางมาถึงประเทศไทยและยืนมองเธอกับผู้ชายคนหนึ่งในพิธีฉลองสมรสท่ามกลางผู้คนในวงสังคม ความชื่นมื่น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่ถูกเหยียบย่ำไม่เหลือชิ้นดี
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปประเทศไทย เขาแทบล้มทั้งยังเมื่อได้ยินนักสืบจากประเทศไทยรายงานเข้ามาว่าพิลาสินี กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงในอีกไม่กี่วันนี้ ในใจเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล โยนผลกำไรอันมหาศาลทิ้งอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะต้องการเห็นด้วยตาตัวเองว่า จริงหรือที่เธอกำลังจะเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนหนึ่ง!?
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงเคาะประตูหนักๆทำให้ลินเนอุสหลุดจากภวังค์ความคิดและเดินไปเปิดประตู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหนึ่งในอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่นัดแนะกันเอาไว้ กำลังยืนอยู่อีกด้านของประตู
“มาถึงเร็วจริง” ลินเนอุสเปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักในขณะที่ผู้มาเยือนมองนาฬิกาแล้วหัวเราะร่วน
“สิบนาทีเองน่า... วันนี้มีแพลนเด็ดต้องรีบหน่อย” วิล หนุ่มเจ้าสำราญซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายและยังเปิดบริษัททนายความพูดอย่างอารมณ์ดี
“หึ! ถ้าจะพาไปหิ้วอีหนูมาอึ๊บล่ะก็...” ลินเนอุสยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา พลางไหวไหล่อย่างไร้อารมณ์ “ไม่มีอารมณ์ พรุ่งนี้ฉันต้องกลับสวีเดนตั้งแต่เช้า”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธซี่... ที่ที่จะพาไปเนี่ยไม่ใช่มีเงินก็จะเดินเข้าได้ง่ายๆนะ เขาว่าเด็ดกว่าถูกอีหนูสักสิบคนล่อพร้อมกันอีก นั่งดูสดๆ ชอบแบบไหนท่าไหนสั่งได้ด้วย”
“ธรรมดาจะตาย ที่ไหนก็มีให้ดูถ้าอยาก...” ลินเนอุสชะงักคำพูดเมื่ออีกฝ่ายชิงดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“คลับ แคนเดิล เชียวนะ นายเคยได้ยินไหม” วิล บอกชื่อผับสุดหรูที่น้อยคนนักจะเฉียดกลายเข้าไปด้านในได้ ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิก แน่นอนว่าจะมีแต่บุคคลมีชื่อเสียงในทุกสาขาอาชีพต่างก็อยากให้เขามาปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองกันในคลับ แคนเดิล กันทั้งนั้น “สักหน่อยน่า ไหนๆก็มาแล้ว เลือดตาแทบกระเด็นเชียวนะกว่าจะได้รับคำเชิญ”
“แล้วนายได้สิทธิพิเศษนั้นมาจากใคร” ลินเนอุสถาม รู้ดีแก่ใจว่าผับชื่อกระฉ่อนนี้ทำเงินได้มหาศาล หากไม่มีใครเคยได้เห็นตัวจริงเจ้าของ คลับ แคนเดิล นี้เลยสักครั้ง
“ฉันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้ลูกสาวผู้ว่าการรัฐฯได้น่ะ เธอเลยสมนาคุณให้เป็นพิเศษ นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆเข้าหรือจะไปทั้งชุดสูทแบบนี้” วิล ถามพลางกวาดสายตามองผู้ชายเหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเข้าข้างลินเนอุสมากเกินความจำเป็น หล่อ รวย แถมด้วยมันสมองอัจฉริยะ จนตัวเองดูต่ำเตี้ยเรี่ยดินเมื่อเอาตัวไปเทียบกับพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก ที่ยืนเด่นเป็นสง่าตรงหน้า
ลินเนอุสยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาแค่ถอดเนกไทออกแล้วเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน เพียงไม่กี่นาทีก็เดินออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีอิฐพันแขนขึ้นบริเวณข้อศอก สอดชายเสื้ออย่างลวกๆเข้าไปในเดนิมยี่ห้อดัง “ไปชุดนี้ก็แล้วกัน หวังว่าพวกการ์ดคงจะไม่คิดว่าฉันเป็นพวกค้ายาเสพติดหรอกนะ”
“ดาร์กเกรย์ เดนิมของดีแอนด์จีตัวละเกือบพันสี่ร้อยดอลลาร์ที่นายใส่อยู่เนี่ย ฉันคิดว่าคงไม่มีใครทำงั้นแน่” มันอาจจะไม่ได้แพงหูฉี่ แต่ก็น่าจะเป็นเดนิมที่แพงที่สุดในช็อปของดีแอนด์จีกระมัง วิล คิดในใจพร้อมเดินตามคนไม่มีอารมณ์อยากเที่ยวที่เดินลิ่วนำหน้าออกไปจากห้องเสียก่อน
ลินเนอุสสอดตัวเข้าไปในซีดานสีแดงเข้มของวิลที่ขับออกจากโรงแรมขึ้นไปทางเหนือราวยี่สิบห้าไมล์ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปด้านในซึ่งก่อกำแพงขึ้นสูง ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมหาเศรษฐีมากกว่าการมาเที่ยวผับสักแห่ง...
คลับ แคนเดิล (Club Candle)
ลินเนอุสเลิกคิ้วเมื่อต้องแสดงบัตร กรอกข้อมูลส่วนตัว เดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ไม่ต่างจากการเดินทางเข้าประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดไม่สามารถนำเข้าไปด้านในได้ สุดท้ายต้องสแกนนิ้วมือเพื่อเทียบกับไอดีการ์ดเสียด้วย
“ถ้าข้างในไม่เจ๋งลบล้างความน่ารำคาญของระบบรักษาความปลอดภัยนี่นะ ฉันเอานายตายแน่ วิล” ลินเนอุสพูดในขณะที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นในระนาบเดียวกับศีรษะ เพื่อให้การ์ดร่างใหญ่ผิวสีได้ตรวจตามร่างกายอีกครั้ง
“เย็นไว้พวก... เรามากันแค่สองคนแล้วฉันก็มีศิลปะการป้องกันตัวอยู่น้อยนิด” วิล เตือนพร้อมกับยิ้มแหยๆให้กับการ์ดร่างยักษ์ที่ตรวจร่างกายของตนเป็นขึ้นตอนสุดท้ายนี้
“เชิญครับ” แม้การ์ดร่างยักษ์จะท่าทีดุดัน ตรวจเข้มอย่างไม่ผ่อนปรนแต่น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยกับลูกค้าก็สุภาพ แตกต่างกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
ลินเนอุสและวิลก้าวเข้าไปในประตูบานใหญ่ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ เสียงเพลงของแร็พเปอร์ผิวสีก็ดังกระหึ่มขึ้น หากด้านในไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวผับหรูๆสักแห่ง เพราะสีไฟค่อนข้างสว่างทำให้เห็นสองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมีชื่อเสียงนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งด้านหลังบาร์เทนเดอร์นั้นเต็มไปด้วยขวดไวน์ วอดก้า บรั่นดี วิสกี้เรียงตัวกันสูงจรดเพดานยาวไปจนสุดทางเดิน บ้างก็จับกลุ่มคุยกันด้วยสีหน้าชื่นมื่นในมือถือแก้วเครื่องดื่มหลากสี เหมือนทุกคนที่เข้ามาปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองใน คลับ แคนเดิล นี้สบายเพราะไม่ต้องกลัวว่าจะมีภาพหลุดเล็ดลอดออกไปทำให้เสียชื่อเสียง
“โว้ว... ดูสิ วันนี้ผมเจอคราย... พ่อมดทางการเงิน ยังเป็นเมมเบอร์ของ คลับ แคนเดิลงั้นเหรอ”
เสียงทักทายระคนเย้ยหยันนั้น ทำให้ลินเนอุสก้าวไปประจันหน้ากับไซม่อน นักลงทุนคนหนึ่งที่ถังแตกเพราะคิดต่อกรกับเขา แต่ยังมีที่ยืนในสังคมโก้หรูได้เพราะมีเมียรวยที่แก่คราวแม่ เขาไม่ตอบโต้แค่ยิ้มที่มุมปาก จ้องตาเขม็ง
“จะมาหาคุณนายคอนราดสันในนี้อย่างนั้นรึ?” ไซม่อนจงใจพูดด้วยน้ำเสียงดังกว่าปกติเพื่อเรียกความสนใจของคนรอบกาย แต่คำพูดที่ตอกกลับมาทำให้โกรธจนแทบสร่างเมา!
“ถ้าเจอก็คงลีลาเด็ด อึ๊บมันกว่าเอาคนแก่คราวแม่มาทำเมีย ผลสุดท้ายต้องหนีแม่เที่ยว” พูดพลางตีคิ้วใส่ตาคนที่กำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ลินเนอุสจงใจยั่วยุอารมณ์ด้วยการตบบั้นท้ายของสาวหุ่นสะบึมที่เดินผ่านมาพอดี “ก้นสวยจริงเซ็กซี่”
“เด้งดีด้วยนะสุดหล่อ เชื่อที่ฉันพูดรึเปล่าล่ะ?” สาวหน้าตาคมคาย ผมสีน้ำตาลเข้ม หุ่นยั่วน้ำลายบอกพร้อมดันสะโพกเข้าหาฝ่ามือของหนุ่มหล่ออย่างท้าทายพลางยกมือขึ้นโอบรอบสะโพกของเขาแล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน จนวิล ต้องเดินตามต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ปล่อยให้ไซม่อน คนมีเมียแก่คราวแม่ต้องยืนกัดฟันกรอดอย่างระงับอารมณ์
“เพิ่งมาครั้งแรกเหรอคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน”
ลินเนอุสโคลงศีรษะรับคำพูดนั้นและก้มใบหน้าลงไปใกล้ๆกับซอกคอระหง กระซิบที่ข้างหูเธอให้พอได้ยินกันสองคน “โทษทีนะเซ็กซี่ พอดีผมไม่ใช่สาวกดิออร์ มิดไนท์ พอยซั่น ได้กลิ่นแล้วมึนหัวจ้ะ”
สาวเซ็กซี่ที่เลือกใช้น้ำหอมยี่ห้อดังซึ่งหลายคนบอกว่ามันมีกลิ่นหอมยั่วใจหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เธอไม่ได้เจอใครที่ตรงไปตรงมา สุภาพ คำปฏิเสธของเขาไม่ได้หยาบคายหรือทำร้ายจิตใจ แต่กลับทำให้เธอเข้าใจว่ามีความชอบที่ไม่ตรงกันเท่านั้น แม้ลึกๆในใจแล้วออกจะเสียดายผู้ชายนัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่แสนเซ็กซี่นี้ก็ตาม แต่ภายใน คลับ แคนเดิล แห่งนี้มีผู้ชายให้เธอเลือกสนุกด้วยมากมายนับไม่ถ้วน
“หวังว่าวันนี้คุณคงจะเจอสาวหวานหอมสดชื่นเหมือนดอกบลูเบลล์ แต่ถ้าเปลี่ยนใจก็ไปหาฉันได้ที่มุมนั้นนะคะ” พูดพลางเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจุมพิตเร็วๆที่ข้างแก้มคร้ามคม หากเธอไม่รู้ว่าคำอวยพรแสนธรรมดานั่นช่างกระแทกใจคนฟังให้ไพล่คิดไปถึงผู้หญิงอ่อนหวานที่มักใช้น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆที่สกัดจากดอกบลูเบลล์ยิ่งนัก
“ให้ตายเถอะ ลินเนียส! นี่นายกล้าปฏิเสธนางฟ้าของผู้ชายทั้งโลกได้ยังไงกัน?” วิลเดินเข้ามาใกล้ๆและเค้นเสียงรอดไรฟันถามอย่างหงุดหงิดใจ
“รู้จักเหรอ?” ถามราวละเมอ แต่ตอนนี้ใบหน้าของพิลาสินีกลับแจ่มชัดราวกับว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้า
“นี่อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักหล่อน นั่นน่ะพอร์นสตาร์ชื่อดังของดิจิทัล เพลย์กราวน์เชียว” วิลบอกและชะเง้อมองตามหล่อนไม่วางตา
หากคนฟังกลับหันมาเหล่มองและรู้ได้ในทันทีว่าหล่อนเป็นนางเอกหนังโป๊ จึงส่ายหน้าและเดินไปหาที่นั่งที่จัดไว้สองฟากฝั่งให้คนที่เข้ามาเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ
“ไงล่ะ รู้ว่าเธอไปเป็นใครแล้วเสียดายใช่ไหมล่ะ” วิลบอกพร้อมนั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลอมแดงมองเพื่อนร่วมก๊วนที่ยื่นมือไปหยิบวิสกี้จากบริกรขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เริ่มคุ้นหนาคุ้นตาขึ้นมาบ้างแล้วสิ”
“เปล่า” ลินเนอุสยังตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ค่อยได้สนใจหนังโป๊ตั้งแต่รู้ว่าแสดงเองแล้วมันสนุกกว่าเป็นคนนั่งดูเยอะเลย”
คำพูดทื่อๆของลินเนอุสทำให้วิลขำกลิ้ง ยกมือตบบ่าของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปอย่างเห็นด้วย “เออ... จริงว่ะ แต่ยังไงฉันก็ยังอยากลองกับหล่อนสักเกม ถ้านายไม่ชอบก็น่าจะโยนมาให้ฉันบ้าง”
“ก็ตามไปสิ ข้างในนั่นดูเหมือนจะมีอะไรน่าสนุกสำหรับนาย” ลินเนอุสพูดพลางพยักพเยิดเข้าไปด้านใน แสงไฟค่อนข้างสลัวทว่าหลากสี เสียงเฮฮาดังแข่งกันจนฟังไม่ได้ศัพท์มักเกิดขึ้นเมื่อมีการประมูลหรือเชียร์ให้ทำการตื่นเต้นอะไรสักอย่าง
“งั้น... อย่ามาโทษกันทีหลังถ้านายจะต้องหาทางกลับเอง” วิลหยั่งเชิงพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คงมีเซ็กซี่สักคนมาหิ้วฉันไปส่งที่โรงแรมน่า...” พูดพลางชูแก้ววิสกี้ขึ้นชนกับแก้วในมือของวิล จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
ลินเนอุสยิ้มที่มุมปากมองร่างกำยำของวิลที่เดินจากไปและไม่คิดจะเข้าไปร่วมสนุกด้านในเพราะรู้ดีว่าทุกผับทุกบาร์ก็คงมีกิจกรรมไม่แตกต่างกันนัก เซ็กซ์เกมประเภทต่างๆคงกำลังเกิดขึ้น หนุ่มสาวหุ่นยั่วน้ำลายเล่นเกมถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นจนล่อนจ้อน หรือไม่ก็เปิดไพ่แล้วมีเซ็กซ์ตามท่วงท่าในไพ่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้
เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ประเภทที่จะเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น แต่เขาพอใจที่จะเรียกผู้หญิงสักคนมาปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ที่อยู่ในตัวเป็นครั้งคราวอย่างไม่มีข้อผูกมัด ไม่คิดจะคบหากับผู้หญิงคนไหนเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่อยู่ในวัยที่ควรสร้างครอบครัวเสียด้วยซ้ำ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามักตีค่าความสัมพันธ์ทางกายอันสนุกสุดเหวี่ยงไม่ต่างจากการล่าหุ้นที่กำลังไต่ระดับขึ้นในแดนบวกเท่านั้น เมื่อถึงจุดแตกดับต่างก็แยกย้ายและมองหาคนที่ถูกใจใหม่ไม่ต่างจากการมองหาหุ้นตัวใหม่ที่มีความน่าสนใจ การตอบแทนพวกหล่อนด้วยเงินก้อนใหญ่จึงเป็นสิ่งที่ทำแล้วสบายใจแม้ว่าบางครั้งพวกหล่อนจะติดใจในลีลาอันหิวกระหาย ดุดันจนต้องเรียกร้องอีกครั้งแทนสินน้ำใจก้อนโตนั้นก็ตามที
แน่นอนว่าคงไม่มีอีหนูราคาถูกคนไหนสามารถปีนขึ้นไปกรีดร้องบนเตียงของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปได้ง่ายๆ
ลินเนอุสนั่งมองผู้คนที่มีชื่อเสียงในวงสังคมของโลกเดินกันขวักไขว่ ไม่อยากคิดว่าหากปาปารัสซีเล็ดลอดเข้ามาใน คลับ แคนเดิล นี้ได้จะเก็บภาพไม่น่าพิสมัยของคนดังได้สักกี่คน มูลค่าของภาพเหล่านั้นคงมหาศาลเพราะนิตยสารดังๆคงจะสู้ราคาอย่างไม่ลดละกับภาพลับที่เขาเห็นด้วยตาคู่นี้
“จัดการให้ด้วย นี่...รางวัลของนาย” ลินเนอุสบอกเมื่อวางนามบัตรของตนลงบนถาดเครื่องดื่มของบริกร ซึ่งด้านหลังเขียนข้อความและเบอร์โทรศัพท์ของคนสนิทให้มารับโดยเร็ว
พ่อมดทางการเงินคนดังของโลกยังนั่งทอดอารมณ์อยู่ในความคิดของตัวเองเกือบสี่สิบนาที ทั้งที่ภายในนี้น่าจะทำให้สำราญใจแต่เขากลับเบื่อหน่ายจนคิดว่าการนอนหลับบนเตียงนุ่มยังมีความสุขเสียกว่าการนั่งอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยผู้หญิงหุ่นยั่วน้ำลายเช่นนี้
ราวครึ่งชั่วโมงบริกรคนเดิมก็เข้ามารายงานและเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่หันมามองตามนางแบบเม็กซิกันที่เพิ่งให้บริกรเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเลยแม้แต่น้อย รูป รส กลิ่น เสียงมากมายหลายแบบที่มีให้เลือกจนเวียนหัวนี้เทียบไม่ได้กับผู้หญิงในความทรงจำเลยสักนิด
หุ่นยั่วน้ำลายอวบอัดยังสู้ไม่ได้กับเรือนร่างสะโอดสะอง รอยยิ้มแสนหวาน เสียงหัวเราะยังก้องในโสตประสาทการได้ยิน เพียงแค่ได้กอดและสูดเอาความหอมของแก้มเนียน กลิ่นหอมละมุนละไมของเธอไม่ต่างจากดอกบลูเบลล์ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แน่ล่ะว่าทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเธอนั้นทำให้เขามีความสุขไม่ต่างจากล่องลอยบนสรวงสวรรค์ ลินเนอุส สะบัดศีรษะแรงๆราวกับจะขับไล่ภาพความทรงจำที่ไม่เคยลบเลือนออกไปจากใจมาตลอดระยะเวลาห้าปี
ลินเนอุสยื่นธนบัตรดอลลาร์ที่มีมูลค่ามากที่สุดให้กับการ์ดร่างยักษ์ก่อนที่จะก้าวเข้ามานั่งในรถยนต์ของตน หากต้องกรอกสายตาอย่างระอาใจเมื่อมองผ่านกระจกมองหลังในรถแล้วพบว่าคนสนิทกำลังมองมาด้วยสายตาที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
“แน่ใจนะว่าจะมองฉันด้วยสายตาเยาะเย้ยแบบนี้” ลินเนอุสถามแล้วเบือนหน้ามองสิ่งแวดล้อมข้างทาง
“คิดมากนะครับ ผมก็มองปกติแค่นึกสงสัยว่า คลับ แคนเดิล นี่คงมีแต่ราคาคุย คุณถึงให้คนโทรฯเรียกผมมารับทั้งที่ออกจากโรงแรมได้แค่ชั่วโมงครึ่ง” โยวันตอบพลางบังคับรถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความระมัดระวัง
ลินเนอุสไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพิ่งรู้ว่าโยวันสนใจเรื่องผับหรูที่ไม่ยอมให้แมลงหวี่แมลงวันเล็ดลอดเข้าไปสร้างปัญหาให้เมมเบอร์นี้ด้วย ทั้งที่ปกติแล้วก็ดูเป็นคนรักครอบครัวดี “สนใจล่ะสิ แต่ระวังโมราจะสับไอ้นั่นนายเป็นชิ้นๆ”
“ฮ่า... ตั้งแต่ผมเจอเธอก็ไม่เคยมองคิดนอกลู่นอกทางกับผู้หญิงคนไหนหรอกครับ” โยวันบอกด้วยความสัตย์จริง แต่คนฟังกลับเบ้ปากไม่เชื่อในคำพูด
“ถ้าเชื่อ... หมูก็บินได้น่ะสิ”
โยวันหัวเราะร่วนกับคำเปรียบเทียบนั้น “สารภาพครับว่าผู้ชายว่าต้องมีเผลอกันบ้าง เวลาที่เห็นสาวหุ่นเซ็กซิมโบลแต่เอาเข้าจริงแล้วทำไม่ได้นะครับ ความรู้สึกผิดทำให้ผมห่อเหี่ยว”
“ขนาดนั้นเชียว” ลินเนอุสถามพลางคิดว่าถ้าโมรามาได้ยิน สองคนนี้ต้องจูบกันอย่างดูดดื่มเหมือนอยู่ด้วยกันบนโลกสองคนแน่ๆ
“คุณเองก็รู้แก่ใจดีนี่ครับ จะย้ำถามผมทำไม” แน่ล่ะว่าถ้าเป็นเจ้านายกับลูกจ้างธรรมดาคงไม่กล้าพูดจาเช่นนี้ แต่ลินเนอุสกับโยวันเป็นมากกว่านั้น
โยวันคือเพื่อนต่างวัยที่เข้าอกเข้าใจความต้องการของเขาได้มากกว่าคนอื่น เป็นเหมือนเพื่อนรู้ใจในการทำงานสักชิ้นแต่โยวันก็ให้เกียรติเขาไม่ต่างจากเจ้านายคนหนึ่ง เมื่อมีเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันดีเช่นนี้เขาก็ไม่เคยคิดฟอร์มทีมขึ้นมาเพื่อจัดการธุรกิจสักบริษัทหนึ่งแต่จะใช้บริการของเฮดฮันเตอร์1 เพราะการธุรกิจแต่ละประเภทที่ตั้งอยู่ในแต่ละทวีปนั้นมีความแตกต่างกันหลายด้าน การใช้บริการของเฮดฮันเตอร์เหมือนการคัดสรรแต่บุคคลที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านเอาไว้ให้แล้วนั่นเอง
“อ่อ... เรื่องของสิริแอทเซท ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ คาดว่าเธอน่าจะเดินทางมาพบคุณพร้อมๆกับวันที่เราเดินทางถึงเกาะพอดี” โยวันรายงานเมื่อเห็นว่าเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลังเงียบไปครู่หนึ่ง
“กลัวว่าจะไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เท่าที่จำได้เธอเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีพอสมควร ไม่น่าที่จะเดินทางมาหาฉันง่ายๆหรอก” ลินเนอุสบอกอย่างประเมินสถานการณ์ของอีกฝ่ายที่เป็นปัญหากวนใจเขามาตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อธุรกิจเธอใกล้ถึงทางตันเขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในทันที
ช่วยเหลืองั้นเหรอ?
ไม่หรอก! เขากำลังยื่นข้อเสนออันตรายที่ทำให้เธอต้องเดินเข้ามาอยู่ในกำมือ เหลือแค่ว่า... เธอจะเต็มใจเดินเข้ามาเสียเองหรือให้เขาต้องออกแรงบีบบังคับมากกว่านี้
“เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนนะครับ คุณรู้รึยังว่าคุณพ่อของเธอสุขภาพไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่หรืออีกที เธออาจจะใจร้อนมารอคุณอยู่ในห้องแล้วก็เป็นได้” โยวันบอกพลางมองใบหน้าเจ้านายที่ดูรื่นรมย์อย่างไม่น่าเชื่อ ผิดจากเมื่อครู่ที่เรียบเฉยแต่เขาก็รู้ดีว่าภายในนั้นกำลังหงุดหงิดใจ
“อย่าบอกนะว่านายเอาเรื่องของพ่อเธอ ไปบีบคั้นเธอด้วย” ลินเนอุสถาม แววตาสีเทาควันบุหรี่ดูลิงโลดทั้งที่ปกติแล้วการบีบบังคับใครสักคนนั้นไม่ใช่วิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เปล๊า... ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ตามปกติ แต่ระบบการบริหารของสิริแอทเซทเน่าเฟะ เรื่องคุณพ่อของเธอก็ประจวบเหมาะพอดี เหมือนโชคกำลังเข้าข้างคุณ” โยวันอธิบายตามความเป็นจริง
“ฉันอาจจะโชคดีมาทุกเรื่องนะ แต่กับเธอแล้ว...” ‘ฉันไม่แน่ใจ’ ลินเนอุสเลือกที่จะต่อประโยคนั้นในใจเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพิลาสินีแล้ว ดูเหมือนโชคจะไม่เป็นใจให้เขาเอาเสียเลย
โยวันลอบยิ้มให้กับความโชคดีของตัวเอง เขาคงเป็นคนเดียวกระมังที่มีโอกาสเห็นจุดอ่อนของพ่อมดทางการเงิน ผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล มันสมองอันชาญฉลาดที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกยอมศิโรราบ ทุกครั้งที่เขาขยับตัวทำอะไรสักอย่างหรือเอ่ยปากถึงทิศทางกระแสเศรษฐกิจของโลก ผู้คนต้องหยุดฟังและเชื่อในคำพูดนั้นอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา แต่ตอนนี้กลับนั่งนิ่ง แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กระหายในชัยชนะ บัดนี้อ่อนแสงราวกับกำลังจะถอดใจ
“เอาเป็นว่าผมยังมั่นใจในความคิดของตัวเอง และคิดว่าเธอจะมาพบคุณภายในสามวันนี้แน่ๆ”
ลินเนอุสหรี่ตามองคนสนิทผ่านกระจกมองหลัง เขาเป็นคนประเภทที่ชอบการเสี่ยงดวงทุกรูปแบบเพราะมั่นใจในความโชคดีและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองมาตลอด เมื่อได้รับคำท้าทายมาเช่นนั้นก็ควรที่จะเสี่ยงดวงดูสักครั้ง “ถ้าไม่เกินสามวัน โมราคงดีใจที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดเมืองนอน ตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสิริแอทเซทคงทำให้นายยอมรามือจากฉันได้เสียที”
“โอ้โห... ผมไม่คิดการใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างจะให้ไปยึดเอาสิริแอทเซทของเธอมาแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้” โยวันบอกตามความจริง
“อา... บ่อเกิดแห่งหายนะคือความสงสาร นายลืมมันไปแล้วหรือไง” ลินเนอุสลากเสียงยาวพลางยกมือขึ้นลูบแนวสันกรามของตัวเองอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“ฮ่า... ผมว่าข้อนั้นคุณต้องตระหนักเอาไว้ให้มากถ้าได้พบหน้าคุณพิลาสินีอีกครั้ง” โยวันดักคออย่างรู้ทันความคิด จนได้ยินเสียงจิ๊กจ๊ะในลำคอของเจ้านายที่นั่งอยู่ข้างหลัง “คุณควรจะคิดเอาไว้ดีกว่าว่าจะจัดการกับเธอยังไง”
“ฆ่าทิ้งเลยดีไหม ใจคอร้ายกาจแบบนั้น” ลินเนอุสเปรยขึ้นมาราวกับประชดตัวเอง ดวงตาสีเทาควันบุหรี่กำลังคิดถึงใบหน้าอันงดงามของผู้หญิงใจคอร้ายกาจ จึงไม่มีโอกาสได้เห็นคนสนิทส่ายหน้าพลางคิดในใจว่า... ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก รักจนไม่อาจลืมเธอได้ลงแบบนี้แล้วยังจะปากเก่งขู่ฆ่าเธออีก
ลินเนอุสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากำลังตื่นเต้นแค่ไหนกับการพบหน้ากันอีกครั้ง ระยะเวลาห้าปีที่เขาปล่อยให้เธอเดินตามเส้นทางชีวิตที่เลือกเอง เธอแต่งงาน มีครอบครัว ทำธุรกิจล้มลุกคลุกคลาน ส่วนเขาประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็สร้างเม็ดเงินได้จำนวนมหาศาล ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถลบเลือนเธอออกไปจากใจ
เมื่อถึงเวลาอันควรที่เธอต้องเดินเข้ามาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ความทรมานที่ซ่อนไว้ลึกอยู่ก้นบึ้งของหัวใจก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง มันเรียกร้องให้เขาทำลายที่พึ่งพิงของเธอจนหมดสิ้น อานุภาพอันรุนแรงสั่งให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอให้เหลือไว้เพียงแค่เขาคนเดียว ถึงตอนนี้เขาจึงเป็นที่พึ่งพิงเดียวที่เหลืออยู่ เป็นเพียงคนเดียวในโลกที่จะทำให้ชีวิตของเธอพบเสียงหัวเราะหรือร้องไห้
เสียงหัวเราะและน้ำตาเป็นสองทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากการประพฤติตัวว่าเธอจะเลือกทำให้เขาพอใจหรือทำให้ขุ่นข้องหมองใจ
“ต่อไปนี้ผมคือจักรวาลของคุณ พิลาสินี!”
ร่างสูงใหญ่ของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปปิดประตูห้องและตกใจไม่น้อยเมื่อมีฝ่ามือนุ่มละมุนคู่หนึ่งสอดเข้ากอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่น หากกลิ่นหอมอันสดชื่นมีชีวิตชีวาของดอกบลูเบลล์ทำให้ลินเนอุสยิ้มกว้าง ก้มลงมองฝ่ามือบางที่ประสานอยู่บริเวณกล้ามท้อง ความนุ่มหยุ่นของทรวงอกอิ่มที่บดเบียดเข้ากับแผ่นหลังอย่างไม่มีแง่งอนทำให้เส้นประสาทในกายเขาตื่นตัว
“ทำไมมาช้าจังคะ ฉันรอคุณอยู่นานแล้วนะลินเนียส”
เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้หัวใจหนุ่มกระตุกวาบพลางคิดในใจว่านานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ได้ยินเสียงและกิริยาอันอ่อนหวานนี้ คำพูดที่ทำให้ความเหนื่อยล้า เครียดจัดจากเรื่องทั้งปวงมลายหายไปจนสิ้น น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ทำให้รู้สึกว่าได้กลับบ้านเพื่อพักผ่อนจริงๆ
“ผมรอคุณมาห้าปีนะ พิลาสินี” บอกพร้อมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า ในขณะที่ท่อนแขนเรียวยังโอบรอบเอวไว้ไม่ปล่อย
“ที่ผ่านมาฉันผิดเองค่ะ ยกโทษให้ฉันนะคะ”
ลินเนอุสแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธออยู่ตรงหน้าและยอมรับผิดในเรื่องที่ผ่านมาอย่างง่ายดาย แววตา สีหน้าและน้ำเสียงกำลังเว้าวอนให้เขายอมใจอ่อน เมื่อมองอย่างนิ่งเงียบ เธอก็เป็นฝ่ายจับมือทั้งสองของเขาขึ้นประคองแก้มตัวเองแล้วสอดมือเข้ากอดไว้บริเวณสะโพกสอบเช่นเดิม
“ฉันกลับมาแล้ว พร้อมที่จะรับโทษทุกอย่างจากคุณ”
เพียงแค่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยขอลุแก่โทษ หัวใจแกร่งของชายหนุ่มก็อ่อนยวบ นั่นยังไม่นับรวมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเธอที่เขาคลอเคลียข้างแก้มเข้ากับฝ่ามือนุ่มละมุน หากแผลที่บาดลึกในใจยังสร้างความเจ็บปวด เตือนให้รู้ว่าห้าปีที่ผ่านมาต้องหมองหม่นเพียงใดกับหลุมพรางแห่งการทรยศที่เธอสร้างเอาไว้
“ก็แค่... ต้องการความช่วยเหลือจากผมใช่ไหม” ลินเนอุสถามทั้งที่ยังหลับตารับสัมผัสความนุ่มของฝ่ามือบอบบาง “คุณแค่เห็นประโยชน์ของผู้ชายที่เขี่ยทิ้งขึ้นมาแล้ว เท่านั้นเอง?”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าพ่อมดทางการเงินก็ชอบพูดประชดเหมือนกัน” เธอว่าขำๆและมองเขาด้วยสายตารู้ทันความคิดอย่างคนที่ถือไพ่แต้มเป็นต่ออยู่ในมือ
“ฮึ!... ผมไม่เคยคิดใส่ใจคนทั้งโลกแต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่ในโลกใบนั้น รู้รึเปล่าว่าคุณอยู่ในโลกของผมมาตลอด และตอนนี้ผมก็อยากเป็นทุกสิ่งในโลกของคุณบ้าง ต่อไปนี้ผมจะเป็นจักรวาลของคุณ พิลาสินี” พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ดวงตากลับมองเธออย่างเคลิบเคลิ้มราวต้องมนตร์สะกดเมื่อใบหน้างดงามเลื่อนเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว
“ด้วยความยินดีค่ะ มิสเตอร์คอนราดสัน” เธอพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานจับใจ ริมฝีปากเป็นกระจับเผยอขึ้นเป็นฝ่ายเริ่มจุมพิตเขาก่อนด้วยสัมผัสอ้อยอิ่ง ค่อยๆและเล็มจากริมฝีปากทีละเล็กทีละน้อย ดูดดึงจนสามารถเข้าไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำในโพรงปากของเขา
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างโอบกอดร่างน่าปรารถนาเอาไว้แนบแน่น เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยปลายเท้าบอบบางก็ลอยสูงเหนือพื้นเคลื่อนที่ไปตามร่างสูงใหญ่ที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้เดี่ยวหลังโต๊ะทำงานที่อยู่มุมห้อง รั้งเธอให้นั่งคร่อมหน้าตักโดยที่ไม่ได้ถอนริมฝีปากออกจากกันแม้เสี้ยววินาที เรียวลิ้นเล็กกระตุ้นให้ร่างกายของเขาตื่นตัวรับสัมผัส ฝ่ามือที่เกาะเกี่ยว สอดแทรกเข้าไปในหนังศีรษะทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ร่างกายรวดร้าว จิตใจจดจ่ออยู่กับจุมพิตอ่อนหวานไม่ต่างจากน้ำทิพย์ที่ไหลลงมาชโลมหัวใจอันเหือดแห้ง
ลินเนอุสตะครุบมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดสุดท้ายออก มองคนที่ถอนริมฝีปากด้วยความเสน่หาเกินต้านทาน “รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้ผมจะหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว คุณจะไม่เสียใจที่ทำแบบนี้ใช่ไหม พิลาสินี?”
รอยยิ้มและการหลบสายตาอย่างเอียงอาย นิ้วเรียวยังแกะกระดุมออกจากรังดุมคือคำตอบอันชัดเจน หากท่าทีศิโรราบง่ายดายยังทำให้ลินเนอุสผู้ที่มีบาดแผลลึกยังคลางแคลงใจ แน่ล่ะว่าสิ่งที่เขาต้องการเหนือความสัมพันธ์อันเร่าร้อนนี้คือความภักดีที่เธอเคยทำลายไปแล้วในอดีต
ลินเนอุสขยับตัวเล็กน้อยเพื่ออำนวยความสะดวกให้เธอดึงเสื้อเชิ้ตสีส้มอิฐออกจากร่างพลางหลุบสายตามองตามปลายนิ้วเรียวที่ไล้ลงบนแผงอกกว้างซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ เพียงแค่เธอขมวดขนอ่อนบนแผงอกเนื้อตัวเขาก็ขยับราวกับเรียกร้องให้เธอสัมผัสชิดเชื้อมากกว่านี้
“กล้ามเนื้อหน้าอกคุณแข็งจัง”
โอ... พระเจ้า! ทำไมเส้นประสาทในกายถึงได้ตื่นตัวตอบรับกับเสียงเซ็กซี่นั่นนัก แววตาซุกซน ท่าทีกระตือรือร้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงชั้นยอดที่ทำให้ความปรารถนาในกายคุโชน เวลาห้าปีเต็มที่ห่างกันยังไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาตื่นเต้น เสียวกระสันได้เช่นนี้
“ชอบที่ฉันสัมผัสคุณแบบนี้ไหมคะ”
“เซ็กซ์กับตัณหาราคะ ผู้ชายส่วนมากรวมเข้าไว้ด้วยกันแล้วเรียกมันว่าความใคร่ และผมก็ไม่เคยปฏิเสธความใคร่อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะแยกความชอบของผมออกจากความใคร่ได้รึเปล่า” ลินเนอุสรู้ดีว่านั่นคือคำท้าทายที่เจตนากระตุ้นให้เธอได้แสดงความปรารถนาซึ่งฉายแววอย่างชัดเจนในดวงตาโดยไม่ต้องรอมชอม ผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วห้าปีเต็มคงไม่ต้องเริ่มเรียนรู้บทรักเช่นสาวน้อยแรกแย้มที่เขาเคยรู้จักในอดีต “คงไม่ต้องให้ผมสอน... ใช่ไหม?”
พิลาสินีหัวเราะอย่างชอบใจแต่กลับดูยั่วใจในสายตาคนมอง เธอก้มลงจูบซอกคอแกร่งเรื่อยไปจนถึงแผงอกกว้างราวกับแสดงให้ได้เห็น จากนั้นจึงเหลือบสายตาขึ้นมองดวงตาสีเทาควันบุหรี่ที่มองตามอย่างหลงใหล “กับคุณแล้วฉันถือว่ายังใหม่อยู่มากนะคะ”
คำพูดของเธอทำให้เขาคอแข็ง ร่างกายเกร็งตัวรับกับความหวงแหนที่ได้รู้ว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์เร่าร้อนกับคนอื่นมาก่อนแล้ว ทั้งที่จริงเขาไม่ได้เป็นพวกคลั่งไคล้พรหมจรรย์ แต่ยอมรับว่าหวงจนหูอื้อตาลายเพียงแค่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา นับจากนี้เขาจะทำให้เธอใจจดใจจ่อ สายตามองที่เขาเพียงผู้เดียว
“นับจากนี้คุณเป็นของผมคนเดียว” ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงจนคนฟังยิ้ม หากเป็นรอยยิ้มที่เขาคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลย สีหน้าเธอแบ่งรับแบ่งสู้จนเขากลัวว่าหากไม่ประกาศความเป็นเจ้าของเธอในทุกทางแล้ว เธอจะหลุดลอยหายไปเช่นในอดีต
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันสิคะว่าคุณชอบแบบไหน” พิลาสินีบอกด้วยคำพูดและน้ำเสียงท้าทาย จงใจกดปลายเล็บที่ตัดเป็นทรงเหลี่ยมตามสมัยนิยมลงบนกล้ามเนื้อแผงอก ลงน้ำหนักอย่างเหมาะเจาะครูดจากกลางแผงอกลงตามแนวไรขนอย่างเชื่องช้า “สอนฉันสิคะ ลินเนียส”
ลินเนอุสรับคำท้าทายนั้นด้วยการตะครุบฝ่ามือบอบบางเอาไว้ ยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก “บทเรียนแรกคือการใช้ปากนะเซ็กซี่ คุณควรใช้จูบแบบเมื่อครู่กับผมทั้งตัว”
“ติดใจจูบของฉันเหรอคะ?” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ
“จนกว่าจะคุณจะจูบผมทั่วตัว ไม่อย่างนั้นเราคงยากที่จะหาคำตอบ” อีกอย่างที่เธอต้องรับรู้เมื่อกลายมาเป็นผู้หญิงของเขาคือการท้าทาย ผู้ชายอย่างลินเนอุส คอนราดสัน ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยมันสมองอันชาญฉลาดไม่อาจทนต่ออากัปกิริยาที่ท้าทายได้แม้เพียงน้อยนิด
“เรา เหรอคะ?”
คำถามนั้นขัดใจเขาไม่น้อยเพราะเธอควรจะเริ่มทำตามคำสั่งมากกว่าที่จะตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้น ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปวางทาบแผ่นหลังบอบบาง ออกแรงกดเพียงเล็กน้อยร่างน่าปรารถนาที่นั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักก็เบียดเข้ามาใกล้ ใบหน้างดงามห่างจากแผงอกกว้างเพียงแค่คืบ “คุณจะได้คำตอบจากผมว่าชอบจูบของคุณไหม และได้คำตอบจากตัวเองว่าชอบจูบผมมากแค่ไหนในคราวเดียวกันน่ะสิ อา...”
เพียงแค่ริมฝีปากนุ่ม ชุ่มฉ่ำกดจูบลงบนแผงอกแกร่งเขาก็ครางรับกับความรู้สึกดีเยี่ยมนั้นทันที ผ่อนร่างของตัวเองให้พิงพาดกับพนักเก้าอี้ ทุกครั้งที่ริมฝีปากนุ่มร้อนรุ่มแตะนาบลงบนผิวเนื้อเขาก็แทบลุกเป็นไฟ ความเสน่หาที่ปะทุขึ้นนั้นไม่ต่างจากกองเพลิงแห่งความทุกข์ที่รุมเร้าอยู่ในอกมาตลอดเวลาที่เธอทิ้งไป แต่ตอนนี้มันคือกองเพลิงแห่งความเสน่หาที่เธอเป็นผู้โหมเชื้อไฟอยู่บนร่างกายของเขา
“ลิ้นของคุณด้วยเพลง แสดงความภักดีให้ผมเห็นมากกว่านี้” เสียงห้าวแหบพร่าสั่ง หลับตารับเอาความรู้สึกแสนวิเศษที่รอมานาน เมื่อปลายลิ้นเล็กๆตวัดลงมาหา... เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมผู้หญิงถึงได้แอ่นอกให้คู่รักดูดดื่มยอดทรวง ใช่ว่าจะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เช่นนี้มาก่อนแต่ความรู้สึกที่รับรู้มันช่างต่างกันราวฟ้ากับหุบเหว ความกระสันที่เธอก่อขึ้นด้วยริมฝีปากและลิ้นทำให้เขารวดร้าวไปทั้งกาย
แน่นอนว่าความเครียดขึงที่เธอนั่งทับอยู่นี้กำลังเรียกร้องอย่างหนักหน่วง เขาปวดร้าวจนแทบขยับตัวไม่ได้ ยิ่งริมฝีปากเคลื่อนต่ำลงมามากเพียงไรยิ่งทำให้เขาไม่อาจบงการร่างกายได้เลย
“โอ... พระเจ้า! ผมอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่ไหม” ลินเนอุสครางรับความรู้สึกอันยอดเยี่ยม แต่เขาคงจะถึงจุดแตกดับทั้งที่เพิ่งถูกเธอเปิดฉากเล้าโลมจึงเลื่อนมือทั้งสองข้างมาประคองใบหน้างดงามขึ้น “หยุดก่อนคนสวย”
“ไม่ชอบเหรอคะ?”
ลินเนอุสยิ้มอย่างปลอบใจเมื่อเห็นเธอหน้าถอดสี “ยังตอบไม่ได้แน่ชัดนัก และผมแค่... อยากเห็นคุณเปลือยทั้งตัว”
“ตะ...แต่ ฉัน”
“อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่คุณที่พูดคำปฏิเสธเป็น ผมชอบใช้มันตัดความยุ่งยากออกจากตัวเองนักล่ะ” พูดพลางหัวเราะร่วนเมื่อเห็นเธอมองด้วยสายตาไม่เห็นด้วยนักแต่ก็จนใจและใช้มือดันแผงอกกว้างของเขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงก้าวถอยหลังไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา
พิลาสินียังมีใบหน้างดงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผิวกายสีขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ทรวงอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผาย เรียวขางามที่พ้นออกจากเดรสสีเทาคัทติงเนี้ยบยังทำให้เขาร้อนฉ่าไปทั้งกายมากกว่าการได้ใกล้ชิดพอร์นสตาร์เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมาเสียอีก หรือนี่คือความหลงที่เกิดขึ้นจนทำให้เขาตาบอด มองผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งมีอายุมากขึ้นห้าปียังดูสวยกว่าครั้งแรกที่เจอกัน!
“ลินเนียสคะ ฉันปลดซิบที่อยู่ข้างหลังไม่ได้”
เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด คำพูดของเธอทำให้เขาขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก้าวไปยืนซ้อนด้านหลังของเธอแล้วเอื้อมมือขึ้นรวบเอาผมยาวที่เซ็ทลอนอย่างงดงามไว้บนบ่าบอบบางข้างหนึ่งเปิดเผยให้เห็นลูกผมอยู่บริเวณท้ายทอย ลำคอระหงที่เพียงแค่มองใจก็เรียกร้องให้ก้มลงสูดเอาความหอมกรุ่น
“อื้อ... อย่าค่ะ”
ลินเนอุสทำตามที่ใจเรียกร้องอย่างไร้ซึ่งการเหนี่ยวรั้งพลางหัวเราะในลำคอเมื่อเธอย่นคอหนี เมื่อซุกไซ้จนพอใจแล้วก็เลื่อนมือขึ้นรูดซิปเดรสตัวหรูลงจนสุดความยาวและปลดตะขอบราเซียร์ให้เธอในคราวเดียวกัน “ถอดมันออกทั้งคู่แล้วหมุนตัวกลับมาหาผม”
“แต่ฉันอายนี่คะ”
“อายอะไร ผมยังถอดเสื้อคุยกับคุณตั้งนานสองนาน ไม่เห็นอาย” บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ กระซิบเร่งเร้าทว่าบังคับในคำเดียวกัน “เร็วเข้า ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
พิลาสินีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอต้องข่มความอายเอาไว้จนลึกสุดใจ ขอร้องเขาอีกครั้งอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หลับตาก่อนได้ไหมคะ จนกว่าฉันจะหันกลับไปแล้วคุณค่อยลืมตา”
“ผมหลับตาแล้วนะเพลง” ลินเนอุสทำตามอย่างว่าง่าย เสียงที่เธอกำลังกำจัดเสื้อผ้าก็ดังขึ้น มันทำให้เขาเร้าใจ ตื่นเต้นไม่ต่างจากเล่นเปิดไพ่โป๊ซึ่งเป็นที่นิยมในขณะนี้ด้วยซ้ำ ผิวเนื้ออ่อนบางต้องกลายเป็นสีชมพูจัดเพราะเจ้าตัวเขินอาย ทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างที่เขาอยากลองชั่งน้ำหนักมันด้วยมือทั้งสองข้าง เอวคอดกิ่วที่เขาจะไม่พลาดกุมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และ...
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...
เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่มีใครกดปิดระบบการทำงานของมัน คนที่ตั้งปลุกเอาไว้จากโทรศัพท์เครื่องบางยังคงนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ของโต๊ะทำงานที่หันหลังให้กระจกใสแจ๋วซึ่งสูงจากพื้นจรดเพดานห้อง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานกี่นาที เขาเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นที่ไม่อยากคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั่นเป็นเพียงความฝัน
โอ... แม้แต่ในฝันคุณยังไม่ยอมให้ผมสมใจสักครั้งเลยนะเพลง คนที่รู้ตัวว่าทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวงกำลังคร่ำครวญกับตัวเองอย่างหนักพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับ ส่ายหน้าไปมากับพนักพิงเก้าอี้ตัวใหญ่
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเคาะประตู ทำให้คนไม่อยากตื่นก็ต้องลืมตาขึ้นสู่โลกแห่งความเป็นจริง แถมยังต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อลืมตาขึ้นแล้วพบกับร่างกายส่วนล่างของโยวันที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทแทนที่จะเป็นเรียวขางามเช่นในฝัน
“อย่าบอกนะครับว่าคุณหลับบนเก้าอี้นี่ทั้งคืน”
“แล้วเห็นว่าฉันนอนบนเตียงหรือไง?” ตอบอย่างไม่สบอารมณ์พลางยกมือเสยผมลวกๆ
“ขอโทษที่เข้ามาทั้งที่คุณยังไม่อนุญาต แต่ผมได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่สักพักแล้ว นึกว่าคุณอาบน้ำเลยจะเข้ามากดปิดให้ครับ” โยวันถือวิสาสะเปิดประตูเชื่อเช้ามาและแปลกใจไม่น้อยที่ยังเห็นเจ้านายนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ทั้งที่เขาควรจะอยู่ในชุดพร้อมเดินทางแล้ว หากสีหน้าที่ดูเนือยๆราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่มก็ทำให้เขาคำนวณเวลาในการเดินทางไปยังสนามบินและเอ่ยกับเจ้านายในที่สุด “ผมคิดว่าคุณยังหลับต่อได้อีกสักสี่สิบนาทีแล้วค่อยเดินทาง...”
“ไม่ๆ ฉันขอเวลาจัดการกับตัวเองสักสิบนาที เดี๋ยวค่อยไปหลับบนเครื่องบินก็ได้” บอกพลางลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าคนสนิทไปยังห้องน้ำ ไม่ใช่พักผ่อนไม่เพียงพอแต่นับจากนี้เขาคงต้องทำงานให้หนักขึ้น ลดเวลานอนที่น้อยอยู่แล้วให้น้อยลงอีกเพราะกลัวว่าต้องฝันเช่นนี้อีก
สายน้ำอุ่นที่ไหลลงมากระทบกายแกร่งเรียกความสดชื่นได้พอควรแต่จิตใจเขากลับว้าวุ่น ร่างกายยังเรียกร้องการปลดปล่อย ความหฤหรรษ์ที่ควรได้รับพังทลายในชั่วเวลาพริบตา
ลินเนอุสแหงนหน้ารับสายน้ำที่ไหลลงมาอยู่ครู่ใหญ่ กำหมัดแน่นระงับความต้องการที่ปะทุขึ้นทั้งยังต้องข่มใจไม่ให้ใช้วิธีปลดปล่อยตัวเองในวิธีที่ง่ายดายที่สุด แม้ว่าจะต่อสู้กับเธอในฝันเขาก็ต้องการชัยชนะ จะไม่มีวันพ่ายแพ้เธอด้วยการพาตัวเองเข้าสู่จุดแตกดับเพียงลำพัง ต่อจากนี้เขาจะล่องลอยอยู่บนสวรรค์ ดื่มด่ำกับความสุขสมอันเข้มข้นนั้นกับเธอเท่านั้น
...แค่หมดรักก็ทรมานมากพอแล้ว เขาจะไม่ยอมทรมานร่างกายตัวเองแบบนี้อีกต่อไป หลุมพรางแห่งการทรยศที่เธอต้องชดใช้ ความเชื่อใจอันพังทลายที่เธอต้องพิสูจน์ตัว หัวใจแตกสลายที่รอให้เธอเยียวยาหาทางรับผิดชอบเขาทั้งตัวและหัวใจ
“แล้วเราจะได้รู้กัน พิลาสินี”
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รัก
ครั้งนี้ศิริพาราพา พ่อมดทางการเงิน คนดังของโลกมาแนะนำตัวนะคะ เขาฝันไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง นางในฝันนี่ใจร้ายเป็นบ้าแต่... เดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าลินเนียสจะมีวิธีทำให้ความฝันเป็นจริงได้ยังไง
ศิริพาราอัพนิยายให้อ่านวันเว้นวันนะคะ จุ๊บๆๆ
ขอบคุณที่รักกัน
ศิริพารา
ดวงตาสีเทาควันบุหรี่ของนักลงทุนระดับโลกอย่างลินเนอุส คอนราดสัน กำลังมองออกไปยังมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนียที่เขาเพิ่งจบจากการบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาโทเป็นวันสุดท้าย หัวข้อบรรยายอาจจะดูเหลือเชื่อ ขัดกับความเป็นจริงในการดำรงชีวิตมากไปสักหน่อย แต่เขาก็ทำให้นักศึกษาจากหลายชาติได้ประจักษ์แล้วว่า... ไม่มีใครร่ำรวยจากเงินออมที่แบงก์จ่ายดอกเบี้ยให้ปีละไม่เกินห้าเปอร์เซ็นต์ของเงินฝาก ในขณะที่เราสามารถทำกำไรให้กับตัวเองจากการลงทุนมากกว่าเดือนละหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ แต่กำไรที่ว่านั่นก็ต้องอยู่ในกรอบความคิดและวิสัยทัศน์อันกว้างไกลดังเช่นประสบการณ์จริงในชีวิตที่เขาเคยทำมาแล้ว
ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่ต้องการเงิน ความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วโลกแสวงหา อำนาจแห่งเงินเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเนรมิตเกือบทุกสิ่งอย่างในโลก แม้ความจริงแล้วเขาจะเห็นว่าเงินสามารถซื้อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ได้ก็ตาม การบรรยายพิเศษตามมหาวิทยาลัยชื่อดังทั่วทุกมุมโลกนั่นถือเป็นงานอดิเรกของลินเนอุส คอนราดสัน นักลงทุนหนุ่มชาวสวีเดน เขาก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยเงินลงทุนก้อนหนึ่ง จากวัยรุ่นอายุสิบหกถึงอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกในอายุสามสิบเจ็ดปีเต็ม
ลินเนอุสหัวเราะพรืดออกมาให้กับความทรงจำอันแม่นยำของตน เมื่อเหยียบย่างเข้าไปในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย สถานที่และเมืองซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำอันงดงามในอดีตทว่าก่อให้เกิดบาดแผลลึกในใจจนยากจะลืมเลือน ทุกคำพูดทุกอากัปกิริยา ทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเธอยังอยู่ในความทรงจำจากวินาทีแรกที่พบกันจนถึงวินาทีสุดท้ายที่จากลา...
ข้อความในกระดาษโน้ตสั้นๆที่เธอแปะไว้ในหนังสือเล่มหนึ่งยังก้องอยู่ในโสตประสาทแม้ว่าเขาจะขยำมันทิ้งแล้วสั่งตัวเองให้ลืมใบหน้าอันงดงามของเธอแล้วก็ตาม!
‘ดีใจและมีความสุขที่ได้รู้จักกับคุณนะคะลินเนียส คุณเปลี่ยนโลกของฉันให้สดใส สอนให้ฉันได้ใช้ชีวิตของตัวเองอย่างมีความสุข ขอโทษที่ฉันจากไปโดยไม่ได้บอกลากับคุณด้วยตัวเองแต่สัญญาว่าจะจดจำภาพของคุณเอาไว้ตลอดไป รักเสมอ ลงชื่อ พิลาสินี’
‘อะไรกันผมงงไปหมดแล้ว เพลงไปไหน ทำไมทิ้งแค่โน้ตไว้แล้วบอกลาเหมือนจะไม่กลับมาอีก’ ลินเนอุสถามเพื่อนนักศึกษาในคลาสเดียวกันกับพิลาสินี สาวโคเรียนที่ยื่นหนังสือให้เขาส่ายหน้าอย่างจนใจ
‘ฉันไม่รู้จริงๆค่ะ พยายามถามเธอแล้วแต่ก็ไม่ได้ความมากไปกว่านี้ บอกแค่ว่าจะรีบกลับไทย แล้วก็ฝากหนังสือคืนให้คุณเท่านั้น’
ลินเนอุสขมวดคิ้วมุ่นมองหนังสือในมือ กระดาษโน้ตและใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าสลับกันอย่างงงงัน จับต้นชนปลายไม่ถูก หากฝ่ามือของเธอที่ยื่นมาสัมผัสต้นแขนและบอกด้วยน้ำเสียงปลอบใจก็ทำให้เขาเหมือนถูกสายฟ้าฟาดกลางฤดูหนาวซึ่งมันไม่อาจเป็นไปได้เลยสักนิด
‘ฉันได้ยินเพื่อนข้างห้องของเพลงพูดกันว่ามีหนุ่มเอเชียคนหนึ่งมาช่วยเธอเก็บข้าวของเมื่อสองวันที่แล้ว ไม่นานทั้งคู่ก็รีบร้อนออกไปจากอพาร์ทเมนต์ เธอเป็นคนสวย มีหนุ่มๆตามจีบไม่เว้นแต่ละวันคุณเองก็น่าจะรู้ดี ทำใจเถอะนะคะ’
เขายังจำสายตาของสาวโคเรียนที่มองมาอย่างให้กำลังใจระคนสงสาร แต่ความสงสารนั้นกลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชยิ่งนัก เป็นไอ้งั่งที่ถูกมารยาหญิงอันอ่อนหวานหลอกล่อจนตายใจ ระยะเวลาหลังจากที่เธอหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยทำให้เขาเหมือนคนบ้าเที่ยวตามหาเธอและสอบถามกับเพื่อนๆในคลาสเดียวกัน อพาร์ทเมนต์ที่เธอพักหรือหอสมุดที่เธอมักจะไปขลุกตัวอยู่ที่นั่นวันละหลายชั่วโมง รู้สึกเหมือนจะขาดใจตายไม่ต่างจากไก่อ่อนเพิ่งริรักที่กำลังคลั่งไคล้จะเป็นจะตายเมื่อสาวในฝันหายตัวไป
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา... เขาก็เดินทางมาถึงประเทศไทยและยืนมองเธอกับผู้ชายคนหนึ่งในพิธีฉลองสมรสท่ามกลางผู้คนในวงสังคม ความชื่นมื่น รอยยิ้มและเสียงหัวเราะยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่ถูกเหยียบย่ำไม่เหลือชิ้นดี
ก่อนหน้าที่จะเดินทางไปประเทศไทย เขาแทบล้มทั้งยังเมื่อได้ยินนักสืบจากประเทศไทยรายงานเข้ามาว่าพิลาสินี กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงในอีกไม่กี่วันนี้ ในใจเกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงจนต้องเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล โยนผลกำไรอันมหาศาลทิ้งอย่างไม่ใยดีเพียงเพราะต้องการเห็นด้วยตาตัวเองว่า จริงหรือที่เธอกำลังจะเป็นเจ้าสาวของผู้ชายคนหนึ่ง!?
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงเคาะประตูหนักๆทำให้ลินเนอุสหลุดจากภวังค์ความคิดและเดินไปเปิดประตู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าหนึ่งในอาจารย์ของมหาวิทยาลัยที่นัดแนะกันเอาไว้ กำลังยืนอยู่อีกด้านของประตู
“มาถึงเร็วจริง” ลินเนอุสเปิดประตูแล้วเดินกลับเข้ามาในห้องพักในขณะที่ผู้มาเยือนมองนาฬิกาแล้วหัวเราะร่วน
“สิบนาทีเองน่า... วันนี้มีแพลนเด็ดต้องรีบหน่อย” วิล หนุ่มเจ้าสำราญซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมายและยังเปิดบริษัททนายความพูดอย่างอารมณ์ดี
“หึ! ถ้าจะพาไปหิ้วอีหนูมาอึ๊บล่ะก็...” ลินเนอุสยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมา พลางไหวไหล่อย่างไร้อารมณ์ “ไม่มีอารมณ์ พรุ่งนี้ฉันต้องกลับสวีเดนตั้งแต่เช้า”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธซี่... ที่ที่จะพาไปเนี่ยไม่ใช่มีเงินก็จะเดินเข้าได้ง่ายๆนะ เขาว่าเด็ดกว่าถูกอีหนูสักสิบคนล่อพร้อมกันอีก นั่งดูสดๆ ชอบแบบไหนท่าไหนสั่งได้ด้วย”
“ธรรมดาจะตาย ที่ไหนก็มีให้ดูถ้าอยาก...” ลินเนอุสชะงักคำพูดเมื่ออีกฝ่ายชิงดักคอขึ้นมาเสียก่อน
“คลับ แคนเดิล เชียวนะ นายเคยได้ยินไหม” วิล บอกชื่อผับสุดหรูที่น้อยคนนักจะเฉียดกลายเข้าไปด้านในได้ ถ้าไม่ได้เป็นสมาชิก แน่นอนว่าจะมีแต่บุคคลมีชื่อเสียงในทุกสาขาอาชีพต่างก็อยากให้เขามาปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองกันในคลับ แคนเดิล กันทั้งนั้น “สักหน่อยน่า ไหนๆก็มาแล้ว เลือดตาแทบกระเด็นเชียวนะกว่าจะได้รับคำเชิญ”
“แล้วนายได้สิทธิพิเศษนั้นมาจากใคร” ลินเนอุสถาม รู้ดีแก่ใจว่าผับชื่อกระฉ่อนนี้ทำเงินได้มหาศาล หากไม่มีใครเคยได้เห็นตัวจริงเจ้าของ คลับ แคนเดิล นี้เลยสักครั้ง
“ฉันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายให้ลูกสาวผู้ว่าการรัฐฯได้น่ะ เธอเลยสมนาคุณให้เป็นพิเศษ นายรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วๆเข้าหรือจะไปทั้งชุดสูทแบบนี้” วิล ถามพลางกวาดสายตามองผู้ชายเหมือนกันแต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะเข้าข้างลินเนอุสมากเกินความจำเป็น หล่อ รวย แถมด้วยมันสมองอัจฉริยะ จนตัวเองดูต่ำเตี้ยเรี่ยดินเมื่อเอาตัวไปเทียบกับพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก ที่ยืนเด่นเป็นสง่าตรงหน้า
ลินเนอุสยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาแค่ถอดเนกไทออกแล้วเดินเข้าไปในส่วนของห้องนอน เพียงไม่กี่นาทีก็เดินออกมาอีกครั้งด้วยเสื้อเชิ้ตสีอิฐพันแขนขึ้นบริเวณข้อศอก สอดชายเสื้ออย่างลวกๆเข้าไปในเดนิมยี่ห้อดัง “ไปชุดนี้ก็แล้วกัน หวังว่าพวกการ์ดคงจะไม่คิดว่าฉันเป็นพวกค้ายาเสพติดหรอกนะ”
“ดาร์กเกรย์ เดนิมของดีแอนด์จีตัวละเกือบพันสี่ร้อยดอลลาร์ที่นายใส่อยู่เนี่ย ฉันคิดว่าคงไม่มีใครทำงั้นแน่” มันอาจจะไม่ได้แพงหูฉี่ แต่ก็น่าจะเป็นเดนิมที่แพงที่สุดในช็อปของดีแอนด์จีกระมัง วิล คิดในใจพร้อมเดินตามคนไม่มีอารมณ์อยากเที่ยวที่เดินลิ่วนำหน้าออกไปจากห้องเสียก่อน
ลินเนอุสสอดตัวเข้าไปในซีดานสีแดงเข้มของวิลที่ขับออกจากโรงแรมขึ้นไปทางเหนือราวยี่สิบห้าไมล์ จากนั้นก็เลี้ยวเข้าไปด้านในซึ่งก่อกำแพงขึ้นสูง ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมหาเศรษฐีมากกว่าการมาเที่ยวผับสักแห่ง...
คลับ แคนเดิล (Club Candle)
ลินเนอุสเลิกคิ้วเมื่อต้องแสดงบัตร กรอกข้อมูลส่วนตัว เดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ไม่ต่างจากการเดินทางเข้าประเทศที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดไม่สามารถนำเข้าไปด้านในได้ สุดท้ายต้องสแกนนิ้วมือเพื่อเทียบกับไอดีการ์ดเสียด้วย
“ถ้าข้างในไม่เจ๋งลบล้างความน่ารำคาญของระบบรักษาความปลอดภัยนี่นะ ฉันเอานายตายแน่ วิล” ลินเนอุสพูดในขณะที่ยกมือทั้งสองข้างขึ้นในระนาบเดียวกับศีรษะ เพื่อให้การ์ดร่างใหญ่ผิวสีได้ตรวจตามร่างกายอีกครั้ง
“เย็นไว้พวก... เรามากันแค่สองคนแล้วฉันก็มีศิลปะการป้องกันตัวอยู่น้อยนิด” วิล เตือนพร้อมกับยิ้มแหยๆให้กับการ์ดร่างยักษ์ที่ตรวจร่างกายของตนเป็นขึ้นตอนสุดท้ายนี้
“เชิญครับ” แม้การ์ดร่างยักษ์จะท่าทีดุดัน ตรวจเข้มอย่างไม่ผ่อนปรนแต่น้ำเสียงที่ใช้พูดคุยกับลูกค้าก็สุภาพ แตกต่างกับการกระทำโดยสิ้นเชิง
ลินเนอุสและวิลก้าวเข้าไปในประตูบานใหญ่ที่เปิด-ปิดอัตโนมัติ เสียงเพลงของแร็พเปอร์ผิวสีก็ดังกระหึ่มขึ้น หากด้านในไม่ได้ให้ความรู้สึกเหมือนไปเที่ยวผับหรูๆสักแห่ง เพราะสีไฟค่อนข้างสว่างทำให้เห็นสองข้างทางที่เต็มไปด้วยผู้คนมีชื่อเสียงนั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งด้านหลังบาร์เทนเดอร์นั้นเต็มไปด้วยขวดไวน์ วอดก้า บรั่นดี วิสกี้เรียงตัวกันสูงจรดเพดานยาวไปจนสุดทางเดิน บ้างก็จับกลุ่มคุยกันด้วยสีหน้าชื่นมื่นในมือถือแก้วเครื่องดื่มหลากสี เหมือนทุกคนที่เข้ามาปลดปล่อยด้านมืดของตัวเองใน คลับ แคนเดิล นี้สบายเพราะไม่ต้องกลัวว่าจะมีภาพหลุดเล็ดลอดออกไปทำให้เสียชื่อเสียง
“โว้ว... ดูสิ วันนี้ผมเจอคราย... พ่อมดทางการเงิน ยังเป็นเมมเบอร์ของ คลับ แคนเดิลงั้นเหรอ”
เสียงทักทายระคนเย้ยหยันนั้น ทำให้ลินเนอุสก้าวไปประจันหน้ากับไซม่อน นักลงทุนคนหนึ่งที่ถังแตกเพราะคิดต่อกรกับเขา แต่ยังมีที่ยืนในสังคมโก้หรูได้เพราะมีเมียรวยที่แก่คราวแม่ เขาไม่ตอบโต้แค่ยิ้มที่มุมปาก จ้องตาเขม็ง
“จะมาหาคุณนายคอนราดสันในนี้อย่างนั้นรึ?” ไซม่อนจงใจพูดด้วยน้ำเสียงดังกว่าปกติเพื่อเรียกความสนใจของคนรอบกาย แต่คำพูดที่ตอกกลับมาทำให้โกรธจนแทบสร่างเมา!
“ถ้าเจอก็คงลีลาเด็ด อึ๊บมันกว่าเอาคนแก่คราวแม่มาทำเมีย ผลสุดท้ายต้องหนีแม่เที่ยว” พูดพลางตีคิ้วใส่ตาคนที่กำลังโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ลินเนอุสจงใจยั่วยุอารมณ์ด้วยการตบบั้นท้ายของสาวหุ่นสะบึมที่เดินผ่านมาพอดี “ก้นสวยจริงเซ็กซี่”
“เด้งดีด้วยนะสุดหล่อ เชื่อที่ฉันพูดรึเปล่าล่ะ?” สาวหน้าตาคมคาย ผมสีน้ำตาลเข้ม หุ่นยั่วน้ำลายบอกพร้อมดันสะโพกเข้าหาฝ่ามือของหนุ่มหล่ออย่างท้าทายพลางยกมือขึ้นโอบรอบสะโพกของเขาแล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน จนวิล ต้องเดินตามต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ปล่อยให้ไซม่อน คนมีเมียแก่คราวแม่ต้องยืนกัดฟันกรอดอย่างระงับอารมณ์
“เพิ่งมาครั้งแรกเหรอคะ ฉันไม่เคยเห็นคุณมาก่อน”
ลินเนอุสโคลงศีรษะรับคำพูดนั้นและก้มใบหน้าลงไปใกล้ๆกับซอกคอระหง กระซิบที่ข้างหูเธอให้พอได้ยินกันสองคน “โทษทีนะเซ็กซี่ พอดีผมไม่ใช่สาวกดิออร์ มิดไนท์ พอยซั่น ได้กลิ่นแล้วมึนหัวจ้ะ”
สาวเซ็กซี่ที่เลือกใช้น้ำหอมยี่ห้อดังซึ่งหลายคนบอกว่ามันมีกลิ่นหอมยั่วใจหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เธอไม่ได้เจอใครที่ตรงไปตรงมา สุภาพ คำปฏิเสธของเขาไม่ได้หยาบคายหรือทำร้ายจิตใจ แต่กลับทำให้เธอเข้าใจว่ามีความชอบที่ไม่ตรงกันเท่านั้น แม้ลึกๆในใจแล้วออกจะเสียดายผู้ชายนัยน์ตาสีเทาควันบุหรี่แสนเซ็กซี่นี้ก็ตาม แต่ภายใน คลับ แคนเดิล แห่งนี้มีผู้ชายให้เธอเลือกสนุกด้วยมากมายนับไม่ถ้วน
“หวังว่าวันนี้คุณคงจะเจอสาวหวานหอมสดชื่นเหมือนดอกบลูเบลล์ แต่ถ้าเปลี่ยนใจก็ไปหาฉันได้ที่มุมนั้นนะคะ” พูดพลางเขย่งปลายเท้าขึ้นแล้วจุมพิตเร็วๆที่ข้างแก้มคร้ามคม หากเธอไม่รู้ว่าคำอวยพรแสนธรรมดานั่นช่างกระแทกใจคนฟังให้ไพล่คิดไปถึงผู้หญิงอ่อนหวานที่มักใช้น้ำหอมกลิ่นอ่อนๆที่สกัดจากดอกบลูเบลล์ยิ่งนัก
“ให้ตายเถอะ ลินเนียส! นี่นายกล้าปฏิเสธนางฟ้าของผู้ชายทั้งโลกได้ยังไงกัน?” วิลเดินเข้ามาใกล้ๆและเค้นเสียงรอดไรฟันถามอย่างหงุดหงิดใจ
“รู้จักเหรอ?” ถามราวละเมอ แต่ตอนนี้ใบหน้าของพิลาสินีกลับแจ่มชัดราวกับว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้า
“นี่อย่าบอกนะว่านายไม่รู้จักหล่อน นั่นน่ะพอร์นสตาร์ชื่อดังของดิจิทัล เพลย์กราวน์เชียว” วิลบอกและชะเง้อมองตามหล่อนไม่วางตา
หากคนฟังกลับหันมาเหล่มองและรู้ได้ในทันทีว่าหล่อนเป็นนางเอกหนังโป๊ จึงส่ายหน้าและเดินไปหาที่นั่งที่จัดไว้สองฟากฝั่งให้คนที่เข้ามาเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ
“ไงล่ะ รู้ว่าเธอไปเป็นใครแล้วเสียดายใช่ไหมล่ะ” วิลบอกพร้อมนั่งลงบนโซฟาสีน้ำตาลอมแดงมองเพื่อนร่วมก๊วนที่ยื่นมือไปหยิบวิสกี้จากบริกรขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เริ่มคุ้นหนาคุ้นตาขึ้นมาบ้างแล้วสิ”
“เปล่า” ลินเนอุสยังตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันไม่ค่อยได้สนใจหนังโป๊ตั้งแต่รู้ว่าแสดงเองแล้วมันสนุกกว่าเป็นคนนั่งดูเยอะเลย”
คำพูดทื่อๆของลินเนอุสทำให้วิลขำกลิ้ง ยกมือตบบ่าของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปอย่างเห็นด้วย “เออ... จริงว่ะ แต่ยังไงฉันก็ยังอยากลองกับหล่อนสักเกม ถ้านายไม่ชอบก็น่าจะโยนมาให้ฉันบ้าง”
“ก็ตามไปสิ ข้างในนั่นดูเหมือนจะมีอะไรน่าสนุกสำหรับนาย” ลินเนอุสพูดพลางพยักพเยิดเข้าไปด้านใน แสงไฟค่อนข้างสลัวทว่าหลากสี เสียงเฮฮาดังแข่งกันจนฟังไม่ได้ศัพท์มักเกิดขึ้นเมื่อมีการประมูลหรือเชียร์ให้ทำการตื่นเต้นอะไรสักอย่าง
“งั้น... อย่ามาโทษกันทีหลังถ้านายจะต้องหาทางกลับเอง” วิลหยั่งเชิงพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“คงมีเซ็กซี่สักคนมาหิ้วฉันไปส่งที่โรงแรมน่า...” พูดพลางชูแก้ววิสกี้ขึ้นชนกับแก้วในมือของวิล จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
ลินเนอุสยิ้มที่มุมปากมองร่างกำยำของวิลที่เดินจากไปและไม่คิดจะเข้าไปร่วมสนุกด้านในเพราะรู้ดีว่าทุกผับทุกบาร์ก็คงมีกิจกรรมไม่แตกต่างกันนัก เซ็กซ์เกมประเภทต่างๆคงกำลังเกิดขึ้น หนุ่มสาวหุ่นยั่วน้ำลายเล่นเกมถอดเสื้อผ้าทีละชิ้นจนล่อนจ้อน หรือไม่ก็เปิดไพ่แล้วมีเซ็กซ์ตามท่วงท่าในไพ่ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้
เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ประเภทที่จะเปลี่ยนผู้หญิงเป็นว่าเล่น แต่เขาพอใจที่จะเรียกผู้หญิงสักคนมาปลดเปลื้องอารมณ์ใคร่ที่อยู่ในตัวเป็นครั้งคราวอย่างไม่มีข้อผูกมัด ไม่คิดจะคบหากับผู้หญิงคนไหนเป็นเรื่องเป็นราวทั้งที่อยู่ในวัยที่ควรสร้างครอบครัวเสียด้วยซ้ำ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามักตีค่าความสัมพันธ์ทางกายอันสนุกสุดเหวี่ยงไม่ต่างจากการล่าหุ้นที่กำลังไต่ระดับขึ้นในแดนบวกเท่านั้น เมื่อถึงจุดแตกดับต่างก็แยกย้ายและมองหาคนที่ถูกใจใหม่ไม่ต่างจากการมองหาหุ้นตัวใหม่ที่มีความน่าสนใจ การตอบแทนพวกหล่อนด้วยเงินก้อนใหญ่จึงเป็นสิ่งที่ทำแล้วสบายใจแม้ว่าบางครั้งพวกหล่อนจะติดใจในลีลาอันหิวกระหาย ดุดันจนต้องเรียกร้องอีกครั้งแทนสินน้ำใจก้อนโตนั้นก็ตามที
แน่นอนว่าคงไม่มีอีหนูราคาถูกคนไหนสามารถปีนขึ้นไปกรีดร้องบนเตียงของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปได้ง่ายๆ
ลินเนอุสนั่งมองผู้คนที่มีชื่อเสียงในวงสังคมของโลกเดินกันขวักไขว่ ไม่อยากคิดว่าหากปาปารัสซีเล็ดลอดเข้ามาใน คลับ แคนเดิล นี้ได้จะเก็บภาพไม่น่าพิสมัยของคนดังได้สักกี่คน มูลค่าของภาพเหล่านั้นคงมหาศาลเพราะนิตยสารดังๆคงจะสู้ราคาอย่างไม่ลดละกับภาพลับที่เขาเห็นด้วยตาคู่นี้
“จัดการให้ด้วย นี่...รางวัลของนาย” ลินเนอุสบอกเมื่อวางนามบัตรของตนลงบนถาดเครื่องดื่มของบริกร ซึ่งด้านหลังเขียนข้อความและเบอร์โทรศัพท์ของคนสนิทให้มารับโดยเร็ว
พ่อมดทางการเงินคนดังของโลกยังนั่งทอดอารมณ์อยู่ในความคิดของตัวเองเกือบสี่สิบนาที ทั้งที่ภายในนี้น่าจะทำให้สำราญใจแต่เขากลับเบื่อหน่ายจนคิดว่าการนอนหลับบนเตียงนุ่มยังมีความสุขเสียกว่าการนั่งอยู่ในที่ที่เต็มไปด้วยผู้หญิงหุ่นยั่วน้ำลายเช่นนี้
ราวครึ่งชั่วโมงบริกรคนเดิมก็เข้ามารายงานและเขาก็ลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่หันมามองตามนางแบบเม็กซิกันที่เพิ่งให้บริกรเอาเครื่องดื่มมาเสิร์ฟเลยแม้แต่น้อย รูป รส กลิ่น เสียงมากมายหลายแบบที่มีให้เลือกจนเวียนหัวนี้เทียบไม่ได้กับผู้หญิงในความทรงจำเลยสักนิด
หุ่นยั่วน้ำลายอวบอัดยังสู้ไม่ได้กับเรือนร่างสะโอดสะอง รอยยิ้มแสนหวาน เสียงหัวเราะยังก้องในโสตประสาทการได้ยิน เพียงแค่ได้กอดและสูดเอาความหอมของแก้มเนียน กลิ่นหอมละมุนละไมของเธอไม่ต่างจากดอกบลูเบลล์ที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา แน่ล่ะว่าทุกสิ่งที่ประกอบขึ้นเป็นเธอนั้นทำให้เขามีความสุขไม่ต่างจากล่องลอยบนสรวงสวรรค์ ลินเนอุส สะบัดศีรษะแรงๆราวกับจะขับไล่ภาพความทรงจำที่ไม่เคยลบเลือนออกไปจากใจมาตลอดระยะเวลาห้าปี
ลินเนอุสยื่นธนบัตรดอลลาร์ที่มีมูลค่ามากที่สุดให้กับการ์ดร่างยักษ์ก่อนที่จะก้าวเข้ามานั่งในรถยนต์ของตน หากต้องกรอกสายตาอย่างระอาใจเมื่อมองผ่านกระจกมองหลังในรถแล้วพบว่าคนสนิทกำลังมองมาด้วยสายตาที่ทำให้เขาขุ่นเคืองใจ
“แน่ใจนะว่าจะมองฉันด้วยสายตาเยาะเย้ยแบบนี้” ลินเนอุสถามแล้วเบือนหน้ามองสิ่งแวดล้อมข้างทาง
“คิดมากนะครับ ผมก็มองปกติแค่นึกสงสัยว่า คลับ แคนเดิล นี่คงมีแต่ราคาคุย คุณถึงให้คนโทรฯเรียกผมมารับทั้งที่ออกจากโรงแรมได้แค่ชั่วโมงครึ่ง” โยวันตอบพลางบังคับรถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความระมัดระวัง
ลินเนอุสไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพิ่งรู้ว่าโยวันสนใจเรื่องผับหรูที่ไม่ยอมให้แมลงหวี่แมลงวันเล็ดลอดเข้าไปสร้างปัญหาให้เมมเบอร์นี้ด้วย ทั้งที่ปกติแล้วก็ดูเป็นคนรักครอบครัวดี “สนใจล่ะสิ แต่ระวังโมราจะสับไอ้นั่นนายเป็นชิ้นๆ”
“ฮ่า... ตั้งแต่ผมเจอเธอก็ไม่เคยมองคิดนอกลู่นอกทางกับผู้หญิงคนไหนหรอกครับ” โยวันบอกด้วยความสัตย์จริง แต่คนฟังกลับเบ้ปากไม่เชื่อในคำพูด
“ถ้าเชื่อ... หมูก็บินได้น่ะสิ”
โยวันหัวเราะร่วนกับคำเปรียบเทียบนั้น “สารภาพครับว่าผู้ชายว่าต้องมีเผลอกันบ้าง เวลาที่เห็นสาวหุ่นเซ็กซิมโบลแต่เอาเข้าจริงแล้วทำไม่ได้นะครับ ความรู้สึกผิดทำให้ผมห่อเหี่ยว”
“ขนาดนั้นเชียว” ลินเนอุสถามพลางคิดว่าถ้าโมรามาได้ยิน สองคนนี้ต้องจูบกันอย่างดูดดื่มเหมือนอยู่ด้วยกันบนโลกสองคนแน่ๆ
“คุณเองก็รู้แก่ใจดีนี่ครับ จะย้ำถามผมทำไม” แน่ล่ะว่าถ้าเป็นเจ้านายกับลูกจ้างธรรมดาคงไม่กล้าพูดจาเช่นนี้ แต่ลินเนอุสกับโยวันเป็นมากกว่านั้น
โยวันคือเพื่อนต่างวัยที่เข้าอกเข้าใจความต้องการของเขาได้มากกว่าคนอื่น เป็นเหมือนเพื่อนรู้ใจในการทำงานสักชิ้นแต่โยวันก็ให้เกียรติเขาไม่ต่างจากเจ้านายคนหนึ่ง เมื่อมีเพื่อนร่วมงานที่เข้าขากันดีเช่นนี้เขาก็ไม่เคยคิดฟอร์มทีมขึ้นมาเพื่อจัดการธุรกิจสักบริษัทหนึ่งแต่จะใช้บริการของเฮดฮันเตอร์1 เพราะการธุรกิจแต่ละประเภทที่ตั้งอยู่ในแต่ละทวีปนั้นมีความแตกต่างกันหลายด้าน การใช้บริการของเฮดฮันเตอร์เหมือนการคัดสรรแต่บุคคลที่มีความเป็นเลิศในแต่ละด้านเอาไว้ให้แล้วนั่นเอง
“อ่อ... เรื่องของสิริแอทเซท ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ คาดว่าเธอน่าจะเดินทางมาพบคุณพร้อมๆกับวันที่เราเดินทางถึงเกาะพอดี” โยวันรายงานเมื่อเห็นว่าเจ้านายที่นั่งอยู่ด้านหลังเงียบไปครู่หนึ่ง
“กลัวว่าจะไม่ง่ายอย่างนั้นน่ะสิ เท่าที่จำได้เธอเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีพอสมควร ไม่น่าที่จะเดินทางมาหาฉันง่ายๆหรอก” ลินเนอุสบอกอย่างประเมินสถานการณ์ของอีกฝ่ายที่เป็นปัญหากวนใจเขามาตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อธุรกิจเธอใกล้ถึงทางตันเขาจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในทันที
ช่วยเหลืองั้นเหรอ?
ไม่หรอก! เขากำลังยื่นข้อเสนออันตรายที่ทำให้เธอต้องเดินเข้ามาอยู่ในกำมือ เหลือแค่ว่า... เธอจะเต็มใจเดินเข้ามาเสียเองหรือให้เขาต้องออกแรงบีบบังคับมากกว่านี้
“เวลาเปลี่ยนคนเปลี่ยนนะครับ คุณรู้รึยังว่าคุณพ่อของเธอสุขภาพไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่หรืออีกที เธออาจจะใจร้อนมารอคุณอยู่ในห้องแล้วก็เป็นได้” โยวันบอกพลางมองใบหน้าเจ้านายที่ดูรื่นรมย์อย่างไม่น่าเชื่อ ผิดจากเมื่อครู่ที่เรียบเฉยแต่เขาก็รู้ดีว่าภายในนั้นกำลังหงุดหงิดใจ
“อย่าบอกนะว่านายเอาเรื่องของพ่อเธอ ไปบีบคั้นเธอด้วย” ลินเนอุสถาม แววตาสีเทาควันบุหรี่ดูลิงโลดทั้งที่ปกติแล้วการบีบบังคับใครสักคนนั้นไม่ใช่วิสัยของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เปล๊า... ผมก็แค่ทำตามหน้าที่ตามปกติ แต่ระบบการบริหารของสิริแอทเซทเน่าเฟะ เรื่องคุณพ่อของเธอก็ประจวบเหมาะพอดี เหมือนโชคกำลังเข้าข้างคุณ” โยวันอธิบายตามความเป็นจริง
“ฉันอาจจะโชคดีมาทุกเรื่องนะ แต่กับเธอแล้ว...” ‘ฉันไม่แน่ใจ’ ลินเนอุสเลือกที่จะต่อประโยคนั้นในใจเพราะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับพิลาสินีแล้ว ดูเหมือนโชคจะไม่เป็นใจให้เขาเอาเสียเลย
โยวันลอบยิ้มให้กับความโชคดีของตัวเอง เขาคงเป็นคนเดียวกระมังที่มีโอกาสเห็นจุดอ่อนของพ่อมดทางการเงิน ผู้ชายที่เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกล มันสมองอันชาญฉลาดที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกยอมศิโรราบ ทุกครั้งที่เขาขยับตัวทำอะไรสักอย่างหรือเอ่ยปากถึงทิศทางกระแสเศรษฐกิจของโลก ผู้คนต้องหยุดฟังและเชื่อในคำพูดนั้นอย่างไร้ซึ่งข้อกังขา แต่ตอนนี้กลับนั่งนิ่ง แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ กระหายในชัยชนะ บัดนี้อ่อนแสงราวกับกำลังจะถอดใจ
“เอาเป็นว่าผมยังมั่นใจในความคิดของตัวเอง และคิดว่าเธอจะมาพบคุณภายในสามวันนี้แน่ๆ”
ลินเนอุสหรี่ตามองคนสนิทผ่านกระจกมองหลัง เขาเป็นคนประเภทที่ชอบการเสี่ยงดวงทุกรูปแบบเพราะมั่นใจในความโชคดีและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเองมาตลอด เมื่อได้รับคำท้าทายมาเช่นนั้นก็ควรที่จะเสี่ยงดวงดูสักครั้ง “ถ้าไม่เกินสามวัน โมราคงดีใจที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดเมืองนอน ตำแหน่งผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสิริแอทเซทคงทำให้นายยอมรามือจากฉันได้เสียที”
“โอ้โห... ผมไม่คิดการใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างจะให้ไปยึดเอาสิริแอทเซทของเธอมาแบบนี้ก็อดสงสารไม่ได้” โยวันบอกตามความจริง
“อา... บ่อเกิดแห่งหายนะคือความสงสาร นายลืมมันไปแล้วหรือไง” ลินเนอุสลากเสียงยาวพลางยกมือขึ้นลูบแนวสันกรามของตัวเองอย่างคนกำลังใช้ความคิด
“ฮ่า... ผมว่าข้อนั้นคุณต้องตระหนักเอาไว้ให้มากถ้าได้พบหน้าคุณพิลาสินีอีกครั้ง” โยวันดักคออย่างรู้ทันความคิด จนได้ยินเสียงจิ๊กจ๊ะในลำคอของเจ้านายที่นั่งอยู่ข้างหลัง “คุณควรจะคิดเอาไว้ดีกว่าว่าจะจัดการกับเธอยังไง”
“ฆ่าทิ้งเลยดีไหม ใจคอร้ายกาจแบบนั้น” ลินเนอุสเปรยขึ้นมาราวกับประชดตัวเอง ดวงตาสีเทาควันบุหรี่กำลังคิดถึงใบหน้าอันงดงามของผู้หญิงใจคอร้ายกาจ จึงไม่มีโอกาสได้เห็นคนสนิทส่ายหน้าพลางคิดในใจว่า... ยิ่งร้ายก็ยิ่งรัก รักจนไม่อาจลืมเธอได้ลงแบบนี้แล้วยังจะปากเก่งขู่ฆ่าเธออีก
ลินเนอุสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ากำลังตื่นเต้นแค่ไหนกับการพบหน้ากันอีกครั้ง ระยะเวลาห้าปีที่เขาปล่อยให้เธอเดินตามเส้นทางชีวิตที่เลือกเอง เธอแต่งงาน มีครอบครัว ทำธุรกิจล้มลุกคลุกคลาน ส่วนเขาประสบความสำเร็จในทุกๆสิ่งไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็สร้างเม็ดเงินได้จำนวนมหาศาล ใช้ชีวิตส่วนตัวอย่างเต็มที่แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถลบเลือนเธอออกไปจากใจ
เมื่อถึงเวลาอันควรที่เธอต้องเดินเข้ามาเพื่อร้องขอความช่วยเหลือ ความทรมานที่ซ่อนไว้ลึกอยู่ก้นบึ้งของหัวใจก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง มันเรียกร้องให้เขาทำลายที่พึ่งพิงของเธอจนหมดสิ้น อานุภาพอันรุนแรงสั่งให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอให้เหลือไว้เพียงแค่เขาคนเดียว ถึงตอนนี้เขาจึงเป็นที่พึ่งพิงเดียวที่เหลืออยู่ เป็นเพียงคนเดียวในโลกที่จะทำให้ชีวิตของเธอพบเสียงหัวเราะหรือร้องไห้
เสียงหัวเราะและน้ำตาเป็นสองทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั้น ล้วนแล้วแต่มาจากการประพฤติตัวว่าเธอจะเลือกทำให้เขาพอใจหรือทำให้ขุ่นข้องหมองใจ
“ต่อไปนี้ผมคือจักรวาลของคุณ พิลาสินี!”
ร่างสูงใหญ่ของพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปปิดประตูห้องและตกใจไม่น้อยเมื่อมีฝ่ามือนุ่มละมุนคู่หนึ่งสอดเข้ากอดจากด้านหลังอย่างแนบแน่น หากกลิ่นหอมอันสดชื่นมีชีวิตชีวาของดอกบลูเบลล์ทำให้ลินเนอุสยิ้มกว้าง ก้มลงมองฝ่ามือบางที่ประสานอยู่บริเวณกล้ามท้อง ความนุ่มหยุ่นของทรวงอกอิ่มที่บดเบียดเข้ากับแผ่นหลังอย่างไม่มีแง่งอนทำให้เส้นประสาทในกายเขาตื่นตัว
“ทำไมมาช้าจังคะ ฉันรอคุณอยู่นานแล้วนะลินเนียส”
เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้หัวใจหนุ่มกระตุกวาบพลางคิดในใจว่านานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ได้ยินเสียงและกิริยาอันอ่อนหวานนี้ คำพูดที่ทำให้ความเหนื่อยล้า เครียดจัดจากเรื่องทั้งปวงมลายหายไปจนสิ้น น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ทำให้รู้สึกว่าได้กลับบ้านเพื่อพักผ่อนจริงๆ
“ผมรอคุณมาห้าปีนะ พิลาสินี” บอกพร้อมหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า ในขณะที่ท่อนแขนเรียวยังโอบรอบเอวไว้ไม่ปล่อย
“ที่ผ่านมาฉันผิดเองค่ะ ยกโทษให้ฉันนะคะ”
ลินเนอุสแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เธออยู่ตรงหน้าและยอมรับผิดในเรื่องที่ผ่านมาอย่างง่ายดาย แววตา สีหน้าและน้ำเสียงกำลังเว้าวอนให้เขายอมใจอ่อน เมื่อมองอย่างนิ่งเงียบ เธอก็เป็นฝ่ายจับมือทั้งสองของเขาขึ้นประคองแก้มตัวเองแล้วสอดมือเข้ากอดไว้บริเวณสะโพกสอบเช่นเดิม
“ฉันกลับมาแล้ว พร้อมที่จะรับโทษทุกอย่างจากคุณ”
เพียงแค่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยขอลุแก่โทษ หัวใจแกร่งของชายหนุ่มก็อ่อนยวบ นั่นยังไม่นับรวมกลิ่นหอมเฉพาะตัวของเธอที่เขาคลอเคลียข้างแก้มเข้ากับฝ่ามือนุ่มละมุน หากแผลที่บาดลึกในใจยังสร้างความเจ็บปวด เตือนให้รู้ว่าห้าปีที่ผ่านมาต้องหมองหม่นเพียงใดกับหลุมพรางแห่งการทรยศที่เธอสร้างเอาไว้
“ก็แค่... ต้องการความช่วยเหลือจากผมใช่ไหม” ลินเนอุสถามทั้งที่ยังหลับตารับสัมผัสความนุ่มของฝ่ามือบอบบาง “คุณแค่เห็นประโยชน์ของผู้ชายที่เขี่ยทิ้งขึ้นมาแล้ว เท่านั้นเอง?”
“ฉันเพิ่งรู้ว่าพ่อมดทางการเงินก็ชอบพูดประชดเหมือนกัน” เธอว่าขำๆและมองเขาด้วยสายตารู้ทันความคิดอย่างคนที่ถือไพ่แต้มเป็นต่ออยู่ในมือ
“ฮึ!... ผมไม่เคยคิดใส่ใจคนทั้งโลกแต่ขอให้รู้เอาไว้ว่าคุณไม่ได้อยู่ในโลกใบนั้น รู้รึเปล่าว่าคุณอยู่ในโลกของผมมาตลอด และตอนนี้ผมก็อยากเป็นทุกสิ่งในโลกของคุณบ้าง ต่อไปนี้ผมจะเป็นจักรวาลของคุณ พิลาสินี” พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่ดวงตากลับมองเธออย่างเคลิบเคลิ้มราวต้องมนตร์สะกดเมื่อใบหน้างดงามเลื่อนเข้ามาใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว
“ด้วยความยินดีค่ะ มิสเตอร์คอนราดสัน” เธอพูดพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานจับใจ ริมฝีปากเป็นกระจับเผยอขึ้นเป็นฝ่ายเริ่มจุมพิตเขาก่อนด้วยสัมผัสอ้อยอิ่ง ค่อยๆและเล็มจากริมฝีปากทีละเล็กทีละน้อย ดูดดึงจนสามารถเข้าไปสัมผัสความชุ่มฉ่ำในโพรงปากของเขา
ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างโอบกอดร่างน่าปรารถนาเอาไว้แนบแน่น เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยปลายเท้าบอบบางก็ลอยสูงเหนือพื้นเคลื่อนที่ไปตามร่างสูงใหญ่ที่เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้เดี่ยวหลังโต๊ะทำงานที่อยู่มุมห้อง รั้งเธอให้นั่งคร่อมหน้าตักโดยที่ไม่ได้ถอนริมฝีปากออกจากกันแม้เสี้ยววินาที เรียวลิ้นเล็กกระตุ้นให้ร่างกายของเขาตื่นตัวรับสัมผัส ฝ่ามือที่เกาะเกี่ยว สอดแทรกเข้าไปในหนังศีรษะทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ร่างกายรวดร้าว จิตใจจดจ่ออยู่กับจุมพิตอ่อนหวานไม่ต่างจากน้ำทิพย์ที่ไหลลงมาชโลมหัวใจอันเหือดแห้ง
ลินเนอุสตะครุบมือที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดสุดท้ายออก มองคนที่ถอนริมฝีปากด้วยความเสน่หาเกินต้านทาน “รู้ใช่ไหมว่าหลังจากนี้ผมจะหยุดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว คุณจะไม่เสียใจที่ทำแบบนี้ใช่ไหม พิลาสินี?”
รอยยิ้มและการหลบสายตาอย่างเอียงอาย นิ้วเรียวยังแกะกระดุมออกจากรังดุมคือคำตอบอันชัดเจน หากท่าทีศิโรราบง่ายดายยังทำให้ลินเนอุสผู้ที่มีบาดแผลลึกยังคลางแคลงใจ แน่ล่ะว่าสิ่งที่เขาต้องการเหนือความสัมพันธ์อันเร่าร้อนนี้คือความภักดีที่เธอเคยทำลายไปแล้วในอดีต
ลินเนอุสขยับตัวเล็กน้อยเพื่ออำนวยความสะดวกให้เธอดึงเสื้อเชิ้ตสีส้มอิฐออกจากร่างพลางหลุบสายตามองตามปลายนิ้วเรียวที่ไล้ลงบนแผงอกกว้างซึ่งอุดมไปด้วยกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์ เพียงแค่เธอขมวดขนอ่อนบนแผงอกเนื้อตัวเขาก็ขยับราวกับเรียกร้องให้เธอสัมผัสชิดเชื้อมากกว่านี้
“กล้ามเนื้อหน้าอกคุณแข็งจัง”
โอ... พระเจ้า! ทำไมเส้นประสาทในกายถึงได้ตื่นตัวตอบรับกับเสียงเซ็กซี่นั่นนัก แววตาซุกซน ท่าทีกระตือรือร้นเป็นเหมือนเชื้อเพลิงชั้นยอดที่ทำให้ความปรารถนาในกายคุโชน เวลาห้าปีเต็มที่ห่างกันยังไม่มีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาตื่นเต้น เสียวกระสันได้เช่นนี้
“ชอบที่ฉันสัมผัสคุณแบบนี้ไหมคะ”
“เซ็กซ์กับตัณหาราคะ ผู้ชายส่วนมากรวมเข้าไว้ด้วยกันแล้วเรียกมันว่าความใคร่ และผมก็ไม่เคยปฏิเสธความใคร่อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะแยกความชอบของผมออกจากความใคร่ได้รึเปล่า” ลินเนอุสรู้ดีว่านั่นคือคำท้าทายที่เจตนากระตุ้นให้เธอได้แสดงความปรารถนาซึ่งฉายแววอย่างชัดเจนในดวงตาโดยไม่ต้องรอมชอม ผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วห้าปีเต็มคงไม่ต้องเริ่มเรียนรู้บทรักเช่นสาวน้อยแรกแย้มที่เขาเคยรู้จักในอดีต “คงไม่ต้องให้ผมสอน... ใช่ไหม?”
พิลาสินีหัวเราะอย่างชอบใจแต่กลับดูยั่วใจในสายตาคนมอง เธอก้มลงจูบซอกคอแกร่งเรื่อยไปจนถึงแผงอกกว้างราวกับแสดงให้ได้เห็น จากนั้นจึงเหลือบสายตาขึ้นมองดวงตาสีเทาควันบุหรี่ที่มองตามอย่างหลงใหล “กับคุณแล้วฉันถือว่ายังใหม่อยู่มากนะคะ”
คำพูดของเธอทำให้เขาคอแข็ง ร่างกายเกร็งตัวรับกับความหวงแหนที่ได้รู้ว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์เร่าร้อนกับคนอื่นมาก่อนแล้ว ทั้งที่จริงเขาไม่ได้เป็นพวกคลั่งไคล้พรหมจรรย์ แต่ยอมรับว่าหวงจนหูอื้อตาลายเพียงแค่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา นับจากนี้เขาจะทำให้เธอใจจดใจจ่อ สายตามองที่เขาเพียงผู้เดียว
“นับจากนี้คุณเป็นของผมคนเดียว” ประกาศกร้าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงจนคนฟังยิ้ม หากเป็นรอยยิ้มที่เขาคาดเดาอารมณ์ไม่ได้เลย สีหน้าเธอแบ่งรับแบ่งสู้จนเขากลัวว่าหากไม่ประกาศความเป็นเจ้าของเธอในทุกทางแล้ว เธอจะหลุดลอยหายไปเช่นในอดีต
“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันสิคะว่าคุณชอบแบบไหน” พิลาสินีบอกด้วยคำพูดและน้ำเสียงท้าทาย จงใจกดปลายเล็บที่ตัดเป็นทรงเหลี่ยมตามสมัยนิยมลงบนกล้ามเนื้อแผงอก ลงน้ำหนักอย่างเหมาะเจาะครูดจากกลางแผงอกลงตามแนวไรขนอย่างเชื่องช้า “สอนฉันสิคะ ลินเนียส”
ลินเนอุสรับคำท้าทายนั้นด้วยการตะครุบฝ่ามือบอบบางเอาไว้ ยิ้มร้ายกาจที่มุมปาก “บทเรียนแรกคือการใช้ปากนะเซ็กซี่ คุณควรใช้จูบแบบเมื่อครู่กับผมทั้งตัว”
“ติดใจจูบของฉันเหรอคะ?” ถามพลางเลิกคิ้วอย่างรอคอยคำตอบ
“จนกว่าจะคุณจะจูบผมทั่วตัว ไม่อย่างนั้นเราคงยากที่จะหาคำตอบ” อีกอย่างที่เธอต้องรับรู้เมื่อกลายมาเป็นผู้หญิงของเขาคือการท้าทาย ผู้ชายอย่างลินเนอุส คอนราดสัน ที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาด้วยมันสมองอันชาญฉลาดไม่อาจทนต่ออากัปกิริยาที่ท้าทายได้แม้เพียงน้อยนิด
“เรา เหรอคะ?”
คำถามนั้นขัดใจเขาไม่น้อยเพราะเธอควรจะเริ่มทำตามคำสั่งมากกว่าที่จะตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้น ฝ่ามือใหญ่เลื่อนไปวางทาบแผ่นหลังบอบบาง ออกแรงกดเพียงเล็กน้อยร่างน่าปรารถนาที่นั่งคร่อมอยู่บนหน้าตักก็เบียดเข้ามาใกล้ ใบหน้างดงามห่างจากแผงอกกว้างเพียงแค่คืบ “คุณจะได้คำตอบจากผมว่าชอบจูบของคุณไหม และได้คำตอบจากตัวเองว่าชอบจูบผมมากแค่ไหนในคราวเดียวกันน่ะสิ อา...”
เพียงแค่ริมฝีปากนุ่ม ชุ่มฉ่ำกดจูบลงบนแผงอกแกร่งเขาก็ครางรับกับความรู้สึกดีเยี่ยมนั้นทันที ผ่อนร่างของตัวเองให้พิงพาดกับพนักเก้าอี้ ทุกครั้งที่ริมฝีปากนุ่มร้อนรุ่มแตะนาบลงบนผิวเนื้อเขาก็แทบลุกเป็นไฟ ความเสน่หาที่ปะทุขึ้นนั้นไม่ต่างจากกองเพลิงแห่งความทุกข์ที่รุมเร้าอยู่ในอกมาตลอดเวลาที่เธอทิ้งไป แต่ตอนนี้มันคือกองเพลิงแห่งความเสน่หาที่เธอเป็นผู้โหมเชื้อไฟอยู่บนร่างกายของเขา
“ลิ้นของคุณด้วยเพลง แสดงความภักดีให้ผมเห็นมากกว่านี้” เสียงห้าวแหบพร่าสั่ง หลับตารับเอาความรู้สึกแสนวิเศษที่รอมานาน เมื่อปลายลิ้นเล็กๆตวัดลงมาหา... เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมผู้หญิงถึงได้แอ่นอกให้คู่รักดูดดื่มยอดทรวง ใช่ว่าจะไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เช่นนี้มาก่อนแต่ความรู้สึกที่รับรู้มันช่างต่างกันราวฟ้ากับหุบเหว ความกระสันที่เธอก่อขึ้นด้วยริมฝีปากและลิ้นทำให้เขารวดร้าวไปทั้งกาย
แน่นอนว่าความเครียดขึงที่เธอนั่งทับอยู่นี้กำลังเรียกร้องอย่างหนักหน่วง เขาปวดร้าวจนแทบขยับตัวไม่ได้ ยิ่งริมฝีปากเคลื่อนต่ำลงมามากเพียงไรยิ่งทำให้เขาไม่อาจบงการร่างกายได้เลย
“โอ... พระเจ้า! ผมอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่ไหม” ลินเนอุสครางรับความรู้สึกอันยอดเยี่ยม แต่เขาคงจะถึงจุดแตกดับทั้งที่เพิ่งถูกเธอเปิดฉากเล้าโลมจึงเลื่อนมือทั้งสองข้างมาประคองใบหน้างดงามขึ้น “หยุดก่อนคนสวย”
“ไม่ชอบเหรอคะ?”
ลินเนอุสยิ้มอย่างปลอบใจเมื่อเห็นเธอหน้าถอดสี “ยังตอบไม่ได้แน่ชัดนัก และผมแค่... อยากเห็นคุณเปลือยทั้งตัว”
“ตะ...แต่ ฉัน”
“อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่คุณที่พูดคำปฏิเสธเป็น ผมชอบใช้มันตัดความยุ่งยากออกจากตัวเองนักล่ะ” พูดพลางหัวเราะร่วนเมื่อเห็นเธอมองด้วยสายตาไม่เห็นด้วยนักแต่ก็จนใจและใช้มือดันแผงอกกว้างของเขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น จากนั้นจึงก้าวถอยหลังไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา
พิลาสินียังมีใบหน้างดงามไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผิวกายสีขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี ทรวงอกอวบอิ่ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผาย เรียวขางามที่พ้นออกจากเดรสสีเทาคัทติงเนี้ยบยังทำให้เขาร้อนฉ่าไปทั้งกายมากกว่าการได้ใกล้ชิดพอร์นสตาร์เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมาเสียอีก หรือนี่คือความหลงที่เกิดขึ้นจนทำให้เขาตาบอด มองผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งมีอายุมากขึ้นห้าปียังดูสวยกว่าครั้งแรกที่เจอกัน!
“ลินเนียสคะ ฉันปลดซิบที่อยู่ข้างหลังไม่ได้”
เสียงหวานที่ดังขึ้นทำให้เขาหลุดจากภวังค์ความคิด คำพูดของเธอทำให้เขาขยับตัวลุกขึ้นเต็มความสูงก้าวไปยืนซ้อนด้านหลังของเธอแล้วเอื้อมมือขึ้นรวบเอาผมยาวที่เซ็ทลอนอย่างงดงามไว้บนบ่าบอบบางข้างหนึ่งเปิดเผยให้เห็นลูกผมอยู่บริเวณท้ายทอย ลำคอระหงที่เพียงแค่มองใจก็เรียกร้องให้ก้มลงสูดเอาความหอมกรุ่น
“อื้อ... อย่าค่ะ”
ลินเนอุสทำตามที่ใจเรียกร้องอย่างไร้ซึ่งการเหนี่ยวรั้งพลางหัวเราะในลำคอเมื่อเธอย่นคอหนี เมื่อซุกไซ้จนพอใจแล้วก็เลื่อนมือขึ้นรูดซิปเดรสตัวหรูลงจนสุดความยาวและปลดตะขอบราเซียร์ให้เธอในคราวเดียวกัน “ถอดมันออกทั้งคู่แล้วหมุนตัวกลับมาหาผม”
“แต่ฉันอายนี่คะ”
“อายอะไร ผมยังถอดเสื้อคุยกับคุณตั้งนานสองนาน ไม่เห็นอาย” บอกด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ กระซิบเร่งเร้าทว่าบังคับในคำเดียวกัน “เร็วเข้า ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจ”
พิลาสินีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอต้องข่มความอายเอาไว้จนลึกสุดใจ ขอร้องเขาอีกครั้งอย่างไม่เต็มเสียงนัก “หลับตาก่อนได้ไหมคะ จนกว่าฉันจะหันกลับไปแล้วคุณค่อยลืมตา”
“ผมหลับตาแล้วนะเพลง” ลินเนอุสทำตามอย่างว่าง่าย เสียงที่เธอกำลังกำจัดเสื้อผ้าก็ดังขึ้น มันทำให้เขาเร้าใจ ตื่นเต้นไม่ต่างจากเล่นเปิดไพ่โป๊ซึ่งเป็นที่นิยมในขณะนี้ด้วยซ้ำ ผิวเนื้ออ่อนบางต้องกลายเป็นสีชมพูจัดเพราะเจ้าตัวเขินอาย ทรวงอกอวบอิ่มทั้งสองข้างที่เขาอยากลองชั่งน้ำหนักมันด้วยมือทั้งสองข้าง เอวคอดกิ่วที่เขาจะไม่พลาดกุมเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง และ...
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...
เสียงนาฬิกาปลุกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อไม่มีใครกดปิดระบบการทำงานของมัน คนที่ตั้งปลุกเอาไว้จากโทรศัพท์เครื่องบางยังคงนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ของโต๊ะทำงานที่หันหลังให้กระจกใสแจ๋วซึ่งสูงจากพื้นจรดเพดานห้อง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานกี่นาที เขาเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่นที่ไม่อยากคิดว่าเรื่องทั้งหมดนั่นเป็นเพียงความฝัน
โอ... แม้แต่ในฝันคุณยังไม่ยอมให้ผมสมใจสักครั้งเลยนะเพลง คนที่รู้ตัวว่าทุกอย่างเป็นเรื่องหลอกลวงกำลังคร่ำครวญกับตัวเองอย่างหนักพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นคลึงขมับ ส่ายหน้าไปมากับพนักพิงเก้าอี้ตัวใหญ่
ติ๊ด... ติ๊ด... ติ๊ด...
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นพร้อมๆกับเสียงเคาะประตู ทำให้คนไม่อยากตื่นก็ต้องลืมตาขึ้นสู่โลกแห่งความเป็นจริง แถมยังต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อลืมตาขึ้นแล้วพบกับร่างกายส่วนล่างของโยวันที่อยู่ในชุดสูทสีดำสนิทแทนที่จะเป็นเรียวขางามเช่นในฝัน
“อย่าบอกนะครับว่าคุณหลับบนเก้าอี้นี่ทั้งคืน”
“แล้วเห็นว่าฉันนอนบนเตียงหรือไง?” ตอบอย่างไม่สบอารมณ์พลางยกมือเสยผมลวกๆ
“ขอโทษที่เข้ามาทั้งที่คุณยังไม่อนุญาต แต่ผมได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกดังอยู่สักพักแล้ว นึกว่าคุณอาบน้ำเลยจะเข้ามากดปิดให้ครับ” โยวันถือวิสาสะเปิดประตูเชื่อเช้ามาและแปลกใจไม่น้อยที่ยังเห็นเจ้านายนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ทั้งที่เขาควรจะอยู่ในชุดพร้อมเดินทางแล้ว หากสีหน้าที่ดูเนือยๆราวกับคนนอนไม่เต็มอิ่มก็ทำให้เขาคำนวณเวลาในการเดินทางไปยังสนามบินและเอ่ยกับเจ้านายในที่สุด “ผมคิดว่าคุณยังหลับต่อได้อีกสักสี่สิบนาทีแล้วค่อยเดินทาง...”
“ไม่ๆ ฉันขอเวลาจัดการกับตัวเองสักสิบนาที เดี๋ยวค่อยไปหลับบนเครื่องบินก็ได้” บอกพลางลุกขึ้นแล้วเดินผ่านหน้าคนสนิทไปยังห้องน้ำ ไม่ใช่พักผ่อนไม่เพียงพอแต่นับจากนี้เขาคงต้องทำงานให้หนักขึ้น ลดเวลานอนที่น้อยอยู่แล้วให้น้อยลงอีกเพราะกลัวว่าต้องฝันเช่นนี้อีก
สายน้ำอุ่นที่ไหลลงมากระทบกายแกร่งเรียกความสดชื่นได้พอควรแต่จิตใจเขากลับว้าวุ่น ร่างกายยังเรียกร้องการปลดปล่อย ความหฤหรรษ์ที่ควรได้รับพังทลายในชั่วเวลาพริบตา
ลินเนอุสแหงนหน้ารับสายน้ำที่ไหลลงมาอยู่ครู่ใหญ่ กำหมัดแน่นระงับความต้องการที่ปะทุขึ้นทั้งยังต้องข่มใจไม่ให้ใช้วิธีปลดปล่อยตัวเองในวิธีที่ง่ายดายที่สุด แม้ว่าจะต่อสู้กับเธอในฝันเขาก็ต้องการชัยชนะ จะไม่มีวันพ่ายแพ้เธอด้วยการพาตัวเองเข้าสู่จุดแตกดับเพียงลำพัง ต่อจากนี้เขาจะล่องลอยอยู่บนสวรรค์ ดื่มด่ำกับความสุขสมอันเข้มข้นนั้นกับเธอเท่านั้น
...แค่หมดรักก็ทรมานมากพอแล้ว เขาจะไม่ยอมทรมานร่างกายตัวเองแบบนี้อีกต่อไป หลุมพรางแห่งการทรยศที่เธอต้องชดใช้ ความเชื่อใจอันพังทลายที่เธอต้องพิสูจน์ตัว หัวใจแตกสลายที่รอให้เธอเยียวยาหาทางรับผิดชอบเขาทั้งตัวและหัวใจ
“แล้วเราจะได้รู้กัน พิลาสินี”
สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รัก
ครั้งนี้ศิริพาราพา พ่อมดทางการเงิน คนดังของโลกมาแนะนำตัวนะคะ เขาฝันไม่เคยเป็นจริงเลยสักครั้ง นางในฝันนี่ใจร้ายเป็นบ้าแต่... เดี๋ยวเราจะได้รู้กันว่าลินเนียสจะมีวิธีทำให้ความฝันเป็นจริงได้ยังไง
ศิริพาราอัพนิยายให้อ่านวันเว้นวันนะคะ จุ๊บๆๆ
ขอบคุณที่รักกัน
ศิริพารา
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ก.ย. 2558, 13:10:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ก.ย. 2558, 13:10:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 1155
ตอนที่ 1 50% >> |