จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: ตอนที่ 9 100%
ค่ำวันเดียวกันชินเขตกำลังเดินออกจากผับหรูแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมของเพื่อนพ้องในวงการตลาดหุ้น เขากำลังคิดอย่างสำราญใจเมื่อสามารถเจรจาให้คนรู้จักที่ทำงานในตลาดหุ้นสืบเสาะเรื่องราวที่ตนค้างคาใจ ไม่ว่าจะเป็นการช้อนซื้อหุ้นของสิริแอทเซทของลินเนอุส คอนราดสัน แม้ว่ามันจะน้อยนิดแต่ก็แฝงไปด้วยนัยสำคัญที่เขาจำเป็นต้องล่วงรู้ให้จงได้ ถ้าไม่อยากให้หมากตัวสำคัญที่วางเอาไว้ถูกกำจัดทิ้ง นั่นหมายถึงกับต้องล้มหมากทั้งกระดาน!
เมื่อราวสองชั่วโมงที่ผ่านมา... อินทุอรก็ได้โทรฯเข้ามาบอกว่าเห็นพิลาสินีเดินทางไปยังโรงแรมหรูซึ่งเป็นที่เดียวกับลินเนอุสเข้าพัก แล้วชั้นที่เธอเลือกยังเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมซึ่งจัดไว้ต้อนรับบุคคลสำคัญและตอนนี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก เหตุการณ์ทุกอย่างมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าพิลาสินีไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์อื่นใดเพื่อเรียกความช่วยเหลือจากลินเนอุส นอกเสียจากเอาตัวเข้าแลก
คิดมาถึงตรงนี้ก็เจ็บใจตัวเองนักที่น่าจะใช้ประโยชน์ในความเป็นสามีที่มีอยู่ถึงห้าปีย่ำยีความสาวนั้นเสีย แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกสิริสกุลก็มากมายจนไม่อาจฝืนใจทำเช่นนั้นได้ ชินเขตคิดอย่างแค้นใจและจมจ่มอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาติดๆ
“สวัสดีครับคุณชินเขต”
คำพูดสุภาพแต่น้ำเสียงที่ใช้และการผลักประตูที่ตนเปิดออกปิดเข้าไปอย่างแรงนั้นบ่งบอกว่าผู้มาเยือนมีทีท่าไม่น่าไว้วางใจนัก ชินเขตจึงหันกลับไปกวาดสายตามองชายทั้งสามพร้อมถามกลับด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “มีปัญหาอะไร?”
“ผมเป็นคนของบริษัท... มารับหนังสือหย่าของคุณพิลาสินี” หนึ่งในชายฉกรรจ์สามคนตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะได้รับเรื่องมาว่า ชินเขตไม่รับปากที่จะส่งเอกสารคืนให้ในทันทีแล้วปิดเครื่องไปในทันที
“อ่อ... เดี๋ยวนี้ทนายความต้องเลี้ยงอันธพาลไว้ข่มขู่ลูกความด้วยหรือไง” ชินเขตเข้าใจได้ในทันที หากยังมีสติคิดได้ว่าตนอยู่ในสถานะเป็นรองจึงรีบปรับน้ำเสียงต่อรองอย่างประนีประนอมให้รอดพ้นไปเสียก่อน “ความจริงผมจะส่งเอกสารกลับพรุ่งนี้เช้า เมื่อบ่ายก็บอกทนายความไปแล้วนี่”
“เรื่องนั้นผมไม่รับรู้ด้วย ผมแค่มาตามคำสั่งและต้องการให้คุณเซ็นเอกสารหย่าเดี๋ยวนี้”
ชินเขตจ้องชายที่ยืนตรงหน้าไม่กะพริบตา สมองทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางเอาตัวรอด แต่ก็ดูจะไร้วี่แววของคนที่จะเข้ามาช่วยเพราะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่และตรงนี้ก็ยังเป็นจุดลับตาผู้คนอีกด้วย “ตะ...แต่ผมไม่ได้ติดเอกสารมาด้วย จะเซ็นให้ได้ยังไง เอาน่า...”
“อย่าลีลาถ้าไม่อยากเจ็บตัว พวกผมตามคุณมากตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว เอกสารอยู่ในลิ้นชักหน้าคอนโซลรถ” อีกคนที่ยืนขวางพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัดพลางตบฝ่ามือเข้ากับกระโปรงหน้ารถยนต์ “ตกลงจะเซ็นดีๆหรือต้องให้ใช้กำลัง”
ชินเขตกำมือแน่นอย่างระงับโทสะ เพราะไม่คิดว่าจะถูกข่มขู่เช่นนี้ “เล่นอย่างนี้ไม่แฟร์นี่หว่า... อ้าว! คุณตำรวจ”
ชายทั้งสามหันไปมองตามสายตาของชินเขตแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่มีตำรวจหรือใครอื่น ชินเขตจึงฉวยโอกาสนั้นเปิดประตูและสอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว เขารีบเอื้อมมือไปกดล็อกแต่ยังช้ากว่าคนข้างนอกที่ดึงมือจับประตูประชากออกอย่างแรงพร้อมเบียดตัวเข้ามานั่งในรถ ที่เหลือสองคนวิ่งอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง คนหนึ่งเข้ามานั่งขนาบข้าง อีกคนเดินดูลาดเลา
ชินเขตพยายามต่อสู้สุดกำลังหากไม่สามารถตอบโต้ได้ “ปล่อยสิวะ อย่างนี้มันหมาหมู่ชัดๆ ปล่อย!”
“ถ้ามึงยังแหกปากร้องอีกที คราวนี้ล่ะได้หมาหมู่จริงๆ” บอกพร้อมเปิดซองเอกสารที่เพิ่งเอาออกมาจากลิ้นชักหน้าคอนโซลวางไว้ตรงหน้าชินเขต “เซ็นๆเข้าไป เรื่องมากเดี๋ยวมีเจ็บตัว”
“เซ็น!...”
ชินเขตทำหน้าเหยเกเมื่อคนที่ล็อกแขนข้างซ้ายไว้ด้านหลังตะโกนสั่งเสียงดุอีกครั้ง จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดได้แต่จรดปากกาเซ็นหนังสือหย่าที่คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากมันด้วยความไม่เต็มใจ “เอ้า! อยากได้นักก็เอาไปเลย”
“ก็แค่นั้น เซ็นชื่อไม่ถึงครึ่งนาทีต้องทำตัวมีปัญหา” กวาดสายตาตรวจความเรียบร้อยแล้วแสยะยิ้ม รีบก้าวออกจากรถยนต์ด้วยความรวดเร็วทิ้งให้ชินเขตอยู่กับความแค้นใจที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ
“โธ่โว้ย... พวกมึงเล่นหมาหมู่ใช่ไหม พวกมึงคิดผิดแล้วที่เล่นกับคนอย่างกู” ระบายความโกรธออกมาพร้อมกับสตาร์ทเครื่องแล้วขับรถออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะกลัวอันตรายจากกลุ่มคนเมื่อครู่แต่เขาต้องรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อตอบโต้ในสิ่งที่เพิ่งได้รับให้ร้ายกาจกว่าเดิม
พิลาสินี ผู้หญิงแพศยาที่ยอมคบชู้สู่ชายต้องได้รับบทเรียนจากการขู่กรรโชกนี้อย่างสาสม!
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเช้าตรู่ของวันถัดมาทำให้พิลาสินีควานมือสะเปะสะปะหาเครื่องมือสื่อสารและเลื่อนรับสายโดยไม่สนใจว่าใครจะติดต่อเข้ามา
“ฮัล...โหล...”
เสียงงัวเงียของที่ได้ยินทำให้คนที่นั่งอ่านเอกสารทั้งคืน เพลียจัดจนต้องดื่มกาแฟดำเข้าไปตื่นเต็มตา เสียงของเธอเซ็กซี่ไม่ต่างจากลูกแมวขี้อ้อนตัวน้อยที่กำลังบิดตัวขับไล่ความง่วงงุน
“อืม...” พิลาสินีครางเพราะถูกรบกวนการพักผ่อน ทั้งคนที่โทรฯเข้ามายังเงียบกริบไม่ตอบกลับแต่อย่างใด เธอไม่มีโอกาสรู้เลยว่าคนฟังกำลังจินตนาการไปไกลถึงขึ้นที่เธอเปลือยเปล่านอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เสียงครางรับเมื่อครู่ยิ่งทำให้หัวใจหนุ่มเสียวซ่าน เส้นประสาทตอบรับกับเสียงเซ็กซี่ซึ่งมันน้อยนิดหากเทียบกับการกระตุ้นเร้าขั้นสูงสุดที่เคยได้รับมา “ฮัลโหล...”
“โอว... เพลง เซ็กซี่ ช่วยผมด้วย”
“คะ... ลินเนียส! คุณใช่ไหม?” ถามพลางดึงโทรศัพท์ออกมามองหน้าจอและชักมันกลับเข้ามากรอกเสียงลงอีกครั้งด้วยความตกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ใช่ๆ ผมเอง” คนที่กำลังแหงนหน้าพิงกับพนักเก้าอี้ทำงานขานรับพร้อมหลับตาคิดถึงภาพของผู้หญิงในสาย
“คุณ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมทำเสียงอย่างนั้น” ถามเพราะรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังได้รับบาดเจ็บในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย “ว่าไงคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เจ็บ... ปวดจะตายแล้วรู้ไหม โอ... เพลง” เขาเจ็บจริงๆ ปวดร้าวแก่นกายอันขึงเคียดที่ลุกชันตอบรับเสียงยั่วใจของเธอ “คุณอยู่บนเตียงใช่ไหม”
“ค่ะ เพลงเพิ่งตื่นตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณ” ตอบตามความจริงเพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าปลายสายกำลังคิดอกุศลกับตนขั้นรุนแรง “ตกลงว่าคุณไม่สบายหรือเจ็บปวดตรงไหน”
“เสียงคุณอู้อี้ นอนคว่ำหน้าใช่ไหม”
“อืม... ทำไมเหรอคะ” พิลาสินีขมวดคิ้วมุ่นเพราะเขาไม่ได้ตอบในสิ่งที่เธอถาม แต่น้ำเสียงไม่มั่นคง แหบพร่าประกอบกับโหมงานหนักมาตลอดจึงทำให้คิดว่าเขาน่าจะเป็นไข้หวัด “คุณไม่สบายแน่ๆ ปวดหัวใช่ไหม แล้วตัวร้อนด้วยรึ...”
ไม่ปล่อยให้เธอถามอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขากำลังใช้มือเร่งจังหวะเนื้อตัวที่รวดร้าวไปด้วยความต้องการ เพียงแค่เสียงก็ทำให้เขาลืมตัว เพียงแค่ครางรับก็ทำให้เขานึกว่ากำลังบดคลึงอยู่ในแอ่งเนื้ออันหวานฉ่ำ ร้อนฉ่า “เพลง... ครางอีกทีซิ เรียกชื่อผมแล้วครางอย่างเมื่อกี้นี้ที”
“อะไรนะ คุณ! ลินเนียส!” พิลาสินีตกใจสุดชีวิตกับคำสั่ง
“อย่างนั้นทูนหัว โอว... เรียกชื่อผมอีก อีกนิดเดียว” ใช่... อย่างนั้น เธอต้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงขาดห้วงในตอนที่เร่งจังหวะอย่างลืมตัวลืมตาย เธอกำลังแอ่นอกเสนอตัวให้เขาจนแผ่นหลังไม่ติดเตียง
“ลินเนียส คุณมัน!” พิลาสินีแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงซูดปากคราง อยากจะกรีดร้องออกมาเพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะโรคจิต คิดเรื่องใต้สะดือ แล้วยังหน้าทนขอให้ทำในสิ่งน่าอาย ทั้งไม่มีความละลายใจต่อเธอเสียเลย “คนบ้า... ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“โอ... เพลงจ๋า ผมต่างหากที่ไม่ไหวแล้ว ใกล้แล้ว”
มันคือคนละเรื่องเดียวกันที่ทำให้อารมณ์โกรธสุดๆของพิลาสินีพุ่งขึ้นสูงอย่างห้ามไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์ปรารถนาอันเดือดพล่านในกายหนุ่มพวยพุ่งสู่จุดแตกดับได้อย่างเต็มแม็กซ์ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอกรีดร้องออกมาอย่างเหลืออด
“กรี๊ด... คนบ้า ฉันจะไม่ทนกับคนลามกอย่างคุณแล้วนะลินเนอุส!” จบคำพูดพิลาสินียังต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากกับเสียงครางกระหึ่มราวกับได้รับบาดเจ็บอย่างสุดแสน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอตัดสายโทรศัพท์อย่างที่ควรจะทำ ตรงกันข้ามกลับอ้าปากค้างฟังเสียงหอบหายใจกระชั้นที่ทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกลงกับที่นอนนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“โอว... ผมแทบตายแน่ะ” ลินเนอุสเปรยออกมาหลังจากที่เริ่มหายใจได้เป็นปกติและถามกลับอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ว่าหญิงหรือชายควรได้รับความสุขทั้งสองฝ่าย “คุณอยากให้ผมทำให้รึเปล่า เอนตัวพิงหัวเตียงสิจ๊ะ”
พิลาสินีนิ่งงันกับเสียงที่พร่าที่ได้ยิน เธอคงเป็นบ้าหรืออาจหมดความยับยั้งชั่งใจไปเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขานั้นเซ็กซี่และมีพลังดึงดูดอย่างเหลือล้น เธอไร้แรงต้านทานทั้งยังเอนตัวพิงหัวเตียงตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
“แยกเข่าหน่อยคนสวย เปิดทางให้ผมได้แทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงหว่างขานุ่มๆหน่อย” ไม่เพียงแค่ต้องการให้เธอได้มีความสุข ตอนนี้เขายังกระสันหาความสุขสมนั้นอีกครั้งทั้งที่ยังรู้สึกซาบซ่านไปทั้งเนื้อทั้งตัว “รู้สึกถึงผมไหม ผมกำลังไล้นิ้วจากแอ่งชีพจรลงไปหาหน้าอกของคุณ ยอดอกคุณหดตัวรับสัมผัสผมใช่ไหม เพลงจ๋า...”
ใช่! ยอดทรวงเธอหดตัว เสียวซ่านแปลบปลาบจนต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพราะคำพูดของเขานั้นมันชัดเจนไม่ต่างจากกกำลังแตะต้องเนื้อตัวจริงๆ
“อา... ความจริงผมอยากจะดูดกลืนยอกอกทั้งสองข้าง ผมจะดูดค้างไว้ในปากจนคุณต้องแอ่นตัวตามแต่... ตอนนี้ซอกขาคุณชุ่มฉ่ำมาก ผมต้องชิมน้ำหวานที่คุณผลิตออกมาเสียก่อน” ลินเนอุสบอกพลางหลับตาจินตนาการภาพเปลือยของเธอ ซอกขานุ่มที่ตรงกลางกายคือกลีบเนื้อซ้อนกันเป็นชั้นๆ ยั่วอารมณ์จนเขาแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง “อย่าหนีบขาสิจ๊ะ ผมไม่ถนัด”
“ลินเนียส ฉัน...” แม้ว่าความยับยั้งชั่งใจทำให้ปากอยากปฏิเสธแต่เขาจะรู้ไหมว่าเธอเผลอตัวทำตามที่เขาพูดอย่างว่าง่าย อารมณ์ ความรู้สึกและความชุ่มฉ่ำที่เกิดขึ้นยังเป็นไปตามคำพูดราวกับว่าเขาอยู่ตรงหน้าและทำให้เธอเป็นเช่นนี้ด้วยตัวเอง
“อย่างนั้น แอ่นสะโพกให้ผมที อยากเห็นคุณชัดๆแล้วนะคนสวย”
“ไม่ได้ ลินเนียส หยุด!” แม้จะเผลอขยับสะโพกขึ้นแต่จิตใต้สำนึกยังเหนี่ยวรั้งให้เธอส่ายหน้าบอกตัวเองให้หยุดการกระทำอันน่าอายนี้
“คุณหวานฉ่ำแบบนี้จะให้ผมหยุดได้ยังไง รู้สึกถึงนิ้วมือที่ผมสอดเข้าไปใน...” เขาต้องชะงักงันเพราะเสียงสัญญาณที่เงียบหายไปนั้นดับฝันเสน่หาที่กำลังคุโชนอย่างฉับพลัน ลินเนอุสครางอย่างเจ็บปวดเพราะถูกเธอทิ้งไว้กลางทาง “อา... เพลง แม่ตัวแสบ”
เครื่องมือสื่อสารบางเฉียบถูกเจ้าของโยนลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่แยแส เขากำลังรวดร้าวไปทั้งร่างกายต้องการให้เธอสานต่อจนถึงจุดแตกดับทั้งที่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากจะเล่นเซ็กซ์โฟนกับผู้หญิงหน้าไหนเลยสักครั้ง หากสัญญากับตัวเองว่าตราบใดที่ยังอยู่ในข้อตกลงร่วมกันเขาต้องพาเธอเล่นเกมนี้ไปจนถึงฝั่งฝันโดยพร้อมเพียง “คุณละเมิดข้อตกลงของเราอีกแล้วนะ คราวนี้ผมคงต้องมอบบทเรียนให้คุณบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณจะคิดว่าผมดีแค่ขู่อย่างเดียว”
ในขณะที่อีกคนยังอยู่ในอาการตกตะลึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายตัดสายโทรศัพท์อันเร่าร้อนนั้นด้วยตัวเอง แต่ร่างกายของเธอยังเสียวซ่าน หนีบขาเข้าหากันแน่น ปลายเท้าเกร็งจิกกับที่นอน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ ความคิดของเธอไม่หยุดไปตามสัญญาณโทรศัพท์
‘รู้สึกถึงนิ้วมือที่ผมสอดเข้าไปใน...’ ทำไมประโยคนี้ถึงได้ดังก้องอยู่ในโสตประสาทการได้ยินราวกับเปิดแผ่นเสียงวนซ้ำไม่หยุดหย่อน
สอดเข้าไปตรงไหน?!
สอดเข้าไปแล้วจะรู้สึกอย่างไร?!
มันจะให้ความรู้สึกซาบซ่าน ร้อนรุ่มไปทั้งตัวกว่าที่เขาทำเมื่อครู่นี้ไหมนะ?!
เมื่อราวสองชั่วโมงที่ผ่านมา... อินทุอรก็ได้โทรฯเข้ามาบอกว่าเห็นพิลาสินีเดินทางไปยังโรงแรมหรูซึ่งเป็นที่เดียวกับลินเนอุสเข้าพัก แล้วชั้นที่เธอเลือกยังเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรมซึ่งจัดไว้ต้อนรับบุคคลสำคัญและตอนนี้คงจะเป็นใครไม่ได้นอกจากพ่อมดทางการเงินคนดังของโลก เหตุการณ์ทุกอย่างมันก็บ่งบอกอย่างชัดเจนแล้วว่าพิลาสินีไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์อื่นใดเพื่อเรียกความช่วยเหลือจากลินเนอุส นอกเสียจากเอาตัวเข้าแลก
คิดมาถึงตรงนี้ก็เจ็บใจตัวเองนักที่น่าจะใช้ประโยชน์ในความเป็นสามีที่มีอยู่ถึงห้าปีย่ำยีความสาวนั้นเสีย แต่ความเกลียดชังที่มีต่อพวกสิริสกุลก็มากมายจนไม่อาจฝืนใจทำเช่นนั้นได้ ชินเขตคิดอย่างแค้นใจและจมจ่มอยู่กับความคิดของตัวเองจนไม่รู้ว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเดินตามหลังมาติดๆ
“สวัสดีครับคุณชินเขต”
คำพูดสุภาพแต่น้ำเสียงที่ใช้และการผลักประตูที่ตนเปิดออกปิดเข้าไปอย่างแรงนั้นบ่งบอกว่าผู้มาเยือนมีทีท่าไม่น่าไว้วางใจนัก ชินเขตจึงหันกลับไปกวาดสายตามองชายทั้งสามพร้อมถามกลับด้วยน้ำเสียงเอาเรื่อง “มีปัญหาอะไร?”
“ผมเป็นคนของบริษัท... มารับหนังสือหย่าของคุณพิลาสินี” หนึ่งในชายฉกรรจ์สามคนตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม เพราะได้รับเรื่องมาว่า ชินเขตไม่รับปากที่จะส่งเอกสารคืนให้ในทันทีแล้วปิดเครื่องไปในทันที
“อ่อ... เดี๋ยวนี้ทนายความต้องเลี้ยงอันธพาลไว้ข่มขู่ลูกความด้วยหรือไง” ชินเขตเข้าใจได้ในทันที หากยังมีสติคิดได้ว่าตนอยู่ในสถานะเป็นรองจึงรีบปรับน้ำเสียงต่อรองอย่างประนีประนอมให้รอดพ้นไปเสียก่อน “ความจริงผมจะส่งเอกสารกลับพรุ่งนี้เช้า เมื่อบ่ายก็บอกทนายความไปแล้วนี่”
“เรื่องนั้นผมไม่รับรู้ด้วย ผมแค่มาตามคำสั่งและต้องการให้คุณเซ็นเอกสารหย่าเดี๋ยวนี้”
ชินเขตจ้องชายที่ยืนตรงหน้าไม่กะพริบตา สมองทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางเอาตัวรอด แต่ก็ดูจะไร้วี่แววของคนที่จะเข้ามาช่วยเพราะเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่และตรงนี้ก็ยังเป็นจุดลับตาผู้คนอีกด้วย “ตะ...แต่ผมไม่ได้ติดเอกสารมาด้วย จะเซ็นให้ได้ยังไง เอาน่า...”
“อย่าลีลาถ้าไม่อยากเจ็บตัว พวกผมตามคุณมากตั้งแต่ออกจากบ้านแล้ว เอกสารอยู่ในลิ้นชักหน้าคอนโซลรถ” อีกคนที่ยืนขวางพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัดพลางตบฝ่ามือเข้ากับกระโปรงหน้ารถยนต์ “ตกลงจะเซ็นดีๆหรือต้องให้ใช้กำลัง”
ชินเขตกำมือแน่นอย่างระงับโทสะ เพราะไม่คิดว่าจะถูกข่มขู่เช่นนี้ “เล่นอย่างนี้ไม่แฟร์นี่หว่า... อ้าว! คุณตำรวจ”
ชายทั้งสามหันไปมองตามสายตาของชินเขตแต่ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่มีตำรวจหรือใครอื่น ชินเขตจึงฉวยโอกาสนั้นเปิดประตูและสอดตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับอย่างรวดเร็ว เขารีบเอื้อมมือไปกดล็อกแต่ยังช้ากว่าคนข้างนอกที่ดึงมือจับประตูประชากออกอย่างแรงพร้อมเบียดตัวเข้ามานั่งในรถ ที่เหลือสองคนวิ่งอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่ง คนหนึ่งเข้ามานั่งขนาบข้าง อีกคนเดินดูลาดเลา
ชินเขตพยายามต่อสู้สุดกำลังหากไม่สามารถตอบโต้ได้ “ปล่อยสิวะ อย่างนี้มันหมาหมู่ชัดๆ ปล่อย!”
“ถ้ามึงยังแหกปากร้องอีกที คราวนี้ล่ะได้หมาหมู่จริงๆ” บอกพร้อมเปิดซองเอกสารที่เพิ่งเอาออกมาจากลิ้นชักหน้าคอนโซลวางไว้ตรงหน้าชินเขต “เซ็นๆเข้าไป เรื่องมากเดี๋ยวมีเจ็บตัว”
“เซ็น!...”
ชินเขตทำหน้าเหยเกเมื่อคนที่ล็อกแขนข้างซ้ายไว้ด้านหลังตะโกนสั่งเสียงดุอีกครั้ง จึงไม่มีทางเลือกอื่นใดได้แต่จรดปากกาเซ็นหนังสือหย่าที่คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากมันด้วยความไม่เต็มใจ “เอ้า! อยากได้นักก็เอาไปเลย”
“ก็แค่นั้น เซ็นชื่อไม่ถึงครึ่งนาทีต้องทำตัวมีปัญหา” กวาดสายตาตรวจความเรียบร้อยแล้วแสยะยิ้ม รีบก้าวออกจากรถยนต์ด้วยความรวดเร็วทิ้งให้ชินเขตอยู่กับความแค้นใจที่เพิ่มขึ้นทวีคูณ
“โธ่โว้ย... พวกมึงเล่นหมาหมู่ใช่ไหม พวกมึงคิดผิดแล้วที่เล่นกับคนอย่างกู” ระบายความโกรธออกมาพร้อมกับสตาร์ทเครื่องแล้วขับรถออกจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพราะกลัวอันตรายจากกลุ่มคนเมื่อครู่แต่เขาต้องรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุดเพื่อตอบโต้ในสิ่งที่เพิ่งได้รับให้ร้ายกาจกว่าเดิม
พิลาสินี ผู้หญิงแพศยาที่ยอมคบชู้สู่ชายต้องได้รับบทเรียนจากการขู่กรรโชกนี้อย่างสาสม!
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในเช้าตรู่ของวันถัดมาทำให้พิลาสินีควานมือสะเปะสะปะหาเครื่องมือสื่อสารและเลื่อนรับสายโดยไม่สนใจว่าใครจะติดต่อเข้ามา
“ฮัล...โหล...”
เสียงงัวเงียของที่ได้ยินทำให้คนที่นั่งอ่านเอกสารทั้งคืน เพลียจัดจนต้องดื่มกาแฟดำเข้าไปตื่นเต็มตา เสียงของเธอเซ็กซี่ไม่ต่างจากลูกแมวขี้อ้อนตัวน้อยที่กำลังบิดตัวขับไล่ความง่วงงุน
“อืม...” พิลาสินีครางเพราะถูกรบกวนการพักผ่อน ทั้งคนที่โทรฯเข้ามายังเงียบกริบไม่ตอบกลับแต่อย่างใด เธอไม่มีโอกาสรู้เลยว่าคนฟังกำลังจินตนาการไปไกลถึงขึ้นที่เธอเปลือยเปล่านอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง เสียงครางรับเมื่อครู่ยิ่งทำให้หัวใจหนุ่มเสียวซ่าน เส้นประสาทตอบรับกับเสียงเซ็กซี่ซึ่งมันน้อยนิดหากเทียบกับการกระตุ้นเร้าขั้นสูงสุดที่เคยได้รับมา “ฮัลโหล...”
“โอว... เพลง เซ็กซี่ ช่วยผมด้วย”
“คะ... ลินเนียส! คุณใช่ไหม?” ถามพลางดึงโทรศัพท์ออกมามองหน้าจอและชักมันกลับเข้ามากรอกเสียงลงอีกครั้งด้วยความตกใจกับคำพูดที่ได้ยิน
“ใช่ๆ ผมเอง” คนที่กำลังแหงนหน้าพิงกับพนักเก้าอี้ทำงานขานรับพร้อมหลับตาคิดถึงภาพของผู้หญิงในสาย
“คุณ...เป็นอะไรรึเปล่าคะ ทำไมทำเสียงอย่างนั้น” ถามเพราะรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังได้รับบาดเจ็บในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย “ว่าไงคะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
“เจ็บ... ปวดจะตายแล้วรู้ไหม โอ... เพลง” เขาเจ็บจริงๆ ปวดร้าวแก่นกายอันขึงเคียดที่ลุกชันตอบรับเสียงยั่วใจของเธอ “คุณอยู่บนเตียงใช่ไหม”
“ค่ะ เพลงเพิ่งตื่นตอนได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณ” ตอบตามความจริงเพราะไม่อาจรู้ได้เลยว่าปลายสายกำลังคิดอกุศลกับตนขั้นรุนแรง “ตกลงว่าคุณไม่สบายหรือเจ็บปวดตรงไหน”
“เสียงคุณอู้อี้ นอนคว่ำหน้าใช่ไหม”
“อืม... ทำไมเหรอคะ” พิลาสินีขมวดคิ้วมุ่นเพราะเขาไม่ได้ตอบในสิ่งที่เธอถาม แต่น้ำเสียงไม่มั่นคง แหบพร่าประกอบกับโหมงานหนักมาตลอดจึงทำให้คิดว่าเขาน่าจะเป็นไข้หวัด “คุณไม่สบายแน่ๆ ปวดหัวใช่ไหม แล้วตัวร้อนด้วยรึ...”
ไม่ปล่อยให้เธอถามอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขากำลังใช้มือเร่งจังหวะเนื้อตัวที่รวดร้าวไปด้วยความต้องการ เพียงแค่เสียงก็ทำให้เขาลืมตัว เพียงแค่ครางรับก็ทำให้เขานึกว่ากำลังบดคลึงอยู่ในแอ่งเนื้ออันหวานฉ่ำ ร้อนฉ่า “เพลง... ครางอีกทีซิ เรียกชื่อผมแล้วครางอย่างเมื่อกี้นี้ที”
“อะไรนะ คุณ! ลินเนียส!” พิลาสินีตกใจสุดชีวิตกับคำสั่ง
“อย่างนั้นทูนหัว โอว... เรียกชื่อผมอีก อีกนิดเดียว” ใช่... อย่างนั้น เธอต้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงขาดห้วงในตอนที่เร่งจังหวะอย่างลืมตัวลืมตาย เธอกำลังแอ่นอกเสนอตัวให้เขาจนแผ่นหลังไม่ติดเตียง
“ลินเนียส คุณมัน!” พิลาสินีแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินเสียงซูดปากคราง อยากจะกรีดร้องออกมาเพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะโรคจิต คิดเรื่องใต้สะดือ แล้วยังหน้าทนขอให้ทำในสิ่งน่าอาย ทั้งไม่มีความละลายใจต่อเธอเสียเลย “คนบ้า... ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะ”
“โอ... เพลงจ๋า ผมต่างหากที่ไม่ไหวแล้ว ใกล้แล้ว”
มันคือคนละเรื่องเดียวกันที่ทำให้อารมณ์โกรธสุดๆของพิลาสินีพุ่งขึ้นสูงอย่างห้ามไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้อารมณ์ปรารถนาอันเดือดพล่านในกายหนุ่มพวยพุ่งสู่จุดแตกดับได้อย่างเต็มแม็กซ์ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอกรีดร้องออกมาอย่างเหลืออด
“กรี๊ด... คนบ้า ฉันจะไม่ทนกับคนลามกอย่างคุณแล้วนะลินเนอุส!” จบคำพูดพิลาสินียังต้องรีบยกมือขึ้นปิดปากกับเสียงครางกระหึ่มราวกับได้รับบาดเจ็บอย่างสุดแสน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอตัดสายโทรศัพท์อย่างที่ควรจะทำ ตรงกันข้ามกลับอ้าปากค้างฟังเสียงหอบหายใจกระชั้นที่ทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกลงกับที่นอนนุ่มโดยไม่รู้ตัว
“โอว... ผมแทบตายแน่ะ” ลินเนอุสเปรยออกมาหลังจากที่เริ่มหายใจได้เป็นปกติและถามกลับอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ว่าหญิงหรือชายควรได้รับความสุขทั้งสองฝ่าย “คุณอยากให้ผมทำให้รึเปล่า เอนตัวพิงหัวเตียงสิจ๊ะ”
พิลาสินีนิ่งงันกับเสียงที่พร่าที่ได้ยิน เธอคงเป็นบ้าหรืออาจหมดความยับยั้งชั่งใจไปเมื่อรู้สึกว่าน้ำเสียงของเขานั้นเซ็กซี่และมีพลังดึงดูดอย่างเหลือล้น เธอไร้แรงต้านทานทั้งยังเอนตัวพิงหัวเตียงตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย
“แยกเข่าหน่อยคนสวย เปิดทางให้ผมได้แทรกตัวเข้าไปอยู่ตรงหว่างขานุ่มๆหน่อย” ไม่เพียงแค่ต้องการให้เธอได้มีความสุข ตอนนี้เขายังกระสันหาความสุขสมนั้นอีกครั้งทั้งที่ยังรู้สึกซาบซ่านไปทั้งเนื้อทั้งตัว “รู้สึกถึงผมไหม ผมกำลังไล้นิ้วจากแอ่งชีพจรลงไปหาหน้าอกของคุณ ยอดอกคุณหดตัวรับสัมผัสผมใช่ไหม เพลงจ๋า...”
ใช่! ยอดทรวงเธอหดตัว เสียวซ่านแปลบปลาบจนต้องกัดริมฝีปากล่างเอาไว้เพราะคำพูดของเขานั้นมันชัดเจนไม่ต่างจากกกำลังแตะต้องเนื้อตัวจริงๆ
“อา... ความจริงผมอยากจะดูดกลืนยอกอกทั้งสองข้าง ผมจะดูดค้างไว้ในปากจนคุณต้องแอ่นตัวตามแต่... ตอนนี้ซอกขาคุณชุ่มฉ่ำมาก ผมต้องชิมน้ำหวานที่คุณผลิตออกมาเสียก่อน” ลินเนอุสบอกพลางหลับตาจินตนาการภาพเปลือยของเธอ ซอกขานุ่มที่ตรงกลางกายคือกลีบเนื้อซ้อนกันเป็นชั้นๆ ยั่วอารมณ์จนเขาแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยง “อย่าหนีบขาสิจ๊ะ ผมไม่ถนัด”
“ลินเนียส ฉัน...” แม้ว่าความยับยั้งชั่งใจทำให้ปากอยากปฏิเสธแต่เขาจะรู้ไหมว่าเธอเผลอตัวทำตามที่เขาพูดอย่างว่าง่าย อารมณ์ ความรู้สึกและความชุ่มฉ่ำที่เกิดขึ้นยังเป็นไปตามคำพูดราวกับว่าเขาอยู่ตรงหน้าและทำให้เธอเป็นเช่นนี้ด้วยตัวเอง
“อย่างนั้น แอ่นสะโพกให้ผมที อยากเห็นคุณชัดๆแล้วนะคนสวย”
“ไม่ได้ ลินเนียส หยุด!” แม้จะเผลอขยับสะโพกขึ้นแต่จิตใต้สำนึกยังเหนี่ยวรั้งให้เธอส่ายหน้าบอกตัวเองให้หยุดการกระทำอันน่าอายนี้
“คุณหวานฉ่ำแบบนี้จะให้ผมหยุดได้ยังไง รู้สึกถึงนิ้วมือที่ผมสอดเข้าไปใน...” เขาต้องชะงักงันเพราะเสียงสัญญาณที่เงียบหายไปนั้นดับฝันเสน่หาที่กำลังคุโชนอย่างฉับพลัน ลินเนอุสครางอย่างเจ็บปวดเพราะถูกเธอทิ้งไว้กลางทาง “อา... เพลง แม่ตัวแสบ”
เครื่องมือสื่อสารบางเฉียบถูกเจ้าของโยนลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่แยแส เขากำลังรวดร้าวไปทั้งร่างกายต้องการให้เธอสานต่อจนถึงจุดแตกดับทั้งที่ไม่เคยมีความรู้สึกว่าอยากจะเล่นเซ็กซ์โฟนกับผู้หญิงหน้าไหนเลยสักครั้ง หากสัญญากับตัวเองว่าตราบใดที่ยังอยู่ในข้อตกลงร่วมกันเขาต้องพาเธอเล่นเกมนี้ไปจนถึงฝั่งฝันโดยพร้อมเพียง “คุณละเมิดข้อตกลงของเราอีกแล้วนะ คราวนี้ผมคงต้องมอบบทเรียนให้คุณบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณจะคิดว่าผมดีแค่ขู่อย่างเดียว”
ในขณะที่อีกคนยังอยู่ในอาการตกตะลึงแม้ว่าจะเป็นฝ่ายตัดสายโทรศัพท์อันเร่าร้อนนั้นด้วยตัวเอง แต่ร่างกายของเธอยังเสียวซ่าน หนีบขาเข้าหากันแน่น ปลายเท้าเกร็งจิกกับที่นอน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ ความคิดของเธอไม่หยุดไปตามสัญญาณโทรศัพท์
‘รู้สึกถึงนิ้วมือที่ผมสอดเข้าไปใน...’ ทำไมประโยคนี้ถึงได้ดังก้องอยู่ในโสตประสาทการได้ยินราวกับเปิดแผ่นเสียงวนซ้ำไม่หยุดหย่อน
สอดเข้าไปตรงไหน?!
สอดเข้าไปแล้วจะรู้สึกอย่างไร?!
มันจะให้ความรู้สึกซาบซ่าน ร้อนรุ่มไปทั้งตัวกว่าที่เขาทำเมื่อครู่นี้ไหมนะ?!
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ต.ค. 2558, 21:08:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ต.ค. 2558, 21:08:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 989
<< ตอนที่ 9 50% | ตอนที่ 10 50% >> |