ปรารถนาตรึงใจ KEITH พิมพ์เอง
เมื่อคีธและแพม ได้พบสบตากัน ต่างก็ต้องตาต้องใจซึ่งกันและกัน หลุมพลางจึงถูกขุด กับดักจึงถูกวาง งานนี้ใครจะเสร็จใครกันแน่?

โรแมนซ์, หวานซึ้ง, เวทย์มนต์, นาค, โรแมนติก, โหด, ร้ายกาจ, Paranormal - เหนือธรรมชาติ, ยุงไม่มีหรือมีน้อยมาก, สอดแทรกเกร็ดเล็กๆน้อยๆ+ภาษาต่างๆ , ห้ามพลาด!!, Thx All,

ประกาสิตหม่อมป้า นําพามาซึ่งปรารถนาตรึงใจ

http://writer.dek-d.com/LiLFae/writer/view.php?id=424371
Tags: โรแมนซ์, หวานซึ้ง, เวทย์มนต์, นาค, โรแมนติก, โหด, ร้ายกาจ, Paranormal - เหนือธรรมชาติ, ยุงไม่มีหรือมีน้อยมาก, สอดแทรกเกร็ดเล็กๆน้อยๆ+ภาษาต่างๆ , ห้ามพลาด!!, Thx All, ปรารถนาตรึงใจ

ตอน: Ch.1 Once Upon A Time ประกาสิตหม่อมป้า นําพามาซึ่งปรารถนาตรึงใจ 100%

ปราสาท Deveron , สกอตแลนด์ เดือนเมษายน ฤดูใบไม้ผลิ

แสงตะวันที่พ้นขอบฟ้ามาได้ไม่นานทอแสงส่งความอบอุ่นผ่านฟ้าโปร่งที่มีเมฆบางเบาลอยละล่อง ลมเย็นที่พัดผ่านมาเรื่อยๆ ทําให้กิ่งไม้ที่กําลังผลิดอกออกใบไหวตามแรงลม เสียงสนทนาภาษาไทยลอยออกมาจากประตูหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสของห้องอาหารที่ถูกเปิดออกเพื่อรับลมและแสงแดด

สองร่างบางต่างวัยและเชื้อชาตินั่งจิบน้ำชาอย่างผ่อนคลายสบายๆคุยกันกระหนุงกระหนิง บางครั้งเสียงหัวเราะของทั้งสองจะดังประสานกันอย่างมีความสุข ทําให้ เจมส์ แลงสตัน บัทเลอร์ 1) ประจําปราสาทเดเวรอนของตระกูลแม็คควีน ที่ปกติจะหน้าตายตลอดยิ้มที่มุมปากอย่างสุขใจ ทุกครั้งที่เลดี้ทั้งสองมาที่นี่ บรรยากาศดูจะสดชื่นอบอุ่นเป็นพิเศษ และกลิ่นของอาหารไทยและอาหารอินเดีย ก็จะส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วปราสาทอายุนับร้อยนี้ แลงสตัน รินน้ำส้มคั้นสดใส่แก้วของเลดี้ทั้งสองอย่างระมัดระวัง

“My lady, would there be anything else? (มายเลดี้ ไม่ทราบว่าจะรับอะไรอีกหรือไม่ ?)” แลงสตันโค้งคํานับพอเป็นพิธี สําเนียงอังกฤษที่พูดนั้นชัดเจนตามแบบฉบับของบัทเลอร์ที่จบมาจาก The International Butler Academy
“No, thank you for this morning's breakfast Langston. Give the complimentary to the cook please. As usual the English's breakfast is perfect. (ไม่ต้อง แลงสตัน ขอบคุณสําหรับอาหารเช้าวันนี้ และฝากบอกแม่ครัวด้วยว่า อิงลิชเบรคฟัดนี้ ทุกอย่างเพอร์เฟค เหมือนที่ผ่านมา)”

เสียงหวานที่ชมเป็นภาษาอังกฤษสําเนียงของคนชั้นสูงนั้น ชัดเจนและไพเราะเพราะพริ้งเสียเหลือเกินในความคิดของ แลงสตัน บัทเลอร์วัยกลางคนยิ้มอย่างดีใจที่ได้รับคําชมจากเลดี้ผู้งดงามปานนางฟ้าจากประเทศไทย แต่ก็เป็นที่แปลกเพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี เลดี้สกายก็ยังดูสวยสดงดงามเหมือนวันแรกที่ได้พบเจอ สงสัยเลดี้สกายคงมีเคล็ดลับความงามหรือไม่เลดี้สกายคงฉีดโบท็อกซ์เป็นแน่แท้ ไม่ว่าอย่างไรเลดี้สกายก็เป็นที่รักของทุกคนที่นี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเลดี้จอย เลดี้พาเมล่า ลอร์ดเดฟลิน หรือ ลอร์ดเดเร็ค
“จอย แพมเป็นยังไงบ้างหมู่นี้?” ร่างงามอรชรในวัยยี่สิบปีต้นถามหญิงวัยกลางห้าสิบที่นั่งตรงข้ามก่อนที่จะจิบน้ำส้มคั้นจากแก้วคริสตัน

“ตั้งแต่กลับมาจากอัฟริกาเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา บอกว่าฝันแปลกๆซ้ำกันมาหลายคืนแล้ว ในความฝันนั้นจะมีเสียงผู้ชายคนหนึ่งคอยเรียกหาและมีนาคสีทอง ไล่ตามรัดรึงตลอด”น้ำเสียงของ เลดี้ จอย แมรี่ แม็คควีน เต็มไปด้วยความห่วงใยในตัวหลานสาวคนเดียวของตระกูล

“อดีตกําลังจะตามมาทันปัจจุบันแล้วสินะ เวลาแห่งการหลุดพ้นใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่นานวันที่รอคอยจะมาถึงเสียที” เสียงหวานนั้นดูเหมือนจะรำพึงกับตัวเองสะมากกว่า ก่อนจะถอนหายใจ

“แล้วเราจะเริ่มลงมือกับคู่ไหนก่อนดี สกาย? ไรอัน หรือ คีธ?” เลดี้จอย ส่งสายตาครุ่นคิดไปให้อีกฝ่าย

“คงต้องเป็นคีธและหนูแพมก่อน ไม่งั้นยุ่งแน่ เขาตามหา มธุรส พบแล้ว เราจะต้องรีบหาทางให้คีธและแพมเจอกัน และรีบให้แต่งงานกันในเร็ววันนี้ให้ได้!!”


“เจอแล้วงั้นเหรอทั้งๆที่...อืม...อีกสองวันหญิงแพมจะบินไปกรุงเทพ เพื่อความปลอดภัยและรวดเร็วเราจะให้เครื่องบินเจ็ทของบริษัทไปส่งเขา ได้ยินมาว่าวีคนี้คีธอยู่ที่ลอนดอนทั้งวีคไม่ใช่หรือ? จะเป็นไปได้ไหมที่จะให้คีธติดเครื่องไปด้วย? แพมกลับมาพรุ่งนี้เราจะได้บอกว่าจะมีคนร่วมเดินทาง”

“คงไม่ได้หรอกจอย เพราะเย็นนี้คีธจะต้องบินไปหาน้องๆของเขาที่เลคโคโม เรามีเรื่องจะคุยกับเด็กๆที่เลคโคโมพรุ่งนี้” ริมผีปากบางยิ้มอย่างเป็นสุขที่อีกไม่นานสิ่งที่รอคอยใกล้จะเป็นจริงขึ้น
“การหลุดพ้นจะต้องเกิดขึ้นในรุ่นนี้...จอยเราขอบอกว่างานนี้ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ก็เอาด้วยคาถา!!” หญิงสาวผู้งดงามหมายมั่นในตอนท้าย ทําให้หญิงต่างวัยยิ้มอย่างถูกใจ

“เวทมนต์หรือคาถางั้นหรือ? โอ น่าสนนะสกาย มันจะเป็นโอกาศดี ที่เราจะได้ทดสอบเดเร็คและพลังของเขา” หญิงงามทั้งสองสบตากันก่อนที่จะยิ้มอย่างเข้าใจกัน

“งั้นเอาตามความถนัดและแล้วแต่สถานการณ์พาไปนะสกาย มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ ยังไงหน้าที่เทพอุ้มสมก็เป็นของพวกเราทั้งสองอย่างหลีกเหลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว”

เลดี้จอยหันไปมองเตาพิงขนาดใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง ดวงตาสีเขียวเข้มขึ้นเมื่อมองไฟในเตาพิงที่กำลังอ่อนแรงและความร้อนลง ไม่ถึงอึดใจไฟก็เพิ่มแรงไหม้ขึ้นและความร้อนก็แผ่ขยายความร้อนไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากที่มีร่องรอยแห่งกาลเวลาให้เห็นขยับอีกครั้ง

“เขาทั้งสองเป็น โซลเมท ของกันและกันตามที่เรารู้เราเห็น จะผิดอะไรที่เราจะช่วยให้พวกเขาให้กลับมารักกันอีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างจะได้เร็วขึ้น อีกอย่างมันเป็นลิขิตของสวรรค์ ถ้าทั้งสองสามารถฝันฝ่าอุปสรรคไปได้ การปลดปล่อยและอิสรภาพก็จะเกิดขึ้นกับดวงวิญญานหลายดวง”

“และครั้งนี้จะไม่มีการผิดผลาดเกิดขึ้นเหมือนกับคู่ของไรอันและหนูพิณ” ดวงตาสีทองดูเหมือนจะเรืองแสงขึ้นวูบหนึ่งก่อนที่จะหายไป

“งั้นว่ามาสิว่าสกายมีแผนการอะไรบ้าง” และแล้วทั้งขั้นตอนและแผนการก็ถูกถ่ายทอดออกมา

“ว้าว! สกายถ้าสำเร็จพวกเราจะได้อุ้มเบบี้ส์ภายในหนึ่งปีนี้แน่นอน วิเศษมากเลยสกาย” ดวงตาของทั้งสองต่างฉายแววของความสุข ใบหน้าสวยต่างวัยเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม มือบางของทั้งสองจับแก้วน้ำส้มคั้นขึ้นชูพร้อมกัน เลดี้จอยเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงพลังเป็นภาษาลาติน

“Pro Libertate!!” (สำหรับอิสรภาพ!!)

“For Liberty!!” เลีดี้สกายเอ่ยตอบอย่างหนักแน่นทรงพลัง

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

12:30pm ที่ร้านอาหารThe Witchery by the Castle เมืองEdinburg

“Hello love, you looks like a beautiful painting today” (สวัสดีที่รัก วันนี้คุณสวยเหมือนภาพวาด) เสียงคุ้นหูดังขึ้นข้างๆร่างของหญิงสาวที่เพิ่งผ่านการจามมาไม่ถึงนาทีมือเรียวบางยังจับผ้าเช็ดหน้าจ่ออยู่ที่จมูก ดวงตากลมโตสีเขียวเบิกกว้างเมื่อหันหน้าไปตามเสียงที่เอ่ยทัก
“เดเร็ค! น้องมาถึงสกอตแลนด์ตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ?” ผู้เป็นพี่ลุกขึ้นทักเป็นภาษาไทย ก่อนที่จะโดนน้องชายที่แม้จะอายุแค่สิบเจ็ดแต่ก็ตัวสูงใหญ่กว่าพี่สาวมากนักสวมกอดอย่างคิดถึงก่อนที่จะแตะริมฝีปากที่แก้มซ้ายที ขวาที
ส่วนมากเมื่อทั้งสองพี่น้องอยู่ด้วยกันตามลำพังจะใช้ภาษาไทยคุยกันเพราะทั้งสองรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกที่เป็นส่วนตัวของพวกเขา อีกอย่างเป็นการฝึกภาษาไทยให้เดเร็คไปในตัว เพราะน้องชายเธอเริ่มหัดพูดไทยเมื่อตอนอายุห้าขวบและส่วนมากจะพูดกับเธอเท่านั้น ส่วนเธอนั้นไปโตที่เมืองไทยตั้งแต่อายุสองขวบ แถมยังมีพี่เลี้ยงสองคน คนหนึ่งเป็นคนไทย อีกคนเป็นคนอังกฤษ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะเวลาทั้งสองคุยกันก็จะคุยไทยปนอังกฤษกันประจำ
“แน้ทำยังกับไม่ได้เจอกันมาเป็นปีเชียวนะเรา คราวนี้มาจากไหน? เหนื่อยมากไหม? แล้วทานอะไรมาหรือยังจ๊ะ? พี่เพิ่งมาถึงยังไม่ได้สั่งอะไรเลย” ถามอย่างห่วงใย หลังจากที่โดนน้องชายคว้าตัวไปกอดอีกครั้ง
“แหม พี่แพม ก็เกือบปีไม่ใช่เหรอครับ? ผมนะคิดถึ้งคิดถึงพี่สาวสุดที่รักอย่างล้นหัวใจเลยนะครับ ยิ่งเห็นหน้าสวยๆของพี่หลังจากที่ไปทิเบตมาหนึ่งเดือนนี่มันชื่นใจจริงๆ พอลงจากเครื่องเจ็ท ผมนี่รีบตรงดิ่งมาหาพี่ที่นี่ตามที่คุณย่าบอก กะว่าจะมาเซอร์ไพรส์พี่ซะหน่อย ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยครับ ที่สำคัญแค่เห็นหน้าพี่ผมก็หายเหนื่อยหายหิวแล้วละครับ”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลยนะเรา ไม่ใช่เพราะสาวหรอกหรือที่เธอยกเลิกไม่ไปหาพี่ที่เคนย่าเมื่อสองเดือนก่อน อุตส่าห์ว่าจะให้ช่วยงานที่คลีนิคซะหน่อย” เลดี้ พาเมล่า จอย แม็คควีน ดักคอน้องชายอย่างรู้ทัน
“โถ่พี่ครับ ผมก็ขอโทษพี่ด้วยการส่งยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์และของทันตแพทย์ไปให้เพี้ยบเลยนี้ครับ แถมเช็คก้อนโตอีก ไหนผมจะให้พี่ยืมเจ็ทส่วนตัวผมบินพาทีมงานหมอและพยาบาลไปรักษาคนทั่วอัฟริกาเหนืออีกละ พี่สาวคนสวยของผมยังไม่แฮปปี้อีกเหรอครับ?”
“ยัง นอกจากว่าเธอรับปากว่าอีกหกเดือนข้างหน้าเมื่อพี่กลับไปโจฮันเนสเบิร์กเธอจะต้องกลับไปพร้อมพี่…” ก่อนที่พี่สาวจะพูดจบ เสียงครางอย่างทรมานของน้องชายก็ขัดขึ้นและมันดังขนาดที่โต๊ะนั่งใกล้ๆหันมามองอย่างสงสัย และพนักงานของร้านเดินมาใกล้โต๊ะเพื่อที่จะรับออร์เดอร์ก็ถูกชายหนุ่มปฎิเสธด้วยการสบตาและส่ายหน้า
“โหพี่ อัฟริกาใต้นี่ไม่ไกลจากขั่วโลกใต้เลยนะครับ OMG (oh my God) อย่าบอกนะว่าพี่คิดจะไปช่วยเอสกิโมที่ขั่วโลกเหนือต่อและพี่ต้องการให้ผมติดสอยห้อยตามพี่ไปถึงที่นั่นด้วย No way! (ไม่มีทาง!) อย่าหวังเลยว่าผมจะไปที่นั่นด้วย” ชายหนุ่มนั่งหน้าหมุ้ย กอดอกมองหน้าพี่สาวที่นั่งหน้าตายเลิกคิ้วมองน้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“Derek, don’t try to read my mind!(อย่ามาพยายามอ่านความคิดของพี่นะเดเร็ค) ทำไมเธอถึงไม่อยากไปทั้งๆที่ตระกูลของเราก็มีบ้านพักที่อยู่แคนนาดา อลาสก้าก็ไม่ไกลจากแคนนาดามากนัก หลังจากเป็นอาสาสมัครให้พี่สัก2-3เดือนเธอก็แวะไปพักผ่อนหรือทำวิจัยต่อก็ได้นี่” หญิงสาวเริ่มเตรียมซักฟอกน้องชาย เพราะปกติแล้วตั้งแต่อายุสิบสองปี เดเร็คชอบเดินทางไปเป็นอาสาสมัครตามประเทศต่างๆที่บิดาไปทำงานให้องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน และเมื่อทันทีที่เธอเรียนจบและไปทำงานให้องค์กรแพทย์ไร้พรมแดน เดเร็คก็จะตามเธอไปเป็นอาสาสมัครตามประเทศนั้นๆเมื่อมหาวิทยลัยหยุดเรียนหนึ่งอาทิตย์ขึ้นไป
“แค่มองหน้าพี่ผมก็เห็นเป็นฉากๆแล้วว่าพี่นะคิดอะไรอยู่” น้องชายยักไหล่ ก่อนที่จะเบี่ยงความสนใจไปที่ประเด็นอื่น “แล้วความฝันของพี่ละยังฝันซ้ำๆอยู่หรือเปล่า? แว่วมาว่าคุณย่ากำลังจะเตรียมงานแต่งให้พี่ในเร็ววันนี้ นี่นะผมจะบอกอะไรให้ ก่อนที่ผมจะเข้ามาทักพี่ ผมเพิ่งวางหูจากแลงสตัน ได้ยินว่าตอนนี้คุณย่ากำลังเลือกชื่อเบบี้ส์อยู่นะครับ” ดวงตาสีฟ้าที่มองพี่สาวฉายแววขี้เล่นอยู่ในที
“You’re pulling my leg! Right?(นี่เธอพูดเล่น ใช่ไหม!?)” น้องชายส่ายหน้าช้าๆ สีหน้าเห็นอกเห็นใจพี่สาว ฝ่ามือใหญ่เอื้อมไปตบมือที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะอย่างปลอบใจ เพราะรู้ว่าพี่สาวรักอิสระและชีวิตโสดมากเพียงใดและถึงแม้ว่าอายุอานามเพิ่งจะผ่านมาได้28ปีอย่างสดๆร้อนๆเมื่อเดือนที่แล้ว พี่สาวก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดืออดร้อนกับการไร้คนพิเศษข้างกายแต่อย่างไร
“Don’t worry love I will try to help you (ไม่ต้องห่วงที่รัก ผมจะพยายามช่วยคุณเอง)” ปากพูดไปแต่ก็รู้ว่ายากนักที่พี่สาวจะพ้นวิวาห์ที่คุณย่ากำลังแพลนอยู่ในขณะนี้ และพี่สาวก็หารู้ไม่ว่าเขาก็เป็นส่วนหนึ่งในแพลนนี้ด้วย
“ขอบใจที่จะช่วยพี่นะเดเร็ค...wait a second (เดี๋ยวก่อน)” ดวงตาสีเขียวมองจ้องหน้าน้องชายอย่างค้นคว้า “นี่อย่ามาทำเนียนเปลี่ยนเรื่องนะ บอกมานะว่าทำไมเธอถึงไม่อยากไปช่วยพี่สักเดือนสองเดือนและไปเจอแด็ด ทั้งๆที่หนึ่งปีที่ผ่านมาแด็ดถามหาเธอตลอดและอยากให้เธอไปเยี่ยมท่านบ้าง ที่สำคัญเธอก็รู้ว่าถ้าเธอไปช่วยพี่ทุกอย่างจะเร็วขึ้น หรือว่าเธอทะเลาะกับแด็ด?”
“เหอะสามเดือนเป็นอย่างน้อยละไม่ว่า โถ่พี่ครับผมนะอายุแค่สิบเจ็ดเองนะครับ นี่เป็นเวลาที่ผมจะ สนุกเฮอาปาร์ตี้และจีบสาวนะครับ ที่สำคัญผมยังฉลองปริญญาโทใบที่สามยังไม่เสร็จเลยนะครับ” หนุ่มอัจฉริยะที่เริ่มเรียนมหาวิทยลัยตั้งแต่อายุ11ขวบ มีไอคิวสูงถึง195 โอดครวญพอเป็นพิธี
“ฉลองตั้งแต่เดือนธันวาถึงเดือนมีนานี่นะ?” คราวนี้เปลี่ยนเป็นพี่สาวที่นั่งกอดอกมองน้องชายรอคำตอบที่เจ้าตัวไม่อยากบอกอย่างใจเย็น สองพี่น้องนั่งกอดอกจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใครอยู่ครู่ใหญ่จนชายหนุ่มยอมแพ้หันไปมองหาพนักงานของร้านยกแขนขึ้นเป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะสั่งอาหารและเครื่องดื่ม
เมื่อสองพี่น้องออร์เดอร์เสร็จเดเร็คถอนหายใจเล็กน้อยก่อนเอ่ยด้วยเสียงเรียบปนเซ็งนิดหน่อย
“เรื่องแด็ด ผมไม่ได้ทะเลาะกับท่านเพียงแต่ปีกว่าๆที่ผ่านมาผมยุ่งเรื่องงานและงานวิจัยก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องที่ไปอัฟริกาใต้และขั่วโลกเหนือกับพี่ไม่ได้เพราะว่าสองสามวันที่ผ่านมา ตะเกียงดาว ตามจิกผมทุกทาง บอกว่าเพื่อนที่ชื่อ เหมือนฝัน กำลังเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือให้ผมรีบกลับเอลเอไปช่วยด่วน เพราะว่าบางทีผมอาจจะเป็นต้นเหตุหรือมีส่วนทำให้เธอเป็นทุกข์อยู่ในขณะนี้ ผมเลยต้องไปเคลียร์และสืบสาวหาต้นเหตุ”
“แต่นั้นไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง ใช่ไหมเจ้าน้องชาย? ดูก็รู้ว่าเธอมีอะไรปิดบังพี่อยู่”
ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหน้าก่อนสบตาพี่สาว
“Amaranth” คําที่หลุดออกมาจากปากน้องชายทําเอาพี่สาวช็อคแทบตกจากเก้าอี้นั่ง
“แอมมะแร็นธ!?”
“The one and only (หนึ่งเดียวคนนั้น) 2)” เดเร็ครู้ว่าพี่สาวคนสวยคงไม่ปล่อยเขาไปจนกว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้อยู่เต็มอกว่า ช้าหรือเร็วเรื่องที่เกิดขึ้นก็จะเป็นที่รู้กันแต่กระนั้นเขาก็ยังอยากที่จะประวิงเวลาไว้ แต่ในขณะนี้ให้พี่สาวเขารู้แค่ผลของการกระทำก็พอแล้ว สาเหตุค่อยบอกในวันข้างหน้า
”ผมโดนแอมมะแร็นธแบนไม่ให้ไปใกล้หรือเข้าไปเหยียบถิ่นของเขาไม่ว่าในทางใดหรือกรณีใดทั้งสิ้น เฮ้อ! แย่ชมัดเหล่าสาวสวยทั้งหลายเลยอดไม่ได้เห็นหน้าที่หล่อเหลาของผม” ตีหน้าเศร้า
สิ่งที่ได้ยินทำเอาพี่สาวตาโต เพราะการที่เดเร็คซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม”เพื่อน”น้อยนิดที่แอมมะแร็นธมีนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กเลย เพราะถิ่นของเขานั้นอยู่ทางเหนือของโลกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ หรือ อากาศ ถ้าเอารูปแผนที่โลกมาวางตรงหน้าแล้วขีดเส้นตามเส้นพรมแดนที่กั้นสหรัฐอเมริกันและแคนนาดาไปจนสุดหรือรอบโลก แล้วละก็เท่าเกือบครึ่งหนึ่งโลกทีเดียว...การที่โดนแอมมะแร็นธแบนนั้นมันเหมือนกับเป็นการตัดเป็นตัดตายกันเชียวละ ไม่รู้ว่าเจ้าน้องชาย ของเธอจะตระหนักในข้อนี้หรือเปล่านะ
“เดี๋ยวก่อน สกอตแลนด์นี่ก็เป็นถิ่นของเขาไม่ใช่หรือ?...”
“แล้วทำไมผมถึงได้มานั่งอยู่ตรงหน้าพี่ได้? เผอิญว่าผมต่อรองกับเขาได้นะครับ วันมะรืนนี้ผมจะต้องออกจาก สกอตแลนด์อย่างไม่มีกำหนด ผมเลยต้องมาเก็บของและทำธุระเล็กน้อย ที่สำคัญผมจะต้องลาสาวสวยทั้งหลายของผม” พอถึงประโยคสุดท้ายชายหนุ่มแกล้งตีหน้าเศร้า ทำให้พี่สาวเหลืออดผสมกับหมั่นไส้ นิ้วเรียวยาวเลยหยิกเข้าให้ที่แขนอย่างไม่ยั้ง
“โอ๊ะ! พี่แพมนิสัยไม่ดีแกล้งน้อง งั้นมื้อนี้ผมไม่เลี้ยงพี่แล้ว พี่เลี้ยงผมละกัน อูยยย เจ็บบ[” มือหนาลูบรอยเล็บพลางทำเป็นงอนใส่ เหมินหน้าไปทางอื่น
“หึทำเป็นเด็กสำออยขี้น้อยใจนะเรา Oh by the way, since you’re the first born son and the only son, so you’re filthy rich, there for my dear lunch is on you (โอ้อีกอย่างนะ เรานะเป็นลูกชายคนแรกและคนเดียว ฉะนั้นเธอนะร่ำรวยมากมายมหาศาล เพราะงั้นมื้อเที่ยงนี้เธอเป็นเจ้ามือ)” จบคำ อาหารเที่ยงของทั้งสองก็มาถึงโต๊ะพอดี สองพี่น้องจึงได้เลิกการคุย หันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

13:30pm หน้าร้านอาหารThe Witchery by the Castle
ร่างหนาสูงใหญ่สง่างามในชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม ที่ยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ไม่ไกลจากประตูเข้าร้านอาหาร ก็ต้องมีอันตัวแข็งทื่อหยุดคุยเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของผู้หญิงที่ลอยมาเข้าหู เสียงนั้นเปรียบดังเสียงระฆังแก้วคริสตันอย่างดี และชวนให้คิดถึงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกไม้กำลังเพิ่งบานอย่างเต็มที่ ชายหนุ่มเหมือนตกอยู่ในภวังค์ หันไปตามเสียงหัวเราะและสายตาไปหยุดไปที่แผ่นหลังของหญิงสาวสูงโปร่งในชุดเดรสผ้าลินินสีชมพูอ่อน ที่มีผมหยักศกสีสตอเบอร์รี่บลอนด์ประดับอยู่จนถึงเอว ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดให้สาวเท้าเดินตามไปติดๆ
“Excuse me (ขอโทษครับ)” ทันทีที่มือใหญ่แตะที่บ่าบอบบางก็เหมือนถูกไฟฟ้าช็อตส่งผลให้ทั้งร่างหนาและร่างบางกระตุกพร้อมกัน สำหรับหนุ่มร่างใหญ่ กระแสไฟฟ้าที่แผ่ไปทั่วร่างมาพร้อมกับความรู้สึกว่าสิ่งที่หัวใจโหยหาอยู่ลึกๆและตามหาอยู่นั้นเมื่อนี้เขาพบแล้ว ความดีใจ ความโล่งอกและความรักที่หลั่งไหลออกมาจากทุกเซลล์ของร่างกายทำให้น้ำตาไหลซึมออกมาจากดวงตาสีอำพันโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มยิ้มอย่างปรีดาก่อนที่ร่างหนาจะทรุดลงพร้อมกับสติที่ดับวูบไป โทรศัพท์ที่อยู่ในมือหลุดออกจากมือใหญ่กระทบกับพื้นแตกกระจาย ก่อนที่ร่างหนาจะกระทบพื้น หนึ่งในสองคนผู้ติดตามก็เข้ามารับไว้ก่อน อีกคนรีบเอาตัวเองมาบังนายและเลขาพร้อมกับชักปืนออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณคีธ!” เลขาปนบอดี้การ์ดส่วนตัวเรียกพร้อมกับกวาดสายตาไปทั่วสถานที่โดยรอบว่ามีอะไรผิดปกติไหม ก่อนที่จะก้มลงดูเจ้านาย โล่งใจที่ไม่พบเจอร่องรอยอะไรบนร่างใหญ่ ส่วนอีกคนที่เป็นบอดี้การ์ด เมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่ได้รับบาดเจ็บก็เก็บปืนเข้าที่และโทรเรียกคนขับรถให้มารับกลับที่พักด่วน
ขณะเดียวกันสำหรับหญิงสาวแล้วกระแสไฟฟ้าที่แผ่ไปทั่วร่างมาพร้อมกับความเจ็บปวดสุดจะทนได้ที่แผ่กระจายไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สติสัมปชัญญะดับวูบ ร่างบางทรุดฮวบลงไปในวงแขนของน้องชาย
“PAM!” เสียงเรียกที่ดังของชายหนุ่มทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น เดเร็คก้มมองหน้าพี่สาวก่อนที่จะหันไปมองร่างหนาที่นอนแน่นิ่งอยู่ไม่เกินเอื้อม
ให้มันได้อย่างนี้สิว่าที่พี่เขยเขา ครั้งแรกที่เจอกัน หน้ายังไม่ได้เห็นกันเลย คุยก็ยังไม่ได้คุย ตาก็ยังไม่ได้สบกัน แค่สัมผัสถูกพี่สาวเขาก็น็อคไปทันทีพร้อมกันทั้งสองคน เฮ้อ คนอะไรดราม่าที่สุด นี่ดีนะที่เขาโทรเรียกรถก่อนออกมาร้านอาหาร ไม่งั้นคงได้อุ้มพี่สาวเดินอีกไกล ดวงตาสีฟ้าเข้มกวดมองหารถ
ใบหน้าหล่อยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นรถที่มองหาจอดตรงหน้า เฮอะเก่งจริงก็ตามหาพี่สาวเขาให้เจอภายในห้าวันนี่ให้ได้เถอะแล้วจะยอมรับเป็นว่าที่พี่เขย แขนแข็งแรงช้อนร่างพี่สาวขึ้นอุ้มเข้าไปในรถ…

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
วันถัดมา เวลา 14:00 pm ที่ ทะเลสาบโคโม ประเทศอิตาลี่

ร่างบางสูงโปร่งในชุดส่าหรีสดใสสีเขียวใบตองอ่อนที่เรียบง่ายไม่มีลวดลายหรืออัญมณีประดับ ก้าวออกมาจากมาจากรถโรลส์-รอยซ์ แฟนท่อมรุ่นที่7 โดยมีมือหนาของ พรหมาณฆ์ ฌ หิมาลายา ยื่นมาให้จับ
“ขอบใจมากนะจ๊ะแพททริค ที่ไปรับที่สนามบินและมาส่งที่วิลล่า อโมเร่” เป็นประโยคแรกที่สาวงามที่มีเค้าโครงหน้าตาชาวตะวันตกผสมอารยัน หลังจากที่ก้าวลงมาจากเครื่องเจ็ทตามติดด้วยเสื้อโคร่งตัวโตที่รีบวิ่งลงบันไดเครื่องเจ็ทไปคลอเคลียชายหนุ่มที่ยืนพิงรถโรลส์รอยซ์รออยู่อย่างคิดถึง ไม่มีการทักทายกันด้วยคำพูด มีแต่การยิ้มให้กันอย่างอบอุ่นและร่างหนาที่ก้มลงไปกราบกับพื้น ก่อนที่จะลุกขึ้นปล่อยให้ร่างอรชรเดินนำหน้าไปขึ้นรถที่เปิดประตูรออยู่
ตลอดทางจากสนามบินมาที่เลคโคโม ภายในรถเงียบกริบไม่สียงอะไรเลยเพราะทั้งสองต่างนั่งหลับตาทำสมาธิโดยไม่สนใจทัสนียภาพที่สวยงามของสองข้างทางจนกระทั่งรถมาจอดภายในอานาเขตของวิลล่าอโมเร่ ทั้งสองจึงได้ถอนจิตออกมาจากสมาธิด้วยดวงจิตที่อิ่มเอม
“ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณหม่อมป้าที่อุตส่าห์นั่งทนเมื่อยมาเป็นเพื่อนเจ้าโอมาน ทั้งที่ความจริงแล้วถ้าหม่อมป้าสกายจะมาเองแป็บเดียวก็ถึงแล้ว” เสือโคร่งตัวโตที่นอนนิ่งอยู่ที่เบาะหน้ารถกระดิกหูและหางเมื่อได้ยินชื่อตนแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนยังคงนอนรอเจ้านาย
“นมัสเต ครับหม่อมป้า” พรหมาณฆ์ไหว้และยืนรอให้ร่างบางก้าวเดินจากไปก่อนที่จะกลับเข้ารถไปนั่งทำสมาธิเข้าฌานต่อ
เสียงโลหะที่กระทบกันและเสียงสบถหลายภาษาที่แว่วเข้าหูทำให้ร่างในชุดส่าหรีเดินลงบันไดหินที่อยู่ข้างวิลล่าไปแทนที่จะเปิดประตูเข้าไปในวิลล่า บันไดหินพาผ่านสวนสวยที่มีทั้งไม้ดอกไม้ประดับที่ให้ร่มเงาและดอกไม้หลายชนิด เท้าหยุดนิ่งเมื่อมองเห็นร่างสูงสี่ร่างที่กำลังจับคู่ฟันดาบกันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ไม่ไกลจากท่าน้ำของวิลล่า
ภาพตรงหน้าทำให้หญิงสาวส่ายหน้าอย่างเอือมระอา เพราะสิ่งที่เห็นคือ ร่างสูงกำยำสี่ร่างในกางเกงยีนส์เก่าสีซีดมีรอยขาดด้วยคมดาบและรอยเลือดที่แห้ง เสื้อทีเชิร์ตคอกลมสีขาวก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า กีฬาฟันดาบสากล ที่ถูกเรียกว่ากีฬาปัญญาชน ที่เคยถูกเปรียบว่าเป็น “หมากรุกที่ประกอบด้วยกล้ามเนื้อ” เพราะผู้ที่จะเล่นได้ดีนั้นจะต้อง เป็นผู้ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมีปฎิภาณไหวพริบที่ดีเยี่ยม มีความคล่องแคล่ว มีการตัดสินใจที่เด็ดขาด มีความกล้าหาญและเป็นกีฬาที่ต้องใช้สมาธิสูง ไม่ต่างอะไรกับการเล่นหมากรุกที่มีทั้งการลวง การใช้จิตวิทยากับคู่ต่อสู้
แต่ในขณะนี้ดูเหมือนทายาททั้งสี่ของตระกูลรัตนนาคาพิทักษ์-สเป็นเซอร์ จะใช้อารมณ์มากกว่ายุทธศาสร์ และอาการที่ดูเหมือนหิวกระหายเลือดนั้นจะมีมากกว่าความปลอดภัย เพราะทั้งสี่ไม่สวมถุงมือข้างที่ถือดาบ ไม่สวมปลาสตอง(เกราะอ่อน) และไม่สวมหน้ากากที่ถักด้วยเส้นตาข่ายเหล็ก
“En garde (อัง การ์ด)” สิ้นเสียงคำบอก เตรียมพร้อม สำหรับเกมใหม่ที่ถูกบัทเลอร์ประจำวิลล่าประกาศก้อง ดาบเอเป้ทั้งสี่ก็ประทะกัน ไม่เกินห้านาทีทั้งสี่ต่างก็ได้แผลเล็กแผลน้อยกัน ถึงกระนั้นหนุ่มทั้งสี่หาได้สะทกสะท้านหรือแสดงความเจ็บปวดให้เห็นเลย ดูก็รู้ว่าทั้งสี่นั้นกำลังระบายอารมณ์ขุ่นมัวกันอย่างดุเดือด ขืนปล่อยไว้เดี๋ยวก็เสียเลือดไปมากกว่านี้ ไวเท่าความคิดมือเรียวประกบตบกันสองที เสียงนั้นทำให้หนุ่มทั้งสี่หยุดและหันมามองที่เสียงทันที
“หม่อมป้า!!!!”
“ไปอาบน้ำ แต่งตัวใหม่ แล้วไปที่ห้องทำงาน” หญิงสาวสั่งก่อนที่จะเดินไปที่สวนกุหลาบหย่อมที่อยู่ตรงท่าน้ำ บัทเลอร์ประจำวิลล่าเดินตามหลังไป
“หำหั่นกันมานานหรือยัง?”
“ก็ตั้งแต่เก้าโมงเช้าถึงเที่ยง หยุดทานเที่ยงแล้วก็ลุยกันต่อจนท่านมาครับผม”
“’งั้นเหรอ”
“ครับ ไม่ทราบว่าท่านหญิงจะรับอะไรหรือไม่?”
“เตรียมแค่น้ำผลไม้ปั่น และผลไม้สดไปไว้ที่ห้องทำงาน อีกไม่เกินสิบนาทีเราจะเข้าไป”
“ครับผม” คล้อยหลังบัทเลอร์ประจำวิลล่าไป หนึ่งหญิงสองชายที่แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองสมัยโบราณก็เดินขึ้นมาจากท่าน้ำและทำความเคารพด้วยการก้มกราบ
“ยินดีต้อนรับแม่เจ้า เจ้าเหนือหัวของบ่าวสู่เลคโคโมเจ้าค่ะ”บริวารทั้งสามนั่งพับเพี้ยบรอคำสั่ง
“ขอบใจมากจ๊ะ พวกเจ้าทั้งสามจงไปเตรียมการ รับการมาเยี่ยมของหัวหน้าเขตที่จะมาในเวลาพลบค่ำนี้ แล้วอย่าลืมระวังอำพรางกายอย่าให้มนุษย์เห็น”
“เจ้าค่ะ เหนือหัวของบ่าว” ทั้งสามร่างลุกขึ้นและเดินลงไปที่ท่าน้ำและหายวับลงไปในน้ำ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

หนุ่มทั้งสี่นั่งจิบน้ำผลไม้ปั่นรอให้หญิงสาวในชุดส่าหรี ที่นั่งอยู่หลังเก้าอี้ทำงานไขข้อข้องใจ ว่าครั้งนี้ที่โดนเรียกพบพร้อมกันทั้งสี่พี่น้องมีสาเหตุมาจากอะไร
“เอาละที่เรียกมาพบในวันนี้ เพราะถึงเวลาที่พวกเธอจะต้องมีคู่บุญคู่บารมีอยู่ข้างกายกันได้แล้ว” สี่ร่างใหญ่ที่นั่งจิบน้ำผลไม้ปั่นมีอาการแตกต่างกัน อนันดา น้องคนสุดท้องนั้นแก้วหลุดมือตกแตก แม็คเคนซี่ คู่แฝดของอนันดาสำลักน้ำผลไม้ปั่น พี่ชายคนโต คีรวัน ชะงักถือแก้วค้างก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะข้างหน้า ส่วนคู่แฝด รณกร นั่งนิ่งสงบไม่มีอาการใดให้เห็น
“อะไรนะครับหม่อมป้า? หม่อมป้าจะให้พวกผมหาของขลังมาไว้เสริมบารมีเหรอครับ?” อนันดาแสร้งออกนอกเรื่อง หนุ่มที่รักชีวิตโสด ไม่อยากจะให้สิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างที่คิดไว้
“แม่ศรีเรือน” ดวงตาสีอำพันสบตากับคีรวัน
“เนื้อคู่” หันมาสบตากับรณกร
“ภรรยา” ประสานตากับแม็คเคนซี่
“เมีย” จ้องหน้าจ้องตาอนันดา
“ชัดไหม อเล็ค?”
“ชัดครับหม่อมป้า” อนันดาเสียงอ่อยก่อนจะรีบปลับเป็นน้ำเสียงที่หนักแน่น “แต่ว่าหม่อมป้าครับผมอายุยังน้อยและผมยังไม่พร้อมนะครับ”
“พร้อมไม่พร้อมก็ต้องแต่ง เพราะถึงเวลาแล้วที่พวกเธอจะต้องเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที”
“แต่ว่า...” อนันดายังไม่ยอมที่จะสละโสดอย่างง่ายดาย
“ไม่มีแต่ ไม่อะไรทั้งนั้น เลือกเอาเองว่าจะหาเองหรือจะให้หาให้ พวกเธอมีเวลาหนึ่งปีนับจากพรุ่งนี้ไป ครบหนึ่งปีถ้าใครยังไม่ได้แต่งงาน หม่อมป้าคนนี้จะหาเจ้าสาวให้เอง” ร่างในชุดส่าหรีลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานเดินไปประตูระเบียงที่เปิดออกมาแล้วจะมีทางเดินไปสู่ท่าน้ำ
“ขอให้พวกเธอโชคดีและปลอดภัยในภารกิจที่สำคัญนี้ เจอกันที่งานแต่งงานของพวกเธอในอีกไม่ช้านี้” ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มให้ก่อนที่จะเดินไปที่ท่าน้ำ

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

“โธ่เว้ย! ผมไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเลยพับผ่าสิ” อนันดาเอามือไขว้หลังเดินกลับไปกลับมาหน้าโต๊ะทำงานสมองพยายามครุ่นคิดหาทางออก
“เย็นไว้อเล็ค” รณกร พี่คนรองเตือนสติน้องคนสุดท้องก่อนที่สติจะแตกและกระเจิดกระเจิงไปหาอ้อมกอดของเหล่าสาวสวยที่มีอยู่ใน ”ฮาเร็ม” เพื่อขอกำลังใจก่อนที่จะดื้อเงียบกับหม่อมป้าและคงไม่พ้นทำให้เดือดร้อนกันไปทั่วหน้า
“หึงานนี้เข้าทางพี่ไรอันและนายแม็คละสิ คนหนึ่งคงจะไปหาเมียที่ทิ้งเขามาแบบไม่บอกล่าว อีกคนคงไปง้อขอโทษเมียให้คืนกลับมาหาเพราะดันไปทำร้ายจิตใจเขา ให้ตายสิอย่าบอกนะว่าสมรู้ร่วมคิดกับหม่อมป้ากันนะ?” อเล็คสั่นเป็นเจ้าเข้าเนื่องจากพยายามเก็บอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่าน เจ้าตัวหยุดเดินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆพร้อมกับภาวนา พุทธโธ
“อเล็คอย่าพาลสิ” รณกร ปรามก่อนจะหันหน้าไปมองดูพี่คนโตที่นั่งสงบนิ่ง ท่าทางไม่ทุกข์ร้อน
“เฮ้ยคิดได้ไงวะอเล็ค? นายนี่...” แม็คเคนซี่เริ่มโวย แต่ก่อนที่จะปานปลาย คีรวันก็เข้ามาขัด
“พวกนายหยุดได้เลยนะ! ไม่ว่าพวกเราจะถ่วงเวลาหรือจะหาเรื่องติผู้หญิงที่หม่อมป้าจะหามาให้ สุดท้ายพวกเราก็ต้องแต่งอยู่ดี ลืมแล้วหรือว่าพวกเราและเจ้าสาวของพวกเรามีภารกิจที่จะต้องทำร่วมกันเพื่อการปลดปล่อยและอโหสิกรรม ที่หม่อมป้าไม่ทวนความจำของพวกเรา เพราะต้องการให้พวกเราจำกันได้เอง” คีรวันเตือนให้ระลึกถึงภารกิจที่ได้ยินหม่อมป้าแย้มให้ฟังตอนเป็นเด็ก แต่พอโตขึ้นมาก็พากันลืม
“เฮ้อ จบกันชีวิตโสดของพวกเรา ขอต้อนรับการมาของเจ้าสาวและภารกิจที่จะต้องทำ แล้วนี่พวกพี่จะทำยังไงต่อ?” อนันดาปรายตามอง สามหนุ่มที่ดูจะตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด
“ไปง้อเมียที่ซานตา โมนิกา” รณกรเผย
“ไปตามหาเมีย” แม็คเดนซี่ตอบเสียงเบา
“ไปตรวจดูกิจการที่กรุงเทพ และแวะเยี่ยมคุณย่า” คีรวันบอกกล่าว
“อ้าว พี่คีธไม่คิดที่จะทำตามประกาศิตของหม่อมป้าหรือครับ?” อนันดาดีใจที่ไม่ใช่แต่เขาเท่านั้นที่วางเฉยในเรื่องเจ้าสาว
“ไม่นี่ พี่พอใจในชีวิตโสด ครบหนึ่งปีเดี๋ยวหม่อมป้าก็หาให้เองไม่ต้องเหนื่อย พี่อยากสละโสดเป็นคนสุดท้าย อีกอย่างนายและพี่จะต้องดูแลงานในส่วนของไรอันและนายแม็คในช่วงที่ทั้งสองไปจับตัวว่าที่เจ้าสาวมาเข้าพิธี ฉะนั้นอเล็คนายเตรียมตัวปวดหัวกับกรรมการ ผู้ถือหุ้นและลูกน้อง”
“แหมพี่คีธใจเราชั่งตรงกันดีเนอะ เหนื่อยแค่ไหนผมก็ทนได้ถ้าได้เป็นเจ้าบ่าวคนสุดท้าย งั้นผมคงต้องรีบไปหาสาวๆของผมก่อนที่จะไม่มีเวลาให้กับพวกเธอ เจอกันที่งานแต่งงานนะครับ” อนันดาจากไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เพราะมั่นใจว่าตัวเองจะเป็นคนสุดท้ายที่จะสละโสด
“พี่ก็คงต้องไปเหมือนกัน อยากจะสะสางงานที่เมืองไทยให้เสร็จจะได้รีบไปเยี่ยมท่าน จะได้หายคิดถึงท่าน ขอให้นายทั้งสองโชคดีและสมหวังในรักนะ อ้อพี่จะเรียก ฮ. ไปสนามบินนายทั้งสองจะไปพร้อมพี่ไหมละ?”
“ไปครับ” รณกรเอ่ยปาก แม็คเคนซี่พยักหน้า

๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


1) Butler = พ่อบ้าน ประจำปราสาท/คฤหาสน์/บ้านคนอังกฤษที่สูงศักดิ์ หรือ คนรวย หรือโรงแรม5* หรือ resort หรู จะมี butler ส่วนตัว ที่คอยดูแลทุกอย่างให้ ไม่ขาดตกบกพร่อง เหมือน Alfred ที่เป็น butler ของ Batman หรือ Hilary butler ของ Lara Croft Tomb Raider ไงละจ๊ะ
2) The one and only = หนึ่งเดียวคนนี้/นั้น เป็นสำนวนที่ใช้ แนะนำ หรือ เพื่อเน้นย้ำ บุคคลที่มีชื่อเสียงและความสามารถ



มณีโชติรส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ก.ค. 2554, 15:43:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2554, 20:27:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1910





   Up @ ห้องสมุดได้ 11 ตอนแล้วจ้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account