เกมลวงชะตา
ชะตาคนมักพลิกผัน วันดีวันพรุ่งจากลูกคนรวย อาจกลายเป็นลูกคนล้มละลาย
จากเด็กกำพร้าจู่ๆ อาจกลายเป็นลูกเศรษฐี
วนิษศาคิดว่าตัวเธอเจออะไรมามาก และชะตาของเธอนับจากนี้ จะขอเป็นคนลิขิตตัวเอง!
จากเด็กกำพร้าจู่ๆ อาจกลายเป็นลูกเศรษฐี
วนิษศาคิดว่าตัวเธอเจออะไรมามาก และชะตาของเธอนับจากนี้ จะขอเป็นคนลิขิตตัวเอง!
Tags: โรแมนติก คอมมาดี้ ครอบครัว
ตอน: บทนำ
บทนำ
พ่อแม่...ช่วยก้อยกับโป้งด้วย
สรรพเสียงของหรีดหริ่งเรไรภายนอกดังอื้ออึงอยู่ราวกับมันร้องออกมาจากในหัวของเธอเอง ความมืดที่ไม่รู้ว่ามันสิ้นสุดที่ตรงไหนกำลังปลุกปั่นประสาทของเด็กหญิงตัวน้อยให้โยกคลอนตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ รอยบวมช้ำของแก้มข้างขวายังระบมอยู่มาจากตอนที่เธอแหกปากกรีดร้องขอความช่วยเหลือคน แล้วถูกพวกมันสักคนที่คลุมโม่งซัดหลังมือใส่ ความเจ็บย้ำเตือนว่าเธอยังมีชีวิต ยังมีลมหายใจ คราบน้ำตาที่รินไหลเงียบๆ ตลอดทางแห้งเป็นรอยทางอยู่บนใบหน้า มือสองข้างถูกมัดไว้แน่นหนาทางด้านหลัง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้มือเล็กๆ ได้จับแก้ปม
คำภาวนาตลอดสามวันแทบริบหรี่ ไม่ต่างจากลมหายใจ ทุกวันพวกมันจะเข้ามาสามครั้ง ครั้งแรกคือมื้อเช้า ครั้งที่สองคือมื้อกลางวัน มันบังคับตักป้อนอาหารรสชืด ข้าวแข็งเข้าปากเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะหมดจาน น้ำกรอกเทใส่ปากจนเธอสำลักจนน้ำออกปากออกหู...แต่หาได้มีใครสนใจ พวกนั้นกลับหัวเราะเยาะราวกับเธอและน้องชายเป็นตัวตลก
เวลาจะทำธุระส่วนตัวถูกกำหนดตายตัวแค่วันละสองครั้งหลังมื้ออาหาร ห้องน้ำเก่าๆ ที่มีแต่ฝุ่น และเศษซากอุจจาระที่ไม่เคยราดน้ำกองสูงในหลุมอยู่ระหว่างแผ่นไม้สองแผ่น ส่งกลิ่นตลบอบอวลจนเธออาเจียนมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำเป็นกองข้างกองก่อนหน้าโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีการอาบน้ำ ไม่มีสุขภัณฑ์หรูเลิศ
ครั้งสุดท้ายที่พวกมันจะเข้ามาก็คือตอนที่พวกมันต้องการติดต่อกับพ่อแม่ ต่อรองเรียกเงินกับค่าตัวเธอและน้อง บังคับให้เธอต้องเปล่งเสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิต มือสากของพวกมันบีบคอเธอแน่น หากเธอทำให้พวกมันขัดใจมันจะจงใจบีบแน่นขึ้น จนเหมือนอากาศจะลาเธอไป
พ่อเธอเป็นหนี้พวกมันหลายแสน กับดอกเบี้ยอีกรวมกันร่วมล้านบาท ชนิกานต์ไม่เคยรู้ ชนกันต์เองก็ไม่รู้ พวกเธอสองพี่น้องยังใช้ชีวิตสะดวกสบาย เล่นสนุก ไม่เคยมีความเครียดมาทักทาย รู้ตัวอีกที ในช่วงที่เธอ ชนกันต์ และเลอมาน พี่ชายแถวบ้านเกาะกลุ่มเล่นกันอยู่ คนชุดดำพวกนั้นก็บุกเข้ามาจับตัวเธอและชนกันต์ พวกมันโปะยาอะไรไม่รู้บนจมูก จนร่างของเธออ่อนปวกเปียก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเลอมานพยายามตามมาช่วย แต่กลับถูกรุมจนหูของเธอได้ยินเพียงเสียงร้องของเขาก้องแม้ในยามไม่ได้สติ
เสียงหัวเราะ ความสุข ความปลอดภัยคืออะไร...เธอลืมสิ่งเหล่านั้นไปเกือบหมด
“ก้อย...โป้งคิดถึงบ้าน” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายดังขึ้นอยู่ข้างกายชนิกานต์
“พ่อแม่จะมาช่วยเรา เราต้องรอ” ชนิกานต์ตอบเหมือนกับที่ตอบเมื่อวาน เพียงแต่เสียงแหบๆ ของเธอเริ่มแผ่วลง เด็กหญิงร้องไห้ออกมา ความหวังในใจกำลังมอดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน เธอขยะแขยงสัมผัส กลิ่น อาหาร ทุกสิ่งที่พบเจอมาตลอดสามวัน ในใจมีแต่คำถามว่าเพราะอะไรพ่อแม่จึงยังไม่มา
“โป้งกลัว”
ก้อยก็กลัว...เด็กหญิงกลืนน้ำคำนั้นลงไป เธอไม่เห็นประโยชน์จากการพูดคำว่ากลัวออกมา “พ่อแม่ต้องมา”
เสียงร้องไห้ของชนกันต์บีบคั้นใจคนฟังจนเธออยากตะโกนออกมาว่าเลิกร้องได้แล้ว แต่ต้องสะกดกลั้นไว้ เธอยังจำคำสั่งสอนของพ่อได้เสมอ
‘เกิดเป็นพี่ ถึงจะแค่ไม่กี่นาที เราก็ถือว่าเป็นพี่ ต้องคอยดูแลน้อง ปกป้องน้อง’
ถึงปกป้องแม้แต่ตัวเองไม่ได้ เธอก็ไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกมา ชนิกานต์เม้มปากไว้แน่นจนร้าวไปทั้งแก้มที่ยังระบมไม่หาย
“ตำรวจมา!” เสียงแตกตื่นของผู้ร้ายที่คุมอยู่หน้าห้องดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงปืนที่เปิดฉากดังด้านล่าง เสียงปืนทำให้สองพี่น้องฝาแฝดสะดุ้งสุดตัว ความเข้มแข็งของพี่คนโตพังทลาย เธอร้องไห้ออกมาสุดเสียง ยกมืออุดหูไม่ได้เพราะถูกผูกแน่นไว้ด้านหลัง แต่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างตัว ชนกันต์กำลังลุกขึ้น
“โป้งมาอยู่กับก้อยนะ” ชนิกานต์พยายามเอามือกวาดไปด้านข้างเพื่อคว้าน้องชายไว้ แต่สัมผัสได้แค่ปลายเสื้อ เด็กหญิงกัดฟัน ใช้มือเกาะกำแพงพยุงร่างตัวเองให้ยืนขึ้น หูพยายามจับทิศทางของเสียงน้องชายที่มาหยุดอยู่บริเวณประตู
“พ่อแม่ โป้งอยู่นี่ครับ”
ชนิกานต์พยายามสะบัดศีรษะแรงๆ หลายที จนผ้าที่ปิดตาอยู่เริ่มล่นลงมา เธอมองเห็นว่าหลังประตูนั้นคือทางโล่ง กับหลังไวๆ ของน้องที่คงจัดการกับอุปสรรคในการมองเห็นเช่นเธอแล้ว เด็กหญิงรีบวิ่งตามชนกันต์ไป กลัวว่าน้องชายจะไปอยู่ท่ามกลางห่ากระสุนที่ยังไม่หยุดด้านล่าง บันไดปูนเปลือยรองรับเท้าเล็กไร้รองเท้าของเธอ ชนิกานต์ขมวดคิ้วเมื่อเสียงปืนเมื่อครู่เงียบลง แต่เสียงน้องชายของเธอกลับดังขึ้นแทน
“ปล่อย...ปล่อยโป้ง พ่อครับ แม่ครับ ช่วยโป้งด้วย” ชนกันต์ถูกผู้ชายตัวโตร่างหนาทั่วร่างมีรอยของการถูกยิงหลายจุด เลือดไหลตามแผลเป็นทาง สวมโม่งดำจับคอเสื้อยืดชนกันต์ลอยขึ้น ปืนในมือชายคนนั้นจ่อเล็งเด็กชายหมายมาดว่าพร้อมลั่นไกหากมีใครกล้าลั่นไกใส่ร่างเขาอีก เพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างเดียวกับเขาบ้างถูกจับไปบางส่วน บ้างก็นอนหมดลมหายใจบนพื้นไปหมดแล้ว
ชนิกานต์เบรกเท้าไว้ทันก่อนจะโผล่พ้นขอบบันไดลงไป ในระยะห่างจากโจรไม่ถึงสองเมตร เด็กหญิงกลืนน้ำลายลงคอ ใจหนึ่งเธออยากวิ่งกลับขึ้นข้างบนไปนั่งรอความช่วยเหลืออย่างปลอดภัย รอให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหาให้เรียบร้อย แต่เพราะน้องชายที่ห่างเพียงมือเอื้อมตรงหน้า กับชีวิตของเขาที่มีกระบอกดำมะเมื่อมจ่อขมับทำให้ขาทั้งสองของชนิกานต์ก้าวไม่ออก
“ถ้าฉันไม่รอด ก็ขอเด็กสักคนตายเป็นเพื่อน” โจรร้ายพูดจบ ชนิกานต์ที่โกรธและกลัวจัดไม่ทันคิดอะไรก็พุ่งร่างของตัวเองกระแทกด้านหลังของโจรอย่างแรงจนทรงตัวไม่อยู่ แผลจากรอยกระสุนก่อนหน้าซ้ำเติมร่างกายมันเพิ่มจนนอนครวญบนพื้น มือที่มันจับชนกันต์เผลอปล่อยลง ชนกันต์รีบวิ่งไปหาพ่อแม่แบบไม่คิดชีวิต ส่วนเด็กหญิงหลังจากเห็นว่ามันล้มไปบนพื้นแล้ว ก็รีบวิ่งตามน้องชายไป อีกไม่กี่ก้าวเธอกำลังก้าวไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่
หูของเธอก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างของเธอพุ่งล้มไปข้างหน้า ชนิกานต์ไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่สติสุดท้ายดับวูบไป
นอกจากหูแว่วเหมือนได้ยินเสียงปืนที่ดังขึ้นพร้อมเพรียงอย่างกับพายุกระสุน
ในความมืด ความปวดร้าวบริเวณไหล่ขวาทำให้ร่างสูงต้องเบิกตาโพลงขึ้น ถึงแม้วันนี้จะไม่เหลือความเจ็บหลงเหลือ แต่น่าแปลกที่เธอยังจดจำความรู้สึกแรกหลังตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนในโรงพยาบาลได้ ความรู้สึกเจ็บยังตามเธอติดไม่ว่ามันจะผ่านมาเนิ่นนานขนาดไหน
นิ้วมือสากเลื่อนไปแตะบริเวณไหล่ขวา สัมผัสถึงรอยนูนจางๆ ไม่ต่างจากเส้นด้ายเส้นเล็ก เธอจำได้ว่าตัวเองร้องขอทิมให้เธอทำการรักษาแผลเป็น เจ็บอยู่หลายครั้งกว่าที่แผลเป็นมันจะลดลงเหลือเท่านี้ มันก็แค่ความคิดเด็กๆ ที่คิดว่ายามแผลเป็นหายไป ทุกความเจ็บปวดมันจะหมดสิ้นตาม แต่มันไม่ใช่แค่หัวกระสุนในวันนั้นที่พุ่งทะลุตรงไหล่จากด้านหลังมาด้านหน้า ทุกอย่างล้วนทิ้งรอยแผลไว้ภายในเสมอ บางครั้งอาจเป็นแผลเรื้อรัง ที่ตัวเธอเองขี้เกียจเยียวยารักษาแล้วก็ได้ นานไปก็แค่อยู่กับมัน ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่รู้สึกอะไรอีก
หญิงสาวแลบลิ้นใส่เงาตัวเองในกระจกหน้าต่างด้วยความไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง ทุกครั้งที่เธอชอบเปิดช่องให้ช่วงเวลาเก่าๆ เข้ามาในพื้นที่สมอง...รบกวนเวลาปัจจุบันที่ทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว
...ก็แค่เรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่ลืม
................................
ทาดาาาา กลับมาแล้ว ปิดหน้า มีหลายเรื่องให้โดนทวงไรงี้นะคะ ฮา เอาบทนำมาแปะไว้ แล้วจากไปเงียบๆ ฝากด้วยนะคะ
พ่อแม่...ช่วยก้อยกับโป้งด้วย
สรรพเสียงของหรีดหริ่งเรไรภายนอกดังอื้ออึงอยู่ราวกับมันร้องออกมาจากในหัวของเธอเอง ความมืดที่ไม่รู้ว่ามันสิ้นสุดที่ตรงไหนกำลังปลุกปั่นประสาทของเด็กหญิงตัวน้อยให้โยกคลอนตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่มีทีท่าว่าจะสงบ รอยบวมช้ำของแก้มข้างขวายังระบมอยู่มาจากตอนที่เธอแหกปากกรีดร้องขอความช่วยเหลือคน แล้วถูกพวกมันสักคนที่คลุมโม่งซัดหลังมือใส่ ความเจ็บย้ำเตือนว่าเธอยังมีชีวิต ยังมีลมหายใจ คราบน้ำตาที่รินไหลเงียบๆ ตลอดทางแห้งเป็นรอยทางอยู่บนใบหน้า มือสองข้างถูกมัดไว้แน่นหนาทางด้านหลัง ไม่มีโอกาสแม้แต่จะให้มือเล็กๆ ได้จับแก้ปม
คำภาวนาตลอดสามวันแทบริบหรี่ ไม่ต่างจากลมหายใจ ทุกวันพวกมันจะเข้ามาสามครั้ง ครั้งแรกคือมื้อเช้า ครั้งที่สองคือมื้อกลางวัน มันบังคับตักป้อนอาหารรสชืด ข้าวแข็งเข้าปากเธอครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าจะหมดจาน น้ำกรอกเทใส่ปากจนเธอสำลักจนน้ำออกปากออกหู...แต่หาได้มีใครสนใจ พวกนั้นกลับหัวเราะเยาะราวกับเธอและน้องชายเป็นตัวตลก
เวลาจะทำธุระส่วนตัวถูกกำหนดตายตัวแค่วันละสองครั้งหลังมื้ออาหาร ห้องน้ำเก่าๆ ที่มีแต่ฝุ่น และเศษซากอุจจาระที่ไม่เคยราดน้ำกองสูงในหลุมอยู่ระหว่างแผ่นไม้สองแผ่น ส่งกลิ่นตลบอบอวลจนเธออาเจียนมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ทำเป็นกองข้างกองก่อนหน้าโดยไม่ตั้งใจ ไม่มีการอาบน้ำ ไม่มีสุขภัณฑ์หรูเลิศ
ครั้งสุดท้ายที่พวกมันจะเข้ามาก็คือตอนที่พวกมันต้องการติดต่อกับพ่อแม่ ต่อรองเรียกเงินกับค่าตัวเธอและน้อง บังคับให้เธอต้องเปล่งเสียงร้องอ้อนวอนขอชีวิต มือสากของพวกมันบีบคอเธอแน่น หากเธอทำให้พวกมันขัดใจมันจะจงใจบีบแน่นขึ้น จนเหมือนอากาศจะลาเธอไป
พ่อเธอเป็นหนี้พวกมันหลายแสน กับดอกเบี้ยอีกรวมกันร่วมล้านบาท ชนิกานต์ไม่เคยรู้ ชนกันต์เองก็ไม่รู้ พวกเธอสองพี่น้องยังใช้ชีวิตสะดวกสบาย เล่นสนุก ไม่เคยมีความเครียดมาทักทาย รู้ตัวอีกที ในช่วงที่เธอ ชนกันต์ และเลอมาน พี่ชายแถวบ้านเกาะกลุ่มเล่นกันอยู่ คนชุดดำพวกนั้นก็บุกเข้ามาจับตัวเธอและชนกันต์ พวกมันโปะยาอะไรไม่รู้บนจมูก จนร่างของเธออ่อนปวกเปียก ภาพสุดท้ายที่เห็นคือเลอมานพยายามตามมาช่วย แต่กลับถูกรุมจนหูของเธอได้ยินเพียงเสียงร้องของเขาก้องแม้ในยามไม่ได้สติ
เสียงหัวเราะ ความสุข ความปลอดภัยคืออะไร...เธอลืมสิ่งเหล่านั้นไปเกือบหมด
“ก้อย...โป้งคิดถึงบ้าน” เสียงเล็กๆ ของเด็กชายดังขึ้นอยู่ข้างกายชนิกานต์
“พ่อแม่จะมาช่วยเรา เราต้องรอ” ชนิกานต์ตอบเหมือนกับที่ตอบเมื่อวาน เพียงแต่เสียงแหบๆ ของเธอเริ่มแผ่วลง เด็กหญิงร้องไห้ออกมา ความหวังในใจกำลังมอดลงตามระยะเวลาที่ผ่านไปแต่ละวัน เธอขยะแขยงสัมผัส กลิ่น อาหาร ทุกสิ่งที่พบเจอมาตลอดสามวัน ในใจมีแต่คำถามว่าเพราะอะไรพ่อแม่จึงยังไม่มา
“โป้งกลัว”
ก้อยก็กลัว...เด็กหญิงกลืนน้ำคำนั้นลงไป เธอไม่เห็นประโยชน์จากการพูดคำว่ากลัวออกมา “พ่อแม่ต้องมา”
เสียงร้องไห้ของชนกันต์บีบคั้นใจคนฟังจนเธออยากตะโกนออกมาว่าเลิกร้องได้แล้ว แต่ต้องสะกดกลั้นไว้ เธอยังจำคำสั่งสอนของพ่อได้เสมอ
‘เกิดเป็นพี่ ถึงจะแค่ไม่กี่นาที เราก็ถือว่าเป็นพี่ ต้องคอยดูแลน้อง ปกป้องน้อง’
ถึงปกป้องแม้แต่ตัวเองไม่ได้ เธอก็ไม่ควรแสดงความอ่อนแอออกมา ชนิกานต์เม้มปากไว้แน่นจนร้าวไปทั้งแก้มที่ยังระบมไม่หาย
“ตำรวจมา!” เสียงแตกตื่นของผู้ร้ายที่คุมอยู่หน้าห้องดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงปืนที่เปิดฉากดังด้านล่าง เสียงปืนทำให้สองพี่น้องฝาแฝดสะดุ้งสุดตัว ความเข้มแข็งของพี่คนโตพังทลาย เธอร้องไห้ออกมาสุดเสียง ยกมืออุดหูไม่ได้เพราะถูกผูกแน่นไว้ด้านหลัง แต่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากข้างตัว ชนกันต์กำลังลุกขึ้น
“โป้งมาอยู่กับก้อยนะ” ชนิกานต์พยายามเอามือกวาดไปด้านข้างเพื่อคว้าน้องชายไว้ แต่สัมผัสได้แค่ปลายเสื้อ เด็กหญิงกัดฟัน ใช้มือเกาะกำแพงพยุงร่างตัวเองให้ยืนขึ้น หูพยายามจับทิศทางของเสียงน้องชายที่มาหยุดอยู่บริเวณประตู
“พ่อแม่ โป้งอยู่นี่ครับ”
ชนิกานต์พยายามสะบัดศีรษะแรงๆ หลายที จนผ้าที่ปิดตาอยู่เริ่มล่นลงมา เธอมองเห็นว่าหลังประตูนั้นคือทางโล่ง กับหลังไวๆ ของน้องที่คงจัดการกับอุปสรรคในการมองเห็นเช่นเธอแล้ว เด็กหญิงรีบวิ่งตามชนกันต์ไป กลัวว่าน้องชายจะไปอยู่ท่ามกลางห่ากระสุนที่ยังไม่หยุดด้านล่าง บันไดปูนเปลือยรองรับเท้าเล็กไร้รองเท้าของเธอ ชนิกานต์ขมวดคิ้วเมื่อเสียงปืนเมื่อครู่เงียบลง แต่เสียงน้องชายของเธอกลับดังขึ้นแทน
“ปล่อย...ปล่อยโป้ง พ่อครับ แม่ครับ ช่วยโป้งด้วย” ชนกันต์ถูกผู้ชายตัวโตร่างหนาทั่วร่างมีรอยของการถูกยิงหลายจุด เลือดไหลตามแผลเป็นทาง สวมโม่งดำจับคอเสื้อยืดชนกันต์ลอยขึ้น ปืนในมือชายคนนั้นจ่อเล็งเด็กชายหมายมาดว่าพร้อมลั่นไกหากมีใครกล้าลั่นไกใส่ร่างเขาอีก เพราะคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างเดียวกับเขาบ้างถูกจับไปบางส่วน บ้างก็นอนหมดลมหายใจบนพื้นไปหมดแล้ว
ชนิกานต์เบรกเท้าไว้ทันก่อนจะโผล่พ้นขอบบันไดลงไป ในระยะห่างจากโจรไม่ถึงสองเมตร เด็กหญิงกลืนน้ำลายลงคอ ใจหนึ่งเธออยากวิ่งกลับขึ้นข้างบนไปนั่งรอความช่วยเหลืออย่างปลอดภัย รอให้ผู้ใหญ่จัดการปัญหาให้เรียบร้อย แต่เพราะน้องชายที่ห่างเพียงมือเอื้อมตรงหน้า กับชีวิตของเขาที่มีกระบอกดำมะเมื่อมจ่อขมับทำให้ขาทั้งสองของชนิกานต์ก้าวไม่ออก
“ถ้าฉันไม่รอด ก็ขอเด็กสักคนตายเป็นเพื่อน” โจรร้ายพูดจบ ชนิกานต์ที่โกรธและกลัวจัดไม่ทันคิดอะไรก็พุ่งร่างของตัวเองกระแทกด้านหลังของโจรอย่างแรงจนทรงตัวไม่อยู่ แผลจากรอยกระสุนก่อนหน้าซ้ำเติมร่างกายมันเพิ่มจนนอนครวญบนพื้น มือที่มันจับชนกันต์เผลอปล่อยลง ชนกันต์รีบวิ่งไปหาพ่อแม่แบบไม่คิดชีวิต ส่วนเด็กหญิงหลังจากเห็นว่ามันล้มไปบนพื้นแล้ว ก็รีบวิ่งตามน้องชายไป อีกไม่กี่ก้าวเธอกำลังก้าวไปหาอ้อมกอดของพ่อแม่
หูของเธอก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง ร่างของเธอพุ่งล้มไปข้างหน้า ชนิกานต์ไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่สติสุดท้ายดับวูบไป
นอกจากหูแว่วเหมือนได้ยินเสียงปืนที่ดังขึ้นพร้อมเพรียงอย่างกับพายุกระสุน
ในความมืด ความปวดร้าวบริเวณไหล่ขวาทำให้ร่างสูงต้องเบิกตาโพลงขึ้น ถึงแม้วันนี้จะไม่เหลือความเจ็บหลงเหลือ แต่น่าแปลกที่เธอยังจดจำความรู้สึกแรกหลังตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนในโรงพยาบาลได้ ความรู้สึกเจ็บยังตามเธอติดไม่ว่ามันจะผ่านมาเนิ่นนานขนาดไหน
นิ้วมือสากเลื่อนไปแตะบริเวณไหล่ขวา สัมผัสถึงรอยนูนจางๆ ไม่ต่างจากเส้นด้ายเส้นเล็ก เธอจำได้ว่าตัวเองร้องขอทิมให้เธอทำการรักษาแผลเป็น เจ็บอยู่หลายครั้งกว่าที่แผลเป็นมันจะลดลงเหลือเท่านี้ มันก็แค่ความคิดเด็กๆ ที่คิดว่ายามแผลเป็นหายไป ทุกความเจ็บปวดมันจะหมดสิ้นตาม แต่มันไม่ใช่แค่หัวกระสุนในวันนั้นที่พุ่งทะลุตรงไหล่จากด้านหลังมาด้านหน้า ทุกอย่างล้วนทิ้งรอยแผลไว้ภายในเสมอ บางครั้งอาจเป็นแผลเรื้อรัง ที่ตัวเธอเองขี้เกียจเยียวยารักษาแล้วก็ได้ นานไปก็แค่อยู่กับมัน ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่รู้สึกอะไรอีก
หญิงสาวแลบลิ้นใส่เงาตัวเองในกระจกหน้าต่างด้วยความไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง ทุกครั้งที่เธอชอบเปิดช่องให้ช่วงเวลาเก่าๆ เข้ามาในพื้นที่สมอง...รบกวนเวลาปัจจุบันที่ทุกอย่างมันดีอยู่แล้ว
...ก็แค่เรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่ลืม
................................
ทาดาาาา กลับมาแล้ว ปิดหน้า มีหลายเรื่องให้โดนทวงไรงี้นะคะ ฮา เอาบทนำมาแปะไว้ แล้วจากไปเงียบๆ ฝากด้วยนะคะ
ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2559, 16:42:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2559, 16:42:17 น.