รอยตราพันธนาการ
ทั้ง ๆ ที่เธอเพียบพร้อมกว่าผู้หญิงคนนั้น และที่สำคัญ เธอรักมั่นคงต่อเขามาตลอด
แต่เพราะเธอถูกกำหนดให้เป็นนางร้ายของเรื่อง ไม่ใช่นางเอกเหมือนผู้หญิงคนนั้น
เหตุผลแค่นี้ใช่มั้ย ที่ทำให้เธอไม่สมหวังในความรัก
และเพียงเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นนางเอก ก็เลยได้ Happy Ending กับพระเอกอย่างนั้นเหรอ
โลกนี้ช่างลำเอียงกับนางร้ายผู้เพียบพร้อมคนนี้เสียจริง
แต่เพราะเธอถูกกำหนดให้เป็นนางร้ายของเรื่อง ไม่ใช่นางเอกเหมือนผู้หญิงคนนั้น
เหตุผลแค่นี้ใช่มั้ย ที่ทำให้เธอไม่สมหวังในความรัก
และเพียงเพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นนางเอก ก็เลยได้ Happy Ending กับพระเอกอย่างนั้นเหรอ
โลกนี้ช่างลำเอียงกับนางร้ายผู้เพียบพร้อมคนนี้เสียจริง
Tags: รัก, แอบรัก, ดราม่า, โรแมนติค
ตอน: บทที่ 1
ลลินีปาดน้ำตาออกจากสองแก้มนวลพลางพยายามกลั้นสะอื้นอย่างยากลำบาก ครั้งสุดท้ายที่หยาดน้ำอุ่นใสนี้อาบหลั่งออกจากดวงตากลมโตของเธอ คือวันที่เธอเผชิญความเหน็บหนาวจากสภาพอากาศเลวร้ายเพียงลำพังในต่างแดนและเกิดอาการ Homesick จนต้องร้องไห้ ซึ่งมันก็เกิดขึ้นเมื่อเกือบสองปีมาแล้ว หลังจากนั้นเธอก็มุ่งมั่นทุ่มเทกับการศึกษาต่อจนสามารถคว้าปริญญาโทด้านบริหารกลับมาได้อย่างสมภาคภูมิ
ไม่คิดไม่ฝันเลยว่า วันนี้จะเป็นอีกวันที่เลวร้ายในวิถีชีวิตที่แสนสดใสราบรื่นของเธอ
ประตูห้องนอนถูกเปิดออกก่อนที่น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนหวานอันคุ้นเคยจะดังขึ้นใกล้ๆตัว โดยไม่ต้องหันไปมอง หญิงสาวที่นอนปาดน้ำตาอยู่บนเตียงก็รู้ว่าได้ทันทีว่าคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร
“ลิลลี่ของป้า อย่าร้องไห้เลยนะลูก ไม่เอานะคะไม่ร้อง” แวววรรณนั่งลงข้างเตียงพลางเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนที่กำลังสะอื้นออกมาด้วยความผิดหวังเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“พี่ปาสัญญาว่าถ้าลิลลี่เรียนจบแล้ว พี่ปาถึงจะมองลิลลี่ในฐานะอื่นนอกจากน้องสาว ตอนนี้ลิลลี่ก็เรียนจบแล้วไงคะคุณป้า แต่ทำไม...ทำไมพี่ปาผิดสัญญา พี่ปาพูดได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนรักของพี่ปา แล้วลิลลี่ล่ะ ลิลลี่จะเป็นใครสำหรับพี่ปา”
แวววรรณสงสารหญิงสาวจับใจ วันนี้เธอจัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับบ้านให้กับลลินี สาวน้อยที่เธอรักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่ง และหมายมั่นมาตลอดว่าจะได้มาเป็นสะใภ้ แต่ปารัชญ์ลูกชายคนเดียวของเธอกลับเปิดตัวคนรักซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขาของเขาเพียงไม่กี่วันก่อนหน้าที่ลลินีจะกลับมาถึง โดยไม่ฟังคำคัดค้านจากเธอผู้เป็นแม่เลยสักคำ เท่านั้นยังไม่พอ เขายังพากะรัตแก้ว ผู้หญิงที่เขาบอกว่ารักและจะแต่งงานด้วยมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงวันนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าการทำเช่นนี้จะสร้างความเจ็บปวดผิดหวังให้กับลลินีมากแค่ไหน แต่พ่อลูกชายหัวดื้อคนนี้ก็ยังทำ
“แม่เลขานั่นคงยั่วยวนหรือไม่ก็ใช้ยาเสน่ห์ทำให้พี่ปาหลงแน่ๆ ยังไงป้าก็ไม่มีวันยอมรับแม่นั่นแน่นอน คนที่จะมาเป็นสะใภ้ของป้าคือลิลลี่คนเดียวเท่านั้น”
“แต่พี่ปาไม่ได้รักลิลลี่ พี่ปารักผู้หญิงคนนั้น และจะแต่งงานกันด้วย พี่ปาไม่มองไม่พูดกับลิลลี่ด้วยซ้ำ พี่ปาใจร้าย”
“โอ๋ ๆ พี่ปาคงพูดไปอย่างนั้นล่ะลูก คนกำลังหลงผิดก็คิดก็พูดอะไรไม่เข้าท่าแบบนี้ล่ะ ลิลลี่อย่าเพิ่งถอดใจง่ายๆสิจ๊ะ หนูอย่ายอมให้แม่นั่นมาแย่งพี่ปาไปจากหนูได้นะ”
ลลินีเงียบและคิดตาม แวววรรณใจชื้นขึ้นมาเมื่อหญิงสาวหยุดร้องไห้ ถึงลลินีจะเอาแต่ใจและดื้อกับคนอื่นๆ แต่กับเธอแล้ว ลลินีเป็นเด็กน่ารักว่าง่ายมาตลอด แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เธอทั้งรักทั้งเอ็นดูจนอยากได้มาเป็นสะใภ้ใจจะขาดได้อย่างไร
“คุณป้าบอกว่าพี่ปากำลังหลงผิดอยู่เหรอคะ”
“ใช้จ้ะ ป้ารู้จักนิสัยลูกชายของป้าดี แม่กะรัตแก้วอะไรนั่นเพิ่งมาทำงานเป็นเลขาตาปราชญ์ได้ไม่ถึงเดือน ถ้าไม่ยั่วยวนอย่างหนักจนตาปราชญ์หลงผิดล่ะก็ ไม่มีทางที่ตาปราชญ์จะไปรักไปชอบได้หรอก”
การเรียกชื่อ ‘ตาปราชญ์’ แทนที่จะเป็น ‘พี่ปา’ บ่งบอกว่าแวววรรณกำลังบ่นกับตัวเองมากกว่าจะพูดเพื่อเอาใจลลินี เพราะปราชญ์ คือชื่อเล่นของปารัชญ์ที่ทุกคนเรียกกัน ยกเว้นลลินี
สาเหตุที่หญิงสาวมีชื่อเฉพาะสำหรับเรียกปารัชญ์นั้น เนื่องมาจากสมัยเด็กๆ ลลินีไม่สามารถออกเสียงคำตายหรือสระเสียงสั้นได้ชัดเจน โชคดีที่คนรอบข้างส่วนใหญ่มีชื่อที่เป็นคำเป็นและสระเสียงยาว มีแค่สองคนที่มีชื่อเรียกยากเหลือเกินสำหรับเด็กหญิงลิลลี่ตัวน้อย นั่นคือปารัชญ์ ซึ่งมีชื่อเล่นว่าปราชญ์ ส่วนอีกคนเป็นลูกพี่ลูกน้องของปารัชญ์ชื่อสรวิชญ์ มีชื่อเล่นว่าวิชญ์ ลลินีไม่สามารถออกเสียงชื่อเล่นของทั้งคู่ได้ถูกต้อง ทำได้แค่เรียกปารัชญ์ว่า พี่ปา และเรียกสรวิชญ์ ซึ่งมีอายุเท่ากันกับเธอว่า วี้ด แม้เมื่อโตขึ้น ความสามารถในการออกเสียงให้ถูกต้องของเธอจะได้รับการพัฒนาแล้ว แต่ลลินีก็ยังเรียกชื่อเล่นของทั้งคู่ในแบบฉบับของเธอเช่นเดิมด้วยความเคยชิน
“แต่พี่ปากับผู้หญิงคนนั้นดูสนิทสนมกันมาก พี่ปาคงรักผู้หญิงคนนั้นจริงๆ” หญิงสาวยังคงลังเลที่จะเชื่อตามคำบอกของแวววรรณ ปารัชญ์ไม่เคยแสดงออกว่ารังเกียจเธอก็จริง แต่เขาก็ไม่เคยมีท่าทีที่จะคิดเกินเลยกับเธอมากกว่าน้องสาวคนหนึ่งเช่นกัน มีแต่เธอเท่านั้นที่เพ้อฝันมาตลอดว่าพี่ปาอาจจะคิดกับลิลลี่แบบคนรักบ้างในสักวัน
แต่ดูเหมือนว่าวันนั้นคงจะอยู่ห่างไกลออกไปหรืออาจจะมาไม่ถึงเลยก็ได้ เมื่อปารัชญ์ประกาศชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงที่เขาคิดแบบ ‘คนรัก’ นั้นไม่ใช่เธอ
คิดมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกน้อยใจตีตื้นขึ้นมาจนน้ำตาที่เหือดแห้งไปแล้วก็เริ่มปริ่มๆอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าปารัชญ์ไม่คิดอะไรเกินเลยกับเธอ แต่ลลินีรู้ตัวมาตลอด แต่กระนั้นเธอก็ยังหวังว่าสักวันเขาจะเปลี่ยนใจ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นคู่ชีวิตของเขา มั่นใจว่าคุณสมบัติทุกอย่างของเธอเหมาะสมกับปารัชญ์โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
เธอรู้ว่าตัวเองเป็นคนสวยและมีสมอง การได้รับเลือกให้เป็นดาวมหาวิทยาลัย เป็นเชียร์ลีดเดอร์งานกีฬาประเพณี และเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมน่าจะเป็นตัววัดที่ดีตัวหนึ่งได้ ยังไม่นับรวมบรรดาชายหนุ่มลูกหลานตระกูลร่ำรวยที่มีชื่อเสียงในวงสังคมอีกมากหน้าหลายตาที่พากันเทียวไล้เทียวขื่อเธอทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ลลินีก็ไม่เคยให้ความหวังกับใคร เพราะตั้งแต่เริ่มรู้จักคำว่ารักในแบบหนุ่มสาว คนเพียงคนเดียวที่ได้หัวใจของเธอไปครองก็คือปารัชญ์
แต่ถึงอย่างนั้นปารัชญ์ก็ไม่เคยมีทีท่าว่าจะให้ความสำคัญกับเธอมากไปกว่า ‘ลูกสาวของเพื่อนแม่’ ความมั่นใจของลลินีถูกเขาสั่นคลอนจนแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง หญิงสาวพยายามมองหาข้อบกพร่องของตัวเองแก้ไขมันอยู่เสมอเพื่อให้เขาพอใจ พอแวววรรณบอกว่าเสน่ห์ปลายจวักจะช่วยมัดใจชายได้ ลลินีก็แบ่งเวลาไปเรียนทำอาหารและฝึกฝนอย่างหนักจนใครก็ตามที่ได้มีโอกาสชิมฝีมือเธอพากันยอมรับและชื่นชม ขนาดว่าไปเรียนต่างประเทศ เจ้าของร้านอาหารไทยที่นั่นยังชวนเธอไปทำงานเป็นเชฟโดยมีข้อเสนอเป็นผลตอบแทนที่หลายคนได้ฟังแล้วยากจะปฏิเสธ แต่เธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน และที่สำคัญ เธอตั้งใจเรียนทำอาหารก็เพราะจุดประสงค์เดียวคือ อยากให้ปารัชญ์ชอบอาหารฝีมือของเธอและซาบซึ้งในความรักที่เธอมีให้เขาเท่านั้น
“เชื่อป้าเถอะนะลิลลี่ พี่ปาของหนูน่ะไม่ได้รักแม่กะรัตแก้วนั่นจริงๆจังๆหรอก แค่หลงใหลไปตามประสาผู้ชายเท่านั้นล่ะ ตอนนั้นหนูยังไม่กลับมาพี่เค้าก็อาจจะเถลไถลไปหน่อย แต่ตอนนี้ลิลลี่ของป้ากลับมาแล้ว กลับมาอยู่ใกล้ๆ คอยดูแลเอาใจใส่พี่ปาเหมือนเมื่อก่อน เดี๋ยวพี่ปาก็กลับมาเป็นพี่ปาของลิลลี่เหมือนเดิมแน่นอน เชื่อป้าสิจ๊ะ”
ลลินีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันไปสบตาของคนที่ให้กำเนิดปารัชญ์มา ในที่สุดเธอก็ฝืนยิ้มให้แวววรรณก่อนจะพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
ในโลกนี้ นอกจากแม่ของเธอแล้ว แวววรรณก็คือแม่คนที่สองที่เธอรักและเคารพไม่ต่างจากแม่แท้ๆ และเพราะตั้งแต่แม่ของเธอจากไปด้วยโรคร้ายในขณะที่เธออายุเพียงสิบขวบ ส่วนพ่อก็ทำงานยุ่งตลอดเวลาจนแทบไม่มีเวลาดูแลเธอ คนที่รักและทนุถนอมเธอไม่ต่างจากลูกแท้ๆก็คือแวววรรณ เพื่อนรักของแม่คนนี้ ดังนั้น คำพูดคำสอนทุกอย่างของแวววรรณจึงโน้มน้าวให้ลลินีเชื่อถือได้อย่างง่ายดาย แวววรรณบอกอะไรเธอก็ยอมทำตามทุกอย่าง แม้ว่าในใจลึกๆแล้ว ลลินีไม่เคยมั่นใจเลยว่า การทำตามคำบอกของแวววรรณนั้นจะสามารถพิชิตใจเจ้าชายน้ำแข็งอย่างปารัชญ์ได้จริงๆ
หญิงสาวที่ปรากฏตัวตรงทางเดินมุ่งสู่ห้องทำงานของรองประธานบริษัทสร้างความตะลึงให้กับบรรดาพนักงานทั้งหนุ่มๆและสาวๆได้แทบทุกราย ด้วยรูปร่างระหงมีส่วนเว้าส่วนโค้งในตำแหน่งที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันและผู้หญิงทุกคนอิจฉา บวกกับดวงหน้าสวยหวานที่คนมองยากจะละสายตา ลลินีส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้พนักงานเหล่านั้นโดยไม่เจาะจงใครเป็นพิเศษ กระทั่งสองขาเรียวของเธอไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานซึ่งพนักงานสาวคนหนึ่งจ้องเธอไม่วางตาอยู่ก่อนหน้าแล้ว
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมาขอพบพี่ปา เอ่อ...คุณปารัชญ์ค่ะ”
ลลินีแจ้งจุดประสงค์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ยังไม่ทันที่พนักงานคนนั้นจะได้ตอบ ประตูห้องทำงานของปารัชญ์ก็ถูกเปิดออก ลลินีหันไปก็พบร่างสูงที่เธออยู่ในห้วงคำนึงของเธอตลอดเวลาก้าวออกมาด้วยท่าทีรีบเร่ง หญิงสาวยิ้มกว้างทันทีและกำลังจะเอ่ยทักทายชายหนุ่มอยู่แล้ว ทว่าเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่ก้าวตามหลังปารัชญ์มาติดๆ รอยยิ้มของเธอก็เจื่อนลงเรื่อยๆ เสียงที่จะเปล่งออกไปก็ติดอยู่ที่ลำคอซะดื้อๆ
“อ้าว! ลิลลี่ มาไงเนี่ย” ปารัชญ์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติและกล่าวทักทายหญิงสาวก่อน ขณะเดียวกันมือข้างหนึ่งก็คว้าเอาข้อมือเรียวของหญิงสาวที่เดินตามออกมานั้นมากุมไว้อย่างจงใจให้หญิงสาวอีกคนรับรู้
“พี่ปา...” ลลินีตอบไม่ถูก มัวแต่จับจ้องอยู่ที่มือของชายหนุ่มที่กุมมือผู้หญิงคนนั้นจนทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก
“พี่กำลังจะเข้าประชุม แต่คุณอาไม่ได้เข้าด้วยหรอกนะ ลิลลี่ไปหาคุณพ่อที่ห้องทำงานได้เลย พี่ขอตัวก่อนนะครับ”
เขาไม่รอฟังคำตอบด้วยซ้ำก็ฉุดเจ้าของข้อมือเรียวนั้นให้เดินตามไปอย่างรีบเร่งราวกับกลัวว่าหากเผชิญหน้ากับเธออีกนานกว่านี้สักนิด เขาจะขาดใจตายลงตรงหน้า
ลลินีมองตามทั้งคู่ด้วยแววตาเจ็บปวด มีเพียงกะรัตแก้วที่มองเหลียวหลังมาแสดงสีหน้าขอลุแก่โทษ ส่วนปารัชญ์นั้นเปิดโอกาสให้เธอมองตามแผ่นหลังเขาได้เต็มที่
พี่ปาใจร้าย!....
ลลินีทำได้เพียงส่งเสียงตะโกนอยู่ในใจด้วยความเจ็บปวด
ปารัชญ์ถอนใจด้วยความเหนื่อยหน่ายเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในห้องทำงานเขาเป็นใคร
“เย็นมากแล้ว ทำไมยังไม่กลับบ้านอีก”
การประชุมที่ยืดเยื้อและไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนทำให้ผู้บริหารหนุ่มหงุดหงิด ถึงจะรู้ว่าลลินีรอพบเขา แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะมีอารมณ์เสวนากับใครหน้าไหนทั้งนั้น
ที่สำคัญ เขาไม่อยากทำอะไรที่จะเป็นการให้ความหวังหญิงสาวตรงหน้า รู้ทั้งรู้ว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว ทำไมลลินีถึงไม่ยอมตัดใจจากเขาเสียที
“คุณป้าโทรมาบอกว่ามื้อเย็นนี้ทำแกงเลียงของโปรดของลิลลี่ไว้ด้วย ให้ลิลลี่รอกลับพร้อมพี่ปาจะได้ไปทานมื้อเย็นพร้อมกันที่บ้านค่ะ”
ปารัชญ์พยักหน้าอย่างเซ็งๆ จะโทษลลินีคนเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อแม่ของเขาเองคือตัวตั้งตัวตีเรื่องจับคู่เขากับเธอมาตลอด โชคร้ายของเขาที่ลลินีดันหัวอ่อนเชื่อฟังคำสั่งสอนของแม่เขาไปเสียทุกอย่าง เลยเชื่อฝังหัวว่าเธอต้องเป็นลูกสะใภ้ของแม่เขาแน่ๆ
ทั้งๆที่มีหนุ่มๆโพรไฟล์ดีๆทั้งนั้นมาตามจีบ แต่คนสวยเลือกได้อย่างเธอกลับไม่เคยแยแส เอาแต่คอยตามเขาต้อยๆจนเขาอึดอัด แสดงออกทางอ้อมว่าไม่คิดอะไรกับเธอก็แล้ว แสดงออกตรงๆว่าไม่มีทางรักเธอเกินกว่าน้องสาวก็แล้ว เธอก็ยังหลับหูหลับตาเชื่อคำกล่อมของแม่เขาอยู่ได้ว่าให้พยายามมากขึ้นเพื่อให้เขาใจอ่อน
เขาไม่อยากใจร้ายเลยจริงๆให้ตายสิ ช่วยอย่าบีบคั้นให้เขาต้องเป็นคนแบบนี้จะได้มั้ย
“พี่คงกลับดึก ต้องอยู่เคลียร์งานต่อ เดี๋ยวให้คนขับรถไปส่งลิลลี่ที่บ้านตอนนี้เลยก็แล้วกัน เดี๋ยวคุณแม่จะรอทานข้าวนาน”
ปารัชญ์ออกคำสั่งเสร็จสรรพโดยไม่สนใจว่าคนฟังจะมีสีหน้าอย่างไร ไม่ยอมหันไปทางลลินีด้วยซ้ำ ราวกับกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนสงสารคนที่อุตส่าห์นั่งรอตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็นเพียงเพื่อจะได้ฟังคำขับไล่อย่างสุภาพจากเขา
“งั้นลิลลี่โทรบอกคุณป้าว่าไม่ต้องรอก็ได้ค่ะ เอาไว้พี่ปาทำงานเสร็จค่อยไปหาอะไรทานพร้อมกันก็ได้”
ปารัชญ์ถึงกับกุมขมับให้กับความดื้อดึงของหญิงสาว ลลินีไม่ใช่คนโง่ เธอรู้ดีว่าเขาคิดอะไรต้องการอะไร แต่ที่เขาไม่เข้าใจก็คือทำไมเธอถึงเลือกที่จะหลับหูหลับตาแสร้งทำเป็นไม่รับไม่รู้ความหมายที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเขาอยู่ได้
“พี่ให้เลขาซื้อข้าวเย็นให้แล้ว เดี๋ยวก็คงมา พี่บอกแล้วว่างานพี่ยุ่งมาก ถ้ากลับดึกมากพี่จะค้างคอนโด ไม่กลับบ้านหรอก”
ปารัชญ์พยายามใจเย็น เขายังไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของ ‘คนที่แม่อยากได้เป็นลูกสะใภ้’ มากจนเกินไป
“แต่ว่า...”
“ลิลลี่กลับไปเถอะ อย่ารอพี่เลย เสียเวลาเปล่า”
คราวนี้เขาเอ่ยพร้อมกับมองสบตาหญิงสาวโดยไม่เมินหน้าหนีอีก อะไรบางอย่างในน้ำเสียงและแววตาทำให้ลลินีรับรู้ได้ว่า เขาไม่ได้หมายความถึงแค่เรื่องให้เธอกลับบ้านก่อนเท่านั้น
หัวใจที่เจ็บแปลบเพราะถูกคนที่เธอรักปฏิเสธเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนรู้สึกเหมือนจะหยุดเต้นเมื่อแปลความหมายของประโยคนั้นได้เป็นอย่างดี แค่เธอจะขอรอต่อไป เขาก็ยังไม่อนุญาต
“อาหารมาแล้วค่ะ”
เสียงหวานใสของกะรัตแก้วดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะมาถึง ปารัชญ์ละสายตาจากใบหน้าเศร้าของหญิงสาวตรงหน้า และหันไปส่งยิ้มกว้างให้กับคนที่เพิ่งเข้ามาในห้อง
“หายไปนาน ผมเป็นห่วงนึกว่าหลงซะแล้ว” ปารัชญ์สัพยอกอย่างคนคุ้นเคย แต่กะรัตแก้วหน้าเสียไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องนี้กับปารัชญ์ก่อนแล้ว
“ขอโทษค่ะ แก้วไม่ทราบว่าคุณลิลลี่อยู่ด้วย งั้นแก้วขอตัวก่อนนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกแก้ว ลิลลี่แวะมาทักทายผมแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับแล้ว ถ้าคุณจะไปไหนล่ะก็ ผมว่าไปเตรียมอาหารให้ผมดีกว่า เราต้องเติมพลังให้เต็มที่ก่อนสมองถึงจะมีแรงคิดงานออกนะครับ”
กะรัตแก้วรับคำพร้อมรอยยิ้มหวานก่อนจะหันมาทางลลินีเป็นเชิงขอตัวและเดินเลี่ยงออกไปยังห้องแพนทรีที่อยู่ด้านข้าง
“ทำไมพี่ปาถึงทำกับลิลลี่แบบนี้” ลลินีสุดจะทน ความเจ็บปวดน้อยใจทำให้สติใตร่ตรองเหตุผลของเธอลดลง แต่อารมณ์กำลังเป็นใหญ่จนกล้าที่จะขึ้นเสียงกับเขา
“พี่ทำอะไร” ปารัชญ์รู้ว่าเธอหมายความอย่างไร แต่เขาไม่เห็นเหตุที่จะต้องอธิบายอะไรให้เธอฟัง เพราะลลินีเข้าใจความหมายของการกระทำของเขาดีอยู่แล้ว แต่เธอเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เอง
“พี่ปาเคยสัญญาว่าลิลลี่เรียนจบเมื่อไหร่ พี่ปาจะให้โอกาสลิลลี่ แต่พี่ปาผิดคำสัญญา”
“พี่บอกว่าถ้าพี่ยังไม่มีใคร พี่อาจจะเปิดใจให้ลิลลี่ต่างหาก แต่ลิลลี่ก็เห็นแล้วนี่ว่าตอนนี้พี่มีคนรักแล้ว เพราะฉะนั้นพี่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดสัญญาเลย”
“แต่พี่ปาไม่รอ...”
“พี่ไม่ได้สัญญาว่าจะรอ และพี่ก็ไม่ขอให้ลิลลี่รอพี่ด้วย”
“พี่ปา!”
น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้อย่างยากยิ่งพากันทะลักออกมาทันทีที่ได้ยินคำพูดทำร้ายจิตใจ แต่ใช่ว่าลลินีจะเจ็บคนเดียว ปารัชญ์เองก็ปวดใจไม่น้อยไปกว่าเธอเหมือนกัน ชายหนุ่มเมินหน้าหนี ได้แต่บอกตัวเองให้ใจแข็งเข้าไว้ อย่าให้น้ำตาผู้หญิงมีอิทธิพลเหนือความต้องการของเขาได้
บางที...ถ้าลลินีเจ็บปวดจากความผิดหวังมากๆเข้า เธออาจจะตัดใจจากเขาได้เสียที
“ลิลลี่ไม่ดีตรงไหน มีอะไรที่สู้เลขาของพี่ปาไม่ได้อย่างนั้นเหรอคะ พี่ปาถึงได้รังเกียจลิลลี่นัก คุณป้าบอกว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังหลอกพี่ปา เธอไม่ได้รักพี่ปาจริงๆแต่รักที่ฐานะของพี่ปาต่างหาก คนแบบนี้น่ะเหรอคะคือคนที่พี่ปาพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเป็นคนรัก”
“อย่าพูดจาดูถูกคนอื่นอย่างนี้นะลิลลี่ ไม่น่ารักเลย กะรัตแก้วไม่สนใจฐานะเงินทองของพี่หรอก เธอจริงใจกับพี่ และพี่ก็รักเธอเพราะเธอเป็นคนดี”
“แปลว่าลิลลี่เป็นคนไม่ดีอย่างนั้นเหรอคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ปารัชญ์รู้สึกว่ายิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“งั้นทำไมไม่รักลิลลี่ ลิลลี่บกพร่องตรงไหน พี่ปาบอกมาสิคะ ลิลลี่จะปรับปรุงตัวเอง ลิลลี่ทำได้ทุกอย่างถ้าพี่ปาต้องการ”
ปารัชญ์อยากเอาหัวเขกโต๊ะให้ตัวเองสลบสักสามวันสามคืนเสียจริง ทำไมลลินีชอบบังคับให้เขาต้องพูดจาทำร้ายจิตใจเธออยู่เรื่อยนะ
“ลิลลี่ดีทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่พี่จะตำหนิลิลลี่ได้เลย ลิลลี่ทั้งสวยทั้งเรียนเก่งทั้ง...”
“แต่พี่ปาก็ไม่รัก”
ปารัชญ์เลี่ยงที่จะสบตาหญิงสาว เขาไม่อยากเห็นสีหน้าเจ็บปวดของเธอยามเมื่อเขาจำต้องเอ่ยถ้อยคำทำร้ายเธออีกครั้ง
“ใช่...พี่ไม่รักลิลลี่”
หลังจากเดินน้ำตาอาบแก้มกลับออกไปจากห้องทำงานของเขาในวันนั้น ปารัชญ์ก็ไม่ได้เจอลลินีอีกเลย แต่คำตำหนิจากคนเป็นแม่โทษฐานที่ลูกชายคนนี้ทำให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของท่านต้องร้องไห้ตาบวมกลับเข้าหูชายหนุ่มไม่เว้นแต่ละวัน
“น้องป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล เรายังจะมีหน้าพาแม่เลขานั่นไปเที่ยวสบายใจอยู่ได้ ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน ยังไงวันนี้ปราชญ์ก็ต้องไปเยี่ยมน้องให้ได้นะ ไม่งั้นแม่ไม่ยอมจริงๆด้วย”
แวววรรณสั่งเสียงเข้ม ส่วนคนได้รับคำสั่งนั้นมีสีหน้าตกใจไม่น้อยกับข้อมูลที่ได้รู้ ปารัชญ์เข้าใจว่าที่ลลินีหายหน้าไปก็เพราะกำลังเสียใจกับเรื่องของเขาอยู่ แต่ไม่คิดว่าเธอจะอาการหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล
เป็นห่วงก็เป็นห่วงอยู่หรอก แต่ขอแก้ไขความเข้าใจผิดๆของแม่ก่อนก็แล้วกัน
“ไปเที่ยวเล่นอะไรกันครับคุณแม่ ผมไปทำงานครับ”
“ทำงานอะไรกัน วันหยุดแท้ๆ นี่คิดจะหาข้ออ้างไม่ไปเยี่ยมน้องใช่มั้ย”
“ก็ขนาดวันหยุดแท้ๆผมยังต้องทำงานเลย คุณแม่ช่วยเห็นใจกรรมกรสามัญประจำบ้านคนนี้หน่อยเถอะ งานผมยุ่งจนหัวหมุน เวลาจะนั่งพักหายใจยังไม่ค่อยจะมี ยังจะมาบังคับให้ผมไปเยี่ยมเด็กหัวดื้อเอาแต่ใจคนนั้นอยู่ได้”
คุณแม่ของกรรมกรหนุ่มหล่อค้อนขวับให้ลูกชายทันที
“อย่ามาประชดแม่นะปารัชญ์ ที่ลิลลี่ไม่สบายจนต้องนอนโรงพยาบาลก็เพราะเรานั่นแหละ”
คนไม่ได้ตั้งใจจะประชดถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แม้ใจจริงจะรู้สึกเป็นห่วงคนที่ป่วยทั้งทางกายและทางใจอย่างลลินี และอยากไปเยี่ยมดูอาการของเธอก็ตาม แต่เขาก็อดที่จะหงุดหงิดกับความเจ้ากี้เจ้าการและลำเอียงรักลูกสาวคนอื่นมากกว่าลูกชายแท้ๆของตัวเองของแม่ไม่ได้
“เพราะลูกสาวสุดที่รักของคุณแม่เอาแต่ดื้อไม่ยอมทานข้าวต่างหากครับ ถึงได้ป่วยหนัก"
"ไม่รู้ล่ะ ยังไงปราชญ์ก็ต้องไปดูน้องด้วย ไม่งั้นแม่ไม่ยอมจริงๆ"
พอเอาชนะด้วยเหตุผลไม่ได้ แวววรรณก็อาศัยอำนาจของความเป็นแม่เข้าสู้ ลูกชายคิดว่าเก็บสมองไว้ปวดหัวกับเรื่องงานอย่างเดียวดีกว่า ไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับแม่ให้สูญเวลาและพลังงานเปล่าๆ เลยยอมแพ้ตกปากรับคำตามความประสงค์ของนายหญิงของบ้านแต่โดยดี
ลลินียิ้มกว้างนัยน์ตาฉายแววแห่งความสุขอยู่ได้ไม่ถึงห้าวินาที ความเจ็บปวดก็หลั่งทะลักเข้ามาแทนที่จนซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกายเมื่อเห็นว่านอกจากร่างสูงที่ตราตรึงในหัวใจของเธอมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ข้างกายของเขายังมีใครอีกคนที่เธอไม่ต้องการ
“คุณแม่ให้พี่มาเยี่ยม เห็นว่าโรคกระเพาะกำเริบ ยังไงก็หายไวๆนะ อ้อ...นี่ดอกไม้ ชอบมั้ย แก้วเป็นคนเตรียมมาฝากลิลลี่ด้วยตัวเองเลยนะ” ปารัชญ์รีบเอ่ยคำพูดที่ท่องเตรียมมาเป็นอย่างดีโดยแทบไม่มองหน้าคนถูกเยี่ยมด้วยซ้ำ แต่สายตากลับเอาแต่จับจ้องที่ช่อลิลลี่สีขาวสะอาดตาที่กะรัตแก้วยื่นให้คนป่วยแทน
“พี่ปาใจร้าย!”
ลลินีปัดช่อดอกไม้จากมือของกะรัตแก้วด้วยท่าทีรังเกียจ ก่อนจะส่งสายตาตัดพ้อไปให้คนใจร้ายที่ยืนนิ่งมองเธอด้วยสายตาเย็นชา
กะรัตแก้วหน้าเสียทำอะไรไม่ถูก เธอไม่คาดหวังว่าลลินีจะยินดีที่ได้เจอเธออยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะต้อนรับด้วยท่าทีเช่นนี้
“การที่พี่ยกเลิกงานเพื่อมาเยี่ยมลิลลี่นี่ถือว่าพี่ใจร้ายอย่างนั้นเหรอ แล้วที่ลิลลี่ทำกิริยาไม่น่ารักกับแก้วเมื่อกี้ล่ะ ไม่ใจร้ายกว่าพี่หรือไง แก้วเขาอุตส่าห์เอามาให้เพราะอยากให้ลิลลี่มีกำลังใจ หายป่วยเร็วๆ แต่พอลิลลี่ไม่ชอบก็ปัดมันทิ้งดื้อๆ ไม่คิดว่าคนมาเยี่ยมเขาจะเสียน้ำใจบ้างเลย เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล คนอื่นจะต้องทำตามความต้องการของตัวเองอยู่ร่ำไป เอาแต่ใจไม่รู้จักโต”
ปารัชญ์กล่าวอย่างเหลืออด
“กรี๊ดดด! พี่ปาบ้า พี่ปาใจร้าย ลิลลี่เกลียดพี่ปา ไม่รักพี่ปาแล้ว”
กะรัตแก้วเกรงว่าแทนที่คนป่วยจะหาย กลับจะทรุดหนักกว่าเดิมหากปารัชญ์ยังพูดทุกอย่างที่อยากจะพูดไม่หยุดอีก
“คุณปราชญ์คะ คุณลิลลี่ไม่สบายอยู่นะคะ” เลขาคู่ใจของปารัชญ์เอ่ยเตือนสติ เธอไม่ได้โกรธลลินีหรอก ออกจะสงสารด้วยซ้ำที่ถูกปารัชญ์ทำร้ายจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า
ปารัชญ์เห็นน้ำตาของคนที่บอกว่าไม่รักเขาแล้วก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ เขาไม่ได้อยากจะทำอย่างนี้ ไม่ได้อยากเห็นเธอเสียใจในเวลาที่ร่างกายอ่อนแอ เขาก็อยากดูแล อยากเห็นเธอมีรอยยิ้มสดใสเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าทำอย่างนั้น ลลินีก็จะตัดใจจากเขาไม่ได้เสียที
ชายหนุ่มกดปุ่มเรียกพยาบาล ก่อนจะบังคับตัวเองให้กล่าวลาคนป่วยด้วยสีหน้าเย็นชา
“พี่เป็นห่วงเรานะลิลลี่ แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งทะเลาะกัน พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า ไปครับแก้ว”
พูดจบก็คว้ามือกะรัตแก้วเดินหันหลังให้คนที่นั่งน้ำตาไหลอยู่บนเตียงทันทีอย่างไม่แยแส ลลินีอยากจะอ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ แต่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะทำ
เมื่อก่อนปารัชญ์คือคนที่อยู่เคียงข้าง คอยปกป้องเธอทุกครั้งที่มีปัญหา
แต่ตอนนี้ เขาถึงกับต่อว่าเธอเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เป็นคนรักของเขา
ถ้าไม่มีกะรัตแก้ว ปารัชญ์คงรักเธอ และชีวิตที่สมบูรณ์แบบของเธอคงไม่มีเหตุการณ์อย่างวันนี้เป็นรอยตำหนิเล็กๆในความสมบูรณ์แบบนั้น
ถึงเขาจะใจร้ายกับเธอ แต่ลลินียังเชื่อเสมอว่าปารัชญ์ไม่ได้เกลียดเธอ เขาแค่กำลังหลงกะรัตแก้ว หญิงสาวที่ดูซื่อๆแต่อาจจะซ่อนพิษสงร้ายกาจไว้ข้างในก็ได้คนนั้น
ลลินีบอกตัวเองให้อดทน อย่ายอมแพ้ เพราะความรักที่เธอมีให้ปารัชญ์มันมากเกินกว่าความใจร้ายของเขาจะทำลายมันหมดสิ้นได้
“มาเป็นผู้ช่วย? ผมมีคุณดนัยเป็นผู้ช่วยอยู่แล้วครับคุณแม่”
“ก็ให้ลิลลี่ไปช่วยอีกคนไง วันก่อนบ่นว่างานหนักไม่ใช่เหรอ ให้น้องไปช่วยนั่นล่ะดีแล้ว”
ปารัชญ์อยากจะบ้าตายกับความพยายามของผู้ให้กำเนิด ทั้งๆที่เขาพยายามเลี่ยงไม่พบเจอลลินี แต่แม่กลับพยายามหาทางส่งเธอมาอยู่ใกล้เขาอย่างไม่ย่อท้อ ทั้งๆที่ชนินทร์ พ่อของลลินีซึ่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งของบริษัทก็ทำงานในตำแหน่งผู้บริหารคนหนึ่ง แทนที่จะให้ลูกสาวไปช่วยพ่อ กลับจะให้มาช่วยเขา
เด็กประถมยังมองออกเลยว่าแม่ของเขาคิดจะทำอะไร
“คุณแม่ครับ ผมรู้ว่าคุณแม่กำลังจะทำอะไร แต่ได้โปรดฟังผมหน่อยเถอะ ผมมีคนรักแล้ว ส่วนลิลลี่น่ะผมคิดกับเธอแค่น้องสาวคนหนึ่ง คุณแม่อย่าทำให้ผมต้องลำบากใจไปกว่านี้เลยนะครับ ผมขอร้องล่ะ”
“แม่เลขาหน้าจืดนั่นน่ะเหรอที่ปราชญ์บอกว่าเป็นคนรัก แม่ถามจริงๆเถอะ ปราชญ์คิดอะไรอยู่ถึงได้ไปคว้าเอาผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนั้นมาควง แต่มองข้ามผู้หญิงดีๆที่ทั้งสวยทั้งเก่งอย่างลิลลี่ไปน่ะ”
“กะรัตแก้วอาจจะจน แต่เธอเป็นคนดีครับ ถ้าคุณแม่เปิดใจให้เธอบ้างจะเห็นว่าเธอน่ารักมาก ผมไม่เถียงครับว่าลิลลี่เป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม แต่ผมไม่ได้ต้องการความเพียบพร้อม ผมแค่ต้องการความรัก”
“ทั้งๆที่น้องแสดงออกชัดเจนมาตลอดขนาดนั้น ปราชญ์ไม่เชื่อว่าน้องจะรักปราชญ์จริงๆหรอกหรือ”
“ผม...”
ปารัชญ์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกย้อนเข้าให้
“อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ ยังคุยกับแม่ไม่จบเลย เรื่องให้ลิลลี่ไปช่วยงานตกลงใช่มั้ย ตาปราชญ์..ตาปราชญ์”
ปารัชญ์เดินเลี่ยงออกมาโดยไม่สนใจเสียงประท้วงจากแวววรรณ เพราะตอนนี้เขาอยากใช้เวลาครุ่นคิดหาคำตอบของบางสิ่งบางอย่างที่ติดค้างในความรู้สึกมาได้สักพักใหญ่ๆแล้วให้มันชัดเจนเสียที
เขาไม่ค่อยมั่นใจว่าความรักที่ลลินีมีให้เขานั้นจะเป็นความรักแบบชายหญิง การที่ถูกผู้ใหญ่ปลูกฝังให้เชื่อว่าโตขึ้นจะได้แต่งงานกับเขาอาจจะทำให้ลลินีเชื่อว่าตัวเธอเองรักเขา ทั้งๆที่ความจริงแล้วความรักที่เธอมีให้เขาอาจจะเป็นความรักแบบน้องสาวกับพี่ชายก็ได้ ปารัชญ์ยอมๆปล่อยให้ลลินีแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของในตัวเขาได้ตามใจเธอ เพราะคิดมาตลอดว่าลลินีก็เหมือนน้องสาวจอมเอาแต่ใจที่ขี้หวงพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้นเอง เขาเชื่อว่าเมื่อเธอได้ออกไปพบเจอโลกกว้าง ไปรู้จักผู้คนใหม่ๆในสถานที่ใหม่ๆ ถึงตอนนั้นลลินีก็คงล้มเลิกความเชื่อฝังหัวว่าเธอรักเขาไปเอง
อีกอย่าง มีเรื่องบางเรื่องที่ทำให้เขากังวลใจและพาลเกิดความรู้สึกแคลงใจในความจริงใจของลลินี
ชนินทร์ พ่อของลลินีซึ่งเป็นผู้บริหารคนหนึ่งในบริษัทเขากำลังมีพฤติกรรมน่าสงสัย เดิมทีชนินทร์ถือหุ้นในบริษัทเป็นอันดับสามรองจากพ่อและธงรบน้าเขยของเขา แต่จู่ๆชนินทร์ก็ขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นคนอื่นและลดบทบาทตัวเองลง แต่นั่นคงไม่ทำให้ปารัชญ์กังวลใจมากนักหรอก หากว่าเขาจะไม่บังเอิญได้เห็นการพบปะกันระหว่างชนินทร์กับผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของบริษัทคู่แข่ง
ระยะหลังมานี้ ชนินทร์แทบจะไม่เข้าร่วมประชุมผู้บริหารและปล่อยงานในภาระรับผิดชอบให้ผู้ช่วยจัดการแทบทุกอย่าง แต่กลับสนใจติดตามความคืบหน้าของโปรเจ็คประมูลงานก่อสร้างห้างสรรพสินค้าซึ่งมีมูลค่าสูงเป็นพันล้านของบริษัทยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของประเทศ ทั้งๆที่ชนินทร์ไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆในโปรเจ็คนี้ด้วยซ้ำ
เขารู้ว่าไม่ควรคิดระแวงจนเกินเหตุ แต่ในวงการธุรกิจ ขนาดสายเลือดเดียวกันยังหักหลังกันได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจประมาทในตัวชนินทร์ได้ จึงให้คนเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของชนินทร์อยู่เงียบๆ และรายงานที่ได้รับก็ทำให้ความไว้ใจของเขาที่มีต่อชนินทร์อยู่ในระดับติดลบ เขาสงสัยว่าชนินทร์แอบเอาความลับของบริษัทไปขายให้กับคู่แข่งแต่ก็พยานหลักฐานที่ชัดเจนไม่ได้ ตอนนี้จึงทำให้แค่พยายามป้องกันข้อมูลสำคัญๆไม่ให้รั่วไปถึงมือชนินทร์ได้ไปก่อน
และเพราะรู้ว่าคนเป็นพ่อไม่ซื่อสัตย์กับครอบครัวเขาแล้ว ปารัชญ์เลยอดไม่ได้ที่จะระแวงไปถึงลูกสาวด้วย ชนินทร์รู้ว่าแม่เขารักและเอ็นดูลลินีไม่ต่างจากลูกในไส้ตัวเอง จึงอาจอาศัยหญิงสาวเป็นตัวช่วยในการล้วงความลับของบริษัทอีกทางด้วยการส่งตัวลลินีมาเป็นผู้ช่วยเขา
ลลินีจะรักเขาจริงๆน่ะหรือ? ในเมื่อเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่คิดอะไรกับเธอ และผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างเธอก็มีผู้ชายที่ดีเด่นไม่แพ้เขาเสนอตัวให้เธอเลือกตั้งมากมาย
มันอดไม่ได้จริงๆที่จะระแวงว่าความพยายามพิชิตใจของลลินีในครั้งนี้ มีสาเหตุมาจากผลประโยชน์ด้านธุรกิจมากกว่าจะมาจากความรักที่บริสุทธิ์ใจที่เธอมีให้เขาจริงๆ
ปารัชญ์ตัดสินใจยอมตามความต้องการของแวววรรณ ดนัยถึงกับยิ้มไม่หุบเมื่อเจ้านายแนะนำเพื่อนร่วมงานน้องใหม่ให้เขาช่วยสอนงาน ส่วนปวีณาเลขาอีกคนของปารัชญ์ก็ตื่นเต้นดีใจและให้การต้อนรับลลินีเป็นอย่างดี และตัวลลินีเองก็ยินดีร่วมงานกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนนี้ด้วยความจริงใจ ยกเว้นเพียงกะรัตแก้วเท่านั้นที่หญิงสาวไม่คิดจะญาติดีด้วย
ข้อมูลด้านลบที่ลลินีได้ฟังจากปวีณาทำให้หญิงสาวยิ่งเพิ่มความไม่พอใจในตัวกะรัตแก้วมากเป็นเท่าตัว และตั้งปณิธานไว้ว่าไม่ว่าใครจะมองว่าเธอร้ายกาจยังไงก็ตาม เธอก็จะต้องกีดกันกะรัตแก้วออกจากชีวิตของปารัชญ์ให้ได้
ปวีณาซึ่งทำหน้าที่เลขาของปารัชญ์มาเกือบสองปี เล่าให้ลลินีฟังว่า กะรัตแก้วเพิ่งมาทำงานในตำแหน่งพนักงานเดินเอกสารได้ไม่นานก็โชคหล่นทับครั้งใหญ่กลายเป็นซินเดอเรลลาชั่วข้ามวัน ความโชคดีนี้เกิดมาจากกะรัตแก้วมีโอกาสได้แสดงน้ำใจด้วยการยอมเจ็บตัวเพื่อป้องกันไม่ให้ปารัชญ์โดนรถเฉี่ยว อุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้กะรัตแก้วต้องพักรักษาตัวอยู่ทีโรงพยาบาลเกือบเดือน และได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากปารัชญ์ จากพนักงานระดับล่างสุด กะรัตแก้วกลายมาเป็นผู้หญิงคนสำคัญของผู้บริหารระดับสูงหนุ่มหล่อโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อน และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากพนักงานเดินเอกสารที่กินเงินเดือนไม่กี่บาท ขึ้นมาเป็นเลขาส่วนตัวของปารัชญ์ซึ่งนอกจากเงินเดือนในตำแหน่งจะสูงมากแล้ว ยังอาจมีเงินพิเศษที่เจ้านายสุดหล่อแถมให้ในฐานะคู่ควงคนใหม่ด้วยก็ได้
“เมื่อก่อนก็แต่งตัวเชยๆ ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆค่ะ แต่พอได้เลื่อนขั้นเป็นเลขาพิเศษของคุณปราชญ์เท่านั้นล่ะ เสื้อผ้าหน้าผมนางจัดเต็มทุกวันค่ะ นี่หนูนาก็ได้ยินนางบ่นๆกับคุณปราชญ์ว่าที่อยู่คับแคบแถมไกล ถ้าได้อยู่คอนโดในตัวเมืองคงจะเดินทางสะดวกกว่านี้ โอ้ย...หนูนาฟังแล้วหมั่นไส้ คบกับคุณปราชญ์ได้ไม่กี่วัน นางโกยเงินไปมากกว่าเงินเดือนของหนูนาทั้งปีอีกค่ะ”
ปวีณาแสดงสีหน้าท่าทางประกอบการเล่าจนคนฟังเห็นภาพตาม ลลินีซึ่งไม่ชอบกะรัตแก้วอยู่แล้วเลยยิ่งเพิ่มระดับความรังเกียจพฤติกรรมของผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก
ปารัชญ์เป็นคนดี ใจอ่อน ขี้สงสาร คงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมมารยาของกะรัตแก้วแน่ๆ ถึงได้หลงใหลจนยอมทุ่มเงินให้ไม่อั้นขนาดนั้น
“แล้วมาทำงานนะคะ หนูนาก็ไม่เห็นว่านางจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ โต๊ะนางอยู่ตรงนี้” ปวีณาปรายตาไปทางด้านซ้ายตรงตำแหน่งที่มีโต๊ะทำงานอีกตัวตั้งอยู่ “แต่นางไม่ค่อยนั่งโต๊ะหรอกค่ะ ถ้าไม่เข้าไปขลุกอยู่ในห้องกับคุณปราชญ์ ก็ออกไปข้างนอก ไม่รู้ว่าไปไหน แต่ก็นั่นล่ะค่ะ หนูนาจะไปว่าอะไรได้ ก็นางเป็นผู้หญิงของคุณปราชญ์นี่นา หนูนาก็คงได้แต่นั่งทำงานงกๆไปตามหน้าที่ต่อไปเท่านั้นล่ะค่ะ”
“ไม่ยุติธรรมเลย ถึงพี่ปราชญ์จะยกย่องให้เป็นแฟน แต่ถ้าเขายังกินเงินเดือนของบริษัท ก็ต้องทำงานด้วยสิ ปล่อยให้คุณหนูนาทำหน้าที่เลขาอยู่คนเดียวได้ยังไงคะ”
ปวีณาซาบซึ้งจนน้ำตาคลอที่มีคนเข้าใจความรู้สึก
“เดี๋ยวลิลลี่จะพูดเรื่องนี้กับพี่ปาเองค่ะ คุณหนูนาถูกเอาเปรียบมามากพอแล้ว ถ้าผู้หญิงคนนั้นคิดจะเป็นเลขาต่อไปก็ต้องทำงาน แต่ถ้าไม่ทำ ลิลลี่ก็จะไม่ยอมให้บริษัทเสียเงินจ้างคนที่ไร้คุณค่าต่อองค์กรอย่างนี้อีกแน่นอนค่ะ”
ท่าทางมุ่งมั่นจริงจังของผู้ช่วยคนใหม่ สร้างขวัญและกำลังใจในการทำงานให้กับเลขาผู้รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมได้ไม่น้อยทีเดียว
สิริเลขา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ค. 2559, 15:33:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ค. 2559, 15:33:17 น.
จำนวนการเข้าชม : 765
เดิมเดิม 4 ก.ค. 2559, 16:34:34 น.
น่าติดตามค่ะ ลิลลี่จะทำให้พี่ปารักได้ยังไง
น่าติดตามค่ะ ลิลลี่จะทำให้พี่ปารักได้ยังไง